Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1328

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1328 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1328 – การหมั้นตั้งแต่เยาว์วัย พลังของระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจมีมากเพียงใดกัน? กลับบ้าน

 

“หากจะทำเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ในอนาคตหากพวกเขาไม่ถูกใจกันและเข้ากันไม่ได้ ตอนนั้นเราจะลืมเรื่องที่คุยกันนี้ในตอนนี้ไป ท่านคิดเช่นไร? เด็กหญิงน้อยผู้นี้มีชีวิตที่ยากลำบากอย่างยิ่งแต่นางมีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ เมื่อข้าได้พบท่าน ท่านชิง ข้าก็คิดทันทีว่าท่านคือคนที่ข้าตามหา ข้าเพียงหวังว่าเฉิงหมิงจะมีวาสนาที่ดีในอนาคต” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เมื่อพูดถึงเรื่องหมั้นหมายเขาไม่คิดว่าชายชราจะยืนกรานเรื่องนี้ เขากำลังมองหาผู้ที่เหมาะสมในอนาคตของบุตรหลานของตนเองและชิงสุ่ยก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่เด็กหญิงน้อยนั้นจะหมั้นหมายกับลูกชายของเขาแทน แม้ว่าชายชราผู้นี้จะไม่รู้ว่าลูกชายของเขาในอนาคตนั้นจะเป็นเช่นไรแต่เขาก็รู้สึกว่าตนเองนั้นมีสายตาที่เฉียบแหลมอย่างยิ่ง

 

“หากเป็นเช่นนั้น เราคงต้องก็แก้ปัญหาของนางก่อนในตอนนี้ท่านผู้อาวุโส ขอโทษด้วยเด็กหญิงน้อยต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“ไม่เป็นไร มันถือเป็นเกียรติของตระกูลปู้หยางของเรา” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยความยินดี

 

ชายชราผู้นี้เป็นผู้ที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ชายชราผู้นี้รู้ว่าชิงสุ่ยย่อมประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีกในอนาคตและผ่านไปถึงระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจได้แล้วลูกหลานของเขาก็จะได้รับผลของความสำเร็จนั้นเช่นกัน ชิงสุ่ยสงสัยว่ามีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจที่อยู่ในตระกูลปู้หยางหรือไม่ เขาคิดว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะบรรลุความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับตระกูลปู้หยาง

 

ชิงสุ่ยนำสิ่งที่ดีๆต่างๆออกมามากมายและช่วยเด็กหญิงน้อยผู้นี้ชำระล้างสิ่งสกปรกที่อยู่ในร่างกายของนาง เด็กหญิงน้อยผู้นี้คือลูกสะใภ้ของเขาในอนาคต เขาหวังว่าหลงเอ๋อจะไปได้ดีกับนาง

 

“ท่านผู้อาวุโส พลังของขั้นแรกเริ่มระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจนั้นมีมากเพียงใดกัน?” ชิงสุ่ยถามคำถามนี้ออกไปด้วยความสงสัย เพราะมีเพียงแค่เขาและผู้อาวุโสปู้หยางที่อยู่ด้วยกันในห้องนี้

 

เด็กหญิงน้อยได้ออกไปเดินเล่นกับลี่จี๋

 

“หนึ่งล้านสุริยา!” คำตอบของผู้อาวุโสปู้หยางนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง

 

ชิงสุ่ยรู้สึกมึนงงทันทีเมื่อเขาได้ยินจำนวนของมัน มันน่ากลัวเกินไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมแม้แต่ตอนที่เขาเห็นระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจนั้นมันอยู่ไกลเกินเอื้อมราวกับดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้า เขาสามารถไปหามันได้แต่เวลาที่ต้องใช้นั้นมหาศาลจนเกินไป

 

พลังหนึ่งล้านสุริยาจึงจะสามารถเข้าสู่ขั้นแรกเริ่มระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจ มันน่าจะเป็นพลังที่สูงที่สุดในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำรวมถึงมหาทวีปมังกรอหังกาล และมหาทวีปอุดรเทวา ชิงสุ่ยอยู่ในความตกตะลึงเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะกลับสู่ความเป็นจริงและเห็นชายชรากำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม

 

“ข้าเหม่อลอยไปหน่อย ช่างน่าอายยิ่งนัก” ชิงสุ่ยยิ้มด้วยความรู้สึกที่เขินอาย

 

“โอ้ ไม่ ชิงสุ่ย ท่านจะต้องไปถึงระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจได้อย่างแน่นอนในอนาคต” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขานั้นดูมั่นใจอย่างยิ่ง

 

“โอ้? ท่านดูมั่นใจอย่างยิ่งในเรื่องนี้ ส่วนข้านั้นไม่เชื่อมั่นแม้แต่ตนเอง ท่านผู้อาวุโสบอกเหตุผลนั้นแก่ข้าได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยต้องการฟังเหตุผลของผู้อาวุโสปู้หยาง

 

“สัญชาตญาณน่ะ ข้าไม่อาจอธิบายมันเป็นคำพูดได้”

 

ผู้อาวุโสปู้หยางให้คำตอบแก่ชิงสุ่ยจนเขาเองก็พูดไม่ออก เป็นที่รู้กันดีว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นน่ากลัว แต่ดูเหมือนว่าคำตอบนี้จะไม่ถูกต้องเสมอไปเพราะสัญชาตญาณของผู้ชายนั้นก็อาจจะน่ากลัวมากเช่นกัน

 

“มีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในอาณาจักรอี่หวงหรือไม่?”

 

ผู้อาวุโสปู้หยางนั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรอี่หวง แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่อาจบอกได้ว่าพลังของเขานั้นมีมากเพียงใด เขารู้สึกเพียงว่ามันล้ำลึกและไม่อาจประเมินค่าได้

 

“มี แต่ก็ไม่กี่คนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบางคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจแต่ยังไม่อาจยกระดับขึ้นไปได้” ผู้อาวุโสปู้หยางยิ้มให้กับชิงสุ่ย

 

“จุดสูงสุดระดับพลังปราณจักรพรรดินั้นมีพลังมากเพียงใดกัน?” ชิงสุ่ยดูเหมือนจะนึกคำถามนี้ขึ้นได้อย่างฉับพลัน

 

“300,000 สุริยาบางคนก็ 500,000 สุริยา บางคนหยุดการพัฒนาหลังจาก 300,000 สุริยา บางคนก็ไม่อาจพัฒนาต่อไปได้หลังจาก 500,000 สุริยา เว้นแต่พวกเขาจะยกระดับขึ้นสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจได้พวกเขาจะต้องติดอยู่กับระดับพลังนี้ตลอดไป ไม่มีผู้ใดจะมีพลังเกินไปกว่า 500,000 สุริยาก่อนที่จะเข้าสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจ”

 

“ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโส นี่ทำให้ข้าเข้าใจสิ่งต่างๆได้ในทันที ข้าเพิ่งจะมาที่นี่เพียงไม่กี่วัน ข้าสงสัยว่าอาณาจักรอี่หวงนั้นอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิใดหรือไม่?”

 

“อาณาจักรอี่หวงนั้นถูกปกครองโดยตระกูลขุนนาง มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนั้นส่วนใหญ่จะถูกปกครองด้วยตระกูลขุนนางและกลุ่มของตระกูลขุนนาง ตระกูลขุนนางในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนั้นคือผู้ที่ทรงพลังที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตระกูลเหล่านั้น ตระกูลขุนนางชั้นสูงนั้นไม่ได้แตกต่างจากนิกายใหญ่หรือจักรวรรดิเลย” ผู้อาวุโสปู้หยางหัวเราะ

 

ชิงสุ่ยหยุดถามผู้อาวุโสปู้หยางเรื่องความแข็งแกร่ง ในตอนนี้เขารู้คร่าวๆแล้วว่าพลังของอาณาจักรอี่หวงนั้นมีมากเพียงใด ที่นี่ยังมีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจด้วยเช่นกันแต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อาจมีมากขึ้นในเมืองหลวงของทวีป อาณาจักรอี่หวงนั้นมีเพียงไม่กี่คนแต่ก็มีผู้ที่มีพลัง 300,000 สุริยาด้วยเช่นกัน บางทีอาจจะมีบางคนที่มีพลัง 500,000 สุริยาแต่นั่นก็มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น

 

เมื่อคนๆหนึ่งได้ยกระดับขึ้นสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกยุทธที่มีพลัง 300,000 สุริยาและหนึ่งล้านสุริยามันไม่อธิบายมาเป็นคำพูดได้เลย ผู้ที่มีพลัง 300,000 สุริยานั้นย่อมไม่อาจแม้แต่อย่าแตะต้องผู้ที่มีพลังหนึ่งล้านสุริยา แต่ผู้ที่มีพลังหนึ่งล้านสุริยานั้นสามารถบดขยี้ผู้ที่มีพลัง 300,000 หรือ 500,000 สุริยาได้ราวกับมดตัวหนึ่ง นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเขา

 

……

 

เพียงพริบตาก็ผ่านมากว่า 20 วันแล้วนับตั้งแต่ชิงสุ่ยได้มาถึงมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ เขาได้มาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เขาไม่เคยคาดหวังว่าศาสตร์แห่งการรักษาและการปรุงอาหารนั้นจะสามารถผสมผสานกันได้ภายในอาณาจักรอี่หวงนี้ แต่ตระกูลอี่หวงที่ลึกลับนั้นกลับไม่เคยแม้แต่จะมาพูดคุยกับเขาเลย ด้วยคำพูดของอี่หวง กู่หวู๋ ชิงสุ่ยย่อมไม่คิดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลอี่หวงตามลำพังอย่างแน่นอน

 

มีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในอาณาจักรอี่หวง ดังนั้นย่อมต้องมีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในตระกูลอี่หวง สำหรับชิงสุ่ยตระกูลอี่หวงนั้นเป็นเหมือนตัวตนอันยิ่งใหญ่ ที่สามารถกลายเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงได้ภายในอาณาจักรอี่หวง แน่นอนว่าตระกูลอี่หวงนั้นจะต้องใช้พลังของพวกเขาในการปกครองอาณาจักรอี่หวงอย่างนี้ เพราะในโลกแห่งการฝึกยุทธนี้มีเพียงพลังเท่านั้นที่จะปกครองทุกสิ่ง

 

ถึงแม้ว่าตระกูลปู้หยางและตระกูลตู่กู๋จะเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงแบบเดียวกับตระกูลอี่หวงในอาณาจักรอี่หวงหากมองเพียงผิวเผิน ก็ยังมีความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างพวกเขามันเหมือนกับเหล่าจักรวรรดิ์และตระกูลต่างๆในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก

 

ชิงสุ่ยอยากจะถามว่ามีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจหรือไม่ในตระกูลปู้หยางแต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป มีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในอาณาจักรอี่หวงแต่เขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ที่ใดบ้าง ที่เขารู้ในตอนนี้คือมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและมันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะอยู่ในตระกูลปู้หยางหรือไม่ เขาไม่ต้องการที่จะพึ่งพาใคร

 

จุดประสงค์หลักในตอนนี้คือชิงสุ่ยไม่ควรเข้าใกล้ตระกูลอี่หวง เขามีความรู้สึกว่าเขาจะต้องเกี่ยวพันกับตระกูลอี่หวงไม่เร็วก็ช้า และปัญหาของเรื่องนี้คือสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับอี่หวง กู่หวู๋

 

“ชิงสุ่ย เจ้าให้สัญญากับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”

 

“จงอย่ารักษาผู้ป่วยคนไหนของตระกูลอี่หวง”

 

“ข้าให้สัญญากับเจ้า!”

 

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ ชิงสุ่ยส่ายศรีษะเพื่อให้คำถามต่างๆหมดไปจากหัวของเขา เขาทิ้งใบอบเชยหยก ปลาชีพนิรันดร์ และสิ่งอื่นๆไว้ที่นี่มากมาย เพราะเขากำลังเตรียมตัวที่จะกลับไปยังมหาทวีปทั้ง 5 ในอีกไม่กี่วันนี้

 

ธงสวรรค์ปัญจธาตุที่ถูกตั้งไว้ในทุกตำแหน่งสามารถใช้งานได้ 1 ครั้งต่อเดือนแต่ไม่ใช่ 30 วัน และตอนนี้เขาก็สามารถใช้มันเดินทางได้อีกครั้ง

 

เขามีหมอปีศาจที่คอยจับตามองเหล่าหมอที่เก่งกาจและรับสมัครคนที่เหมาะสมเข้าร่วมกับห้องอาหารแห่งจักรพรรดิแต่พวกเขาจะต้องมีศักยภาพที่ดีด้วยเช่นกัน หมอปีศาจตัดสินได้ง่ายว่าใครก็ตามที่ต้องการเข้าร่วมและมีส่วนร่วมกับห้องอาหารแห่งจักรพรรดิย่อมต้องไม่ด้อยไปกว่าตัวเขาเอง

 

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขาได้กลับไปยังมหาทวีปธรรมไตร แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตื่นเต้นเท่ากับครั้งที่แล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย สิ่งที่เขาไม่เคยฝันถึงเลยในอดีตก็กลายเป็นความจริง มันเป็นเรื่องง่ายเมื่อเขาสามารถทำมันได้ หากไม่มีธงสวรรค์ปัญจธาตุมันก็คงจะทำให้เขารู้สึกยากยิ่งกว่าการที่จะทะยานขึ้นไปบนสวรรค์

 

ทันทีที่ชิงสุ่ยกลับไปยังตระกูลชิง คนแรกที่เขาเห็นคือเหวินเหรินอูซวง มู่ชิง และอวี้เหอ

 

พวกนางได้กลับมาแล้ว

 

สิ่งแรกที่ชิงสุ่ยได้เห็นทันทีที่เขาเข้าไปในบ้านของเขานั้นคือพวกนาง พวกนางยังคงงดงามเหมือนครั้งแรกที่เขาได้เห็น เหวินเหรินอูซวงแต่งกายด้วยชุดสีขาวราวหิมะเต็มตัวพร้อมกับอวี้เหอ ยกเว้นที่อวี้เหอนั้นสวมชุดที่ไม่มีสายหนังรัด นางมีกายาร้อยบุปผาซึ่งเป็นที่รักของหมู่บุปผา มู่ชิงนั้นอยู่ในชุดวิหคเพลิงสีทองพร้อมกับกระโปรงจีบซึ่งแสดงให้เห็นถึงร่างกายอันงดงามของนาง หญิงสาวทั้งสามคนตกตะลึงในทันทีเมื่อพวกนางได้เห็นชิงสุ่ย ก่อนที่ความประหลาดใจจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกนาง

 

ชิงสุ่ยพุ่งเข้าไปหาพวกนางในทันทีพร้อมกับกอดเหวินเหรินอูซวงด้วยแขนข้างหนึ่งและกอดมู่ชิงด้วยแขนอีกข้าง แต่เขาก็รีบปล่อยพวกนางและเข้าไปกอดกับอวี้เหอ

 

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอวี้เหอนั้นค่อนข้างกระท่อนกระแท่น เขาเคยมีความรู้สึกกับนางในเมืองร้อยไมล์ แต่ในตอนนั้นทั้ง 2 กำลังงุนงงกับความรู้สึกครั้งนั้นและต้องแยกจากกันไปกว่า 20 ปี เขายังได้รู้จักเหวินเหรินอูซวงในเมืองร้อยไมล์ นางเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธที่ทรงพลังที่สุดที่เขาได้พบในตอนนั้นเมื่อนางอยู่ในระดับพลังปราณเทวะเซียนเทียน

 

หัวใจของอวี้เหอนั้นบีบคั้นเมื่อนางได้เห็นชิงสุ่ยกอดกับเหวินเหรินอูซวงและมู่ชิงแต่มันก็ไม่ได้มากจนรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ทันทีที่เขามากอดนางความรู้สึกเช่นนั้นก็ได้หายไป

 

ความจริงแล้วพวกนางต่างรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างทุกๆคนตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ชิงสุ่ยได้ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้พวกนางไปไหนอีก

 

ไม่นานหลังจากนั้นทุกๆคนของตระกูลชิงก็มาปรากฏตัวที่นี่เช่นกัน เด็กหลายๆคนก็ได้วิ่งออกมา มันผ่านมา 1 เดือนแล้วนับตั้งแต่ชิงสุ่ยได้กลับมาที่นี่ครั้งที่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งหมดจึงเชื่อว่าชิงสุ่ยจะกลับมาที่นี่เดือนละครั้ง

 

หลังจากได้ทักทายกับคนในครอบครัวของเขาชิงสุ่ยก็นำซาลาเปาหยกและอาหารอื่นๆออกมา พวกมันถูกเก็บเอาไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อเป็นของขวัญสำหรับพวกเด็กๆ นอกจากนั้นเขายังช่วยปรับปรุงร่างกายของคนอื่นๆด้วยเข็มแห่งชีวิตและความตายพร้อมกับฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต

 

เขามีฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตมากมายและยังมีอย่างอื่นๆอย่างเช่นหยาดน้ำค้างแห่งจิตวิญญาณ เขายังมีศิลาวิญญาณหมื่นปีเมื่อตอนที่เขาได้กลับไปที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก เขาได้รับค่อนข้างมากในสิ่งที่เขาไม่อาจหาได้ในมหาทวึปทั้ง 5 นี้ที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตกและมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ

 

โดยเฉพาะในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ หมอปีศาจนั้นได้รวบรวมสมุนไพรเอาไว้มากมายเพราะว่าสิ่งที่ ‘ลูกค้า’ ที่อยู่ในชั้นที่ 4 ของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิจ่ายให้นั้นไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงเงินตราแต่ยังรวมไปถึงสมุนไพรและสมบัติอื่นๆด้วยเช่นกัน

 

หมอปีศาจไม่ได้ขาดเงินตรา ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนักสำหรับเหล่ายอดฝีมือที่จะใช้เงินตราเพียงอย่างเดียว

 

การทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายในร่างกายและการบำรุงร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดและการสร้างพื้นฐานของร่างกายที่ดี แม้แต่คนอย่างชิงอี้และชิงหลัวที่ถูกจํากัดเอาไว้โดยยาเม็ดทองคำเซียนเทียนก็สามารถหลุดพ้นออกจากผลของยานั้นมาได้

 

นี่เป็นการค้นพบครั้งใหม่และยังเป็นผลงานของเข็มแห่งชีวิตและความตายด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าทุกๆอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต

 

นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขนั่นก็คือหญ้าทะลวงสวรรค์

 

หญ้าทะลวงสวรรค์ในดินแดนหยกยุพราชอมตะนั้นสามารถใช้ได้แล้วในตอนนี้ เขาสามารถปรุงยาเม็ดเสริมสร้างลมปราณสวรรค์ ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณตู และยาเม็ดอสรพิษทองคำให้ออกมาดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ด้วยศาสตร์แห่งการรักษาของเขาเขาสามารถทำให้พวกนางซึมซับยานี้เข้าไปได้

 

ยาเม็ดเสริมสร้างลมปราณสวรรค์สามารถชำระล้างจุดลมปราณที่สำคัญในร่างกายของมนุษย์ได้ จุดลมปราณเทียนตู

 

ชิงสุ่ยใช้เวลาตลอดทั้งวันในการช่วยเหลือผู้คนของตระกูลชิงเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาและเตรียมที่จะปรุงยา

 

ตลอดมื้ออาหารค่ำชิงสุ่ยนั้นอุ้มชิงหลงพร้อมยิ้มให้กับจรู้ชิง “ข้าได้หมั้นหมายหลงเอ๋อไว้ที่มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำในตอนนี้ อีกฝ่ายนั้นเป็นตระกูลที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แต่หากเด็กทั้งสองคนนั้นเข้ากันไม่ได้ในอนาคต เราก็จะไม่บังคับพวกเขา”

 

“ท่านพี่สุ่ย มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอ! ข้ายังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ!” ชิงเป่ยร้องอุทานด้วยความตกใจ

 

“เป่ยน้อยของเรามีมาตรฐานที่สูงยิ่ง แต่ข้าไม่อยากแนะนำให้เจ้าแต่งงานเร็วเกินไปเพราะข้าอาจจะพาเจ้าไปยังที่ไหนสักแห่งที่กว้างใหญ่ไพศาลในอนาคต ตอนนั้นเจ้าจะได้พบชายหนุ่มรูปงามมากมาย ดังนั้นเจ้าจงตัดสินใจให้รอบคอบจะดีกว่า อย่าไปรู้สึกอิจฉาคนอื่นด้วยเช่นกัน” ชิงสุ่ยหัวเราะ

 

“เจ้ากล่าวเรื่องไร้สาระอะไรกัน?” ชิงอี้ขบขันออกมาเล็กน้อย

 

จรู้ชิงยิ้มด้วยความยินดีและปล่อยให้ชิงสุ่ยตัดสินใจ หลงเอ๋อนั้นยังคงเด็กนัก เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาทั้งสองคงจะได้รู้จักกันก่อน บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้

 

รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิงนั้นไม่ถือว่าเป็นรุ่นเยาว์อีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะยังอายุน้อยเมื่อเทียบกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ นอกจากนี้พลังของพวกเขายังพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วอย่างน้อยก็เกินกว่าค่ามาตรฐานของ 5 มหาทวีปนี้ เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วการพัฒนาของพวกเขานั้นถือว่ารวดเร็วกว่าและที่สำคัญที่สุดคือพื้นฐานทางร่างกายของพวกเขานั้นก็ดีกว่าด้วยเช่นกัน

 

ชิงสุ่ยและพยายามอย่างมากในการช่วยพัฒนาพื้นฐานทางร่างกายของพวกเขา เพราะพวกเขาถูกจำกัดเอาไว้โดยพรสวรรค์แต่กำเนิดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าเขาอาจจะช่วยพวกเขาสร้างพื้นฐานของร่างกายให้ดีขึ้นได้ซึ่งนั่นจะดีกว่าการฝึกฝนเพื่อความสมบูรณ์แบบ อย่างเช่น เคล็ดกระบี่พื้นฐานของเก่า ความจริงแล้วชิงสุ่ยได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ด้วยความหวังว่าวันหนึ่งเขาสามารถเปลี่ยนมันด้วยยาและศาสตร์แห่งการรักษาของเขาได้

 

ในตอนนี้โอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว เขาใช้เข็มแห่งชีวิตและความตาย ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต และยาอื่นๆ ในตอนนี้พลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะพรสวรรค์ตามธรรมชาติของพวกเขาได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด นี่คือการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับตระกูลชิง พลังของตระกูลชิงสามารถไปถึงระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรมได้ ตอนนั้นเวลาชีวิตของทุกๆคนย่อมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ยังมีโอกาสที่จะทำเช่นนั้นได้ และมันจะเกิดขึ้นกับรุ่นที่ 4 ของตระกูลชิงด้วยเช่นกัน

 

ที่จริงแล้วความหวังครั้งนี้ถูกวางเอาไว้กับรุ่นที่ 4 ของตระกูลเพราะว่าพวกเขาสามารถทำให้มันเป็นจริงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ตราบใดที่ผู้ที่อยู่ในรุ่นที่ 3 ของตระกูลนั้นสามารถประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด