Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 618 แผนภูมิความคิดต้นไม้

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 618 แผนภูมิความคิดต้นไม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ชูฮัน?” ซางจิ่วตี้ที่เห็นชูฮันเดินเข้ามาก็ประหลาดใจมาก เธอรีบลุกขึ้นยืนจากที่นั่งให้ชูฮันมานั่งแทนเธอ

 

นอกเหนือจากหลิวยู่ติงที่มองมาอย่างนิ่งๆ คนอื่นในห้องประชุมต่างตกใจอย่างมากที่ได้เห็นชูฮัน เพราะทุกคนไม่รับรู้เลยว่าชูฮันกลับมาตั้งแต่ตอนไหน ชูฮันลอบเข้ามาอย่างลับๆโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

 

เมื่อได้เห็นซางจิ่วตี้สละที่นั่งให้ คำปฏิเสธที่กำลังจะพูดออกมาก็ต้องกลืนลงคอไปก่อน ค่ายนี้ดูแลจัดการโดยซางจิ่วตี้ แม้เขาจะไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงและอำนาจแต่เขาก็ยังคงเป็นผู้บัญชาการสูงสุดอยู่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามมันยังมีกฏปฏิบัติที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

 

ไม่อย่างนั้น ผู้คนจะเกิดความสับสน

 

เมื่อคำนึงถึงจุดนี้ ชูฮันก็นั่งลงที่หัวโต๊ะอย่างเงียบๆ เขาเห็นแววตาประหลาดใจในนัยน์ตาของซางจิ่วตี้และการเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์แบบทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น

 

“ต่อเลย” ชูฮันระงับความคิดในหัวที่ยุ่งเหยิงไปหมดลงและเอ่ยปากพูดกับทุกคน “พวกคุณเชิญปรึกษากันต่อเลย ไม่ต้องสนใจฉัน”

 

ในการจะระดมความคิด ชูฮันเองก็อยากจะเห็นว่าสมองของคนพวกนี้จะไปได้ถึงไหน

 

หลายคนในห้องต้างเหลือบตามองกันไปมา แม้กระทั่งการสนทนาหารือดำเนินการต่อแล้ว ก็ไม่มีใครเล่นมุกตลกอีกในครั้ง ทุกคนกลับสู่หัวข้อการสนทนาอย่างจริงจัง

 

ติงซือเย้าเป็นคนนำหัวข้อกลับมาด้วยการวิเคาะห์อย่างมีเหตุผล “ค่ายเขี้ยวหมาป่าหรือเขตการปกครองเมืองอันลู มันมีผู้รอดชีวิตทั้งหมด 10,000 คน และจากการรายงานของเจียงเทียนชิงอีกฝ่ายไม่ได้มีแค่กลุ่มผู้รอดชีวิต 10,000 คนเท่านั้นแต่มันยังมีกลุ่มกองกำลังที่ดูเหมือนจะเป็นทหารอีกกว่า 1,000 คน”

 

“คนพวกนี้จะต้องมาจากค่ายเจียนอี๋อย่างแน่นอน” ซางจิ่วตี้ทำการสรุป จากนั้นเธอก็สบตาชูฮัน เพราะท้ายที่สุดแล้วชูฮันเป็นคนที่เก่งที่สุดในด้านการวิเคราะห์

 

เมื่อเห็นสายตาของซางจิ่วตี้ที่มองชูฮัน ทุกคนก็มองตามไปเช่นกัน เป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนอยู่แล้วว่าวิธีในการคิดของชูฮันนั้นโดดเด่นและพิเศษกว่าใคร

 

แต่ชูฮันเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย “มันเป็นการวิเคราะห์ที่ดีนี่?”

 

ชูฮันไม่ได้จงใจที่จะไม่บอกความจริงหรือชี้นำการประชุมนี้ กองทัพเขี้ยวหมาป่าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นความคิดในการปกครองและบริการของเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเขี้ยวหมาป่าก็จะต้องตามให้ทันเช่นกัน ไม่ใช่แค่ซางจิ่วตี้แต่หมายถึงทุกคน ทุกคนต้องพึ่งพาตัวเองได้และมันต้องรวดเร็ว

 

ค่ายเล็กๆที่อื่นนั้นไม่สามารถนำมาเทียบได้ เพราะค่ายเขี้ยวหมาป่ามีพลเอกชูฮัน เพราะฉะนั้นจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับค่ายอื่นที่มีพลเอกเหมือนกัน ซึ่งค่ายพวกนั้นก็ล้วนเป็นแต่ค่ายใหญ่ทั้งนั้น เมื่อตอนที่ชูฮันได้ไปค่ายตวนเขาได้เห็นการพัฒนาของค่ายในระดับที่น่าเหลือเชื่อ ค่ายตวนมีเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เต็มไปด้วยความสามารถเป็นจำนวนมาก แตกต่างกับค่ายเขี้ยวหมาป่าในตอนนี้ที่มีเพียงแค่ไม่กี่คน

 

เมื่อเห็นว่าชูฮันไม่เต็มใจที่จี้นำ ทุกคนก็ได้แต่นั่งเงียบอย่างทำอะไรไม่ถูก คนส่วนใหญ่เป็นพวกขี้กลัวและอนุรักษ์นิยม ทุกครั้งที่พวกเขาจะอ้าปากพูดอะไรจะต้องเหลือบมองดูท่าทีของชูฮันก่อน ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะพูดผิดหรือพูดไม่เข้าหู

 

มีเพียงแค่กูเหลียงเฉินที่สำรวจความคิดของชูฮันและกล้าคาดเดาอย่างกล้าหาญ “ที่จริงแล้ว เราสามารถแบ่งความคิดออกเป็นสองแบบได้ แบบแรกก็คือคนพวกนี้มาจากค่ายเจียนอี๋ และอีกแบบก็คือพวกเขาไม่ได้มาจากค่ายเจียนอี๋ ทีละขั้นตอน เริ่มจากทิศทางในการเดิน ถ้าคนพวกนี้มาจากค่ายเจียนอี๋ของตัวเอง แล้วพวกเขาก็แบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม มีกลุ่มกองกำลังและกลุ่มผู้รอดชีวิต แต่พวกเขาสามารถดำเนินการขนาดใหญ่อย่างนี้ได้เหรอ?”

 

พอกูเหลียงเฉินพูดออกมา ทุกคนก็เริ่มคิดตาม บางคนรีบคว้ากระดาษมาและหยิบปากกามาเริ่มขีดร่างแผนภูมิต้นไม้ความคิด ชูฮันมองกูเหลียงเฉินด้วยสายตาชื่นชม แม้ว่ามันจะวุ่นวายเล็กน้อยแต่มันก็เป็นแบบการคิดที่ดี มันชัดเจน และมีบทบาทสำคัญ

 

ตาของซางจิ่วตี้เป็นประกาย หัวใจเต้นแรงขึ้น ความสามารถในการเลือกคนของชูฮันนั้นโดดเด่นอย่างมากเสมอ เธอเริ่มคิดตามกูเหลียงเฉิน “และตรงจุดนี้เราก็สามารถแบ่งออกเป็นสองความคิด อันดับแรกถ้าเป็นกองกำลัง ความเป็นไปได้นั่นก็เล็กเกินไป เหตุผลก็ไม่เพียงพอ เพราะค่ายเจียนอี๋ก็เป็นค่ายทั่วไป ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตัดคนจำนวนมากออกแบบนี้ และกองกำลังก็มีอาวุธครบกันทุกคนอีก”

 

“นั่นคือความคิดเริ่มต้น?” ติงซือเย้าแตะปลายคางอย่างใช้ความคิด “ความคิดเริ่มต้นสามารถแบ่งออกเป็นสองวิธี…”

 

“ข้อแรกก็คือพวกเขาหนีออกมาจากค่ายตัวเองเพื่อมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า ข้อที่สองก็คือพวกเขาได้รับคำสั่งให้ทำแบบนี้” ซางจิ่วตี้ก็คิดอยู่ในระดับหนึ่งเช่นกัน หลังจากมองกูเหลียงเฉินด้วยสายตาประหลาดใจ กูเหลียงเฉินพูดต่อ “ไม่ว่าประเภทไหนมันก็มีข้อมูลมากมายให้เราวิเคราะห์ ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเราที่จะหาวิธีรับมือ”

 

ทันทีที่พูดจบ ความคิดของเหล่าเจ้าหน้าที่ในห้องประชุมทั้งหมดก็เริ่มกระจ่าง หลายคนใช้สายตาประหลาดใจจ้องไปที่กูเหลียงเฉิน เด็กนี้จู่ๆก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ทว่าเป็นคนเก่งอย่างเห็นได้ชัด ไม่แปลกใจที่มีตำแหน่งอยู่ในแผนกเจ้าหน้าที่ที่หัวหน้าชูฮันแต่งตั้งให้

 

“นี่คือแผนภูมิความคิดต้นไม้” กูเหลียงเฉินยิ้มเล็กน้อย “มันอาจจะดูเป็นวิธีที่งี่เง่า ไล่ทีละขั้นตอน เทียบกับวิธีการของหัวหน้าชูฮันไม่ได้สักนิด ขณะที่เราพึ่งได้รับข้อมูลท่านหัวหน้าคงจะคิดไปได้สามทางแล้ว ขณะที่พวกเราเอาแต่พูดคุยกันถกเถียงกันอย่างไม่มีแบบแผนและหลักการ แต่หัวหน้ากลับคิดหาวิธีจัดการได้มากมายนับไม่ถ้วนแล้วในหัว ใช่มั้ยครับ?”

 

ความเร็วในการคิดของชูฮันนั้นรวดเร็วอย่างมาก ในขณะที่ทุกคนมองว่ามันเกิดวิกฤต เกิดหายนะขึ้น หรือในขณะที่ทุกกำลังวิตกกังวล แต่ชูฮันจะนิ่งสงบและมองทะลุปรุโปร่ง และสามารถหาหนทางแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

สำหรับความชื่นชมอย่างมากของกูเหลียงเฉินที่มีต่อชูฮัน ทุกคนในห้องไม่มีใครคัดค้าน ชูฮันแค่คนเดียวสามารถเอาชนะสมองของทุกคนในนี้รวมกันทั้งหมดได้ นั้นคือมติของทุกคน

 

“เลิกเสียเวลาเลียตูดฉันได้แล้ว” ชูฮันยิ้มมุมปาก “นายยังวิเคราะห์ไม่เสร็จดี ไปในทิศทางที่ดีแล้ว พูดต่อสิ”

 

เมื่อได้ยินชูฮันพูดแบบนี้ ทุกคนก็ได้กำลังใจขึ้นมาทันที รีบกระตือรือร้นปรึกษาหารือกันต่อ โดยเฉพาะกูเหลียงเฉินที่ดีใจอย่างมาก หัวหน้าพึ่งพูดว่า ทิศทางที่พวกเขามานั้นดีแล้ว นั่นคือเป็นการน้ำเตือนว่าวิธีการคิดของกูเหลียงเฉินนั้นถูกต้องเข้าไปอีก!

 

“มันน่าจะต้องมีเหตุการณ์ขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่ค่ายเจียนอี๋ ซึ่งยังคงเป็นอันตรายอยู่ ทำให้ผู้คนมากมายตัดสินใจออกจากค่าย” ติงซือเย้าเข้าร่วมการปรึกษาหารือ

 

คนที่เหลือรอคอยความเห็นจากชูฮัน ในความคิดของพวกเขา การที่หัวหน้านิ่งสงบแบบนี้แสดงว่าหัวหน้าต้องรู้ความจริงอยู่แล้วนั้นเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด