Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 689 ซอมบี้มากกว่า20ล้านตัว

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 689 ซอมบี้มากกว่า20ล้านตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 689 ซอมบี้มากกว่า20ล้านตัว

 

ชูฮันเยาะเย้ยใส่สัตว์ประหลาดที่คล้ายกับแรดยักษ์

 

แต่เดิม เขาคิดว่าในการทดสอบการต่อสู้โดยรวมหรือในโลกคู่ขนาน สัตว์ประหลาดทั้งหลายนั้นต่างก็ไร้สมองทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไรแล้ว ทั้งความผิดปกติของเสาหินที่ปรากฏตัวขึ้น การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายตั้งแต่การทดสอบของระยะ 1 จนถึงระยะ 5 ไหนจะกฏการฆ่าที่เปลี่ยนไปตามการจัดอันดับ มันทําให้ผู้คนรู้สึกว่าเสาหินนั้นเต็มไปด้วยอันตราย

 

แต่ปฏิกิริยาตอบสนองจากจิตใต้สํานึกของหลั่งไคทําให้ฉันได้ความคิดใหม่ สัตว์ประหลาดทุกตัวแตกขยายมาจากสายพันธุ์ดั่งเดิมงั้นเหรอ?

 

ถ้าเป็นอย่างนั้น สัตว์ประหลาดพวกนี้มาจากไหน?

 

อย่างน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก สัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่มีอยู่จริง

 

ในตอนนั้นเอง หวังไคก็เริ่มรู้สึกตัว “มันยังเร็วไปที่จะด่วนสรุป เรากลับไปมันมั้ย? มันอาจจะกลายเป็นแค่เสือหรือสัตว์อะไรก็ได้”

 

“ฉันสะบัดมันหลุดมันออกมาแล้ว ไม่ทันแล้วล่ะ” ชูฮันเอ่ยอย่างเรียบๆ ความสงสัยนี้ถูกฝังแน่นไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ขณะยังคงรักษาฝีเท้าเอาไว้เหมือนเดิม

 

เงื่อนไขของการประเมิณนี้ไม่ใช่แค่ต้องหาทางออกเท่านั้น แต่ยังต้องฆ่าสัตว์ประหลาดทุกตัวในเขาวงกตนี้ให้หมดด้วย ถ้าคนทั่วไปคงจะใช้เวลาประมาณสามคืนสามวัน แต่ชูฮันมีอีกวิธี..

 

ในขณะที่ชูฮันกําลังเผชิญกับการทดสอบการต่อสู้โดยรวมที่ยากที่สุดของเสาหนิน สมาชิกทีมกุ้งเสือดําด้านนอกก็กําลังเหงื่อแตกกับการวิ่งตามหลังเสาหินที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนเหนี่อยล้า

 

“กัปตันครับ เราไม่สามารถตามมันได้ทัน!” ทหารคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะทํายังดีเอ่ยขึ้น พวกเขาทั้งหมด 50 ล้วนเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่กันหมด ความเร็วของพวกก็เร็วพอควรแต่หลังจากการฝึกตลอดสองสามวันก่อหน้านี้ ประกอบกับการไล่ตามเสาหินที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่หยุดนี้ มันจึงไม่แปลกที่ทุกคนจะเหนื่อยล้าจนหมดแรงจะไล่ตาม

 

เสี่ยวเคินเองก็เหงื่อแตกและเหนื่อยหอบเหมือนกัน เขาได้แต่มองตามเสาหินที่เริ่มห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ความกังวลและความรู้สึกไร้พลังจู่ๆก็ปะทุขึ้นในใจของเสี่ยวเคิน

 

พวกเขาวิ่งตามมันมาตลอดทั้งวันจนตอนนี้ทั้งทีมเขาเหนื่อยล้ากันสุดขั้นแล้ว แม้ทุกคนจะวิ่งตามด้วยความเร็วสูงสุดของตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถไล่ตามเสาหินได้ทัน แถมเสาหินยักษ์นี้ก็ยังเคลื่อนตัวห่างจากพวกเขาไปไกลขึ้นเรื่อยๆทุกขณะจนแทบจะหายไปจากระยะสายตาแล้ว

 

ในตอนนี้พวกเขาวิ่งกันมานานและไกลเกินกว่าจะกลับไปที่เดิมได้

 

” ฉันว่า” จางโบฮั่น ผู้หญิงเพียงคนเดียวในทีมกุ้งเสือดํารีบวิ่งมาที่ด้านข้างของเสี่ยวเคินที่นําหน้าอยู่พร้อมกับหอบหายจและเอ่ยขึ้น “เราเหมือนจะลืมเรื่องหนึ่งไป”

 

“อะไร?” เสี่ยวเคินประหลาดใจและรีบถามกลับทันที

 

“ดูสภาพแวดล้อมรอบๆคุณสิ” แววตาของจางโบฮั่นมีความกลัว “เรากําลังมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง!”

 

ทั้งทีมหยุดวิ่งทันที สมาชิกทีมกุ้งเสื้อดําทั้ง 50 คนสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมรอบๆด้วยความตกใจกลัว มันมีอาคารบ้านหลายหลังรอบๆพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้เข้าสู่พื้นที่ของตัวเมืองแล้ว

 

“โอ้ไม่” เสี่ยวเคินเริ่มกังวล “เราเอาแต่ไล่ตามเสาหินมาโดยไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมโดยรอบเลย นี้เราเริ่มเข้าสู่ตัวเมืองแล้ว เราไม่สามารถระบุได้ว่าข้างหน้าเป็นเมืองใหญ่ขนาดไหน มันจะมีซอมบี้มากขนาดไหนในตัวเมือง เราซวยแล้ว”

 

“ซอมบี้ธรรมดามันไม่ได้น่ากลัวอะไร เราทําการฝึกเพื่อที่จะรับมือกับซอมบี้จากหัวหน้ามากันเยอะแล้ว” จางโบฮั่นนิ่วหน้า ” ที่ฉันกลัวคือเราอาจจะเผชิญหน้ากับซุปเปอร์ซอมบี้เข้าได้”

 

“ที่สําคัญคือในกรณีเราจําเป็นต้องไปตามเสาหินต่อไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราจะให้ปล่อยมันหนีไปไม่ได้ เพียงแค่นึก กวนผิงก็ปวดหัวแล้ว

 

” ฉันกลัวว่ามันจะสายไปแล้ว” หวังหลิงที่พึ่งเข้าร่วมทีมใหม่ๆพูดขึ้น เขาพึ่งวิ่งกลับมาหลังจากรับผิดชอบการลาดตระเวน สูดลมหายใจลึก หน้าตาตึงเครียด “เสาหินหายไปแล้วครับ”

 

เสี่ยวเคินตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองหวังหลินที่รายงานทันที เมื่อครู่เขายังเห็นภาพเสาหินอยู่เลย แค่เสี้ยววินาทีเสาหินกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

 

ทันใดนั้น ทีมทั้งเสือดําก็ตกอยู่ในภวังค์ สัมผัสของปัญหาใหญ่ที่กําลังจะตามมาเกิดขึ้นในใจของทุกคน พวกเขาคลาดหายจากท่านหัวหน้าไปแล้วจริงๆ

 

“เดียว มันมีคําบางอย่างเขียนอยู่!” ทันใดนั้น จางโบฮั่นก็ชี้ไปที่ภาพตรงหน้า ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “เมืองหนานเทียน นี้มันอะไร?”

 

เสี่ยวเคินเงยหน้าขึ้นมองตาม แต่แล้วเขาก็รีบยิ้มออกมาทันที “ถ้าเรารู้ว่าเราอยู่ที่ไหนแล้วละก็ มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป”

 

เมืองหนานเทียน เป็นเมืองเล็กๆใกล้กับหนานตู้ ซึ่งมีประชากร 25 ล้านคนอาศัยอยู่ในยุคศิวิไลซ์ ส่วนจํานวนของซอมบี้ในยุคโลกาวินาศ…

 

มหาศาล!

 

เมื่อรู้สถานการณ์ที่ต้องเผชิญแล้ว ทีมกุ้งเสือดําก็เงียบสนิททุกคน ความรู้สึกท้อแท้ผุดขึ้นในใจ ซอมบี้มากกว่า 20 ล้านตัว?

 

จะบ้าตาย!

 

“หรือ?” จางโบฮั่นเสนออย่างกังวล “เราไปที่ค่ายผู้รอดชีวิตทางใต้เพื่อขอความช่วยเหลือ”

 

“ค่ายผู้รอดชีวิตทางใต้กับค่ายหนานตู้นั่นอยู่คนละเส้นทางกันเลย” เสี่ยวเคินยิ้มและส่ายหัว “และค่ายหนานตู้ก็เป็นค่ายผู้รอดชีวิตเป็นทางการที่ใหญ่อันดับที่สองของจีน ซึ่งตําแหน่งของมันอยู่ไกลจากตัวเมืองอย่างมาก พวกเขาต้องตั้งอยู่กลางป่าลึกเพื่อหลีกเลี่ยงซอมบี้จากตัวเมือง หัวหน้าประเมิณเอาไว้ว่าในตัวเมืองหนานตู้จะต้องมีซอมบี้มหาศาลอย่างแน่นอน เราถึงต้องเดินทางอ้อมกัน”

 

เฮือก!

 

กวนผิงกลืนน้ำลายอีก “แล้วการไล่ตามก่อนหน้านี้?”

 

เสี่ยวเคินมีสีหน้ากังวล เขาหันกลับมองถนนด้านหลัง โชคดีที่หลูปิงเซ่อคนอ่อนแอไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้นป่านนี้ทุกคนคงวิ่งเข้าไปในเมืองที่มีซอมบี้มากกว่า 20 ล้านตัวโดยไม่รู้ตัวและคงจะตายทันที!

 

“เป้าหมายของเราคือเมืองหนานตู้!”

 

ฟรึบ!

 

สมาชิกทีมกุ้งเสือดําทั้ง 50 คนเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อีกครั้งที่พวกวิ่งไปข้างหนานอย่างเป็นขบวนไปที่เมืองหนานตู้ ซึ่งมีซอมบี้มากกว่า 20 ล้านตัว

 

ฟานเจี้ยนและหลูปิงเซ่อที่ได้นอนหลับเต็มอิ่มค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

 

ฟานเจี้ยนลืมตาขึ้นก่อน เขาหาวขณะชื่นชมภาพพระอาทิตย์กําลังตกดินที่ไกลออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ มันเงียบเกินไป เงียบจนผิดปกติ

 

พรึบ!

 

ฟานเจี้ยนผุดลุกขึ้นนั่งทันที และก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า เต้นท์นอนและทหารทีมกุ้งเสือดําทั้งหลายหายไป หม้อ กระทะที่ทําอาหารกินก่อนหน้านี้ก็ไม่มีร่องรอยทิ้งเหลือไว้เลย ทุกอย่างหายวับไปหมดอย่างไร้ร่องรอย

 

“เกิดอะไรขึ้น?!” ฟานเจี้ยนแหกปากลั่นทันที เขาจ้องเขม็งไปที่แม่น้ำตรงหน้าที่ก่อนหน้านี้แยกเป็นสองสาย

 

“โอ้ย แหกปากอะไร?” หลูปิงเซ่อคลานออกมาจากเต้นท์นอนของตัวเองอย่างลืมตาไม่เต็มที่ ทันใดนั้นเขาก็ต้องเบิกตาโพลง อ้าปากค้าง อย่างน่าตลก

 

“มันก็ถนนเส้นเดิม หรือว่าเราติดอยู่มิติที่ไม่รู้จัก?” ฟานเจี้ยนกระพริบตาอย่างมึนงง ” หรือทั้งโลกเปลี่ยนไปอีกแล้วเมื่อตอนที่เราหลับ?”

 

หลูปิงเซ่อที่กําลังจะพูด ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามันมีอะไรอยู่ที่ก้นเขา และเมื่อก้มไปดูก็เจอหินก้อนหนึ่งที่คําพูดโดยใช้มีดกรีดเอาไว้ ซึ่งมันคือลายมือของเสี่ยวเคิน..เจอกันที่ค่ายหนาน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 689 ซอมบี้มากกว่า20ล้านตัว

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 689 ซอมบี้มากกว่า20ล้านตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 689 ซอมบี้มากกว่า20ล้านตัว

 

ชูฮันเยาะเย้ยใส่สัตว์ประหลาดที่คล้ายกับแรดยักษ์

 

แต่เดิม เขาคิดว่าในการทดสอบการต่อสู้โดยรวมหรือในโลกคู่ขนาน สัตว์ประหลาดทั้งหลายนั้นต่างก็ไร้สมองทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไรแล้ว ทั้งความผิดปกติของเสาหินที่ปรากฏตัวขึ้น การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายตั้งแต่การทดสอบของระยะ 1 จนถึงระยะ 5 ไหนจะกฏการฆ่าที่เปลี่ยนไปตามการจัดอันดับ มันทําให้ผู้คนรู้สึกว่าเสาหินนั้นเต็มไปด้วยอันตราย

 

แต่ปฏิกิริยาตอบสนองจากจิตใต้สํานึกของหลั่งไคทําให้ฉันได้ความคิดใหม่ สัตว์ประหลาดทุกตัวแตกขยายมาจากสายพันธุ์ดั่งเดิมงั้นเหรอ?

 

ถ้าเป็นอย่างนั้น สัตว์ประหลาดพวกนี้มาจากไหน?

 

อย่างน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก สัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่มีอยู่จริง

 

ในตอนนั้นเอง หวังไคก็เริ่มรู้สึกตัว “มันยังเร็วไปที่จะด่วนสรุป เรากลับไปมันมั้ย? มันอาจจะกลายเป็นแค่เสือหรือสัตว์อะไรก็ได้”

 

“ฉันสะบัดมันหลุดมันออกมาแล้ว ไม่ทันแล้วล่ะ” ชูฮันเอ่ยอย่างเรียบๆ ความสงสัยนี้ถูกฝังแน่นไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ขณะยังคงรักษาฝีเท้าเอาไว้เหมือนเดิม

 

เงื่อนไขของการประเมิณนี้ไม่ใช่แค่ต้องหาทางออกเท่านั้น แต่ยังต้องฆ่าสัตว์ประหลาดทุกตัวในเขาวงกตนี้ให้หมดด้วย ถ้าคนทั่วไปคงจะใช้เวลาประมาณสามคืนสามวัน แต่ชูฮันมีอีกวิธี..

 

ในขณะที่ชูฮันกําลังเผชิญกับการทดสอบการต่อสู้โดยรวมที่ยากที่สุดของเสาหนิน สมาชิกทีมกุ้งเสือดําด้านนอกก็กําลังเหงื่อแตกกับการวิ่งตามหลังเสาหินที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนเหนี่อยล้า

 

“กัปตันครับ เราไม่สามารถตามมันได้ทัน!” ทหารคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะทํายังดีเอ่ยขึ้น พวกเขาทั้งหมด 50 ล้วนเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่กันหมด ความเร็วของพวกก็เร็วพอควรแต่หลังจากการฝึกตลอดสองสามวันก่อหน้านี้ ประกอบกับการไล่ตามเสาหินที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่หยุดนี้ มันจึงไม่แปลกที่ทุกคนจะเหนื่อยล้าจนหมดแรงจะไล่ตาม

 

เสี่ยวเคินเองก็เหงื่อแตกและเหนื่อยหอบเหมือนกัน เขาได้แต่มองตามเสาหินที่เริ่มห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ความกังวลและความรู้สึกไร้พลังจู่ๆก็ปะทุขึ้นในใจของเสี่ยวเคิน

 

พวกเขาวิ่งตามมันมาตลอดทั้งวันจนตอนนี้ทั้งทีมเขาเหนื่อยล้ากันสุดขั้นแล้ว แม้ทุกคนจะวิ่งตามด้วยความเร็วสูงสุดของตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถไล่ตามเสาหินได้ทัน แถมเสาหินยักษ์นี้ก็ยังเคลื่อนตัวห่างจากพวกเขาไปไกลขึ้นเรื่อยๆทุกขณะจนแทบจะหายไปจากระยะสายตาแล้ว

 

ในตอนนี้พวกเขาวิ่งกันมานานและไกลเกินกว่าจะกลับไปที่เดิมได้

 

” ฉันว่า” จางโบฮั่น ผู้หญิงเพียงคนเดียวในทีมกุ้งเสือดํารีบวิ่งมาที่ด้านข้างของเสี่ยวเคินที่นําหน้าอยู่พร้อมกับหอบหายจและเอ่ยขึ้น “เราเหมือนจะลืมเรื่องหนึ่งไป”

 

“อะไร?” เสี่ยวเคินประหลาดใจและรีบถามกลับทันที

 

“ดูสภาพแวดล้อมรอบๆคุณสิ” แววตาของจางโบฮั่นมีความกลัว “เรากําลังมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง!”

 

ทั้งทีมหยุดวิ่งทันที สมาชิกทีมกุ้งเสื้อดําทั้ง 50 คนสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมรอบๆด้วยความตกใจกลัว มันมีอาคารบ้านหลายหลังรอบๆพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้เข้าสู่พื้นที่ของตัวเมืองแล้ว

 

“โอ้ไม่” เสี่ยวเคินเริ่มกังวล “เราเอาแต่ไล่ตามเสาหินมาโดยไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมโดยรอบเลย นี้เราเริ่มเข้าสู่ตัวเมืองแล้ว เราไม่สามารถระบุได้ว่าข้างหน้าเป็นเมืองใหญ่ขนาดไหน มันจะมีซอมบี้มากขนาดไหนในตัวเมือง เราซวยแล้ว”

 

“ซอมบี้ธรรมดามันไม่ได้น่ากลัวอะไร เราทําการฝึกเพื่อที่จะรับมือกับซอมบี้จากหัวหน้ามากันเยอะแล้ว” จางโบฮั่นนิ่วหน้า ” ที่ฉันกลัวคือเราอาจจะเผชิญหน้ากับซุปเปอร์ซอมบี้เข้าได้”

 

“ที่สําคัญคือในกรณีเราจําเป็นต้องไปตามเสาหินต่อไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราจะให้ปล่อยมันหนีไปไม่ได้ เพียงแค่นึก กวนผิงก็ปวดหัวแล้ว

 

” ฉันกลัวว่ามันจะสายไปแล้ว” หวังหลิงที่พึ่งเข้าร่วมทีมใหม่ๆพูดขึ้น เขาพึ่งวิ่งกลับมาหลังจากรับผิดชอบการลาดตระเวน สูดลมหายใจลึก หน้าตาตึงเครียด “เสาหินหายไปแล้วครับ”

 

เสี่ยวเคินตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองหวังหลินที่รายงานทันที เมื่อครู่เขายังเห็นภาพเสาหินอยู่เลย แค่เสี้ยววินาทีเสาหินกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

 

ทันใดนั้น ทีมทั้งเสือดําก็ตกอยู่ในภวังค์ สัมผัสของปัญหาใหญ่ที่กําลังจะตามมาเกิดขึ้นในใจของทุกคน พวกเขาคลาดหายจากท่านหัวหน้าไปแล้วจริงๆ

 

“เดียว มันมีคําบางอย่างเขียนอยู่!” ทันใดนั้น จางโบฮั่นก็ชี้ไปที่ภาพตรงหน้า ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “เมืองหนานเทียน นี้มันอะไร?”

 

เสี่ยวเคินเงยหน้าขึ้นมองตาม แต่แล้วเขาก็รีบยิ้มออกมาทันที “ถ้าเรารู้ว่าเราอยู่ที่ไหนแล้วละก็ มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป”

 

เมืองหนานเทียน เป็นเมืองเล็กๆใกล้กับหนานตู้ ซึ่งมีประชากร 25 ล้านคนอาศัยอยู่ในยุคศิวิไลซ์ ส่วนจํานวนของซอมบี้ในยุคโลกาวินาศ…

 

มหาศาล!

 

เมื่อรู้สถานการณ์ที่ต้องเผชิญแล้ว ทีมกุ้งเสือดําก็เงียบสนิททุกคน ความรู้สึกท้อแท้ผุดขึ้นในใจ ซอมบี้มากกว่า 20 ล้านตัว?

 

จะบ้าตาย!

 

“หรือ?” จางโบฮั่นเสนออย่างกังวล “เราไปที่ค่ายผู้รอดชีวิตทางใต้เพื่อขอความช่วยเหลือ”

 

“ค่ายผู้รอดชีวิตทางใต้กับค่ายหนานตู้นั่นอยู่คนละเส้นทางกันเลย” เสี่ยวเคินยิ้มและส่ายหัว “และค่ายหนานตู้ก็เป็นค่ายผู้รอดชีวิตเป็นทางการที่ใหญ่อันดับที่สองของจีน ซึ่งตําแหน่งของมันอยู่ไกลจากตัวเมืองอย่างมาก พวกเขาต้องตั้งอยู่กลางป่าลึกเพื่อหลีกเลี่ยงซอมบี้จากตัวเมือง หัวหน้าประเมิณเอาไว้ว่าในตัวเมืองหนานตู้จะต้องมีซอมบี้มหาศาลอย่างแน่นอน เราถึงต้องเดินทางอ้อมกัน”

 

เฮือก!

 

กวนผิงกลืนน้ำลายอีก “แล้วการไล่ตามก่อนหน้านี้?”

 

เสี่ยวเคินมีสีหน้ากังวล เขาหันกลับมองถนนด้านหลัง โชคดีที่หลูปิงเซ่อคนอ่อนแอไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้นป่านนี้ทุกคนคงวิ่งเข้าไปในเมืองที่มีซอมบี้มากกว่า 20 ล้านตัวโดยไม่รู้ตัวและคงจะตายทันที!

 

“เป้าหมายของเราคือเมืองหนานตู้!”

 

ฟรึบ!

 

สมาชิกทีมกุ้งเสือดําทั้ง 50 คนเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อีกครั้งที่พวกวิ่งไปข้างหนานอย่างเป็นขบวนไปที่เมืองหนานตู้ ซึ่งมีซอมบี้มากกว่า 20 ล้านตัว

 

ฟานเจี้ยนและหลูปิงเซ่อที่ได้นอนหลับเต็มอิ่มค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

 

ฟานเจี้ยนลืมตาขึ้นก่อน เขาหาวขณะชื่นชมภาพพระอาทิตย์กําลังตกดินที่ไกลออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ มันเงียบเกินไป เงียบจนผิดปกติ

 

พรึบ!

 

ฟานเจี้ยนผุดลุกขึ้นนั่งทันที และก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า เต้นท์นอนและทหารทีมกุ้งเสือดําทั้งหลายหายไป หม้อ กระทะที่ทําอาหารกินก่อนหน้านี้ก็ไม่มีร่องรอยทิ้งเหลือไว้เลย ทุกอย่างหายวับไปหมดอย่างไร้ร่องรอย

 

“เกิดอะไรขึ้น?!” ฟานเจี้ยนแหกปากลั่นทันที เขาจ้องเขม็งไปที่แม่น้ำตรงหน้าที่ก่อนหน้านี้แยกเป็นสองสาย

 

“โอ้ย แหกปากอะไร?” หลูปิงเซ่อคลานออกมาจากเต้นท์นอนของตัวเองอย่างลืมตาไม่เต็มที่ ทันใดนั้นเขาก็ต้องเบิกตาโพลง อ้าปากค้าง อย่างน่าตลก

 

“มันก็ถนนเส้นเดิม หรือว่าเราติดอยู่มิติที่ไม่รู้จัก?” ฟานเจี้ยนกระพริบตาอย่างมึนงง ” หรือทั้งโลกเปลี่ยนไปอีกแล้วเมื่อตอนที่เราหลับ?”

 

หลูปิงเซ่อที่กําลังจะพูด ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามันมีอะไรอยู่ที่ก้นเขา และเมื่อก้มไปดูก็เจอหินก้อนหนึ่งที่คําพูดโดยใช้มีดกรีดเอาไว้ ซึ่งมันคือลายมือของเสี่ยวเคิน..เจอกันที่ค่ายหนาน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+