Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1093 อับจนหนทาง?

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1093 อับจนหนทาง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เดรัจฉานเฒ่า ใช้พลังระดับอริยะแสดงพฤติกรรมเดรัจฉาน เจ้ายังมีหน้ามาพูดถ้อยคำหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้อีก!”

นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ เพลิงโทสะสุมทรวง

เขาไม่อาจประนีประนอม และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้จับโดยลดี เพราะการก้มหัว สิ่งที่แลกมานั้นย่อมเป็นความอัปยศที่มากยิ่งกว่าเดิม รวมถึงความตายอย่างแน่นอน!

เจ้าเฒ่าพวกนี้ล้วนลงมือโดยไม่สนศักดิ์ศรี หากไม่ฆ่าตนมีหรือจะพอใจ!

“ฮ่าๆ ปากคมจัดจ้าน แค่มดปลวกตัวเล็กจ้อยตัวเดียว คิดว่าหยิบยืมพลังผนึกต้องห้ามแล้วจะสามารถยืนหนึ่งใต้หล้าได้หรือ ยังห่างไกลลิบลับ!”

เวลานี้อริยะเซวี่ยถูทนไม่ไหวแล้ว ชิงลงมือก่อน ตบหนึ่งฝ่ามือลงมาผ่านระยะทางไกลโพ้นที่ขวางกั้นนี้ ราวกับผู้อาวุโสสั่งสอนลูกหลานที่ไม่อยู่ในโอวาท ข่มขวัญกดหัว เจือกลิ่นอายหมิ่นแคลนไม่รู้จบ

“สหายยุทธ์ เจ้าช้าก่อน บนตัวมดตัวน้อยนี่ยังมีศุภโชคอยู่ อย่าเพิ่งรีบเอาถึงตาย!” เต้าคุนและเมี่ยวหวาต่างลุกลนโพล่งออกมา ดูเหมือนหวังดี แต่ความเป็นจริงเจตนามุ่งร้ายอย่างยิ่ง

ตูม!

หลินสวินควบคุมพลังผนึกต้องห้าม เริ่มลงมือต้านทาน

ชั่วพริบตาประกายดาราดั่งกระแสน้ำ ประกายแสงและเกลียวคลื่นนานัปการพุ่งทะยานขึ้นไปพร้อมกัน สกัดกั้นการโจมตีครั้งนี้เอาไว้

เหนือความคาดหมาย พอเห็นภาพนี้กลับทำให้เหล่าอริยะพากันตาลุกวาว กล่าวว่า “เจ้าเด็กนี่สามารถขับเคลื่อนพลังผนึกต้องห้ามของทะเลหมากดาราได้จริงๆ ด้วย นี่ไม่ใช่ว่าหากจับเขาได้ ก็จะได้รับเคล็ดวิชาควบคุมผนึกต้องห้ามทะเลหมากดาราหรือ”

ทะเลหมากดาราถูกค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราปกคลุม นับแต่อดีตจนปัจจุบัน แม้แต่อริยะผลีผลามบุกเข้าไปในนั้นก็ยังต้องประสบภัยอันตราย

แต่ถ้าหากสามารถควบคุมปริศนาของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราได้… นั่นก็เท่ากับควบคุมค่ายกลต้องห้ามสูงสุดอย่างหนึ่งได้เชียว!

เหล่าอริยะใจเต้นโครมครามทันที ยิ่งคิดก็ยิ่งชอบใจ รู้ดียิ่งว่าคุณค่าของการควบคุมค่ายกลต้องห้ามสูงสุดเช่นนี้มีมากมายเพียงใด!

“คุกเข่าลง!” ฟางหลิงซู่แค่นเสียงเย็น มือใหญ่ผอมแห้งเหี่ยวย่นยื่นออก กดสยบหลินสวินผ่านห้วงอากาศ เสมือนภูเขาเทพที่เคลื่อนย้ายมาเยือน หมายจะบีบบังคับให้หลินสวินคุกเข่าลงกับพื้น

“ไสหัวไป!”

หลินสวินตะโกนลั่น ประกายดาราไร้ที่สิ้นสุดโผล่ขึ้นจากผิวทะเล พลุ่งพล่านพลิกตลบ ครอบฟ้าบดบังตะวัน

เสียงสะเทือนยิ่งใหญ่ดังขึ้นหนึ่งครา เบื้องหน้าหลินสวินกรีดก้องไม่หยุด พลังน่าสะพรึงกำลังปะทะกันและกัน หากไม่ใช่เพราะร่างของเขาอยู่ภายใต้การกำบังของเกลียวคลื่นผนึกต้องห้าม เขาคงถูกสยบกดลงกับพื้นอย่างแน่นอน

“สหายยุทธ์ฟาง เจ้าระห่ำเช่นนี้ หากเผลอไปสังหารเจ้ามดนี่เข้าจะทำอย่างไร ข้าไม่อยากให้เจ้าเด็กนี่ตายทั้งอย่างนี้หรอกนะ ถึงแม้ชีวิตของเขาจะต้อยต่ำ แต่ศุภโชคบนตัวเขาล้ำค่ายิ่งนัก”

กลางห้วงอากาศ อริยะฝูหยาเอ่ยปากเนิบนาบ เงาร่างเขาเลือนราง ลวงตาพร่ามัว ประหนึ่งไม่มีตัวตนอยู่บนโลก แต่คำพูดกลับดูหมิ่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เพลิงโทสะในใจหลินสวินกำลังคุโชน อดหัวเราะเสียงเย็นไม่ได้ “อริยะขี้หมูขี้หมาอะไร ข้าดูแล้วก็แค่เดรัจฉานเฒ่ากลุ่มหนึ่งที่สมควรโดนพันดาบหมื่นแล่!”

“มดก็คือมด ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”

เหล่าอริยะต่างสีหน้าเรียบเฉย ไม่ไหวติง

ตูม!

อริยะอวี่หมิงลงมือแล้ว รวบนิ้วกดจุดหนึ่งกลางห้วงอากาศ

ทันใดนั้นพลังดรรชนีพลันควบรวม เปี่ยมด้วยพลังกฎระเบียบอริยมรรค พุ่งไปทางหว่างคิ้วของหลินสวินประหนึ่งนิ้วเดียวทะลวงฟ้า

ตูม!

ภาพน่าสะพรึงอุบัติขึ้น พลังผนึกต้องห้ามของทะเลหมากดาราไม่อาจสกัดกั้นไหว ถูกพลังดรรชนีสายนั้นแหวกออกอย่างง่ายดายปานหักทำลายหญ้าแห้งไม้ผุ!

หลินสวินไม่ลังเลสักนิด เรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรมากำบังอยู่เบื้องหน้า ตัวเจดีย์มีรัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์ทองอร่ามไหลเวียน แผ่ไพศาลและเจิดจ้า

ท้ายที่สุดถึงแม้ดรรชนีนี้จะถูกสกัดเอาไว้ แต่หลินสวินกลับถูกโจมตี เลือดลมทั่วร่างปั่นป่วน อึดอัดจนแทบกระเลือด

เขาลอบทอดถอนใจในใจ อย่างมากที่สุดเขาทำได้เพียงหยิบยืมพลังไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนของค่ายกลวัฏจักรดารา ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานพลังของอริยะทั้งหกได้

ยิ่งกว่านั้นอริยะเหล่านี้ยังเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด ไม่ได้เข้าสู่ทะเลหมากดาราสักนิด เมื่อเป็นเช่นนี้แม้หลินสวินอยากหยิบยืมค่ายกลนี้โจมตีกลับ ก็เห็นได้ชัดว่าพลังไม่เพียงพอ

ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ก็เพราะเขาประเมินความอดทนของขุมอำนาจเหล่านั้นสูงไป จนส่งผลให้สันนิษฐานผิดพลาด คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าเพื่อจัดการกับตน อีกฝ่ายจะส่งอริยะหกคนออกโรงอย่างไม่เสียดาย!

“เป็นเจดีย์สมบัติองค์นั้น!”

หน้าชายฝั่งทะเล เหล่าอริยะตาลุกวาว

“โอ้ น่าทึ่งนัก สร้างจากเหล็กเทพศุภโชคจริงๆ ด้วย แม้จะอยู่ในยุคบรรพกาลก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติชั้นสูงในหมู่ชั้นสูง มูลค่าประเมินไม่ได้!”

“ดีๆๆ! ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียแรงเปล่า!”

พวกฟางหลิงซู่ต่างรู้สึกปิติยินดี มองหลินสวินราวกับไร้ตัวตน ความคิดทั้งหมดล้วนไปอยู่ที่ศุภโชคและสมบัติในมือหลินสวินทั้งสิ้น

นี่เป็นการดูเบาอย่างที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย ในสายตาอริยะ แม้หลินสวินจะขึ้นเป็นที่หนึ่งในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ แต่กลับเทียบชั้นไม่ติดกับศุภโชคและสมบัติในมือเขา ที่ดึงดูดยิ่งกว่า

“อย่าชักช้าเลย ลงมือพร้อมกันสยบเจ้าเด็กนี่!”

อริยะเมี่ยวหวานัยน์ตาลุกโชน เริ่มจะอดใจไม่ไหวแล้ว เกรงว่ายิ่งนานไปอาจมีเหตุเปลี่ยนแปลงไม่คาดฝัน แทบทนไม่ไหวอยากตัดสินชะตาชีวิตหลินสวินเสียเดี๋ยวนี้

ตูม!

ชั่วขณะนี้เหล่าอริยะล้วนลงมือผ่านทะเลหมากดาราที่ขวางกั้น มือใหญ่สายแล้วสายเล่าร่วงหล่นกดอัดลงมาทางหลินสวิน

พลังค่ายกลวัฏจักรดารากำลังกู่ก้อง ปรากฏระลอกคลื่นประกายดาราน่าสะพรึง แหวกทึ้งห้วงอากาศ ต้านทานฝ่ามือใหญ่เหล่านี้

พรวด!

เพียงชั่วขณะเท่านั้นหลินสวินก้ถูกซัดสะเทือนจนกระอักเลือกอย่างหนัก ร่างเกือบแหลกกระจุยคาที่

แม้ค่ายกลวัฏจักรดาราจะเหนือธรรมดา แต่ไหนเลยจะสามารถสกัดกั้นการโจมตีร่วมกันของอริยะทั้งหกได้ แม้ยังมีเจดีย์สมบัติไร้อักษรคอยกำบัง ก็ยังทำให้หลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี

สวบ!

หลินสวินกลายรางเป็นแสงเคลื่อนสายหนึ่ง พุ่งปราดไปยังส่วนลึกยิ่งกว่าของทะเลหมากดาราอย่างรวดเร็ว

แต่การขัดขืนเช่นนี้ย่อมเสียแรงเปล่า เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เส้นทางเบื้องหน้าก็ถูกตัดขาด พาให้หลินสวินไม่เหลือทางให้ถอย!

บนชายฝั่งทะเล บรรดาอริยะต่างเรียบเฉยยิ่ง สีหน้านิ่งสนิท ไม่กลัวหลินสวินหนีไปสักนิด เพราะพลังของพวกเขาได้ล้อมกรอบไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่แรกแล้ว

……

บริเวณห่างไกลออกไปอีก บรรดาผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้อยู่ในมุมมืดต่างลอบทอดถอนใจ พลังนั่นยิ่งใหญ่มหาศาลเกินไป เทพมารหลินคนนั้นย่อมประสบเคราะห์อย่างแน่นอน

เมื่ออริยะออกโรง ทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ ผู้ใดเล่าจะต่อสู้ประจันบาญ

“ไม่เคยผงาดง้ำ เป็นได้เพียงส่องแสงชั่วครู่ชั่วยามแล้วร่วงหล่นลง” บางคนพึมพำกับตัวเอง

“น่าเสียดายนัก ด้วยศักยภาพของเด็กนี่ หากสามารถรอจนถึงมหายุคมาเยือน ย่อมบรรลุมรรคาเหนือธรรมดาแน่ กลับคาดไม่ถึงว่าจะสิ้นชีพอยู่ที่นี่ สวรรค์ริษยาผู้กล้ามากความสามารถจริงๆ!” บางคนทอดถอนใจ

“ในโลกที่สำนักโบราณตั้งเรียงราย หากอยากผงาดง้ำเพียงลำพัง ยากนัก!” บางคนปลงอนิจจัง

อาหลู่ไม่ได้ถูกนักพรตเฒ่ามอมแมมคนนั้นพาตัวจากไป หากแต่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ยามเห็นภาพนี้เข้าก็เดือดดาลทันที ร้องตะโกนว่า “เจ้าเฒ่าสารเลว นั่นคือพี่ใหญ่ของข้า จนป่านนี้แล้วสรุปว่าเจ้าแม่งจะช่วยหรือไม่ช่วยกันแน่”

นักพรตเฒ่ามอมแมมตบเข้าที่กระหม่อมอาหลู่หนึ่งฉาด กล่าวว่า “รับเป็นพี่ใหญ่แล้ว? ผ่านการเห็นชอบจากข้าหรือยัง ไม่ได้ความ! หยุดถลึงตาเสียที จะบอกเจ้าให้ ครั้งนี้เจ้าได้ชมละครสนุกๆ แล้ว!”

อาหลู่เดือดดาลเหมือนวัวคลั่ง ไม่ฟังคำทัดทานแม้แต่น้อย แต่ไม่ว่าเขาจะขัดขืนอย่างไรก็ย่างเท้าไม่ออกสักก้าว ถูกกักขังอยู่ตรงนั้น แม้แต่คำพูดก็ยังเอ่ยออกมาไม่ได้อีกต่อไป

เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่ามอมแมมรู้ดีถึงฤทธิ์เดชความปากร้ายของอาหลู่ จึงปิดผนึกริมฝีปากของเขาตั้งแต่แรก

‘ทำไมกันนะ จากการสันนิษฐาน ภายในเขตหวงห้ามไร้มรณะด้านหลังทะเลหมากดาราไม่น่าจะมองดูเด็กคนนี้ถูกฆ่าตาปริบๆ สิ! ยิ่งกว่านั้นเด็กนี่ยังสามารถใช้ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราได้อีกด้วย น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเฒ่าบ้าในปีนั้น เหตุใด… สถานการณ์พลิกผันแล้วยังไม่โผล่มาอีก’

นักพรตเฒ่ามอมแมมขมวดคิ้ว รีบอนุมานในใจอย่างเร่งด่วน สถานการณ์อันตรายเบื้องหน้าพาให้เขาเริ่มไม่เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

……

ตูม!

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป มือใหญ่ข้างหนึ่งพาดขวางกดห้วงอากาศลงมา อริยะเมี่ยวหวาลงมือ ฝ่ามือขาวเจิดจ้ารายล้อมด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผานภา ซัดหลินสวินลอยคว้างกระอักเลือดคำโต

“มดยังรั้นขโมยชีวิต เจ้าหนุ่ม ไยต้องขัดขืนอย่างขมขื่นด้วย จะบอกเจ้าให้ว่าหากพวกข้าอยากสังหารเจ้า ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเช่นนี้สักนิด เหตุที่ทำเช่นนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากให้เจ้าเป็นฝ่ายยอมก้มหัวเอง มอบศุภโชคบนตัวออกมาแต่โดยดี ใช้สิ่งนี้ไถ่โทษก็เท่านั้น”

อริยะเมี่ยวหวาแม้รูปโฉมงามสง่าแต่กลับยโสและอำมหิตยิ่งกว่าอริยะคนอื่นๆ ถ้อยคำเปี่ยมด้วยความดูแคลน กำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหลินสวิน

“สยบ!”

อริยะเต้าคุนตะโกนลั่น ฝ่ามือหนึ่งตะปบลงมา พาให้ฟ้าถล่มดินทลาย

พลังผนึกต้องห้ามถูกซัดทลาย เจดีย์สมบัติไร้อักษรถูกสะเทือนถอย หลินสวินจวนจะถูกสยบสิ้นอยู่รอมร่อ ก็เห็นกลางฝ่ามือเขาพลันปรากฏขวดหยกมันแพะใบหนึ่ง ปากขวดพ่นประกายแสงลุกโชนออกมา

ตูม!

ห้วงอากาศปั่นป่วนทันตา ประหนึ่งภูเขาถล่มคลื่นยักษ์ซัดโหม

แต่ด้วยการโจมตีนี้ หลินสวินกลับโจมตีชนะพลังสยบครั้งนี้ได้อย่างหวุดหวิด แถมยังทำให้อริยะเต้าคุนที่ลงมือถูกโจมตีกลับ ร่างสะท้านวูบอย่างจัง

อะไรน่ะ!?

ทุกคนต่างพากันตกใจยกใหญ่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นกะทันหันยิ่ง เพียงแค่มดตัวเดียว ถึงกับมีปัญญาตอบโต้อริยะได้เชียว

แต่จากนั้นสายตาของอริยะทั้งหกเปลี่ยนเป็นทอประกายลุกวาว

“เป็นขวดหยกมันแพะใบนั้น!”

“สมบัติอริยะที่อัศจรรย์ยิ่ง มองจากไกลๆ ความมหัศจรรย์แห่งพลังที่บรรจุในขวดใบนี้ถึงขั้นที่ทำให้ข้ายังรู้สึกใจเต้นรัว!”

พวกเขาล้วนดูออก การโจมตีของหลินสวินก่อนหน้านี้มาจากขวดหยกมันแพะในมือเขานั่นเอง!

นี่ เป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ทุกท่าน ของอื่นๆ ข้าไม่ต้องการแล้ว ขอเพียงขวดหยกมันแพะใบนี้เท่านั้น!” เสียงฟางหลิงซู่เจือความฮึกเหิมอันหาได้ยาก

ทุกคนต่างดูออกว่าขวดนี้อัศจรรย์อย่างที่สุด มูลค่าประเมินไม่ได้ อาศัยเพียงสมบัติชิ้นนี้ก็ทำให้มดตัวหนึ่งเปลี่ยนร้ายเป็นดี เอาชีวิตรอดได้ คาดไม่ถึงยิ่งยวด

“เฮอะ! อาศัยความสามารถของแต่ละคนเถิด!”

ยามเอ่ยคำ อริยะอวี่หมิงได้พุ่งโจมตีแล้ว เห็นได้ชัดว่าความกร้าวแกร่งน่าสะพรึงยิ่งกว่าเมื่อครู่

เวาเดียวกันนั้นคนอื่นๆ ก็พากันโจมตี แย่งกันเป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครมัวอืดอาด

บางคนสยบหลินสวิน ด้วยหมายตานัยเร้นลับของค่ายกลวัฏจักรดาราในมือของเขา

บางคนกลับเข้าไปเพื่อแย่งเจดีย์สมบัติไร้อักษร

และบางคนก็หมายแย่งขวดมหามรรคไร้ขอบเขต

สิ่งนี้พาให้หลินสวินตกที่นั่งลำบาก อันตรายถึงชีวิตในชั่วแล่น!

พลังของอริยะคนหนึ่งก็น่าหวาดกลัวจนไม่อาจเทียบเทียมแล้ว นับประสาอะไรกับการร่วมมือกันของอริยะหกคน

ปึง!

หลินสวินบาดเจ็บสาหัส ร่างลอยคว้าง เลือดสดย้อมร่างแดงฉาน กระดูกแตกหัก ผิวหนังล้วนเป็นรอยฉีกแตก

อาการบาดเจ็บระดับนี้ สาหัสสากรรจ์ถึงที่สุด!

ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดเห็นเช่นนี้ จิตใจล้วนห้อยต่องแต่ง ตระหนักได้ว่าการต่อสู้ที่ไร้กังขาครั้งนี้เกรงว่าจวนจะปิดฉากลงตรงนี้แล้ว

ต่อให้เทพมารหลินโดดเด่นชวนทึ่งมากเพียงใด แต่ภายใต้อานุภาพของอริยะ ก็แพ้ไม่เป็นท่าปานมดตัวหนึ่ง ย่อมถูกสำเร็จโทษอย่างแน่นอน!

และราคาที่เขาต้องจ่ายสำหรับผลลัพธ์นี้ ก็คือศุภโชคและสมบัติบนตัว!

แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน ระหว่างที่เจ็บหนักปางตาย หลินสวินยังคงไม่ยอมก้มหัว ทั่วร่างเขาชโลมด้วยเลือด นัยน์ตาดำสะท้อนเปลวเพลิงแห่งความเดือดดาลไร้สิ้นสุด น้ำเสียงแหบพร่ากล่าวขาดๆ หายๆ “เดรัจฉานอย่าง… พวกเจ้า… ความอัปยศในวันนี้… ภายหน้าข้าหลินสวินจะ… เอาคืนสิบเท่า!!”

น้ำเสียงฉายความเคียดแค้นไร้ที่สิ้นสุดสะเทือนฟ้าดิน!

ทั่วลานเงียบกริบ จากนั้นอริยะทั้งหกต่างหัวเราะเสียงเย็น ฟางหลิงซู่ยิ่งกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าไร้หนทางรอดแล้ว ไหนเลยยังจะมีโอกาสแก้แค้นในภายหน้าอยู่อีก! บอกเจ้าให้ วันนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนโผล่มา ก็ไม่อาจช่วยชีวิตเจ้าไว้ได้!”

“เช่นนั้นหรือ” เสียงแผ่วเบาสายหนึ่งดังขึ้น เสียงไม่ดังนัก แต่กลับสะท้อนไปทั่วสี่ทิศแปดด้านทันที สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!

กลางห้วงอากาศ ไม่รู้ว่ามีแสงรัศมีรุ้งวิเศษสายแล้วสายเล่าร่วงหล่นลงมาตั้งแต่เมื่อไร

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1093 อับจนหนทาง?

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1093 อับจนหนทาง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เดรัจฉานเฒ่า ใช้พลังระดับอริยะแสดงพฤติกรรมเดรัจฉาน เจ้ายังมีหน้ามาพูดถ้อยคำหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้อีก!”

นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ เพลิงโทสะสุมทรวง

เขาไม่อาจประนีประนอม และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้จับโดยลดี เพราะการก้มหัว สิ่งที่แลกมานั้นย่อมเป็นความอัปยศที่มากยิ่งกว่าเดิม รวมถึงความตายอย่างแน่นอน!

เจ้าเฒ่าพวกนี้ล้วนลงมือโดยไม่สนศักดิ์ศรี หากไม่ฆ่าตนมีหรือจะพอใจ!

“ฮ่าๆ ปากคมจัดจ้าน แค่มดปลวกตัวเล็กจ้อยตัวเดียว คิดว่าหยิบยืมพลังผนึกต้องห้ามแล้วจะสามารถยืนหนึ่งใต้หล้าได้หรือ ยังห่างไกลลิบลับ!”

เวลานี้อริยะเซวี่ยถูทนไม่ไหวแล้ว ชิงลงมือก่อน ตบหนึ่งฝ่ามือลงมาผ่านระยะทางไกลโพ้นที่ขวางกั้นนี้ ราวกับผู้อาวุโสสั่งสอนลูกหลานที่ไม่อยู่ในโอวาท ข่มขวัญกดหัว เจือกลิ่นอายหมิ่นแคลนไม่รู้จบ

“สหายยุทธ์ เจ้าช้าก่อน บนตัวมดตัวน้อยนี่ยังมีศุภโชคอยู่ อย่าเพิ่งรีบเอาถึงตาย!” เต้าคุนและเมี่ยวหวาต่างลุกลนโพล่งออกมา ดูเหมือนหวังดี แต่ความเป็นจริงเจตนามุ่งร้ายอย่างยิ่ง

ตูม!

หลินสวินควบคุมพลังผนึกต้องห้าม เริ่มลงมือต้านทาน

ชั่วพริบตาประกายดาราดั่งกระแสน้ำ ประกายแสงและเกลียวคลื่นนานัปการพุ่งทะยานขึ้นไปพร้อมกัน สกัดกั้นการโจมตีครั้งนี้เอาไว้

เหนือความคาดหมาย พอเห็นภาพนี้กลับทำให้เหล่าอริยะพากันตาลุกวาว กล่าวว่า “เจ้าเด็กนี่สามารถขับเคลื่อนพลังผนึกต้องห้ามของทะเลหมากดาราได้จริงๆ ด้วย นี่ไม่ใช่ว่าหากจับเขาได้ ก็จะได้รับเคล็ดวิชาควบคุมผนึกต้องห้ามทะเลหมากดาราหรือ”

ทะเลหมากดาราถูกค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราปกคลุม นับแต่อดีตจนปัจจุบัน แม้แต่อริยะผลีผลามบุกเข้าไปในนั้นก็ยังต้องประสบภัยอันตราย

แต่ถ้าหากสามารถควบคุมปริศนาของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราได้… นั่นก็เท่ากับควบคุมค่ายกลต้องห้ามสูงสุดอย่างหนึ่งได้เชียว!

เหล่าอริยะใจเต้นโครมครามทันที ยิ่งคิดก็ยิ่งชอบใจ รู้ดียิ่งว่าคุณค่าของการควบคุมค่ายกลต้องห้ามสูงสุดเช่นนี้มีมากมายเพียงใด!

“คุกเข่าลง!” ฟางหลิงซู่แค่นเสียงเย็น มือใหญ่ผอมแห้งเหี่ยวย่นยื่นออก กดสยบหลินสวินผ่านห้วงอากาศ เสมือนภูเขาเทพที่เคลื่อนย้ายมาเยือน หมายจะบีบบังคับให้หลินสวินคุกเข่าลงกับพื้น

“ไสหัวไป!”

หลินสวินตะโกนลั่น ประกายดาราไร้ที่สิ้นสุดโผล่ขึ้นจากผิวทะเล พลุ่งพล่านพลิกตลบ ครอบฟ้าบดบังตะวัน

เสียงสะเทือนยิ่งใหญ่ดังขึ้นหนึ่งครา เบื้องหน้าหลินสวินกรีดก้องไม่หยุด พลังน่าสะพรึงกำลังปะทะกันและกัน หากไม่ใช่เพราะร่างของเขาอยู่ภายใต้การกำบังของเกลียวคลื่นผนึกต้องห้าม เขาคงถูกสยบกดลงกับพื้นอย่างแน่นอน

“สหายยุทธ์ฟาง เจ้าระห่ำเช่นนี้ หากเผลอไปสังหารเจ้ามดนี่เข้าจะทำอย่างไร ข้าไม่อยากให้เจ้าเด็กนี่ตายทั้งอย่างนี้หรอกนะ ถึงแม้ชีวิตของเขาจะต้อยต่ำ แต่ศุภโชคบนตัวเขาล้ำค่ายิ่งนัก”

กลางห้วงอากาศ อริยะฝูหยาเอ่ยปากเนิบนาบ เงาร่างเขาเลือนราง ลวงตาพร่ามัว ประหนึ่งไม่มีตัวตนอยู่บนโลก แต่คำพูดกลับดูหมิ่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เพลิงโทสะในใจหลินสวินกำลังคุโชน อดหัวเราะเสียงเย็นไม่ได้ “อริยะขี้หมูขี้หมาอะไร ข้าดูแล้วก็แค่เดรัจฉานเฒ่ากลุ่มหนึ่งที่สมควรโดนพันดาบหมื่นแล่!”

“มดก็คือมด ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”

เหล่าอริยะต่างสีหน้าเรียบเฉย ไม่ไหวติง

ตูม!

อริยะอวี่หมิงลงมือแล้ว รวบนิ้วกดจุดหนึ่งกลางห้วงอากาศ

ทันใดนั้นพลังดรรชนีพลันควบรวม เปี่ยมด้วยพลังกฎระเบียบอริยมรรค พุ่งไปทางหว่างคิ้วของหลินสวินประหนึ่งนิ้วเดียวทะลวงฟ้า

ตูม!

ภาพน่าสะพรึงอุบัติขึ้น พลังผนึกต้องห้ามของทะเลหมากดาราไม่อาจสกัดกั้นไหว ถูกพลังดรรชนีสายนั้นแหวกออกอย่างง่ายดายปานหักทำลายหญ้าแห้งไม้ผุ!

หลินสวินไม่ลังเลสักนิด เรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรมากำบังอยู่เบื้องหน้า ตัวเจดีย์มีรัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์ทองอร่ามไหลเวียน แผ่ไพศาลและเจิดจ้า

ท้ายที่สุดถึงแม้ดรรชนีนี้จะถูกสกัดเอาไว้ แต่หลินสวินกลับถูกโจมตี เลือดลมทั่วร่างปั่นป่วน อึดอัดจนแทบกระเลือด

เขาลอบทอดถอนใจในใจ อย่างมากที่สุดเขาทำได้เพียงหยิบยืมพลังไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนของค่ายกลวัฏจักรดารา ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานพลังของอริยะทั้งหกได้

ยิ่งกว่านั้นอริยะเหล่านี้ยังเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด ไม่ได้เข้าสู่ทะเลหมากดาราสักนิด เมื่อเป็นเช่นนี้แม้หลินสวินอยากหยิบยืมค่ายกลนี้โจมตีกลับ ก็เห็นได้ชัดว่าพลังไม่เพียงพอ

ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ก็เพราะเขาประเมินความอดทนของขุมอำนาจเหล่านั้นสูงไป จนส่งผลให้สันนิษฐานผิดพลาด คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าเพื่อจัดการกับตน อีกฝ่ายจะส่งอริยะหกคนออกโรงอย่างไม่เสียดาย!

“เป็นเจดีย์สมบัติองค์นั้น!”

หน้าชายฝั่งทะเล เหล่าอริยะตาลุกวาว

“โอ้ น่าทึ่งนัก สร้างจากเหล็กเทพศุภโชคจริงๆ ด้วย แม้จะอยู่ในยุคบรรพกาลก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติชั้นสูงในหมู่ชั้นสูง มูลค่าประเมินไม่ได้!”

“ดีๆๆ! ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียแรงเปล่า!”

พวกฟางหลิงซู่ต่างรู้สึกปิติยินดี มองหลินสวินราวกับไร้ตัวตน ความคิดทั้งหมดล้วนไปอยู่ที่ศุภโชคและสมบัติในมือหลินสวินทั้งสิ้น

นี่เป็นการดูเบาอย่างที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย ในสายตาอริยะ แม้หลินสวินจะขึ้นเป็นที่หนึ่งในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ แต่กลับเทียบชั้นไม่ติดกับศุภโชคและสมบัติในมือเขา ที่ดึงดูดยิ่งกว่า

“อย่าชักช้าเลย ลงมือพร้อมกันสยบเจ้าเด็กนี่!”

อริยะเมี่ยวหวานัยน์ตาลุกโชน เริ่มจะอดใจไม่ไหวแล้ว เกรงว่ายิ่งนานไปอาจมีเหตุเปลี่ยนแปลงไม่คาดฝัน แทบทนไม่ไหวอยากตัดสินชะตาชีวิตหลินสวินเสียเดี๋ยวนี้

ตูม!

ชั่วขณะนี้เหล่าอริยะล้วนลงมือผ่านทะเลหมากดาราที่ขวางกั้น มือใหญ่สายแล้วสายเล่าร่วงหล่นกดอัดลงมาทางหลินสวิน

พลังค่ายกลวัฏจักรดารากำลังกู่ก้อง ปรากฏระลอกคลื่นประกายดาราน่าสะพรึง แหวกทึ้งห้วงอากาศ ต้านทานฝ่ามือใหญ่เหล่านี้

พรวด!

เพียงชั่วขณะเท่านั้นหลินสวินก้ถูกซัดสะเทือนจนกระอักเลือกอย่างหนัก ร่างเกือบแหลกกระจุยคาที่

แม้ค่ายกลวัฏจักรดาราจะเหนือธรรมดา แต่ไหนเลยจะสามารถสกัดกั้นการโจมตีร่วมกันของอริยะทั้งหกได้ แม้ยังมีเจดีย์สมบัติไร้อักษรคอยกำบัง ก็ยังทำให้หลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี

สวบ!

หลินสวินกลายรางเป็นแสงเคลื่อนสายหนึ่ง พุ่งปราดไปยังส่วนลึกยิ่งกว่าของทะเลหมากดาราอย่างรวดเร็ว

แต่การขัดขืนเช่นนี้ย่อมเสียแรงเปล่า เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เส้นทางเบื้องหน้าก็ถูกตัดขาด พาให้หลินสวินไม่เหลือทางให้ถอย!

บนชายฝั่งทะเล บรรดาอริยะต่างเรียบเฉยยิ่ง สีหน้านิ่งสนิท ไม่กลัวหลินสวินหนีไปสักนิด เพราะพลังของพวกเขาได้ล้อมกรอบไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่แรกแล้ว

……

บริเวณห่างไกลออกไปอีก บรรดาผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้อยู่ในมุมมืดต่างลอบทอดถอนใจ พลังนั่นยิ่งใหญ่มหาศาลเกินไป เทพมารหลินคนนั้นย่อมประสบเคราะห์อย่างแน่นอน

เมื่ออริยะออกโรง ทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ ผู้ใดเล่าจะต่อสู้ประจันบาญ

“ไม่เคยผงาดง้ำ เป็นได้เพียงส่องแสงชั่วครู่ชั่วยามแล้วร่วงหล่นลง” บางคนพึมพำกับตัวเอง

“น่าเสียดายนัก ด้วยศักยภาพของเด็กนี่ หากสามารถรอจนถึงมหายุคมาเยือน ย่อมบรรลุมรรคาเหนือธรรมดาแน่ กลับคาดไม่ถึงว่าจะสิ้นชีพอยู่ที่นี่ สวรรค์ริษยาผู้กล้ามากความสามารถจริงๆ!” บางคนทอดถอนใจ

“ในโลกที่สำนักโบราณตั้งเรียงราย หากอยากผงาดง้ำเพียงลำพัง ยากนัก!” บางคนปลงอนิจจัง

อาหลู่ไม่ได้ถูกนักพรตเฒ่ามอมแมมคนนั้นพาตัวจากไป หากแต่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ยามเห็นภาพนี้เข้าก็เดือดดาลทันที ร้องตะโกนว่า “เจ้าเฒ่าสารเลว นั่นคือพี่ใหญ่ของข้า จนป่านนี้แล้วสรุปว่าเจ้าแม่งจะช่วยหรือไม่ช่วยกันแน่”

นักพรตเฒ่ามอมแมมตบเข้าที่กระหม่อมอาหลู่หนึ่งฉาด กล่าวว่า “รับเป็นพี่ใหญ่แล้ว? ผ่านการเห็นชอบจากข้าหรือยัง ไม่ได้ความ! หยุดถลึงตาเสียที จะบอกเจ้าให้ ครั้งนี้เจ้าได้ชมละครสนุกๆ แล้ว!”

อาหลู่เดือดดาลเหมือนวัวคลั่ง ไม่ฟังคำทัดทานแม้แต่น้อย แต่ไม่ว่าเขาจะขัดขืนอย่างไรก็ย่างเท้าไม่ออกสักก้าว ถูกกักขังอยู่ตรงนั้น แม้แต่คำพูดก็ยังเอ่ยออกมาไม่ได้อีกต่อไป

เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่ามอมแมมรู้ดีถึงฤทธิ์เดชความปากร้ายของอาหลู่ จึงปิดผนึกริมฝีปากของเขาตั้งแต่แรก

‘ทำไมกันนะ จากการสันนิษฐาน ภายในเขตหวงห้ามไร้มรณะด้านหลังทะเลหมากดาราไม่น่าจะมองดูเด็กคนนี้ถูกฆ่าตาปริบๆ สิ! ยิ่งกว่านั้นเด็กนี่ยังสามารถใช้ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราได้อีกด้วย น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเฒ่าบ้าในปีนั้น เหตุใด… สถานการณ์พลิกผันแล้วยังไม่โผล่มาอีก’

นักพรตเฒ่ามอมแมมขมวดคิ้ว รีบอนุมานในใจอย่างเร่งด่วน สถานการณ์อันตรายเบื้องหน้าพาให้เขาเริ่มไม่เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

……

ตูม!

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป มือใหญ่ข้างหนึ่งพาดขวางกดห้วงอากาศลงมา อริยะเมี่ยวหวาลงมือ ฝ่ามือขาวเจิดจ้ารายล้อมด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผานภา ซัดหลินสวินลอยคว้างกระอักเลือดคำโต

“มดยังรั้นขโมยชีวิต เจ้าหนุ่ม ไยต้องขัดขืนอย่างขมขื่นด้วย จะบอกเจ้าให้ว่าหากพวกข้าอยากสังหารเจ้า ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเช่นนี้สักนิด เหตุที่ทำเช่นนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากให้เจ้าเป็นฝ่ายยอมก้มหัวเอง มอบศุภโชคบนตัวออกมาแต่โดยดี ใช้สิ่งนี้ไถ่โทษก็เท่านั้น”

อริยะเมี่ยวหวาแม้รูปโฉมงามสง่าแต่กลับยโสและอำมหิตยิ่งกว่าอริยะคนอื่นๆ ถ้อยคำเปี่ยมด้วยความดูแคลน กำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหลินสวิน

“สยบ!”

อริยะเต้าคุนตะโกนลั่น ฝ่ามือหนึ่งตะปบลงมา พาให้ฟ้าถล่มดินทลาย

พลังผนึกต้องห้ามถูกซัดทลาย เจดีย์สมบัติไร้อักษรถูกสะเทือนถอย หลินสวินจวนจะถูกสยบสิ้นอยู่รอมร่อ ก็เห็นกลางฝ่ามือเขาพลันปรากฏขวดหยกมันแพะใบหนึ่ง ปากขวดพ่นประกายแสงลุกโชนออกมา

ตูม!

ห้วงอากาศปั่นป่วนทันตา ประหนึ่งภูเขาถล่มคลื่นยักษ์ซัดโหม

แต่ด้วยการโจมตีนี้ หลินสวินกลับโจมตีชนะพลังสยบครั้งนี้ได้อย่างหวุดหวิด แถมยังทำให้อริยะเต้าคุนที่ลงมือถูกโจมตีกลับ ร่างสะท้านวูบอย่างจัง

อะไรน่ะ!?

ทุกคนต่างพากันตกใจยกใหญ่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นกะทันหันยิ่ง เพียงแค่มดตัวเดียว ถึงกับมีปัญญาตอบโต้อริยะได้เชียว

แต่จากนั้นสายตาของอริยะทั้งหกเปลี่ยนเป็นทอประกายลุกวาว

“เป็นขวดหยกมันแพะใบนั้น!”

“สมบัติอริยะที่อัศจรรย์ยิ่ง มองจากไกลๆ ความมหัศจรรย์แห่งพลังที่บรรจุในขวดใบนี้ถึงขั้นที่ทำให้ข้ายังรู้สึกใจเต้นรัว!”

พวกเขาล้วนดูออก การโจมตีของหลินสวินก่อนหน้านี้มาจากขวดหยกมันแพะในมือเขานั่นเอง!

นี่ เป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ทุกท่าน ของอื่นๆ ข้าไม่ต้องการแล้ว ขอเพียงขวดหยกมันแพะใบนี้เท่านั้น!” เสียงฟางหลิงซู่เจือความฮึกเหิมอันหาได้ยาก

ทุกคนต่างดูออกว่าขวดนี้อัศจรรย์อย่างที่สุด มูลค่าประเมินไม่ได้ อาศัยเพียงสมบัติชิ้นนี้ก็ทำให้มดตัวหนึ่งเปลี่ยนร้ายเป็นดี เอาชีวิตรอดได้ คาดไม่ถึงยิ่งยวด

“เฮอะ! อาศัยความสามารถของแต่ละคนเถิด!”

ยามเอ่ยคำ อริยะอวี่หมิงได้พุ่งโจมตีแล้ว เห็นได้ชัดว่าความกร้าวแกร่งน่าสะพรึงยิ่งกว่าเมื่อครู่

เวาเดียวกันนั้นคนอื่นๆ ก็พากันโจมตี แย่งกันเป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครมัวอืดอาด

บางคนสยบหลินสวิน ด้วยหมายตานัยเร้นลับของค่ายกลวัฏจักรดาราในมือของเขา

บางคนกลับเข้าไปเพื่อแย่งเจดีย์สมบัติไร้อักษร

และบางคนก็หมายแย่งขวดมหามรรคไร้ขอบเขต

สิ่งนี้พาให้หลินสวินตกที่นั่งลำบาก อันตรายถึงชีวิตในชั่วแล่น!

พลังของอริยะคนหนึ่งก็น่าหวาดกลัวจนไม่อาจเทียบเทียมแล้ว นับประสาอะไรกับการร่วมมือกันของอริยะหกคน

ปึง!

หลินสวินบาดเจ็บสาหัส ร่างลอยคว้าง เลือดสดย้อมร่างแดงฉาน กระดูกแตกหัก ผิวหนังล้วนเป็นรอยฉีกแตก

อาการบาดเจ็บระดับนี้ สาหัสสากรรจ์ถึงที่สุด!

ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดเห็นเช่นนี้ จิตใจล้วนห้อยต่องแต่ง ตระหนักได้ว่าการต่อสู้ที่ไร้กังขาครั้งนี้เกรงว่าจวนจะปิดฉากลงตรงนี้แล้ว

ต่อให้เทพมารหลินโดดเด่นชวนทึ่งมากเพียงใด แต่ภายใต้อานุภาพของอริยะ ก็แพ้ไม่เป็นท่าปานมดตัวหนึ่ง ย่อมถูกสำเร็จโทษอย่างแน่นอน!

และราคาที่เขาต้องจ่ายสำหรับผลลัพธ์นี้ ก็คือศุภโชคและสมบัติบนตัว!

แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน ระหว่างที่เจ็บหนักปางตาย หลินสวินยังคงไม่ยอมก้มหัว ทั่วร่างเขาชโลมด้วยเลือด นัยน์ตาดำสะท้อนเปลวเพลิงแห่งความเดือดดาลไร้สิ้นสุด น้ำเสียงแหบพร่ากล่าวขาดๆ หายๆ “เดรัจฉานอย่าง… พวกเจ้า… ความอัปยศในวันนี้… ภายหน้าข้าหลินสวินจะ… เอาคืนสิบเท่า!!”

น้ำเสียงฉายความเคียดแค้นไร้ที่สิ้นสุดสะเทือนฟ้าดิน!

ทั่วลานเงียบกริบ จากนั้นอริยะทั้งหกต่างหัวเราะเสียงเย็น ฟางหลิงซู่ยิ่งกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าไร้หนทางรอดแล้ว ไหนเลยยังจะมีโอกาสแก้แค้นในภายหน้าอยู่อีก! บอกเจ้าให้ วันนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนโผล่มา ก็ไม่อาจช่วยชีวิตเจ้าไว้ได้!”

“เช่นนั้นหรือ” เสียงแผ่วเบาสายหนึ่งดังขึ้น เสียงไม่ดังนัก แต่กลับสะท้อนไปทั่วสี่ทิศแปดด้านทันที สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!

กลางห้วงอากาศ ไม่รู้ว่ามีแสงรัศมีรุ้งวิเศษสายแล้วสายเล่าร่วงหล่นลงมาตั้งแต่เมื่อไร

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+