Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1121 ลับมีดครืดคราดรอน้ำแกงงู

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1121 ลับมีดครืดคราดรอน้ำแกงงู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมีเหิงเจินหวนกลับมา ไม่ว่าการต่อสู้ของเขากับไป๋หลงถิงจะแพ้ชนะก็ต่างทำให้คนวางใจ

แต่การมาของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงกลับทำให้บนเขาวิญญาณพันกระแสปกคลุมด้วยเมฆสลัวชั้นหนึ่ง พาให้ในใจทุกคนต่างสั่นสะท้าน

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ทันทีที่มาถึงก็เผยไอสังหารไร้สิ้นสุด!

“ไสหัวออกมา… !”

เสียงตวาดเยียบเย็นนี้ยังสะท้อนก้อง ทำให้ฟ้าดินอลหม่าน ก้อนหินต้นไม้ปริแตก ทำให้แก้วหูผู้ฝึกปราณมากมายเกือบฉีกขาด เลือดลมตีกลับ

ร่างต้นของจินเซี่ยวหมิงยืนเฉยชาบนอากาศ ชุดโลหิต ผมทอง นัยน์ตามรกต ประดุจเทพสังหารองค์หนึ่งกำลังเหลือบแลโลกหล้าจากเบื้องบน

ความจริงทันทีที่มาถึงเขาก็ได้รับการติดต่อจากร่างแยก รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเขาวิญญาณพันกระแสนี้แล้ว

นี่ทำให้เขาหันสายตามรกตไปยังหลินสวินทันที

ขณะเดียวกันฉีชงโต้วก็สื่อจิตเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแก่หมีเหิงเจิน

จากนั้นหมีเหิงเจินก็มองไปยังหลินสวินเช่นกัน ในแววตาเผยความชื่นชมอย่างไม่มีปกปิด รวมถึงใคร่รู้ด้วย

เทพมารหลิน!

ชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาหลายครั้ง และเมื่อได้พบกันยามนี้ก็ทำให้เขามีความรู้สึกว่าภายใต้ชื่อเสียงหาได้ไร้ความจริงทันที

กล้าท้าทายกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ แค่จุดนี้หมีเหิงเจินก็รู้สึกประทับใจในตัวหลินสวินแล้ว

ขณะเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแววตาที่มาจากหมีเหิงเจินและร่างต้นของจินเซี่ยวหมิง

เผชิญหน้ากับไอสังหารที่ไม่ปกปิดของร่างต้นจินเซี่ยวหมิง หลินสวินสีหน้าราบเรียบ เหลือบมองร่างแยกที่ถูกคุมตัวกับพื้นข้างๆ วูบหนึ่ง

จากนั้นเขาถึงกล่าว “หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่ฆ่าเขาเพราะไม่กล้ารึ”

ร่างแยกของจินเซี่ยวหมิงเดิมกำลังลิงโลด คิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลินสวินก็เย็นวาบไปทั้งตัวทันที

ขณะเดียวกันสีหน้าร่างต้นจินเซี่ยวหมิงบนเวิ้งฟ้าพลันแปรเปลี่ยน ตวาดลั่นทันใด “เจ้ากล้า!”

หลินสวินยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือตบออกไป

ปึง!

ศีรษะของร่างแยกจินเซี่ยวหมิงถูกซัดละเอียดโดยตรง รวมถึงพลังจิตเสี้ยวหนึ่งในร่างก็ถูกกำจัดไปด้วย!

ซ่า…

ฝนโลหิตสาดพรม ผู้ฝึกปราณในที่นั้นล้วนถูกทำให้ตระหนก ดวงตาเบิกกว้างยากจะเชื่อ ถึงกับสังหารร่างแยกต่อหน้าจินเซี่ยวหมิง

วิธีการเช่นนี้ช่างเผด็จการและสะท้านใจคนเหลือเกิน!

แม้แต่หมีเหิงเจินก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ในดวงตามีความประหลาดใจและชื่นชม

แต่สีหน้าของจินเซี่ยวหมิงกลับเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูหาใดเปรียบทันที

สูญเสียร่างแยกหนึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อร่างต้นเขาเท่าไรนัก แต่การที่ร่างแยกถูกสังหารต่อหน้าต่อตาเช่นนี้กลับทำให้จินเซี่ยวหมิงรู้สึกถึงการยั่วยุอย่างถึงที่สุด!

ตูม!

พลานุภาพทั่วร่างเขาเปลี่ยนเป็นน่ากลัวในพริบตา ชุดโลหิตส่งเสียงสะบัด แสงเขียวเจิดจรัสแสบตาพวยพุ่งครอบคลุมตัวเขาไว้ภายใน

“เจ้านี่รนหาที่ตาย!”

จินเซี่ยวหมิงกล่าวเน้นทีละคำ ผมทองทั้งศีรษะแผ่สยาย อานุภาพชวนประหวั่นนั่นทำให้ฟ้าดินแถบนี้พลันมืดลง ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างรู้สึกหายใจลำบาก

ไม่ว่าใครก็มองออก พลานุภาพของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงแข็งแกร่งกว่าร่างแยกของเขาอยู่มาก!

ทว่าหลินสวินกลับราวไม่รู้สึกอะไร เอ่ยสั่งราบเรียบ “เจ้าคางคก เจ้านำงูตายตัวนี้ไปชำแหละ อาหลู่เจ้าเตรียมหม้อ ประเดี๋ยวตุ๋นน้ำแกงงูราชันทองคำสักหม้อให้สหายยุทธ์ทุกคนในที่นี้ได้ลองชิม”

“ได้เลย!” เจ้าคางคกรับคำอย่างยินดี

“เชื่อมือข้าเถอะ” อาหลู่ตบอกยิงฟันกล่าว

“เจ้า เจ้า ยังมีเจ้า ต้องตายให้หมด!”

จินเซี่ยวหมิงโกรธจนแสงเขียวในดวงตาสาดฉาย สะกดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งทะยานลงมาจากเวิ้งฟ้า ขณะโบกมือรุ้งเทพเขียวหยาบใหญ่ราวน้ำตกสายหนึ่งก็ทิ้งตัวลง

ตูม!

ห้วงอากาศแยกออกจากกัน รุ้งเทพสีเขียวนั่นประหนึ่งไม่อาจทัดเทียม

“คิดฆ่าคน ผ่านความเห็นข้าหรือยัง”

เงาร่างหมีเหิงเจินพลันพริบไหว มือใหญ่วาดไปมากลางอากาศราวเฉือนตัดหยินหยาง ปรากฏลวดลายกลมเกลี้ยง สุริยันจันทราเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน

วู้ม…

ลวดลายวงตะวันจันทราโคจรแผ่วเบาบนห้วงอากาศ ลบล้างรุ้งเทพเขียวสายนั้นจนไม่เหลือร่องรอย

นัยน์ตาดำของหลินสวินเป็นประกาย หมีเหิงเจินจู่โจมเพียงคราเดียวก็เผยฝีมือการต่อสู้ที่โดดเด่นเหนือคนอื่น สมเป็นหนึ่งในบุคคลขอบเขตมกุฎที่แกร่งสุดของยุคปัจจุบัน

“หมีเหิงเจิน การต่อสู้ของเจ้ากับไป๋หลงถิงทำให้เจ้าบาดเจ็บภายในอยู่ก่อนแล้ว ยังคิดต่อสู้กับข้าอีกรึ” จินเซี่ยวหมิงสีหน้าอึมครึม

บาดเจ็บภายใน!

ในใจทุกคนต่างกระตุกวูบไม่กล้าเชื่อ ด้วยดูจากภายนอกแล้วมองไม่ออกว่าหมีเหิงเจินมีร่องรอยบาดเจ็บแม้เพียงเสี้ยว

กลับเห็นหมีเหิงเจินกล่าวเฉยชา “งานชุมนุมพันกระแสนี้ข้าเป็นคนจัด ในฐานะเจ้าภาพ แม้ได้รับบาดเจ็บข้าก็ไม่มีทางมองดูแขกถูกรังแก”

วาจาสบายอารมณ์ แต่เจือเจตจำนงผงาดกร้าวเด็ดขาด!

อิริยาบถของเขาดุจหงส์มังกร สุภาพลุ่มลึก ดูเหมือนคนอ่อนโยน แท้จริงกลับมีความสง่างามไร้เทียมทาน ทันทีที่เผยประกายก็ทำให้ฟ้าดินต่างมืดสลัว

นี่ก็คือหมีเหิงเจิน ผู้นำคนรุ่นเยาว์ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา ทั้งเป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่มีชื่อเสียงมานานหลายปีในเวลาเดียวกัน ความสง่างามเช่นนั้นช่างทำให้คนรู้สึกชื่นชม

“พูดแบบนี้ หากข้าอยากกำจัดเด็กนี่ เจ้าคงไม่เก็บมือเฝ้ามองเฉยๆ?”

สีหน้าจินเซี่ยวหมิงคล้ำเขียวเยียบเย็นหาใดเปรียบ

“ไม่ผิด”

หมีเหิงเจินกล่าวอย่างไม่ลังเล “ครั้งนี้ร่างแยกของเจ้าถือโอกาสช่วงข้าไม่อยู่มาก่อกวนเขาวิญญาณพันกระแส เดิมโทษก็ไม่อาจอภัย ตอนนี้เจ้ายังกล้าประกาศศักดากระทำการชั่วร้าย คิดว่าข้าหมีเหิงเจินเป็นมะพลับนิ่มที่บีบขยำได้ตามใจหรือไร”

พวกฉีชงโต้วต่างตื่นเต้นไม่หยุด เผยสีหน้าเทิดทูน

แม้แต่หลินสวินก็ไม่อาจไม่ยอมรับ แค่เพียงความห้าวหาญและรับผิดชอบนี้ หมีเหิงเจินก็คู่ควรให้เขาเลื่อมใสแล้ว

ทว่าเลื่อมใสส่วนเลื่อมใส ธุระก็ส่วนธุระ

ต่อมาหลินสวินก็ทะยานฟ้าขึ้นไปกล่าว “ข้ารออยู่ที่นี่ก็เพื่อตุ๋นน้ำแกงงูหม้อหนึ่ง ขอพี่หมีช่วยให้สมปรารถนา ให้ข้าได้สังหารหนอนยักษ์นี่”

หนอนยักษ์…

ได้ยินคำเรียกเช่นนี้สีหน้าทุกคนต่างแปลกพิกลอยู่บ้าง

หมีเหิงเจินก็เช่นกัน ออกจะมองหลินสวินอย่างอึ้งงันวูบหนึ่ง คล้ายถูกความกล้าของเขาทำเอาตระหนก จากนั้นจึงกลั้นขำกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ยุ่งแล้ว”

พูดจบเขาก็หลีกทางให้

“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ…”

เวลานี้จินเซี่ยวหมิงโกรธจัดจนหัวเราะ ตั้งแต่ปรากฏตัวบนโลกถึงตอนนี้เขาเพิ่งเคยเจอคนที่กล้าดูหมิ่นศักดิ์ศรีเขาเช่นนี้เป็นครั้งแรก!

ตูม!

เขาคร้านจะพูดมากความอีก ลงมือทันใด ชูมือเรียกทวนยักษ์สีเลือดแหวกผ่านห้วงอากาศดังสนั่น ปลายทวนดั่งมังกรห้อทะยานมาเยือน

ทวนเล่มนี้เผด็จการ เหี้ยมโหด ดุดันอย่างแท้จริง แฝงพลังมหามรรคชวนประหวั่น หนึ่งทวนแทงออกไป แสงโลหิตสะท้านฟ้าดิน

แตกต่างจากพลังต่อสู้ของร่างแยกอย่างแท้จริง!

เพียงพริบตาหลินสวินก็วิเคราะห์ศักยภาพของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงออก ไม่เพียงทรงพลังกว่าร่างแยกขั้นหนึ่ง ยังมอบแรงกดดันยิ่งใหญ่แก่เขาด้วย

ทว่านี่แหละคือสิ่งที่หลินสวินอยากเห็น!

ชิ้ง!

ดาบหักปรากฏกลางอากาศ ขาวกระจ่างดุจหิมะ ส่องประกายราวมายา พลังแก่นมรรคธาตุน้ำครอบคลุมอยู่บนนั้น เผยประกายคมซึ่งไม่มีสิ่งใดต้านทานได้

ยามประลองกับร่างแยกจินเซี่ยวหมิงก่อนหน้านี้ หลินสวินยังไม่เคยใช้สมบัตินี้

ปึง!

ดาบหักและทวนโลหิตปะทะกัน ชั่วพริบตาก็ห้ำหั่นดุเดือดกลางอากาศ แสงดาบราวอสนี เงาทวนทบเป็นชั้นๆ ซัดทลายพยับเมฆทั่วทิศ

นัยน์ตาจินเซี่ยวหมิงพลันหดรัด ทันทีที่ประมือเขาก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน ได้สติจากความเดือดดาล เริ่มโจมตีเต็มกำลัง

ทวนยักษ์สีเลือดถูกเขาโคจรถึงขีดสุด ทุกแห่งที่คมทวนวาดผ่าน ห้วงอากาศล้วนถูกฉีกออกเป็นรอยแยกชวนตะลึง เวิ้งฟ้าถูกย้อมเป็นสีเลือด

ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวยังมีเสียงดั่งทะเลโลหิตคลั่ง เทพผีคำรามสะท้อนก้อง พลานุภาพน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด

ผู้ฝึกปราณในที่นั้นมองจนสับสนตาลาย ความรู้สึกแต่ละคนยากสงบ อานุภาพทรงพลังของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงทำให้พวกเขาต่างรู้สึกประหนึ่งหายใจลำบาก!

เปรียบเทียบกันแล้วร่างแยกของเขาจืดจางกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ไม่แปลกที่จินเซี่ยวหมิงจะกล้าแข็งกร้าวเช่นนี้ ตัวคนเดียวลงมือบนเขาวิญญาณพันกระแสนี้โดยไม่หวั่นเกรงหมีเหิงเจิน หมายสังหารเทพมารหลินล้างความอัปยศ

หมีเหิงเจินสีหน้าจริงจังจับจ้องการต่อสู้เขม็ง แน่นอนว่าเขามองความแข็งแกร่งของจินเซี่ยวหมิงออก เป็นถึงยักษ์ใหญ่ในหมู่บุคคลขอบเขตมกุฎ ย่อมไม่ใช่แข็งแกร่งแบบทั่วๆ ไปแน่

เขาเตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อแล้ว

งานชุมนุมพันกระแสนี้เขาเป็นคนจัด เซียวชิงเหอที่เชิญหลินสวินมาครานี้ก็เป็นศิษย์น้องของเขา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่มีทางยอมให้ความเป็นไปได้ที่หลินสวินจะถูกสังหารเกิดขึ้นแน่

เพียงแต่…

ไม่ทันไรหมีเหิงเจินก็ค้นพบอย่างประหลาดใจ ว่าภายใต้การต่อสู้ดุเดือดกับจินเซี่ยวหมิง หลินสวินกลับพอฟัดพอเหวี่ยง อีกทั้งความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ยังทำให้เขารู้สึกเกินคาดหมาย

‘เจ้าเด็กนี่เป็นคนรุ่นเดียวกับศิษย์น้องเซียวชิงเหอชัดๆ แต่ความเชี่ยวชาญบนมกุฎมรรคาเห็นชัดว่าถึงอยู่ในระดับบรรลุสูงสุดแล้ว นี่เทียบกับยอดมกุฎรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในอดีตแล้วแข็งแกร่งกว่ามาก ถึงขั้นที่ต่อให้เข้าร่วมการประลองกระดานดาราสี่แดนวิภูก็น่าจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งได้…’

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของหมีเหิงเจินพริบตาเดียวก็วินิจฉัยออก ว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินมีเกินกว่าขอบเขตของยอดมกุฎรุ่นเยาว์นานแล้ว ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไม่หยุด

‘ก็ไม่แปลกที่ศิษย์น้องเซียวชิงเหอจะชื่นชมและยกย่องเขาเช่นนี้ บุคคลเช่นนี้คืออัจฉริยะโดดเด่นที่นับนิ้วได้ในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งใต้หล้าจริงๆ’

หมีเหิงเจินทอดถอนใจอยู่ภายในใจไม่หยุด

หากว่ากันจริงจัง เขาและพวกหวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ เยี่ยนจั่นชิว ได้แค่ถือว่าเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเก่า เข้าสู่มรรคก่อน ทั้งอายุยังมากกว่าสามสิบปีแทบทั้งหมด

แต่หลินสวินต่างออกไป เขายังเยาว์วัยนัก จากโลกชั้นล่างจนมาถึงดินแดนรกร้างโบราณเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีเท่านั้น ก็กลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่ใต้หล้าต่างรู้จัก

นี่เห็นได้ว่าไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!

‘มหายุคครั้งนี้หากมีเด็กนี่เข้าร่วม อาจมีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นบ้าง’ หมีเหิงเจินใคร่ครวญ

ตูม!

ใต้เวิ้งฟ้าการต่อสู้ดุเดือดกำลังระอุต่อเนื่อง หลินสวินและจินเซี่ยวหมิงห้ำหั่นกันหลายร้อยกระบวนแล้ว โจมตีใส่กันจนฟ้าดินสลัวสุริยันจันทราหม่นแสง สถานการณ์ต่อสู้รุนแรงหาใดเปรียบ

ว่ากันตามจริงการต่อสู้กับร่างต้นจินเซี่ยวหมิงครั้งนี้ จึงจะถือว่าเป็นการประมือกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณครั้งแรกอย่างแท้จริงของหลินสวิน

สำหรับร่างแยกของจินเซี่ยวหมิง สุดท้ายก็เห็นได้ว่าไม่พอสร้างภัยคุกคาม

จินเซี่ยวหมิงยิ่งสู้ยิ่งตระหนก สีหน้านานเข้าก็ยิ่งครัดเคร่ง ไม่กล้าดูถูกหลินสวินอีก และปฏิบัติต่อเขาอย่างศัตรูที่แข็งแกร่งแห่งยุค

แต่หลินสวินกลับยิ่งสู้ยิ่งอาจหาญ ในดวงตาดำลุกโชนโหมกระหน่ำด้วยจิตต่อสู้!

ไม่ถึงขั้นเจอคู่แข่งที่สูสีกินกันไม่ลง และไม่มีทางเลื่อมใสอีกฝ่ายเด็ดขาด แต่ความทรงพลังของจินเซี่ยวหมิงกลับทำให้หลินสวินฮึกเหิมจริงๆ!

ถึงอย่างไรมาถึงระดับขั้นเช่นเขา คิดอยากเจอคู่ต่อสู้ที่พอจะประลองกันได้สักคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ที่ทำให้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกคือ การประลองมกุฎแห่งยุคเช่นนี้ได้ดึงดูดจิตวิญญาณของทุกคนในที่นั้น แต่กลับมีสองคนที่ผิดแผกไป

คนหนึ่งคือเจ้าคางคกที่กำลังชำแหละร่างงูยักษ์ทองคำยาวพันจั้งตัวหนึ่ง สองมืออาบไปด้วยเลือดราวคนฆ่าสัตว์เชือดเนื้อหมูก็ไม่ปาน การเคลื่อนไหวช่ำชอง ริมฝีปากยังคลอเพลงไปด้วย

อีกคนคืออาหลู่ เขาก่อไฟและตั้งหม้อยักษ์ใบหนึ่งกำลังต้มน้ำ มือเท้าแคล่วคล่องรอวัตถุดิบลงหม้อ

นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณที่เห็นภาพนี้ต่างหมดคำพูดไปพักหนึ่ง จิตใจของเจ้าสองคนนี้ช่างกล้าเสียจริง ไม่ห่วงความปลอดภัยของเทพมารหลินแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1121 ลับมีดครืดคราดรอน้ำแกงงู

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1121 ลับมีดครืดคราดรอน้ำแกงงู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมีเหิงเจินหวนกลับมา ไม่ว่าการต่อสู้ของเขากับไป๋หลงถิงจะแพ้ชนะก็ต่างทำให้คนวางใจ

แต่การมาของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงกลับทำให้บนเขาวิญญาณพันกระแสปกคลุมด้วยเมฆสลัวชั้นหนึ่ง พาให้ในใจทุกคนต่างสั่นสะท้าน

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ทันทีที่มาถึงก็เผยไอสังหารไร้สิ้นสุด!

“ไสหัวออกมา… !”

เสียงตวาดเยียบเย็นนี้ยังสะท้อนก้อง ทำให้ฟ้าดินอลหม่าน ก้อนหินต้นไม้ปริแตก ทำให้แก้วหูผู้ฝึกปราณมากมายเกือบฉีกขาด เลือดลมตีกลับ

ร่างต้นของจินเซี่ยวหมิงยืนเฉยชาบนอากาศ ชุดโลหิต ผมทอง นัยน์ตามรกต ประดุจเทพสังหารองค์หนึ่งกำลังเหลือบแลโลกหล้าจากเบื้องบน

ความจริงทันทีที่มาถึงเขาก็ได้รับการติดต่อจากร่างแยก รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเขาวิญญาณพันกระแสนี้แล้ว

นี่ทำให้เขาหันสายตามรกตไปยังหลินสวินทันที

ขณะเดียวกันฉีชงโต้วก็สื่อจิตเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแก่หมีเหิงเจิน

จากนั้นหมีเหิงเจินก็มองไปยังหลินสวินเช่นกัน ในแววตาเผยความชื่นชมอย่างไม่มีปกปิด รวมถึงใคร่รู้ด้วย

เทพมารหลิน!

ชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาหลายครั้ง และเมื่อได้พบกันยามนี้ก็ทำให้เขามีความรู้สึกว่าภายใต้ชื่อเสียงหาได้ไร้ความจริงทันที

กล้าท้าทายกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ แค่จุดนี้หมีเหิงเจินก็รู้สึกประทับใจในตัวหลินสวินแล้ว

ขณะเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแววตาที่มาจากหมีเหิงเจินและร่างต้นของจินเซี่ยวหมิง

เผชิญหน้ากับไอสังหารที่ไม่ปกปิดของร่างต้นจินเซี่ยวหมิง หลินสวินสีหน้าราบเรียบ เหลือบมองร่างแยกที่ถูกคุมตัวกับพื้นข้างๆ วูบหนึ่ง

จากนั้นเขาถึงกล่าว “หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่ฆ่าเขาเพราะไม่กล้ารึ”

ร่างแยกของจินเซี่ยวหมิงเดิมกำลังลิงโลด คิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลินสวินก็เย็นวาบไปทั้งตัวทันที

ขณะเดียวกันสีหน้าร่างต้นจินเซี่ยวหมิงบนเวิ้งฟ้าพลันแปรเปลี่ยน ตวาดลั่นทันใด “เจ้ากล้า!”

หลินสวินยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือตบออกไป

ปึง!

ศีรษะของร่างแยกจินเซี่ยวหมิงถูกซัดละเอียดโดยตรง รวมถึงพลังจิตเสี้ยวหนึ่งในร่างก็ถูกกำจัดไปด้วย!

ซ่า…

ฝนโลหิตสาดพรม ผู้ฝึกปราณในที่นั้นล้วนถูกทำให้ตระหนก ดวงตาเบิกกว้างยากจะเชื่อ ถึงกับสังหารร่างแยกต่อหน้าจินเซี่ยวหมิง

วิธีการเช่นนี้ช่างเผด็จการและสะท้านใจคนเหลือเกิน!

แม้แต่หมีเหิงเจินก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ในดวงตามีความประหลาดใจและชื่นชม

แต่สีหน้าของจินเซี่ยวหมิงกลับเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูหาใดเปรียบทันที

สูญเสียร่างแยกหนึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อร่างต้นเขาเท่าไรนัก แต่การที่ร่างแยกถูกสังหารต่อหน้าต่อตาเช่นนี้กลับทำให้จินเซี่ยวหมิงรู้สึกถึงการยั่วยุอย่างถึงที่สุด!

ตูม!

พลานุภาพทั่วร่างเขาเปลี่ยนเป็นน่ากลัวในพริบตา ชุดโลหิตส่งเสียงสะบัด แสงเขียวเจิดจรัสแสบตาพวยพุ่งครอบคลุมตัวเขาไว้ภายใน

“เจ้านี่รนหาที่ตาย!”

จินเซี่ยวหมิงกล่าวเน้นทีละคำ ผมทองทั้งศีรษะแผ่สยาย อานุภาพชวนประหวั่นนั่นทำให้ฟ้าดินแถบนี้พลันมืดลง ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างรู้สึกหายใจลำบาก

ไม่ว่าใครก็มองออก พลานุภาพของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงแข็งแกร่งกว่าร่างแยกของเขาอยู่มาก!

ทว่าหลินสวินกลับราวไม่รู้สึกอะไร เอ่ยสั่งราบเรียบ “เจ้าคางคก เจ้านำงูตายตัวนี้ไปชำแหละ อาหลู่เจ้าเตรียมหม้อ ประเดี๋ยวตุ๋นน้ำแกงงูราชันทองคำสักหม้อให้สหายยุทธ์ทุกคนในที่นี้ได้ลองชิม”

“ได้เลย!” เจ้าคางคกรับคำอย่างยินดี

“เชื่อมือข้าเถอะ” อาหลู่ตบอกยิงฟันกล่าว

“เจ้า เจ้า ยังมีเจ้า ต้องตายให้หมด!”

จินเซี่ยวหมิงโกรธจนแสงเขียวในดวงตาสาดฉาย สะกดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งทะยานลงมาจากเวิ้งฟ้า ขณะโบกมือรุ้งเทพเขียวหยาบใหญ่ราวน้ำตกสายหนึ่งก็ทิ้งตัวลง

ตูม!

ห้วงอากาศแยกออกจากกัน รุ้งเทพสีเขียวนั่นประหนึ่งไม่อาจทัดเทียม

“คิดฆ่าคน ผ่านความเห็นข้าหรือยัง”

เงาร่างหมีเหิงเจินพลันพริบไหว มือใหญ่วาดไปมากลางอากาศราวเฉือนตัดหยินหยาง ปรากฏลวดลายกลมเกลี้ยง สุริยันจันทราเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน

วู้ม…

ลวดลายวงตะวันจันทราโคจรแผ่วเบาบนห้วงอากาศ ลบล้างรุ้งเทพเขียวสายนั้นจนไม่เหลือร่องรอย

นัยน์ตาดำของหลินสวินเป็นประกาย หมีเหิงเจินจู่โจมเพียงคราเดียวก็เผยฝีมือการต่อสู้ที่โดดเด่นเหนือคนอื่น สมเป็นหนึ่งในบุคคลขอบเขตมกุฎที่แกร่งสุดของยุคปัจจุบัน

“หมีเหิงเจิน การต่อสู้ของเจ้ากับไป๋หลงถิงทำให้เจ้าบาดเจ็บภายในอยู่ก่อนแล้ว ยังคิดต่อสู้กับข้าอีกรึ” จินเซี่ยวหมิงสีหน้าอึมครึม

บาดเจ็บภายใน!

ในใจทุกคนต่างกระตุกวูบไม่กล้าเชื่อ ด้วยดูจากภายนอกแล้วมองไม่ออกว่าหมีเหิงเจินมีร่องรอยบาดเจ็บแม้เพียงเสี้ยว

กลับเห็นหมีเหิงเจินกล่าวเฉยชา “งานชุมนุมพันกระแสนี้ข้าเป็นคนจัด ในฐานะเจ้าภาพ แม้ได้รับบาดเจ็บข้าก็ไม่มีทางมองดูแขกถูกรังแก”

วาจาสบายอารมณ์ แต่เจือเจตจำนงผงาดกร้าวเด็ดขาด!

อิริยาบถของเขาดุจหงส์มังกร สุภาพลุ่มลึก ดูเหมือนคนอ่อนโยน แท้จริงกลับมีความสง่างามไร้เทียมทาน ทันทีที่เผยประกายก็ทำให้ฟ้าดินต่างมืดสลัว

นี่ก็คือหมีเหิงเจิน ผู้นำคนรุ่นเยาว์ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา ทั้งเป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่มีชื่อเสียงมานานหลายปีในเวลาเดียวกัน ความสง่างามเช่นนั้นช่างทำให้คนรู้สึกชื่นชม

“พูดแบบนี้ หากข้าอยากกำจัดเด็กนี่ เจ้าคงไม่เก็บมือเฝ้ามองเฉยๆ?”

สีหน้าจินเซี่ยวหมิงคล้ำเขียวเยียบเย็นหาใดเปรียบ

“ไม่ผิด”

หมีเหิงเจินกล่าวอย่างไม่ลังเล “ครั้งนี้ร่างแยกของเจ้าถือโอกาสช่วงข้าไม่อยู่มาก่อกวนเขาวิญญาณพันกระแส เดิมโทษก็ไม่อาจอภัย ตอนนี้เจ้ายังกล้าประกาศศักดากระทำการชั่วร้าย คิดว่าข้าหมีเหิงเจินเป็นมะพลับนิ่มที่บีบขยำได้ตามใจหรือไร”

พวกฉีชงโต้วต่างตื่นเต้นไม่หยุด เผยสีหน้าเทิดทูน

แม้แต่หลินสวินก็ไม่อาจไม่ยอมรับ แค่เพียงความห้าวหาญและรับผิดชอบนี้ หมีเหิงเจินก็คู่ควรให้เขาเลื่อมใสแล้ว

ทว่าเลื่อมใสส่วนเลื่อมใส ธุระก็ส่วนธุระ

ต่อมาหลินสวินก็ทะยานฟ้าขึ้นไปกล่าว “ข้ารออยู่ที่นี่ก็เพื่อตุ๋นน้ำแกงงูหม้อหนึ่ง ขอพี่หมีช่วยให้สมปรารถนา ให้ข้าได้สังหารหนอนยักษ์นี่”

หนอนยักษ์…

ได้ยินคำเรียกเช่นนี้สีหน้าทุกคนต่างแปลกพิกลอยู่บ้าง

หมีเหิงเจินก็เช่นกัน ออกจะมองหลินสวินอย่างอึ้งงันวูบหนึ่ง คล้ายถูกความกล้าของเขาทำเอาตระหนก จากนั้นจึงกลั้นขำกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ยุ่งแล้ว”

พูดจบเขาก็หลีกทางให้

“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ…”

เวลานี้จินเซี่ยวหมิงโกรธจัดจนหัวเราะ ตั้งแต่ปรากฏตัวบนโลกถึงตอนนี้เขาเพิ่งเคยเจอคนที่กล้าดูหมิ่นศักดิ์ศรีเขาเช่นนี้เป็นครั้งแรก!

ตูม!

เขาคร้านจะพูดมากความอีก ลงมือทันใด ชูมือเรียกทวนยักษ์สีเลือดแหวกผ่านห้วงอากาศดังสนั่น ปลายทวนดั่งมังกรห้อทะยานมาเยือน

ทวนเล่มนี้เผด็จการ เหี้ยมโหด ดุดันอย่างแท้จริง แฝงพลังมหามรรคชวนประหวั่น หนึ่งทวนแทงออกไป แสงโลหิตสะท้านฟ้าดิน

แตกต่างจากพลังต่อสู้ของร่างแยกอย่างแท้จริง!

เพียงพริบตาหลินสวินก็วิเคราะห์ศักยภาพของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงออก ไม่เพียงทรงพลังกว่าร่างแยกขั้นหนึ่ง ยังมอบแรงกดดันยิ่งใหญ่แก่เขาด้วย

ทว่านี่แหละคือสิ่งที่หลินสวินอยากเห็น!

ชิ้ง!

ดาบหักปรากฏกลางอากาศ ขาวกระจ่างดุจหิมะ ส่องประกายราวมายา พลังแก่นมรรคธาตุน้ำครอบคลุมอยู่บนนั้น เผยประกายคมซึ่งไม่มีสิ่งใดต้านทานได้

ยามประลองกับร่างแยกจินเซี่ยวหมิงก่อนหน้านี้ หลินสวินยังไม่เคยใช้สมบัตินี้

ปึง!

ดาบหักและทวนโลหิตปะทะกัน ชั่วพริบตาก็ห้ำหั่นดุเดือดกลางอากาศ แสงดาบราวอสนี เงาทวนทบเป็นชั้นๆ ซัดทลายพยับเมฆทั่วทิศ

นัยน์ตาจินเซี่ยวหมิงพลันหดรัด ทันทีที่ประมือเขาก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน ได้สติจากความเดือดดาล เริ่มโจมตีเต็มกำลัง

ทวนยักษ์สีเลือดถูกเขาโคจรถึงขีดสุด ทุกแห่งที่คมทวนวาดผ่าน ห้วงอากาศล้วนถูกฉีกออกเป็นรอยแยกชวนตะลึง เวิ้งฟ้าถูกย้อมเป็นสีเลือด

ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวยังมีเสียงดั่งทะเลโลหิตคลั่ง เทพผีคำรามสะท้อนก้อง พลานุภาพน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด

ผู้ฝึกปราณในที่นั้นมองจนสับสนตาลาย ความรู้สึกแต่ละคนยากสงบ อานุภาพทรงพลังของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงทำให้พวกเขาต่างรู้สึกประหนึ่งหายใจลำบาก!

เปรียบเทียบกันแล้วร่างแยกของเขาจืดจางกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ไม่แปลกที่จินเซี่ยวหมิงจะกล้าแข็งกร้าวเช่นนี้ ตัวคนเดียวลงมือบนเขาวิญญาณพันกระแสนี้โดยไม่หวั่นเกรงหมีเหิงเจิน หมายสังหารเทพมารหลินล้างความอัปยศ

หมีเหิงเจินสีหน้าจริงจังจับจ้องการต่อสู้เขม็ง แน่นอนว่าเขามองความแข็งแกร่งของจินเซี่ยวหมิงออก เป็นถึงยักษ์ใหญ่ในหมู่บุคคลขอบเขตมกุฎ ย่อมไม่ใช่แข็งแกร่งแบบทั่วๆ ไปแน่

เขาเตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อแล้ว

งานชุมนุมพันกระแสนี้เขาเป็นคนจัด เซียวชิงเหอที่เชิญหลินสวินมาครานี้ก็เป็นศิษย์น้องของเขา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่มีทางยอมให้ความเป็นไปได้ที่หลินสวินจะถูกสังหารเกิดขึ้นแน่

เพียงแต่…

ไม่ทันไรหมีเหิงเจินก็ค้นพบอย่างประหลาดใจ ว่าภายใต้การต่อสู้ดุเดือดกับจินเซี่ยวหมิง หลินสวินกลับพอฟัดพอเหวี่ยง อีกทั้งความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ยังทำให้เขารู้สึกเกินคาดหมาย

‘เจ้าเด็กนี่เป็นคนรุ่นเดียวกับศิษย์น้องเซียวชิงเหอชัดๆ แต่ความเชี่ยวชาญบนมกุฎมรรคาเห็นชัดว่าถึงอยู่ในระดับบรรลุสูงสุดแล้ว นี่เทียบกับยอดมกุฎรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในอดีตแล้วแข็งแกร่งกว่ามาก ถึงขั้นที่ต่อให้เข้าร่วมการประลองกระดานดาราสี่แดนวิภูก็น่าจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งได้…’

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของหมีเหิงเจินพริบตาเดียวก็วินิจฉัยออก ว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินมีเกินกว่าขอบเขตของยอดมกุฎรุ่นเยาว์นานแล้ว ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไม่หยุด

‘ก็ไม่แปลกที่ศิษย์น้องเซียวชิงเหอจะชื่นชมและยกย่องเขาเช่นนี้ บุคคลเช่นนี้คืออัจฉริยะโดดเด่นที่นับนิ้วได้ในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งใต้หล้าจริงๆ’

หมีเหิงเจินทอดถอนใจอยู่ภายในใจไม่หยุด

หากว่ากันจริงจัง เขาและพวกหวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ เยี่ยนจั่นชิว ได้แค่ถือว่าเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเก่า เข้าสู่มรรคก่อน ทั้งอายุยังมากกว่าสามสิบปีแทบทั้งหมด

แต่หลินสวินต่างออกไป เขายังเยาว์วัยนัก จากโลกชั้นล่างจนมาถึงดินแดนรกร้างโบราณเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีเท่านั้น ก็กลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่ใต้หล้าต่างรู้จัก

นี่เห็นได้ว่าไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!

‘มหายุคครั้งนี้หากมีเด็กนี่เข้าร่วม อาจมีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นบ้าง’ หมีเหิงเจินใคร่ครวญ

ตูม!

ใต้เวิ้งฟ้าการต่อสู้ดุเดือดกำลังระอุต่อเนื่อง หลินสวินและจินเซี่ยวหมิงห้ำหั่นกันหลายร้อยกระบวนแล้ว โจมตีใส่กันจนฟ้าดินสลัวสุริยันจันทราหม่นแสง สถานการณ์ต่อสู้รุนแรงหาใดเปรียบ

ว่ากันตามจริงการต่อสู้กับร่างต้นจินเซี่ยวหมิงครั้งนี้ จึงจะถือว่าเป็นการประมือกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณครั้งแรกอย่างแท้จริงของหลินสวิน

สำหรับร่างแยกของจินเซี่ยวหมิง สุดท้ายก็เห็นได้ว่าไม่พอสร้างภัยคุกคาม

จินเซี่ยวหมิงยิ่งสู้ยิ่งตระหนก สีหน้านานเข้าก็ยิ่งครัดเคร่ง ไม่กล้าดูถูกหลินสวินอีก และปฏิบัติต่อเขาอย่างศัตรูที่แข็งแกร่งแห่งยุค

แต่หลินสวินกลับยิ่งสู้ยิ่งอาจหาญ ในดวงตาดำลุกโชนโหมกระหน่ำด้วยจิตต่อสู้!

ไม่ถึงขั้นเจอคู่แข่งที่สูสีกินกันไม่ลง และไม่มีทางเลื่อมใสอีกฝ่ายเด็ดขาด แต่ความทรงพลังของจินเซี่ยวหมิงกลับทำให้หลินสวินฮึกเหิมจริงๆ!

ถึงอย่างไรมาถึงระดับขั้นเช่นเขา คิดอยากเจอคู่ต่อสู้ที่พอจะประลองกันได้สักคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ที่ทำให้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกคือ การประลองมกุฎแห่งยุคเช่นนี้ได้ดึงดูดจิตวิญญาณของทุกคนในที่นั้น แต่กลับมีสองคนที่ผิดแผกไป

คนหนึ่งคือเจ้าคางคกที่กำลังชำแหละร่างงูยักษ์ทองคำยาวพันจั้งตัวหนึ่ง สองมืออาบไปด้วยเลือดราวคนฆ่าสัตว์เชือดเนื้อหมูก็ไม่ปาน การเคลื่อนไหวช่ำชอง ริมฝีปากยังคลอเพลงไปด้วย

อีกคนคืออาหลู่ เขาก่อไฟและตั้งหม้อยักษ์ใบหนึ่งกำลังต้มน้ำ มือเท้าแคล่วคล่องรอวัตถุดิบลงหม้อ

นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณที่เห็นภาพนี้ต่างหมดคำพูดไปพักหนึ่ง จิตใจของเจ้าสองคนนี้ช่างกล้าเสียจริง ไม่ห่วงความปลอดภัยของเทพมารหลินแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+