Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 558

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 558 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อะไรน่ะ?!

 

หลูอี๋ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาขยับปากถามแทบไร้สติ “ออกไป? ทำความสะอาดสนามรบ?”

 

ชูฮันใช้ทั้งภูเขาทั้งลูกเป็นดินแดนของเขา

 

หลังจากหลูอี๋ถามออกมา โดยไม่รอให้ได้ยินคำตอบจากกองทัพเขี้ยวหมาป่า คนของค่ายเจียนอี๋ก็ระเบิดโพล่งออกมาโดยที่หลูอี๋ไม่สามารถห้ามได้

 

“ออกไปไหน? บ้ารึเปล่า ท่านคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เห็นค่ายของเราเป็นอะไร?”

 

“ใช่ ท่านบอกให้พวกเราออกไปถ้าไม่ช่วย นี่ท่านเห็นรึเปล่า?”

 

“แล้วยังให้เราออกไปทำความสะอาดสนามรบ? พวกเราเป็นคนใช้งั้นเหรอ?”

 

“ฉันขอบอกเลย อุตส่าห์อยากจะไว้หน้าท่านแต่ไม่รู้จักมารยาทเลยเหรอไง?”

 

เสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด ทั้งสถานที่ตกอยู่ในความวุ่นวายและเสียงดัง ชูฮันมองไปที่เหล่าคนตรงหน้าเขา ชูฮันเห็นท่าทางของหลูอี๋ที่ดูหมดหนทางและเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง หากมันสายไปแล้ว

 

“ฉันคือชูฮัน พลเอกของชูฮัน” เสียงของชูฮันไม่ได้ตะคอก หากมันกังวาลด้วยอำนาจในตัว ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบสงบทันที “อยากถามฉันว่าทำไมฉันถึงไล่พวกคุณออกไป? ง่ายมากๆ เคยได้ยินอภิสิทธิของการมีตำแหน่งพลเอกมั้ย?”

 

พรึบ!

 

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ แม้แต่หน้าผากของหลูอี๋ก็ยังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เขาเกือบลืมสิ่งนี้ไปเลย!

 

ในตอนนี้เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป พวกเขาไม่ได้อยู่ในประเทศแต่เป็นค่ายต่างๆ ถ้าไม่อยากเสียดินแดนให้จีน คุณจะสามารถตั้งค่ายขึ้นที่ไหนก็ได้ หากค่ายใหญ่ๆทุกค่ายนั้นเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายเดียวกันเพื่อการควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบ

 

ประกอบกับการสื่อสารที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขมากมาย ผู้นำของค่ายใหญ่ๆทั้งหลายจะมีอำนาจสูงสุดในการสั่งค่ายของตัวเอง และพวกเขาจะต้องรายงานซางจิงทุกครั้งที่เจอกับเหตุการณ์ต่างๆ ไม่อย่างนั้นความล่าช้าที่เกิดขึ้นอาจนำพามาซึ่งเหตุกาณ์ที่เลวร้ายลงก็ได้

 

ซึ่งอภิสิทธิและอำนาจของแต่ละตำแหน่งก็จะไล่กันไปตามลำดับ พลเอกซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดจะมีอำนาจอย่างมาก และส่วนใหญ่พวกเขาจะเป็นผู้นำของค่ายหลักต่างๆทั่วจีน ทว่าท่ามลางพลเอกทั้งสิบห้าคนทุกคนรู้ดีว่าในกรณีของชูฮันจะพิเศษกว่าใคร

 

อภิสิทธิพิเศษในการรับตำแหน่งพลเอกของชูฮันนั้นมีอำนาจพอๆกับพลเอกสองคน ซึ่งหลายคนไม่พอใจอย่างมากกับอำนาจที่ชูฮันได้รับ หลายคนต้องการหาเรื่องดึงชูฮันลงมาให้ได้ แต่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธความสามารถในการต่อสู้ของชูฮันได้ อีกทั้งมีผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงที่สนับสนุนชูฮันอยู่อีก

 

อย่างไรก็ตาม ผลก็คือ สถานที่ที่ชูฮันเลือกจะก่อตั้งค่ายของเขานั้นไกลจากซางจิงอย่างมาก ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้น ทั้งบริเวณภาคใต้ของเมืองอันลูทั้งหมดนั้นเทียบเท่ากับถูกส่งมอบให้ชูฮันทั้งหมด

 

ถ้าเขาต้องการจะเป็นราชาที่นี้ ไม่มีใครสามารถแย้งเขาได้ แม้แต่คนที่ซางจิงก็ได้แต่เป็นบ้าตายอยู่ในอกตัวเอง

 

ในจังหวะนั้น เมื่อชูฮันพูดประโยคนั้นออกมา ทุกคนก็นิ่งค้างไปอย่างสมบูรณ์แบบ

 

“ส่วนสำหรับการให้พวกคุณทำความสะอาดสนามรบ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณควรทำเหรองั้นเหรอ?” ชูฮันพูดต่อ “ในดินแดนของฉัน ถ้าต้องการที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และก่อตั้งค่ายขึ้น จะต้องได้รับการอนุมัติจากฉันไม่ใช่หรือไง? แล้วคุณได้คำอนุมัติจากฉันไปตอนไหน? สำหรับสงครามกลางภูเขาครั้งนี้ พวกคุณทำหน้าที่ของพวกคุณดีแล้ว ถึงแม้จะไร้ประโยชน์แต่ก็ทำดี ดังนั้นฉันจึงตกลงให้พวกคุณได้ทำงานหนักอย่างที่ต้องการ”

 

หลังจากพูดจบ ชูฮันก็ยิ้มและเดินตรงเข้าไปหากองทัพเขี้ยวหมาป่าของเขา ท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้องมา เขาก็ออกคำสั่งให้มีการรวมกลุ่มและเตรียมตัวเพื่อไปจากที่นี่ต่อทันที

 

แค่คำพูดสรุปไม่กี่ประโยคของชูฮันกลับทำให้ทุกคนเงียบสงบกันหมด

 

คนของค่ายเจียนอี๋รู้สึกเจ็บหน้าอก เลือดกระอักอยู่ในคอ โดยเฉพาะหลูอี๋ที่แทบจะเป็นลมได้ทุกเวลา เขาไม่ได้ข้องใจชูฮัน สิ่งที่ชูฮันพูดนั้นถูกต้องแล้ว และหลูอี๋รู้สึกขอบคุณชูฮันด้วยซ้ำไปที่ไม่สั่งทำลายค่ายของเขาและยังยอมให้ค่ายอยู่ต่อเพียงแค่ให้ทำความสะอาดสนามรบแทน

 

สำหรับสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่า หัวใจของทุกคนเต้นรัวอย่างตื่นเต้นและชื่นชมชูฮันไม่หยุด พวกเขารีบรวบรวมคริสตัลจำนวนมากและอัฐิของเพื่อนพ้องที่เสียสละชีวิต

 

ก่อนหน้านี้กูเหลียงเฉินอยากจะขับไล่พวกคนที่ค่ายเจียนอี๋ออกไป แต่หลังจากทำไม่สำเร็จ หลิวยู่ติงก็ออกมาทำการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อหุบปากคนพวกนี้แต่มันก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

 

แต่ทันทีที่ชูฮัน แค่ครู่เดียวทุกอย่างก็จบลงอย่างง่าย ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่ารู้สึกว่าพลเอกชูฮันของพวกเขาคือพระเจ้าชัดๆ!

 

ไม่เพียงแต่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ยังสามารถจัดการค่ายเจียนอี๋ได้อย่างอยู่หมัด

 

เพราะงั้นกองทัพเขี้ยวหมาป่าจึงจากสนามรบไปทันทีได้อย่างง่ายๆ พวกเขาเดินอย่างสบายตัว ทิ้งภาระสงครามไว้ให้ค่ายเจียนอี๋เก็บกวาดแทน

 

“นี่พวกเขาจะไปต่ออีกงั้นเหรอ?” สมาชิกคนหนึ่งของค่ายขเจียนอี๋ที่กำลังมองภาพกองทัพเขี้ยวหมาป่าเคลื่อนพลไปอย่างรวดเร็วอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าหลูอี๋ “พวกเราไม่อยากจะมาทำความสะอาดสนามรบนะครับ!”

 

หลูอี๋ที่ถอยหายใจเป็นพรวนในที่สุดก็ทนไม่ไหวและระเบิดอารมณ์ออกมา “นี่มันมีแต่เรื่องไร้สาระไม่หยุด เรามีงานมากมายให้ต้องทำ! มีศพของลูกผสมตั้งมากที่ยังไม่ได้จัดการ จะรอให้กลิ่นเลือดล่อพวกสัตว์ป่าหรือซอมบี้มาหรือไง? แล้วมันยังมีซากศพซอมบี้ 20,000 ตัวรออยู่ห่างออกไปอีกหนึ่งกิโลเมตรอีก รีบเผาศพพวกมันซะ ไม่อย่างนั้นทั้งป่าและภูเขานี้อาจจะถูกทำลายทั้งหมด!”

 

“ครับ!” ทุกคนเริ่มทำงานหนัก เหงื่อเปียกโชกกันหมด

 

ขณะที่ทุกคนกำลังทำงานกันอย่างหนักหน่วง จู่ๆเฮลิคอปเตอร์สี่ลำก็ลอยข้ามาอยู่เหนือหัวพวกเขา ทหารทุกคนมีอาวุธครบครัน เตรียมตัวจะกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ โดยเฉพาะหัวหน้าทีมอย่างหยางหลินที่แสดงสีหน้าได้น่าตลกมากสำหรับคนมอง

 

มันมีฝูงซอมบี้มหาศาลไม่ใช่เหรอไง? มันมีกลุ่มลูกผสมที่อันตรายอย่างมากใช่มั้ย? นั่นไม่ได้หมายความว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าตกอยู่ในวิกฤตงั้นเหรอ?

 

สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไร?

 

กองกำลังที่แข็งแก่งที่สุดของค่ายเจียนอี๋กำลังทำงาน?

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด