Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 695 ทําอะไร?

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 695 ทําอะไร? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 695 ทําอะไร?

 

ในที่สุด หลังจากเรื่องพลิกฝันที่เกิดขึ้น ขบวนเดินทางของตวนเจียงเหว่ยก็เดินทางมาถึงเสาหิน ซางจิวตี้เองก็สบโอกาสที่จะหนีออกไปจากสถานการณ์นี้เช่นกัน เธอเอ่ยห้ามตวนเจียงเหว่ยที่จะคิดจะพุ่งตรงเข้าไป ทว่าตวนเจียงเหว่ยกลับไม่ฟังเราะคิดว่าพวกเขาถูกขวางทางอีกแล้ว แต่ทันทีที่พุ่งเข้าไป

 

“นี่มันคืออะไรกัน?” ครั้งนี้ตวนเจียงเหว่ยไม่เหลือความอดทนอีกต่อไป น้ําเสียงและอารมณ์เริ่มโหมกระหนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

เจ้าหน้าที่ที่ยืนรักษาการณ์อยู่ตรงทางเข้าสู่เสาหินเอ่ยตอบ “คุณอยากจะเข้าเยี่ยมชมเสาหินหรือเข้าไปทําการทดสอบครับ?”

 

“แน่นอนสิว่าทําการทดสอบ” ตวนเจียงเหว่ยพยายามระงับความโกรธตัวเองและเค้นตอบด้วยน้ําเสียงกระชาก

 

ตอนนี้เพราะเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอันดับรายชื่อระยะ 4 เป็นการยืนยันว่าซูฮันไม่ได้อยู่แถวๆเขตเมืองอันดูอย่างแน่นอน และถ้าเขาทําการยึดเมืองและค่ายของซูฮันในขณะที่ซูฮันไม่อยู่เขาก็จะไร้ซึ่งเกียรติยศและความเป็นลูกผู้ชายและตัวตนในฐานะพลเอก ซึ่งเขาไม่ใช่ซูฮัน เขามีบรรทัดฐานของตัวเอง

 

ทันทีที่เสียงตวนเจียงเหว่ยจางหาย รอยยิ้มของทหารรักษาการณ์ทางเข้าก็เผยรอยยิ้มแปลกๆออกมา และเอ่ยถามตวนเจียงเหว่ยอีกครั้ง ” กรุณากรอกข้อมูลตรงนี้ก่อนครับ นี้คือกระบวนการการยืนยันข้อมูลบุคลากร รวมถึงการเข้าร่วมการทดสอบ และกรุณากรอกข้อมูลที่เราจําแนกไว้ให้ครบถ้วนด้วยนะครับ ท่านพลเอกโปรดเข้าใจด้วยเพราะถึงอย่างไรแล้ว มันก็เป็นช่วงเวลาพิเศษและเราเองก็กลัวว่ามันจะมีคนที่มีเจตนาร้ายแฝงตัวเข้ามา”

 

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทันใดนั้นไฟที่กําลังโหมในในของตวนเจียงเหว่ยก็หายไปทันที นี้มันเป็นกระบวนการปกติ ซึ่งก็เป็นสิ่งจําเป็นขั้นพื้นฐานที่ค่ายพลเอกควรปฏิบัติอยู่แล้ว

ตวนเจียงเหว่ยที่คิดว่าในที่สุดเขาก็มาถูกทางซะทีโบกมือปัดต่อหน้าทหารของตัวเองและออกคําสั่ง “ทุกคนปฏิบัติ

 

“ครับ!”

 

” พรึบ!” ทหารของตวนเจียงเหว่ยตอบรับกันพร้อมเพรียงเสียงดัง และเสียงตั้งแถวเรียงเพื่อหรอกข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ

 

ต่อมาตวนเจียงเหว่ยก็เงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองพื้นที่กว้างรอบๆ ก่อนหน้านี้ที่เขามัวแต่หัวร้อย เขาจึงลืมสํารวจสถานการณ์ของเมืองโรแมนติกไปเลย และทันใดนั้นตวนเจียงเหว่ยก็นิ่วหน้า

 

อันดับแรก การป้องกันและแข็งแกร่งมาก แทบไม่มีจุดบอดใดๆเลย ยิ่งเฉพาะในตัวเมืองทุกๆ สามเมตรจะมีเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้ารักษาความปลอดภัยพร้อมกับปืนไรเฟิลในมือ และภายใต้สัมผัสของวิวัฒนาการระยะ 6 ของตวนเจียงเหว่ยเขายังสัมผัสได้ถึงระดับความสามารถของคนพวกนี้แล้วไหนจะการยืนประจันหน้ากันเองและตั้งลํากล้องอย่างพร้อมยิงได้เสมอจากฝั่งตรงข้าม.

 

ความปกติพวยพุ่งขึ้นมากระแทกหน้าอกของตวนเจียงเหว่ยทันที ปืนทั้งหมดนี้? ทหารพวกนี้ ไม่กลัวว่าจะยิงพลาดใส่พวกกันเองหรือ?

 

“ฉันว่า” ตวนเจียงเหว่ยรู้สึกกลัวขณะเอ่ยถามทหารรักษาการณ์ตรงหน้าเขา “พวกคุณด้านบนยกปืนขึ้นตั้งเล็งไว้แบบนี้? แล้วฉันควรจะเป็นยังไงถ้ามันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา? คนพวกนี้ถือปีนค้างไว้ท่านี้มานานขนาดไหนแล้ว?”

 

เหล่าทหารรักษาการณ์ยิ้มกันออกมา มันมีความภาคภูมิและทระนงตัวฉายชัดในแววตาของทุกคน พวกเขาไม่มีพูดอะไรมาก พวกแค่ตอบกลับไปสั้นๆ “พวกเขาไม่มีทหารเวรยามปกติครับพวกเขาเป็นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า”

 

ไม่ใช่แค่ตวนเจียงเหว่ย แต่ทุกคนที่มาจากค่ายตวนต่างเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นชื่อของกองทัพเขี้ยวหมาป่าโด่งดังและเป็นที่รู้จักดี และซูฮันก็ซ่อนกองทัพเขี้ยวหมาปาไว้อย่างดีจนหาตัวเจอได้ยากมาก เสื้อผ้าที่ทุกคนสวมใส่นั้นไม่มีอะไรโดดเด่นเลย แน่นอนว่าถ้าเดินสวนกันบนถนนปกติก็คงไม่มีใครรู้ตัวตนของทหารเหล่านี้

 

ใครกันจะไม่รู้จักกองทัพเขี้ยวหมาป่า?

 

ใครจะไม่เคยได้ยินสงครามกลางภูเขา?

 

คนพวกนี้กลายเป็นสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่โด่งดังระดับโลก!

 

“ในเมื่อพวกเขาคือทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า งั้นฉันก็สบายใจ” แววตาของตวนเจียงเหซ๋ยเป็นประกาย ประโยคที่เอ่ยออกไปนั้นมีความหมายนัยนะ…ไม่มีใครรู้ว่าตวนเจียงเหว่ยคิดอะไรอยู่ถึงพูดแบบนี้

 

ในเวลานั้น ทหารจากค่ายตวนทุกคนก็กรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยพอดี ทหารรักษากา รณ์คนเดิมที่มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ก็ยิ้มบางๆและเอ่ยขึ้น “ทั้งหมด 120 คน และทั้งหมดจะเข้าร่วมการทดสอบของเสาหินระยะ 2 ใช่มั้ยครับ?”

 

ทันใดนั้นตวนเจียงเหว่ยก็รู้สึกตะหงิดๆในใจขึ้นมา ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เขาพึ่งจะตกใจกับการยืนกรานที่แน่วแน่ของทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่าไปหยกๆ จนลืมนึกถึงปัจจัยสําคัญบางอย่างไป เมืองชั้นนอกนั้นเป็นที่อาศัยของชาวบ้าน ส่วนเมืองชั้นในเป็นที่ตั้งของ เสาหิน แล้วทําไมซูฮันถึงส่งทหารที่มีฝีมือมากมายขนาดนี้มาคุ้มกันรอบเสาหินแบบนี้?

 

มันค่อนข้างเป็นการกระทําที่เกินเหตุ!

 

แน่นอนว่า ประโยคต่อมาของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ได้ไขข้อข้องใจทุกอย่างแก่ตวนเจียงเหว่ย “ค่าเข้าทําการทดสอบสําหรับเสาหินระยะ 2 ต่อหนึ่งคนคือ 1,000 เหรียญล่สลายทั้งหมด 120 คน ราคาทั้งหมดคือ 12,000 เหรียญล่มสลาย กรุณาจ่ายด้วยครับ”

 

ตวนเจียงเหวย 

 

เขากลายเป็นหมา!

 

ในเวลาเดียวกัน ภายในเมืองหนานตู้ที่ซึ่งมีซอมบี้อาศัยอยู่มากกว่า 20 ล้านตัว บนชั้นที่ยี่สิบของตึกร้างสูงในเมือง เมื่อมองออกไปจากทางหน้าต่างก็จะสามารถมองเห็นซอมบี้จํานวนหนาแน่นอันน่าทึ่งได้จากระยะไกล กาวเหนียวที่ถูกเทไว้ที่พื้น และบันไดวนยาวที่สูงถึงยี่สิบชั้นมันจึงทําให้ซอมบี้ไม่คิดจะขึ้นมาถึงด้านบนนี้

 

ทางเดียวที่จะขึ้นมาถึงด้านบนนี้ได้คือขั้นบันไดที่อยู่ในช่องลิฟท์ เนื่องจากลิฟท์ทุกตัวของอาคารแห่งนี้ถูกทําลายฟังจนสิ้นไปแล้ว และเพื่อป้องกันซอมบี้ระดับสูงที่อาจปีนไต่ขึ้นมาตามช่องลิฟท์ มันจึงมีการสร้างเกาะป้องกันหลายชั้นเอาไว้ที่ช่องลิฟท์ ยามที่จําเป็นจะต้องเดินทางเท่านั้นช่องนั้นจึงจะถูกเปิดออกและไต่ลงไปตามทางความสูงยี่สิบชั้น

 

แน่นอนว่าวิธีการเช่นนี้มีเพียงแค่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่เท่านั้นที่ทําได้ มนุษย์ธรรมดาไม่สา มารถปินขึ้นลงได้อย่างนี้แน่นอน

 

ในเวลานี้ ซูฮันซึ่งอยู่บนชั้นยี่สิบของอาคาร เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีดําข้นเหนียวของซอมบี้ เขานั่งหอบหายใจเหนื่อยอยู่ที่พื้น หูคอยฟังเสียงการเคลื่อนไหวและคํารามของซอมบี้หลายล้านตัวจนตอนนี้ซูฮันเริ่มจะปวดหัวเพราะเสียงมากมายที่อัดแน่นสะสมมานาน

 

หวังไคที่นั่งอยู่ข้างๆก็มีสภาพไม่ต่างจากซูฮันเลน ขนสีขาวก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าโครงเดิมเหลือให้เห็น ขนบางจุดก็เว้าแหว่งเพราะถูกซอมบี้งับ แถมเนื้อตัวก็ดําสกปรกเพราะเลือดซอมบี้ เมื่อเทียบกับชูฮันแล้วหวังไคสกปรกกว่ากหลายเท่า ความอายพุ่งทะลุฟ้า ตอนนี้หวังไคแทบอดใจไม่ไหวที่จะพุ่งตัวลงในแม่น้ํา ตีน้ําเล่นให้ตัวสะอาด

 

ซูฮันที่ขึ้นมาถึงที่นี่ ก็เจอกับผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี้

 

ชายอายุสามสิบ หน้าตาแข็งกร้าว ร่างผอมหากไม่ได้แห้ง สวมเสื้อผ้าขาดๆริ้วๆ ถือมีดคม ตัวคุดคู่อยู่ที่มุมห้อง

 

ซูฮันไม่รู้จักชื่อของชายคนนี้ และก็ไม่ได้ถามถึงที่นี้ ซูฮันไม่ได้สนใจว่าผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้มหาศาลขนาดนี้ได้อย่างไรเพียงคนเดียว ชูฮันเพียงแค่จ้องไปที่มีดคมในมือของชายคนนั้นที่นั่งลับมีดไม่อยู่ หัวใจของซูฮันเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงลับมีดของอีกฝ่าย

 

เพราะการประเมิณของเสาหินที่กินเวลานานมากได้สูดพลังงานทั้งหมดของเขาไปไม่เหลือและตอนนี้พละกําลังของซูฮันต่ํามาก เขาไม่รู้ว่าพี่ชายตัวใหญ่คนนี้จะมาไม้ไหน หรือว่าจะจับเขาไปทําอาหารกิน?

 

หวังไคเองก็มีสีหน้าหวาดกลัว มองไปที่ชายแปลกหน้าอย่างขลาดๆ และเป็นเพราะการปรากฏตัวของคนแปลกหน้า มันจึงยังไม่สามารถเปลี่ยนร่างกลับมาและคงร่างกระต่ายยักษ์ของมันเอาไว้ ถ้ามันรู้อย่างนี้มันจะรีบเปลี่ยนร่างก่อนหน้านี้และมุดหนีเข้าไปซ่อนในกระเป๋าซูฮันด้วยความกลัวไปแล้ว

 

เสี้ยว! เสี้ยว!

 

การกระทําแปลกๆที่เอาแต่ลับมีดไม่หยุดของอีกฝ่าย โดยเฉพาะท่าทางใจจดใจจ่อที่ไม่สนใจสภาพแวดล้อมโดยรอบ มันยิ่งทําให้บรรยากาศดูหลอนเข้าไปอีก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 695 ทําอะไร?

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 695 ทําอะไร? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 695 ทําอะไร?

 

ในที่สุด หลังจากเรื่องพลิกฝันที่เกิดขึ้น ขบวนเดินทางของตวนเจียงเหว่ยก็เดินทางมาถึงเสาหิน ซางจิวตี้เองก็สบโอกาสที่จะหนีออกไปจากสถานการณ์นี้เช่นกัน เธอเอ่ยห้ามตวนเจียงเหว่ยที่จะคิดจะพุ่งตรงเข้าไป ทว่าตวนเจียงเหว่ยกลับไม่ฟังเราะคิดว่าพวกเขาถูกขวางทางอีกแล้ว แต่ทันทีที่พุ่งเข้าไป

 

“นี่มันคืออะไรกัน?” ครั้งนี้ตวนเจียงเหว่ยไม่เหลือความอดทนอีกต่อไป น้ําเสียงและอารมณ์เริ่มโหมกระหนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

เจ้าหน้าที่ที่ยืนรักษาการณ์อยู่ตรงทางเข้าสู่เสาหินเอ่ยตอบ “คุณอยากจะเข้าเยี่ยมชมเสาหินหรือเข้าไปทําการทดสอบครับ?”

 

“แน่นอนสิว่าทําการทดสอบ” ตวนเจียงเหว่ยพยายามระงับความโกรธตัวเองและเค้นตอบด้วยน้ําเสียงกระชาก

 

ตอนนี้เพราะเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอันดับรายชื่อระยะ 4 เป็นการยืนยันว่าซูฮันไม่ได้อยู่แถวๆเขตเมืองอันดูอย่างแน่นอน และถ้าเขาทําการยึดเมืองและค่ายของซูฮันในขณะที่ซูฮันไม่อยู่เขาก็จะไร้ซึ่งเกียรติยศและความเป็นลูกผู้ชายและตัวตนในฐานะพลเอก ซึ่งเขาไม่ใช่ซูฮัน เขามีบรรทัดฐานของตัวเอง

 

ทันทีที่เสียงตวนเจียงเหว่ยจางหาย รอยยิ้มของทหารรักษาการณ์ทางเข้าก็เผยรอยยิ้มแปลกๆออกมา และเอ่ยถามตวนเจียงเหว่ยอีกครั้ง ” กรุณากรอกข้อมูลตรงนี้ก่อนครับ นี้คือกระบวนการการยืนยันข้อมูลบุคลากร รวมถึงการเข้าร่วมการทดสอบ และกรุณากรอกข้อมูลที่เราจําแนกไว้ให้ครบถ้วนด้วยนะครับ ท่านพลเอกโปรดเข้าใจด้วยเพราะถึงอย่างไรแล้ว มันก็เป็นช่วงเวลาพิเศษและเราเองก็กลัวว่ามันจะมีคนที่มีเจตนาร้ายแฝงตัวเข้ามา”

 

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทันใดนั้นไฟที่กําลังโหมในในของตวนเจียงเหว่ยก็หายไปทันที นี้มันเป็นกระบวนการปกติ ซึ่งก็เป็นสิ่งจําเป็นขั้นพื้นฐานที่ค่ายพลเอกควรปฏิบัติอยู่แล้ว

ตวนเจียงเหว่ยที่คิดว่าในที่สุดเขาก็มาถูกทางซะทีโบกมือปัดต่อหน้าทหารของตัวเองและออกคําสั่ง “ทุกคนปฏิบัติ

 

“ครับ!”

 

” พรึบ!” ทหารของตวนเจียงเหว่ยตอบรับกันพร้อมเพรียงเสียงดัง และเสียงตั้งแถวเรียงเพื่อหรอกข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ

 

ต่อมาตวนเจียงเหว่ยก็เงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองพื้นที่กว้างรอบๆ ก่อนหน้านี้ที่เขามัวแต่หัวร้อย เขาจึงลืมสํารวจสถานการณ์ของเมืองโรแมนติกไปเลย และทันใดนั้นตวนเจียงเหว่ยก็นิ่วหน้า

 

อันดับแรก การป้องกันและแข็งแกร่งมาก แทบไม่มีจุดบอดใดๆเลย ยิ่งเฉพาะในตัวเมืองทุกๆ สามเมตรจะมีเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้ารักษาความปลอดภัยพร้อมกับปืนไรเฟิลในมือ และภายใต้สัมผัสของวิวัฒนาการระยะ 6 ของตวนเจียงเหว่ยเขายังสัมผัสได้ถึงระดับความสามารถของคนพวกนี้แล้วไหนจะการยืนประจันหน้ากันเองและตั้งลํากล้องอย่างพร้อมยิงได้เสมอจากฝั่งตรงข้าม.

 

ความปกติพวยพุ่งขึ้นมากระแทกหน้าอกของตวนเจียงเหว่ยทันที ปืนทั้งหมดนี้? ทหารพวกนี้ ไม่กลัวว่าจะยิงพลาดใส่พวกกันเองหรือ?

 

“ฉันว่า” ตวนเจียงเหว่ยรู้สึกกลัวขณะเอ่ยถามทหารรักษาการณ์ตรงหน้าเขา “พวกคุณด้านบนยกปืนขึ้นตั้งเล็งไว้แบบนี้? แล้วฉันควรจะเป็นยังไงถ้ามันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา? คนพวกนี้ถือปีนค้างไว้ท่านี้มานานขนาดไหนแล้ว?”

 

เหล่าทหารรักษาการณ์ยิ้มกันออกมา มันมีความภาคภูมิและทระนงตัวฉายชัดในแววตาของทุกคน พวกเขาไม่มีพูดอะไรมาก พวกแค่ตอบกลับไปสั้นๆ “พวกเขาไม่มีทหารเวรยามปกติครับพวกเขาเป็นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า”

 

ไม่ใช่แค่ตวนเจียงเหว่ย แต่ทุกคนที่มาจากค่ายตวนต่างเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นชื่อของกองทัพเขี้ยวหมาป่าโด่งดังและเป็นที่รู้จักดี และซูฮันก็ซ่อนกองทัพเขี้ยวหมาปาไว้อย่างดีจนหาตัวเจอได้ยากมาก เสื้อผ้าที่ทุกคนสวมใส่นั้นไม่มีอะไรโดดเด่นเลย แน่นอนว่าถ้าเดินสวนกันบนถนนปกติก็คงไม่มีใครรู้ตัวตนของทหารเหล่านี้

 

ใครกันจะไม่รู้จักกองทัพเขี้ยวหมาป่า?

 

ใครจะไม่เคยได้ยินสงครามกลางภูเขา?

 

คนพวกนี้กลายเป็นสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่โด่งดังระดับโลก!

 

“ในเมื่อพวกเขาคือทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า งั้นฉันก็สบายใจ” แววตาของตวนเจียงเหซ๋ยเป็นประกาย ประโยคที่เอ่ยออกไปนั้นมีความหมายนัยนะ…ไม่มีใครรู้ว่าตวนเจียงเหว่ยคิดอะไรอยู่ถึงพูดแบบนี้

 

ในเวลานั้น ทหารจากค่ายตวนทุกคนก็กรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยพอดี ทหารรักษากา รณ์คนเดิมที่มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ก็ยิ้มบางๆและเอ่ยขึ้น “ทั้งหมด 120 คน และทั้งหมดจะเข้าร่วมการทดสอบของเสาหินระยะ 2 ใช่มั้ยครับ?”

 

ทันใดนั้นตวนเจียงเหว่ยก็รู้สึกตะหงิดๆในใจขึ้นมา ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เขาพึ่งจะตกใจกับการยืนกรานที่แน่วแน่ของทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่าไปหยกๆ จนลืมนึกถึงปัจจัยสําคัญบางอย่างไป เมืองชั้นนอกนั้นเป็นที่อาศัยของชาวบ้าน ส่วนเมืองชั้นในเป็นที่ตั้งของ เสาหิน แล้วทําไมซูฮันถึงส่งทหารที่มีฝีมือมากมายขนาดนี้มาคุ้มกันรอบเสาหินแบบนี้?

 

มันค่อนข้างเป็นการกระทําที่เกินเหตุ!

 

แน่นอนว่า ประโยคต่อมาของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ได้ไขข้อข้องใจทุกอย่างแก่ตวนเจียงเหว่ย “ค่าเข้าทําการทดสอบสําหรับเสาหินระยะ 2 ต่อหนึ่งคนคือ 1,000 เหรียญล่สลายทั้งหมด 120 คน ราคาทั้งหมดคือ 12,000 เหรียญล่มสลาย กรุณาจ่ายด้วยครับ”

 

ตวนเจียงเหวย 

 

เขากลายเป็นหมา!

 

ในเวลาเดียวกัน ภายในเมืองหนานตู้ที่ซึ่งมีซอมบี้อาศัยอยู่มากกว่า 20 ล้านตัว บนชั้นที่ยี่สิบของตึกร้างสูงในเมือง เมื่อมองออกไปจากทางหน้าต่างก็จะสามารถมองเห็นซอมบี้จํานวนหนาแน่นอันน่าทึ่งได้จากระยะไกล กาวเหนียวที่ถูกเทไว้ที่พื้น และบันไดวนยาวที่สูงถึงยี่สิบชั้นมันจึงทําให้ซอมบี้ไม่คิดจะขึ้นมาถึงด้านบนนี้

 

ทางเดียวที่จะขึ้นมาถึงด้านบนนี้ได้คือขั้นบันไดที่อยู่ในช่องลิฟท์ เนื่องจากลิฟท์ทุกตัวของอาคารแห่งนี้ถูกทําลายฟังจนสิ้นไปแล้ว และเพื่อป้องกันซอมบี้ระดับสูงที่อาจปีนไต่ขึ้นมาตามช่องลิฟท์ มันจึงมีการสร้างเกาะป้องกันหลายชั้นเอาไว้ที่ช่องลิฟท์ ยามที่จําเป็นจะต้องเดินทางเท่านั้นช่องนั้นจึงจะถูกเปิดออกและไต่ลงไปตามทางความสูงยี่สิบชั้น

 

แน่นอนว่าวิธีการเช่นนี้มีเพียงแค่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่เท่านั้นที่ทําได้ มนุษย์ธรรมดาไม่สา มารถปินขึ้นลงได้อย่างนี้แน่นอน

 

ในเวลานี้ ซูฮันซึ่งอยู่บนชั้นยี่สิบของอาคาร เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีดําข้นเหนียวของซอมบี้ เขานั่งหอบหายใจเหนื่อยอยู่ที่พื้น หูคอยฟังเสียงการเคลื่อนไหวและคํารามของซอมบี้หลายล้านตัวจนตอนนี้ซูฮันเริ่มจะปวดหัวเพราะเสียงมากมายที่อัดแน่นสะสมมานาน

 

หวังไคที่นั่งอยู่ข้างๆก็มีสภาพไม่ต่างจากซูฮันเลน ขนสีขาวก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าโครงเดิมเหลือให้เห็น ขนบางจุดก็เว้าแหว่งเพราะถูกซอมบี้งับ แถมเนื้อตัวก็ดําสกปรกเพราะเลือดซอมบี้ เมื่อเทียบกับชูฮันแล้วหวังไคสกปรกกว่ากหลายเท่า ความอายพุ่งทะลุฟ้า ตอนนี้หวังไคแทบอดใจไม่ไหวที่จะพุ่งตัวลงในแม่น้ํา ตีน้ําเล่นให้ตัวสะอาด

 

ซูฮันที่ขึ้นมาถึงที่นี่ ก็เจอกับผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี้

 

ชายอายุสามสิบ หน้าตาแข็งกร้าว ร่างผอมหากไม่ได้แห้ง สวมเสื้อผ้าขาดๆริ้วๆ ถือมีดคม ตัวคุดคู่อยู่ที่มุมห้อง

 

ซูฮันไม่รู้จักชื่อของชายคนนี้ และก็ไม่ได้ถามถึงที่นี้ ซูฮันไม่ได้สนใจว่าผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้มหาศาลขนาดนี้ได้อย่างไรเพียงคนเดียว ชูฮันเพียงแค่จ้องไปที่มีดคมในมือของชายคนนั้นที่นั่งลับมีดไม่อยู่ หัวใจของซูฮันเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงลับมีดของอีกฝ่าย

 

เพราะการประเมิณของเสาหินที่กินเวลานานมากได้สูดพลังงานทั้งหมดของเขาไปไม่เหลือและตอนนี้พละกําลังของซูฮันต่ํามาก เขาไม่รู้ว่าพี่ชายตัวใหญ่คนนี้จะมาไม้ไหน หรือว่าจะจับเขาไปทําอาหารกิน?

 

หวังไคเองก็มีสีหน้าหวาดกลัว มองไปที่ชายแปลกหน้าอย่างขลาดๆ และเป็นเพราะการปรากฏตัวของคนแปลกหน้า มันจึงยังไม่สามารถเปลี่ยนร่างกลับมาและคงร่างกระต่ายยักษ์ของมันเอาไว้ ถ้ามันรู้อย่างนี้มันจะรีบเปลี่ยนร่างก่อนหน้านี้และมุดหนีเข้าไปซ่อนในกระเป๋าซูฮันด้วยความกลัวไปแล้ว

 

เสี้ยว! เสี้ยว!

 

การกระทําแปลกๆที่เอาแต่ลับมีดไม่หยุดของอีกฝ่าย โดยเฉพาะท่าทางใจจดใจจ่อที่ไม่สนใจสภาพแวดล้อมโดยรอบ มันยิ่งทําให้บรรยากาศดูหลอนเข้าไปอีก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+