Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1244

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1244 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1244 – คุณค่า, ผู้พิทักษ์อิสระ, ความแข็งแกร่งของมหาทวีปอู่เซียตะวันตก

 

“ข้าก็ได้กล่าวสิ่งที่อยากจะบอกหลักๆไปทั้งหมดแล้ว มีอีกอย่างก็คือข้าต้องการจะให้เจ้ารับตำแหน่งผู้พิทักษ์อิสระ เจ้าเห็นว่าอย่างไร” ชายชราในชุดคลุมมังกรสีทองกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

“ผู้พิทักษ์อิสระ?” ชิงสุ่ยรู้เกี่ยวกับผู้พิทักษ์ดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่าผู้พิทักษ์อิสระ

 

“จริงๆแล้วผู้พิทักษ์อิสระก็เป็นเหมือน ผู้พิทักษ์ทั่วๆไปนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเจ้าจะไม่ถูกจำกัดโดยบุคคลอื่นๆ แม้กระทั่งพวกข้า พวกเราจะไม่มีสิทธิ์ในการควบคุมเจ้า แต่แน่นอนว่าเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ทำความเสื่อมเสี่ยให้กับสถาบันสวรรค์เร้นลับเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่สถาบันสวรรค์เร้นลับตกอยู่ในปัญหาและมันไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเจ้าผู้พิทักษ์อิสระจะต้องมีหน้าที่ช่วยแก้ปัญหานั้น” ชายชรามองไปยังชิงสุ่ยพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม

 

เงื่อนไขนี่ฟังดูยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะยิ่งผู้ใดที่มีพลังมาก พวกเขาจะยิ่งอึดอัดเมื่อโดนบังคับ ดังนั้นพวกสถาบันจึงเปิดกว้างให้อิสระได้ตามที่ต้องการตราบที่สถานการณ์ยังเป็นใจ ถึงแม้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายกับสถาบันขึ้น พวกเขาจะทำประโยชน์ได้น้อยกว่าพวกที่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบและหัวใจหลักของสถาบันคือความสามัคคีในหมู่คณะก็ตาม แน่นอนว่ากฏเกณฑ์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดของสถาบัน

 

“ข้าให้สัญญา แต่ข้าก็เป็นศิษย์ของสถาบันอยู่แล้ว จะดีกว่าไหมหากท่านลืมเรื่องเกี่ยวกับผู้พิทักษ์นั่นไป” ชิงสุ่ยยิ้มพร้อมมองไปยังชายชรา

 

“ฮ่าฮ่า คำพูดนี้มีช่างสำคัญจริงๆและข้าคิดว่าคงปฏิเสธมันไม่ได้แน่ๆ ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็คงเป็นพลังในร่างกายของเจ้าเองนั่นแหละ วันหนึ่งมันจะเปลี่ยนแปลงเจ้าเป็นมังกรท่ามกลางหมู่มนุษย์ทั้งหลายและทะยานขึ้นไปบนฟ้าอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นสิ่งที่ข้าหวังไว้คือเจ้าจะสามารถช่วยดูแลสถาบันสวรรค์เร้นลับแห่งนี้ได้”

 

ชิงสุ่ยรู้ดีเกี่ยวสถานภาพของตัวเอง เขารู้ดีว่าเขาย่อมทำมันได้ ยิ่งคิดตามที่ชายชรากล่าว มันยิ่งตอกย้ำความเชื่อนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก ต่อหน้าความองอาจของชายชราเขาควรเป็นเพียงแค่สิ่งที่ไร้ตัวตนเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามการกระทำของชายชราคนนั้นได้เปิดประตูบานใหญ่ออกให้เขาเรียบร้อยแล้ว

 

“ไม่ต้องกังวลไป ถ้าวันนั้นมาถึง ข้าจะรับภาระหน้าที่นี้เอง ข้าจะช่วยสถาบันสวรรค์เร้นลับทำลายรูปแบบของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกนี้เสีย” ชิงสุ่ยพูดอย่างหนักแน่นหลังใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่

 

“เอาล่ะ ถ้าเจ้ามีอะไรก็ตามที่พวกข้าสามารถช่วยเหลือได้ สถาบันสวรรค์เร้นลับจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ บอกมาได้เลยโดยไม่ต้องเกรงใจ พวกข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสนองความต้องการของเจ้า”ชายชราในชุดคลุมมังกรทองมองไปที่ชิงสุ่ยอย่างจริงจรัง

 

“เช่นนั้นแล้ว ผู้อาวุโส ผู้ที่ครอบครองพลังที่สูงสุดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกอยู่ที่เท่าใด ” ชิ่งสุ่ยต้องการทราบ เขาต้องการออกเดินทางไปยังทวีปอื่นๆในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก ซ้ำยังกล่าวอีกว่า ”รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” เขาอยากรู้เรื่องนี้จริงๆ

 

“พลังสูงสุดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกนี้อยู่ที่ราวๆแปดพันสุริยา  ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่” หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ชายชราได้กล่าวออกมา

 

ชิงสุ่ยขมวดคิ้ว ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าพลังเท่านี้มันสูงผิดปกติเกินไปหรือไม่ แต่เมื่อเทียบกับตัวเขาในตอนนี้แล้วมันยังถือว่าสูงมาก ปัจจุบันพลังของเขาอยู่ที่ราวๆสามร้อยถึงหกร้อยสุริยาเท่านั้น พลังที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของเขาไม่อาจนับเป็นพลังที่แท้จริงได้ เพราะว่ามันเกิดขึ่นเป็นครั้งคราว

 

“เจ้าไม่คิดว่ามันไม่เลวร้ายไปหรือ? จริงๆแล้วที่พลังสามพันสุริยานับว่าเป็นจุดเปลี่ยน ที่พลังห้าพันสุริยาก็เช่นกันนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนอีกขั้น และก็จะเกิดเรื่องแบบเดียวกันนี้อีกที่พลังแปดพันสุริยา ตัวอย่างเช่น เมื่อใครซักคนไปถึงจุดที่มีพลังสามพันสุริยา พวกเขาจะพบกับปัญหาคอขวด คอขวดนัั่นหมายความว่า จะเป็นเรื่องยากขึ้นที่พลังจะผ่านจุดนี้ออกไปได้ คงเป็นเรื่องยากใช่มั้ยล่ะที่จะปีนป่ายขึ้นไปยังสวรรค์” ชายชรายิ้มและมองไปทางชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยรู้สึกละอายเล็กน้อย ทั้งหมดก็เพราะว่าเขาเองก็มีพลังเพียงอันน้อยนิด แต่เขาก็ยังคิดว่าพลังแปดพันสุริยานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าการที่ใครสักคนจะก้าวข้ามตัวเองไปได้นั้น แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขาจะมีประสบการณ์และพลังที่เพียบพร้อม แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปได้

 

“ข้าเข้าใจแล้ว เส้นทางของผู้ฝึกยุทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความวิตก

 

“เจ้ายังหนุ่มนัก ความอ่อนเยาวน์นั้นเป็นสมบัติของเจ้า เมื่อเจ้ามีอายุเพิ่มขึ้น พลังก็จะเติบโตขึ้นไปด้วย หรือแม้กระทั่งในตอนนี้ พลังของเจ้าอาจจะกำลังเพิ่มขึ้นอยู่ก็ได้

 

…………………..

 

ชิงสุ่ยออกจากลานของสถาบันสวรรค์เร้นลับหลังใช้เวลาอยู่ที่นั่นกว่าครึ่งวัน ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาอยู่ที่ลานซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปจากองค์หญิงใหญ่มากนัก ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าชายชราทำทั้งหมดนี้ไปเพื่อจุดประสงค์ใด แต่จากการที่เขาได้คุยกับชายชราแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาควรจะอยู่”

 

นอกเหนือจากนี้ชายชรายังมอบกุญแจไว้ให้กับเขา นี่เป็นหนึ่งในสมบัติที่ชายชรามองไว้ให้กับเขา กล่าวคือมันเป็นกุญแจเพื่อไปยังห้องที่เก็บสมบัติไว้มากมาย ซึ่งที่จริงแล้วชิงสุ่ยตั้งใจจะปฏิเสธมัน แต่เมื่อเขามาลองคิดดูดีๆแล้ว นี่อาจเป็นรางวัลที่มอบไว้ให้กับเขาในอนาคต และนอกเหนือจากนี้ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับรางวัลพวกนี้เช่นกัน

 

ชิงสุ่ยไม่ได้รีบที่จะไปดูสัมบัติ เขากลับมายังลานบ้านของเขาก่อนและนำตัวชิงซาออกไปพร้อมกัน

 

ชิงสุ่ยพบว่าล้านกว้างที่นี่อยู่ใกล้กับองค์หญิงใหญ่มากในตอนที่มุ่งออกไปพร้อมชิงซา ความจริงแล้วรอบๆสถานที่ที่องค์หญิงใหญ่อาศัยอยู่มีล้านกว้างเต็มไปหมด แต่ว่าแทบจะไม่มีอะไรเลย และในตอนนี้พวกมันทั้งหมดถูกมอบให้ชิงสุ่ยหมดแล้ว

 

ในเวลาไม่นานนักหลังจากชิงสุ่ยและชิงซาไปถึงลานกว้าง องค์หญิงใหญ่ก้าวเดินออกมา การแสดงออกของนางต่อชิงสุ่ยมีท่าทีแปลกมาก ชิงสุ่ยรู้สึกเขินอายเมื่อถูกจ้องมองด้วยท่าทีเช่นนั้น “นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ใหญ่ได้มอบไว้ให้กับข้า ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมข้าถึงโผล่มาอยู่ที่นี่…”

 

แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้ดีว่ามันเป็นการยากที่จะเชื่อ นับปราะสาอะไรกับองค์หญิงใหญ่ นี่เป็นสำหรับสถานที่สำหรับพวกผู้อาวุโสเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นสถานที่สำหรับผู้ที่สถานะสูงกว่าผู้อาวุโสทั่วไปเสียอีก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาจารย์ของนาง เรื่องสำคัญก็คืออาจารย์ของนางได้บอกนางไว้ว่าห้ามไม่ให้มีใครอาศัยอยู่ในบริเวณใก้เคียงนางโดยเฉพาะพวกผู้ชาย แต่ในตอนนี้คนที่อยู่ใกล้ตัวนางที่สุดกับเป็นชายหนุ่มคนนี้

 

“เจ้ากำลังจะพยายามอธิบายอะไร? ข้าไม่ได้จะไล่เจ้าออกไปเสียหน่อย” องค์หญิงใหญ่พบกับท่าที่อันน่าขำของชิงสุ่ย

 

“ดีแล้ว ข้าเพียงคิดว่าเจ้าอาจจะไม่พอใจ” เมื่อเขาได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกโล่งใจ

 

“หมายความว่าเจ้ากลัวข้าใช่ไหม?” องค์หญิงใหญ่ถามด้วยความแปลกใจ ดวงตาของนางมีความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย

 

“……”

 

“เอ่อ… ก็ไม่ใช่ทำนองนั้น ข้าเพียงกลัวว่าเจ้าจะอารมณ์ไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน พวกเราควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

 

องค์หญิงใหญ่ยิ้มออกมาและมองไปยังชิงสุ่ยโดยไม่กะพริบตา และชิงสุ่ยก็พบว่าตนเองอยู่ในอาการเป็นใบ้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหยุดนิ่ง

 

“เช่นนั้นแล้ว พวกเราเป็นเพียงเพื่อนบ้านกัน”

 

“เอ่ออ.. แม่นางซู่ ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น อย่างนี้ดีไหม ในคืนนี้ข้าและเจ้าตัวน้อยจะย้ายไป…”

 

“ในฝันของข้าใช่ไหม ก็ได้ มาสิ หยุดบ่นได้แล้ว.” องค์หญิงใหญ่รู้ว่าชิงสุ่ยแค่ล้อเล่นเท่านั้น นางรู้สึกมีความสุขจริงๆ ชีวิตของนางในช่วงนี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยคิดฝันมาก่อนในอดีต

 

แม้แต่อาจารย์ของนางเอกยังทักว่านางเปลี่ยนไป แต่อาจารย์ของนางชอบนางในแบบปัจุบันนี้ นางจำได้ว่าอาจารย์เคยพูดว่าการฝึกยุทธิ์ไม่ได้หมายถึงการหนีห่างออกจากโลก มีเพียงความรู้สึก อารมณ์และความเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ถึงจะเป็นประสบการณ์ที่มีค่า นี่ต่างหากคือการฝึกฝนที่แท้จริง

 

ลานกว้างของที่นี่ดูเหมือนกับขององค์หญิงใหญ่มาก ความจริงแล้วนางไม่รู้ตัวเลยว่าพื้นที่ในส่วนนี้นอกจากส่วนของนางแล้ว ในส่วนที่เหลือแทบจะเป็นของชิงสุ่ยเกือบทั้งหมด เมื่อเทียบกับสถานที่ที่ชิงสุ่ยอยู่ในก่อนหน้าแล้วที่นี่เพียบพร้อมกว่ามาก แม้ว่าขนาดของที่พักจะไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือบริเวณรอบๆ นอกจากนี้สิ่งปลูกสร้างพวกนี้ยังเอื้อต่อการฝึกยุทธิ์มากกว่าเดิม

 

เหยียนจินยวี้และองค์หญิงเจ็ดเพิ่งเดินทางมาถึง ชิงสุ่ยมอบลานอีกสองแห่งที่เหลือให้พวกนาง เมื่อพวกนางรู้ว่าข่าวนั้นเป็นความจริงก็รู้สึกดีใจมาก เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าหากใช้สถานที่แห่งนี้ในการฝึกยุทธพลังจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าสถานที่พวกนี้จะถูกสร้างให้พวกผู้อาวุโส แต่การก่อสร้างรูปแบบนี้พวกเขาจะใช้ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเสียอีก

 

“ยอดเยี่ยม! ต่อไปก็จะได้ทานอาหารด้วยกันง่ายยิ่งขึ้น ไม่เหมือนเช่นก่อนหน้าที่ต้องเดินทางไกลเพื่อมาพบกัน” องค์หญิงเจ็ดพูดอย่างดีใจหลังจากที่นางพยายามยืนยันว่านี่คือเรื่องจริง

 

ในอีกมุมนึง เหยียนจินยวี้ยิ้มออกมาและยังไม่ได้พูดสิ่งใด นางจ้องมองไปยังชิงสุ่ย ลึกๆในหัวใจของนางรู้สึกตกใจที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของชิงสุ่ยในช่วงไม่กี่วันนี้

 

……

 

ในช่วงบ่ายแก่ๆ ชิงสุ่ยนำกุญแจและมุ่งไปยังหุบเขา คลังสมบัติของสถาบันสวรรค์เร้นลับนั้นมีอยู่หลายแห่ง แต่ละที่ก็มีอยู่อีกหลายห้องเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้มีฝีมือเฝ้าปกป้องดูแลสถานที่แห่งนี้

 

หุบเขาเทียนยี่!

 

ชิงสุ่ยมุ่งไปยังสถานที่ที่ชายชราบอกเอาไว้ มันเป็นสถานที่ที่รายล้อมไปด้วยหุบเขาซึ่งมีความคดเคี้ยวมาก มีเพียงจุดสูงสุดเท่านั้นที่จะมองเห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นภูเขาที่ใหญ่โตมโหฬาร ภูเขามากมายที่ทะลุผ่านก้อนเมฆขึ้นไป ครอบคลุมตั้งแต่จุดสูงสุดจนถึงต่ำสุด ลักษณะของมันดูเหมือนอุโมงค์ซึ่งชิงสุ่ยกำลังจะลอดผ่านมันไป

 

นอกเหนือจากนี้ ยังมีจุดเชื่อมอยู่อีกหลายแห่ง มีก้อนหินที่ดูแข็งทื่อ มืดทึบ รวมถึงบรรยากาศที่เปียกชื้น มีพวกมอสและตะไคร่เติบโตเต็มไปหมด รวมถึงสัตว์อสูรขนาดเล็ก หนอนต่างๆ แต่พวกมันต่างถอยห่างออกจากชิงสุ่ย

 

บรรยากาศของรอบๆบ่งบอกว่าไม่มีใครย่างก้าวเข้ามาที่นี่นานแล้ว ไม่เชิงว่ามันอับชื้นซะทีเดียว นี่คงเป็นเพราะจิตแห่งปราณของหุบเขาแห่งนี้หรือผลจากตะไคร่น้ำพวกนั้น ทำให้อากาศสดชื่นและสะอาด แน่นอนว่ามันก็ยังเทียบกับข้างนอกไม่ได้อยู่ดี

 

ชิงสุ่ยรีบเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเขาใช้การเคลื่อนที่กลางอากาศ ระยะทางมันคงจะสั้นกว่านี้ แต่จะเป็นเรื่องยากต่อการหาสถานที่เป้าหมาย เขาจึงเลือกเดินทางบนพื้นดินแทน ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะข้ามผ่านไปทางข้างบนแต่บางส่วนก็เลือกเดินทางผ่านใต้ดิน คนส่วนมากที่พบเจอคงจะบอกกล่าวกันว่ามันถูกสร้างมาราวกับสิ่งปลูกสร้าง

 

ทางใต้ดิน!

 

ชิงสุ่ยไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ เขากำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ที่อุโมงค์ใต้ดิน ในตอนแรกบริเวณรอบๆประกอบไปด้วยโขดหินแต่ในปัจจุบันรอบๆล้วนประกอบไปด้วยหินดินทั้งสิ้น ท้ายที่สุดก็พบว่าตัวเองเดินอยู่ใต้ดินเสียแล้ว

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็หยุดชะงักด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาคือช่องว่างขนาดใหญ่ ที่น่าแปลกใจก็คือมีแสงส่องอยู่เล็กน้อยรอบๆบริเวณนั้น มันดูคล้ายๆกับกระโจม นั่นหมายความว่าอาจจะมีใครสักคนพักอยู่ที่แห่งนี้ ด้านบนสุดยังมีแสงส่องลงมาราวกับดาวระยิบระยับ อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงช่องว่างที่เชื่อมต่อกับภายนอกเท่านั้น

 

รอบๆของกำแพงประกอบไปด้วยแผ่นหินสองสามชิ้น จู่ๆก็มีชายชราจำนวนหนึ่งปรากฎตัวออกมา คนพวกนี้ดูชรามากจริงๆราวกับเป็นต้นไม้ที่แห้งเหี่ยว ให้ความรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก

 

“แสดงตราประทับ!”

 

เสียงที่มืดหม่นและหนาวเหน็บปรากฏออกมา

 

ชิงสุ่ยหยิบตราประทับที่ชายชราในชุดคลุมมังกรทองมอบให้ออกมา มันมีหมายเลขแกะสลักอยู่บนนั้น

 

“มุ่งหน้าไปยังห้องลับที่มีตัวเลขสลักอยู่ อย่าเข้าไปใกล้ห้องอื่นๆเด็ดขาด หรือมิเช่นนั้นก็อย่าโทษพวกข้าถ้าหากว่าเจ้าตาย” ทันทีที่สิ้นเสียง ชายชรากลุ่มนั้นก็หายไปราวกับปิศาจ ราวกับว่าพวกเขาแสดงตัวออกมาและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

 

ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขา ชายชราทุกคนล้วนมีพลังสูงส่ง พวกเขาน่าจะเป็นกลุ่มที่คอยเฝ้าพิทักษ์สมบัติของสถาบันสวรรค์เร้นลับ

 

เข้าหยิบกุญแจที่หนักซึ่งมีความยาวประมาณหนึ่งฟุตและไขมันออก สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบที่ซับซ้อน ถ้าหากมีใครซักคนพยายามทำลายมันด้วยกำลัง รูปแบบที่ซับซ้อนพวกนั้นคงถูกเปิดใช้งาน นอกเหนือจากนี้ประตูที่ของห้องลับแห่งนี้ยังทำด้วยโลหะที่แปลกประหลาดซึ่งมีความทนทานสูงมาก แต่น่าเสียดายที่มันไม่เหมาะจะนำมาทำอาวุธ

 

มันเป็นประตูกับดัก หากว่ามันถูกทำลายลง ห้องลับก็จะถูกปิดไปพร้อมๆกับมัน

 

ชิงสุ่ยไขมันอย่างรวดเร็ว ประตูนี้มีความซับซ้อนมาก ด้วยความเร็วของชิงสุ่ยเขาบิดกุญแจกว่าร้อยครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงเสียงรบกวนที่ออกมา ในที่สุดประตูของห้องลับก็ถูกเปิดออก

 

ความจริงแล้วชิงสุ่ยสนใจที่จะศึกษาเรื่องของกับดักอยู่เสมอ แต่โชคไม่ดีเขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิดกับมันสักเท่าไร ประตูหินถูกเปิดออก สิ่งที่เข้ามาในสายตาของเขาเพียงอย่างเดียวก็คือบันไดอันยาวเหยียดสำหรับก้าวลงไปข้างล่าง มีสิ่งที่คล้ายอยู่กับไข่มุกราตรีประดับอยู่ตามทางให้แสงสลัวๆเพื่อให้เขาสามารถมองเห็นได้บ้าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด