Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1430

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1430 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1430 – ผู้ฝึกมังกร มังกรมรกต อสูรสยบมังกรผู้สังหารมังกร

 

การกระทำของชิงสุ่ยยิ่งทำให้ผู้คนจากพระราชวังมังกรหวาดกลัว มันเปรียบเสมือนการต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียว การโจมตีต่างๆซึ่งส่งผลถึงเขาเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่เขาเผชิญหน้ากับฝั่งพระราชวังมังกร ผลลัพธ์คือฝั่งพระราชวงศ์มังกรถูกสังหารอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที

 

ภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้น มันทำให้ชายชราอีกคนนึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะตอนนี้พระราชวังมังกรได้รับความเสียหายและต้องสูญเสียผู้คนไปกว่าครึ่ง แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกตนที่อ่อนแอ แต่ก็มีหลายคนนักที่อยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ เหล่านักรบแนวหน้ากลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกำลังสนับสนุนหลักของพระราชวังมังกร แต่ในหมู่คนเหล่านั้น มีคนถึง 2 คนที่สามารถปลดปล่อยทักษะสังหารไร้ปราณีได้

 

ชายชราสะบัดมือของเขา!!

 

โฮกกก!!

 

มังกรมรกตปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันคือมังกรขนาดใหญ่ที่ยาวกว่า 800 เมตร เสียงคำรามของมันดังมากพอที่จะทำให้จิตใจของผู้คนเบื้องล่างสั่นสะเทือน การปรากฏตัวของมังกรมรกตเหมือนแรงปลุกใจที่ทำให้อาการขวัญหนีดีฝ่อของผู้คนพระราชวังมังกรหายไปและแทนที่ด้วยกำลังใจอันแรงกล้าที่จะเข้าต่อสู้

 

ผู้คนจากตำหนักยุทธ์ตื่นตระหนกทันทีที่เห็นมังกรมรกตขนาดมหึมาทะยานอยู่บนท้องฟ้า มันคือมังกรสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง แม้แต่ประมุขอสูรและฮัวรูเหม่ยเองถึงกับขมวดคิ้ว

 

“เราควรจะเดินหมากต่อไปในทิศทางใดดี?”ฮัวรูเหม่ยกล่าวด้วยความกังวล

 

“มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์  ถ้าหากเราเดินหมากในตอนนี้ ศัตรูก็จะกำลังทั้งหมดออกมาทันที เราควรจะรอเวลาอันเหมาะสมเพื่อจะทำให้มันไม่สามารถต่อกรกับเราได้อีก”ปรมิตาสูตรคิดก่อนจะตอบชั่วครู่หนึ่ง

 

ชิงสุ่ยรีบตรวจสอบมังกรมรกตดูเหมือนว่ามันจะมีพลังทัดเทียมกับมังกรสีครามก่อนหน้านี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะมีผู้ฝึกสัตว์มังกรแฝงตัวอยู่ในพระราชวังมังกรจริงๆ นั่นก็มีความเป็นไปได้ว่าพระราชวังมังกรอาจจะถูกตั้งชื่อตามผู้ฝึกสัตว์มังกร? และที่น่าสงสัยที่สุดนั่นก็คือผู้ฝึกสัตว์ชนิดใดกันที่สามารถฝึกฝนมังกรมรกตให้เชื่องได้

 

ชายชราเดินตรงไปยังเบื้องหน้าสนามรบอย่างช้าๆ แม้แต่ชายชราคนอื่นๆที่เชี่ยวชาญการก่อรูปแบบยังต้องโค้งคำนับอย่างสุภาพให้กับชายชราผู้นี้แม้ว่าจะติดพันสงครามก็ตาม

 

มังกรขนาดยักษ์กำลังทะยานปีกอยู่เหนือท้องนภา รูปร่างใหญ่โตของมันสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับกองทหารตัวน้อยที่อยู่เบื้องล่าง ขนาดของมันทำให้คนเหล่านี้รู้สึกอึดอัดหัวใจราวกับคนที่หายใจไม่ออก

 

“พ่อหนุ่มน้อย เข้าร่วมกับพระราชวังมังกรเถิด ข้าขอให้คำมั่นสัญญาว่าเจ้าจะได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ที่สูงส่งและทรัพย์สินมั่งคั่งมากมาย”ชายชราจ้องมองชิงสุ่ยและกล่าวอย่างหยิ่งผยอง

 

“ยศฐาบรรดาศักดิ์ที่สูงส่ง? ทรัพย์สินมั่งคั่งมากมาย? ข้ามิได้สนใจสิ่งของเหล่านั้นเลย อย่างข้าสามารถหามันได้ด้วยตัวเองแม้ว่าจะไม่ต้องเข้าร่วมกับนิกายใดก็ตาม”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว เขาไม่สนใจเสียงคำพูดเหล่านั้นแม้แต่น้อย สิ่งนี้ยิ่งทำให้ชายชราประหลาดใจ เพราะตั้งแต่เขาได้เจอผู้คนมากมายก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเมื่อได้เห็นมังกรมรกตของเขา

 

“ถ้าหากเจ้าต้องการหญิงสาวโฉมงามมาปรนนิบัติ ข้าก็สามารถมอบมันให้กับเจ้าได้ในทันทีหรือว่าจะเป็นการมีหน้ามีตาในสังคม ข้าก็สามารถมอบให้กับเจ้าได้เช่นกัน”ชายชราจ้องมองชิงสุ่ยและกล่าวต่อ

 

“หญิงสาวโฉมงาม? ข้าสามารถตามหาพวกนางได้ด้วยตัวเอง สถานะสังคม? ด้วยพลังของข้า ข้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายนัก ทำไมข้าต้องให้คนอื่นมาทำให้ข้าด้วย? ท่านคิดจริงๆหรือว่าท่านจะมีความสามารถมากพอที่จะมอบให้ข้าได้”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะ

 

“ข้าต้องยอมรับจริงๆว่าพ่อหนุ่มน้อยคือคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง แต่ในเมื่อเราไม่อาจเป็นพันธมิตรกันได้ สิ่งเดียวที่ข้าต้องทำก็คือทำลายเจ้าให้เร็วที่สุด ดูเหมือนว่าเจ้าจะบังคับให้ข้าต้องสังหารเจ้าสินะ?”สายตาของชายชราแปรเปลี่ยนกลายเป็นดาบเสียดแทงขณะมองชิงสุ่ย

 

แม้ชายชราจะสวมเสื้อผ้าธรรมดาแต่ก็ไม่อาจปกปิดกลิ่นอายรัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของเขาได้ เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้จะต้องเป็นคนที่มีสถานะสูงส่งภายในพระราชวังมังกร มิฉะนั้นเขาคงไม่กล้าแสดงความยินยโสเพียงนี้

 

“ท่านคิดว่าท่านจะสามารถสังหารฆ่าได้จริงๆหรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวจบพร้อมกับเรียกอสูรสยบมังกรออกมา

 

อสูรสยบมังกรของเขาอาจจะดูตัวไม่ใหญ่นะแต่รัศมีสังหารของมันก็มากพอที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวสับสน แม้แต่สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศตอนนี้ก็รับรู้ถึงภัยคุกคาม และเพิ่มระดับการป้องกันตัว ขณะที่มันเริ่มโคจรไปรอบๆท้องฟ้าเพื่อหาศัตรู ทันที่ที่มันเห็นอสูรสยบมังกร เสียงร้องคำรามของมันก็ดังกึกก้องออกมาอย่างรวดเร็วตลอดเวลา

 

“ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ข้าสามารถสยบเจ้าสัตว์ลื้อยคลานบินได้ตัวนี้ตัวภายในไม่ถึง 15 นาที?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะจ้องมองชายชรา

 

“เจ้าคนชั้นต่ำ เลิกยกยอตัวเองได้แล้ว”ชายชราจ้องมองสัตว์อสูรที่อยู่ข้างกายชิงสุ่ย แม้ว่ามันจะมีหัวมังกร แต่ตัวของมันกลับไม่ได้มีรูปร่างดั่งมังกรเลยแม้แต่น้อย

 

มังกรมรกตของเขาคือมังกรสงคราม แต่มันกลับแสดงอาการตื่นตระหนกออกมา ชายชรากับมังกรสามารถสื่อสารถึงกันและกันได้ เขาจึงตระหนักดีว่ากลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากสัตว์อสูรตัวเล็กตัวนั้นรุนแรงมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นคู่ต่อกรกับมังกรมรกตของเขาได้

 

“สงสัยคงจะต้องตัดสินกันด้วยกันประลองเสียแล้ว แต่ข้ากลัวว่าท่านจะไม่กล้านะสิ”ชิงสุ่ยกล่าวเชื้อเชิญชายชรา

 

“มีอะไรที่ข้าต้องกลัวงั้นหรือ? สิ่งมีชีวิตตัวเล็กจ้อยไม่ต่างอะไรกับขี้ฟันมังกร”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิงสุ่ยก็ลูบหัวอสูรสยบมังกร

 

อสูรสยบมังกรพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วราวกับดาวตก ขณะที่มันเข้าใกล้มังกรมรกต มังกรมรกตเริ่มตื่นตระหนก เพราะว่าพลังทางร่างกายของมันนั้นกำลังลดลง 20%

 

ก่อนหน้าที่อสูรสยบมังกรจะบินทะยานขึ้นเหนือท้องฟ้า ตอนนั้นชิงสุ่ยได้ลูบหัวของมันพร้อมกับแอบร่ายทักษะหงส์เพลิงร่ำร้องไปพร้อมกัน

 

มังกรมรกตร้องคำราม ขณะที่ปีกของมันก็สะบัดฟาดใส่อสูรสยบมังกรอย่างรุนแรง

 

เปลวเพลิงเยือกแข็ง!!!

 

อสูรสยบมังกรที่ได้รับสืบทอดส่วนหนึ่งของเชื้อสายมังกรสีครามปลดปล่อยพลังเปลวเพลิงเยือกแข็งออกมาเพื่อที่จะแช่แข็งฝ่ายตรงข้าม

 

ปังงง!!!

 

อสูรสยบมังกรโดนฟาดเข้าอย่างจังจนตัวของมันนั้นกระเด็นออกไปไกลอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เปลวเพลิงเยือกแข็งก็ไม่สามารถแช่แข็งมังกรมรกตได้ เมื่อชายชราเห็นภาพเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจเพราะรู้แล้วว่าเจ้าอสูรตัวน้อยมิอาจสร้างความระคายเคืองให้กับผิวมังกรมรกตของเขาได้

 

“ดูนั้นสิ นี่แหละที่เขาเรียกว่าความแตกต่าง มันไม่อาจย่างกรายเข้าใกล้ตัวของมังกรมรกตได้แม้แต่นิดเดียว ยิ่งมังกรมรกตเป็นสายพันธุ์ไม้ ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของมันนั้นจึงอยู่ในระดับที่เหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้น”ชายชราพยายามกล่าวคำเตือนให้ชิงสุ่ยฟัง

 

ชิงสุ่ยยิ้มและไม่พูดอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มเคลื่อนไหวภายใต้ทะเลแห่งปัญญา

 

ปราณจักรพรรดิ!!

 

โฮก!!!

 

ในตอนนี้มังกรมรกตกำลังเคลื่อนไหวราวกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเป็นบ้า มันคิดไม่ออกว่าทำไมตัวของมันเองนั้นถึงได้สูญเสียพลังเพิ่มขึ้นอีก 20% นั่นก็เท่ากับว่าในตอนนี้มังกรมรกตจะสามารถปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุดได้เพียงแค่ 60% เท่านั้น

 

ปังงงง!!!

 

อสูรสยบมังกรพุ่งทะลุร่างกายของเจ้ามังกรขนาดมหึมาไปอย่างง่ายดาย แม้ว่าร่างกายของมันจะมีขนาดเล็กเท่ากับตัวลูกวัวตัวหนึ่ง แต่เมื่อเจาะผ่านตัวร่างกายมังกรมรกตไป รูเล็กๆกลับสามารถทำให้เลือดหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยปริมาณที่น่ากลัวได้

 

นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อพละกำลังที่ลดลงต้องเผชิญหน้ากับความเร็วที่ได้เปรียบจากขนาดร่างกาย คิดจริงๆหรือว่าอสูรสยบมังกรจะเป็นสิ่งมีชีวิตตระกูลมังกรที่อ่อนแอ?

 

“เจ้ามันคนให้กำเนิดปีศาจร้าย”

 

ดวงตาของชายชราถูกเติมเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธแค้น ร่างกายของเขาหายวับไปในพริบตาพร้อมทั้งพุ่งไปทางอสูรสยบมังกร

 

“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ เจ้ากลับคำพูดรึ งั้นเจ้าต้องลิ้มลองรสกระบี่ของข้าสักหน่อย!!”ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาเผยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วตัวของเขาเองก็ถือได้ว่าขี้โกงในระดับหนึ่ง เขาได้ช่วยเหลืออสูรสยบมังกรโดยอาศัยทักษะหงส์เพลิงร่ำร้อง อีกทั้งยังใช้ปราณจักรพรรดิโดยที่ผู้อื่นไม่อาจตรวจสอบได้ หากไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อสูรสยบมังกรก็คงไม่อาจเอาชนะมังกรมรกตได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่กังวล เพราะอย่างไรก็ตามผู้คนจากพระราชวังมังกรก็พยายามข่มขู่ทุกวิถีทางโดยอาศัยข้อได้เปรียบจากจำนวนคน ชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งต่างๆนั้นไม่ชอบทำ ดังนั้นการเอาตัวรอดคือสิ่งสำคัญที่สุด

 

แล้วตัวของเขาเองก็รู้ดีว่าถ้าหากเป็นเขาที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาก็คงทำเช่นเดียวกัน โลกนี้ไม่มีอะไรที่ยุติธรรมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่เรียกว่ายุติธรรมก็คือการทำให้พวกพ้องของตนเองคือสิ่งถูกต้อง

 

กระบี่ทองคำ!!

 

 

ชิงสุ่ยพลิกฝ่ามือพร้อมกับยิงกระบี่ทองคำออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็สร้างเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดมาปิดทางกั้นเส้นทางของชายชรา

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ อสูรสยบมังกรกำลังสนุกกับการสร้างรูพรุนให้กับร่างกายของมังกรมรกต สิ่งเดียวที่ได้ยินในตอนนี้คือเสียงกรีดร้องโหยหวนของมังกรยักษ์ สถานการณ์ที่ปรากฏยิ่งทำให้ผู้คนจากพระราชวังมังกรหยุดนิ่งไปชั่วครู่

 

ประมุขอสูร ฮัวรูเหม่ย และผู้คนจากตำหนักไร้ลักษณ์รีบบุกทะลวงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้แต่เต่าเฒ่าโบราณเองก็บุกทะลวงมาเป็นกองหน้า ชิงสุ่ยสะบัดมือของเขาและเรียกสัตว์อสูรของเขาออกมาอีกเล็กน้อย ในตอนนี้ เขาได้ปลดปล่อยพลังปราณจักรพรรดิโจมตีศัตรูอย่างต่อเนื่อง

 

ครึ้นนนนน – เปรี้ยงงงงง!!!

 

อีกฟากหนึ่ง เครื่องรางอัสนีเทวาก็กำลังแสดงฤทธิ์เดช คือสายฟ้ามหาศาลกำลังผ่านลงมาสู่พื้นดินราวกับพื้นสวรรค์ที่กำลังล่มสลาย พื้นที่ทั้งหมดเกิดความโกลาหล เสียงดังเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณหนึ่งลมหายใจ ก่อนที่มันจะหายไป

 

รูปแบบสวรรค์โลกามายาบุษราคัม!!!

 

“มาดูกันข้าจะสอนให้พวกเจ้ารู้เองว่า รูปแบบสวรรค์โลกามายาบุษราคัมที่แท้จริงมันควรเป็นเช่นไร”ชิงสุ่ยปาธงที่อยู่ในมือออกไป

 

ทันใดนั้นท้องฟ้าที่แสนสวยงามก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเทา ชิงสุ่ยจับตาดูค่ายกลรูปแบบนี้มาตั้งแต่ต้น ด้วยความรู้ที่เขามีในปัจจุบันมันทำให้เขาสามารถเข้าใจการทำงานของรูปแบบนี้ในทันที สิ่งที่เขาทำยิ่งสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับชายชราเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผู้นี้กำลังสร้างรูปแบบที่คล้ายคลึงกับของเขา ดูเหมือนว่าปัจจัยต่างๆที่ใช้ในการสร้างค่ายกลรูปแบบเช่นนี้เกิดขึ้นจากการเตรียมตัวของชายชราที่เป็นเจ้าของรูปแบบสวรรค์โลกามายาบุษราคัม

 

เนื่องด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยได้ทดลองสร้างรูปแบบนี้ขึ้น ดังนั้นหากพิจารณาแล้ว รูปแบบที่เขาสร้างขึ้นในครั้งนี้อาจจะไม่ได้ดีกว่าของชายชรา

 

ท้องฟ้าแปรผัน!!

 

เมฆสีเทาจำนวนมากปรากฏขึ้นจนท้องฟ้าทั้งหมดถูกบดบังไปด้วยเมฆสีเทา ชิงสุ่ยเปล่งเสียงตะโกนเสียงดังสนั่น “ทุกคนขว้างเครื่องรางสวรรค์!!”

 

สิ้นสุดคำพูด ทุกคนต่างก็นำเครื่องรางอัสนีเทวาที่ติดกับตัวออกมาแล้วขว้างออกไป

 

การกระทำของพวกเขา ในชั่วพริบตามันก่อให้เกิดพายุฟ้าคะนองทั่วพื้นที่ เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบฟาดลงสู่พื้นดินลาวกับฝูงงูสนธยา

 

พสุธาแปรเปลี่ยน!!

 

ชิงสุ่ยกระทืบลงบนพื้นอย่างรุนแรง

 

ก้าวพสุธาเอราวัณ!!

 

ทันทีที่เท้าของเขากระแทกสู่พื้นดิน พื้นธรณีก็แตกออก จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงก็พุ่งพล่านขึ้นสู่พื้นดินราวกับเตาหลอมนรก

 

สายฟ้าจากสวรรค์กำลังเผาผลาญพื้นโลกราวกับว่าโลกใบนี้กำลังลุกเป็นไฟ!!

 

การกระทำเช่นนี้ทำให้ผู้คนจากพระราชวังมังกรล้มตายกันเป็นจำนวนมาก

 

ปราการจู่โจม!!

 

ชิงสุ่ยปลดปล่อยพลังปราณกดทับทุกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบมันทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่งและหนักราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังกดตัวพวกเขาเอาไว้

 

“ฆ่า อย่าปล่อยให้พวกมันเหลือรอดแม้แต่คนเดียว”ชิงสุ่ยออกคำสั่ง สุดยอดปรมาจารย์แห่งการก่อรูปแบบมีสิทธิ์ที่จะออกคำสั่งเช่นนี้อยู่แล้ว ชิงสุ่ยคือสุดยอดตัวตนที่ไม่ธรรมดาในสายตาผู้คน แม้ว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บในตอนเริ่มต้นถึง 10 คน  คนแต่ไร้คนผู้นี้ การบาดเจ็บล้มตายคงจะมีมากหลายสิบเท่า

 

ปังงงง!!

 

มังกรมรกตค่อยๆร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความหายนะของมังกรปรากฏตัวนี้ทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่าผู้คนจากพระราชวังอสูรเพิ่มทวีคูณ พวกเขาสามารถจับต้องมังกรตัวนี้ได้แล้ว การร่วมสังหารมังกรจึงกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น และถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่สร้างความภูมิใจอย่างดี

 

ชิงสุ่ย ประมุขอสูร ฮัวรูเหม่ย และเต่าเฒ่าโบราณ ร่วมมือกับอสูรสยบมังกรและอสูรอัสนีคลั่งเข้าไล่สังหารเหล่านักรบที่มีพลังระดับแนวหน้า ส่วนวิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำเข้าไล่สังหารเหล่านักรบที่แข็งแกร่ง พละกำลังของพวกมันนั้นตัดเฉือนร่างกายศัตรูราวกับหัวกะหล่ำปลี

 

ทุกคนต่างร่วมมือโจมตีประสานกัน ตลอดทุกย่างก้าวทุกกระบวนท่าที่ชิงสุ่ยขยับ สิ่งที่ไม่คาดคิดย่อมเกิดขึ้น บางครั้งเขาก็เลือกที่จะใช้เครื่องรางสวรรค์โจมตีบางครั้งก็เป็นกระบี่ทองคำ บางครั้งก็อาศัย เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด แค่เพียงเล็กน้อยศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าก็ล้มลงเป็นหน้ากลอง ส่วนเหล่าสัตว์อสูรของฝั่งศัตรู พวกมันต่างก็ถูกควบคุมโดยระฆังสะท้านจิต

 

บาดแผลที่ชิงสุ่ยเป็นผู้สร้างทำให้ฝ่ายตรงข้ามกำลังแบกรับภาระอย่างหนักหน่วง นอกจากนี้ความสามารถของเขายิ่งบั่นทอนจิตใจของศัตรูเป็นทวีคูณ แม้ว่าศัตรูจะมีจำนวนมาก และสามารถปลดปล่อยทักษะสังหารไร้ปราณีที่เป็นทักษะระดับสวรรค์ แต่ชิงสุ่ยก็สามารถหาทักษะมาชดเชยสถานการณ์ที่กดดันเรานั้นได้ทันที ส่วนเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ของประมุขอสูรเองก็อยู่ในระดับพลังที่สูงส่งและน่าพิศวง ซึ่งทุกครั้งที่ชิงสุ่ยมองดูเขายิ่งรู้สึกประหลาดใจ

 

เพื่อให้เข้าถึงเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ได้เพียงเล็กน้อย นั่นก็เท่ากับการเชื่อมต่อพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีทางเข้าหาที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจฝันถึง มันจะเป็นตัวช่วยปลดปล่อยพลังที่ตัวผู้ใช้เองก็ไม่อาจจินตนาการได้แม้แต่เศษเสี้ยว มันคือตัวชี้วัดสำคัญยามเมื่อต้องเปิดศึกสงคราม และด้วยความน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มันจึงถูกพิจารณาว่าเป็นเคล็ดวิชาแห่งสรวงสวรรค์

ประชากรของพระราชวังมังกรกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ยอดปรมาจารย์ที่อยู่แนวหน้ารวมถึงผู้ฝึกมังกรเองก็ถูกสังหารไปแล้วเช่นกัน ในเวลาอันสั้น ขั้วอำนาจก็เริ่มเปลี่ยนแปลง คนที่เหลือจากพระราชวังมังกรล้วนแล้วแต่สูญเสียกำลังใจในการสู้รบ และเมื่อเป็นเช่นนั้นพละกำลังที่พวกเขาทุ่มเทก็ย่อมต้องลดลงเช่นกัน มันจึงเป็นตัวจุดความหายนะที่นำไปสู่ความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าแต่ก่อน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด