Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1318

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1318 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1318 – ตระกูลลี่

 

การเปลี่ยนแปลงของลี่เหยียนสร้างความตกตะลึงให้กับทุกๆคน  ในตอนนี้ในใจของลี่เหยียนนั้นรู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยอย่างมาก ไม่เพียงแค่เขาได้ช่วยเธอ แต่เขายังยืดชีวิตปู่ของเธอออไปอีกด้วย มันยิ่งทำให้เธอนั้นทราบซึ้งในตัวของชิงสุ่ยอย่างมาก

 

 

“ขอบคุณ!”เธอขอบคุณชิงสุ่ยด้วยใจจริงในตอนนี้

 

 

“ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้าเช่นกันที่เชื่อมั่นในตัวของข้า” แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่กล่าวอะไรมากมายแต่ทุกคนรู้ดีว่าชายหนุ่มที่มากับหมอปิศาจนั้นคงรู้สึกแย่มากๆกับเรื่องนี้

 

“ชิ!”ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมา ก่อนที่จะก้าวออกไป

 

 

ในตอนนี้ไม่มีใครหยุดเขาไว้และไม่มีใครพูดอะไรออกมา

 

 

“คุณชาย  ข้าขอโทษแทนลี่อี้ด้วย ถึงแม้เขาจะเป็นคนยโส แต่เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร นอกจากนี้เขายังเป็นคนในตระกูลย่อยของพวกเราด้วย ข้าขอโทษจริงๆ”นายท่านลี่กล่าวออกมา ขณะมองไปที่ทิศทางที่ลี่อี้เดินออกไป

 

 

ชิงสุ่ยนั้นรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขานั้นเป็นคนช่วยนายท่านลี่เอาไว้ นอกจากนี้ด้วยทักษะการแพทย์ของเขานั้นก็ยังมหัศจรรย์อย่างมาก  ดังนั้นเขาจึงเขาใจได้ดีว่าทำไมนายท่านลี่ผู้นี้ถึงได้ขอโทษเขา

 

“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเคยเจอเรื่องเช่นนี้มากมายในอดีต จนข้าชินเสียแล้ว นอกจากนี้ข้านั้นก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดอะไรของเขาเลย ท่านไม่ต้องขอโทษข้าไปหรอก”ชิงสุ่ยส่ายหน้าและกล่าวอย่างอ่อนโยน

 

 

 

ท่านนายลี่มองไปที่ชิงสุ่ยชิง และพยักหน้า ตอนนี้เขารู้สึกเต็มด้วยความสรรเสริญจนมิอาจกล่าวออกมา สำหรับเขา มีรุ่นเยาว์ไม่มากที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ และยังมีสามารถในการควบคุมอารมณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ อัจฉริยะส่วนมากจะเป็นคนที่หยิ่งทะนงในตัวเองจนมองข้าผู้อื่น จึงทำให้พวกเขานั้นมักมีแต่เรื่องและปัญหาตามมา จึงไม่แปลกที่จะมีคนกล่าว อัจฉริยะส่วนมากมักจะอายุสั้น

 

“จริงสิท่านหมอปิศาจเดิมทีข้านั้นไม่มีความคิดที่จะรับศิษย์อยู่เลยดังนั้นข้าขอปฏิเสธท่าน แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากเป็นการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้ข้านั้นก็ยินดี ท่านคิดว่ายังไง? ”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา

 

 

ในก่อนหน้านี้หมอปิศาจนั้นต้องการขอให้ชิงสุ่ยรับเขาเป็นศิษย์ ซึ้งเรื่องนี้ทำให้ลี่ อี้ไม่พอใจอย่างมากนั้นจึงทำให้เขาแสดงท่าทีที่แย่ออกมา  เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่รู้ถึงความสามารถของหมอปิศาจดี มันจึงทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างมากที่คนอย่างหมอปิศาจนั้นของให้ชิงสุ่ยซึ่งเด็กกว่ามาเป็นอาจารย์ของเขา ซึ่งในตอนนี้แม้พวกเขาเองก็ไม่เขาใจหมอปิศาจถึงชิงสุ่ยนั้นจะเก่งอย่างไรก็ตามแต่เขาจะมีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นอาจารย์คนที่เรียกตัวเองว่าแพทย์ผู้สามารถคืนชีพคนตายได้อย่างนั้นรึ?

 

 

“ก็ได้นั้นเราไปคุยกันที่หอคอยจักรพรรดิกันเถอะ ข้ามีเรื่องอีกมากมายที่ต้องการถามคุณชาย” ตอนนี้หมอปิศาจรู้แล้วว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นคนที่มีฝีมือการแพทย์ที่เก่งกาจขนาดไหน เพราะแบบนั้นแล้วเขาย่อมรู้ว่าชิงสุ่ยนั้นต้องเป็นนักปรุงยาชั้นยอดเช่นเดียวกัน

 

 

“เยี่ยมเลยข้านั้นก็อยากเห็นหอคอยจักรพรรดิเช่นเดียวกัน นอกจากนี้มีเรื่องอีกมากมายที่ข้าต้องขอให้ท่านอาวุโสช่วยชี้แนะอีกด้วย”

 

 

ในคืนนั้นเองได้มีงานเลี้ยงขอบคุณเกิดขึ้นที่ตระกูลลี่ พวกเขาจัดงานนี้ขึ้นเพื่อขอบคุณชิงสุ่ยในตอนนี้  เช่นเดียวกับชิงสุ่ยตอนนี้เขาเลือกที่จะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลลี่เพื่อเป็นการสร้างแนวทางให้กับตัวเองในอนาคตสำหรับทวีปแห่งนี้

 

 

ในตอนนี้ผู้คนจำนวนมากอยู่ที่แห่งนี้เพื่อโน้มนาวให้ชิงสุ่ยนั้นอยู่กับพวกเขา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ได้สัญญาเอาไว้ว่าเขาจะกลับมากลังจากไปชมหอคอยจักรพรรดิแล้ว ดังนั้นพวกเขาจะได้หยุดชักชวนชิงสุ่ย และเปลี่ยนมาเป็นพูดคุยเรื่องทั่วไปกัน

 

ในความเป็นจริงชิงสุ่ยต้องการแลกเปลี่ยนทักษะกับหมอปิศาจเช่นเดียว นั้นเพราะมีหลายๆอย่างที่เขาไม่รู้แต่หมอปิศาจนั้นรู้ ซึ่งนี้จะช่วยให้เขาก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับ นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังสัมผัสได้ว่าหมอคนนี้ก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ดังนั้นมันจึงทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายที่จะแลกเปลี่ยนความรู้

 

 

หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลงชิงสุ่ยได้นั่งรถลากสัตว์อสูรตรงไปที่หอคอยจักรพรรดิในทันที

 

 

“จริงสิคุณชายชิง ท่านมาจากที่ไหนกัน?”

 

“อย่าเรียกข้าว่าคุณชายเลย โปรดเรียกข้าเพียงแค่ชิงสุ่ยก็พอ!”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวอย่างสุภาพ

 

“ก็ได้หากคุณชายไม่รังเกลียด ข้าของเรียกท่านว่าน้องชายชิงสุ่ย”

 

“พี่ใหญ่!”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“ฮ่าๆๆ เยี่ยมๆ วันนี้ข้ามีความสุขอย่างมาก!”

 

“เอาจริงๆนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเดินทางมายังมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายระบำแห่งนี้  เดิมทีข้านั้นมากจากมหาทวีปอู่เซีย!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาโดยไม่ได้ปิดซ่อนแต่อย่างใดๆ

 

เมื่อใดยินเรื่องนี้หมอปิศาจถึงกับตะลึง และยิ้มออกมา “นับว่าเรามาวาสนาต่อกันจริงๆ!”

 

 

“แล้วเพราะอะไรกันน้องชิงสุ่ยถึงได้เดินทางมายังมหาทวีปแห่งนี้กัน หากมีอะไรให้ข้าช่วยน้องชายสามารถบอกช้าได้ในทันที!”หมอปิศาจกล่าวออกมา

 

“พี่ใหญ่กล่าวเกินไปแล้ว ข้าขอบคุณท่านด้วยใจจริง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าต้องจัดการด้วยตัวเอง คงมิต้องลำบากท่าน  แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ข้านั้นยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้บางทีข้าอาจต้องอยู่ที่อีกสักพักใหญ่ๆ”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว ตอนนี้เขานั้นยังไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก เกี่ยวกับมหาทวีปแห่งนี้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจที่จะสืบหาข้อมูลก่อนที่จะลงมือ

 

 

“น้องชายไม่ต้องเกรงใจไป หากเจ้ามีปัญหาใดเจ้าสามารถมาหาข้าที่หอคอยจักรพรรดิได้ในทันที  คิดเสียว่าที่แห่งนี้คือบ้านของเจ้าก็แล้วกัน!”หมอปิศาจกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

 

ในไม่ช้า ไม่เร็วพวกเขาก็มาถึง

 

 

หลังออกจากขบวนรถ ชิงสุ่ยทอดสายตามองไปที่ถนนที่ยาวเหยียด กว่าครึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า ร้านสมุนไพรจำนวนมาก  มันทำให้ท้องถนนแห่งนี้ดูคึกคักอย่างมาก

 

กลิ่นหอมหวนถูกผสมปะปนเข้าด้วยกัน  จนเป็นกลิ่นที่เฉพาะ ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่กลิ่นที่เหม็นแต่อย่างใด

 

คนที่เดินอยู่ในที่แห่งนี้ ส่วนมากเป็นพ่อค้าและผู้บ่มเพาะ นอกเหนือจากร้านค้าสมุนไพรที่เรียงรายอยู่ อาจกล่าวได้ว่านี่คือย่านแห่งอาหารก็ว่าได้ ชิงสุ่ยมองไปที่ร้านอาหารที่มีอยู่หลากหลายประเภทและแตกต่างกันไป

 

 

การกินคือ เทียบได้กับอำนาจอย่างหนึ่ง ยิ่งคนที่ล้ำรวยและมีอำนาจเท่าไร พวกเขาจะสามารถตอบสนองความอยากและต้องการของพวกเขาได้ อาหารนั้นก็เป็นเครื่องมอชนิดหนึ่งที่ช่วยตอบสนองกิเลสและความต้องการของคนเรานอกเหนือจากเรื่องเพศ   นอกเหนือจากสิ่งอื่นใดสำหรับอาหารในโลกแห่งนี้ นอกเหนือจากรสชาติที่ล้ำเลิศละมันนั้นยังสามารถช่วยเหลือในการบ่มเพาะได้อีกด้วย ดังมันจึงทำให้อาหารในโลกใบนี้ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับทุกๆคน

 

หลังจากที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยก็เดินมาถึงหอคอยจักรพรรดิที่ตั้งอยู่อย่างประณีตและตระหง่าน ภาพแรกที่แรกพบเจอกับมันทำให้ชิงสุ่ยแทบจะกล่าวอะไรออกมาไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสง่างามเช่นนี้และทำไมถึงดูทรงคุณค่าเช่นนี้

 

 

 

หอคอยจักรพรรดินั้นมีอยู่ 5ชั้น แต่ละชั้นนั้นก็มีความสูงอย่างมาก หนึ่งชั้นนั้นก็สูงกว่าหอคอยหรือคฤหาสน์อื่นๆถึง10เท่า นอกจากนี้มันนั้นยังมีพื้นที่ๆกว้างใหญ่กว่า 1หมื่นลี้อีกด้วย

 

ในตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากเข้าออกที่นั้นอย่างไม่ขาดสาย

 

 

“น้องชิงไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าชมที่แห่งนี้เอง”หมอปิศาจกล่าวอย่างมีความสุข ขณะที่เขามองไปที่หอคอยจักรพรรดิด้วยความภูมิใจ

 

 

ในขณะเข้าไปชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของสมุนไพรมากมาย  ด้วยความสามารถของเขาเขาสามารถแยกแยะมันออกจากกันได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีบางกลิ่นที่เขาไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่ามันคือกลิ่นของอะไร

 

ในไม่ข้าพวกเขาก็ผ่านไปยังขั้นที่สอง ตลอดเส้นทางมีผู้คนมากมายทำความเคารพหมอปิศาจตลอดเส้นทาง แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังสงสัยถึงสถานะของชายคนนี้ ในชั้นที่สองมีคนน้อยกว่าชั้นแรกประมาณครึ่งหนึ่งแต่ถึงอย่างไรมันก็ถือว่ามากมายอยู่ดี นอกจากนี้ในชั้นนี้เขายังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสมุนไพรที่รุนแรงขึ้นกว่าชั้นแรก

 

 

 

 

ในขณะนี้ทั้งสองได้เดินไปคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ้งเรื่องที่ทั้งสองได้คุยกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครๆจะสามารถเข้าใจได้ มันจำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ที่สูงมากที่จะเข้าใจได้

 

 

พวกเขาได้พูดถึงเรื่องของการรักษา การปรุงยา และการทำอาหาร มากมายหลากหลายเรื่อง ในตอนนี้หากใครมาเห็นพวกเขาเข้าคงคิดว่าทั้งคู่นั้นเหมาดังคู่รักที่พึ่งคุยกันก็มิปาน หลักจากคุยกันมาหลายกลายเรื่องในที่สุดพวกเขาก็พูดมาถึงเรื่องวิธีที่จะสามารถยกระดับผู้บ่มเพาะและอายุไข การสร้างยาและอาหารที่สามารถเพิ่มยกระดับผู้บ่มเพาะและอายุไข นั้นเป็นเรื่องยากอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่คนทั่วๆไปไม่เคยพบเจอและลิ้มรสพวกมัน  ในชั้นที่สองนี่เป็นชั้นสำหรับคนที่ฐานะอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ถือว่าสูงมาก  ในระหว่างทางหมอปิศาจได้แนะนำชิงสุ่ยถึงอาหารและยาจำนวนมากมายให้กับเขา ถึงแม้ยาและอาหารเหล่านี้จะไม่ได้เลิศเท่ากับของที่เขาสร้าง แต่ชิงสุ่ยก็ได้รับความรู้มากเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เดิมทีชิงสุ่ยไม่ได้ใส่มันมากนัก เขาเห็นเป็นเพียงเรื่องที่ไร้สาระ แต่ในครั้งนี้การเดินทางมายังหอคอยแห่งนี้ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ล้ำค่ามากมาย  มันทำให้เขารู้ว่าเขามองเรื่องอาหารต่ำไปอย่างมาก

 

หลังจากผ่านไปนานมาก พวกเขาก็มาถึงชั้นสูงสุด ชั้นที่ห้า  เมื่อมาถึง ชายที่สวมใส่เครื่องแบบของหอคอยจักรพรรดิได้รีบเดินเข้ามาหาพวกเขา ชั้นที่ห้านั้นไม่ได้ใหญ่โตเหมือนชั้นอื่นๆ มันนั้นมีขนากเพียง10ห้องโถงขนาดใหญ่เท่านั้น ในขณะที่ชายคนนั้นได้เดินทำทางพวกเขาเข้าไปที่ตรงกลางของห้อง

 

 

 

ชั้นที่ห้าไม่ได้มีไว้เพื่อให้ผู้คนเข้ามา มันนั้นเป็นดังหอตำราที่เก็บตัวตำราและของมีค่าเอาไว้และเป็นที่เฉพาะของผู้บริหารหอคอยเท่านั้น

 

ในขณะนั้นชายคนหนึ่งที่ดูเด็กว่าชิงสุ่ยก็เดดินเข้ามา

 

 

“ผู้อาวุโส คุณชายลี่ ต้องการพบท่าน!”

 

“ปล่อยให้เขาเข้ามา!”หมอปิศาจกล่าวและถอนหายใจ

 

ชายคนนั้นรีบถอยหลังออกไปและลงไปชั้นล่าง

 

 

“ชิงสุ่ย  เขานั้นเป็นคนในตระกูลลี่เช่นเดียวกัน และเป็นคนที่ดูแลลี่ อี้ อยู่ แต่ว่าเขานั้นป่วยด้วยโรคประหลาด ที่ข้าไม่รู้  ไว้วันหลังข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง”

 

 

“ท่านหมอ!”

 

 

มองปิศาจลุกขึ้นและกล่าว “หูเฉิง  โปรดนั่งตรงนี้ก่อน”

 

เมื่อเห็นชิงสุ่ย เขาจึงถามออกมา “นี่คือ?”

 

 

“โอ้ ข้าลืมแนะนำเขา เขาเป็นหมอ ที่เก่งมากๆ!” หมอปิศาจกว่า

 

“โอ้ว อย่างนั้นรึ?”ลี่หูเฉิงมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อสายตา แต่อย่างไรเขาก็แสดงที่สุภาพออกมา เพราะนี่เป็นคนที่หมอปิศาจแนะนำออกมา

 

 

ชิงสุ่ยมองไปที่ชายที่ผิวขาวซีด พลังหยางในร่างกายของเขาจำนวนมากนั้นได้สูญหายไป จึงทำให้เขามีสภาพเช่นนี้  “ข้าน้อยชิงสุ่ย ยินดีที่ได้พบคุณชายลี่!”

 

“ข้าก็ยินดีที่ได้พบคุณชายเช่นเดียวกัน ไม่ต้องสุภาพมากนักก็ได้ เรียกข้าว่าลี่หูเฉิง เฉยๆก็พอ ในอนาคตหากข้ามีปัญหาอะไรบางทีข้าอาจจะต้องรับกวนท่านก็เป็นได้!”

 

เขานั้นสุภาพอย่างมากแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มากจะตระกูลใหญ่  ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก ที่เขานั้นต่างจากลี่ อี้อย่างมาก เขานึกว่าชายคนนี้จะเป็นเช่นเดียวกับลี่อี้เสียอีก

 

 

“ท่านสุภาพเกินไปแล้ว!”ชิงสุ่ยยิ้มและตอบ

 

ลี่หูเฉิงยิ้มและพยักหน้าก่อนมองไปที่หมอปิศาจ “ท่านหมอ ตกลงอาการป่วยของข้าพอมีทางรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด