Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1390

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1390 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1390 – การร่วมมือกันกับผู้ปกครอง  ผู้ปกครองฝั่งขวาของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจะลงมือรึไม่?

 

กลุ่มเมฆาสะท้านนภาเองก็น่าสนใจไม่เบา แต่กลุ่มนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำเท่าไรนัก

 

อย่างไรก็ตามกลุ่มเมฆาสะท้านนภานั้นเป็นที่พึ่งที่ดีทีเดียว ทั้งยังมีสมาชิกที่เก่งกาจ สองคนนี้ก็เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะหญิงสาวที่แข็งแกร่งกว่าชายหนุ่ม

 

“ข้าขอถามได้ไหม ว่าท่านทั้งสองคนเป็นใคร ? แล้วมาหาข้าทำไมเหรอ?”ชิงสุ่ยยิ้มและมองทั้งสอง ก่อนจะเชิญให้ทั้งสองนั่ง

 

ชิงสุ่ยเตรียมชาที่นำมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ ก่อนจะยกมาให้ทั้งสอง

 

ท่าทีของพวกเขาดูสุภาพเช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มและพูดขึ้น “ข้าขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน ข้ามาจากเมฆาสะท้านนภาและกลุ่มของพวกเราต้องการเป็นมิตรกับท่าน”

 

“ใช่ ข้า หยุน ยี่เจี้ยน และนี่ภรรยาของข้า พวกเราเป็นตัวแทนจาก เมฆาสะท้านนภา ข้าสงสัยว่าท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”ชายหนุ่มยิ้มและพูดเสริม

 

ชิงสุ่ยยิ้ม ที่พวกเขาบอกว่าต้องการเป็นมิตร และอยากร่วมสู้กับชิงสุ่ย นี้ถือเป็นการพูดตรง ๆ โดยไม่อ้อมคอม ชิงสุ่ยยิ้มและมองทั้งสอง “แล้วจะมีประโยชน์อะไรบ้าง หากพวกเราเป็นมิตรสหายกัน? ท่านบอกข้าตรงๆ สิ”

 

“ข้าคิดว่าพวก กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำน่าจะจับตาดูท่านอยู่ ท่านมีแผนจะรับมือกับพวกเขาอย่างไรล่ะ?” หยุน ยี่เจี้ยนมองชิงสุ่ย

 

“กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจับตาดูข้าไว้งั้นเหรอ?”ชิงสุ่ยประหลาดใจ หลิงฮู ยูยอกว่าตราบเท่าที่ตระกูลเฉ่ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำก็คงไม่ทำอะไร หรือว่าตระกูลเฉ่ ขอความช่วยเหลือไป? แต่ชิงสุ่ยไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น แม้พวกเขาจะเสียผู้ฝึกตนไปหลายคน ก็ไม่น่าจะส่งผลอะไรกับตระกูลมากขนาดนั้น

 

“ตระกูลเฉ่คงไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ แล้วทำไมพวกเขาถึงจับตาดูข้าล่ะ?”

 

“ตระกูลเฉ่ ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำก็จริง แต่ที่พวกเขาอย่างนั้นอาจจะเป็นเพราะผู้ปกครองฝั่งซ้ายมีคู่หมั้นเป็นสมาชิกตระกูลเฉ่ พวกเขาน่าจะเข้าไปช่วยเหลือ แม้ตระกูลเฉ่จะไม่ได้ร้องขอก็ตาม”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิงสุ่ยก็เข้าใจทันที แสดงว่าเครือญาติของตระกูลเฉ่แข็งแกร่งมาก  ผู้ปกครองฝ่ายซ้าย …ชิงสุ่ยรู้ว่าตามลำดับความแข็งแกร่ง มือขวานั้นแข็งแกร่งกว่ามือซ้าย แต่ความจริงแล้วทั้งสองแข็งแกร่งพอกัน และในที่นี้ผู้ครองฝั่งซ้ายอาจจะแข็งแกร่งกว่าเสียด้วยซ้ำ..

 

ไม่มีใครเป็นอันดับหนึ่งและไม่มีลำดับสองในเส้นทางผู้ฝึกตน แต่เมื่อมีการประลอง แน่นอนว่าต้องมีผู้ชนะ โดยตำแหน่งของผู้ปกครองฝ่ายซ้ายเปรียบเสมือนตัวแทนของกลุ่ม และอาจจะเหนือกว่าใครหลายคน

 

ชิงสุ่ยเป็นกังวลเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองหยุน ยี่เจี้ยน “ก็ดี งั้นเราจะเป็นมิตรกันได้สินะ?”

 

“ข้ามีผู้อาวุโสที่อายุขัยของเขาใกล้หมดเวลาแล้ว ข้าคิดว่าท่านหมอเทวดาอาจจะช่วยยืดอายุของเขาได้สักหน่อย ในฐานะสหายข้าก็จะช่วยท่านเรื่องกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ” หยุน ยี่เจี้ยนมองชิงสุ่ยและตอบอย่างจริงจัง

 

“แล้วเมฆาสะท้านนภาสามารถต่อสู้กับกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำได้หรือเปล่าล่ะ?”ชิงสุ่ยถาม

 

“จริงอยู่ที่เมฆาสะท้านนภา ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับวิหคอัคคีร่ายรำ แต่พวกเขาก็ทำอะไรพวกข้าไม่ได้เช่นกัน ถ้าพวกเขาทำลายพวกข้า พวกนั้นก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ และหากข้าเอ่ยปากเช่นนี้ แม้ข้าอาจจะมาอยู่เคียงข้างท่านในตอนนี้ไม่ได้ แต่ข้าจะให้คนของเมฆาสะท้านนภาอยู่กับท่านเพื่อปกป้องท่านดีไหม?” หยุน ยี่เจี้ยนเสนอความเห็น

 

“ไม่จำเป็นหรอก ตราบเท่าที่พวกท่านจะช่วยข้าจัดการวิหคอัคคีร่ายรำ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว จากนี้ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้วล่ะ พี่หยุน”ชิงสุ่ยพูดอย่างจริงจังก่อนจะยกถ้วยชาให้ หยุน ยี่เจี้ยน

 

“งั้นข้าถือว่าเจ้ายอมรับข้อตกลง”หยุน ยี่เจี้ยน ยิ้มและตอบ

 

“ข้าชิงสุ่ย”ชิงสุ่ยแนะนำตัว

 

“น้องชิงสุ่ย.. ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ทำตัวมีพิธีรีตองแล้วล่ะ” หยุน ยี่เจี้ยนตอบรับอย่างมีความสุข

 

ชิงสุ่ยมองคนออก ชายตรงหน้านั้นสุภาพและมีความใจกว้าง เขาน่าจะเป็นใหญ่ใน กลุ่มเมฆาสะท้านนภาอีกด้วยเพราะเขาแข็งแกร่งมาก

 

พลัง….หากมีพลังและได้รู้จักกับคนที่มีพลังเท่ากันก็เป็นเรื่องดี ในอดีตอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจเป็นเหมือนตำนาน และตอนนี้พวกเขาก็มีตัวตนจริง ๆ  ถ้าหากไม่แข็งแกร่งระดับอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายอยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจเหมือนกัน ก็เหมือนคำกล่าวที่ว่านกชนิดเดียวกันก็มักอยู่ร่วมกันเป็นฝูง

 

“แล้วอาการของคนผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยคิดก่อนจะถาม

 

“ยังมีเวลาอีกครึ่งปี”

 

ในเวลาเช่นนี้ เจ้าตัวคงจะรู้ว่าอายุขัยของเขาเหลือเท่าไร..

 

“ท่านเชื่อว่าข้าจะทำได้ใช่ไหม..”ชิงสุ่ยถาม

 

“ข้าเชื่อ เจ้าไม่ได้พูดว่าเป็นไปได้ นั่นหมายความว่ามันเป็นไปได้” หยุน ยี่เจี้ยนตอบ

 

เมื่อได้ยินดังนั้นชิงสุ่ยยิ้มอีกครั้ง “งั้นข้าควรจะไปเยี่ยมเขาเมื่อไรดี หรือท่านจะพาเขามาที่นี้?”

 

เพราะมีคนอื่น ๆ อยู่ที่นี้ด้วย ชิงสุ่ยจึงไม่อยากจากที่นี่ไป

 

“เจ้าคงจะยุ่ง ดังนั้นข้าจะพาผู้อาวุโสมาที่นี้ ถึงแม้อายุขัยของท่านประมุขจะเหลือแค่ครึ่งปี แต่ท่านก็ยังแข็งแกร่งมาก” หยุน ยี่เจี้ยนตอบตามตรง

 

“งั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นข้าก็ยินดีต้อนรับท่านเสอ..พี่ชาย”

 

“เอาล่ะ.. ข้าคงต้องเดินทางกลับก่อน ถ้าเป็นไปได้ ข้าจะกลับมาที่นี้พรุ่งนี้พร้อมท่านประมุข” “หยุน ยี่เจี้ยนยืนขึ้น ภรรยาของเขาก็ลุกขึ้นเช่นกัน เธอยิ้มให้ชิงสุ่ย

 

“ตามนั้น!”

 

“ดังนั้นตอนนี้ข้าคงเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว..”

 

หญิงสาวยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะพูดทิ้งท้าย เธอมีรูปร่างที่งดงาม ไม่ว่าชายใดก็คงละสายตาไม่ได้..

 

ชิงสุ่ยใช้มือถูจมูกแก้เขิน หยุน ยี่เจี้ยนจึงรีบพูดเสริม “นางก็เป็นแบบนี้ล่ะ อย่าถือสานางเลย”

 

“ข้าจะถือสานางทำไมกัน..ท่านช่างโชคดีจริงๆ พี่ชาย”ชิงสุ่ยรู้ทันทีเมื่อเห็นท่าทางของหยุน ยี่เจี้ยนว่าเขารักภรรยามากเพียงใด รักยิ่งเสียกว่ารักตัวเอง

 

“เจ้าเองก็เช่นนั้น ภรรยาของเจ้าก็งดงามไม่เบา..”

 

“ฮึ่ม!”

 

ไม่ทันพูดจบ เสียงในลำคอของภรรยาเขาดังขึ้นเบา ๆ หยุน ยี่เจี้ยนจึงเงียบแล้วหันไปยิ้มให้ภรรยาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อชิงสุ่ยเห็นเช่นนั้นเขาก็รีบล้อเลียนอีกฝ่ายทันที

 

“พี่สะใภ้ ท่านช่างมีวิธีจัดการเขาได้อยู่มัดจริงๆ!”

 

 

คู่สามีภรรยานั้นเดินทางกลับไปแล้ว ชิงสุ่ยจึงกลับไปที่หอคอยจักรพรรดิ หยุน ยี่เจี้ยนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเมฆาสะท้านนภามากนัก และชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้ถาม ตอนนี้พวกเขาก็คือสหายที่ดีต่อกัน แม้อาจจะเป็นไปในเชิงเพื่อนร่วมงานก็ตาม แต่ถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นพัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะเป็นเพื่อนแท้ต่อกันจริงๆ

 

เมื่อมีเมฆาสะท้านนภามาอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะถ้าหลังจากนี้เขาต้องต่อสู้กับ วิหคอัคคีร่ายรำ ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามีทางเดียวคือเขาต้องหนี!

 

ฝึกฝน…. กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตถือเป็นท่าไม้ตายของชิงสุ่ยในตอนนี้ ดังนั้นถ้าชิงสุ่ยอยากชนะ เขาต้องพึ่งทักษะนี้

 

เกราะทองคำวชิระทำให้ชิงสุ่ยป้องกันตัวจากทักษะสังหารได้ แต่ยังไม่ใช่การป้องกันรูปแบบ ซึ่งชิงสุ่ยก็ไม่ได้กังวัลเรื่องนั้นแต่อย่างได้ ที่เขาก็วลก็คือทักษะสังหารของทักษะสวรรค์ เพราะมันพร้อมจะเล่นงานเขาทุกเมื่อ หากเขาประมาท

 

 

ค่ำคืนผ่านไป และเช้าวันใหม่ก็มาเยือน พร้อมกับหยุน ยี่เจี้ยน เขามาพร้อมกับชายชราท่าทางไม่เป็นมิตร เขาเหมือนชายที่หลุดออกมาจากรูปภาพ แม้จะดูธรรมดาแต่กลับโดดเด่นและมีเสน่ห์ ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าประหลาด

 

ชายชราได้รับ “บัตรเชิญ”จากชิงสุ่ย

 

“น้องชิงสุ่ย ข้าขอแนะนำท่านผู้นี้ให้เจ้ารู้จัก เขาคือประมุขของตระกูล …ท่านประมุข นี่คือชิงสุ่ย เขามีทักษะการรักษาที่วิเศษมาก”หยุน ยี่เจี้ยน แนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันด้วยท่าทางยินดี

 

“ท่านประมุข อีกนิดเดียวท่านก็จะยืดอายุขัยได้แน่..ก่อนหน้านี้ท่านก็ลองอะไรมามากมาย ท่านอยากจะลองรับการรักษาจากข้าดูสักครั้งรึไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มและทักทายเขารา

 

ชายชรามองชิงสุ่ยอย่างแปลกใจเล็กน้อย เขายิ้มให้ชิงสุ่ย บรรยากาศรอบตัวของเขาจึงดูอ่อนโยนขึ้นมาก

 

“หมอเทวดาชิง เจ้าเป็นบุรุษที่ไม่ธรรมดาทีเดียว อัจฉริยะมากมายที่ข้าเคยเจอก็มีความสามารถไม่ได้ดีเด่นอะไรนัก แต่เจ้านั้นสมแล้วกับคำว่าท่านหมอเทวดา“ชายชราพูด

 

“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว” ชิงสุ่ยบอกก่อนจะนำทางพวกเขาขึ้นไปด้านบน

 

“ข้ามักพูดจาขวานผ่าซาก เพราะข้าผ่านอะไรมามากมาย ดังนั้นคนที่ข้าชื่นชมนั้นมีเพียงนิดเดียวเท่านั้น” ชายชราพูดเสริม

 

หยุน ยี่เจี้ยนเองก็รู้ดี เพราะชายชราบอกกับเขาว่า ตัวเขานั้น “พอใช้ได้” ดังนั้นการที่ชายชราชื่นชมชิงสุ่ยเช่นนี้ก็คงมีคนรู้สึกอิจฉาเขามากแน่ ๆ เพราะถึงแม้คนอื่นๆ จะชื่นชมหยุน ยี่เจี้ยนจนเปรียบเปรยเขาเหมือนสวรรค์ แต่ชายชรากับบอกว่าเขาแค่ “พอใช้” เท่านั้น

 

ดังนั้นคำชมที่ชิงสุ่ยได้จึงส่งผลกับ หยุน ยี่เจี้ยนมากพอสมควร

 

ชั้น 6!

 

ชิงสุ่ยช่วยเพิ่มอายุขัยของชายชรา ผลการรักษานั้นยอดเยี่ยมและรวดเร็วโดยใช้เวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมง ชายชราจึงดูเหมือนกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง ด้วยการขจัดสิ่งไม่บริสุทธิ์ก็หายไปและอายุขัยของเขาก็ยืนยาวขึ้น

 

ชายชราตื่นตะลึงอยู่นาน ก่อนเขาจะถอนหายใจและมองชิงสุ่ย “ช่างเป็นการท้าทายสวรรค์เสียจริง ทักษะการรักษาของเจ้านั้นช่างล้ำเลิศเหมือนกับระดับพลังของเจ้า บรรพบุรุษของเจ้าคงดีใจที่มีเจ้าอยู่ในตระกูล!”

 

“ท่านประมุข ข้าแค่เพิ่มอายุขัยให้ท่านเท่านั้น หลังจากนี้ถ้าท่านเกิดการก้าวข้าม อายุขัยของท่านก็จะเพิ่มขึ้นอีก”ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“ข้าเตรียมตัวรอความตายแล้วนานแล้ว แต่เจี้ยนเอ๋อพยายามทุกวิธีทางเพื่อยืดอายุขัยให้ข้า และพาข้าไปพบกับหมอมากมาย แต่พวกเขาก็ช่วยอะไรข้าไม่ได้ ข้าจึงเลิกหวังไปนานแล้ว เช่นเดียวกับวันนี้ แต่ข้าไม่อยากทำให้เขาผิดหวังข้าจึงมาที่นี้ ทว่าผลลัพธ์ช่างเกิดคาดยิ่งนัก ข้าต้องขออภัยที่ข้าเคยเคลือบแคลงใจในความสามารถของเจ้า”ชายชราพูดด้วยท่าทีจริงจัง

 

“ท่านประมุข ท่านไม่ต้องคิดมาก นี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย”ชิงสุ่ยไม่คิดว่าชายชราจะรู้สึกผิดถึงเพียงนี้

 

“ชิงสุ่ย…ข้าเรียกเจ้าว่าชิงสุ่ยได้ไหม?”

 

“แน่นอน เชิญท่านเรียกข้าว่าชิงสุ่ยเถิด”

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นข้าจะพูดอย่างไม่อ้อมค้อม เมฆาสะท้านนภายินดีต้อนรับเจ้าเสมอในฐานะสหายคนสำคัญ เจ้าเป็นคนมีความสามารถมาก ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด ก็ย่อมเป็นที่กล่าวขานแน่ ดังนั้นข้าหวังว่าเราจะกลายเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน เพราะวันหนึ่งเจ้าคงแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ และวันใดที่ตระกูลของข้าเดือดร้อน ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยเหลือตระกูลของข้าได้”

 

เพียงแค่ทักษะการรักษาของชิงสุ่ยก็คงช่วยคนมากมายในตระกูลให้มีอายุยืนยาวขึ้น จะเป็นอย่างไร หากอายุขัยของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยปี?

 

“แน่นอน..ข้าสัญญา ตราบเท่าที่ท่านไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ข้าก็จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเช่นกัน” ชิงสุ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา

 

“ดี ข้าจะช่วยเหลือเจ้าด้วยกำลังทั้งหมด แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า และข้ายินดีที่จะให้คนของฃเมฆาสะท้านนภาพร้อมเสี่ยงทุกเมื่อ!”ชายชราให้คำมั่น

 

“นั่นหมายความว่า..กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำตั้งใจจะโจมตีข้าอย่างนั้นเหรอ?”เมื่อชิงสุ่ยได้ยินที่ชายชราพูด เขาฉุกใจคิด เพราะจากคำพูดของชายชรานั้นสื่อให้ชิงสุ่ยเข้าใจว่าการที่กลุ่มเมฆาสะท้านนภาทั้งตระกูลยินดีที่จะเข้าช่วยเขาแม้ต้องเสี่ยงชีวิต นั้นก็น่าจะหมายความกลุ่มวิหคอัคคีกำลังเตรียมตัวโจมตีเขาแน่ ๆ… ชิงสุ่ยเข้าใจอย่างชัดเจน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด