Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1059 รู้ใจ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1059 รู้ใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝนวิญญาณเทพสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและความเสียหาย คืนสู่สภาพยอดเยี่ยมในชั่วพริบตา!

ก่อนหน้านี้ก่อนการประลองรอบแรกเริ่มต้นก็มีฝนวิญญาณเทพโปรยปรายลงมา ไม่เช่นนั้นหากกรำศึกผลาญพลังต่อไป แม้เป็นเหล่าผู้กล้าชั้นยอดก็คงทนไม่ไหว

หลินสวินสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ฟื้นฟูขึ้นมาก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ พลังกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะนี้ช่างอัศจรรย์เหลือเกิน เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์

หลินสวินสูดหายใจลึก เริ่มใคร่ครวญการประลองลำดับต่อไป

หลังผ่านการประลองรอบแรก พวกเขาผู้กล้าขอบเขตมกุฎทั้งสิบแปดได้ดันตนขึ้นสู่สิบแปดอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์

กล่าวอีกนัยหนึ่ง การประลองลำดับถัดไป ที่จะแย่งชิงก็คือตำแหน่งในสิบแปดอันดับแรก

การแข่งขันเช่นนี้ต้องอันตรายและยากลำบากกว่าโดยไม่ต้องสงสัย

ถึงอย่างไรการดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เดิมก็ไม่ง่ายดายอยู่แล้ว และพวกที่สามารถแสดงความโดดเด่นจากการประลองรอบแรกได้ ต้องเป็นบุคคลชั้นยอดหาใดเปรียบ!

แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่นฉู่เป่ยไห่โชคร้ายยิ่งที่เจอกับมารกระบี่เยี่ยเฉิน หรืออย่างชิงเหวินเจวี้ยนที่มาเจอหลินสวินอย่างน่าเศร้า

จากพลังต่อสู้ที่แท้จริงของสองคนนี้ หากไม่ใช่ว่าโชคไม่เข้าข้างอยู่บ้าง การดันตนขึ้นสู่สิบแปดอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์คงไม่ใช่ปัญหา

ทว่านี่ก็คือการต่อสู้แย่งชิง โชคถือเป็นศักยภาพอย่างหนึ่ง!

ถ้าไม่อย่างนั้นเหล่าผู้กล้าทรงพลังคงไม่มารวมตัวบนภูเขาเทพไร้มรณะนี่ เพื่อแย่งชิงโชควาสนามหามรรคอย่างเอาเป็นเอาตาย

ยิ่งไปกว่านั้น หากไร้โชควาสนาไหนเลยจะสามารถกลายเป็นราชัน

‘การประลองรอบสอง ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ทุกคนล้วนมีโอกาสต่อสู้สามครั้ง’

‘ผู้ชนะทั้งสามการประลอง แน่นอนว่าจัดอยู่ในอันดับต้นๆ สามารถทำการต่อสู้รอบสุดท้าย’

‘ผู้ที่ชนะสองพ่ายหนึ่ง แม้สามารถผ่านการประลองรอบที่สอง แต่อันดับคงไม่อาจสูงนัก’

‘ผู้ชนะหนึ่งแพ้สอง ความเสี่ยงที่จะถูกคัดออกนั้นมีมาก’

‘ผู้พ่ายแพ้ทั้งสามการประลอง แน่นอนว่าต้องถูกคัดออก’

หลินสวินครุ่นคิด วิเคราะห์กฎของการประลองรอบที่สอง

ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นบอก พลังกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะได้ประทับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประลองบนศิลามังกรขดไว้แล้ว สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจได้

‘หากยึดตามกฎการประลองนี้ ไม่ว่าใครคงได้แค่หาคู่แข่งที่สามารถเอาชนะมาประลองด้วย’

‘ทว่าโอกาสการประลองของแต่ละคนมีแค่สามครั้ง อีกทั้งมีโอกาสเลือกคู่ต่อสู้เพียงครั้งเดียว ที่เหลืออีกสองครั้งได้แค่รับการท้าทายของคนอื่นเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวแปรก็มากขึ้น…’

หลินสวินใคร่ครวญในใจ

ตัวแปรเยอะมากจริงๆ ก็เหมือนหากหลินสวินลงสนาม แน่นอนว่าสามารถเลือกคู่แข่งมาประลอง

แต่เช่นเดียวกัน เมื่อคนอื่นลงสนามก็สามารถเลือกหลินสวินมาต่อสู้!

นี่ยากจะวิเคราะห์ว่าตนจะเจอคู่แข่งคนไหนกันแน่

แน่นอนว่าสามารถปฏิเสธการท้าทายของคนอื่น

แต่การปฏิเสธต้องจ่ายค่าตอบแทน ทุกครั้งที่ปฏิเสธ โชควาสนามหามรรคบนศิลามังกรขดของตนจะถูกอีกฝ่ายเอาไปส่วนหนึ่ง!

หากไม่จำเป็น ไม่ว่าใครคงไม่เลือกปฏิเสธแน่ ถึงอย่างไรโชควาสนามหามรรคก็ได้มาไม่ง่าย ใครจะยอมปล่อยไป

ขณะที่หลินสวินใคร่ครวญ ยอดมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นก็วิเคราะห์ในใจ

การประลองรอบที่สองความไม่แน่นอนมากนัก ตัวแปรก็เยอะมาก ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้าประมาทละเลย

‘หลินสวิน!’

‘หลินสวิน!’

‘หลินสวิน!’

แต่สำหรับพวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง โก่วเหยียนเจิน หลังจากเข้าใจกฎ คู่แข่งคนแรกที่อยากท้าทายซึ่งนึกได้ในหัวก็คือหลินสวิน!

พวกเขาต่างเห็นหลินสวินเป็นศัตรูด้วยสาเหตุต่างกันไป แทบอยากสังหารเขานานแล้ว

แต่หลังจากสงบสติอารมณ์ พวกเขากลับลังเลอยู่บ้าง

เห็นฝีมือที่หลินสวิน ‘ครองภูผา’ กับตา ทั้งเป็นพยานการต่อสู้ที่เขากำราบชิงเหวินเจวี้ยน ทำให้ในใจพวกเขาล้วนสงสัยและกริ่งเกรงในพลังต่อสู้ของหลินสวินไม่หยุด

และในการประลองรอบที่สอง โอกาสท้าสู้ด้วยตัวเองมีแค่ครั้งเดียว การประลองอีกสองครั้งกลับเต็มไปด้วยตัวแปร

เพื่อป้องกันการเกิดผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด วิธีการอันชาญฉลาดคือเลือกเป้าหมายที่สามารถเอาชนะได้มาโจมตีก่อน

‘ทำอย่างไรดี’

‘กฎการประลองรอบที่สองนี้ช่างน่าชิงชังจริงๆ’

‘ไม่สนแล้ว ถึงเวลาค่อยปรับตัวตามสถานการณ์แล้วกัน’

‘หากมีโอกาสท้าทายเทพมารหลินจริง เช่นนั้นก็… สู้!’

พวกจินมู่อวิ๋นความคิดต่างกันไป ทำการตัดสินใจไม่เหมือนกัน นี่ก็คือการประเมินสถานการณ์ ผู้ที่สามารถมามาถึงขั้นนี้ไม่มีสักคนที่โง่เขลา

แต่สุดท้ายใครก็ไม่อาจทำการวางแผนได้รอบคอบ

รวมถึงหลินสวิน

เพราะกฎการประลองรอบที่สองนี้ตัวแปรมากเกินไป ไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดจะลงสนามเป็นคนแรก และไม่รู้ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายท้าทายใคร

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่างมากคงได้แค่พลิกแพลงตามสถานการณ์!

ก็เหมือนพวกจินมู่อวิ๋น ต่างคิดฉวยโอกาสนี้กำราบหลินสวิน แต่โอกาสการประลองรอบที่สองมีแค่สามครั้ง อีกทั้งครั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นหลินสวินที่ตัดสินใจ

เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาสี่คนไม่ว่าเป็นฝ่ายท้าทายหรือถูกท้าทาย อย่างน้อยต้องมีคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสประลองกับหลินสวิน

หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจถึงขั้นไม่มีใครได้ประลองกับหลินสวินเลย

ณ เชิงเขา ผู้ชมการประลองมากมายกำลังวิเคราะห์ แต่สุดท้ายก็ต่างปวดหัวไม่หยุด

ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากตัวแปรเยอะเกินไป!

หืม?

ทันใดนั้นหลินสวินที่กำลังใคร่ครวญนัยน์ตาดำพลันหดรัดลง พริบตาต่อมาเขาก็ถูกพลังกฎระเบียบไร้รูปสายหนึ่งเคลื่อนย้ายมายังสนามประลองตรงกลาง

เห็นชัดว่าการประลองรอบที่สองได้เปิดฉากแล้ว และเขาก็เป็นคนแรกที่ลงสนาม

เห็นดังนี้พวกจินมู่อวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เทพมารหลินลงสนามคนแรก ต้องเลือกคนหนึ่งในพวกเขามาประลองแน่ นี่ไม่จำเป็นต้องคิด!

ณ เชิงเขา ผู้ชมการประลองทั้งหมดต่างตกใจ เทพมารหลินลงสนามคนแรก? เขาจะเลือกใครมาสู้ด้วย

‘โก่วเหยียนเจิน!’ จ้าวจิ่งเซวียนแอบกล่าวในใจ

ก็เห็นบนสนามประลองโชควาสนา นัยน์ตาดำหลินสวินพลันเคลื่อนกวาด ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่สบตาเขาแต่ละคนล้วนสีหน้าต่างกันไป บ้างกระตือรือร้นอยากลอง บ้างหวาดกลัวและจริงจัง

กระทั่งยังมีคนหลบสายตาคล้ายกลัวถูกหลินสวินเลือก

ยามสายตาหลินสวินมองไปยังจินมู่อวิ๋น ฝ่ายหลังแค่นเสียงเย็นชา ในดวงตาสาดประกายคมปลาบดุดัน

ยามมองไปทางอวี่หลิงคง ฝ่ายหลังกลับสีหน้าเยียบเย็น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังชวนประหวั่น

ยามมองไปทางหลี่ชิงผิง สีหน้าฝ่ายตรงข้ามเย็นชา ริมฝีปากโค้งราวยั่วยุ

หลินสวินหยุดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลื่อนสายตาไปยังโก่วเหยียนเจิน

“เจ้าลูกหมา รีบมานี่” เขากวักมือเรียก ยิ้มบางๆ เปิดเผยอบอุ่นคล้ายเรียกสัตว์เลี้ยงของตัวเอง

เป็นจริงดังคาด!

จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มรู้ทัน ใบหน้าผุดผ่องงามสง่า ราวดอกบัวหลังฝนงามชื่นโดดเด่น

การคาดเดาเช่นนี้มาจากความเข้าใจ และเป็นการรับรู้ราวสื่อจิตถึงกันอย่างหนึ่ง จนบัดนี้ยังไม่เคยพลาด

คนอื่นต่างแอบเป่าปากโล่งอกไม่มากก็น้อย

ถามใจดูใครก็ไม่อยากเจอเทพมารหลินตั้งแต่รอบแรก ปะทะกับเขาบางทีอาจชนะ แต่คงยากลำบากยิ่ง

แน่นอนว่าเหล่าบุคคลอย่างเยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียนไม่วิตก ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

นี่มาจากความมั่นใจต่อศักยภาพของตน ไม่ว่าท้าทายด้วยตัวเองหรือถูกเชิญประลอง ล้วนไม่เพียงพอให้หวาดกลัว!

“หลินสวิน รู้ไหมว่าเจ้ารนหาที่ตายเอง!” โก่วเหยียนเจินสีหน้าอึมครึม

ถูกหลินสวินเลือกทำให้ในใจเขาอึดอัดนัก ในสายตาเขาตนเป็นมะพลับนิ่มที่บีบขยำได้ตามใจหรือไร

“เจ้าลูกหมา อย่ามัวแต่เห่าหอน ถ้ากล้าก็ไสหัวมา” หลินสวินกล่าวราบเรียบ

ภายใต้สายตาที่จับจ้อง หลินสวินคำก็ลูกหมาสองคำก็ลูกหมา ทำให้โก่วเหยียนเจินไอสังหารพรั่งพรูไม่อาจอดกลั้นอีก

เขาพลันแหงนหน้าขึ้นกู่ร้องเสียงยาว เงาร่างพริบไหวพุ่งทะยานมาบนสนามประลองโชควาสนา

“ในเมื่อเจ้ารีบรนหาที่ตาย ข้าจะให้เจ้าสมปรารถนา!”

โก่วเหยียนเจินสีหน้าทะมึน เขาสวมชุดคลุมดำ ทั่วร่างมีแสงโลหิตเหี้ยมโหดอหังการแผ่พุ่ง ประหนึ่งอสูรโลกันตร์เยือนพิภพ พลานุภาพน่าสะพรึงยิ่งยวด

ชั่วขณะทุกสายตาต่างมองไปจุดเดียวโดยพร้อมเพรียง

วิธีการของโก่วเหยียนเจินอาจวิปริตไม่เท่าชิงเหวินเจวี้ยน แต่กล่าวถึงความโหดเหี้ยม กลับเป็นสิ่งที่ชิงเหวินเจวี้ยนเทียบไม่ติด!

ในการครองภูผาก่อนหน้านี้ ไม่รู้มีผู้กล้าถูกเขาฉีกกระชากทั้งเป็นเท่าไหร่ วิธีต่อสู้ที่เหี้ยมโหดและนองเลือดนั้นทำให้ผู้ชมการประลองจำฝังใจนานแล้ว

ตูม!

ทันทีที่ก้าวสู่สนามประลอง โก่วเหยียนเจินก็ออกโจมตี เห็นชัดว่าควบคุมจิตสังหารไม่อยู่ เพียงก้าวออกมาห้วงอากาศล้วนปั่นป่วน

เขาประดุจอสูรตนหนึ่ง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าผมยาวทั้งศีรษะของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในชั่วพริบตา นัยน์ตาทั้งคู่แดงก่ำดุจเพลิงผลาญ อานุภาพทั่วร่างเปี่ยมความอำมหิตถึงขีดสุด

“เฉือน!”

ในมือเขาไม่รู้ว่ามีดาบแหลมแคบยาวสีเลือดเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร โฉบทะลวงอากาศ ม้วนตลบมาเยือนดั่งธารโลหิตอเวจี

ครืนๆ

ณ ที่นั้นแสงโลหิตเจิดจ้า เสียงกัมปนาทดังต่อเนื่อง ไอสังหารมืดมนเผด็จการตวัดฟาดดั่งลมพายุทั่วทิศ

“แข็งแกร่งนัก!”

“นี่ก็คือพลังที่ถูกมองว่าเป็นมหามรรคอสูรมายาทมิฬหรือ น่าหวาดกลัวไร้ขีดจำกัดดังคาด!”

ทุกคนนอกสนามกลั้นหายใจจดจ่อ แววตาเจือความตระหนก ทันทีที่โก่วเหยียนเจินออกเคลื่อนไหวก็ใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุด เห็นชัดว่าเขาเข้าใจพลังต่อสู้หลินสวิน การหยั่งเชิงและเก็บงำไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

‘ควรสำแดงวิธีอื่นบางส่วนแล้ว’

อันที่จริงหลินสวินตั้งใจว่า จะสังหารโก่วเหยียนเจินภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ใช้ดาบหัก

เพียงแต่หากเป็นเช่นนั้นคงต้องโคจรนัยเร้นลับโทสะหยาจื้อและเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ถึงขีดสุด อย่างนั้นคงสะเทือนใต้หล้าเกินไป

ไพ่ตายแต่ละอย่างต่างควรมีเหลือ จึงจะไม่ถูกคนมองตื้นลึกหนาบางออก!

ชิ้ง!

ดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะพลันปรากฏ พื้นผิวคมดาบมีลายมรรคเร้นลับไหลหลั่ง พริบตานั้นลำนำดาบดุจกระแสธาร สะท้อนก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

กระบวนท่าคว้าดารา!

เงาร่างหลินสวินพุ่งทะยาน ดาบหักถูกควบคุมอยู่ภายใต้จิตรับรู้อันยิ่งใหญ่หาใดเปรียบของเขา ฟาดฟันลงกลางอากาศ

ตูม!

เสียงปะทะดังสนั่นรุนแรง ห้วงอากาศกลางสนามประลองปั่นป่วนโดยสมบูรณ์ เหมือนดั่งสุริยันจันทรามาปะทะ ประกายศักดิ์สิทธิ์ถาโถมแผ่กระจาย ทำให้ฟ้าดินส่งเสียงกัมปนาท

“ฆ่า!”

ภายใต้การโจมตีเดียวทั้งสองไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ ต่างบุกจู่โจมอีกครั้งโดยไม่ลังเล สำแดงพลังต่อสู้ในวิถียุทธ์ของตน

ก็เห็นบนสนามประลองนั่นราวอสูรโลหิตและเทพมารกำลังช่วงชิงความเป็นใหญ่ พุ่งเข้าสังหารฟาดฟันจนมืดฟ้ามัวดิน ผีร่ำไห้เทพโหยหวน ดั่งมาเยือนนรกภูมิแดนเซินหลัว

“น่ากลัวนัก! หากเปลี่ยนเป็นราชันกึ่งระดับมาเข้าใกล้คงถูกกำจัดทิ้งในชั่วพริบตา! นี่หรือคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งมกุฎ”

ผู้ชมการประลองใจสั่นสะท้าน คนมากมายล้วนไม่อาจจินตนาการว่าการปะทะของพลังแห่งขอบเขตมกุฎจะแข็งแกร่งและพลิกฟ้าเช่นนี้ ทำลายความเข้าใจที่พวกเขาเชื่อมั่นอย่างสิ้นเชิง

เปรียบเทียบกันแล้ว การประลองก่อนหน้าของหลินสวินกับชิงเหวินเจวี้ยน เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าถึงสามส่วน!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด