Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1659 – ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากล่าบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็น พันธมิตรกัน?

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1659 - ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากล่าบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็น พันธมิตรกัน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1659 – ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากล่าบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็น พันธมิตรกัน?

 

สายฟ้าเริ่มฟาดลงมายังร่างของเธอ มันจะช่วยในการปรับสภาพร่างกายของเธอ ดังนั้น เธอต้องไม่ต่อต้านพวกมัน เธอจะไม่เป็นอะไรตราบใดที่ทนรับได้ มันเป็นประโยชน์สาหรับร่างกายของเธอ เพราะสายฟ้าไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้ตัวเธอ

 

สายฟ้ายังคงหลั่งไหลลงมา หากเป็นคนธรรมดาคงไม่สามารถต้านทานพลังที่น่ากลัวนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาย่อมได้รับบาดเจ็บ

 

หลังจากที่อดทนต่อสายฟ้าฟาดไม่กี่ครั้ง ร่างกายของเยเจี้ยนเก้อก็กลับมาเป็นปกติแล้ว สิ่งนี้ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอต้องตั้งมั่น ชิงสุ่ยจะไม่ยอมให้มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้นกับเธอ

 

“อย่ากังวล เจี้ยนเก้อจะไม่เป็นอะไร” มู่หยุนชิงเฉิงสามารถบอกได้ว่าชิงสุ่ยก่าลังกังวลใจ ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้ เมื่อตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พินาศ เขาไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเธอเลย

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่หยุนชิงเฉิงถึงกับตกตะลึง เธอรู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเองและสับสน เธอไม่ทันได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวในภายหลัง

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักหน่วง พวกมันเป็นประกายแสงสีขาวราวหิมะ พวกมันกระแทกลงบนพื้นและไหลเข้าสู่ร่างของอเย่เจี้ยนเก้อทันที

 

อย่างไรก็ตามเป็นบางส่วนเท่านั้นที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเธอ สายฟ้าไม่ได้ทําให้ร่างกายของอเย่เจี้ยนเก้อแข็งที่อ เธอหลบเลี่ยงสายฟ้าให้ฟาดลงที่พื้นและดูดซับพลังจากพวกมัน การสะสมพวกมันที่ละน้อยจะช่วงปรับสภาพร่างกายเธอ

 

เนื่องจากนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอที่ต้องเจอกับทัณฑ์สวรรค์พินาศ เธอค่อนข้างมี ประสบการณ์กับมัน เธอเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ พลังปราณอมตะให้ร่างของเธอค่อยๆก่อตัวขึ้น จนมีขนาดเท่ากําปั้นอยู่ภายในร่าง

 

สายฟ้าผ่าลงมามากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันรุนแรงกว่าครั้งก่อน โชคดีที่ร่างกายของอเย่เจี้ยนเก้อเปลี่ยนไปมากแล้วในเวลานี้

 

สายฟ้าที่ทรงพลังทําให้อเย่เจี้ยนเก้อตัวสั่นไหว ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา

 

ในขณะนี้ อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกเหนื่อยมาก เธอเกือบจะถึงขีดจํากัดแล้ว แต่ในใจของเธอก็ปรากฏตัวใบหน้าของชิงสุ่ยขึ้นทันใด เธอนึกถึงสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวกับเธอ

 

เธอนึกถึงการแต่งงานกับชิงสุ่ย พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าจะมีลูก หากมีลูกชาย เขาก็คงจะหน้าตาเหมือนชิงสุ่ยมาก ถ้าเป็นลูกสาว เธอก็จะหน้าคล้ายกับชิงสุ่ยน้อยลง

 

เมื่อคิดถึงมัน มันทําให้เธอรู้สึกราวกับมีพละกําลังขึ้นมาอีกครั้ง หากเธอประสบความสำเร็จในครั้งนี้ เธอจะบรรลุถึงระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเธอก็จะไม่ต้องกังวลกับตัวเองอีกต่อไป เธอจะสามารถช่วยเหลือเขาได้

 

ร่างกายของเธอเริ่มแข็งที่อ มันเกิดขึ้นเพราะการโดนสายฟ้าที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งจิตสํานึกของเธอก็เกิดความสั่นคลอน นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวของทัณฑ์สวรรค์พินาศ มันมีโอกาสที่สติของเธอจะหลุดลอยได้มาก

 

โชคดีที่เธอพยายามหลบเลี่ยงสายฟ้าส่วนใหญ่ได้ เธอจัดการฟื้นฟูร่างกายตัวเอง ตราบใดที่ไม่ถูกจู่โจมจนตาย คนๆนั้นจะได้รับประโยชน์มากมายจากสายฟ้านี้ แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ต้องการเอาชีวิตไปเสี่ยง มันเป็นการเดิมพันที่อันตราย ความผิดพลาดจากการประมาทเพียงนิดอาจทําให้คนผู้นั้นสิ้นชีพ

 

ชิงสุ่ยยังคงมีความกังวล ร่างกายของอเย่เจี้ยนเก้ออยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก แม้ว่าสายฟ้าที่รุนแรงจะไม่ทําลายร่างกายของเธอทั้งหมด เขาก็กลัวว่ามันจะทําให้เธอหมดสติในทันทีด้วยสภาพที่อ่อนแรง

 

ชั่วพริบตานั้น สายฟ้า 2 สายฟาดลงมาพร้อมกัน ชิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว เขาเกือบจะวิ่งเข้าไปหาเธอในตอนที่สายฟ้าพุ่งลงมา แต่มู่หยุนชิงเฉิงก็หยุดเขาไว้ได้ “เจ้าจะทําอะไร มันไม่เพียงแค่จะเป็นผลร้ายกับตัวเอง นี่จะเป็นการทําร้ายเจี้ยนเก้อและทําให้เธอตาย

 

ชิงสุ่ยสงบลง อีเย่เจี้ยนเก้อยังมีเข็มทองค่าบางเล่มฝังอยู่บนร่างกายเธอ เข็มทองค่าเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องหัวใจและหลอดเลือดของเธอ นอกจากนี้มันยังช่วยกระตุ้นศักยภาพที่มีออกมา

 

เมื่อสายฟ้าอันต่อไปฟาดลงมา เห็นได้ชัดว่ามันมีขนาดเล็กกว่าครั้งล่าสุด ชิงสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

ณ ตอนนี้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณของสายฟ้าที่ฟาดลงมาก็เริ่มลดลง ผ่านไปครู่หนึ่งสายฟ้าก็สลายไปจนหมด ขณะนี้ กลิ่นอายรอบตัวเธอยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ก่อนที่อเย่เจี้ยนเก้อจะทันรู้สึกตัว เธอก็ปรากฏต่อหน้าชิงสุ่ยทันที “ข้าทําสําเร็จ!”

 

ม่หยุนชิงเฉิงปลีกตัวออกไปโดยที่พวกเขาทั้งสองไม่ได้สังเกตเห็น ชิงสุ่ยปล่อยอเย่เจี้ยนเก้อออกหลังจากที่พวกเขากอดกันพักหนึ่ง “เจ้ารู้สึกอย่างไร”

 

“ยอดเยี่ยม ข้ารู้สึกได้ถึงพลังที่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน” อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวด้วยน้ําเสียงที่

 

ขอบคุณ

 

ชิงสุ่ยได้สัมผัสความแข็งแกร่งของอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอมีพลังมากกว่ามู่หยุนชิงเฉิงเล็กน้อย พลังเทวะแห่งเต๋าของเธออยู่ที่ประมาณ 1,200 เต๋า

 

ความแข็งแกร่งของเธอเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีระยะห่างที่มากพอสมควร ในด้านความแข็งแกร่งระหว่างเธอกับชิงสุ่ย พลังของเธอนับว่าเพิ่มสูงขึ้นมาก

 

ในที่สุดผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้นในหมู่หญิงสาวของชิงสุ่ย แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังคิดว่ามันยากที่จะเชื่อ

 

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอเย่เจี้ยนเก้อผสานเข้ากับพลังปราณอมตะ

 

ชิงสุ่ยประหลาดใจสําหรับเรื่องนี้ ความสามารถของพลังปราณอมตะช่างคล้ายกับปราณเทพมังกรมรกต มันทําให้ชิงสุ่ยตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอย่างไร ไม่ว่าอันนั้น พวกมันต่างก็ทรงพลัง

 

ในทํานองเดียวกัน มันก็สามารถยกระดับได้อีก

 

“เจ้ายังจ่าสิ่งที่พูดได้ไหม!” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่อีเย่เจี้ยนเก้อ

 

อีเย่เจี้ยนเก้อถึงกับตกตะลึง เธอรู้สึกอายจริงๆ เมื่อคนผู้หนึ่งประสบกับความยากลําบากและเอาชีวิตรอดมาได้ ภายในหัวใจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น แม้แต่อีเยเจี้ยนเก้อก็ไม่มีข้อยกเว้น เธอมองชิงสุ่ยด้วยใบหน้าที่เขินอาย “แน่นอนว่าข้าจาได้”

 

เพียงไม่นานก็มีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ถึง 2 คนภายในพระราชวังทะเลราชันย์ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญ ภายใน 2 วันที่ผ่านมา ชนเผ่าใต้ทะเลที่แข็งแกร่ง 3 คนได้เดินทางมาที่นี่เพื่อขอเข้าร่วม

 

ชนเผ่าใต้ทะเลมีสัมผัสที่ทรงพลัง พวกเขารู้ว่ามีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วพวกเขาจะไม่มาที่สถานที่แห่งนี้ เพราะพวกเขาจะถูกสังหารอย่างกับผักปลาโดยฝีมือของคนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

 

ชนเผ่าใต้ทะเลทั้ง 3 นั้นเป็นคนของปราชันย์ศึกประกายอินทนิล พวกเขาทั้งสามเป็นพี่น้องที่มีพลังทัดเทียมกัน แต่หากเทียบกับอเย่เจี้ยนเก้อและม่หยุนชิงเฉิงแล้ว พวกเขานั้นด้อยกว่ามาก

 

มันเป็นเรื่องดีที่มีคนมาขอเข้าร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยความ แข็งแกร่งที่มีพร้อม ทุกสิ่งจะอยู่ภายใต้การควบคุม ถ้าเป็นในอดีต แม้ว่าพวกเขาจะมาขอเข้าร่วม มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเธอจะสามารถตอบรับได้อย่างดีพอ

 

ตอนนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้ความแตกต่างด้านพลังจะไม่สําคัญ พวกเขาก็ยัง ต้องแสดงความนอบน้อมต่อผู้ที่มาหา

 

ตอนนี้พระราชวังทะเลราชันย์แข็งแกร่งขึ้น พวกเขามีทั้งเผ่ามัจฉา เงือกอสูรทมิฬ และเผ่าอื่นๆ โดยตอนนี้ปราชันย์ศึกประกายอินทนิลก็ได้ถูกรวมเข้ามาเป็นพวกแล้ว

 

ชิงสุ่ยได้พบกับสามพี่น้อง พวกเขาเป็นคนฉลาด ลึกลงไป พวกเขารู้ว่าพระราชวังทะเลราชันย์จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก การมาขอเข้าร่วมในตอนนี้จะทําให้พวกเขาได้รับประโยชน์ในอนาคต

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยได้พบพวกเขา เขาอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับพระราชวังทะเลราชันย์ เขาต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเขาเช่นกัน

 

ทั้งสามตระหนักถึงการมีอยู่ของชิงสุ่ย ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้ที่จัดการพระราชวังทราย ทองคําได้อย่างง่ายดาย ผู้คนโดยทั่วไปต่างก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขา นอกจากนี้เมื่อพวกเขาได้อยู่ใกล้ชิงสุ่ย พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แทบจะทําให้พวกเขาหายใจไม่ออก

 

สิ่งต่างๆย่อมเป็นไปด้วยดีตราบใดที่มันบรรลุเป้าหมาย ชิงสุ่ยรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปเยี่ยมเยือนพระราชวังสุริยา ชิงสุ่ยคาดว่าในไม่ช้าพระราชวังทะเลราชันย์ต้องก้าวหน้าเหนือกว่าพระราชวังสุริยา

 

พระราชวังสุริยายังคงสงบเป็นปกติ พระราชวังมังกรไม่ได้ปรากฏตัวใดๆออกมา เรื่องนี้ทําให้ชิงสุ่ยเริ่มสงสัย พวกเขาไม่เคลื่อนไหวอะไรเกือบจะ 1 สัปดาห์แล้ว

 

ชิงสุ่ยจะแวะเวียนมาที่นี่ทุกวัน ประมุขแห่งพระราชวังสุริยารู้เรื่องนี้ ลึกลงไปเธอรู้สึกมีความสุข ชิงสุ่ยเป็นคนที่รับผิดชอบ ถ้าพระราชวังมังกรมายังที่นี่ แน่นอนว่าเขาจะยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องเธอ อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่เธอรู้สึก

 

โดยปกติแล้วชิงสุ่ยคอยตรวจสอบอยู่ห่างๆ หากเขาเห็นว่าทุกอย่างปกติ เขาก็จะกลับไป มันเป็นความบังเอิญที่ครั้งนี้เขาพบเข้ากับประมุขแห่งพระราชวังสุริยา เธอยิ้มขณะที่เดินมาใกล้ชิงสุ่ย

 

หญิงผู้นี้นั้นน่ารักและงดงาม เผ่าเงือกไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่านาคาเร้นลับ ทั้งสองเป็นสายเลือดอันสูงส่งภายในโลกใต้มหาสมุทร

 

“เจ้ามาแล้ว!” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวอย่างมีความสุขเมื่อเธอเห็นชิงสุ่ย

 

“ใช่ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” หัวใจของชิงสุ่ยสั่นไหวขณะที่เขามองดูประมุขแห่งพระราชวังสุริยา มันไม่ใช่อาการจากความรักใคร่ มันเป็นอารมณ์ของการได้ผูกมิตรกัน

 

ครั้งหนึ่งประมุขแห่งพระราชวังสุริยานั้นทรงพลังยิ่งกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิง เธออยู่ห่างเพียงครึ่งก้าวจากระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ อาจกล่าวได้ว่าเท้าข้างหนึ่งของเธอเข้าไปเหยียบมันไว้แล้ว

 

เธอเป็นเงือกเช่นเดียวกับมู่หยุนชิงเฉิง และเนื่องจากเธอมีสายเลือดที่ทรงพลัง ชิงสุ่ยจึงสามารถช่วยเธอให้บรรลุระดับ ปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้ช่วยเธอ เธอก็สามารถจัดการมันด้วยตัวเองได้ภายใน 10 ปีหรือน้อยกว่า 100 ปี

 

หากพระราชวังสุริยาและพระราชวังทะเลราชันย์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและจัดตั้งพันธมิตร มันจะเป็นประโยชน์แก่พวกเขาทั้งในทะเลอุดรและแดนทะเลน้ําแข็ง

 

“ข้าขอยินดีด้วยสําหรับภรรยาของเจ้าที่บรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวพร้อมรอยยิม

 

ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับเธอที่จะทราบข่าวเช่นนี้

 

“ขอบคุณ ถ้าหากพระราชวังสุริยาและพระราชวังทะเลราชันย์ก่อตั้งพันธมิตรกัน จุดแข็งของพวกเราทั้งสองก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นนั้นจะไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเราอีก” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“พวกเจ้าคงไม่จําเป็นต้องสนใจข้า ด้วยความแข็งแกร่งที่ข้ามีในตอนนี้ ข้ารู้ขีดจํากัดของตัวเองดี ยิ่งพระราชวังสุริยาอยู่ในช่วงที่ยากล่าบากแบบนี้ ข้าก็จะต้องมุ่งหน้าต่อไป” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาส่ายหัวศีรษะ

 

“ข้าสามารถช่วยให้เจ้าบรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เร็วขึ้นได้ เจ้าเต็มใจที่จะทํามันหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวความคิดที่อยู่ในใจ ด้วยผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 3 คน มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการพวกเขาลงได้

 

“จริงงั้นหรือ? เจ้ายินดีช่วยข้าหรือ?” แทนที่จะถามว่าเขาช่วยเธอได้หรือไม่ ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากลับถามว่าเขายินดีช่วยเธอหรือไม่

 

“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ จากนั้นข้าจะแนะนําเจ้าให้พวกนางรู้จัก แล้วพวกเราจะก่อตั้งเป็นพันธมิตรกัน เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”

 

“แน่นอน ข้ายินดีทํา แต่สําหรับผู้อื่นข้าไม่แน่ใจ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1659 – ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากล่าบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็น พันธมิตรกัน?

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1659 - ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากล่าบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็น พันธมิตรกัน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1659 – ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากล่าบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็น พันธมิตรกัน?

 

สายฟ้าเริ่มฟาดลงมายังร่างของเธอ มันจะช่วยในการปรับสภาพร่างกายของเธอ ดังนั้น เธอต้องไม่ต่อต้านพวกมัน เธอจะไม่เป็นอะไรตราบใดที่ทนรับได้ มันเป็นประโยชน์สาหรับร่างกายของเธอ เพราะสายฟ้าไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้ตัวเธอ

 

สายฟ้ายังคงหลั่งไหลลงมา หากเป็นคนธรรมดาคงไม่สามารถต้านทานพลังที่น่ากลัวนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาย่อมได้รับบาดเจ็บ

 

หลังจากที่อดทนต่อสายฟ้าฟาดไม่กี่ครั้ง ร่างกายของเยเจี้ยนเก้อก็กลับมาเป็นปกติแล้ว สิ่งนี้ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอต้องตั้งมั่น ชิงสุ่ยจะไม่ยอมให้มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้นกับเธอ

 

“อย่ากังวล เจี้ยนเก้อจะไม่เป็นอะไร” มู่หยุนชิงเฉิงสามารถบอกได้ว่าชิงสุ่ยก่าลังกังวลใจ ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้ เมื่อตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พินาศ เขาไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเธอเลย

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่หยุนชิงเฉิงถึงกับตกตะลึง เธอรู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเองและสับสน เธอไม่ทันได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวในภายหลัง

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักหน่วง พวกมันเป็นประกายแสงสีขาวราวหิมะ พวกมันกระแทกลงบนพื้นและไหลเข้าสู่ร่างของอเย่เจี้ยนเก้อทันที

 

อย่างไรก็ตามเป็นบางส่วนเท่านั้นที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเธอ สายฟ้าไม่ได้ทําให้ร่างกายของอเย่เจี้ยนเก้อแข็งที่อ เธอหลบเลี่ยงสายฟ้าให้ฟาดลงที่พื้นและดูดซับพลังจากพวกมัน การสะสมพวกมันที่ละน้อยจะช่วงปรับสภาพร่างกายเธอ

 

เนื่องจากนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอที่ต้องเจอกับทัณฑ์สวรรค์พินาศ เธอค่อนข้างมี ประสบการณ์กับมัน เธอเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ พลังปราณอมตะให้ร่างของเธอค่อยๆก่อตัวขึ้น จนมีขนาดเท่ากําปั้นอยู่ภายในร่าง

 

สายฟ้าผ่าลงมามากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันรุนแรงกว่าครั้งก่อน โชคดีที่ร่างกายของอเย่เจี้ยนเก้อเปลี่ยนไปมากแล้วในเวลานี้

 

สายฟ้าที่ทรงพลังทําให้อเย่เจี้ยนเก้อตัวสั่นไหว ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา

 

ในขณะนี้ อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกเหนื่อยมาก เธอเกือบจะถึงขีดจํากัดแล้ว แต่ในใจของเธอก็ปรากฏตัวใบหน้าของชิงสุ่ยขึ้นทันใด เธอนึกถึงสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวกับเธอ

 

เธอนึกถึงการแต่งงานกับชิงสุ่ย พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าจะมีลูก หากมีลูกชาย เขาก็คงจะหน้าตาเหมือนชิงสุ่ยมาก ถ้าเป็นลูกสาว เธอก็จะหน้าคล้ายกับชิงสุ่ยน้อยลง

 

เมื่อคิดถึงมัน มันทําให้เธอรู้สึกราวกับมีพละกําลังขึ้นมาอีกครั้ง หากเธอประสบความสำเร็จในครั้งนี้ เธอจะบรรลุถึงระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเธอก็จะไม่ต้องกังวลกับตัวเองอีกต่อไป เธอจะสามารถช่วยเหลือเขาได้

 

ร่างกายของเธอเริ่มแข็งที่อ มันเกิดขึ้นเพราะการโดนสายฟ้าที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งจิตสํานึกของเธอก็เกิดความสั่นคลอน นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวของทัณฑ์สวรรค์พินาศ มันมีโอกาสที่สติของเธอจะหลุดลอยได้มาก

 

โชคดีที่เธอพยายามหลบเลี่ยงสายฟ้าส่วนใหญ่ได้ เธอจัดการฟื้นฟูร่างกายตัวเอง ตราบใดที่ไม่ถูกจู่โจมจนตาย คนๆนั้นจะได้รับประโยชน์มากมายจากสายฟ้านี้ แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ต้องการเอาชีวิตไปเสี่ยง มันเป็นการเดิมพันที่อันตราย ความผิดพลาดจากการประมาทเพียงนิดอาจทําให้คนผู้นั้นสิ้นชีพ

 

ชิงสุ่ยยังคงมีความกังวล ร่างกายของอเย่เจี้ยนเก้ออยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก แม้ว่าสายฟ้าที่รุนแรงจะไม่ทําลายร่างกายของเธอทั้งหมด เขาก็กลัวว่ามันจะทําให้เธอหมดสติในทันทีด้วยสภาพที่อ่อนแรง

 

ชั่วพริบตานั้น สายฟ้า 2 สายฟาดลงมาพร้อมกัน ชิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว เขาเกือบจะวิ่งเข้าไปหาเธอในตอนที่สายฟ้าพุ่งลงมา แต่มู่หยุนชิงเฉิงก็หยุดเขาไว้ได้ “เจ้าจะทําอะไร มันไม่เพียงแค่จะเป็นผลร้ายกับตัวเอง นี่จะเป็นการทําร้ายเจี้ยนเก้อและทําให้เธอตาย

 

ชิงสุ่ยสงบลง อีเย่เจี้ยนเก้อยังมีเข็มทองค่าบางเล่มฝังอยู่บนร่างกายเธอ เข็มทองค่าเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องหัวใจและหลอดเลือดของเธอ นอกจากนี้มันยังช่วยกระตุ้นศักยภาพที่มีออกมา

 

เมื่อสายฟ้าอันต่อไปฟาดลงมา เห็นได้ชัดว่ามันมีขนาดเล็กกว่าครั้งล่าสุด ชิงสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

ณ ตอนนี้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณของสายฟ้าที่ฟาดลงมาก็เริ่มลดลง ผ่านไปครู่หนึ่งสายฟ้าก็สลายไปจนหมด ขณะนี้ กลิ่นอายรอบตัวเธอยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ก่อนที่อเย่เจี้ยนเก้อจะทันรู้สึกตัว เธอก็ปรากฏต่อหน้าชิงสุ่ยทันที “ข้าทําสําเร็จ!”

 

ม่หยุนชิงเฉิงปลีกตัวออกไปโดยที่พวกเขาทั้งสองไม่ได้สังเกตเห็น ชิงสุ่ยปล่อยอเย่เจี้ยนเก้อออกหลังจากที่พวกเขากอดกันพักหนึ่ง “เจ้ารู้สึกอย่างไร”

 

“ยอดเยี่ยม ข้ารู้สึกได้ถึงพลังที่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน” อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวด้วยน้ําเสียงที่

 

ขอบคุณ

 

ชิงสุ่ยได้สัมผัสความแข็งแกร่งของอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอมีพลังมากกว่ามู่หยุนชิงเฉิงเล็กน้อย พลังเทวะแห่งเต๋าของเธออยู่ที่ประมาณ 1,200 เต๋า

 

ความแข็งแกร่งของเธอเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีระยะห่างที่มากพอสมควร ในด้านความแข็งแกร่งระหว่างเธอกับชิงสุ่ย พลังของเธอนับว่าเพิ่มสูงขึ้นมาก

 

ในที่สุดผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้นในหมู่หญิงสาวของชิงสุ่ย แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังคิดว่ามันยากที่จะเชื่อ

 

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอเย่เจี้ยนเก้อผสานเข้ากับพลังปราณอมตะ

 

ชิงสุ่ยประหลาดใจสําหรับเรื่องนี้ ความสามารถของพลังปราณอมตะช่างคล้ายกับปราณเทพมังกรมรกต มันทําให้ชิงสุ่ยตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอย่างไร ไม่ว่าอันนั้น พวกมันต่างก็ทรงพลัง

 

ในทํานองเดียวกัน มันก็สามารถยกระดับได้อีก

 

“เจ้ายังจ่าสิ่งที่พูดได้ไหม!” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่อีเย่เจี้ยนเก้อ

 

อีเย่เจี้ยนเก้อถึงกับตกตะลึง เธอรู้สึกอายจริงๆ เมื่อคนผู้หนึ่งประสบกับความยากลําบากและเอาชีวิตรอดมาได้ ภายในหัวใจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น แม้แต่อีเยเจี้ยนเก้อก็ไม่มีข้อยกเว้น เธอมองชิงสุ่ยด้วยใบหน้าที่เขินอาย “แน่นอนว่าข้าจาได้”

 

เพียงไม่นานก็มีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ถึง 2 คนภายในพระราชวังทะเลราชันย์ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญ ภายใน 2 วันที่ผ่านมา ชนเผ่าใต้ทะเลที่แข็งแกร่ง 3 คนได้เดินทางมาที่นี่เพื่อขอเข้าร่วม

 

ชนเผ่าใต้ทะเลมีสัมผัสที่ทรงพลัง พวกเขารู้ว่ามีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วพวกเขาจะไม่มาที่สถานที่แห่งนี้ เพราะพวกเขาจะถูกสังหารอย่างกับผักปลาโดยฝีมือของคนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

 

ชนเผ่าใต้ทะเลทั้ง 3 นั้นเป็นคนของปราชันย์ศึกประกายอินทนิล พวกเขาทั้งสามเป็นพี่น้องที่มีพลังทัดเทียมกัน แต่หากเทียบกับอเย่เจี้ยนเก้อและม่หยุนชิงเฉิงแล้ว พวกเขานั้นด้อยกว่ามาก

 

มันเป็นเรื่องดีที่มีคนมาขอเข้าร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยความ แข็งแกร่งที่มีพร้อม ทุกสิ่งจะอยู่ภายใต้การควบคุม ถ้าเป็นในอดีต แม้ว่าพวกเขาจะมาขอเข้าร่วม มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเธอจะสามารถตอบรับได้อย่างดีพอ

 

ตอนนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้ความแตกต่างด้านพลังจะไม่สําคัญ พวกเขาก็ยัง ต้องแสดงความนอบน้อมต่อผู้ที่มาหา

 

ตอนนี้พระราชวังทะเลราชันย์แข็งแกร่งขึ้น พวกเขามีทั้งเผ่ามัจฉา เงือกอสูรทมิฬ และเผ่าอื่นๆ โดยตอนนี้ปราชันย์ศึกประกายอินทนิลก็ได้ถูกรวมเข้ามาเป็นพวกแล้ว

 

ชิงสุ่ยได้พบกับสามพี่น้อง พวกเขาเป็นคนฉลาด ลึกลงไป พวกเขารู้ว่าพระราชวังทะเลราชันย์จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก การมาขอเข้าร่วมในตอนนี้จะทําให้พวกเขาได้รับประโยชน์ในอนาคต

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยได้พบพวกเขา เขาอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับพระราชวังทะเลราชันย์ เขาต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเขาเช่นกัน

 

ทั้งสามตระหนักถึงการมีอยู่ของชิงสุ่ย ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้ที่จัดการพระราชวังทราย ทองคําได้อย่างง่ายดาย ผู้คนโดยทั่วไปต่างก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขา นอกจากนี้เมื่อพวกเขาได้อยู่ใกล้ชิงสุ่ย พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แทบจะทําให้พวกเขาหายใจไม่ออก

 

สิ่งต่างๆย่อมเป็นไปด้วยดีตราบใดที่มันบรรลุเป้าหมาย ชิงสุ่ยรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปเยี่ยมเยือนพระราชวังสุริยา ชิงสุ่ยคาดว่าในไม่ช้าพระราชวังทะเลราชันย์ต้องก้าวหน้าเหนือกว่าพระราชวังสุริยา

 

พระราชวังสุริยายังคงสงบเป็นปกติ พระราชวังมังกรไม่ได้ปรากฏตัวใดๆออกมา เรื่องนี้ทําให้ชิงสุ่ยเริ่มสงสัย พวกเขาไม่เคลื่อนไหวอะไรเกือบจะ 1 สัปดาห์แล้ว

 

ชิงสุ่ยจะแวะเวียนมาที่นี่ทุกวัน ประมุขแห่งพระราชวังสุริยารู้เรื่องนี้ ลึกลงไปเธอรู้สึกมีความสุข ชิงสุ่ยเป็นคนที่รับผิดชอบ ถ้าพระราชวังมังกรมายังที่นี่ แน่นอนว่าเขาจะยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องเธอ อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่เธอรู้สึก

 

โดยปกติแล้วชิงสุ่ยคอยตรวจสอบอยู่ห่างๆ หากเขาเห็นว่าทุกอย่างปกติ เขาก็จะกลับไป มันเป็นความบังเอิญที่ครั้งนี้เขาพบเข้ากับประมุขแห่งพระราชวังสุริยา เธอยิ้มขณะที่เดินมาใกล้ชิงสุ่ย

 

หญิงผู้นี้นั้นน่ารักและงดงาม เผ่าเงือกไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่านาคาเร้นลับ ทั้งสองเป็นสายเลือดอันสูงส่งภายในโลกใต้มหาสมุทร

 

“เจ้ามาแล้ว!” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวอย่างมีความสุขเมื่อเธอเห็นชิงสุ่ย

 

“ใช่ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” หัวใจของชิงสุ่ยสั่นไหวขณะที่เขามองดูประมุขแห่งพระราชวังสุริยา มันไม่ใช่อาการจากความรักใคร่ มันเป็นอารมณ์ของการได้ผูกมิตรกัน

 

ครั้งหนึ่งประมุขแห่งพระราชวังสุริยานั้นทรงพลังยิ่งกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิง เธออยู่ห่างเพียงครึ่งก้าวจากระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ อาจกล่าวได้ว่าเท้าข้างหนึ่งของเธอเข้าไปเหยียบมันไว้แล้ว

 

เธอเป็นเงือกเช่นเดียวกับมู่หยุนชิงเฉิง และเนื่องจากเธอมีสายเลือดที่ทรงพลัง ชิงสุ่ยจึงสามารถช่วยเธอให้บรรลุระดับ ปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้ช่วยเธอ เธอก็สามารถจัดการมันด้วยตัวเองได้ภายใน 10 ปีหรือน้อยกว่า 100 ปี

 

หากพระราชวังสุริยาและพระราชวังทะเลราชันย์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและจัดตั้งพันธมิตร มันจะเป็นประโยชน์แก่พวกเขาทั้งในทะเลอุดรและแดนทะเลน้ําแข็ง

 

“ข้าขอยินดีด้วยสําหรับภรรยาของเจ้าที่บรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวพร้อมรอยยิม

 

ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับเธอที่จะทราบข่าวเช่นนี้

 

“ขอบคุณ ถ้าหากพระราชวังสุริยาและพระราชวังทะเลราชันย์ก่อตั้งพันธมิตรกัน จุดแข็งของพวกเราทั้งสองก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นนั้นจะไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเราอีก” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“พวกเจ้าคงไม่จําเป็นต้องสนใจข้า ด้วยความแข็งแกร่งที่ข้ามีในตอนนี้ ข้ารู้ขีดจํากัดของตัวเองดี ยิ่งพระราชวังสุริยาอยู่ในช่วงที่ยากล่าบากแบบนี้ ข้าก็จะต้องมุ่งหน้าต่อไป” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาส่ายหัวศีรษะ

 

“ข้าสามารถช่วยให้เจ้าบรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เร็วขึ้นได้ เจ้าเต็มใจที่จะทํามันหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวความคิดที่อยู่ในใจ ด้วยผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 3 คน มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการพวกเขาลงได้

 

“จริงงั้นหรือ? เจ้ายินดีช่วยข้าหรือ?” แทนที่จะถามว่าเขาช่วยเธอได้หรือไม่ ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากลับถามว่าเขายินดีช่วยเธอหรือไม่

 

“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ จากนั้นข้าจะแนะนําเจ้าให้พวกนางรู้จัก แล้วพวกเราจะก่อตั้งเป็นพันธมิตรกัน เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”

 

“แน่นอน ข้ายินดีทํา แต่สําหรับผู้อื่นข้าไม่แน่ใจ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+