Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1159 ขอบเขตราชันมกุฎ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1159 ขอบเขตราชันมกุฎ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชั่วพริบตาหลินสวินเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน กลิ่นอายที่ไหลเวียนทั่วร่างประหนึ่งเหวดุจนรก ส่งผลให้อาณาบริเวณโดยรอบพังครืนลง

ทุกคนต่างขวัญหนีดีฝ่อเสียจนเข่าแทบทรุด นี่เป็นความน่ายำเกรงที่มีติดตัวมาอย่างหนึ่ง เป็นการสยบข่มถึงที่สุดในด้านพลัง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือเขาจะฟื้นฟูแผลมรรคจนหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว” มีคนร้องเสียงแหลมอย่างตื่นตระหนก

ตูม!

รอบกายหลินสวินก่อร่างเป็นวงแหวนเทพแสงมรรคทรงกลด หมุนเวียนประหนึ่งกับหุบเหวลึกปรากฏสู่ใต้หล้า ขับเน้นจนตัวเขาประดุจอริยเทพเยื้องย่าง

พรูด!

ชั่วพริบตาร่างของผู้แข็งแกร่งที่จู่โจมเข้ามาล้วนถูกกำราบด้วยแสงมรรครอบกายหลินสวินจนระเบิดกระจุยกระจาย เนื้อหนังมังสาฉีกขาดไม่มีชิ้นดีและสลายเป็นฝุ่นควัน ไร้หนทางเข้าประชิดตัว!

ทั้งการจู่โจมและสมบัติวิเศษของพวกเขา ล้วนแต่ถูกบดขยี้เป็นผงธุลี กลายเป็นละอองแสงปลิวออกไป

พลานุภาพที่อหังการเช่นนี้ย่อมสะเทือนขวัญทั่วทั้งลานในทันที พาให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างตกใจจนหนังหัวชาวาบ ไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง

แสงมรรคดุจวงแหวนเทพแปรเปลี่ยนเป็นหุบเหว ชายหนุ่มที่สีหน้าเฉยเมยแต่เยียบเย็นคนหนึ่งแผ่อานุภาพสะเทือนฟ้าสะท้านดินออกมา ราวกับนายเหนือหัวอย่างไรอย่างนั้น!

“ฆ่า!”

ภายใต้ความโกรธเกรี้ยว ผู้ฝึกปราณจากขุมอำนาจทั้งหลายมีหรือจะกล้ารั้งรอ เร่งลงมือในทันใด อีกทั้งยังใช้พลังทั้งหมดด้วย

หลินสวินก้าวไปข้างหน้ากลางวงศัตรู แสงมรรคสีใสพร่างพราวประหนึ่งธารดารา เปล่งประกายระยับตาไปทั่วทิศ

ครืนโครม!

ยังไม่ทันได้ลงมือแม้แต่น้อย เพียงแค่รอบกายปลดปล่อยพลังออกไปเท่านั้น ก็แผ่คลุมทั่วใต้หล้า ม้วนหุ้มทั่วทิศ พาให้ห้วงอากาศแตกปะทุ ฟ้าดินครวญคร่ำ

เพียงพริบตาเดียวดั่งฝนเลือดพรั่งพรูลงมา เกิดเสียงร้องโหยหวนกึกก้องตามมาพร้อมกัน

ขอเพียงผู้แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาล้วนถูกสยบสังหารประหนึ่งเศษกระดาษที่แหลกเละ แม้ดูเหมือนเป็นการล้อมจู่โจม แต่อันที่จริงกลับไร้หนทางขวางกั้นย่างก้าวของหลินสวิน

ดูแล้วกลับไม่ต่างอะไรจากแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ!

“ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เพราะเหตุใดกัน!”

ภาพนองเลือดเช่นนี้ทำเอาผู้คนมากมายตัวสั่นเทา ภายในใจเกิดความหวาดผวา พลังศักดิสิทธิ์เช่นนี้จะขวางกั้นได้อย่างไร

ผู้ฝึกปราณที่มองดูห่างออกไปล้วนสูดหายใจเย็น ตกตะลึงอ้าปากค้าง

เมื่อห้าวันก่อนหลินสวินซึ่งเร้นกายเงียบหายไปครึ่งปีปรากฏตัวขึ้น ทว่ากลับถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คนร่วมมือจู่โจมจนบาดเจ็บปางตาย ต้องหลบลี้อยู่ภายในกระบวนค่ายกลมรรคราชัน

นี่ถูกมองว่าเป็นเค้าลางถึงการร่วงหล่นของเทพมารหลิน และทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายต่างทอดถอนใจ เศร้าโศกกับตัวเขาอยู่ไม่น้อย

ห้าวันให้หลัง กระบวนค่ายกลมรรคราชันถูกทลายลง เหล่าผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แย่งเข้าโจมตีเป็นอันดับแรก หมายสังหารเทพมารหลินในทันที

ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้ทุกคนย่อมนึกว่าเทพมารหลินต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย การต่อสู้ที่ได้รับความสนใจจากทั่วทั้งเมืองนี้คงจะจบสิ้นลงไปตามการตายของเทพมารหลิน

ทว่าใครเล่าจะคาดคิด ทุกอย่างล้วนแปรเปลี่ยนไปแล้ว!

เทพมารหลินที่ใครๆ มองว่าได้รับแผลมรรคซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้ อับจนหนทางผู้นี้ ไม่เพียงไม่ถูกสังหาร ซ้ำยังเสมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง สำแดงคมประกายสะท้านโลกออกมา!

นี่เป็นเรื่องที่เกินกว่าจะคาดเดาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้คนอกสะท้านสะเทือน ราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์ที่มีชีวิตกับตาตนเอง

ตูม!

หลินสวินเหยียบย่างกลางห้วงอากาศ ประหนึ่งเทพมารปรากฏตัวบนโลกเข้าสังหารคู่ต่อสู้ หากพูดให้เคร่งครัดหน่อยก็คือกำลังบดขยี้ศัตรู

เพราะทุกย่างก้าวของเขา คู่ต่อสู้แต่ละคนไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ถูกสยบสังหารคาที่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการดิ้นรน แม้แต่พละกำลังในการต่อต้านก็ยังไม่มี!

สำหรับผู้ที่ชมดูการต่อสู้อยู่ บางทีนี่อาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจและคาดไม่ถึง

ทว่าสำหรับตัวหลินสวินเอง ตั้งแต่ห้าวันก่อนจวบจนบัดนี้ เขาได้สั่งสมความโกรธแค้นอัดอั้นไว้ในใจมากเกินพอแล้ว!

เขาไม่มีทางลืมภาพเหตุการณ์อันตรายที่ถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คนปิดล้อมสังหารตรงประตูเมือง และไม่มีวันลืมบาดแผลและการถูกปิดล้อมที่เขาได้รับ!

ในเวลานั้น แม้แต่พวกผู้ฝึกปราณที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องยังกล้ามองว่าเขาเป็นแกะอ้วน ลงมือโจมตีสังหาร!

ในเวลานั้น ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งต่างกำลังใจฮึกเหิม มองว่าเขาเป็นเหยื่อ คุมเชิงกันเพียงเพื่อแย่งโอกาสในการสังหารตนเป็นคนแรก!

พวกเขา…

เห็นตนเป็นอะไร

หรือจะบอกว่าเพราะเมื่อก่อนตนเป็นคนใจดีมีเมตตาเกินไป ยังฆ่าแกงคนอื่นไม่มากพอ

โดยเฉพาะเมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋นยอมเลือกจะสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา ยิ่งเป็นการปลุกความโกรธแค้นที่สั่งสมในใจของหลินสวินจนลุกโชนถึงขีดสุด!

และตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการก็คือการระบายออก!

ตูม!

ฟ้าดินแถบนี้เต็มไปด้วยฝนเลือด เสียงร้องโหยหวนก้องสะท้อน ประหนึ่งกลายเป็นขุมนรก

“เร็วเข้า รีบขวางเขาไว้!” มีคนตะโกนขึ้นมา

ทว่าล้วนไม่มีประโยชน์ รอบกายของหลินสวินลุกโชนไร้เทียมทาน แสงมรรคหมุนวน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสามารถสังหารศัตรูทั่วทิศ!

“สารเลว เจ้ากล้าหรือ!”

ผู้กล้าขอบเขตมกุฎคนหนึ่งจากเผ่าอีกาทองพุ่งออกไป นี่เป็นชายหนุ่มชุดเทา คิ้วกระบี่ตาดารา ท่าทางผ่าเผย พลังศักดิ์สิทธิ์น่าประหวั่นพรั่นพรึง

หลินสวินเหลือบมองเขา แค่กวักมือครั้งเดียวชายชุดเทาก็ถูกม้วนตลบเข้ามา

“ไม่!” เขาหน้าเปลี่ยนสีในพริบตา ตะโกนร้องออกไป ร่างกายเปลี่ยนเป็นอีกาทองตัวหนึ่ง สยายปีกกระพือหวังจะดิ้นหลุดออกไป

เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเช่นไรต่างไม่เป็นผลทั้งสิ้น ต่อหน้าหลินสวิน แม้ตัวเขาเป็นถึงบุคคลขอบเขตมกุฎ กระนั้นก็ไร้ความสามารถอยู่ดี

ครึ่ก!

พริบตาถัดมาปีกของเขาถูกหลินสวินกระชากออก ฝนเลือดสาดกระเซ็น

ทุกคนล้วนหวาดผวา นี่ไม่ใช่บุคคลขอบเขตมกุฎทั่วๆ ไป ทว่าบัดนี้กลับเสมือนลูกไก่ตัวน้อยๆ ถูกฉีกกระชากทั้งเป็น!

นี่คือความแตกต่างระหว่างหิ่งห้อยกับจันทรา ที่ไม่อาจทัดเทียมแข่งขันได้แม้แต่น้อย!

“น่าชังนัก!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองร้องตะโกนด้วยความเจ็บแค้นยากจะทนไหว เพราะนั่นคือบุคคลแกนหลักคนหนึ่งของพวกเขา กลับมาถูกฆ่าแกงเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังตายอย่างน่าอเนจอนาถ

สวบ!

ขณะที่หลินสวินเยื้องกรายต่อไป มือพลันยื่นคว้ากระสวยบินสีดำที่โจมตีอย่างอำมหิตเข้ามากะทันหัน พุ่งมาจากฝั่งเผ่าวิญญาณสมุทร

หลินสวินไม่ได้มองด้วยซ้ำ เพียงแค่สะบัดมือกระสวยบินสีดำนั่นก็ลอยพุ่งกลับไปราวกับสายฟ้าแลบสีดำ เสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้น สังหารชายชุดดำที่ซ่อนตัวกลางผู้คนจนสิ้นใจ

เบื้องหน้าผู้แข็งแกร่งลัทธิบูชาจันทร์หลายคนผนึกกำลังดาหน้าเข้ามา ฉวยโอกาสนี้เรียกดาบคมดุจจันทร์เสี้ยวนับพันนับหมื่นเล่ม

ดาบคมแต่ละเล่มล้วนส่องประกายเย็นเยียบ แหลมคนไร้เทียมทาน พุ่งเข้ามานับหมื่นนับพันเล่มก่อร่างกลายเป็นค่ายกลดาบ พาให้ผู้คนหวาดผวา

“ไสหัวไป!”

หลินสวินกล่าว ก็เห็นว่าคลื่นเสียงอันไร้รูปกลายเป็นสัตว์เทพผูเหลาทะยานสู่ฟากฟ้าเสียงครืนครัน ระเบิดค่ายกลดาบที่แผ่คลุมเข้ามา

ส่วนผู้สืบทอดลัทธิบูชาจันทร์หลายคนพวกนั้นล้วนหลบหนีไม่พ้น ถูกแรงกระเทือนจนเลือดออกทั้งเจ็ดทวาร จิตวิญญาณแตกดับ

ผู้คนล้วนใจสั่น นี่เป็นอานุภาพน่าสะพรึงเช่นไรกันแน่ เพียงแค่เสียงคำรามถึงกับสังหารผู้แข็งแกร่งได้มากมาย!

หลายคนเพิ่งเคยเห็นหลินสวินสำแดงพลังกับตาเป็นครั้งแรก สายตาแต่ละคู่ที่จับจ้องแทบจะถลนออกมา รับรู้ได้ว่าเทพมารหลินน่าหวั่นเกรงยิ่งกว่าข่าวลือที่เคยได้ยิน

อีกทั้งผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่เคยเห็นพลังต่อสู้ของหลินสวิน ขณะนี้ก็ไม่อาจสงบใจได้เช่นกัน เมื่อเปรียบกับยามบาดเจ็บปางตายเมื่อห้าวันก่อน เทพมารหลินในเวลานี้เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก!

ฟ้าดินแถบนี้ล้วนกลายเป็นสนามรบนองเลือด เสียงร้องโหยหวนดังระงม

หลินสวินคนเดียวกวาดล้างไปทั่ว ไร้ศัตรูต้านทาน ไร้คนขวางได้ ล้วนแตกพ่ายในทุกย่างก้าว

ทุกแห่งหนที่เขาเยื้องกรายไป หลงเหลือไว้เพียงซากศพ เศษสมบัติและเสียงโหยหวน!

“อ๊าก…”

ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งต่างถูกสังหารจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวแตกพ่ายไม่เป็นขบวน บุกไปที่ใดก็ล้วนแตกกระเจิงทั่วทิศ

เนื่องจากพวกเขาเกิดความหวาดกลัวถึงขีดสุดแล้ว พลังอันน่าสะพรึงเช่นนี้ไม่อาจสกัดกั้นไว้ได้ สามารถกำราบทุกสิ่ง ทำให้จิตต่อสู้ของพวกเขาพังทลายลง ใครเล่าจะกล้าเอาชีวิตไปทิ้ง

เห็นดังนี้หลินสวินพลันหายใจลึกเฮือกใหญ่ กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “วันนี้ ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจหนีพ้น”

แม้ไม่ได้กล่าวเสียงดัง กระนั้นกลับกึกก้องไปทั่วทั้งลาน ท่วมท้นด้วยอานุภาพน่ายำเกรงอันไร้รูปอย่างหนึ่ง ประหนึ่งนายเหนือหัวสั่งบัญชาลงมาอย่างเด็ดขาด

โครม!

เพิ่งสิ้นเสียง หลินสวินยืนอยู่กลางวง พลังต้องห้ามไร้รูปสายหนึ่งแผ่ออกไปทันใด ราวกับลมพายุที่เข้ากวาดล้างจักรวาล

ชั่วพริบตาภาพที่ทำให้ผู้คนสะเทือนขวัญก็ปรากฏ

เงาร่างที่กำลังหลบหนีไปทั่วทิศเหล่านั้น แต่ละคนถูกกักขังเอาไว้ประหนึ่งแมลงที่ถูกตาข่ายดักจับ

พวกเขายังคงอยู่ในท่วงท่าเดิม บ้างกำลังเหยียบย่างแสงเคลื่อน บ้างก็พุ่งอยู่กลางฟ้าดิน สีหน้าของแต่ละคนเผยให้เห็นความตื่นตระหนกที่ควบคุมไม่อยู่ ดูไปแล้วช่างแปลกชอบกลโดยแท้

นี่ คือผนึกป้าเซี่ย!

เพียงแต่อานุภาพของมันถูกหลินสวินโคจรถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ตูม!

หลินสวินกวาดสายตาออกไปทั่วทิศ ราวกับประกายสายฟ้าฉีกทึ้งห้วงอากาศ เขาในเวลานี้ดุจดั่งนายเหนือหัวผู้กุมความเป็นตายของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ยกมือขึ้นกำเพียงเบาๆ

ก็เห็นว่าเงาร่างที่ถูกกักขังแต่ละคนล้วนระเบิดแตกพร้อมกัน กลายเป็นเถ้าธุลีด้วยพลังทำลายล้างแห่งผนึกป้าเซี่ย

เมื่อมองจากไกลๆ ฟ้าดินแถบนี้ดูประหนึ่งมีฝนเลือดตกกระหน่ำ ย้อมห้วงอากาศกลายเป็นสีแดงฉาน บาดตาอย่างที่สุด

ผู้ฝึกปราณที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่ไกลๆ ต่างอ้าปากค้าง สะท้านขวัญจนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น อานุภาพเช่นนี้ไม่เหมือนสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติควรมีไว้ครอบครอง

น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!

สัตว์ประหลาดยุคโบราณและปีศาจแห่งยุคที่เร้นกายในหมู่ผู้คนบางส่วน เดิมทีมีทีท่าร่วมชมความครึกครื้น ทว่าการโจมตีที่เห็นนี้ล้วนทำให้พวกเขาใจสะท้านขึ้นมา หน้าเปลี่ยนสีด้วยเช่นกัน

คนผู้นี้ หรือจะไปถึงขอบเขตราชันมกุฎแล้ว

ขอบเขตราชันกับกลายเป็นราชัน เป็นสองคำที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ขอบเขตราชันมกุฎเป็นสิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย มีนัยว่าบนเส้นทางแห่งมกุฎมรรคาในระดับกระบวนแปรจุตินี้ หลินสวินอยู่ในขั้นที่ไร้ผู้ทัดเทียม กำราบสยบสิ้นในทุกพลังของคนรุ่นเดียวกัน!

และเวลานี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ได้หลบหนีพวกนั้นต่างก็หวาดผวาจนแทบพังทลายแล้ว

พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนคิดว่าหลินสวินบาดเจ็บสาหัสปางตาย สามารถฆ่าแกงได้ตามใจ มองว่าเขาเป็นเหมือนเหยื่อ ทว่ากลับไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะสำแดงอานุภาพที่น่าสะพรึงเช่นนี้ออกมา!

และยามนี้พวกเขาถึงเพิ่งนึกได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงก้องระบือทั่วใต้หล้ามาตั้งแต่ยามอยู่โลกภายนอก เป็นบุคคลระดับเทพมารซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการเข่นฆ่าสังหาร

และเพิ่งนึกได้ว่า ยามที่ก้าวสู่แดนเผาเซียน เขาก็บุกเข้าอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง ปล้นคลังสมบัติ ซ้ำยังเคยสังหารบุคคลขอบเขตมกุฎยี่สิบหกคนในหุบเขาผลาญสวรรค์มาแล้ว!

ตัวตนเช่นนี้ พวกเขาไหนเลยจะสามารถต่อกรได้

“หลินสวิน เจ้าไม่กลัวว่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันในขุมอำนาจของพวกข้าจะล้างแค้นหรือ”

มีคนตะโกนเดือดดาล เป็นหลูชวนแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรนั่นเอง

ปึ้ก!

หลินสวินหมุนตัว ประทับปี้อั้นทะยานกลางฟ้าและสยบสังหารลงไป หลูชวนพยายามต้านทานสุดความสามารถ แต่ก็ยังไม่เป็นผล ถูกกดทับทั้งอย่างนั้น ร่างกายระเบิดแตกทันใด

หลังจากนั้นหลินสวินถึงเอ่ยปากว่า “เมื่อข้ากลายเป็นราชัน ข้าย่อมไปคิดบัญชีกับพวกสวะไร้ค่าที่อยู่นอกเมืองเหล่านั้น!”

ทุกคนต่างตื่นตระหนก ระดับราชันกลุ่มหนึ่งกลับถูกหลินสวินมองว่าเป็น ‘สวะไร้ค่า’ นี่แสดงให้เห็นถึงความกร้าวแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย

การสังหารยังคงดำเนินไป

ครั้งนี้หลินสวินไม่คิดจะยั้งมือไว้ไมตรีแล้ว หมายเก็บกวาดศัตรูทั้งหมดในเมืองนี้ให้ราบคาบ!

“หลินสวิน พอแต่เพียงเท่านี้เถิด ความแค้นควรเลิกแล้วต่อกันหาใช่ผูกใจเจ็บยิ่งขึ้นไปอีก เหตุใดต้องฆ่าแกงให้สิ้นซากเช่นนี้ด้วย”

ทันใดนั้นในกลุ่มคนที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ มีชายหนุ่มผมขาวคนหนึ่งก้าวออกมา เขากล่าวด้วยเสียงราบเรียบ หมายจะหยุดยั้งการฆ่าฟันในครั้งนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1159 ขอบเขตราชันมกุฎ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1159 ขอบเขตราชันมกุฎ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชั่วพริบตาหลินสวินเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน กลิ่นอายที่ไหลเวียนทั่วร่างประหนึ่งเหวดุจนรก ส่งผลให้อาณาบริเวณโดยรอบพังครืนลง

ทุกคนต่างขวัญหนีดีฝ่อเสียจนเข่าแทบทรุด นี่เป็นความน่ายำเกรงที่มีติดตัวมาอย่างหนึ่ง เป็นการสยบข่มถึงที่สุดในด้านพลัง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือเขาจะฟื้นฟูแผลมรรคจนหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว” มีคนร้องเสียงแหลมอย่างตื่นตระหนก

ตูม!

รอบกายหลินสวินก่อร่างเป็นวงแหวนเทพแสงมรรคทรงกลด หมุนเวียนประหนึ่งกับหุบเหวลึกปรากฏสู่ใต้หล้า ขับเน้นจนตัวเขาประดุจอริยเทพเยื้องย่าง

พรูด!

ชั่วพริบตาร่างของผู้แข็งแกร่งที่จู่โจมเข้ามาล้วนถูกกำราบด้วยแสงมรรครอบกายหลินสวินจนระเบิดกระจุยกระจาย เนื้อหนังมังสาฉีกขาดไม่มีชิ้นดีและสลายเป็นฝุ่นควัน ไร้หนทางเข้าประชิดตัว!

ทั้งการจู่โจมและสมบัติวิเศษของพวกเขา ล้วนแต่ถูกบดขยี้เป็นผงธุลี กลายเป็นละอองแสงปลิวออกไป

พลานุภาพที่อหังการเช่นนี้ย่อมสะเทือนขวัญทั่วทั้งลานในทันที พาให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างตกใจจนหนังหัวชาวาบ ไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง

แสงมรรคดุจวงแหวนเทพแปรเปลี่ยนเป็นหุบเหว ชายหนุ่มที่สีหน้าเฉยเมยแต่เยียบเย็นคนหนึ่งแผ่อานุภาพสะเทือนฟ้าสะท้านดินออกมา ราวกับนายเหนือหัวอย่างไรอย่างนั้น!

“ฆ่า!”

ภายใต้ความโกรธเกรี้ยว ผู้ฝึกปราณจากขุมอำนาจทั้งหลายมีหรือจะกล้ารั้งรอ เร่งลงมือในทันใด อีกทั้งยังใช้พลังทั้งหมดด้วย

หลินสวินก้าวไปข้างหน้ากลางวงศัตรู แสงมรรคสีใสพร่างพราวประหนึ่งธารดารา เปล่งประกายระยับตาไปทั่วทิศ

ครืนโครม!

ยังไม่ทันได้ลงมือแม้แต่น้อย เพียงแค่รอบกายปลดปล่อยพลังออกไปเท่านั้น ก็แผ่คลุมทั่วใต้หล้า ม้วนหุ้มทั่วทิศ พาให้ห้วงอากาศแตกปะทุ ฟ้าดินครวญคร่ำ

เพียงพริบตาเดียวดั่งฝนเลือดพรั่งพรูลงมา เกิดเสียงร้องโหยหวนกึกก้องตามมาพร้อมกัน

ขอเพียงผู้แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาล้วนถูกสยบสังหารประหนึ่งเศษกระดาษที่แหลกเละ แม้ดูเหมือนเป็นการล้อมจู่โจม แต่อันที่จริงกลับไร้หนทางขวางกั้นย่างก้าวของหลินสวิน

ดูแล้วกลับไม่ต่างอะไรจากแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ!

“ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เพราะเหตุใดกัน!”

ภาพนองเลือดเช่นนี้ทำเอาผู้คนมากมายตัวสั่นเทา ภายในใจเกิดความหวาดผวา พลังศักดิสิทธิ์เช่นนี้จะขวางกั้นได้อย่างไร

ผู้ฝึกปราณที่มองดูห่างออกไปล้วนสูดหายใจเย็น ตกตะลึงอ้าปากค้าง

เมื่อห้าวันก่อนหลินสวินซึ่งเร้นกายเงียบหายไปครึ่งปีปรากฏตัวขึ้น ทว่ากลับถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คนร่วมมือจู่โจมจนบาดเจ็บปางตาย ต้องหลบลี้อยู่ภายในกระบวนค่ายกลมรรคราชัน

นี่ถูกมองว่าเป็นเค้าลางถึงการร่วงหล่นของเทพมารหลิน และทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายต่างทอดถอนใจ เศร้าโศกกับตัวเขาอยู่ไม่น้อย

ห้าวันให้หลัง กระบวนค่ายกลมรรคราชันถูกทลายลง เหล่าผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แย่งเข้าโจมตีเป็นอันดับแรก หมายสังหารเทพมารหลินในทันที

ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้ทุกคนย่อมนึกว่าเทพมารหลินต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย การต่อสู้ที่ได้รับความสนใจจากทั่วทั้งเมืองนี้คงจะจบสิ้นลงไปตามการตายของเทพมารหลิน

ทว่าใครเล่าจะคาดคิด ทุกอย่างล้วนแปรเปลี่ยนไปแล้ว!

เทพมารหลินที่ใครๆ มองว่าได้รับแผลมรรคซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้ อับจนหนทางผู้นี้ ไม่เพียงไม่ถูกสังหาร ซ้ำยังเสมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง สำแดงคมประกายสะท้านโลกออกมา!

นี่เป็นเรื่องที่เกินกว่าจะคาดเดาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้คนอกสะท้านสะเทือน ราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์ที่มีชีวิตกับตาตนเอง

ตูม!

หลินสวินเหยียบย่างกลางห้วงอากาศ ประหนึ่งเทพมารปรากฏตัวบนโลกเข้าสังหารคู่ต่อสู้ หากพูดให้เคร่งครัดหน่อยก็คือกำลังบดขยี้ศัตรู

เพราะทุกย่างก้าวของเขา คู่ต่อสู้แต่ละคนไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ถูกสยบสังหารคาที่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการดิ้นรน แม้แต่พละกำลังในการต่อต้านก็ยังไม่มี!

สำหรับผู้ที่ชมดูการต่อสู้อยู่ บางทีนี่อาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจและคาดไม่ถึง

ทว่าสำหรับตัวหลินสวินเอง ตั้งแต่ห้าวันก่อนจวบจนบัดนี้ เขาได้สั่งสมความโกรธแค้นอัดอั้นไว้ในใจมากเกินพอแล้ว!

เขาไม่มีทางลืมภาพเหตุการณ์อันตรายที่ถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คนปิดล้อมสังหารตรงประตูเมือง และไม่มีวันลืมบาดแผลและการถูกปิดล้อมที่เขาได้รับ!

ในเวลานั้น แม้แต่พวกผู้ฝึกปราณที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องยังกล้ามองว่าเขาเป็นแกะอ้วน ลงมือโจมตีสังหาร!

ในเวลานั้น ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งต่างกำลังใจฮึกเหิม มองว่าเขาเป็นเหยื่อ คุมเชิงกันเพียงเพื่อแย่งโอกาสในการสังหารตนเป็นคนแรก!

พวกเขา…

เห็นตนเป็นอะไร

หรือจะบอกว่าเพราะเมื่อก่อนตนเป็นคนใจดีมีเมตตาเกินไป ยังฆ่าแกงคนอื่นไม่มากพอ

โดยเฉพาะเมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋นยอมเลือกจะสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา ยิ่งเป็นการปลุกความโกรธแค้นที่สั่งสมในใจของหลินสวินจนลุกโชนถึงขีดสุด!

และตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการก็คือการระบายออก!

ตูม!

ฟ้าดินแถบนี้เต็มไปด้วยฝนเลือด เสียงร้องโหยหวนก้องสะท้อน ประหนึ่งกลายเป็นขุมนรก

“เร็วเข้า รีบขวางเขาไว้!” มีคนตะโกนขึ้นมา

ทว่าล้วนไม่มีประโยชน์ รอบกายของหลินสวินลุกโชนไร้เทียมทาน แสงมรรคหมุนวน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสามารถสังหารศัตรูทั่วทิศ!

“สารเลว เจ้ากล้าหรือ!”

ผู้กล้าขอบเขตมกุฎคนหนึ่งจากเผ่าอีกาทองพุ่งออกไป นี่เป็นชายหนุ่มชุดเทา คิ้วกระบี่ตาดารา ท่าทางผ่าเผย พลังศักดิ์สิทธิ์น่าประหวั่นพรั่นพรึง

หลินสวินเหลือบมองเขา แค่กวักมือครั้งเดียวชายชุดเทาก็ถูกม้วนตลบเข้ามา

“ไม่!” เขาหน้าเปลี่ยนสีในพริบตา ตะโกนร้องออกไป ร่างกายเปลี่ยนเป็นอีกาทองตัวหนึ่ง สยายปีกกระพือหวังจะดิ้นหลุดออกไป

เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเช่นไรต่างไม่เป็นผลทั้งสิ้น ต่อหน้าหลินสวิน แม้ตัวเขาเป็นถึงบุคคลขอบเขตมกุฎ กระนั้นก็ไร้ความสามารถอยู่ดี

ครึ่ก!

พริบตาถัดมาปีกของเขาถูกหลินสวินกระชากออก ฝนเลือดสาดกระเซ็น

ทุกคนล้วนหวาดผวา นี่ไม่ใช่บุคคลขอบเขตมกุฎทั่วๆ ไป ทว่าบัดนี้กลับเสมือนลูกไก่ตัวน้อยๆ ถูกฉีกกระชากทั้งเป็น!

นี่คือความแตกต่างระหว่างหิ่งห้อยกับจันทรา ที่ไม่อาจทัดเทียมแข่งขันได้แม้แต่น้อย!

“น่าชังนัก!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองร้องตะโกนด้วยความเจ็บแค้นยากจะทนไหว เพราะนั่นคือบุคคลแกนหลักคนหนึ่งของพวกเขา กลับมาถูกฆ่าแกงเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังตายอย่างน่าอเนจอนาถ

สวบ!

ขณะที่หลินสวินเยื้องกรายต่อไป มือพลันยื่นคว้ากระสวยบินสีดำที่โจมตีอย่างอำมหิตเข้ามากะทันหัน พุ่งมาจากฝั่งเผ่าวิญญาณสมุทร

หลินสวินไม่ได้มองด้วยซ้ำ เพียงแค่สะบัดมือกระสวยบินสีดำนั่นก็ลอยพุ่งกลับไปราวกับสายฟ้าแลบสีดำ เสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้น สังหารชายชุดดำที่ซ่อนตัวกลางผู้คนจนสิ้นใจ

เบื้องหน้าผู้แข็งแกร่งลัทธิบูชาจันทร์หลายคนผนึกกำลังดาหน้าเข้ามา ฉวยโอกาสนี้เรียกดาบคมดุจจันทร์เสี้ยวนับพันนับหมื่นเล่ม

ดาบคมแต่ละเล่มล้วนส่องประกายเย็นเยียบ แหลมคนไร้เทียมทาน พุ่งเข้ามานับหมื่นนับพันเล่มก่อร่างกลายเป็นค่ายกลดาบ พาให้ผู้คนหวาดผวา

“ไสหัวไป!”

หลินสวินกล่าว ก็เห็นว่าคลื่นเสียงอันไร้รูปกลายเป็นสัตว์เทพผูเหลาทะยานสู่ฟากฟ้าเสียงครืนครัน ระเบิดค่ายกลดาบที่แผ่คลุมเข้ามา

ส่วนผู้สืบทอดลัทธิบูชาจันทร์หลายคนพวกนั้นล้วนหลบหนีไม่พ้น ถูกแรงกระเทือนจนเลือดออกทั้งเจ็ดทวาร จิตวิญญาณแตกดับ

ผู้คนล้วนใจสั่น นี่เป็นอานุภาพน่าสะพรึงเช่นไรกันแน่ เพียงแค่เสียงคำรามถึงกับสังหารผู้แข็งแกร่งได้มากมาย!

หลายคนเพิ่งเคยเห็นหลินสวินสำแดงพลังกับตาเป็นครั้งแรก สายตาแต่ละคู่ที่จับจ้องแทบจะถลนออกมา รับรู้ได้ว่าเทพมารหลินน่าหวั่นเกรงยิ่งกว่าข่าวลือที่เคยได้ยิน

อีกทั้งผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่เคยเห็นพลังต่อสู้ของหลินสวิน ขณะนี้ก็ไม่อาจสงบใจได้เช่นกัน เมื่อเปรียบกับยามบาดเจ็บปางตายเมื่อห้าวันก่อน เทพมารหลินในเวลานี้เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก!

ฟ้าดินแถบนี้ล้วนกลายเป็นสนามรบนองเลือด เสียงร้องโหยหวนดังระงม

หลินสวินคนเดียวกวาดล้างไปทั่ว ไร้ศัตรูต้านทาน ไร้คนขวางได้ ล้วนแตกพ่ายในทุกย่างก้าว

ทุกแห่งหนที่เขาเยื้องกรายไป หลงเหลือไว้เพียงซากศพ เศษสมบัติและเสียงโหยหวน!

“อ๊าก…”

ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งต่างถูกสังหารจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวแตกพ่ายไม่เป็นขบวน บุกไปที่ใดก็ล้วนแตกกระเจิงทั่วทิศ

เนื่องจากพวกเขาเกิดความหวาดกลัวถึงขีดสุดแล้ว พลังอันน่าสะพรึงเช่นนี้ไม่อาจสกัดกั้นไว้ได้ สามารถกำราบทุกสิ่ง ทำให้จิตต่อสู้ของพวกเขาพังทลายลง ใครเล่าจะกล้าเอาชีวิตไปทิ้ง

เห็นดังนี้หลินสวินพลันหายใจลึกเฮือกใหญ่ กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “วันนี้ ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจหนีพ้น”

แม้ไม่ได้กล่าวเสียงดัง กระนั้นกลับกึกก้องไปทั่วทั้งลาน ท่วมท้นด้วยอานุภาพน่ายำเกรงอันไร้รูปอย่างหนึ่ง ประหนึ่งนายเหนือหัวสั่งบัญชาลงมาอย่างเด็ดขาด

โครม!

เพิ่งสิ้นเสียง หลินสวินยืนอยู่กลางวง พลังต้องห้ามไร้รูปสายหนึ่งแผ่ออกไปทันใด ราวกับลมพายุที่เข้ากวาดล้างจักรวาล

ชั่วพริบตาภาพที่ทำให้ผู้คนสะเทือนขวัญก็ปรากฏ

เงาร่างที่กำลังหลบหนีไปทั่วทิศเหล่านั้น แต่ละคนถูกกักขังเอาไว้ประหนึ่งแมลงที่ถูกตาข่ายดักจับ

พวกเขายังคงอยู่ในท่วงท่าเดิม บ้างกำลังเหยียบย่างแสงเคลื่อน บ้างก็พุ่งอยู่กลางฟ้าดิน สีหน้าของแต่ละคนเผยให้เห็นความตื่นตระหนกที่ควบคุมไม่อยู่ ดูไปแล้วช่างแปลกชอบกลโดยแท้

นี่ คือผนึกป้าเซี่ย!

เพียงแต่อานุภาพของมันถูกหลินสวินโคจรถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ตูม!

หลินสวินกวาดสายตาออกไปทั่วทิศ ราวกับประกายสายฟ้าฉีกทึ้งห้วงอากาศ เขาในเวลานี้ดุจดั่งนายเหนือหัวผู้กุมความเป็นตายของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ยกมือขึ้นกำเพียงเบาๆ

ก็เห็นว่าเงาร่างที่ถูกกักขังแต่ละคนล้วนระเบิดแตกพร้อมกัน กลายเป็นเถ้าธุลีด้วยพลังทำลายล้างแห่งผนึกป้าเซี่ย

เมื่อมองจากไกลๆ ฟ้าดินแถบนี้ดูประหนึ่งมีฝนเลือดตกกระหน่ำ ย้อมห้วงอากาศกลายเป็นสีแดงฉาน บาดตาอย่างที่สุด

ผู้ฝึกปราณที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่ไกลๆ ต่างอ้าปากค้าง สะท้านขวัญจนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น อานุภาพเช่นนี้ไม่เหมือนสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติควรมีไว้ครอบครอง

น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!

สัตว์ประหลาดยุคโบราณและปีศาจแห่งยุคที่เร้นกายในหมู่ผู้คนบางส่วน เดิมทีมีทีท่าร่วมชมความครึกครื้น ทว่าการโจมตีที่เห็นนี้ล้วนทำให้พวกเขาใจสะท้านขึ้นมา หน้าเปลี่ยนสีด้วยเช่นกัน

คนผู้นี้ หรือจะไปถึงขอบเขตราชันมกุฎแล้ว

ขอบเขตราชันกับกลายเป็นราชัน เป็นสองคำที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ขอบเขตราชันมกุฎเป็นสิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย มีนัยว่าบนเส้นทางแห่งมกุฎมรรคาในระดับกระบวนแปรจุตินี้ หลินสวินอยู่ในขั้นที่ไร้ผู้ทัดเทียม กำราบสยบสิ้นในทุกพลังของคนรุ่นเดียวกัน!

และเวลานี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ได้หลบหนีพวกนั้นต่างก็หวาดผวาจนแทบพังทลายแล้ว

พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนคิดว่าหลินสวินบาดเจ็บสาหัสปางตาย สามารถฆ่าแกงได้ตามใจ มองว่าเขาเป็นเหมือนเหยื่อ ทว่ากลับไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะสำแดงอานุภาพที่น่าสะพรึงเช่นนี้ออกมา!

และยามนี้พวกเขาถึงเพิ่งนึกได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงก้องระบือทั่วใต้หล้ามาตั้งแต่ยามอยู่โลกภายนอก เป็นบุคคลระดับเทพมารซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการเข่นฆ่าสังหาร

และเพิ่งนึกได้ว่า ยามที่ก้าวสู่แดนเผาเซียน เขาก็บุกเข้าอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง ปล้นคลังสมบัติ ซ้ำยังเคยสังหารบุคคลขอบเขตมกุฎยี่สิบหกคนในหุบเขาผลาญสวรรค์มาแล้ว!

ตัวตนเช่นนี้ พวกเขาไหนเลยจะสามารถต่อกรได้

“หลินสวิน เจ้าไม่กลัวว่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันในขุมอำนาจของพวกข้าจะล้างแค้นหรือ”

มีคนตะโกนเดือดดาล เป็นหลูชวนแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรนั่นเอง

ปึ้ก!

หลินสวินหมุนตัว ประทับปี้อั้นทะยานกลางฟ้าและสยบสังหารลงไป หลูชวนพยายามต้านทานสุดความสามารถ แต่ก็ยังไม่เป็นผล ถูกกดทับทั้งอย่างนั้น ร่างกายระเบิดแตกทันใด

หลังจากนั้นหลินสวินถึงเอ่ยปากว่า “เมื่อข้ากลายเป็นราชัน ข้าย่อมไปคิดบัญชีกับพวกสวะไร้ค่าที่อยู่นอกเมืองเหล่านั้น!”

ทุกคนต่างตื่นตระหนก ระดับราชันกลุ่มหนึ่งกลับถูกหลินสวินมองว่าเป็น ‘สวะไร้ค่า’ นี่แสดงให้เห็นถึงความกร้าวแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย

การสังหารยังคงดำเนินไป

ครั้งนี้หลินสวินไม่คิดจะยั้งมือไว้ไมตรีแล้ว หมายเก็บกวาดศัตรูทั้งหมดในเมืองนี้ให้ราบคาบ!

“หลินสวิน พอแต่เพียงเท่านี้เถิด ความแค้นควรเลิกแล้วต่อกันหาใช่ผูกใจเจ็บยิ่งขึ้นไปอีก เหตุใดต้องฆ่าแกงให้สิ้นซากเช่นนี้ด้วย”

ทันใดนั้นในกลุ่มคนที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ มีชายหนุ่มผมขาวคนหนึ่งก้าวออกมา เขากล่าวด้วยเสียงราบเรียบ หมายจะหยุดยั้งการฆ่าฟันในครั้งนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+