Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1172 สัมผัสถึงจุดเปลี่ยน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1172 สัมผัสถึงจุดเปลี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถูกโจมตีอย่างหนักยังคิดหลบหนีได้ทันที การตอบสนองที่ฉับไวเช่นนี้ทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างรู้สึกตกตะลึง

โก่วเหยียนตงแข็งแกร่งจริงโดยไม่ต้องสงสัย!

แต่ที่น่าเสียดายคือ คนที่เขาเจอคราวนี้คือหลินสวิน

“กระบวนท่าที่สาม!”

ขณะที่เขากำลังหลบหนีดาบหักก็ผ่าเฉือนลงมาอีกครั้ง วูบไหวไม่แน่นอน ราวมายาไม่เที่ยงแท้ ประหนึ่งตัวแปรมหามรรคมาเยือน

กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้!

ไม่มีใครสามารถจับร่องรอยของกระบวนเฉือนนี้ได้

หนึ่งเพราะเร็วเกินไป สองเป็นเพราะปริศนาที่แฝงอยู่ในกระบวนเฉือนนี้เร้นลับและอัศจรรย์เกินไป ทั้งซ่อนเร้นและลึกลับราวปริศนามหามรรค ยากเกินบรรยาย!

ผลุบ!

ศีรษะมนุษย์ร่วงลงสู่พื้น

จากนั้นโลหิตแดงสดสาดกระจาย

ท้ายที่สุดศพไร้หัวของโก่วเหยียนตงก็ล้มลงกับพื้นดังสนั่น

กลางฟ้าดินเงียบกริบไร้สุ้มเสียง

ในความเงียบสงัดมีบรรยากาศสะท้านใจคนกำลังอบอวล

ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎยุคปัจจุบันที่มีชื่อเสียงมานานซึ่งมีจำนวนแค่นับนิ้วได้คนหนึ่ง ตายลงเช่นนี้หรือ

สีหน้าผู้ชมในที่นั้นมึนงง จิตใจถูกฉากนองเลือดนี้ทำเอาหวั่นหวาด

ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เห็นว่ากระบวนท่าที่สามนี้ฟาดผ่าลงมาอย่างไร!

ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างพวกชายชุดเงินเห็นดังนี้ก็ต่างเบิกตากว้าง จิตใจกระตุกวูบหนักหน่วง รู้สึกมึนงงทันที

อีกแค่ก้าวเดียวโก่วเหยียนตงก็จะกลายเป็นระดับมกุฎราชันได้สำเร็จ! เป็นบุคคลแห่งยุคที่ถูกคนในเผ่าชื่นชม!

แต่ยังไม่ทันได้เข้าสู่แดนเก้าบนก็ถูกสังหารแล้ว…

ในที่ลับ สัตว์ประหลาดยุคโบราณและบุคคลขอบเขตมกุฎของขุมอำนาจบางส่วนเห็นดังนี้ก็ต่างตกใจจนขนพองสยองเกล้า ขนลุกไปทั้งตัว!

นี่เป็นกระบวนเฉือนอะไรกัน

แม้แต่พวกเขายังรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิตราวกับจะหายใจไม่ออก ไม่จำเป็นต้องสงสัย ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นมาเผชิญหน้ากระบวนเฉือนนี้ก็คงต้านทานไม่อยู่!

“ไม่…!” ครู่ใหญ่พวกชายชุดเงินถึงตื่นจากความตระหนก ส่งเสียงหวีดร้องและคำรามอย่างตระหนกขุ่นเคือง

บรรยากาศเงียบสงัดถูกทำลาย

ทุกคนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ประหนึ่งฝันร้ายไม่ใช่ความจริง

และทำให้พวกเขาตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม!

เวลานี้ยามพวกเขามองไปยังพวกชายชุดเงินอีกครั้ง ในแววตาไม่ใช่แค่สงสาร ยังมีความเห็นใจอยู่ด้วย

กรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสนอง เหตุใดก่อนหน้านี้ต้องหาเรื่องใส่ตัว

พวกชายชุดเงินดวงตาปูดโปนแทบถลน ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก เลือกที่จะหนีอย่างไม่เหนือความคาดหมาย

แต่เมื่อดาบหักวูบไหวส่องประกาย ร่างพวกเขาก็ร่วงหล่นศพแล้วศพเล่าพร้อมเสียงตึงๆ ไม่ขาดหู

ล้วนถูกฆ่าตายหมด!

เลือดนองแผ่นดิน!

พร้อมกันนี้เงาร่างหลินสวินเดินออกมาจากตำหนักแล้วยกมือโบก ดาบหักพลันเปลี่ยนเป็นรุ้งเทพสายหนึ่งและหายไปกลางหว่างคิ้วเขาทันที

“ทุกท่าน วันหน้าหากมีพวกโง่ไม่เปิดหูเปิดตาเช่นนี้บุกมา ขออย่าได้เกลี้ยกล่อมนัก ข้าอยากรู้ว่ายังมีใครอยากออกมาจัดการข้าหลินสวินจนทนไม่ไหวบ้าง”

นัยน์ตาดำของหลินสวินกวาดมองโดยรอบ ประสานมือกล่าว

ในใจทุกคนสั่นสะท้าน เทพมารหลินนี่ยังฆ่าไม่สมใจอยากรึ

ขณะคิดเช่นนี้การกระทำพวกเขากลับไม่ได้ช้า พากันพยักหน้าบ้างตบอกรับคำบ้าง

เห็นดังนี้หลินสวินประสานมืออีกครั้ง เก็บศพพวกโก่วเหยียนตงอย่างแคล่วคล่องแล้วหันหลังเดินเข้าไปในตำหนัก

ไม่นานนักกลิ่นเนื้อย่างอันเป็นเอกลักษณ์ยวนใจพลันลอยออกมาจากตำหนัก ทำเอาผู้คนน้ำลายหก

‘เทพมารหลินนี่… ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้จริงๆ!’

ผู้ฝึกปราณไม่น้อยสูดหายใจเย็น

โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตหลากเผ่าจำพวกอสูรวิญญาณปักษาเทพบางส่วนยิ่งขนลุกในใจ หากล่วงเกินเทพมารหลินนี่ ไม่เพียงแต่ต้องตายอย่างอนาถ ยังอาจถูกกินด้วย!

ในตำหนักหลินสวินย่างขาหมาดำเหลืองอร่ามอาบมัน พลางใคร่ครวญสามกระบวนเฉือนก่อนหน้านี้ไปด้วย

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ส่ายหัว

บางทีโก่วเหยียนตงอาจเป็นยอดบุคคลในหมู่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎยุคปัจจุบัน แต่สำหรับหลินสวินแล้วไม่มีภัยคุกคาม

การต่อสู้กับเขาก็ไม่มีอะไรน่ากล่าวถึง

ก่อนหน้านี้หากต้องการสังหารคนผู้นี้ แค่กระบวนเฉือนเดียวก็พอแล้ว!

น้ำ ไฟ ไร้มรณะ เจินหลง ดับดารากลืนกิน

มหามรรคทั้งห้าล้วนบรรลุถึงระดับแก่นมรรคแล้ว เป็นจุดสูงสุดที่ปราณห้าระดับใหญ่สามารถหยั่งถึง

ระดับ ‘ระเบียบมรรค’ ที่สูงยิ่งกว่า มีเพียงก้าวสู่ระดับราชันถึงจะมีพลังควบคุมได้

ระเบียบมรรค กฎเกณฑ์แห่งมหามรรค

เมื่อบรรลุสู่ระดับราชัน สิ่งที่ต้องหยั่งรู้ก็คือกฎเกณฑ์มรรคราชัน ด้วยเกี่ยวข้องกับการแสวงหนทางแห่งมรรคาอมตะ หรือที่เรียกว่ากฎเกณฑ์อมตะ!

เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินต้องพิจารณาในปัจจุบัน

ในวันเวลาต่อมา หลินสวินเริ่มสงบจิตพิจารณากระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้

กระบวนเฉือนนี้เร้นลับและลึกซึ้งเหลือประมาณ เกี่ยวข้องกับตัวแปรมหามรรค อย่าเห็นว่าเป็นเพียงกระบวนเฉือนหนึ่ง ภายในกลับซ่อนความลับนับหมื่นพัน อาศัยความรู้ของหลินสวินเสริมด้วยพลังแห่งมรรคพ้องดั่งใจ ยังยากจะเข้าใจความลับของมันอย่างลึกซึ้ง

ทุกครั้งที่หยั่งรู้จะทำให้เขาได้รับประโยชน์อย่างมาก

นี่ทำให้หลินสวินอดใคร่ครวญไม่ได้ หากสามารถเข้าใจกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ได้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจปริศนาของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าได้อย่างปรุโปร่งทั้งหมด อานุภาพของมรดกวิชานี้คงถูกสำแดงออกมาได้อย่างแท้จริง

ขณะที่หลินสวินมุ่งมั่นปิดด่านฝึกตน โลกภายนอกสถานการณ์ก็แปรปรวนไปพร้อมกัน

ยิ่งใกล้เวลาเปิดช่องทางแดนเก้าบน การแข่งขันในหอมกุฎก็ดุเดือดและเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเดิม

ทุกวันจะมีคนดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรก

และมีผู้แข็งแกร่งที่เดิมอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกถูกเบียดตกลงมาเช่นกัน

ภายใต้การคัดออกที่ไม่ว่างเว้นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดท้ายสามารถดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรก จะต้องเป็นผู้กร้าวแกร่งในเหล่ามือฉมัง เป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่ผู้แข็งแกร่ง!

แต่ไม่ว่าลำดับจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตำแหน่งสิบอันดับแรกก็ถูกสั่นคลอนได้น้อยนัก และหลินสวินที่ก้าวมาอยู่อันดับหนึ่งก็ไม่เคยถูกสั่นคลอน

นี่ทำให้ผู้คนอัศจรรย์ใจ ตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม

การแข่งขันของหอมกุฎไม่ได้มีแค่แดนเผาเซียน แต่กำลังเปิดฉากอยู่ทั่วสามพันแดนราวไฟลุกโหม

“คาดเดาได้เลยว่า สุดท้ายจะมีคนแค่สองประเภทที่สามารถมุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนได้”

“ประเภทแรกคือผู้บรรลุระดับราชัน ประเภทที่สองก็คือบุคคลขอบเขตมกุฎที่ดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรกของบันไดสวรรค์มหามรรคได้!”

“และการแข่งขันในแดนเก้าบน จะต้องเป็นการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของบุคคลขอบเขตมกุฎทั้งสามพันแดน ใครสามารถก้าวสู่ระดับมกุฎราชันได้ก็จะได้เปรียบ!”

“ในทางกลับกันบุคคลขอบเขตมกุฎที่ไม่อาจก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน ทั้งยังติดอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติ จะต้องเจอวิกฤติอย่างไม่เคยมีมาก่อน!”

ผู้ฝึกปราณมากมายคาดการณ์ออกมาเป็นเอกฉันท์

“สำหรับเทพมารหลิน สถานการณ์ไม่อาจมองในแง่ดี!”

มีคนค้นพบอย่างน่าตกใจ สำหรับคนรุ่นเดียวกันในแดนเผาเซียนเทพมารหลินอาจเรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกร แต่ทันทีที่ไปยังแดนเก้าบน สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นอันตราย!

อย่างพวกผู้สืบทอดขุมอำนาจสำนักต่างๆ ข้างกายยังมีศิษย์ร่วมสำนักที่เพิ่งบรรลุเป็นราชันปกป้อง ไม่ถึงขั้นประสบภัยคุกคามมากนัก

แต่เทพมารหลินที่โดดเดี่ยวตัวคนเดียว ไม่เพียงแต่ไม่มีการคุ้มครองแบบเดียวกัน กลับสร้างศัตรูเป็นเบือเสียด้วยซ้ำ เมื่อไปถึงแดนเก้าบนสถานการณ์ของเขาจะต้องล่อแหลมอันตรายกว่าคนอื่นแน่!

“วางใจเถอะ คนอย่างเทพมารหลินคงไม่มีทางถูกฆ่าง่ายๆ คิดดูสิ หลายปีมานี้อันตรายที่เขาเจอถือว่าน้อยรึ แต่ทุกครั้งก็ยังถูกเขาพลิกร้ายกลายเป็นดีได้ไม่ใช่หรือ”

และมีคนเชื่อมั่นในตัวหลินสวิน

“ผงาดขึ้นมาจากประสบการณ์ยากลำบากนองเลือด เปลี่ยนแปลงผ่านบททดสอบเป็นตาย นี่อาจเป็นหนทางที่เทพมารหลินต้องก้าวเดิน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทรงพลังอย่างต่อเนื่อง!”

มีคนใคร่ครวญ

ตั้งแต่พวกโก่วเหยียนตงถูกสังหาร ในช่วงเวลาต่อมาก็มีขุมอำนาจต่างถิ่นมากมายข้ามแดนมา หมายสังหารหลินสวิน

แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆ ของหลินสวินแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่มาด้วยท่าทีเหิมเกริมพวกนี้ท้ายที่สุดก็ม้วนหางจากไป

ในขุมอำนาจเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความแค้นเก่ากับหลินสวินมาก่อน

ตัวอย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สำนักยุทธ์สมุทรคราม แดนพิสุทธิ์อมตะ เผ่าหงส์เขียว เผ่าฉลามสมุทรเป็นต้น

พวกเขาต่างได้ยินข่าวว่าหลินสวินปรากฏตัวที่แดนเผาเซียน จึงรีบระดมกำลังมาคิดหาโอกาสกำจัดหลินสวิน

เพียงแต่เมื่อมาถึงแดนเผาเซียน ได้รับรู้การกระทำต่างๆ ของหลินสวินในช่วงเกือบหนึ่งปีมานี้ พวกเขาถึงตระหนักได้ทันทีว่าไม่เหมาะ ไม่อาจไม่ล่าถอย

ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากในหมู่คนรุ่นเดียวกันหลินสวินนั้นไร้คู่ต่อกรแล้ว ไม่ว่าใครล้วนไม่อยากเลือกสู้ตายในเวลานี้

ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกันแล้ว การคว้าโอกาสบรรลุระดับราชันก็สำคัญกว่า!

หากเสี่ยงตายสู้กับหลินสวินจนเกิดเหตุไม่คาดฝัน สูญเสียโอกาสกลายเป็นราชัน เช่นนั้นจะกลายเป็นโชคร้ายครั้งใหญ่แทน

ควรตัดสินใจอย่างไร ขอแค่ไม่โง่ใครก็แยกแยะออก

“ข่าวใหญ่ สัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่าเจียวขาวไป๋หลงถิง ชักนำให้เกิดเคราะห์ราชันไร้เทียมทานที่แดนมายาเขียว ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอย่างราบรื่น!”

วันนี้หลินสวินตื่นขึ้นจากการปิดด่านฝึกตน ก็ได้ยินข่าวใหญ่ที่กำลังแพร่สะพัดบนท้องถนนในเมืองอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครม คิดไม่ใส่ใจล้วนยากนัก

‘ไป๋หลงถิง ที่แท้ก็เป็นเขา…’

หลินสวินนึกขึ้นมาได้ ตอนนั้นที่งานชุมนุมพันกระแส หมีเหิงเจินเคยรับคำท้าของคนผู้นี้

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มาจากเผ่าเจียวขาวผู้นี้ จะก้าวสู่ระดับมกุฎราชันในสามพันแดนได้!

‘เป็นคนที่สิบสามแล้วสินะ’

หลินสวินใคร่ครวญเงียบๆ ช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับบุคคลขอบเขตมกุฎบรรลุระดับราชันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เริ่มตั้งแต่ชื่อหลิงเซียวที่เหยียบย่างบนขอบเขตมกุฎระดับราชันได้เป็นคนแรก จนถึงไป๋หลงถิงในตอนนี้ ในสามพันแดนได้ถือกำเนิดระดับมกุฎราชันแล้วสิบสามคน

นี่คือส่วนที่รับรู้ได้ ส่วนในที่ลับจะมีคนก้าวสู่ระดับนี้แล้วหรือไม่ ใครก็พูดลำบาก!

ข่าวพวกนี้แน่นอนว่าไม่ส่งผลต่อหลินสวิน เพียงแต่ที่ทำให้เขาเกินคาดหมายคือ ในสิบสามคนที่กลายเป็นระดับมกุฎราชันนี้ แทบทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ!

นี่ก็คือรากฐานพลัง!

ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่ยอมรับ คนในปัจจุบันเทียบกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนี้แล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรบกพร่อง ขาดแต่เพียงรากฐานพลังอย่างเดียว!

ด้วยสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนี้ส่วนมากเคยเข้าสู่แดนมกุฎในสมัยบรรพกาลมาก่อน เคยท่องไปในสามพันแดน กระทั่งเคยเข้าสู่แดนเก้าบน

ความเข้าใจและความรู้ที่มีต่อแดนมกุฎ ไม่ใช่สิ่งที่คนในปัจจุบันสามารถเทียบได้อย่างสิ้นเชิง

ก็เหมือนเจ้าคางคก เพิ่งเข้าสู่แดนมกุฎไม่ทันไรก็ยึดกุมศุภโชคใหญ่ในหุบเขาผลาญสวรรค์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสาะหาและสำรวจอย่างลำบากเหมือนผู้ฝึกปราณคนอื่นเลยสักนิด

นี่เหมือนฟ้าประทานให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ!

แค่คิดก็รู้ ว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนอื่นที่เหมือนเจ้าคางคกก็ต้องเป็นเช่นนี้แน่

‘ไม่ต้องรีบร้อน มรรคาของข้าไม่เกี่ยวกับศุภโชคและวาสนา ขาดแต่เพียงโอกาสเดียว ทั้งยังใกล้มาถึงแล้ว…’

หลินสวินพึมพำในใจ

ช่วงนี้ยามปิดด่านฝึกตน เขามักมีสังหรณ์เด่นชัดเหมือนฉุกคิดขึ้นมาได้ รู้สึกได้ถึงจุดเปลี่ยนในการบรรลุราชันของตน ว่าใกล้มาถึงแล้ว!

นี่เป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ยิ่งอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นจากจิตใจ เลิศล้ำเกินบรรยาย

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1172 สัมผัสถึงจุดเปลี่ยน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1172 สัมผัสถึงจุดเปลี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถูกโจมตีอย่างหนักยังคิดหลบหนีได้ทันที การตอบสนองที่ฉับไวเช่นนี้ทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างรู้สึกตกตะลึง

โก่วเหยียนตงแข็งแกร่งจริงโดยไม่ต้องสงสัย!

แต่ที่น่าเสียดายคือ คนที่เขาเจอคราวนี้คือหลินสวิน

“กระบวนท่าที่สาม!”

ขณะที่เขากำลังหลบหนีดาบหักก็ผ่าเฉือนลงมาอีกครั้ง วูบไหวไม่แน่นอน ราวมายาไม่เที่ยงแท้ ประหนึ่งตัวแปรมหามรรคมาเยือน

กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้!

ไม่มีใครสามารถจับร่องรอยของกระบวนเฉือนนี้ได้

หนึ่งเพราะเร็วเกินไป สองเป็นเพราะปริศนาที่แฝงอยู่ในกระบวนเฉือนนี้เร้นลับและอัศจรรย์เกินไป ทั้งซ่อนเร้นและลึกลับราวปริศนามหามรรค ยากเกินบรรยาย!

ผลุบ!

ศีรษะมนุษย์ร่วงลงสู่พื้น

จากนั้นโลหิตแดงสดสาดกระจาย

ท้ายที่สุดศพไร้หัวของโก่วเหยียนตงก็ล้มลงกับพื้นดังสนั่น

กลางฟ้าดินเงียบกริบไร้สุ้มเสียง

ในความเงียบสงัดมีบรรยากาศสะท้านใจคนกำลังอบอวล

ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎยุคปัจจุบันที่มีชื่อเสียงมานานซึ่งมีจำนวนแค่นับนิ้วได้คนหนึ่ง ตายลงเช่นนี้หรือ

สีหน้าผู้ชมในที่นั้นมึนงง จิตใจถูกฉากนองเลือดนี้ทำเอาหวั่นหวาด

ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เห็นว่ากระบวนท่าที่สามนี้ฟาดผ่าลงมาอย่างไร!

ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างพวกชายชุดเงินเห็นดังนี้ก็ต่างเบิกตากว้าง จิตใจกระตุกวูบหนักหน่วง รู้สึกมึนงงทันที

อีกแค่ก้าวเดียวโก่วเหยียนตงก็จะกลายเป็นระดับมกุฎราชันได้สำเร็จ! เป็นบุคคลแห่งยุคที่ถูกคนในเผ่าชื่นชม!

แต่ยังไม่ทันได้เข้าสู่แดนเก้าบนก็ถูกสังหารแล้ว…

ในที่ลับ สัตว์ประหลาดยุคโบราณและบุคคลขอบเขตมกุฎของขุมอำนาจบางส่วนเห็นดังนี้ก็ต่างตกใจจนขนพองสยองเกล้า ขนลุกไปทั้งตัว!

นี่เป็นกระบวนเฉือนอะไรกัน

แม้แต่พวกเขายังรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิตราวกับจะหายใจไม่ออก ไม่จำเป็นต้องสงสัย ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นมาเผชิญหน้ากระบวนเฉือนนี้ก็คงต้านทานไม่อยู่!

“ไม่…!” ครู่ใหญ่พวกชายชุดเงินถึงตื่นจากความตระหนก ส่งเสียงหวีดร้องและคำรามอย่างตระหนกขุ่นเคือง

บรรยากาศเงียบสงัดถูกทำลาย

ทุกคนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ประหนึ่งฝันร้ายไม่ใช่ความจริง

และทำให้พวกเขาตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม!

เวลานี้ยามพวกเขามองไปยังพวกชายชุดเงินอีกครั้ง ในแววตาไม่ใช่แค่สงสาร ยังมีความเห็นใจอยู่ด้วย

กรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสนอง เหตุใดก่อนหน้านี้ต้องหาเรื่องใส่ตัว

พวกชายชุดเงินดวงตาปูดโปนแทบถลน ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก เลือกที่จะหนีอย่างไม่เหนือความคาดหมาย

แต่เมื่อดาบหักวูบไหวส่องประกาย ร่างพวกเขาก็ร่วงหล่นศพแล้วศพเล่าพร้อมเสียงตึงๆ ไม่ขาดหู

ล้วนถูกฆ่าตายหมด!

เลือดนองแผ่นดิน!

พร้อมกันนี้เงาร่างหลินสวินเดินออกมาจากตำหนักแล้วยกมือโบก ดาบหักพลันเปลี่ยนเป็นรุ้งเทพสายหนึ่งและหายไปกลางหว่างคิ้วเขาทันที

“ทุกท่าน วันหน้าหากมีพวกโง่ไม่เปิดหูเปิดตาเช่นนี้บุกมา ขออย่าได้เกลี้ยกล่อมนัก ข้าอยากรู้ว่ายังมีใครอยากออกมาจัดการข้าหลินสวินจนทนไม่ไหวบ้าง”

นัยน์ตาดำของหลินสวินกวาดมองโดยรอบ ประสานมือกล่าว

ในใจทุกคนสั่นสะท้าน เทพมารหลินนี่ยังฆ่าไม่สมใจอยากรึ

ขณะคิดเช่นนี้การกระทำพวกเขากลับไม่ได้ช้า พากันพยักหน้าบ้างตบอกรับคำบ้าง

เห็นดังนี้หลินสวินประสานมืออีกครั้ง เก็บศพพวกโก่วเหยียนตงอย่างแคล่วคล่องแล้วหันหลังเดินเข้าไปในตำหนัก

ไม่นานนักกลิ่นเนื้อย่างอันเป็นเอกลักษณ์ยวนใจพลันลอยออกมาจากตำหนัก ทำเอาผู้คนน้ำลายหก

‘เทพมารหลินนี่… ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้จริงๆ!’

ผู้ฝึกปราณไม่น้อยสูดหายใจเย็น

โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตหลากเผ่าจำพวกอสูรวิญญาณปักษาเทพบางส่วนยิ่งขนลุกในใจ หากล่วงเกินเทพมารหลินนี่ ไม่เพียงแต่ต้องตายอย่างอนาถ ยังอาจถูกกินด้วย!

ในตำหนักหลินสวินย่างขาหมาดำเหลืองอร่ามอาบมัน พลางใคร่ครวญสามกระบวนเฉือนก่อนหน้านี้ไปด้วย

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ส่ายหัว

บางทีโก่วเหยียนตงอาจเป็นยอดบุคคลในหมู่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎยุคปัจจุบัน แต่สำหรับหลินสวินแล้วไม่มีภัยคุกคาม

การต่อสู้กับเขาก็ไม่มีอะไรน่ากล่าวถึง

ก่อนหน้านี้หากต้องการสังหารคนผู้นี้ แค่กระบวนเฉือนเดียวก็พอแล้ว!

น้ำ ไฟ ไร้มรณะ เจินหลง ดับดารากลืนกิน

มหามรรคทั้งห้าล้วนบรรลุถึงระดับแก่นมรรคแล้ว เป็นจุดสูงสุดที่ปราณห้าระดับใหญ่สามารถหยั่งถึง

ระดับ ‘ระเบียบมรรค’ ที่สูงยิ่งกว่า มีเพียงก้าวสู่ระดับราชันถึงจะมีพลังควบคุมได้

ระเบียบมรรค กฎเกณฑ์แห่งมหามรรค

เมื่อบรรลุสู่ระดับราชัน สิ่งที่ต้องหยั่งรู้ก็คือกฎเกณฑ์มรรคราชัน ด้วยเกี่ยวข้องกับการแสวงหนทางแห่งมรรคาอมตะ หรือที่เรียกว่ากฎเกณฑ์อมตะ!

เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินต้องพิจารณาในปัจจุบัน

ในวันเวลาต่อมา หลินสวินเริ่มสงบจิตพิจารณากระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้

กระบวนเฉือนนี้เร้นลับและลึกซึ้งเหลือประมาณ เกี่ยวข้องกับตัวแปรมหามรรค อย่าเห็นว่าเป็นเพียงกระบวนเฉือนหนึ่ง ภายในกลับซ่อนความลับนับหมื่นพัน อาศัยความรู้ของหลินสวินเสริมด้วยพลังแห่งมรรคพ้องดั่งใจ ยังยากจะเข้าใจความลับของมันอย่างลึกซึ้ง

ทุกครั้งที่หยั่งรู้จะทำให้เขาได้รับประโยชน์อย่างมาก

นี่ทำให้หลินสวินอดใคร่ครวญไม่ได้ หากสามารถเข้าใจกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ได้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจปริศนาของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าได้อย่างปรุโปร่งทั้งหมด อานุภาพของมรดกวิชานี้คงถูกสำแดงออกมาได้อย่างแท้จริง

ขณะที่หลินสวินมุ่งมั่นปิดด่านฝึกตน โลกภายนอกสถานการณ์ก็แปรปรวนไปพร้อมกัน

ยิ่งใกล้เวลาเปิดช่องทางแดนเก้าบน การแข่งขันในหอมกุฎก็ดุเดือดและเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเดิม

ทุกวันจะมีคนดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรก

และมีผู้แข็งแกร่งที่เดิมอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกถูกเบียดตกลงมาเช่นกัน

ภายใต้การคัดออกที่ไม่ว่างเว้นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดท้ายสามารถดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรก จะต้องเป็นผู้กร้าวแกร่งในเหล่ามือฉมัง เป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่ผู้แข็งแกร่ง!

แต่ไม่ว่าลำดับจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตำแหน่งสิบอันดับแรกก็ถูกสั่นคลอนได้น้อยนัก และหลินสวินที่ก้าวมาอยู่อันดับหนึ่งก็ไม่เคยถูกสั่นคลอน

นี่ทำให้ผู้คนอัศจรรย์ใจ ตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม

การแข่งขันของหอมกุฎไม่ได้มีแค่แดนเผาเซียน แต่กำลังเปิดฉากอยู่ทั่วสามพันแดนราวไฟลุกโหม

“คาดเดาได้เลยว่า สุดท้ายจะมีคนแค่สองประเภทที่สามารถมุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนได้”

“ประเภทแรกคือผู้บรรลุระดับราชัน ประเภทที่สองก็คือบุคคลขอบเขตมกุฎที่ดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรกของบันไดสวรรค์มหามรรคได้!”

“และการแข่งขันในแดนเก้าบน จะต้องเป็นการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของบุคคลขอบเขตมกุฎทั้งสามพันแดน ใครสามารถก้าวสู่ระดับมกุฎราชันได้ก็จะได้เปรียบ!”

“ในทางกลับกันบุคคลขอบเขตมกุฎที่ไม่อาจก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน ทั้งยังติดอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติ จะต้องเจอวิกฤติอย่างไม่เคยมีมาก่อน!”

ผู้ฝึกปราณมากมายคาดการณ์ออกมาเป็นเอกฉันท์

“สำหรับเทพมารหลิน สถานการณ์ไม่อาจมองในแง่ดี!”

มีคนค้นพบอย่างน่าตกใจ สำหรับคนรุ่นเดียวกันในแดนเผาเซียนเทพมารหลินอาจเรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกร แต่ทันทีที่ไปยังแดนเก้าบน สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นอันตราย!

อย่างพวกผู้สืบทอดขุมอำนาจสำนักต่างๆ ข้างกายยังมีศิษย์ร่วมสำนักที่เพิ่งบรรลุเป็นราชันปกป้อง ไม่ถึงขั้นประสบภัยคุกคามมากนัก

แต่เทพมารหลินที่โดดเดี่ยวตัวคนเดียว ไม่เพียงแต่ไม่มีการคุ้มครองแบบเดียวกัน กลับสร้างศัตรูเป็นเบือเสียด้วยซ้ำ เมื่อไปถึงแดนเก้าบนสถานการณ์ของเขาจะต้องล่อแหลมอันตรายกว่าคนอื่นแน่!

“วางใจเถอะ คนอย่างเทพมารหลินคงไม่มีทางถูกฆ่าง่ายๆ คิดดูสิ หลายปีมานี้อันตรายที่เขาเจอถือว่าน้อยรึ แต่ทุกครั้งก็ยังถูกเขาพลิกร้ายกลายเป็นดีได้ไม่ใช่หรือ”

และมีคนเชื่อมั่นในตัวหลินสวิน

“ผงาดขึ้นมาจากประสบการณ์ยากลำบากนองเลือด เปลี่ยนแปลงผ่านบททดสอบเป็นตาย นี่อาจเป็นหนทางที่เทพมารหลินต้องก้าวเดิน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทรงพลังอย่างต่อเนื่อง!”

มีคนใคร่ครวญ

ตั้งแต่พวกโก่วเหยียนตงถูกสังหาร ในช่วงเวลาต่อมาก็มีขุมอำนาจต่างถิ่นมากมายข้ามแดนมา หมายสังหารหลินสวิน

แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆ ของหลินสวินแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่มาด้วยท่าทีเหิมเกริมพวกนี้ท้ายที่สุดก็ม้วนหางจากไป

ในขุมอำนาจเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความแค้นเก่ากับหลินสวินมาก่อน

ตัวอย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สำนักยุทธ์สมุทรคราม แดนพิสุทธิ์อมตะ เผ่าหงส์เขียว เผ่าฉลามสมุทรเป็นต้น

พวกเขาต่างได้ยินข่าวว่าหลินสวินปรากฏตัวที่แดนเผาเซียน จึงรีบระดมกำลังมาคิดหาโอกาสกำจัดหลินสวิน

เพียงแต่เมื่อมาถึงแดนเผาเซียน ได้รับรู้การกระทำต่างๆ ของหลินสวินในช่วงเกือบหนึ่งปีมานี้ พวกเขาถึงตระหนักได้ทันทีว่าไม่เหมาะ ไม่อาจไม่ล่าถอย

ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากในหมู่คนรุ่นเดียวกันหลินสวินนั้นไร้คู่ต่อกรแล้ว ไม่ว่าใครล้วนไม่อยากเลือกสู้ตายในเวลานี้

ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกันแล้ว การคว้าโอกาสบรรลุระดับราชันก็สำคัญกว่า!

หากเสี่ยงตายสู้กับหลินสวินจนเกิดเหตุไม่คาดฝัน สูญเสียโอกาสกลายเป็นราชัน เช่นนั้นจะกลายเป็นโชคร้ายครั้งใหญ่แทน

ควรตัดสินใจอย่างไร ขอแค่ไม่โง่ใครก็แยกแยะออก

“ข่าวใหญ่ สัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่าเจียวขาวไป๋หลงถิง ชักนำให้เกิดเคราะห์ราชันไร้เทียมทานที่แดนมายาเขียว ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอย่างราบรื่น!”

วันนี้หลินสวินตื่นขึ้นจากการปิดด่านฝึกตน ก็ได้ยินข่าวใหญ่ที่กำลังแพร่สะพัดบนท้องถนนในเมืองอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครม คิดไม่ใส่ใจล้วนยากนัก

‘ไป๋หลงถิง ที่แท้ก็เป็นเขา…’

หลินสวินนึกขึ้นมาได้ ตอนนั้นที่งานชุมนุมพันกระแส หมีเหิงเจินเคยรับคำท้าของคนผู้นี้

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มาจากเผ่าเจียวขาวผู้นี้ จะก้าวสู่ระดับมกุฎราชันในสามพันแดนได้!

‘เป็นคนที่สิบสามแล้วสินะ’

หลินสวินใคร่ครวญเงียบๆ ช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับบุคคลขอบเขตมกุฎบรรลุระดับราชันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เริ่มตั้งแต่ชื่อหลิงเซียวที่เหยียบย่างบนขอบเขตมกุฎระดับราชันได้เป็นคนแรก จนถึงไป๋หลงถิงในตอนนี้ ในสามพันแดนได้ถือกำเนิดระดับมกุฎราชันแล้วสิบสามคน

นี่คือส่วนที่รับรู้ได้ ส่วนในที่ลับจะมีคนก้าวสู่ระดับนี้แล้วหรือไม่ ใครก็พูดลำบาก!

ข่าวพวกนี้แน่นอนว่าไม่ส่งผลต่อหลินสวิน เพียงแต่ที่ทำให้เขาเกินคาดหมายคือ ในสิบสามคนที่กลายเป็นระดับมกุฎราชันนี้ แทบทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ!

นี่ก็คือรากฐานพลัง!

ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่ยอมรับ คนในปัจจุบันเทียบกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนี้แล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรบกพร่อง ขาดแต่เพียงรากฐานพลังอย่างเดียว!

ด้วยสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนี้ส่วนมากเคยเข้าสู่แดนมกุฎในสมัยบรรพกาลมาก่อน เคยท่องไปในสามพันแดน กระทั่งเคยเข้าสู่แดนเก้าบน

ความเข้าใจและความรู้ที่มีต่อแดนมกุฎ ไม่ใช่สิ่งที่คนในปัจจุบันสามารถเทียบได้อย่างสิ้นเชิง

ก็เหมือนเจ้าคางคก เพิ่งเข้าสู่แดนมกุฎไม่ทันไรก็ยึดกุมศุภโชคใหญ่ในหุบเขาผลาญสวรรค์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสาะหาและสำรวจอย่างลำบากเหมือนผู้ฝึกปราณคนอื่นเลยสักนิด

นี่เหมือนฟ้าประทานให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ!

แค่คิดก็รู้ ว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนอื่นที่เหมือนเจ้าคางคกก็ต้องเป็นเช่นนี้แน่

‘ไม่ต้องรีบร้อน มรรคาของข้าไม่เกี่ยวกับศุภโชคและวาสนา ขาดแต่เพียงโอกาสเดียว ทั้งยังใกล้มาถึงแล้ว…’

หลินสวินพึมพำในใจ

ช่วงนี้ยามปิดด่านฝึกตน เขามักมีสังหรณ์เด่นชัดเหมือนฉุกคิดขึ้นมาได้ รู้สึกได้ถึงจุดเปลี่ยนในการบรรลุราชันของตน ว่าใกล้มาถึงแล้ว!

นี่เป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ยิ่งอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นจากจิตใจ เลิศล้ำเกินบรรยาย

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+