Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1023 สะบัดมือ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1023 สะบัดมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้ามาถึงด้วยลักษณะท่าทางดุดันโดยไม่ปกปิดความเป็นศัตรูเลยสักนิด

อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นความภาคภูมิใจของทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้า เป็นที่ชื่นชมของลูกศิษย์รุ่นเยาว์จำนวนนับไม่ถ้วน

ในใจพวกเขาอวิ๋นชิ่งไป๋ก็เหมือนบุคคลระดับตำนานที่ไม่สามารถดูหมิ่นและใส่ความได้

ปัจจุบันสถิติของอวิ๋นชิ่งไป๋ในสิบสองหอกำลังถูกทำลายทีละรายการ นี่จะให้สำนักกระบี่เทียมฟ้านั่งติดได้อย่างไร

“มองอะไร”

รับรู้ได้ถึงสายตาของชายผอมแห้งเย็นชา เซียวชิงเหอพลันแค่นเสียงเย็น คำพูดไม่เกรงใจเลยสักนิด อานุภาพน่าสะพรึงกลัว

แม้ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวพวกสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ชายเย็นชาชะงักไป หรี่ตาลงเล็กน้อยพินิจเซียวชิงเหอพร้อมพูดว่า “ข้าน้อยฮว่าอวิ๋นเจิน ขอถามได้หรือไม่ว่าสหายเป็นใคร”

ฮว่าอวิ๋นเจินเป็นหนึ่งในศิษย์แกนหลักของสำนักกระบี่เทียมฟ้า!

สำนักกระบี่เทียมฟ้ามี ‘สิบสามกระบี่’ ที่เป็นตัวแทนของผู้สืบทอดแกนหลักสิบสามคนซึ่งบรรลุสู่ขอบเขตมกุฎ

ฮว่าอวิ๋นเจินนี่ก็คือ ‘กระบี่เฉือนวิญญาณ’ ที่อยู่ในลำดับที่เก้า

ไม่เพียงแค่ในนครหยกขาว แม้ในทั่วทั้งแดนชัยบูรพา สิบสามกระบี่แห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าเองก็สะดุดตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ได้รู้ว่าชายผอมแห้งเย็นชาก็คือกระบี่เฉือนวิญญาณฮว่าอวิ๋นเจิน เซียวชิงเหอจึงเก็บความดูถูก เอ่ยว่า “เซียวชิงเหอแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา”

ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที

ก่อนหน้านี้ตอนที่หล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้ามาถึงที่นี่ แทบจะมองข้ามและเพิกเฉยต่อเซียวชิงเหอ

ตอนที่เซียวชิงเหอส่งเสียงฮึดฮัดใส่ฮว่าอวิ๋นเจินถึงได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา และไม่ชอบใจกับท่าทีวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนั้นของเซียวชิงเหออย่างมาก

แต่ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของเซียวชิงเหอ พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร

ตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราเป็นสำนักที่เก่าแก่อย่างมาก หากพูดถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง ไม่เป็นรองสำนักกระบี่เทียมฟ้าอย่างแน่นอน

สำนักกระบี่เทียมฟ้ามีสิบสามกระบี่ที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ ส่วนตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราเองก็มี ‘สุริยันผู้กล้า’ สิบหกคนที่มีพลังต่อสู้ขอบเขตมกุฎ ชื่อเสียงโด่งดังไปไกล

เซียวชิงเหอก็คือบุคคลแห่งยุคซึ่งอยู่ในลำดับที่เจ็ดของสุริยันผู้กล้า

บรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ ไม่มีใครคิดว่าบุคคลระดับสุริยันผู้กล้าจะปรากฏตัวในนครหยกขาว ปรากฏตัวหน้าหอสำแดงมรรค

โดยเฉพาะฮว่าอวิ๋นเจิน ในสายตายิ่งเผยประกายเย็นเยียบน่ากลัว กล่าวว่า “คนที่กำลังทยอยทำลายสถิติสิบสองหอในครั้งนี้ คือผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราของพวกเจ้าใช่หรือไม่”

สีหน้าของคนอื่นๆ เองก็อึมครึมขึ้นมา

หากเป็นเช่นนี้จริง ความหมายก็จะแตกต่างไป มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนรุ่นเยาว์ของสองสำนักใหญ่!

“เรื่องเช่นนี้ ข้าจำเป็นต้องบอกพวกเจ้าหรือ”

เซียวชิงเหอสีหน้าเย็นชาและเย่อหยิ่ง ในใจเขากลับกำลังลอบถอนหายใจ หากเจ้าวิปริตนั่นเป็นผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราของพวกเขาจริงๆ ก็คงดี…

หว่างคิ้วของฮว่าอวิ๋นเจินกลับแฝงความเย็นเยียบ “ไม่บอกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอตอนที่เจ้าหนุ่มคนนั้นเดินออกจากหอสำแดงมรรค พวกข้าจะ ‘ขอคำแนะนำ’ จากเขาเอง”

เขาเน้นเสียงคำว่าขอคำแนะนำ

เซียวชิงเหอหรี่ตาเล็กน้อย จู่ๆ ก็หัวเราะเยาะและพูดว่า “แม้สิบสองหอจะตั้งอยู่ในนครหยกขาว แต่ก็ไม่ใช่ของพวกเจ้าสำนักกระบี่เทียมฟ้า ทำไม อนุญาตให้อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างสถิติที่นี่ แต่ไม่อนุญาตให้คนอื่นทำลายสถิติของเขางั้นหรือ นี่จะเผด็จการเกินไปแล้ว!”

เขาใช้น้ำเสียงที่ดูถูกและเย้ยหยันพูดถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ ทำให้สีหน้าของพวกฮว่าอวิ๋นเจินต่างอึมครึมลง สายตาที่มองเซียวชิงเหอก็เย็นชาลงอย่างมาก

“พวกเราแค่อยากรู้ฐานะของเจ้าหนุ่มคนนั้นเท่านั้น เจ้าตื่นเต้นเกินไปแล้ว” เสียงของฮว่าอวิ๋นเจินเย็นเยียบ

“ไม่จำเป็นหรอกมั้ง จนตอนนี้เจ้าหมอนั่นทำลายสถิติของอวิ๋นชิ่งไป๋มาสี่อันแล้ว พวกเจ้าทนไม่ลงมือได้จริงๆ หรือ” เซียวชิงเหอยิ้มเยาะ

“งั้นก็ต้องดูว่าสหายคนนั้นให้ความร่วมมือหรือไม่” ฮว่าอวิ๋นเจินใบหน้าไร้อารมณ์

เซียวชิงเหอหัวใจหล่นวูบ ตระหนักได้ว่าสถานการณ์วันนี้คงจัดการยากมากแน่

หากที่มาของเจ้าวิปริตนั่นยิ่งใหญ่เพียงพอ บางทีอาจจะทำให้พวกฮว่าอวิ๋นเจินหวาดกลัวได้บ้าง

แต่ถ้าเป็นจริงอย่างที่เจ้าวิปริตนั่นบอกว่าตนเป็นผู้ฝึกปราณที่ ‘ไม่มีพรรคไม่มีสำนัก’ เช่นนั้นคงยุ่งแล้วจริงๆ!

บรรยากาศเงียบเชียบและกดดัน คลื่นลมก่อตัว

หน้าหอสำแดงมรรคที่รกร้างว่างเปล่า กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้ากลิ่นอายอันตราย เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาก็ทำให้ฟ้าดินตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศชวนกดดัน

ในระยะไกล ผู้ฝึกปราณมากมายถูกดึงดูดเข้ามา

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ยามพวกฮว่าอวิ๋นเจินทะลวงฟ้ามาเยือน แสงกระบี่ที่ควบทะยานมากมายดุจสายฝน ก็ดึงดูดความสนใจของเมืองแสงเขียวทั้งเมืองตั้งนานแล้ว

แต่บรรดาผู้ฝึกปราณที่ถูกดึงดูดมา กลับเพียงกล้ายืนอยู่ในระยะหลายพันจั้ง ไม่กล้าเข้าใกล้

“เซียวชิงเหอ ไม่ว่าเจ้ากับเจ้าหนุ่มนั่นจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน ข้าว่าเจ้ารีบไปซะ อย่ายุ่งเรื่องนี้”

ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆ ฮว่าอวิ๋นเจินก็ส่งเสียง สายตาราวกับดาบคมคู่หนึ่ง เผยประกายคมปลาบชวนกดดันจ้องเซียวชิงเหออย่างเย็นยะเยือก

“ฮ่าๆ” เซียวชิงเหอหัวเราะ รอยยิ้มกลับเย็นชาอย่างที่สุด “ข้าเซียวชิงเหอจะทำอย่างไร ยังต้องให้เจ้ามาชี้แนะหรือ”

“สุราคำนับมิยอมดื่ม อยากดื่มสุราทัณฑ์!”

“ดูเหมือนว่าผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรานี่ยืนยันจะเป็นศัตรูกับพวกเรา”

“ข้าสงสัยว่าเขากับเจ้าหนุ่มคนนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นพวกเดียวกัน เข้าสู่นครหยกขาวครั้งนี้ กลัวว่าจะกกกอดเจตนาร้าย มีความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้!”

สีหน้าของผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหล่านั้นต่างดุดัน ที่นี่คือนครหยกขาว คือถิ่นของพวกเขา เป็นผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราแล้วอย่างไร

มาถึงที่นี่ก็ต้องก้มหัว!

“นี่ก็คือการกระทำของสำนักกระบี่เทียมฟ้างั้นหรือ ช่างเผด็จการและหยิ่งผยองตามคาด! มาๆๆ ข้าจะดูซิว่าพวกเจ้าจะกล้าทำอะไรข้า”

เซียวชิงเหอโกรธจัดจนหัวเราะออกมา เสื้อผ้าโบกพลิ้วไปตามสายลมจนเกิดเสียง อานุภาพที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมา ก่อกวนพาลมเมฆปั่นป่วน

พวกฮว่าอวิ๋นเจินสีหน้าเย็นเยียบ พวกเขาเป็นถึงผู้ฝึกกระบี่ สิ่งที่เน้นก็คือจิตใจเปรียบกระบี่ สังหารเด็ดเดี่ยว ถูกท้าทายเช่นนี้ ทำให้พวกเขาโกรธจนสุดจะทนแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าเรียนรู้พลังสุริยันผู้กล้าลำดับที่เจ็ดแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราสักหน่อย หากเจ้าแพ้ ก็เก็บหางแล้วรีบหายไปจากนครหยกขาวจะดีที่สุด!”

ฮว่าอวิ๋นเจินก้าวเท้าออกมา เงาร่างผอมแห้งราวกับกระบี่ที่ถูกชักออกจากฝัก ชุดคลุมสีดำพลิ้วไหว บุคลิกโดดเด่น

ชั่วขณะนั้นที่แห่งนี้ลมเมฆพลุ่งพล่าน อากาศคำราม ทำให้หลายคนกลั้นหายใจ

ชิ้ง!

กระบี่วิญญาณยาวสองฉื่อที่เปล่งประกายสีเลือดสดเล่มหนึ่งโฉบออกไป ปรากฏเหนือศีรษะของฮว่าอวิ๋นเจิน ปลดปล่อยไอสังหารปานคุกเลือดแม่น้ำนรก

กระบี่เฉือนวิญญาณ!

ห่างออกไปผู้ฝึกปราณต่างใจสั่น นี่คืออาวุธที่ดุร้ายเล่มหนึ่ง สืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เปื้อนเลือดผู้ฝึกปราณมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่

“หึ โอ้อวดไร้ยางอาย!” เซียวชิงเหอเห็นเช่นนี้พลันสะบัดข้อมือ ปรากฏทวนเหล็กนิลเล่มหนึ่ง อานุภาพราวกับสุริยันสะท้อนฟ้า แผ่แสงสีทองอร่ามทั่วทั้งตัว

ตูม!

การต่อสู้ยังไม่ทันปะทุขึ้น อานุภาพที่แผ่กระจายออกจากร่างกายของทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้อากาศระหว่างทั้งสองระเบิดราวกับแก้ว

เหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าที่อยู่บริเวณนั้นเองก็หวั่นไหว ตระหนักได้ว่าแม้เซียวชิงเหอจะบ้าบิ่น แต่ก็สมกับที่เป็นลำดับเจ็ดของสุริยันผู้กล้าแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา อานุภาพเช่นนี้ใช่ว่าผู้กล้าทั่วๆ ไปจะเทียบได้

“ให้ตาย! คนหนึ่งเป็นหนึ่งในสิบสามกระบี่แห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า อีกคนเป็นหนึ่งในสิบหกสุริยันผู้กล้าแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา ทั้งสองกลับจะต่อสู้กันที่นี่!”

“นี่เป็นการปะทะของผู้กล้าขอบเขตมกุฎ! ที่ผ่านมายากจะได้เห็น คราวนี้ทุกคนล้วนมีบุญตาแล้ว!”

ผู้ฝึกปราณที่ดูอยู่ห่างๆ เยอะขึ้นเรื่อยๆ มากมายแน่นขนัด ยามนี้ต่างเผยสีหน้าตื่นเต้น การประลองอันเป็นประวัติกาลกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ทำให้พวกเขาต่างเดือดพล่าน

“เตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปตอนนี้ ทุกอย่างจะกลายเป็นอดีต ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องส่งเจ้าลงนรกด้วยตัวเอง!”

ฮว่าอวิ๋นเจินเงาร่างสง่า เสื้อผ้าพลิ้วไหว กระบี่เฉือนวิญญาณเหนือศีรษะส่งเสียงราวกับเสียงคำรามเลือด อานุภาพดุร้ายไม่ธรรมดา

“อย่าพูดไร้สาระ จะรบก็รบ!” เซียวชิงเหอแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ ปลายทวนชี้ออกไป จิตต่อสู้อันดุเดือดไร้ที่เปรียบปรากฏราวกับกระแสน้ำ ปกฟ้าคลุมดิน

“ไม่รู้จักดีชั่ว!”

ฮว่าอวิ๋นเจินไม่ลังเลอีกต่อไป ก้าวย่างออกไป พลังขับเคลื่อนรอบตัวคำรามราวกับฟ้าร้อง ไอสังหารรุนแรงพุ่งทะลุชั้นฟ้า

แต่ยังไม่รอให้เขาลงมือ ภาพตรงหน้าก็พร่าเบลอ พลันเห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเซียวชิงเหอ หันหลังให้ตน เห็นหน้าไม่ชัด

“ในเมื่อให้เจ้าไปแล้ว ทำไมถึงยังไม่ไป” คนผู้นี้ก็คือหลินสวินนั่นเอง

“ข้า…” เซียวชิงเหอเบิกตาโต เขาไม่รู้เลยว่าหลินสวินเดินออกจากหอสำแดงมรรคตั้งแต่เมื่อไหร่

“ไปเถอะ” หลินสวินตบไหล่เขา

“เฮ้ย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร รีบไสหัวไปซะ อย่ารบกวนการต่อสู้!” เหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าตะเบ็งเสียงด่าว่า

การต่อสู้กำลังจะปะทุแล้ว กลับถูกเด็กหนุ่มที่จู่ๆ ก็โผล่มาขัดขวาง ทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก

“หลีกไปเดี๋ยวนี้!”

“ให้ตาย นี่เป็นการประลองระหว่างบุคคลขอบเขตมกุฎเชียวนะ เจ้าหมอนี่รนหาที่ตายหรือถึงได้วิ่งออกมาขัดขวาง”

ผู้ฝึกปราณที่กำลังดูอยู่ในระยะไกลเองก็ไม่พอใจ พวกเขากำลังเตรียมดูการต่อสู้อย่างตื่นเต้น กลับถูกขัดจังหวะเช่นนี้ จึงพุ่งเป้ามาที่คนขัดขวางอย่างหลินสวินทันควัน

เหนือความคาดหมายของทุกคน เซียวชิงเหอกลับเหมือนเชื่อฟังอย่างมาก พลันเก็บจิตต่อสู้รอบตัว แล้วหมุนตัวจะจากไปอย่างไม่ลังเล

หลินสวินออกมาแล้ว เขาจะโง่ไปสู้กับผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหล่านั้นทำไม

ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือนครหยกขาว เป็นถิ่นของสำนักกระบี่เทียมฟ้า รบชนะผู้น้อยแล้วยังมีผู้ใหญ่ แม้เอาชนะฮว่าอวิ๋นเจินได้ สุดท้ายไม่เร็วก็ช้าก็ต้องลำบาก

“อยากไปก็จากไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ ฝันไปเถอะ” ฮว่าอวิ๋นเจินสีหน้าอึมครึมเย็นเยียบ กลิ่นอายน่ากลัว

ก่อนหน้านี้เขาเตรียมจะลงมือแล้ว กลับถูกหลินสวินขัดขวาง ทำให้เขารู้สึกอัดอั้น พลังขับเคลื่อนรอบตัวเกือบจะวุ่นวาย

สิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ที่สุดคือ หลินสวินหันหลังให้เขาตั้งแต่ต้นจนจบ คิดจะไปก็ไป เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นเขาฮว่าอวิ๋นเจินในสายตา!

ชิ้ง!

ทันทีที่สิ้นเสียงฮว่าอวิ๋นเจินก็พุ่งออกไปโดยไม่ลังเลแม้สักนิด กระบี่เฉือนวิญญาณสีแดงสดโฉบออกมา แปรเป็นเจตกระบี่สีเลือดแสบตา

กระบี่นี้ราวกับสายฟ้าพายุ ไอสังหารเย็นเยียบไร้เทียมทาน แผ่กลิ่นอาย ‘มหามรรคผลาญเลือด’ อันแข็งแกร่ง เล็งไปที่กลางหลังของหลินสวิน

ทอดมองจากไกลๆ ในกระบี่เดียวราวกับเปิดประตูใหญ่สู่นรก โหดเหี้ยมน่าหวั่นหวาด

“ระวัง…” เซียวชิงเหอหัวใจสะท้าน

เพียงแต่คำพูดนี้ของเขายังไม่ทันพูดออกมา ก็เห็นหลินสวินสะบัดมืออย่างสบายๆ ทีหนึ่ง

ปัง!

กระบี่อันยอดเยี่ยมชวนตะลึงนั่น แตกละเอียดกลางอากาศราวกับกระดาษเปราะบางท่ามกลางสายตาจำนวนนับไม่ถ้วน

ละอองแสงปลิวกระจาย ราวกับเปลวเพลิงที่ผลิบาน สวยงามยิ่ง

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด