Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1062

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1062 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในใจทุกคนลอบด่าทอว่าหลี่ชิงผิงไร้ยางอาย พูดจาสวยหรู แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่าคิดจะเอาเปรียบ ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ เหตุใดถึงต้องเสแสร้งเช่นนี้

หลี่ชิงผิงย่อมไม่รู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของทุกคน แม้จะรู้ก็คร้านจะใส่ใจ

มีโอกาสเอาเปรียบได้แต่ไม่ทำ เช่นนั้นก็เรียกว่าโง่เขลา!

ฝึกปราณถกมรรค ช่วงชิงทรัพยากร ช่วงชิงวาสนา แก่งแย่งโชควาสนาฟ้าดิน ใครจะยอมสละโอกาสดียิ่งไปอย่างง่ายดายกัน

ทั้งนับประสาอะไรกับที่หลี่ชิงผิงทำเช่นนี้ มีเหตุผลเพียงพออย่างยิ่ง น้องชายของเขาหลี่ชิงฮวนถูกหลินสวินฆ่าตาย!

เพียงอาศัยเหตุผลนี้ ก็สามารถทำให้เขาไม่อาจปล่อยโอกาสกำราบหลินสวินให้หลุดมือไป

“ก็ดี ในเมื่อเจ้าอยากสู้ ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว เช่นนั้นมาสู้กันเถอะ”

หลินสวินหยัดกายขึ้นอย่างโซเซ สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปบนสนามประลองโชควาสนา เท้าเพิ่งแตะพื้นก็อดไม่ได้ที่จะหอบหายใจถี่กระชั้นขึ้นมา ท่าทางอ่อนแอเปราะบางนัก

ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างอดไม่ได้ลอบถอนใจ เทพมารหลินช่างโชคไม่เข้าข้างเสียจริง

เขาก่อนหน้านี้โอหังและแข็งแกร่งปานไหน แต่ตอนนี้กลับอ่อนแอจนพาให้ผู้คนทนดูไม่ได้

เห็นเช่นนี้หลี่ชิงผิงแทบจะเก็บกลั้นความยินดีปรีดาในจิตใจไว้ไม่อยู่ ปากกลับพูดอย่างเยียบเย็นว่า “หลินสวิน บอกเจ้าก่อนว่าในสายตาของข้ามีเพียงตัวข้าและศัตรู จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่ต่างกัน อีกเดี๋ยวพอข้าลงมือ จะมีไม่มีความปรานีใดๆ”

หลินสวินพยักหน้า “นี่เป็นเรื่องธรรมดา”

“เช่นนั้นก็ไปตายเสียเถอะ!”

หลี่ชิงผิงออกโจมตีอย่างไม่ลังเล สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียวแสงมรรคสีม่วงก็ผุดขึ้นเต็มฟ้า แปรสภาพเป็นมือใหญ่สีม่วงแสบตาบดบังฟ้าดิน ตบลงมาอย่างรุนแรง

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุพลิกผัน เขาย่อมไม่ออมมือ ใช้พลังที่แท้จริงหมายจะกำจัดหลินสวินในการโจมตีเดียว เช่นนี้แล้วถึงได้ผลลัพธ์น่าครั่นคร้ามที่สุด

สิงโตตีกระต่ายก็ใช้แรงทั้งหมดที่มี เพียงมองจากจุดนี้ก็รู้ว่าหลี่ชิงผิงไม่ได้ชะล่าใจเพราะหลินสวินได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นท่วงท่าต่อสู้อันสง่างามที่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงผู้หนึ่งมีอย่างไม่ต้องสงสัย

เงาร่างหลินสวินไหววูบครั้งหนึ่ง หลบการโจมตีนี้พ้นได้อย่างเสี่ยงเสียยิ่งกว่าเสี่ยง เพียงแต่ร่างของเขาออกจะโซซัดโซเซ ทำให้มีคนไม่น้อยใจหายใจคว่ำแทนเขา

ตูม!

ประทับฝ่ามือตกลงมาจากฟากฟ้าแล้วระเบิดออกบนผืนดิน อานุภาพน่าตื่นตระหนก

ทว่าหลี่ชิงผิงกลับสีหน้าไม่น่าดูอยู่บ้าง ต่อกรกับเทพมารหลินที่อ่อนแอหาใดเทียบผู้หนึ่ง กลับไม่สามารถสังหารได้ในการโจมตีเดียว นี่ออกจะเสียหน้าไปแล้ว

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วประทับฝ่ามือออกไปอีกครั้ง

ประทับฝ่ามือเปล่งประกายปกคลุมห้วงอากาศ รัศมีแสงมรรคพรั่งพรู พลานุภาพแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

ก็เห็นว่าเงาร่างหลินสวินไหววูบ หลบหนีด้วยท่วงท่าชวนหวาดเสียวหาใดเทียบอีกครั้ง แม้ร่างจะยับเยินไปบ้าง แต่กลับไม่บุบสลายแต่อย่างใด

“เจตจำนงต่อสู้ของเทพมารหลินแข็งกล้านัก!” มีคนไม่น้อยตกตะลึง

การโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนคิดว่าเทพมารหลินอาจจะถูกตบจนกลายเป็นเนื้อแหลกเหลว จะคิดได้อย่างไรว่าเขากลับหลบหนีไปได้ราวปาฏิหาริย์

“หลี่ชิงผิง เจ้าไหวหรือไม่กันแน่เนี่ย ต่อกรกับคนอ่อนแอที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งจะต้องเปลืองแรงเช่นนี้เชียวหรือ” จินมู่อวิ๋นยิ้มหยัน กระแนะกระแหนไม่ว่างเว้น

หลี่ชิงผิงส่งเสียงหึ สีหน้าอึมครึม จิตสังหารผุดขึ้นในใจเขา พลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วโคจรวิชามรรคชั้นเลิศ

ตูม!

เห็นว่าบนศีรษะของเขาปรากฏเงามายาสีทองอร่ามเงาหนึ่ง สูงใหญ่หลายสิบจั้ง มีแขนหกแขน รูปลักษณ์น่าเกรงขามประหนึ่งทวยเทพในตำนานบรรพกาลองค์หนึ่ง แผ่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นสะท้านโลกา

“‘วิชาวิญญาณทองเทพมายา’ ของสำนักยุทธ์สมุทรคราม!” มีคนรุ่นอาวุโสตกตะลึง

ต่อกรกับเทพมารหลินที่อ่อนแรงหาใดเทียบผู้หนึ่ง ถึงกับต้องใช้วิชามรรคที่แข็งแกร่งปานนี้เลยหรือ

‘ต่ำทราม!’

‘ไร้ยางอาย!’

หลายคนต่างลอบตำหนิในใจไม่ว่างเว้น เทพมารหลินอ่อนแอถึงขนาดนี้แล้ว ยังใช้วิชามรรคน่าหวาดหวั่นปานนี้อีก นี่ทำเกินไปอย่างเห็นได้ชัด

หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนก็ต้องขุ่นเคืองเพราะเรื่องนี้

เพียงแต่เวลานี้นางดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ กระทั่งสายตาที่มองไปยังหลี่ชิงผิงเจือไปด้วยความเวทนา

ตูม! ตูม! ตูม!

เงามายาสีทองพุ่งขึ้นมา สามเศียรหกกรหมุนวน นิ้วมือบ้างกำเป็นหมัด บ้างทำมุทรา บ้างรวบนิ้วมือเข้าด้วยกันเป็นดาบ บ้างกดลงมาทั้งซัดฝ่ามือไปในอากาศ…

ชั่วพริบตานั้นพลังหมัด ผนึกสมบัติ พลังนิ้วมือ ลมจากฝ่ามือสีทอง ราวฝนห่าใหญ่หนาแน่นไปทั่วห้วงอากาศ เทลงมาอย่างครั่นครืน…

อานุภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าดิน

เงาร่างของหลินสวินพลันถูกปกคลุมอยู่ภายในนั้น ในตอนที่ทุกคนล้วนคิดว่าเขาจะประสบเคราะห์ ทนดูต่อไปไม่ได้ กลับค้นพบอย่างตกตะลึงว่าเทพมารหลินกลับยังไม่ตาย!

เขาหลบหนีไม่ว่างเว้น เงาร่างยับเยิน ก้าวย่างโงนเงนไม่มั่นคง แต่ยังสามารถหลบหนีการสังหารแน่นขนัดราวพายุฝนถาโถมได้อย่างฉิวเฉียด

ทุกคนต่างตื่นตะลึงอ้าปากค้าง จิตต่อสู้กับความสามารถในการปรับตัวกับสถานการณ์เช่นนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง บาดเจ็บขนาดนั้นยังหลบพ้นไปได้ หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ มีหรือหลี่ชิงผิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

“เหอะๆ หลี่ชิงผิง เจ้าไม่ละอายแก่ใจหรือ เจ้าหมอนั่นบาดเจ็บปานนั้นแล้ว เจ้ากลับยังทำอะไรเขาไม่ได้ ช่างน่าอับอายขายหน้า!”

อวี่หลิงคงก็ยิ้มหยันขึ้นมา

สีหน้าของหลี่ชิงผิงเวลานี้อึมครึมถึงที่สุดแล้ว ถูกหัวเราะเยาะเย้นเช่นนี้ทำให้เขาโมโหนัก

ตู้ม!

เขากระโจนตัวออกไปอย่างแรง เงามายาสีทองอร่ามเบื้องหลังแกว่งไกวแขนทั้งหก ต่างสำแดงวิชามรรคที่ต่างกันออกไปหกวิชา พลานุภาพระดับนี้แข็งแกร่งมากยิ่งแล้ว

อย่าว่าแต่สังหารเทพมารหลินที่อ่อนแอหาใดเทียบคนหนึ่ง ต่อให้เป็นมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นก็สามารถประชันด้วยได้อย่างแท้จริง

แต่ภาพที่เกิดขึ้นต่อมากลับทำให้เขางุนงงอยู่บ้าง

กลับเห็นว่าเทพมารหลินที่ตั้งรับก็ไม่ได้ หลบหนีก็ไม่ได้ เห็นอยู่กับตาว่าจะถูกสังหาร ใครจะคิดได้ว่าเขาเพียงใช้ฝ่ามือตบออกไปครั้งหนึ่งก็สลายพลังจู่โจมเต็มฟ้านั่น

โครม!

เสียงกระแทกดังก้อง แสงสีทองที่แผ่กระจายม้วนตลบครืนครัน ละอองแสงปลิวว่อน

หลินสวินอดไม่ได้ที่จะไอออกมาอย่างรุนแรง แต่ยังพูดด้วยสีหน้าฉงนว่า “ทำไมถึงอ่อนแอปานนี้ เจ้าจงใจปรานีอ่อนข้อให้หรือ”

ทุกคนต่างงุนงง รู้สึกประหลาดใจยิ่ง

หรือจะจริงอย่างที่เทพมารหลินพูด หลี่ชิงผิงปรานีสงสาร ไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงหรือ

ปรานีกับผี!

มุมปากหลี่ชิงผิงกระตุก โกรธจนควันออกหู หมายจะบีบคอหลินสวินให้ตายสักครั้ง

ที่น่าชังที่สุดก็คือเวลานี้จินมู่อวิ๋นกับอวี่หลิงคงก็เอ่ยปากถากถาง ว่าขนาดเทพมารหลินที่บาดเจ็บสาหัสเขายังต่อกรไม่ได้ สามารถปาดคอฆ่าตัวตายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ชิ้ง!

หลี่ชิงผิงออกโจมตีอีกครั้ง เรียกทวนวงเดือนสีเงินเจิดจ้าเล่มหนึ่งออกมา

ในเวลานี้ อาหลู่ดูต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังว่า “ดูสิ ใช้ยอดศาสตรามรรคราชันแล้ว ข้าเพิ่งเคยเห็นเรื่องน่าขันเช่นนี้เป็นครั้งแรก ถุย! น่าขายหน้าเป็นบ้า!”

“หุบปาก!”

หลี่ชิงผิงเก็บกลั้นไฟโทสะในใจไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ตะคอกออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็สะบัดทวนวงเดือนโจมตีไปยังหลินสวิน

แต่เทียบกับก่อนหน้านี้ การโจมตีนี้ยิ่งน่ากลัวขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ปึง!

เพียงแต่เงาร่างของเขาเพิ่งมาถึงครึ่งทาง ดาบหักเล่มหนึ่งพลันเคลื่อนผ่านอากาศทันใด แสงเย็นเยียบแผ่พุ่ง

หือ?

หลี่ชิงผิงนัยน์ตาหดหรี่ พริบตานั้นในสมองนึกถึงภาพที่โก่วเหยียนเจินถูกสยบขึ้นมา ในใจบังเกิดความหวาดผวา หรือเทพมารหลินผู้นี้จะสำแดงท่าไม้ตายทั้งหมดมาทำลายตนไปด้วยกัน

เขาไม่กล้าร่ำไร ตั้งมั่นพร้อมรับมือ เปลี่ยนจากจู่โจมเป็นตั้งรับ ทวนวงเดือนสีเงินเจิดจ้ากวัดไกวขึ้น เกิดเป็นม่านแสงเปล่งประกายม่านหนึ่งป้องกันอยู่เบื้องหน้า

แต่ดาบหักนั้นมาได้ครึ่งทางก็เหมือนสูญเสียพลัง ตกลงบนพื้นเสียงดังเคร้ง

ทั้งที่นั้นงงงวย

เวลาราวหยุดเดิน หลี่ชิงผิงที่ออมพลังรอตั้งรับ แสดงการป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบถึงที่สุด แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นภาพน่าอึดอัดใจเช่นนี้!

นี่ทำให้เขาหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เส้นเลือดบนหน้าผากปูดนูน

ตน… ถูกเจ้าคนอ่อนแอบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งทำให้ตกใจเสียอย่างนั้น!

นอกสนามประลอง เสียงหัวเราะขรมดังขึ้น ทำลายความเงียบงันที่น่าอึดอัดนี้ แต่เสียงหัวเราะระงมนี้กลับเหมือนหนามพิษหนามแล้วหนามเล่าทิ่มแทงเข้าไปในใจหลี่ชิงผิง

เขาสีหน้าคล้ำเขียว จ้องหลินสวินที่กำลังหอบหายใจเฮือกใหญ่อยู่ไกลออกไป ควบคุมไฟโทสะที่อยู่ภายในใจอย่างสุดกำลัง พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่น่าดู!”

โครม!

ทวนวงเดือนสีเงินร่ายรำกลางอากาศ สาดแสงมรรคนับหมื่นแสน พาให้ฟ้าดินร้องส่งเสียงกึกก้อง ห้วงอากาศระเบิดแหลก

ทุกคนต่างรับรู้ว่าหลี่ชิงผิงเดือดดาลโดยสมบูรณ์แล้ว อานุภาพของการโจมตีนี้ทำให้มกุฎรุ่นเยาว์บางคนใจเต้น หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุดหย่อน

ชิ้ง!

บนพื้น ดาบหักสั่นระรัว เหมือนดิ้นรนจะพุ่งขึ้นมา แต่กลับพุ่งขึ้นมาไม่ได้

ทุกคนทอดถอนใจในใจ เทพมารหลินอ่อนแอจนขนาดสมบัติของตนยังควบคุมไม่ได้แล้วหรือ

“อับจนหนทางแล้วยังจะดิ้นรนอะไรอีก ตาย!”

หลี่ชิงผิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม พุ่งกระโจนไปเบื้องหน้าหลินสวิน ทวนวงเดือนสีเงินควบรวมเป็นแสงมรรคราวน้ำตกฟาดฟันออกไป

เพียงแต่การจู่โจมไปได้แค่ครึ่งทาง ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลง ถลนออกมา มองหลินสวินอย่างเคียดแค้นว่า “เจ้า…”

ไม่รอให้พูดจบร่างของเขาแยกออกตั้งแต่ศีรษะในทันใด เหมือนถูกดาบเฉียบคมฟันตรงแน่วออกเป็นสองท่อน!

ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นหวาดหวั่น นัยน์ตาขยายออก ตื่นตระหนกจนหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อกี้… เกิดอะไรขึ้น

ตุ้บ! ตุ้บ!

ร่างกายสองท่อนของหลี่ชิงผิงตกลงบนพื้น เลือดสดๆ ย้อมผืนดินให้เป็นสีแดง แปรสภาพเป็นบ่อเลือด

ทวนวงเดือนสีเงินในมือเขาก็กระแทกลงกับพื้นเสียงดังเคร้ง ในบรรยากาศเงียบสงัดเช่นนี้ฟังดูแสบแก้วหูเป็นพิเศษ

ตายแล้วหรือ

ทั้งลานล้วนเงียบเชียบไร้เสียง ศีรษะชาหนึบ

เมื่อกี้ พวกเขาส่วนใหญ่ยังดูไม่ออกว่าหลินสวินลงมืออย่างไร!

สวบ!

ก็ในตอนนี้เอง ดาบหักบินกลับไปที่มือหลินสวิน ดึงดูดความสนใจของทุกคน ตอนนี้พวกเขาถึงเพิ่งรับรู้อะไรบางอย่าง สีหน้าผันผวนไม่ว่างเว้น

และในตอนนี้เอง หลินสวินไออย่างรุนแรงพลางเอ่ยทอดถอนใจว่า “แม้ข้าจะเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ได้ไม่มีพลังต่อสู้ นับประสาอะไรกับสมบัติชิ้นนี้ของข้าควบคุมได้ด้วยพลังจิตวิญญาณ เหตุใดเจ้าถึงเลินเล่อได้ขนาดนั้นล่ะ ยังดีที่ที่นี่เป็นภูเขาเทพไร้มรณะ เจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิต คราวหน้าก็ระวังตัวขึ้นหน่อยเถอะ”

เมื่อพูดคำนี้ออกมา ริมฝีปากหลายคนก็กระตุก เหตุใดเมื่อได้ยินถึงรู้สึกว่านี่เหมือนคำพูดเสียดสี

ส่วนพวกจินมู่อวิ๋น อวี่หลิงคงต่างฉงนใจไม่ว่างเว้น กระทั่งออกจะสงสัยว่าหลินสวินได้รับบาดเจ็บจริงๆ หรือไม่แล้ว

“เจ้าหมอนี่ เจ้าเล่ห์เช่นนี้เชียว!”

นึกถึงภาพดาบหักที่ตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อกี้ หลายคนต่างแน่ใจว่าตอนนั้นหลินสวินต้องจงใจหลอกหลี่ชิงผิง เป้าหมายก็เพื่อให้เขาชะล่าใจ!

‘ทั้งที่บาดเจ็บหนักก็ยังเอาชนะคู่ต่อสู้คนหนึ่งได้ เจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งไปแล้วกระมัง…’ ในใจของบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเยาว์บางคนต่างปั่นป่วนขึ้นมาระลอกหนึ่ง

การโจมตีนี้ ตั้งแต่เริ่มทุกคนก็นึกว่าหลินสวินจะประสบเคราะห์ยากหลบหนี แต่ผลสุดท้ายกลับทำให้ทุกคนต่างไม่ทันตั้งตัว

ดูน่าขันนัก และดูน่าหวาดหวั่นด้วย!

บุคคลขอบเขตมกุฎอย่างหลี่ชิงผิง อิงตามพลังต่อสู้ของเขา ต่อให้เป็นการประลองกับเทพมารหลินในสภาพที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็สามารถประจัญบานอย่างดุเดือดได้ชั่วขณะหนึ่ง

แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารอย่างสับสนงุนงง พาให้ทุกคนพูดไม่ออก

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด