Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2990 ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2990 ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2990 ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

แดนฝังมรรค

โลกที่ลึกลับหาใดเปรียบ

ตามที่ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่แห่งนี้พลังชีวิตแห้งเหือด สรรพสิ่งไม่คงอยู่ ไม่ต่างอะไรกับซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง

ทว่าขอเพียงเคราะห์แห่งการดับสิ้นของยุคสมัยใกล้มาเยือน แดนฝังมรรคก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่ง

การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ก็มีชนวนมาจากคลื่นพลังชีวิตที่เกิดจากแดนฝังมรรค

‘การเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดของที่นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เคราะห์แห่งยุคสมัยกำลังจะมาเยือน’

ก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินมั่นใจจุดนี้ในที่สุด

แต่ก็มีความสงสัยอื่นๆ ผุดขึ้นในใจทันที อย่างเช่น ที่มาของซากศพและสมบัติที่เห็นได้ตลอดทาง และความเร้นลับของภูเขาเทพทั้งห้าลูกเป็นต้น

ในเวลาหลังจากนั้นเขาจึงขอคำชี้แนะหลิงเสวียนจื่อทั้งหมด

แน่นอนว่าหลิงเสวียนจื่อก็ไม่ปิดบัง

ที่แท้ก่อนการดับสิ้นของยุคสมัยทุกครั้ง ระดับนิรันดร์ของแต่ละพื้นที่ทั่วหล้าล้วนจะรวมตัวกันในแหล่งสถานคุนหลุน เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ และชิงโอกาสไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์

อย่างเช่นตอนนี้ ในแหล่งสถานคุนหลุนก็มีระดับนิรันดร์มากมายมารวมตัวกันแล้ว

อย่างพวกไท่เสวียน เหยียนจี้ โหยวเป่ยไห่แห่งลัทธิแรกกำเนิด ระดับนิรันดร์ในลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานและน่านฟ้าที่เก้า ตอนนี้ก็อยู่ในแหล่งสถานคุนหลุนเช่นกัน

แต่ไม่ใช่ระดับนิรันดร์ทุกคนล้วนสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้ และยิ่งไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์

และในการดับสิ้นของยุคสมัยทุกครั้ง สรรพชีวิตทั่วหล้าล้วนยากจะหนีการสังการจากเคราะห์มรรคห้าเสื่อม

ขณะเดียวกันก็มีระดับนิรันดร์มากมายเผชิญเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุน คนที่สามารถรอดชีวิตจากการดับสิ้นของยุคสมัยได้ก็มีเพียงส่วนน้อย

ระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุนยามเกิดเคราะห์แห่งยุคสมัย ศพและสมบัติของพวกเขาก็จะเหลืออยู่ในแดนฝังมรรค!

และภูเขาห้าลูกของแดนฝังมรรค ก็คือสถานที่ถือสำคัญอันเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แบ่งเป็นอิ๋งโจว เผิงไหล ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว

ภูเขาทุกลูกล้วนมีกฎระเบียบต้นกำเนิดชนิดหนึ่งกระจายอยู่

อย่างเช่นภูเขาอิ๋งโจว ยึดพื้นที่สามหมื่นลี้ กฎระเบียบที่มีบนนั้นสามารถหลอมพลังเลือดวิญญาณของสรรพชีวิตทั่วหล้า และวิวัฒน์เป็นพลังชีวิตมหามรรคที่ดั้งเดิมที่สุดได้

หรืออย่างภูเขาเผิงไหล กว้างใหญ่ถึงเก้าหมื่นเก้าพันลี้ พลังกฎระเบียบที่ครอบครองสามารถหลอมพลังกายของสิ่งมีชีวิตใดๆ ทั่วหล้า และกลายเป็นต้นกำเนิดพลังชีวิตมหามรรคที่บริสุทธิ์ที่สุดได้

กฎระเบียบต้นกำเนิดของภูเขาฟางหู ภูเขาไต้อวี่ และภูเขาหยวนเจี้ยว สามารถหลอมเป็น ‘จิตวิญญาณ’ ‘มรรควิถี’ ‘สิ่งของภายนอก’ ได้ตามลำดับ

สุดท้ายล้วนจะถูกหลอมเป็นพลังชีวิตมหามรรคที่ดั้งเดิมที่สุด

ดังนั้นกฎระเบียบต้นกำเนิดที่ภูเขาใหญ่ห้าลูกนี้ จึงถูกเรียกว่า ‘ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’

ทุกครั้งที่การดับสิ้นของยุคสมัยใกล้มาเยือน ภูเขาห้าลูกนี้ก็จะหลอมพลังทั้งหมดของระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในยุคสมัยที่แล้ว แปลงเป็นพลังชีวิตต้นกำเนิดมหามรรคและสะท้อนกลับไปในฟ้าดิน

และหลังจากการดับสิ้นของยุคสมัย ระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุนก็จะถูกแดนฝังมรรคเก็บรวมรวมไว้

ราวกับวัฏจักรหนึ่ง

ได้รู้ความลับเหล่านี้ทำเอาหลินสวินอดหวาดหวั่นไม่ได้ กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น พลังชีวิตที่พุ่งสู่โลกภายนอกอย่างต่อเนื่อง ล้วนมาจากระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในการดับสิ้นของยุคสมัยหนึ่งหรือ”

หลิงเสวียนจื่อพยักหน้ากล่าวว่า “นี่ก็เหมือนใบไม้ร่วงลงสู่ราก กลายเป็นปุ๋ยของพื้นดิน สั่งสมพลังให้กับการมาเยือนของยุคสมัยถัดไป

“คงไม่ใช่ว่านี่ก็เกี่ยวข้องกับผู้บงการหลังม่านกระมัง” หลินสวินอดถามไม่ได้

หลิงเสวียนจื่อส่ายหน้า “บนโลกนี้ทุกที่ล้วนมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกพลังของผู้บงการหลังม่านเล่นงาน แต่มีเพียงจตุโบราณสถานที่ไม่สามารถ อย่างแหล่งสถานศุภโชค ก็เพียงถูกผู้บงการหลังม่านทำเป็นคุกแห่งหนึ่งเท่านั้น พลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชคยังคงอยู่”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ ต้นกำเนิดศุภโชคอยู่ในเมืองเทพศุภโชค เขาย่อมรู้เรื่องนี้ดีที่สุด

“ในขณะเดียวกัน แม้ต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะแห้งเหือด แต่ขอเพียงภูเขาห้าลูกนี้ยังอยู่ก็ไม่มีทางถูกผู้บงการหลังม่านยึดครอง”

หลิงเสวียนจื่อพูดต่อ “และในแหล่งสถานคุนหลุนก็มีพลังต้นกำเนิดกระจายอยู่เช่นกัน พลังต้นกำเนิดนี้เกี่ยวข้องกับแหล่งสถานอัศจรรย์ ถึงได้มอบโอกาสการมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์กับระดับนิรันดร์เหล่านั้นได้”

หลินสวินกล่าวอย่างตกใจ “พูดเช่นนี้ จตุโบราณสถานไม่ได้ตั้งอยู่เดี่ยวๆ แต่มีความเกี่ยวข้องกันหรือ”

ระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุน ศพของพวกเขาจะปรากฏในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ส่วนระดับนิรันดร์ที่แย่งชิงโอกาสในแหล่งสถานคุนหลุนสำเร็จ ก็จะมีโอกาสไปเยือนแหล่งสถานอัศจรรย์!

นี่ทำให้หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ แหล่งสถานศุภโชคก็คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับอีกสามแห่งเช่นกัน ไอรีนโนเวล

ดังคาด ครู่ต่อมาหลิงเสวียนจื่อก็พยักหน้ายืนยัน

“จตุโบราณสถานนี้ลึกลับจริงๆ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งทำให้รู้ถึงไม่ธรรมดา และมักจะล้มล้างการรับรู้ของผู้คน”

หลินสวินถอนหายใจ

หลิงเสวียนจื่อยิ้มพูด “ตอนนี้ศิษย์น้องมีอะไรอยากถามอีก”

หลินสวินนึกถึงเรื่องหนึ่ง เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ เหตุใดเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดจึงไปอยู่ในมือของท่านได้”

รอยยิ้มของหลิงเสวียนจื่อแข็งทื่อ กล่าวอย่างระมัดระวัง “ศิษย์น้อง นี่คือสิ่งที่อาจารย์มอบให้ข้าใช้เองกับมือ เพื่อให้ข้ามีต้นทุนพอไปช่วงชิงวาสนาในแดนฝังมรรคนี้ เจ้าจะแย่งไปไม่ได้”

เขาย่อมรู้เรื่องที่หลินสวินได้รับความช่วยเหลือจากเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด มีความผูกพันลึกซึ้งกับสมบัติชิ้นนี้

หลินสวินขานรับว่าอ่อคำหนึ่งแล้วกล่าวว่า “กังวลอะไรกัน ข้าเพียงแค่ประหลาดใจว่าเงามายาที่สมบัตินี้กำราบเมื่อครู่นี้คืออะไร”

หลิงเสวียนจื่อถอนหายใจทันที กล่าวว่า “นั่นเป็นวิญญาณร้ายโลหิตสายหนึ่งบนภูเขาอิ๋งโจว แปลงจากพลังเลือดวิญญาณของระดับนิรันดร์คนหนึ่ง พลังต่อสู้วิปริตดุดันอย่างที่สุด แข็งแกร่งกว่ารูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์สิบเท่าร้อยเท่า ในหลายปีมานี้หากไม่ใช่เพราะเจดีย์ไร้สิ้นสุด ข้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสิ่งชั่วร้ายพวกนี้”

“วิญญาณร้ายโลหิตหรือ ไม่ใช่บอกว่าพลังที่ระดับนิรันดร์ทิ้งเอาไว้ ล้วนจะถูกพลังกฎระเบียบของภูเขาอิ๋งโจวทำให้กลายเป็นพลังมหามรรคที่ดั้งเดิมที่สุดหรือ”

หลินสวินงงงัน

หลิงเสวียนจื่อหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “ศิษย์น้อง การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพิ่งดำเนินมายี่สิบกว่าปีเท่านั้น พลังที่ระดับนิรันดร์เหล่านั้นทิ้งไว้จะถูกหลอมจนหมดอย่างง่ายดายได้อย่างไร หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกไม่กี่สิบปี คงไม่ได้เห็นวิญญาณร้ายโลหิตเหล่านี้แล้ว”

เขาเว้นช่วงไปแล่วเอ่ยต่อ “และตอนนี้ สำหรับพวกเรา ไม่เพียงแค่วิญญาณร้ายโลหิตบนภูเขาอิ๋งโจว แม้แต่ ‘ศพคลั่งนิรันดร์’ บนภูเขาเผิงไหล ‘วิญญาณร้ายไร้ดับ’ บนภูเขาฟางหู ‘ภูตมหามรรค’ บนภูเขาไต้อวี่ ;ศาสตราร้ายนิรันดร์’ บนภูเขาหยวนเจี้ยวล้วนเป็นมหาศุภโชค!”

“คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร”

หลินสวินถาม

หลิงเสวียนจื่อกว่า “เพราะการกำราบและหลอมพวกมัน ก็จะได้รับพลังมหามรรคของระดับนิรันดร์”

ว่าพลางเขาหยิบเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมา ในใจขยับไหว

วัตถุที่ราวกับหินสีเลือดโปร่งแสงเป็นประกายชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา ขนาดประมาณหินไข่หาน ส่องแสงสว่างไสว คลื่นกลิ่นอายนิรันดร์พลุ่งพล่าน

หลิงเสวียนจื่อพูดอย่างย่ามใจ “ศิษย์น้องเจ้าดู นี่ก็คือพลังต้นกำเนิดนิรันดร์ที่บริสุทธิ์ที่สุดซึ่งแปลงจากวิญญาณร้ายโลหิตที่ถูกเจดีย์ไร้สิ้นสุดกำราบเมื่อครู่นี้ มีประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินต่อพลังปราณของพวกเรา สมบัติเช่นนี้กระทั่งในโลกยอดนิรันดร์ยังหาไม่เจอ!”

หลินสวินยื่นมือหยิบมาพินิจคร่าวๆ แล้วอดหวั่นไหวไม่ได้ กลิ่นอายเจืออยู่ในที่สมบัตินี้ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ แต่กลับหนาแน่นบริสุทธิ์หาใดเปรียบ

“นี่คือศิลาโลหิตนิรันดร์ มีประโยชน์อย่างไม่อาจคาดเดาต่อการหลอมพลังระดับนิรันดร์”

หลิงเสวียนจื่อรีบพูดว่า “อย่างศพคลั่งนิรันดร์ วิญญาณร้ายไร้ดับ ภูตมหามรรค ศาสตราร้ายนิรันดร์ สามารถถูกหลอมเป็นสมบัติสี่ชิ้นอย่างกฎเกณฑ์นิรันดร์ ผลึกจิตนิรันดร์ หินมรรคนิรันดร์ วัตถุดิบนิรันดร์ สมบัติทุกชิ้นล้วนมีความมหัศจรรย์แตกต่างกัน”

“สมบัติระดับนี้ แม้ระดับนิรันดร์เห็นยังต้องอิจฉาตาร้อน!”

ว่าพลางหลิงเสวียนจื่อก็คล้องแขนหลินสวินไว้ พูดอย่างภาคภูมิใจ “และตอนนี้วาสนาเหล่านี้ล้วนเป็นของพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องแล้ว มีพวกมัน จะห่วงว่าไม่สามารถแจ้งมรรคนิรันดร์ไปทำไมอีก”

ในใจหลินสวินกระเพื่อมไหวระลอกหนึ่ง ทั้งหมดนี้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นมหาศุภโชคที่น่าตกตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย

เพียงแต่…

สายตาของเขาพินิจมองหลิงเสวียนจื่อครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ศิษย์พี่อยู่ที่นี่มานานปี จะต้องได้ศุภโชคมาได้ไม่น้อยแน่ แต่เหตุใดจนตอนนี้พลังปราณกลับหยุดอยู่ในขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์”

หลิงเสวียนจื่อสีหน้าชะงักไป พูดอย่างจริงจัง “ศิษย์น้อง ไม่ว่าวาสนาจะมากแค่ไหนก็เพียงมีส่วนช่วยในการแจ้งมรรคนิรันดร์เท่านั้น มีเพียงมรรควิถีแห่งตนมั่นคง สภาวะจิตไร้ข้อบกพร่อง จึงจะเป็นจุดหลักของการแจ้งมรรคนิรันดร์”

หลินสวินหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “ศิษย์พี่พูดถูก”

หลิงเสวียนจื่อถูกหัวเราะเยาะจนทนไม่ไหวแล้ว กล่าวว่า “พอแล้ว มาว่ากันว่าเจ้าจะร่วมมือชิงวาสนากับข้าหรือไม่”

หลินสวินพูดโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “แน่นอน”

“ไป ข้าพาเจ้าไปภูเขาอิ๋งโจว”

หลิงเสวียนจื่อลุกขึ้นทันที เดินออกจากถ้ำสถิต

……

ตรงหน้าภูเขาอิ๋งโจว

หลิงเสวียนจื่อหยุดเท้าสื่อจิตว่า ‘ศิษย์น้องเจ้าดู บนภูเขานี้หมอกหนา แสงเลือดพวยพุ่ง เงามายาที่เห็นเป็นระยะๆ ล้วนเป็นวิญญาณร้ายโลหิต การจัดการเจ้าพวกนี้จะทำให้แตกตื่นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกมันจะรวมกลุ่มบุกโจมตีมา’

เขาเว้นช่วงไปแล้วพูดว่า ‘ที่ผ่านมาข้าเฝ้าอยู่หน้าภูเขาอิ๋งโจว ใช้พลังขับเคลื่อนแห่งตนไปล่อวิญญาณร้ายโลหิตตนหนึ่งเหมือนตกปลา จากนั้นยามมันออกมาจากภูเขาอิ๋งโจวก็จะใช้เจดีย์ไร้สิ้นสุดกำราบมัน เช่นนี้ก็ไม่ต้องเสียแรงและไม่ต้องกังวลว่าจะประสบอันตราย’

พูดจบเขาเหลือบมองหลินสวินแวบหนึ่ง เหมือนอยากฟังคำชื่นชมของหลินสวิน

กลับเห็นหลินสวินขมวดคิ้วพูด ‘เช่นนี้หากวิญญาณร้ายโลหิตไม่กินเบ็ดจะทำอย่างไร’

หลิงเสวียนจื่อกล่าว ‘รอ ย่อมมีตอนที่ติดเบ็ด’

หลินสวินส่ายหน้าพูด ‘ช้าเกินไปแล้ว และเสียเวลามาก’

หลิงเสวียนจื่อพูดอย่างไม่อภิรมย์ ‘นั่นเป็นถึงวิญญาณร้ายโลหิตที่แปลงจากพลังเลือดลมของระดับนิรันดร์เชียวนะ สามารถฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดาย ไม่ทำเช่นนี้ หรือเจ้าคิดว่าจะโจมตีใส่ภูเขาอิ๋งโจวนั่น’

ใครจะคิดว่าหลินสวินดันพยักหน้ากล่าว ‘หากทำเช่นนี้สามารถกำราบวิญญาณร้ายโลหิตได้มากกว่า เหตุใดจะไม่ทำเล่า’

หลิงเสวียนจื่อเบิกตาโพลง เหมือนไม่รู้จักหลินสวินอย่างไรอย่างนั้น ‘ศิษย์น้องเล็ก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเปลี่ยนเป็นอวดดีกว่าข้าแล้ว’

หลินสวินยิ้มพูด ‘ศิษย์พี่ ข้าขอถามท่านหน่อยว่าวิญญาณร้ายโลหิตมีสติปัญญาหรือไม่’

หลิงเสวียนจื่อส่ายหน้าพูด ‘ไม่มี พวกมันแปลงจากเลือดลม แม้ร้ายกาจแต่กลับมีเพียงไอสังหารที่โหดเหี้ยมหาใดเปรียบ ไม่ถึงกับมีสติปัญญาอะไร’

หลินสวินยิ้มกล่าว ‘เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ไป พวกเราขึ้นเขาไปดูสักหน่อย’

พูดจบก็ก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้า

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด