Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 402

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 402 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปี 2016 วันที่ 1 มกราคม เวลา 8.30 น. ในตอนเช้าตรู่ จัตุรัสกลางเมืองขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วทั้งค่ายซางจิงมารวมตัวกัน ในตอนนี้มันเบียดอัดแน่นจนไม่มีที่ให้ใครเบียดเข้ามาเพิ่มได้แล้วนอกจากจะปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคา

 

วันนี้เป็นวันแรกของปีใหม่ในยุคโลกาวินาศ เป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทุกคน ถือเป็นวันที่ดี!

 

เหล่าหน่วยทหารในซางจิงถูกส่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ ทั้งเมืองต่างตื่นเต้น เหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลายในซางจิงต่างมารวมกันที่นัดสำคัญและรอคอยการเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่ห้องสังสรรค์ด้านหลัง

 

ในขณะนั้นเองภายในบ้านพักของพลเอก ชูฮันกำลังจ้องไปที่ชุดเครื่องแบบทหารตรงหน้าเขาที่มีถุงเถ้าเสียบคาไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ตัวเสื้อมีแถวกระดุมอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีรองเท้าบู้ททหาร เข็มขัดและหมวก ตอนนี้ชูฮันรู้สึกได้ถึงความวุ่นวาย

 

เขาจะไม่ยอมใส่ของพวกนี้!

 

ใครก็ได้บอกเขาทีว่าทำไมเครื่องแบบทหารถึงต้องซับซ้อนขนาดนี้? เขาจำได้ว่าเครื่องแบบของพลเอกในชาติที่แล้วไม่ได้เป็นแบบนี้!

 

ภายในห้องสังสรรค์ด้านหลังจัตุรัส เลาหมิงเอาแต่คอยมองนาฬิกา มัน 8:50 แล้วทำไมชูฮันถึงยังไม่มา?

 

ไม่เพียงแต่เลาหมิงแต่ทั้งห้องสังสรรค์ที่เต็มไปด้วยเหล่านายทหารชั้นสูงต่างแทบจะหมดความอดทนกันหมด นี่มันเป็นนัดสำคัญทำไมถึงมีคนมาสาย!

 

ผู้บัญชาการมู๋นิ่วหน้า เมื่อวานนี้เขาบอกชูฮันว่างานเริ่มตอน 9 โมงเข้า หรือว่าเด็กนี้วางแผนจะมาตรงเวลาพอดีเลย?

 

ผู้ชายคนนี้ไม่รู้เหรอไงว่ามันมีหลายอย่างต้องเตรียมการล่วงหน้าก่อน?

 

“ชูฮันยังไม่มาอีก! เขาจงใจแน่ๆ!” จวงฮงเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นพูดเสียงดังท่ามกลางภายในห้องที่เงียบสนิท

 

“นายพลจวง อย่าใจร้อนสิ รอก่อน” มีคนแนะนำ

 

“รอบ้าอะไรล่ะ!” จวงฮงหันกลับไปโต้เถียงชายคนนั้นทันที จากนั้นก็แสยะยิ้ม “งานจะเริ่มภายในไม่ถึง 10 นาที นอกเหนือจากคำพูดของผู้บัญชาการมู๋ที่ผมเชื่อใจ แต่นี่มันไม่มีการรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะฉะนั้นจะให้เรารอผู้ชายคนนั้นอย่างเดียวได้ยังไง?”

 

ที่จวงฮงพูดนั้นถูกแล้ว การประชุมสำคัญระดับนี้แต่พลเอกชูฮันกลับไม่แม้จะสนใจ เขารู้ว่ามันต้องมีหนังสือรับรองแต่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็น

 

“เลาหมิง” ผู้บัญชาการมู๋กระซิบถาม “รู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”

 

เลาหมิงยิ้มพลางส่ายหัว จากนั้นก็กวาดตามองดูคนรอบๆภายในห้อง “อาจจะหลับยาว? ชูฮันพึ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ฉันยังไม่มีโอกาสได้บอกเขาเลยกำหนดงาน เรื่องฉันได้ยินมาว่าเมื่อคืนกลางดึกชูฮันไปที่บ้านของเฉินเสี้ยนกาวและกลับมาเมื่อตอนเที่ยงคืน ฉันกำลังคิดว่าจะบอกเขาเช้าวันนี้ แต่บทสรุปในตอนนี้ก็คือเขาไม่มา…”

 

ผู้บัญชาการมู๋กระพริบตาพลางมองไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงจัตุรัส “ส่งคนไปตามเขา เพราะถ้าเขาจะมาตอนนี้เส้นทางมันถูกปิดกั้นหมดแล้ว”

 

เลาเสี่ยวเสียวที่อยู่ด้านข้างเป็นกังวล เธอเอาแต่คอยมองไปที่ประตู มือเล็กๆจับกับมืออ้วนๆของเฉินช่าวเย่ไว้แน่น

 

“มันยังเหลืออีก 2 นาที” เฉินช่าวเย่พูดปลอบ ในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่ที่แต่งตัวเรียบร้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงติดกังวลเล็กน้อย “พร้อมจะเริ่มหรือยังครับท่าน?”

 

“เริ่มกันเลย! ไม่ต้องรออะไรแล้ว!” จวงฮงรีบเร่งให้เปิดพิธีการ จากนั้นก็หันไปพูดกับผู้บัญชาการมู๋ด้วยท่าทางไม่พอใจ “นี่ท่านจงใจเลื่อนเวลาให้ล่าช้าเพื่อรอคนคนเดียว? มีคนมากมายรออยู่ด้านนอกนั้น!”

 

ผู้บัญชาการมู๋เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและออกคำสั่ง “เตรียมตัว เราจะออกไปภายใน 2 นาที”

 

พรึบ!

ทุกคนรีบผุดลุกขึ้นยืนทันที จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเข้าที่ พร้อมกับเอกสารที่เหมือนจะเตรียมมาให้ชูฮัน

 

“ไอ้พวกขี้เรื้อน!” เลาเสี่ยวเสียวกัดฟันพูดอย่างหัวร้อน ตามมาด้วยเสียงตบเข้าที่หัวของเฉินช่าวเย่ “ทำไมตอนที่แกมาแกไม่เรียกพี่ชูฮันมาด้วย อยากตายเหรอไง?”

 

เฉินช่าวเย่ชี้ไปที่กล่องอาหารที่ปลายเท้า “ฉันเอาอาหารเช้า 20 ที่มาเซอไพรซ์หัวหน้า แต่ตอนนี้อาหารมันเย็นชืดหมดแล้ว”

 

ในขณะที่กลุ่มคนกำลังโมโหและไม่พอใจกันอยู่ จู่ๆมันก็มีเสียงโต้เถียงดังมาจากด้านนอกห้อง

 

“นายเป็นใคร? นายไม่มีสิทธิเข้าไปในนี้!”

 

“ฉันมีเรื่องต้องทำ”

 

“ไม่! ถอยไป อย่าคิดจะเข้ามา!”

 

ยังไม่ทันที่เลาเสี่ยวเสียวจะได้ส่งเสียง มันก็มีเสียงของอีกคนตะโกนดังขึ้นมาอย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงฝีเท้าจำนวนมากที่กำลังวิ่งเข้ามา

 

“ขวางมันไว้! มันเป็นคนร้ายแน่ๆ!”

 

“หยุดมัน! มันทำร้ายเจ้าหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ระดับ 2!”

 

“เตือนภัย! เตือนภัย!”

 

“เร็วเข้า ไอ้คนนี้มันวิ่งเข้าออกไปมา มันกำลังวางแผนร้ายแน่ๆ!”

 

ในตอนนั้นเองเฉินช่าวเย่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขารีบพุ่งออกไปและในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด—–

 

ฟึบ! ฟึบ!—–

เสียงเตะที่ดังมาชุด ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญเจ็บปวดของทหารหลายคนที่กลิ้งไปกับพื้น

 

มีเสียงของคนที่ดูราวกับหมดหนทางดังขึ้น “มันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่    ไอ้คนไม่มีตรานี่มันตัวปัญหาจริงๆ ฉันรู้ว่าลูกน้องของหลิวยู่ติงต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ”

 

เกิดความเงียบแปลกประหลาดขึ้นภายในห้องสังสรรค์ทันทีที่ไดยินเสียงจากด้านนอก คำไม่กี่คำทำให้หลายคนถึงกับค้าง ไม่มีตรา อาละวาดไปทั่ว เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 2 โดนทำร้ายหมด…

 

พวกเขาลืมไปเลยว่าชูฮันไม่มีตราตำแหน่ง!

 

ตราเป็นเหมือนใบรับรองตัวตน ในพื้นที่จุดแรกจะต้องได้รับการยืนยันตราก่อนถึงจะเข้ามาได้ และในตอนนี้ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งอยู่ในห้องสังสรรค์และคิดถึงเรื่องตราที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้ขูฮัน มันก็แก้ไขปัญหาทุกอย่างให้กระจ่างหมดแล้วว่าทำไมชูฮันถึงมาสาย

 

หากไม่มีตรา มันเป็นปกติที่จะโดนขัดขวางไม่ให้เข้ามา หน่วยทหารรักษาความปลอดภัยจะไม่มีวันยอมปล่อยไป แต่ชูฮันไม่ได้ใส่เครื่องแบทหารหรอกเหรอ? เครื่องแบบทหารถูกวางไว้ในบ้านพักของชูฮันเรียบร้อยแล้ว ชูฮันไม่ได้ใส่มันเหรอไง?

 

เอาล่ะ นั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือชูฮันฝ่าเข้ามาถึงพื้นที่บริเวณ 2 จนมาถึงหน้าห้องสังสรรค์ท่ามกลางการป้องกันที่หนาแน่นแบบนี้ได้?!

 

นี่เขาใช่คนหรือเปล่า?

 

ภายในห้องขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร และได้แต่ฟังเสียงประตูที่ขยับไปมาและชูฮันก็เดินเข้าด้วยเสื้อผ้าลำลอง

 

ชูฮันไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบจริงๆด้วย!

 

จากนั้นทุกคนก็เบนสายตาไปที่ด้านหลังของชูฮัน ซึ่งที่พื้นด้านนอกห้องสังสรรค์นั้นมีนายทหารมากมายนอนเรียงราย เนื้อตัวบอบช้ำอยู่ที่พื้น ทุกคนเห็นอย่างที่เห็นกันใช่มั้ย? การเตือนภัยในพื้นที่บริเวณ 2 ล้มเหลว แถมในพื้นที่จุดแรกก็ไม่มีใครสามารถหยุดชูฮันได้

 

เมื่อมองไปที่สีหน้าประหลาดๆของทุกคนภายในห้อง ชูฮันก็ไม่คิดจะพูดอะไร เขาเพียงมองไปที่นาฬิกาและนาทีสุดท้ายของการประชุมกำลังเริ่มต้น!

 

ชูฮันดึงซิปด้านหลังออกและเผยให้เห็นชุดเครื่องแบบพลเอกที่ถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย “ใครบอกได้ว่าชุดนี้ใส่ยังไง?”

 

@#$%^&*!&)

 

เสียงดังเซ็งแซ่ของทุกคนดังขึ้น นี่เขาไม่รู้วิธีใส่เครื่องแบบทหารได้ไง?

 

ผู้บัญชาการมู๋แทบจะกลั้นสีหน้าไม่ไหว เขารีบพูด “คุณไม่จำเป็นต้องใส่ มันจะสายเกินไป แค่ออกไปข้างนอกเลย!”

 

หลายคนพยักหน้าไม่หยุดอย่างเห็นด้วย มันเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น เครื่องแบบทหารนี้มันซับซ้อนเกินกว่าจะเสร็จได้ทันเวลา

 

และในขณะที่ทุกคนมีสีหน้าป่วยๆ จู่ๆมันก็มีเสียงดังขึ้น “เดี๋ยว ฉันทำเอง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด