Alchemy Emperor of the Divine Dao 944

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 944 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเทียบกับจอมยุทธระดับภูผาวารีแล้ว ความเร็วของหลิงฮันช้ากว่าพวกเขามาก โดยเฉพาะสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่เป็นอัจฉริยะ ความเร็วของนางไวกว่าหลิงฮันสิบเท่า

เพียงแต่ว่าในคลื่นน้ำตกนี้ ความรุนแรงของมันจะขึ้นอยู่กับพลังบ่มเพาะของจอมยุทธแต่ละคน ในขณะที่หลิงฮันไม่รู้สึกกดดันอะไรแม้แต่น้อย สุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาสีหน้าเคร่งเครียดและความเร็วของนางก็ค่อยๆช้าลง

“ให้ข้าจัดการเองดีกว่า!” หลิงฮันเป็นฝ่ายนำอีกครั้ง

สิ่งที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ต้องทำคือใช้ปราณก่อเกิดคุ้มกันตนเองเพื่อลดแรงกดดัน

ความเร็วของหลิงฮันไม่ได้ว่องไว เขาค่อยๆก้าวเดินอย่างใจเย็นและมั่นคง แต่เมื่อกับสุ่ยเยี่ยนยวี่เขาก็ยังคงไวกว่า

ในสายตาของเขา แรงกดดันจากคลื่นน้ำนี้สมควรจะเป็นของระดับทลายมิติสิบหกดาว ดังนั้นต่อให้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติยี่สิบดาวก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะเมินเฉยมันได้อย่างสมบูรณ์

แรงกดดันของคลื่นน้ำนั้นแตกต่างออกไปตามระดับพลังบ่มเพาะ ยิ่งใครมีพลังบ่มเพาะที่สูงแรงกดดันที่ได้รับก็ยิ่งรุนแรง

แต่หลิงฮันที่มีพลังต่อติดตัวยี่สิบดาวทั้งๆที่ยังไม่ใช้ทักษะใดๆและมีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งนั้นเรียกได้ว่าไร้พ่ายในหมู่จอมยุทธระดับทลายมิติ

เขาควรจะขัดขวางจอมยุทธคนอื่นดีหรือไม่?

ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวหลิงฮันก่อนที่จะล้มเลิกความคิดนี้ไป

เหตุผลที่มีการตายเกิดขึ้นมากมายในเขตแดนลี้ลับเป็นเพราะที่นั่นไม่มีพยานรู้เห็นและไม่มีหลักฐาน แต่ที่นี่ไม่เหมือนกันเพราะมีพยานรู้เห็นมากเกินไป

ยิ่งกว่านั้นแม้เขาจะลอบโจมตีก็ใช่ว่าจะทำได้สำเร็จ เหล่าคนที่คิดจะเข้าเขตแดนลี้ลับนั้นใครบ้างจะไม่นำสมบัติที่ช่วยรักษาชีวิตติดตัวมาด้วย?

หลิงฮันส่ายหัวและพาสุ่ยเยี่ยนยวี่เดินหน้าต่อ

หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็มาถึงด้านล่างของน้ำตก ที่นั่นมีประตูขนาดใหญ่อยู่

มันคือประตูหินที่มีขนาดสูงหลายร้อยฟุตและมีภาพของสัตว์อสูรมากมายถูกสลักเอาไว้ สัตว์อสูรแทบจะทั้งหมดเป็นสิ่งมีชีวิตที่หลิงฮันไม่รู้จัก แต่เขาสามารถสัมผัสได้ราวกับว่าสัตว์อสูรพวกนั้นมีชีวิตและปลดปล่อยแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา

หลิงฮันรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย ระหว่างทางที่ลงมานี้เขาไม่พบเห็นแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์เลย

เมื่อทั้งสองเข้าข้ามผ่านประตูไปก็รู้สึกราวกับถูกพลังบางอย่างดูดและบดขยี้พวกเขาเป็นเสี่ยงๆ เขาสองจับมือกันแน่นราวกับว่าไม่ต้องการแยกจากกัน

‘ตุบ’ ทั้งสองคนตกลงสู่พื้นดินพร้อมกัน

สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนไปโดยไม่มีร่องรอยของคลื่นน้ำเมื่อครู่แม้แต่น้อย

“ยังไม่ปล่อยอีก?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถลึงตาใส่หลิงฮัน

เขาปล่อยมือและยิ้ม “พวกเราควรมุ่งหน้าไปทางไหนดี?”

สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ได้เพิ่งเข้ามาที่เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์เป็นครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สอง

“หลังจากเข้ามาที่นี่แล้ว ทุกคนจะถูกสุ่มแยกให้อยู่คนละตำแหน่งรอบๆเขตแดนลี้ลับ ยิ่งได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีเท่าไหร่ โอกาสที่จะหาผลึกภูผาวารีเจอก็ยิ่งมากขึ้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว

“นอกจากนั้นก็มีแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วย!” หลิงฮันยังไม่ลืมเรื่องนี้

ถึงแม้แร่ที่ว่าจะไม่ใช่แร่ระดับนิรันดร์ แต่การที่มันสามารถต้านทานอำนาจกัดกร่อนของมหาสมุทรสวรรค์ได้ก็หมายถึงมันเป็นแร่โลหะที่อยู่เหนือโลกใบนี้ อย่างน้อยมันต้องเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบสาม!

สำหรับเรื่องนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่ทำได้เพียงส่ายหัว ก่อนหน้านี้แร่โลหะระดับนั้นไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าจะหามันได้อย่างไร

“ถ้ามันร่วงลงมาแบบสุ่มตำแหน่ง บางทีมันอาจจะไปตกอยู่ที่เส้นขอบของเขตแดนลี้ลับก็ได้ พวกเราไม่มีเวลามากพอที่จะเดินไปไกลถึงขนาดนั้น แม้แต่คนอื่นๆก็คงไม่มีทางไปเก็บมันมาได้” นางกล่าว

หลิงฮันถอนหายใจ เขาทำได้เพียงแค่หวังว่าแร่โลหะที่ว่าจะสุ่มตกลงมาที่ตำแหน่งกลางๆแทน

เขามองดูสภาพแวดล้อมรอบๆซึ่งแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก

บริเวณรอบๆเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม

มันเป็นพื้นที่ราบเรียบแต่ก็มีเนินเขาให้เป็นย่อมๆ นอกจากนั้นก็มีทั้งโขดหินสีแดงประดับอยู่ตามพื้นและมีเมฆสีแดงลอยอยู่กลางท้องฟ้า

“โฮกกก!” ในระยะห่างที่ไกลออกไปมีเสียงสัตว์อสูรคำรามดังขึ้นพร้อมกับพื้นดินที่สั่นสะเทือน

เขตแดนลี้ลับไม่ใช่ดินแดนที่ไร้สิ่งมีชีวิต ที่นี่มีอันตรายมากมายที่จะเกิดขึ้นโดยสัตว์อสูร พวกมันส่วนใหญ่มีพลังระดับภูผาวารีขั้นต้น แต่ก็มีบางตัวที่เป็นขั้นกลางหรือขั้นสูง

เมื่อพบเจอกับสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูง แม้แต่อัจฉริยะสี่ดาวก็ต้องล่าถอย

“โชคดีที่สัตว์อสูรตัวนั้นมีพลังระดับภูผาวารีขั้นต้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่แสดงท่าทีโล่งอกก่อนจะกล่าว “ข้าสู้ไหว”

“ที่ไหนมีสัตว์อสูร ที่นั่นย่อมมีผลึกภูผาวารี” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวต่อ

หลิงฮันถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “ทำไมสัตว์อสูรพวกนั้นไม่ดูดซับผลึกภูผาวารีล่ะ?”

“พวกมันคงไม่สามารถดูดซับพลังที่ว่าได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่คาดเดา หากไม่ใช่เช่นนี้ก็คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว ไม่เช่นนั้นวันเวลาที่ผ่านมาหลายปีผลึกภูผาวารีเหล่านั้นก็คงถูกสัตว์อสูรดูดซับจนไม่เหลือ

หลิงฮันพยักหน้า ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นสูงสุดแล้ว สิ่งที่เขาต้องการก็คือผลึกภูผาวารีที่จะช่วยให้เขาสยายปีกเพื่อทะลวงผ่านระดับที่สูงขึ้น

ทั้งสองคนเดินไปยังบริเวณที่มีเสียงของสัตว์อสูรดังขึ้น เมื่อไปถึงพวกเขาก็พบเจอกับโขกหินและสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนกับกระทิงกำลังกัดกินสัตว์อสูรกวางแปดขาอยู่

ราวกับว่ามันสัมผัสกลิ่นอายของหลิงฮันได้ สัตว์อสูรตัวนั้นลุกขึ้นและมองมายังพวกเขา บนหน้าผากของมันมีเขาสีเงินที่แวววาวราวกับเหล็กประดับเอาไว้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด