Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1173 ช่องทางแดนเก้าบนเปิดออก

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1173 ช่องทางแดนเก้าบนเปิดออก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ จุดเปลี่ยนการบรรลุราชันยังไม่มา เวลาเปิดแดนเก้าบนก็มาถึงแล้ว…

วันนี้ในสามพันแดน หอมกุฎแผ่แสงเจิดจรัสอัศจรรย์ พลังกฎระเบียบไร้รูปกระจายออกมา

ภายในหอมกุฎ บันไดสวรรค์มหามรรคเปลี่ยนเป็นทางเดินสายหนึ่งมุ่งไปยังส่วนลึกสุดแห่งห้วงอากาศ!

วันนี้สามพันแดนครึกโครม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่าน

ตั้งแต่แดนมกุฎมาเยือนจนถึงวันนี้ที่ช่องทางสู่แดนเก้าบนเปิดออก ประจวบเหมาะเป็นเวลาหนึ่งปี

หนึ่งปีมานี้เกิดเรื่องระทึกขวัญมากเหลือเกิน!

มีคนร่วงหล่น

มีคนกลายเป็นราชัน

มีคนผงาดง้ำได้รับศุภโชคและวาสนาที่ปรารถนา

มีคน…

แต่นับจากวันนี้ ทุกอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดิน!

“ผู้ที่ดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรกของหอมกุฎ ผู้ที่บรรลุราชัน ล้วนมุ่งหน้าไปแดนเก้าบน ช่วงชิงศุภโชคที่ยิ่งใหญ่และพลิกฟ้ายิ่งกว่า!”

“ส่วนคนอื่นต่างทำได้แค่วาดหวังทอดถอนใจ ไร้วาสนาไปเยือน วนเวียนอยู่ในสามพันแดน”

“ระยะห่างจะแยกจากกันโดยสมบูรณ์ในวันนี้!”

คนมากมายกำลังทอดถอนใจ ถอนหายใจไม่หยุด

แดนเก้าบนคือแดนแห่งการช่วงชิงแข่งขันของบุคคลขอบเขตมกุฎ เป็นสนามรบที่หมื่นผู้กล้าธรรมบาลช่วงชิงความเป็นใหญ่ เป็นเวทีต่อสู้ของราชัน

คนอื่นไม่มีคุณสมบัติเข้าไป

นี่ก็คือความแตกต่าง

หรือพูดได้ว่าเป็นการคัดออกโดยปริยาย!

“น่าเสียดาย…”

ผู้แข็งแกร่งที่แต่ก่อนโอ้อวดว่าตนเป็นผู้กล้าและอัจฉริยะบางส่วน บัดนี้กลับไม่มีสิทธิ์เข้าไปในแดนเก้าบน สำหรับพวกเขานี่คือการโจมตีหนักหน่วงโดยไม่ต้องสงสัย

“ที่แดนเก้าบน การช่วงชิงอันดับกระดานทองคำผู้กล้าจะปรากฏ นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแข่งขันหรอกหรือ”

ใบหน้าเหล่าผู้แข็งแกร่งเศร้าสลด ในใจรู้สึกพ่ายแพ้

ผู้คนต่างรู้ว่ามีเพียงดันตนขึ้นสู่กระดานทองคำผู้กล้า จึงจะมีสิทธิ์เรียกตนว่าเป็น ‘ผู้กล้า’ อย่างแท้จริง!

“ห่างกันเพียงก้าว แตกต่างราวฟ้าดิน ความเหี้ยมโหดแห่งมหามรรคเห็นได้ที่นี่!”

เวลานี้ในสามพันแดนเสียงถอนใจ รำพัน จิตตก หดหู่ โมโห จนปัญญาไม่รู้เท่าไรดังก้องขึ้น

ถึงขั้นมีคนร้องไห้ด้วยเหตุนี้!

ไม่ได้เป็นผู้ฝึกปราณอย่างแท้จริง ยากเข้าใจความรู้สึกจนปัญญาที่ ‘ไร้วาสนาได้เห็นยอดเขาสูง’ เช่นนี้

เทียบกันแล้วเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติเข้าสู่แดนเก้าบน แต่ละคนอิ่มเอมยินดี จิตใจฮึกเหิม

เสาะแสวงหามหามรรคมาก็เพื่อวันนี้!

“ไป”

แดนขุมทอง อวิ๋นชิ่งไป๋ก้าวนำเข้าไปในหอมกุฎ สีหน้าราบเรียบ

“ออกเดินทาง!”

แดนม่วงแท้ แววตาเยี่ยนจั่นชิวดุจอสนี สาวเท้าก้าวใหญ่ไปเบื้องหน้า

“แดนเก้าบน สถานที่ที่ผนึกศุภโชคพลิกฟ้าหมื่นสมัยเปิดแล้วรึ”

ธิดาเทพหลินเสวี่ยกล่าวเสียงแผ่วเบา

“คราวนี้ข้าจะกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน แล้วกำราบคนรุ่นเดียวกันให้หมด!”

ในทุ่งโล่งกว้าง ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาท่าทางเก็บตัวคนหนึ่ง พลันกลายร่างเป็นพญาเผิงปีกทองตัวหนึ่ง เผยไออำมหิตไร้เทียมทาน ลอยเหนือนภาหายไปทันใด

บริเวณต่างๆ ในสามพันแดน บุคคลแห่งยุคที่ฝีมือล้ำเลิศคนแล้วคนเล่าเริ่มเคลื่อนไหว มุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบน

ในแดนเผาเซียนก็กำลังเปิดม่านฉากคล้ายคลึงกัน

หน้าหอมกุฎผู้คนคราคร่ำ ผู้แข็งแกร่งที่เจิดจรัสหาใดเปรียบแต่ละคนเดินเข้าไปในหอมกุฎ ภายใต้สายตาอิจฉาและยำเกรงมากมายที่จับจ้อง

เมื่อสังเกตโดยละเอียดจะพบว่า ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้แทบทั้งหมดต่างมาจากขุมอำนาจมหาสำนักใหญ่

บ้างเป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎในยุคปัจจุบัน

บ้างเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ!

ส่วนนอกเมือง ผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันนานแล้วบางส่วนก็เริ่มออกเคลื่อนไหว

ราชันเหล่านี้แค่ทะยานผ่านเมฆก็มาถึงท้องฟ้าเหนือหอมกุฎ อาศัยพลังกฎเกณฑ์มรรคราชันของตนก็สามารถถูกนำทางไปยังแดนเก้าบนได้แล้ว

“เทพมารหลินล่ะ?”

ที่ทำให้ทุกคนสงสัยคือ ในเวลาเช่นนี้กลับขาดหลินสวินไปคนหนึ่ง!

สำหรับหลินสวินที่ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งของบันไดสวรรค์มหามรรค ไม่เคยถูกสั่นคลอนเพียงเสี้ยวจนถึงปัจจุบัน ในวันสำคัญที่ทั่วหล้าจับตามองเช่นนี้กลับไม่ปรากฏตัว นี่ทำให้คนแปลกใจโดยไม่ต้องสงสัย

“เขาไม่คิดไปแดนเก้าบนแล้วรึ” มีคนกล่าวหยอกล้อ

“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ความคิดของเทพมารหลินจะเป็นสิ่งที่เราสามารถคาดเดาได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องไปแดนเก้าบนแน่!”

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ เสียงตวาดราวฟ้าคะนองหนึ่งดังก้องบนเวิ้งฟ้าทันใด

“หลินสวิน เผ่าอีกาทองของข้าจะรอเจ้าที่แดนเก้าบน!”

น้ำเสียงเยียบเย็นเสียดกระดูก เปี่ยมความเกลียดชังเหลือคณา

ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งหยัดยืนบนเวิ้งฟ้า ทั่วร่างแผ่อานุภาพกดดันแห่งมรรคราชัน เป็นอูหยวนเจิ้นแห่งเผ่าอีกาทองนั่นเอง!

ตอนนั้นเขาเคยกมข่มหลินสวินที่หน้าประตูเมือง

ในใจทุกคนสั่นสะท้าน เทพมารหลินยังไม่เข้าสู่แดนเก้าบนก็ถูกหมายหัวเสียแล้ว

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด เทพมารหลิน ถ้ากล้าเจ้าก็มาที่แดนเก้าบน!”

“ทางที่ดีเจ้าล้างคอรอไว้ได้เลย!”

“แดนเก้าบนไม่มีโอกาสให้เจ้าได้เป็นเต่าหดหัวอีกแล้ว!”

เวิ้งฟ้าอีกด้านหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับราชันอย่างเมี่ยวเฉินแห่งสำนักยุทธ์นครนิล ซางชงจากเผ่าวิญญาณสมุทร หวังอวิ๋นทงแห่งลัทธิบูชาจันทร์ต่างส่งเสียงเย็นชา

ช่วงที่ผ่านมาพวกเขาถูกตัดขาดอยู่นอกเมืองโบราณเผาเซียน แค่คิดก็รู้แล้วว่าในใจอัดอั้นเพียงใด

ตอนนี้ช่องทางสู่แดนเก้าบนเปิดออก ทำให้พวกเขาไม่ต้องอดกลั้นอีก ก่อนเดินทางจึงกล่าวคำรุนแรงทิ้งท้ายเช่นนี้

ในที่นั้นเงียบสงัด ล้วนถูกทำให้หวั่นหวาด

สาเหตุที่เทพมารหลินไม่เคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนตอนนี้ เป็นเพราะคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่แล้วรึ

“เหอะๆ จำคำข้าเอาไว้ เมื่อข้ากลายเป็นราชัน เมื่อนั้นก็คือเวลาตายของพวกเจ้า”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น

ทุกคนหันกลับไปโดยพร้อมเพรียง ก็เห็นหลินสวินปรากฏตัวเหนือยอดตำหนักที่พักไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังถือน่องหมาดำย่างกินอย่างเอร็ดอร่อย

ท่าทางเขาสบายๆ มองเหล่าราชันบนฟ้าราวสิ่งไร้ค่า!

ปรากฏตัวแล้ว!

ในลานพลันเกิดความไม่สงบ คิดไม่ถึงว่าเวลานี้แล้วเทพมารหลินยังคงความสง่างามดังแต่ก่อนได้ แข็งกร้าวจนพาให้คนงุนงงไปหมด

“เจ้าเดรัจฉาน ยังคิดกลายเป็นราชันอีกรึ เจ้าคิดว่าพวกข้าจะให้โอกาสเจ้าหรือไร”

อูหยวนเจิ้นหัวเราะลั่น เสียงราวนกฮูกหวีดร้องเสียดแก้วหู

ประโยคเดียวทำให้ผู้คนทอดถอนใจในใจ จริงดังว่า ตอนนี้เทพมารหลินยังไม่ใช่ระดับราชัน ขอแค่เข้าสู่แดนเก้าบน ใครจะปล่อยให้เขากลายเป็นราชันต่อหน้าต่อตา

คาดเดาล่วงหน้าได้เลยว่า ก่อนจะได้กลายเป็นราชันเขาคงถูกขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ไล่ล่าอย่างเหี้ยมโหดที่สุดแน่!

“ไปเถอะ พูดเรื่องพวกนี้กับคนใกล้ตายคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร”

บนเวิ้งฟ้าเหล่าราชันยิ้มเยาะ ถอนสายตากลับไม่ใส่ใจหลินสวินอีก เงาร่างพริบไหว ถูกนำทางเข้าเส้นทางสู่แดนเก้าบน

และในเวลาเดียวกันนี้หลินสวินลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน โยนกระดูกที่กินเนื้อเกลี้ยงแล้วในมือทิ้ง จากนั้นจึงโบกมือไปทางฝูงชนที่ห่างออกพลางกล่าว “ไม่ต้องดูแล้ว ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ตอนนี้ยังไม่จากไป”

เขาพูดพลางเงาร่างพริบไหว หายไปจากตรงนั้น

“มีเรื่องต้องทำรึ ข้าว่ากลัวเข้าไปในแดนเก้าบนแล้วจะถูกล้อมโจมตี ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าจากไปมากกว่ากระมัง” ผู้สืบทอดขุมอำนาจคนหนึ่งกล่าวพึมพำ

ทันใดนั้นเขาก็ถูกศิษย์ร่วมสำนักข้างกายตำหนิ “หุบปาก! เจ้าอยากหาเรื่องให้สำนักเรารึ”

ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ ใช่ว่าใครก็มีสิทธิ์เข้าไปในแดนเก้าบนได้

หรือพูดได้ว่าเหล่าขุมอำนาจใหญ่ในเมืองยังต้องอยู่ในแดนเผาเซียน ใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่น บุกเบิกเสาะหาวาสนาและศุภโชคในแดนเผาเซียนต่อไป

ในเวลานี้เพียงแค่หลินสวินอยู่ในเมืองต่อหนึ่งวัน ขุมอำนาจพวกนี้ก็ไม่กล้าเบาใจแม้แต่วันเดียว!

“เวลาเปิดช่องทางมีแค่เดือนเดียว ข้าไม่เชื่อว่าเทพมารหลินจะไม่ไปต่อ นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากมุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนแล้วจริงๆ!”

ผู้สืบทอดขุมอำนาจบางส่วนแอบยิ้มเยาะ

สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาหวาดกลัวเทพมารหลิน ทำได้แค่อดทนอดกลั้น แต่ใครๆ ก็รู้ว่าสุดท้ายเทพมารหลินต้องจากไปอยู่ดี ใครจะมามัวหวั่นเกรงและหวาดกลัวอีกเล่า

ยิ่งไปกว่านั้น ในแดนเก้าบนยังมีคนอีกมากที่อยากสังหารเทพมารหลินจนทนไม่ไหว!

แทบจะวันเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งที่มีสิทธิ์เข้าสู่แดนเก้าบนในแดนเผาเซียนจากไปเกือบหมดแล้ว

ผ่านไปเจ็ดวัน

ในเมืองโบราณเผาเซียนแทบจะหาร่างคนที่มุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนไม่พบ

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันนานแล้วพวกนั้นก็ทยอยทะยานสู่ฟากฟ้าจากนอกเมือง ออกจากแดนเผาเซียนกันไปหมด

แต่ที่ทำให้ทุกคนต่างแปลกใจคือ ผ่านไปเจ็ดวันแล้วหลินสวินกลับไม่มีสัญญาณว่าจะไปแดนเก้าบนแม้แต่น้อย!

เขาหวาดกลัวจริงหรือ กังวลว่าหลังเข้าสู่แดนเก้าบนแล้วจะเจออันตรายที่ไม่อาจคาดเดารึ

หรือเขากำลังรออะไรบางอย่าง

คืนวันนั้นเอง

เงาร่างลับๆ ล่อๆ กลุ่มหนึ่งเข้ามาทางประตูเมือง

เพียงแต่เพิ่งเข้าเมืองมาคนพวกนั้นก็อึ้งงัน ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าถูกเงาร่างสันโดษโดดเด่นหนึ่งขวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“แย่แล้ว เป็นเทพมารหลิน!”

มีคนหวีดร้องทันที

ขณะเดียวกันหลินสวินก็ยิ้มแล้ว “รู้อยู่แล้วว่าสวะอย่างพวกเจ้าต้องอดไม่ไหวเข้าเมืองมาแน่ คิดว่าข้าเอาตัวไม่รอด ไม่มีทางนึกถึงพวกเจ้าแล้วใช่ไหม”

“หนี!”

เงาร่างพวกนั้นตกใจจนจิตวิญญาณแทบลอยล่อง หันหลังหนีไปนอกเมือง

ทว่าหลินสวินชิงลงมือสำแดงผนึกป้าเซี่ยแล้ว พลังผนึกต้องห้ามไร้รูปแผ่กระจาย คนพวกนั้นพลันถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้นทันที

จากนั้นร่างกายก็ระเบิดออกคนแล้วคนเล่า ฝนโลหิตสาดพรมตายคาที่

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ศพและน้ำเลือดบนพื้นล้วนระเหยหายไปสิ้น เหมือนทุกอย่างเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผู้ฝึกปราณพวกนี้คือเหล่าผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ที่หนีไปนอกเมืองยามหลินสวินชำระเลือดล้างบาง!

มีหลินสวินควบคุม พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าเมืองมาโดยตลอด แน่นอนว่าไม่มีทางหาโอกาสทะลวงด่านในหอมกุฎได้ ถึงขั้นตัดโอกาสเข้าไปในแดนเก้าบนอย่างสิ้นเชิง

ในขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ คนที่กลายเป็นราชันได้น่าจะจากไปเกือบหมดแล้ว

ที่เหลือล้วนเป็นพวกที่ยังไม่กลายเป็นราชัน ทั้งเป็นผู้สืบทอดที่ไม่มีสิทธิ์เข้าสู่แดนเก้าบน

เดิมพวกเขาคิดว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ไม่ช้าก็เร็วเทพมารหลินต้องจากไป ไม่มีเวลามาคำนึงถึงพวกเขา ดังนั้นจึงรวบรวมความกล้าวางแผนเข้าเมือง

ใครจะคิดว่าทันทีที่เข้าเมืองมาจะถูกขวาง จากนั้นก็ประสบเคราะห์!

แววตาลุ่มลึกของหลินสวินมองไปนอกประตูเมืองเงียบๆ วูบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เดินออกไป หากแต่หันหลังจากไป

“เจ้าเด็กนี่รอบจัดเกินไปแล้ว!”

หลินสวินจากไปไม่นาน ในรัตติกาลนอกเมืองก็ปรากฏเงาร่างมากมาย แต่ละคนล้วนแผ่อานุภาพมรรคราชันทรงพลังออกจากตัว

“ทำอย่างไรดี เขาไม่ไปแดนเก้าบนทั้งไม่ยอมออกจากเมือง พวกเหยื่อล่อที่เข้าเมืองไปเมื่อครู่ก็ถูกเขาสังหารหมด พวกเราต้องรอต่อไปเช่นนี้หรือ”

มีคนเอ่ยเสียงต่ำเบา แฝงความไม่พอใจและเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด

“ในใจเขาตั้งมั่นเฝ้าระวังไว้นานแล้ว คงไม่ออกจากเมืองนี้แน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเรารออยู่ที่นี่ไปก็เปล่าประโยชน์”

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

“เอาตามนั้นแล้วกัน”

บนท้องถนนในเมือง หลินสวินกำลังเดินเล่นคนเดียว ก้าวย่างเนิบช้า

ไม่นานเขาราวรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้ามองไปยังเวิ้งฟ้าก็เห็นเงาร่างเปี่ยมกลิ่นอายมรรคราชันหลากสายกำลังจากไปทีละคน

‘ดูท่าไม่รีบฆ่าให้หมดคงไม่ได้…’

นัยน์ตาดำหลินสวินล้ำลึกเยียบเย็น

ใครเล่าจะคิดว่านอกเมืองยังมีผู้แข็งแกร่งระดับราชันมากขนาดนี้ซุ่มตัวอยู่เพื่อจัดการเขา

ไม่จำเป็นต้องใคร่ครวญ หลินสวินก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องมาจากพวกขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทองแน่!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1173 ช่องทางแดนเก้าบนเปิดออก

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1173 ช่องทางแดนเก้าบนเปิดออก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ จุดเปลี่ยนการบรรลุราชันยังไม่มา เวลาเปิดแดนเก้าบนก็มาถึงแล้ว…

วันนี้ในสามพันแดน หอมกุฎแผ่แสงเจิดจรัสอัศจรรย์ พลังกฎระเบียบไร้รูปกระจายออกมา

ภายในหอมกุฎ บันไดสวรรค์มหามรรคเปลี่ยนเป็นทางเดินสายหนึ่งมุ่งไปยังส่วนลึกสุดแห่งห้วงอากาศ!

วันนี้สามพันแดนครึกโครม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่าน

ตั้งแต่แดนมกุฎมาเยือนจนถึงวันนี้ที่ช่องทางสู่แดนเก้าบนเปิดออก ประจวบเหมาะเป็นเวลาหนึ่งปี

หนึ่งปีมานี้เกิดเรื่องระทึกขวัญมากเหลือเกิน!

มีคนร่วงหล่น

มีคนกลายเป็นราชัน

มีคนผงาดง้ำได้รับศุภโชคและวาสนาที่ปรารถนา

มีคน…

แต่นับจากวันนี้ ทุกอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดิน!

“ผู้ที่ดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรกของหอมกุฎ ผู้ที่บรรลุราชัน ล้วนมุ่งหน้าไปแดนเก้าบน ช่วงชิงศุภโชคที่ยิ่งใหญ่และพลิกฟ้ายิ่งกว่า!”

“ส่วนคนอื่นต่างทำได้แค่วาดหวังทอดถอนใจ ไร้วาสนาไปเยือน วนเวียนอยู่ในสามพันแดน”

“ระยะห่างจะแยกจากกันโดยสมบูรณ์ในวันนี้!”

คนมากมายกำลังทอดถอนใจ ถอนหายใจไม่หยุด

แดนเก้าบนคือแดนแห่งการช่วงชิงแข่งขันของบุคคลขอบเขตมกุฎ เป็นสนามรบที่หมื่นผู้กล้าธรรมบาลช่วงชิงความเป็นใหญ่ เป็นเวทีต่อสู้ของราชัน

คนอื่นไม่มีคุณสมบัติเข้าไป

นี่ก็คือความแตกต่าง

หรือพูดได้ว่าเป็นการคัดออกโดยปริยาย!

“น่าเสียดาย…”

ผู้แข็งแกร่งที่แต่ก่อนโอ้อวดว่าตนเป็นผู้กล้าและอัจฉริยะบางส่วน บัดนี้กลับไม่มีสิทธิ์เข้าไปในแดนเก้าบน สำหรับพวกเขานี่คือการโจมตีหนักหน่วงโดยไม่ต้องสงสัย

“ที่แดนเก้าบน การช่วงชิงอันดับกระดานทองคำผู้กล้าจะปรากฏ นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแข่งขันหรอกหรือ”

ใบหน้าเหล่าผู้แข็งแกร่งเศร้าสลด ในใจรู้สึกพ่ายแพ้

ผู้คนต่างรู้ว่ามีเพียงดันตนขึ้นสู่กระดานทองคำผู้กล้า จึงจะมีสิทธิ์เรียกตนว่าเป็น ‘ผู้กล้า’ อย่างแท้จริง!

“ห่างกันเพียงก้าว แตกต่างราวฟ้าดิน ความเหี้ยมโหดแห่งมหามรรคเห็นได้ที่นี่!”

เวลานี้ในสามพันแดนเสียงถอนใจ รำพัน จิตตก หดหู่ โมโห จนปัญญาไม่รู้เท่าไรดังก้องขึ้น

ถึงขั้นมีคนร้องไห้ด้วยเหตุนี้!

ไม่ได้เป็นผู้ฝึกปราณอย่างแท้จริง ยากเข้าใจความรู้สึกจนปัญญาที่ ‘ไร้วาสนาได้เห็นยอดเขาสูง’ เช่นนี้

เทียบกันแล้วเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติเข้าสู่แดนเก้าบน แต่ละคนอิ่มเอมยินดี จิตใจฮึกเหิม

เสาะแสวงหามหามรรคมาก็เพื่อวันนี้!

“ไป”

แดนขุมทอง อวิ๋นชิ่งไป๋ก้าวนำเข้าไปในหอมกุฎ สีหน้าราบเรียบ

“ออกเดินทาง!”

แดนม่วงแท้ แววตาเยี่ยนจั่นชิวดุจอสนี สาวเท้าก้าวใหญ่ไปเบื้องหน้า

“แดนเก้าบน สถานที่ที่ผนึกศุภโชคพลิกฟ้าหมื่นสมัยเปิดแล้วรึ”

ธิดาเทพหลินเสวี่ยกล่าวเสียงแผ่วเบา

“คราวนี้ข้าจะกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน แล้วกำราบคนรุ่นเดียวกันให้หมด!”

ในทุ่งโล่งกว้าง ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาท่าทางเก็บตัวคนหนึ่ง พลันกลายร่างเป็นพญาเผิงปีกทองตัวหนึ่ง เผยไออำมหิตไร้เทียมทาน ลอยเหนือนภาหายไปทันใด

บริเวณต่างๆ ในสามพันแดน บุคคลแห่งยุคที่ฝีมือล้ำเลิศคนแล้วคนเล่าเริ่มเคลื่อนไหว มุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบน

ในแดนเผาเซียนก็กำลังเปิดม่านฉากคล้ายคลึงกัน

หน้าหอมกุฎผู้คนคราคร่ำ ผู้แข็งแกร่งที่เจิดจรัสหาใดเปรียบแต่ละคนเดินเข้าไปในหอมกุฎ ภายใต้สายตาอิจฉาและยำเกรงมากมายที่จับจ้อง

เมื่อสังเกตโดยละเอียดจะพบว่า ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้แทบทั้งหมดต่างมาจากขุมอำนาจมหาสำนักใหญ่

บ้างเป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎในยุคปัจจุบัน

บ้างเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ!

ส่วนนอกเมือง ผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันนานแล้วบางส่วนก็เริ่มออกเคลื่อนไหว

ราชันเหล่านี้แค่ทะยานผ่านเมฆก็มาถึงท้องฟ้าเหนือหอมกุฎ อาศัยพลังกฎเกณฑ์มรรคราชันของตนก็สามารถถูกนำทางไปยังแดนเก้าบนได้แล้ว

“เทพมารหลินล่ะ?”

ที่ทำให้ทุกคนสงสัยคือ ในเวลาเช่นนี้กลับขาดหลินสวินไปคนหนึ่ง!

สำหรับหลินสวินที่ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งของบันไดสวรรค์มหามรรค ไม่เคยถูกสั่นคลอนเพียงเสี้ยวจนถึงปัจจุบัน ในวันสำคัญที่ทั่วหล้าจับตามองเช่นนี้กลับไม่ปรากฏตัว นี่ทำให้คนแปลกใจโดยไม่ต้องสงสัย

“เขาไม่คิดไปแดนเก้าบนแล้วรึ” มีคนกล่าวหยอกล้อ

“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ความคิดของเทพมารหลินจะเป็นสิ่งที่เราสามารถคาดเดาได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องไปแดนเก้าบนแน่!”

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ เสียงตวาดราวฟ้าคะนองหนึ่งดังก้องบนเวิ้งฟ้าทันใด

“หลินสวิน เผ่าอีกาทองของข้าจะรอเจ้าที่แดนเก้าบน!”

น้ำเสียงเยียบเย็นเสียดกระดูก เปี่ยมความเกลียดชังเหลือคณา

ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งหยัดยืนบนเวิ้งฟ้า ทั่วร่างแผ่อานุภาพกดดันแห่งมรรคราชัน เป็นอูหยวนเจิ้นแห่งเผ่าอีกาทองนั่นเอง!

ตอนนั้นเขาเคยกมข่มหลินสวินที่หน้าประตูเมือง

ในใจทุกคนสั่นสะท้าน เทพมารหลินยังไม่เข้าสู่แดนเก้าบนก็ถูกหมายหัวเสียแล้ว

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด เทพมารหลิน ถ้ากล้าเจ้าก็มาที่แดนเก้าบน!”

“ทางที่ดีเจ้าล้างคอรอไว้ได้เลย!”

“แดนเก้าบนไม่มีโอกาสให้เจ้าได้เป็นเต่าหดหัวอีกแล้ว!”

เวิ้งฟ้าอีกด้านหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับราชันอย่างเมี่ยวเฉินแห่งสำนักยุทธ์นครนิล ซางชงจากเผ่าวิญญาณสมุทร หวังอวิ๋นทงแห่งลัทธิบูชาจันทร์ต่างส่งเสียงเย็นชา

ช่วงที่ผ่านมาพวกเขาถูกตัดขาดอยู่นอกเมืองโบราณเผาเซียน แค่คิดก็รู้แล้วว่าในใจอัดอั้นเพียงใด

ตอนนี้ช่องทางสู่แดนเก้าบนเปิดออก ทำให้พวกเขาไม่ต้องอดกลั้นอีก ก่อนเดินทางจึงกล่าวคำรุนแรงทิ้งท้ายเช่นนี้

ในที่นั้นเงียบสงัด ล้วนถูกทำให้หวั่นหวาด

สาเหตุที่เทพมารหลินไม่เคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนตอนนี้ เป็นเพราะคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่แล้วรึ

“เหอะๆ จำคำข้าเอาไว้ เมื่อข้ากลายเป็นราชัน เมื่อนั้นก็คือเวลาตายของพวกเจ้า”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น

ทุกคนหันกลับไปโดยพร้อมเพรียง ก็เห็นหลินสวินปรากฏตัวเหนือยอดตำหนักที่พักไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังถือน่องหมาดำย่างกินอย่างเอร็ดอร่อย

ท่าทางเขาสบายๆ มองเหล่าราชันบนฟ้าราวสิ่งไร้ค่า!

ปรากฏตัวแล้ว!

ในลานพลันเกิดความไม่สงบ คิดไม่ถึงว่าเวลานี้แล้วเทพมารหลินยังคงความสง่างามดังแต่ก่อนได้ แข็งกร้าวจนพาให้คนงุนงงไปหมด

“เจ้าเดรัจฉาน ยังคิดกลายเป็นราชันอีกรึ เจ้าคิดว่าพวกข้าจะให้โอกาสเจ้าหรือไร”

อูหยวนเจิ้นหัวเราะลั่น เสียงราวนกฮูกหวีดร้องเสียดแก้วหู

ประโยคเดียวทำให้ผู้คนทอดถอนใจในใจ จริงดังว่า ตอนนี้เทพมารหลินยังไม่ใช่ระดับราชัน ขอแค่เข้าสู่แดนเก้าบน ใครจะปล่อยให้เขากลายเป็นราชันต่อหน้าต่อตา

คาดเดาล่วงหน้าได้เลยว่า ก่อนจะได้กลายเป็นราชันเขาคงถูกขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ไล่ล่าอย่างเหี้ยมโหดที่สุดแน่!

“ไปเถอะ พูดเรื่องพวกนี้กับคนใกล้ตายคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร”

บนเวิ้งฟ้าเหล่าราชันยิ้มเยาะ ถอนสายตากลับไม่ใส่ใจหลินสวินอีก เงาร่างพริบไหว ถูกนำทางเข้าเส้นทางสู่แดนเก้าบน

และในเวลาเดียวกันนี้หลินสวินลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน โยนกระดูกที่กินเนื้อเกลี้ยงแล้วในมือทิ้ง จากนั้นจึงโบกมือไปทางฝูงชนที่ห่างออกพลางกล่าว “ไม่ต้องดูแล้ว ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ตอนนี้ยังไม่จากไป”

เขาพูดพลางเงาร่างพริบไหว หายไปจากตรงนั้น

“มีเรื่องต้องทำรึ ข้าว่ากลัวเข้าไปในแดนเก้าบนแล้วจะถูกล้อมโจมตี ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าจากไปมากกว่ากระมัง” ผู้สืบทอดขุมอำนาจคนหนึ่งกล่าวพึมพำ

ทันใดนั้นเขาก็ถูกศิษย์ร่วมสำนักข้างกายตำหนิ “หุบปาก! เจ้าอยากหาเรื่องให้สำนักเรารึ”

ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ ใช่ว่าใครก็มีสิทธิ์เข้าไปในแดนเก้าบนได้

หรือพูดได้ว่าเหล่าขุมอำนาจใหญ่ในเมืองยังต้องอยู่ในแดนเผาเซียน ใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่น บุกเบิกเสาะหาวาสนาและศุภโชคในแดนเผาเซียนต่อไป

ในเวลานี้เพียงแค่หลินสวินอยู่ในเมืองต่อหนึ่งวัน ขุมอำนาจพวกนี้ก็ไม่กล้าเบาใจแม้แต่วันเดียว!

“เวลาเปิดช่องทางมีแค่เดือนเดียว ข้าไม่เชื่อว่าเทพมารหลินจะไม่ไปต่อ นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากมุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนแล้วจริงๆ!”

ผู้สืบทอดขุมอำนาจบางส่วนแอบยิ้มเยาะ

สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาหวาดกลัวเทพมารหลิน ทำได้แค่อดทนอดกลั้น แต่ใครๆ ก็รู้ว่าสุดท้ายเทพมารหลินต้องจากไปอยู่ดี ใครจะมามัวหวั่นเกรงและหวาดกลัวอีกเล่า

ยิ่งไปกว่านั้น ในแดนเก้าบนยังมีคนอีกมากที่อยากสังหารเทพมารหลินจนทนไม่ไหว!

แทบจะวันเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งที่มีสิทธิ์เข้าสู่แดนเก้าบนในแดนเผาเซียนจากไปเกือบหมดแล้ว

ผ่านไปเจ็ดวัน

ในเมืองโบราณเผาเซียนแทบจะหาร่างคนที่มุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนไม่พบ

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันนานแล้วพวกนั้นก็ทยอยทะยานสู่ฟากฟ้าจากนอกเมือง ออกจากแดนเผาเซียนกันไปหมด

แต่ที่ทำให้ทุกคนต่างแปลกใจคือ ผ่านไปเจ็ดวันแล้วหลินสวินกลับไม่มีสัญญาณว่าจะไปแดนเก้าบนแม้แต่น้อย!

เขาหวาดกลัวจริงหรือ กังวลว่าหลังเข้าสู่แดนเก้าบนแล้วจะเจออันตรายที่ไม่อาจคาดเดารึ

หรือเขากำลังรออะไรบางอย่าง

คืนวันนั้นเอง

เงาร่างลับๆ ล่อๆ กลุ่มหนึ่งเข้ามาทางประตูเมือง

เพียงแต่เพิ่งเข้าเมืองมาคนพวกนั้นก็อึ้งงัน ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าถูกเงาร่างสันโดษโดดเด่นหนึ่งขวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“แย่แล้ว เป็นเทพมารหลิน!”

มีคนหวีดร้องทันที

ขณะเดียวกันหลินสวินก็ยิ้มแล้ว “รู้อยู่แล้วว่าสวะอย่างพวกเจ้าต้องอดไม่ไหวเข้าเมืองมาแน่ คิดว่าข้าเอาตัวไม่รอด ไม่มีทางนึกถึงพวกเจ้าแล้วใช่ไหม”

“หนี!”

เงาร่างพวกนั้นตกใจจนจิตวิญญาณแทบลอยล่อง หันหลังหนีไปนอกเมือง

ทว่าหลินสวินชิงลงมือสำแดงผนึกป้าเซี่ยแล้ว พลังผนึกต้องห้ามไร้รูปแผ่กระจาย คนพวกนั้นพลันถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้นทันที

จากนั้นร่างกายก็ระเบิดออกคนแล้วคนเล่า ฝนโลหิตสาดพรมตายคาที่

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ศพและน้ำเลือดบนพื้นล้วนระเหยหายไปสิ้น เหมือนทุกอย่างเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผู้ฝึกปราณพวกนี้คือเหล่าผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ที่หนีไปนอกเมืองยามหลินสวินชำระเลือดล้างบาง!

มีหลินสวินควบคุม พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าเมืองมาโดยตลอด แน่นอนว่าไม่มีทางหาโอกาสทะลวงด่านในหอมกุฎได้ ถึงขั้นตัดโอกาสเข้าไปในแดนเก้าบนอย่างสิ้นเชิง

ในขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ คนที่กลายเป็นราชันได้น่าจะจากไปเกือบหมดแล้ว

ที่เหลือล้วนเป็นพวกที่ยังไม่กลายเป็นราชัน ทั้งเป็นผู้สืบทอดที่ไม่มีสิทธิ์เข้าสู่แดนเก้าบน

เดิมพวกเขาคิดว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ไม่ช้าก็เร็วเทพมารหลินต้องจากไป ไม่มีเวลามาคำนึงถึงพวกเขา ดังนั้นจึงรวบรวมความกล้าวางแผนเข้าเมือง

ใครจะคิดว่าทันทีที่เข้าเมืองมาจะถูกขวาง จากนั้นก็ประสบเคราะห์!

แววตาลุ่มลึกของหลินสวินมองไปนอกประตูเมืองเงียบๆ วูบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เดินออกไป หากแต่หันหลังจากไป

“เจ้าเด็กนี่รอบจัดเกินไปแล้ว!”

หลินสวินจากไปไม่นาน ในรัตติกาลนอกเมืองก็ปรากฏเงาร่างมากมาย แต่ละคนล้วนแผ่อานุภาพมรรคราชันทรงพลังออกจากตัว

“ทำอย่างไรดี เขาไม่ไปแดนเก้าบนทั้งไม่ยอมออกจากเมือง พวกเหยื่อล่อที่เข้าเมืองไปเมื่อครู่ก็ถูกเขาสังหารหมด พวกเราต้องรอต่อไปเช่นนี้หรือ”

มีคนเอ่ยเสียงต่ำเบา แฝงความไม่พอใจและเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด

“ในใจเขาตั้งมั่นเฝ้าระวังไว้นานแล้ว คงไม่ออกจากเมืองนี้แน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเรารออยู่ที่นี่ไปก็เปล่าประโยชน์”

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

“เอาตามนั้นแล้วกัน”

บนท้องถนนในเมือง หลินสวินกำลังเดินเล่นคนเดียว ก้าวย่างเนิบช้า

ไม่นานเขาราวรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้ามองไปยังเวิ้งฟ้าก็เห็นเงาร่างเปี่ยมกลิ่นอายมรรคราชันหลากสายกำลังจากไปทีละคน

‘ดูท่าไม่รีบฆ่าให้หมดคงไม่ได้…’

นัยน์ตาดำหลินสวินล้ำลึกเยียบเย็น

ใครเล่าจะคิดว่านอกเมืองยังมีผู้แข็งแกร่งระดับราชันมากขนาดนี้ซุ่มตัวอยู่เพื่อจัดการเขา

ไม่จำเป็นต้องใคร่ครวญ หลินสวินก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องมาจากพวกขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทองแน่!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+