Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ตอนที่1505 แพะสองขา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter ตอนที่1505 แพะสองขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานนัก พร้อมๆ กับเสียงทะลุอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้น เงาร่างมากมายพากันมาถึงไม่ขาดสาย

เมื่อสังเกตเห็นติงซานเหอ ต่างหยุดเท้าอย่างห้ามไม่อยู่

“พี่ติง ทำไมถึงไม่ตามไปแล้ว”

ชายหนุ่มชุดเทาผมขาว รูปลักษณ์โหดเหี้ยมผู้หนึ่งเอ่ยถาม

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ก็เป็นอริยะคนหนึ่ง!

สายตาติงซานเหอชำเลืองมองอีกฝ่าย แล้วมองดูเหล่าคนที่อยู่ใกล้ๆ กัน จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ในข่าวลือส่วนลึกของป่าหลอมจิตแห่งนี้มีสัตว์ร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่าต้นบรรพชนหลอมจิตอยู่ เจ้าเด็กนั่นบุกเข้าไปในนั้นแล้ว เกรงว่าคงยากกลับมาแล้ว”

สายตาคนอื่นๆ วับวาว

สาเหตุที่พวกเขาเลือกหยุดเท้า เป็นเพราะสังเกตได้ว่าหลังมาถึงพื้นที่นี้ก็มีกลิ่นอายประหลาดน่าสะพรึงกลัวอบอวลอยู่ ทำให้พวกเขาขนลุกในใจ

“ผู้ร้ายเป็นใคร”

มีคนเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ชายหนุ่มจากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง ยังไม่บรรลุอริยะ แต่เห็นได้ชัดว่าเหยียบย่างมกุฎมรรคา ทั้งยังมีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ไม่อาจดูเบาได้”

ติงซานเหอก็ไม่ปิดบัง บอกสิ่งที่ตนรู้ออกมา

“ตามที่ข้าดู เป็นไปได้สูงยิ่งที่เด็กคนนี้จะเป็นผู้นำบุคคลรุ่นเยาว์จากดินแดนรกร้างโบราณ ถ้าฆ่ามันให้ตายได้ จะต้องสร้างแรงโจมตีอย่างหนักหน่วงให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณแน่!”

ทุกคนลอบพยักหน้ากับตัวเอง

พวกเขาไม่ได้เห็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณอยู่ในสายตา แต่กลับไม่อาจไม่ให้ความสำคัญกับคู่ต่อสู้ที่เหยียบย่างมกุฎมรรคาเช่นเดียวกันจากดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้น

ตามที่พวกเขารู้มา ผู้แข็งแกร่งที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาในค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมีไม่มาก

หากผู้ร้ายเมื่อครู่ไม่ใช่ผู้นำในหมู่บุคคลขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง จะหลบหนีการไล่ฆ่าของพวกเขาได้อย่างไร

“พูดเช่นนี้ เป็นไปได้สูงว่าคราวนี้พวกเราจะจับปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่งใช่ไหม”

มีคนตื่นเต้น ถูไม้ถูมือ

แล้วก็มีคนเอ่ยตัดกำลังใจ พูดตัวเลขชุดหนึ่งออกมาทันควัน

“ระหว่างที่ไล่ตามมาตลอดทางมีผู้แข็งแกร่งสี่กลุ่มถูกเด็กนี่ฆ่า”

“ในกลุ่มนี้มีราชันระดับอมตะเคราะห์ธรรมดาสามสิบเจ็ดคน ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ที่บรรลุขอบเขตมกุฎสิบเก้าคน!”

“นอกจากนี้ เฮ่อฟางอวิ๋นบุคคลแห่งยุคจากเผ่ากระเรียนมังกรปีกทองก็ถูกเด็กนี่ฆ่า!”

“ตอนนี้เจ้ายังรู้สึกว่าเด็กนี่เป็นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ไหม”

พอเอ่ยวาจาออกมา ทั้งที่นั้นก็เงียบสงัด สีหน้าทุกคนปรากฏแววเคร่งเครียดไม่มากก็น้อยแล้ว

ยามสนทนา ยังมีผู้แข็งแกร่งมารวมตัวกันมากยิ่งขึ้น

เดิมที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของโลกมารโลหิต ส่วนป่าหลอมจิตแห่งนี้ก็เป็นสถานที่อันตรายที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง

พอเห็นเสอเหมิงจากเผ่างูมารทองคำส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ย่อมดึงดูดผู้แข็งแกร่งมามากมายเป็นธรรมดา

“ต้องเป็นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งแน่!”

ทันใดนั้นมีคนเอ่ยปาก ทำให้ทุกคนหันมอง

ก็เห็นชายหนุ่มที่มีผมยาวสีเขียวอ่อน ร่างผอมบางสูงโปร่ง หน้าตางดงามอ่อนโยนคนหนึ่งเดินไพล่หลังแหวกฝูงชนเข้ามา

เบื้องหลังเขามีหญิงสาวชุดแดงเดินตามหลังต้อยๆ

เล่อมู่จิ้น!

ลูกหลานเผ่าเหยี่ยวมารเหิน คนร้ายกาจแห่งยุคที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาคนหนึ่ง

ต่อให้เป็นอริยะที่อยู่ ณ ที่นั้นอย่างติงซานเหอ พอเห็นเล่อมู่จิ้นเข้าต่างก็เก็บงำกลิ่นอายของตน เผยสีหน้าเคารพนับถือ

พวกเขาเป็นอริยะแท้แน่นอน

แต่ทันทีที่เล่อมู่จิ้นบรรลุอริยะ ก็จะเป็นมกุฎอริยะแท้!

นอกจากนี้ฐานะของเล่อมู่จิ้นก็สูงศักดิ์ถึงที่สุด เผ่าเหยี่ยวมารเหินเดิมก็เป็นหนึ่งในสิบเผ่าใหญ่ของดินแดนโบราณมารโลหิต ทั้งอิทธิพลยังอยู่ในแถวหน้าอย่างยิ่ง

“เจ้า เจ้า… แล้วก็เจ้า ตามฆ่าต่อไปกับข้า”

ทันทีที่ปรากฏตัว เล่อมู่จิ้นก็ชี้อริยะสี่คนในที่นั้นแล้วออกคำสั่ง

“คนอื่นกระจายกันออกไป ผนึกบริเวณนี้ไว้ ใครกล้าประมาทเลินเล่อปล่อยให้ปลาใหญ่ตัวนี้หนีไปได้ ก็อย่าหาว่าข้าเล่อมู่จิ้นไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

ประโยคเดียว จองหองอวดดี ท่าทีแข็งกร้าว

แต่กลับไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

ต่อให้เป็นอริยะเหล่านั้นต่างก็เลือกนิ่งเงียบ

พวกเขากับเล่อมู่จิ้นไม่ได้มาจากเผ่าเดียวกัน แต่ล้วนถือเป็นกองทัพเดียวกัน ตอนนี้ในเมื่อเขาเอ่ยปาก พวกเขาจึงปฏิเสธได้ยาก

“เฟิงผิงจื่อ เจ้ามานำทาง”

เล่อมู่จิ้นเอ่ยปาก

ฉึบ!

ผึ้งมารลายดำที่มีร่างสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือตัวหนึ่งโฉบออกมา แปลงกายเป็นเด็กสาวชุดดำที่ถูกหมอกดำปกคลุมไปทั้งร่างคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“ได้ ข้าก็อยากเห็นว่าบุคคลชั้นผู้นำจากดินแดนรกร้างโบราณนั่นจะร้ายกาจปานไหน”

เด็กสาวชุดดำที่มีชื่อว่าเฟิงผิงจื่อตอบรับอย่างกระชับได้ใจความ

“คุณชายเล่อ ที่นั่นเป็นส่วนลึกของป่าหลอมจิต พิสดารหาใดเทียบ ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในอดีต มีอริยะไม่น้อยไปแล้วไม่กลับ เจ้าแน่ใจว่าจะไปหรือ”

ติงซานเหอนิ่วหน้าเอ่ย

“แพะสองขา[1]จากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งกล้าไป เหตุใดพวกเราจะไม่กล้า”

เล่อมู่จิ่นสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้ากลัวก็อยู่ที่นี่ รอตอนข้าพบเสอหลิน ต้องเล่าท่าทีของเจ้าให้เขาฟังแน่”

ติงซานเหอหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณชายเล่อเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่เตือนด้วยความหวังดี หากท่านคิดจะไปจริงๆ ข้าย่อมยินดีตามไปด้วย”

เล่อมู่จิ่นไม่พูดพร่ำทำเพลง เงาร่างไหววูบเคลื่อนไปยังส่วนลึกของป่า โดยมีเด็กสาวนามเฟิงผิงจื่อคนนั้นนำทาง

นอกจากนี้อริยะสี่คนที่มีติงซานเหออยู่ด้วย รวมถึงหญิงสาวชุดแดงที่อยู่ข้างกายเล่อมู่จิ่นก็ตามไปติดๆ

“ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหว!”

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็แยกย้ายเคลื่อนไหว เริ่มผนึกบริเวณนี้

ไม่ว่าใครในใจต่างรู้ชัดว่า เกรงว่าคราวนี้บุคคลระดับผู้นำจากดินแดนรกร้างโบราณคนนั้นคงยากจะพ้นเคราะห์แล้ว

……

หลินสวินในตอนนี้ร่างกายตึงเครียด กำลังเดินหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ฝีเท้าช้าลงไปมาก

ส่วนลึกของป่าหลอมจิตแห่งนี้เงียบสงัดยิ่งขึ้น ในอากาศปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายอันตรายน่าหวั่นใจ

หากเป็นสถานการณ์ปกติ หลินสวินต้องหันหลังกลับไปอย่างไม่ลังเลแน่นอน

แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงกัดฟันเดินหน้า

เขาถอยหลังไม่ได้แล้ว

หืม?

ไม่นานนักหลินสวินพลันสังเกตเห็น ว่าในที่ไกลลิบสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตากลับกระจ่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้นไม้โบราณระฟ้าจนมืดมัวเหล่านั้นมลายหายไปหมด

บนพื้นดินกว้างใหญ่มีหุบเหวโกรกธารมหึมาแห่งหนึ่ง รอยแยกห้วงอากาศรอยหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหุบเหว

หลินสวินหยุดเดินทันที กวาดมองไปรอบทิศ ทางเบื้องหน้าถูกหุบเหวโกรกธารประหลาดแห่งหนึ่งขวางไว้ ไม่อาจอ้อมออกไปได้สักนิด

แม้จะเหาะเหินก็ไม่ได้ เพราะมีรอยแยกห้วงห้วงอากาศรอยหนึ่งลอยอยู่บนนั้น แม้เป็นอริยะมายังไม่กล้าข้ามผ่าน!

‘หรือที่นี่ก็คือแกนกลางของป่าหลอมจิตแห่งนี้’

สายตาหลินสวินมองไกลไปยังหุบเหวโกรกธารนั้น ดูเหมือนเงียบเชียบไร้เสียง แต่กลับทำให้หลินสวินรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง

เหมือนข้างใต้หุบเหวโกรกธารนั้นมีสิ่งที่เป็นอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้อยู่

ไม่นานนักหลินสวินก็ตัดสินได้ว่า กลิ่นอายพิสดารชวนขนหัวลุกที่ตลบอบอวลในบริเวณใกล้เคียงนี้ ก็มาจากหุบเหวโกรกธารแห่งนี้!

‘นายท่าน…’

เสี่ยวอิ๋นพลันเอ่ยขึ้นในห้วงนิมิต

เพียงแต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “อีกเดี๋ยวค่อยพูด”

จากนั้นหลินสวินหันกาย ดวงตาดำราวสายฟ้ามองออกไปไกล

“เป็นสถานที่ที่น่าสนใจ ที่ที่อันตรายที่สุดในป่าหลอมจิตแห่งนี้ก็อยู่ใต้หุบเหวโกรกธารแห่งนี้กระมัง”

ไกลออกไปเล่อมู่จิ้นสองมือไพล่หลัง เดินอ้อยอิ่งออกมา

สายตาเขากวาดมองไปยังทิวทัศน์โดยรอบ ในที่สุดก็มองไปยังหลินสวินที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหุบเหวโกรกธารนั้น แล้วยิ้มน้อยๆ

“ข้าชื่อเล่อมู่จิ้น มาจากเผ่าเหยี่ยวมารเหิน เป้าหมายของการมาคราวนี้ง่ายดายนัก อยากจะลองทดสอบตื้นลึกหนาบางของบุคคลขอบเขตมกุฎจากดินแดนรกร้างโบราณเสียหน่อย”

เบื้องหลังเล่อมู่จิ้น พวกหญิงสาวชุดแดง เฟิงผิงจื่อ ติงซานเหอปรากฏตัวตามมา พากันทอดสายตามองหลินสวิน

หลินสวินร้องอ้อคำหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคิดว่าเขาจะถอยจะรุกก็ลำบาก ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแล้ว จึงไม่หวั่นกลัวเช่นนี้ และยังมีกะจิตกะใจมาพูดพล่ามด้วย

“พวกเจ้าหลีกไปให้หมด!”

เล่อมู่จิ้นก้าวไปข้างหน้า ในฝ่ามือมีกระบองยาวที่ยาวหนึ่งจั้งกว่า หนาเท่าแขนเด็ก สีดำขลับทั้งท่อนเล่มหนึ่ง

ในขณะเดียวกันบนร่างเขาก็มีพลานุภาพคับฟ้ากระจายออกมา ส่งผลให้ผมยาวสีเขียวอ่อนปลิวไสว เสื้อผ้าพัดกระพือ

ติงซานเหอนิ่วหน้า จากที่เขาดู ในเมื่อพบเป้าหมายแล้วก็ควรเข้าไปรุมสังหารอีกฝ่ายทันที

แต่ไม่ใช่ ‘การสู้ตัวต่อตัว’ อย่างตอนนี้

“ใครก็อย่าสอดมือ ให้คุณชายตระกูลข้าเล่นสักหน่อย ไม่แน่พอฆ่าแพะสองขาจากดินแดนรกร้างโบราณตัวนี้ได้ เขาถึงจะไปเมืองอารักษ์มรรคได้อย่างพึงพอใจ”

หญิงสาวชุดแดงเอ่ยปากกำชับ

คนอื่นย่อมไม่ติดขัด ต่างยืนดูอย่างเยือกเย็น ไม่คิดสักนิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้หลินสวินจะยังมีโอกาสรอดชีวิต

“ได้ยินแล้วกระมัง ระหว่างพวกเราสองคนลงมือ จะไม่มีใครทะเล่อทะล่ามาก่อกวน”

รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ่อนหวานของเล่อมู่จิ้น ฟันขาวสะอาด

หลินสวินคิดแล้วเอ่ยว่า “แพะสองขาหมายความว่าอย่างไร”

เล่อมู่จิ้นอึ้งไป จากนั้นก็ยิ้มสดใสขึ้นไปอีก “ก็หมายความตามที่เจ้าคิด ในสายตาทั้งแปดดินแดนแล้ว พวกเจ้าผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณต่างเป็นแพะสองขาทั้งนั้น”

“หมูหมาที่จะฆ่าแกงอย่างไรก็ได้หรือ”

ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ และยิ้มแล้ว เพียงแต่รอยยิ้มกลับเย็นชานัก

เขาเพิ่งได้ยินว่าผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณถูกดูแคลนอย่างน่าอัปยศเช่นนี้เป็นครั้งแรก

“โกรธหรือ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าดินแดนรกร้างโบราณอ่อนแอเกินไป แต่ละคนก็ไม่ต่างอะไรกับหมูหมา ไม่ได้มีแต่ข้า ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนทุกคนต่างคิดเช่นนี้”

เล่อมู่จิ้นตอบอย่างจริงจังประโยคหนึ่ง

จากนั้นเขาก็ลงมือทันที!

ตูม!

ทันทีที่ลงมือ เล่อมู่จิ้นก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน กลิ่นอายโหดเหี้ยมแผ่ออกมาทั่วร่าง กระบองเหล็กถูกเขาแกว่งขึ้นแล้วกระแทกใส่หลินสวินอย่างดิบเถื่อน

ห้วงอากาศบริเวณนี้ส่งเสียงโครมคราม แสงมรรคถั่งโถมราวดวงดาราจากปวงสวรรค์ กระแทกตามลงมาพร้อมกระบองยาวเล่มนั้น

เพียงการโจมตีเดียวก็ดูออกแล้วว่าเล่อมู่จิ้นน่ากลัวปานใด

ต่อให้เป็นเหล่าอริยะที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลออกไปยังลอบถอนใจในใจ นี่ก็คือบุคคลระดับผู้กล้าที่อยู่บนมกุฎมรรคา ความแกร่งกล้าของรากฐานพลังเกินจินตนาการ

ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ หลินสวินเพียงเงยหน้าขึ้น ฝ่ามือขยับคว้าง่ายๆ ก็จับกระบองเหล็กที่กระแทกลงมาไว้มั่น กระบองหยุดอยู่กลางอากาศ ไม่อาจเข้ามาใกล้ได้สักนิด

หืม?

เล่อมู่จิ้นดวงตาหดเกร็ง พลังการโจมตีนี้ของเขาสามารถกดอัดทิวเขาให้แหลกสลาย ทำให้คนส่วนใหญ่ในรุ่นเดียวกันไม่กล้าต่อต้านคมประกายของเขา

แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้มั่นเสียได้!

นี่…

ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปต่างใจกระตุกขึ้นทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ด้วยความสามารถเท่านี้ก็กล้ามาโอ้อวดพลังต่อหน้าข้าหรือ”

หลินสวินเอ่ยเย้ยหยัน

ยามเขาพูด

นิ้วมือก็ออกแรงโดยพลัน

ฮูม!

กระบองยาวเล่มนั้นเหมือนถูกอานุภาพน่าหวาดหวั่นฉีกออก บิดเบี้ยวทันตา ส่งเสียงโหยหวนดังลั่นจนหูแทบดับ

เล่อมู่จิ้นทิ้งกระบองยาวโดยไม่ลังเล แขนขวาแกว่งขึ้น นิ้วมือทำมุทรากระแทกไปที่ศีรษะของหลินสวิน

แต่หลินสวินลงมือเร็วกว่าเขา มือซ้ายดุจสายฟ้ากดออกไปกลางอากาศ ควบรวมเป็นประทับฝ่ามือเขียวเจิดจ้าสายหนึ่งตบออกไป

ปัง!

เล่อมู่จิ้นมาเร็ว แต่ไปเร็วกว่า ถูกฝ่ามือนี้ตบกระเด็นทันควัน

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ตอนที่1505 แพะสองขา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter ตอนที่1505 แพะสองขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานนัก พร้อมๆ กับเสียงทะลุอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้น เงาร่างมากมายพากันมาถึงไม่ขาดสาย

เมื่อสังเกตเห็นติงซานเหอ ต่างหยุดเท้าอย่างห้ามไม่อยู่

“พี่ติง ทำไมถึงไม่ตามไปแล้ว”

ชายหนุ่มชุดเทาผมขาว รูปลักษณ์โหดเหี้ยมผู้หนึ่งเอ่ยถาม

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ก็เป็นอริยะคนหนึ่ง!

สายตาติงซานเหอชำเลืองมองอีกฝ่าย แล้วมองดูเหล่าคนที่อยู่ใกล้ๆ กัน จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ในข่าวลือส่วนลึกของป่าหลอมจิตแห่งนี้มีสัตว์ร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่าต้นบรรพชนหลอมจิตอยู่ เจ้าเด็กนั่นบุกเข้าไปในนั้นแล้ว เกรงว่าคงยากกลับมาแล้ว”

สายตาคนอื่นๆ วับวาว

สาเหตุที่พวกเขาเลือกหยุดเท้า เป็นเพราะสังเกตได้ว่าหลังมาถึงพื้นที่นี้ก็มีกลิ่นอายประหลาดน่าสะพรึงกลัวอบอวลอยู่ ทำให้พวกเขาขนลุกในใจ

“ผู้ร้ายเป็นใคร”

มีคนเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ชายหนุ่มจากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง ยังไม่บรรลุอริยะ แต่เห็นได้ชัดว่าเหยียบย่างมกุฎมรรคา ทั้งยังมีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ไม่อาจดูเบาได้”

ติงซานเหอก็ไม่ปิดบัง บอกสิ่งที่ตนรู้ออกมา

“ตามที่ข้าดู เป็นไปได้สูงยิ่งที่เด็กคนนี้จะเป็นผู้นำบุคคลรุ่นเยาว์จากดินแดนรกร้างโบราณ ถ้าฆ่ามันให้ตายได้ จะต้องสร้างแรงโจมตีอย่างหนักหน่วงให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณแน่!”

ทุกคนลอบพยักหน้ากับตัวเอง

พวกเขาไม่ได้เห็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณอยู่ในสายตา แต่กลับไม่อาจไม่ให้ความสำคัญกับคู่ต่อสู้ที่เหยียบย่างมกุฎมรรคาเช่นเดียวกันจากดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้น

ตามที่พวกเขารู้มา ผู้แข็งแกร่งที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาในค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมีไม่มาก

หากผู้ร้ายเมื่อครู่ไม่ใช่ผู้นำในหมู่บุคคลขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง จะหลบหนีการไล่ฆ่าของพวกเขาได้อย่างไร

“พูดเช่นนี้ เป็นไปได้สูงว่าคราวนี้พวกเราจะจับปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่งใช่ไหม”

มีคนตื่นเต้น ถูไม้ถูมือ

แล้วก็มีคนเอ่ยตัดกำลังใจ พูดตัวเลขชุดหนึ่งออกมาทันควัน

“ระหว่างที่ไล่ตามมาตลอดทางมีผู้แข็งแกร่งสี่กลุ่มถูกเด็กนี่ฆ่า”

“ในกลุ่มนี้มีราชันระดับอมตะเคราะห์ธรรมดาสามสิบเจ็ดคน ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ที่บรรลุขอบเขตมกุฎสิบเก้าคน!”

“นอกจากนี้ เฮ่อฟางอวิ๋นบุคคลแห่งยุคจากเผ่ากระเรียนมังกรปีกทองก็ถูกเด็กนี่ฆ่า!”

“ตอนนี้เจ้ายังรู้สึกว่าเด็กนี่เป็นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ไหม”

พอเอ่ยวาจาออกมา ทั้งที่นั้นก็เงียบสงัด สีหน้าทุกคนปรากฏแววเคร่งเครียดไม่มากก็น้อยแล้ว

ยามสนทนา ยังมีผู้แข็งแกร่งมารวมตัวกันมากยิ่งขึ้น

เดิมที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของโลกมารโลหิต ส่วนป่าหลอมจิตแห่งนี้ก็เป็นสถานที่อันตรายที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง

พอเห็นเสอเหมิงจากเผ่างูมารทองคำส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ย่อมดึงดูดผู้แข็งแกร่งมามากมายเป็นธรรมดา

“ต้องเป็นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งแน่!”

ทันใดนั้นมีคนเอ่ยปาก ทำให้ทุกคนหันมอง

ก็เห็นชายหนุ่มที่มีผมยาวสีเขียวอ่อน ร่างผอมบางสูงโปร่ง หน้าตางดงามอ่อนโยนคนหนึ่งเดินไพล่หลังแหวกฝูงชนเข้ามา

เบื้องหลังเขามีหญิงสาวชุดแดงเดินตามหลังต้อยๆ

เล่อมู่จิ้น!

ลูกหลานเผ่าเหยี่ยวมารเหิน คนร้ายกาจแห่งยุคที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาคนหนึ่ง

ต่อให้เป็นอริยะที่อยู่ ณ ที่นั้นอย่างติงซานเหอ พอเห็นเล่อมู่จิ้นเข้าต่างก็เก็บงำกลิ่นอายของตน เผยสีหน้าเคารพนับถือ

พวกเขาเป็นอริยะแท้แน่นอน

แต่ทันทีที่เล่อมู่จิ้นบรรลุอริยะ ก็จะเป็นมกุฎอริยะแท้!

นอกจากนี้ฐานะของเล่อมู่จิ้นก็สูงศักดิ์ถึงที่สุด เผ่าเหยี่ยวมารเหินเดิมก็เป็นหนึ่งในสิบเผ่าใหญ่ของดินแดนโบราณมารโลหิต ทั้งอิทธิพลยังอยู่ในแถวหน้าอย่างยิ่ง

“เจ้า เจ้า… แล้วก็เจ้า ตามฆ่าต่อไปกับข้า”

ทันทีที่ปรากฏตัว เล่อมู่จิ้นก็ชี้อริยะสี่คนในที่นั้นแล้วออกคำสั่ง

“คนอื่นกระจายกันออกไป ผนึกบริเวณนี้ไว้ ใครกล้าประมาทเลินเล่อปล่อยให้ปลาใหญ่ตัวนี้หนีไปได้ ก็อย่าหาว่าข้าเล่อมู่จิ้นไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

ประโยคเดียว จองหองอวดดี ท่าทีแข็งกร้าว

แต่กลับไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

ต่อให้เป็นอริยะเหล่านั้นต่างก็เลือกนิ่งเงียบ

พวกเขากับเล่อมู่จิ้นไม่ได้มาจากเผ่าเดียวกัน แต่ล้วนถือเป็นกองทัพเดียวกัน ตอนนี้ในเมื่อเขาเอ่ยปาก พวกเขาจึงปฏิเสธได้ยาก

“เฟิงผิงจื่อ เจ้ามานำทาง”

เล่อมู่จิ้นเอ่ยปาก

ฉึบ!

ผึ้งมารลายดำที่มีร่างสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือตัวหนึ่งโฉบออกมา แปลงกายเป็นเด็กสาวชุดดำที่ถูกหมอกดำปกคลุมไปทั้งร่างคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“ได้ ข้าก็อยากเห็นว่าบุคคลชั้นผู้นำจากดินแดนรกร้างโบราณนั่นจะร้ายกาจปานไหน”

เด็กสาวชุดดำที่มีชื่อว่าเฟิงผิงจื่อตอบรับอย่างกระชับได้ใจความ

“คุณชายเล่อ ที่นั่นเป็นส่วนลึกของป่าหลอมจิต พิสดารหาใดเทียบ ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในอดีต มีอริยะไม่น้อยไปแล้วไม่กลับ เจ้าแน่ใจว่าจะไปหรือ”

ติงซานเหอนิ่วหน้าเอ่ย

“แพะสองขา[1]จากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งกล้าไป เหตุใดพวกเราจะไม่กล้า”

เล่อมู่จิ่นสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้ากลัวก็อยู่ที่นี่ รอตอนข้าพบเสอหลิน ต้องเล่าท่าทีของเจ้าให้เขาฟังแน่”

ติงซานเหอหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณชายเล่อเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่เตือนด้วยความหวังดี หากท่านคิดจะไปจริงๆ ข้าย่อมยินดีตามไปด้วย”

เล่อมู่จิ่นไม่พูดพร่ำทำเพลง เงาร่างไหววูบเคลื่อนไปยังส่วนลึกของป่า โดยมีเด็กสาวนามเฟิงผิงจื่อคนนั้นนำทาง

นอกจากนี้อริยะสี่คนที่มีติงซานเหออยู่ด้วย รวมถึงหญิงสาวชุดแดงที่อยู่ข้างกายเล่อมู่จิ่นก็ตามไปติดๆ

“ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหว!”

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็แยกย้ายเคลื่อนไหว เริ่มผนึกบริเวณนี้

ไม่ว่าใครในใจต่างรู้ชัดว่า เกรงว่าคราวนี้บุคคลระดับผู้นำจากดินแดนรกร้างโบราณคนนั้นคงยากจะพ้นเคราะห์แล้ว

……

หลินสวินในตอนนี้ร่างกายตึงเครียด กำลังเดินหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ฝีเท้าช้าลงไปมาก

ส่วนลึกของป่าหลอมจิตแห่งนี้เงียบสงัดยิ่งขึ้น ในอากาศปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายอันตรายน่าหวั่นใจ

หากเป็นสถานการณ์ปกติ หลินสวินต้องหันหลังกลับไปอย่างไม่ลังเลแน่นอน

แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงกัดฟันเดินหน้า

เขาถอยหลังไม่ได้แล้ว

หืม?

ไม่นานนักหลินสวินพลันสังเกตเห็น ว่าในที่ไกลลิบสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตากลับกระจ่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้นไม้โบราณระฟ้าจนมืดมัวเหล่านั้นมลายหายไปหมด

บนพื้นดินกว้างใหญ่มีหุบเหวโกรกธารมหึมาแห่งหนึ่ง รอยแยกห้วงอากาศรอยหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหุบเหว

หลินสวินหยุดเดินทันที กวาดมองไปรอบทิศ ทางเบื้องหน้าถูกหุบเหวโกรกธารประหลาดแห่งหนึ่งขวางไว้ ไม่อาจอ้อมออกไปได้สักนิด

แม้จะเหาะเหินก็ไม่ได้ เพราะมีรอยแยกห้วงห้วงอากาศรอยหนึ่งลอยอยู่บนนั้น แม้เป็นอริยะมายังไม่กล้าข้ามผ่าน!

‘หรือที่นี่ก็คือแกนกลางของป่าหลอมจิตแห่งนี้’

สายตาหลินสวินมองไกลไปยังหุบเหวโกรกธารนั้น ดูเหมือนเงียบเชียบไร้เสียง แต่กลับทำให้หลินสวินรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง

เหมือนข้างใต้หุบเหวโกรกธารนั้นมีสิ่งที่เป็นอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้อยู่

ไม่นานนักหลินสวินก็ตัดสินได้ว่า กลิ่นอายพิสดารชวนขนหัวลุกที่ตลบอบอวลในบริเวณใกล้เคียงนี้ ก็มาจากหุบเหวโกรกธารแห่งนี้!

‘นายท่าน…’

เสี่ยวอิ๋นพลันเอ่ยขึ้นในห้วงนิมิต

เพียงแต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “อีกเดี๋ยวค่อยพูด”

จากนั้นหลินสวินหันกาย ดวงตาดำราวสายฟ้ามองออกไปไกล

“เป็นสถานที่ที่น่าสนใจ ที่ที่อันตรายที่สุดในป่าหลอมจิตแห่งนี้ก็อยู่ใต้หุบเหวโกรกธารแห่งนี้กระมัง”

ไกลออกไปเล่อมู่จิ้นสองมือไพล่หลัง เดินอ้อยอิ่งออกมา

สายตาเขากวาดมองไปยังทิวทัศน์โดยรอบ ในที่สุดก็มองไปยังหลินสวินที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหุบเหวโกรกธารนั้น แล้วยิ้มน้อยๆ

“ข้าชื่อเล่อมู่จิ้น มาจากเผ่าเหยี่ยวมารเหิน เป้าหมายของการมาคราวนี้ง่ายดายนัก อยากจะลองทดสอบตื้นลึกหนาบางของบุคคลขอบเขตมกุฎจากดินแดนรกร้างโบราณเสียหน่อย”

เบื้องหลังเล่อมู่จิ้น พวกหญิงสาวชุดแดง เฟิงผิงจื่อ ติงซานเหอปรากฏตัวตามมา พากันทอดสายตามองหลินสวิน

หลินสวินร้องอ้อคำหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคิดว่าเขาจะถอยจะรุกก็ลำบาก ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแล้ว จึงไม่หวั่นกลัวเช่นนี้ และยังมีกะจิตกะใจมาพูดพล่ามด้วย

“พวกเจ้าหลีกไปให้หมด!”

เล่อมู่จิ้นก้าวไปข้างหน้า ในฝ่ามือมีกระบองยาวที่ยาวหนึ่งจั้งกว่า หนาเท่าแขนเด็ก สีดำขลับทั้งท่อนเล่มหนึ่ง

ในขณะเดียวกันบนร่างเขาก็มีพลานุภาพคับฟ้ากระจายออกมา ส่งผลให้ผมยาวสีเขียวอ่อนปลิวไสว เสื้อผ้าพัดกระพือ

ติงซานเหอนิ่วหน้า จากที่เขาดู ในเมื่อพบเป้าหมายแล้วก็ควรเข้าไปรุมสังหารอีกฝ่ายทันที

แต่ไม่ใช่ ‘การสู้ตัวต่อตัว’ อย่างตอนนี้

“ใครก็อย่าสอดมือ ให้คุณชายตระกูลข้าเล่นสักหน่อย ไม่แน่พอฆ่าแพะสองขาจากดินแดนรกร้างโบราณตัวนี้ได้ เขาถึงจะไปเมืองอารักษ์มรรคได้อย่างพึงพอใจ”

หญิงสาวชุดแดงเอ่ยปากกำชับ

คนอื่นย่อมไม่ติดขัด ต่างยืนดูอย่างเยือกเย็น ไม่คิดสักนิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้หลินสวินจะยังมีโอกาสรอดชีวิต

“ได้ยินแล้วกระมัง ระหว่างพวกเราสองคนลงมือ จะไม่มีใครทะเล่อทะล่ามาก่อกวน”

รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ่อนหวานของเล่อมู่จิ้น ฟันขาวสะอาด

หลินสวินคิดแล้วเอ่ยว่า “แพะสองขาหมายความว่าอย่างไร”

เล่อมู่จิ้นอึ้งไป จากนั้นก็ยิ้มสดใสขึ้นไปอีก “ก็หมายความตามที่เจ้าคิด ในสายตาทั้งแปดดินแดนแล้ว พวกเจ้าผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณต่างเป็นแพะสองขาทั้งนั้น”

“หมูหมาที่จะฆ่าแกงอย่างไรก็ได้หรือ”

ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ และยิ้มแล้ว เพียงแต่รอยยิ้มกลับเย็นชานัก

เขาเพิ่งได้ยินว่าผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณถูกดูแคลนอย่างน่าอัปยศเช่นนี้เป็นครั้งแรก

“โกรธหรือ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าดินแดนรกร้างโบราณอ่อนแอเกินไป แต่ละคนก็ไม่ต่างอะไรกับหมูหมา ไม่ได้มีแต่ข้า ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนทุกคนต่างคิดเช่นนี้”

เล่อมู่จิ้นตอบอย่างจริงจังประโยคหนึ่ง

จากนั้นเขาก็ลงมือทันที!

ตูม!

ทันทีที่ลงมือ เล่อมู่จิ้นก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน กลิ่นอายโหดเหี้ยมแผ่ออกมาทั่วร่าง กระบองเหล็กถูกเขาแกว่งขึ้นแล้วกระแทกใส่หลินสวินอย่างดิบเถื่อน

ห้วงอากาศบริเวณนี้ส่งเสียงโครมคราม แสงมรรคถั่งโถมราวดวงดาราจากปวงสวรรค์ กระแทกตามลงมาพร้อมกระบองยาวเล่มนั้น

เพียงการโจมตีเดียวก็ดูออกแล้วว่าเล่อมู่จิ้นน่ากลัวปานใด

ต่อให้เป็นเหล่าอริยะที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลออกไปยังลอบถอนใจในใจ นี่ก็คือบุคคลระดับผู้กล้าที่อยู่บนมกุฎมรรคา ความแกร่งกล้าของรากฐานพลังเกินจินตนาการ

ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ หลินสวินเพียงเงยหน้าขึ้น ฝ่ามือขยับคว้าง่ายๆ ก็จับกระบองเหล็กที่กระแทกลงมาไว้มั่น กระบองหยุดอยู่กลางอากาศ ไม่อาจเข้ามาใกล้ได้สักนิด

หืม?

เล่อมู่จิ้นดวงตาหดเกร็ง พลังการโจมตีนี้ของเขาสามารถกดอัดทิวเขาให้แหลกสลาย ทำให้คนส่วนใหญ่ในรุ่นเดียวกันไม่กล้าต่อต้านคมประกายของเขา

แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้มั่นเสียได้!

นี่…

ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปต่างใจกระตุกขึ้นทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ด้วยความสามารถเท่านี้ก็กล้ามาโอ้อวดพลังต่อหน้าข้าหรือ”

หลินสวินเอ่ยเย้ยหยัน

ยามเขาพูด

นิ้วมือก็ออกแรงโดยพลัน

ฮูม!

กระบองยาวเล่มนั้นเหมือนถูกอานุภาพน่าหวาดหวั่นฉีกออก บิดเบี้ยวทันตา ส่งเสียงโหยหวนดังลั่นจนหูแทบดับ

เล่อมู่จิ้นทิ้งกระบองยาวโดยไม่ลังเล แขนขวาแกว่งขึ้น นิ้วมือทำมุทรากระแทกไปที่ศีรษะของหลินสวิน

แต่หลินสวินลงมือเร็วกว่าเขา มือซ้ายดุจสายฟ้ากดออกไปกลางอากาศ ควบรวมเป็นประทับฝ่ามือเขียวเจิดจ้าสายหนึ่งตบออกไป

ปัง!

เล่อมู่จิ้นมาเร็ว แต่ไปเร็วกว่า ถูกฝ่ามือนี้ตบกระเด็นทันควัน

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+