Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1186 อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1186 อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การฝึกตนมาหลายวันทำให้หลินสวินเหมือนถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก รากฐานมรรคราชันในตัวก็เสถียรขึ้นอีกขั้น

เขาในตอนนี้เงาร่างสูงโปร่ง ยืนอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายหลุดพ้นเหนือธรรมดา ประหนึ่งเมฆคล้อยบนขอบฟ้า

นี่ก็คือคุณประโยชน์ของศิลาต้นกำเนิด

ไอวิญญาณในแดนอัคคีทักษิณเดิมก็เข้มข้นหาใดเทียบอยู่แล้ว ยังมีศิลาต้นกำเนิดช่วยเสริมการฝึกปราณ เพียงไม่กี่วันก็เทียบเท่ากับการฝึกปราณหลายเดือนในสมัยก่อน!

“เทพมารหลิน ความตายมาเยือนแล้วเจ้ายังกล้าคุยโวไม่ละอาย นี่สะกดคำว่าตายไม่เป็นจริงๆ ใช่ไหม”

พวกเมิ่งอิงหวาต่างเดือดดาลยากทนได้

ตอนนี้เวินเอ้าไห่กลับมาแล้ว ทำให้พวกเขาหาคนพึ่งพิงได้ ความอัปยศและความแค้นที่สั่งสมอยู่ในใจมาหลายวันจึงปะทุออกมาในตอนนี้

“พวกเจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว ในเมื่อเลือกยอมสยบ ก็ต้องตระหนักว่าเป็นข้าเป็นทาส แต่ตอนนี้กลับกลับไปกลับมา หรือเป็นเพราะข้าเมตตาเกินไป”

หลินสวินทอดถอนใจเบาๆ

เมตตา?

พวกเมิ่งอิงหวาแค้นจนกัดฟันกรอด หลายวันมานี้พวกเขาถูกบีบให้ขุดแร่ ได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างที่สุด นี่ยังเรียกเมตตาหรือ

“เทพมารหลิน แน่จริงก็มาสู้กันสักตั้ง!”

เสียงสวบดังขึ้น เวินเอ้าไห่ทะยานขึ้นไปบนฟ้า ยืนทระนงบนยอดเมฆ ไอสังหารคับฟ้าถาโถมไปทั่วกาย ผมยาวปลิวไสว

สภาพอากาศแปรเปลี่ยน ห้วงอากาศปั่นป่วนในทันใด

พลานุภาพของระดับมกุฎราชันสำแดงออกมาจนหมดสิ้นในขณะนี้

“ทำไมจะไม่กล้า”

หลินสวินเหยียบชือน้ำแข็งที่ขดตัว ค้ำให้ตัวเขาทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว เงาร่างสูงโปร่งยืนตระหง่านกลางทะเลเมฆ ราวภูผาสูงเด่นอันไม่อาจสั่นคลอน

“ศิษย์พี่เวิน ต้องฆ่าไอ้สวะนี่ให้ได้!”

บนภูเขาทุกคนร้องเสียงดังตื่นเต้น สายตาที่มองหลินสวินเจือไปด้วยความเคียดแค้น

“วางใจได้ ข้าจะทำให้มันตายอย่างไม่น่าดู”

เวินเอ้าไห่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าเย็นชา พูดชัดถ้อยชัดคำ สำแดงไอสังหารปอดฟ้าคลุมดินออกมา

สวบ!

ชั่วพริบตาเงาร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม

เร็วเหมือนลมพายุ ไปมาไร้เงา!

ดวงตาดำของหลินสวินหดรัดทันใด เงาร่างหลบหนีตามจิตใต้สำนึก

ฉับ!

คมดาบวายุดุดันหาใดเทียบสายหนึ่งไหววูบผ่านไป ตัดเส้นผมตรงริมหูปอยหนึ่งของหลินสวิน ห้วงอากาศด้านหนึ่งถูกตัดออกเป็นรอยแยกตรงแน่วเส้นหนึ่งเหมือนผืนผ้า

ว่องไวนัก!

หลินสวินประหลาดใจ จิตต่อสู้ในใจปะทุออกมา

นี่นับได้ว่าเป็นการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันครั้งแรกตั้งแต่เขาบรรลุระดับมกุฎราชันมา

หลินสวินตั้งตาคอยนักว่า ในระดับนี้คู่ต่อสู้จะต้านทานได้หรือไม่

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ชั่วพริบตากลางห้วงอากาศเต็มไปด้วยคมดาบวายุดุดันไร้รูปนับพันนับหมื่น รวดเร็วอัศจรรย์เหมือนสายฟ้า ไปมาไร้ร่องรอย ดุจพายุคลั่งเต็มท้องฟ้าม้วนตลบทะเลเมฆ

เหนือห้วงอากาศรอยแยกที่น่าตื่นตระหนกสายแล้วสายเล่าตัดกันไปทั่ว ชั้นเมฆทั่วสารทิศล้วนเหมือนเศษกระดาษที่ถูกฉีกแหลกปลิวว่อน

และตั้งแต่เริ่มจนจบ เพียงเห็นได้รางเลือนว่าเงาร่างของเวินเอ้าไห่นั้นไหววูบแล้วหายไป ไม่อาจจับกุมไว้ได้เหมือนผีสาง

ไม่เพียงว่องไว ยังดุดันถึงที่สุดด้วย!

มีคมดาบวายุโฉบออกมาเป็นครั้งคราว ไถผืนดินให้เป็นคูน้ำมหึมาที่ลึกจนไม่อาจหยั่งถึงสายแล้วสายเล่า หินผาแหลกสลาย

ตัวหลินสวินอยู่ท่ามกลางบริเวณนั้น ฉับพลันทันใดเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุฝนบ้าคลั่งกว้างไกล มีแต่คมดาบวายุที่ดุดันจนสามารถทำให้อกสั่นขวัญแขวน

ในระหว่างนี้ เขาหลบหนีอยู่ตลอด ลองเล็งเป้าเงาร่างของเวินเอ้าไห่

ทว่าความเร็วของเวินเอ้าไห่ช่างน่าตื่นตะลึง เงาร่างเคลื่อนไหวว่องไว เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่

ชั่วไม่กี่อึดใจคล้ายทั่วทิศเต็มไปด้วยเงาร่างของเขา แต่เมื่อเข้าไปจับกลับพบว่านั่นเป็นเพียงรอยเงาเท่านั้น!

มหามรรคสลาตันบูรพาใต้!

ลม มีอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ใดเข้าไปไม่ได้

ยามอ่อนโยน พัดผ่านหน้าก็ไม่รู้สึก

ยามดุดัน สามารถพลิกภูเขาคว่ำสมุทร ก่อให้เกิดพายุล้างโลกได้!

ไม่ต้องสงสัยว่านี่เป็นมกุฎมรรคาของเวินเอ้าไห่ ที่เสาะหาก็คือร่างกายดั่งพายุสลาตัน ลอยสูงไร้ร่องรอย

ฟึ่บฟั่บๆ!

แม้หลินสวินจะหลบหนีเต็มที่ อาภรณ์บนร่างก็ยังคงถูกปัดโดนและฉีกออก

ส่วนในสายตาของพวกเมิ่งอิงหวา เพียงรู้สึกว่าดวงตาไม่พอดู เห็นได้เพียงว่าในท้องฟ้ามีแต่คมดาบวายุกับเงาร่างของเวินเอ้าไห่ไปทุกหนแห่ง

ด้านหลินสวินก็เหมือนอยู่กลางทะเลคมวายุ แม้เคลื่อนย้ายไปมา แต่กลับถูกกักขังไว้อย่างแน่นหนาไม่อาจสลัดพ้น

นี่ทำให้พวกเขาฮึกเหิม ส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจเวินเอ้าไห่ขึ้นมา

“สะใจนัก! สะใจจริงๆ มหามรรคสลาตันบูรพาใต้ของศิษย์พี่เวินช่างมีอานุภาพพิศวงสุดหยั่งจริงๆ สามารถทำให้ฟ้าดินอับสีได้!”

“ตอนนี้ข้าเพียงกังวลว่าเทพมารหลินนั่นจะถูกฆ่าตายได้ง่ายเกินไปหรือไม่เท่านั้นแล้ว!”

และเหนือเวิ้งฟ้าเวินเอ้าไห่ก็หัวเราะเสียงดัง “หลินสวิน เป็นมกุฎราชันเหมือนกัน แต่ทำไมเจ้ากลับอ่อนแอปานนี้ คงไม่ใช่ว่าไม่ได้บรรลุระดับมกุฎราชันจริงๆ กระมัง”

เดิมทีเขายังระแวดระวัง ถึงอย่างไรตอนอยู่ระดับกระบวนแปรจุติหลินสวินก็มีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าที่สามารถกวาดล้างคนรุ่นเดียวกันได้ แข็งแกร่งหาใดเทียบจริงๆ คิดดูแล้วหลังจากเลื่อนเป็นระดับมกุฎราชัน พลังต่อสู้ต้องไม่แย่นัก

ไหนเลยจะคิดว่ากลับอ่อนแอเช่นนี้ แม้แต่เงาร่างของตนยังเล็งไว้ไม่ได้!

ฉึบ!

คมดาบวายุสายหนึ่งปัดโดนคอของหลินสวินอย่างเฉียดฉิว อีกนิดเดียวก็จะอันตรายถึงชีวิต

แต่หลินสวินกลับสีหน้าเรียบเฉยไม่ตระหนก ดวงตาดำลุ่มลึกและเฉยชา

ตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้โจมตีกลับไปจริง ยามหลบหนีก็ถูกข่วนให้เป็นแผลเป็นครั้งคราว

ถึงกับต้องยอมรับว่าอย่างน้อยในด้านความเร็ว เวินเอ้าไห่ก็มีข้อได้เปรียบที่ภูมิใจได้ ขนาดเขายังด้อยกว่าบ้าง

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะถูกกำราบแล้ว!

ตอนนี้สาเหตุที่เขาเอาแต่หลบหนี ก็เพียงเพราะอยากดูสักหน่อยว่าพลังต่อสู้ของเวินเอ้าไห่ผู้นี้มีจุดที่ไม่ธรรมดาหรือไม่กันแน่เท่านั้น

นี่เป็นท่าทีสอดส่องและเสาะหาอย่างหนึ่ง มองเวินเอ้าไห่เป็นเป้าหมายศึกษา ใช้สิ่งนี้มาพิสูจน์มกุฎมรรคาของตัวเอง

“อ่อนแอไปหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดจนตอนนี้เจ้าถึงเอาชนะข้าไม่ได้สักทีล่ะ” หลินสวินยิ้มเย้ยหยันเอ่ยปาก ถากถางอย่างไม่ปิดบัง

ทันใดนั้นพวกเมิ่งอิงหวาก็อึ้งไป ก็จริง กระทั่งตอนนี้แม้หลินสวินจะถูกกักไว้ ดูเหมือนสะบักสะบอม แต่กลับไม่ได้บาดเจ็บอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใดเลย

นี่ก็ดูออกจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

ขณะเดียวกันเวินเอ้าไห่สีหน้าอึ้งค้างเล็กน้อย ก่อนยิ้มเหี้ยมแล้วพูดทันทีว่า “งั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาว่าอย่างไรเรียกว่าสิ้นหวัง!”

ตูม!

เสียงยังไม่ทันเงียบลง คมดาบวายุเต็มฟ้าพลันส่งเสียงอึกทึกครึกโครม ชั่วขณะเดียวเท่านั้นคมดาบวายุทุกสายก็แปรสภาพเป็นพายุ

พายุนับหมื่นนับพันลูกผุดขึ้น ฉีกห้วงอากาศสิบทิศให้แหลกละเอียด ภาพเช่นนั้นคล้ายจะบดขยี้โลกนี้ให้ว่างเปล่า!

นี่เป็นการโจมตีที่น่ากลัวถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นท่าไม้ตายของเวินเอ้าไห่ แม้เพียงมองดูอยู่ไกลๆ ก็ทำให้พวกเมิ่งอิงหวารู้สึกได้ถึงความกริ่งเกรงอันใหญ่หลวงยากบรรยาย

ประหนึ่งจิตวิญญาณกำลังจะถูกฉีกแหลกไปด้วย เกิดความรู้สึกเจ็บปวดในดวงตา

นี่ทำให้พวกเขาร้องด้วยความตื่นตะลึง ในใจยิ่งฮึกเหิม ด้วยการโจมตีนี้เทพมารหลินจะต้านทานอย่างไรไหว ดูท่าจะต้องถูกฉีกทึ้งให้เป็นผุยผงแล้วกระมัง

ดวงตาดำของหลินสวินเปล่งประกายขึ้นมา เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่ลังเลอีกต่อไป ทันทีที่เงาร่างของเขาปรากฏขึ้นก็พลันชกหมัดหนึ่งออกไป

เมื่อหมัดนี้ปรากฏออกมา ฟ้าดินดุจผืนผ้าใบวาดภาพ ยุบตัวลงทันใด กระแสยุ่งเหยิงนับหมื่นพันถูกกลืนกิน หลอมรวมเข้าไปในพลังหมัด

ท่ามกลางความคลุมเครือ ภาพฟ้าดินถล่มทลาย หยินหยางพลิกกลับก็ปรากฏขึ้น

ปึง!

พายุลูกแล้วลูกเล่าถูกพลังหมัดกระแทกให้แตกออกอย่างจัง ละอองแสงปั่นป่วนที่ปลิวว่อนถูกทำลายลงจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ

“นี่…”

พวกเมิ่งอิงหวาที่กำลังตื่นเต้นอยู่แข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้เทพมารหลินนั่นยังถูกกักไว้เหมือนลูกไก่ในกำมืออยู่เลย ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนไม่มีกำลังโจมตีกลับ

แต่ตอนนี้ ทันทีที่ออกโจมตีกลับน่ากลัวปานนี้!

“แย่แล้ว!”

ใจเวินเอ้าไห่เกร็งกระตุกขึ้นทันที เงาร่างเคลื่อนไหวฉวัดเฉวียนไม่ว่างเว้น ปะทุออกมาโดยสมบูรณ์ ประหนึ่งแปลงกายเป็นพายุปั่นป่วนเชี่ยวกรากที่ม้วนตลบนิรันดร์กาล แข็งกร้าวถึงที่สุด

ตูม!

หมัดที่หลินสวินระเบิดออกมายังถูกสลายไปอยู่ดี

แต่นี่ไม่ได้ทำให้เวินเอ้าไห่ดีใจแต่อย่างใด กลับกันเขาทำหน้าฉงน สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล

ราวกับว่าหลินสวินในตอนนี้เพิ่งเริ่มต่อสู้กับตนอย่างจริงจัง ส่วนก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้สนใจการจู่โจมของตนมาโดยตลอด!

“ฆ่า!”

เวินเอ้าไห่ร้องเสียงยาว แสงมรรคทั้งร่างคำรามดัง ดุจดั่งพายุที่เคลื่อนที่กระจายไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่อาจมองเห็นเงาร่างของเขาได้อย่างชัดเจน

ส่วนหลินสวินก็ไม่ออมมืออีก เริ่มโจมตีกลับในตอนนี้!

โฮก!

ชือน้ำแข็งทะยานไปในอากาศ ชูคอส่งเสียงคำราม เกี่ยวกระหวัดรอบกายหลินสวิน ขับเน้นให้เขาเหมือนเทพบงการมังกร แสงมรรคทั้งร่างไหวเคลื่อน แจ่มจรัสราวดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเจิดจ้าเพียงดวงเดียว

พลังหมัดสะท้านฟ้าสะเทือนดินปะทุขึ้น ทุกหมัดล้วนแข็งแกร่งเกินต้านทาน กลืนกินสรรพสิ่ง ทำลายล้างพลังในห้วงอากาศโดยรอบไปสิ้น

พายุลูกใหญ่เหล่านั้นกลับถูกพลังหมัดน่าหวาดหวั่นนั่นกลบจนสิ้นเหมือนเศษกระดาษ

ปึง!

ร่างของเวินเอ้าไห่ถูกพลังหมัดสายหนึ่งกวาดโดนโดยไม่ทันตั้งตัว

ชั่วพริบตานั้นเขายังสงสัยว่าถูกมือของเทพมารตบเจ้าอย่างจัง ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าวยากทนได้ กระอักเลือดออกปากและจมูก

“เจ้า…” เขาเกรี้ยวกราด สีหน้าคล้ำเขียว

แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรออกมาก็ต้องหลบหนีเต็มกำลัง โคจรพลังในกายตนถึงจุดสูงสุด

ต่อให้เป็นเช่นนี้เวินเอ้าไห่ก็ยังรู้สึกใช้พลังไม่ได้ดั่งใจ ถูกกดข่มโดยสิ้นเชิงเหมือนเดิม ทุกที่มีแต่พลังหมัดที่สามารถทำลายจักรวาลได้ ดุดัน อหังการ ทำลายได้ทุกอย่าง

ปึงๆๆ!

เพียงครู่เดียวเท่านั้นบนร่างของเขาก็ไม่รู้ว่าถูกพลังหมัดกี่ลูกซัดโดน หนังเปิดเนื้อเหวอะ กล้ามเนื้อกระดูกต่างรับไม่ไหว มีร่องรอยฉีกขาดปรากฏขึ้นหลายแห่ง เจ็บปวดจนเขากระอักเลือดไม่หยุดหย่อน

“เป็นไปไม่ได้!”

พวกเมิ่งอิงหวาหน้าเปลี่ยนสีโดยสมบูรณ์แล้ว ตกตะลึงเกินธรรมดา

ตอนนี้ในสายตาของพวกเขา เวินเอ้าไห่ก็เหมือนฟางที่ตกลงไปในเหวลึกแห่งหนึ่ง พลังหมัดทั่วสารทิศซัดมาเหมือนภูเขาถล่มทะเลคำรน แทบจะถูกกลบจนมิดแล้ว!

ทุกอย่างดูน่าเหลือเชื่อ

ก่อนหน้านี้หลินสวินต่างหากที่ถูกกักขัง ไร้กำลังโต้กลับ ทำไมชั่วพริบตาทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปแล้ว

สมองพวกเมิ่งอิงหวาสับสนงงงวย มือเท้าเย็นเฉียบ นี่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อกี้หลินสวินไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงเลยหรือ

“เป็นไปไม่ได้! ขอบเขตมกุฎเหมือนกัน เหตุใดพลังต่อสู้ของเจ้าถึงแข็งแกร่งปานนี้” เหนือเวิ้งฟ้าเวินเอ้าไห่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าบวมเป่งจมูกเขียวคล้ำ รอยหมัดประทับไปทั้งตัว อนาถยิ่งนัก

เพียงแต่เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ที่เขาหวาดผวายิ่งกว่าก็คือเป็นขอบเขตมกุฎเหมือนกัน แต่ต่อหน้าหลินสวิน เขากลับมีความรู้สึกไร้กำลังอย่างบอกไม่ถูก

เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นภูเขาลูกใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ส่วนตนเป็นมดที่กำลังเขย่าภูเขาตัวหนึ่ง ดูเล็กจ้อยและอ่อนแรงนัก!

นี่ทำให้เวินเอ้าไห่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง

เดิมนึกว่าเมื่อบรรลุระดับมกุฎราชัน ยังไม่ต้องพูดถึงการผงาดผยองเหนือคนรุ่นเดียวกัน อย่างน้อยก็ต้องมีรากฐานพลังที่ไม่หวั่นกลัวคู่ต่อสู้ใดๆ

จะคิดได้อย่างไรว่าตอนนี้กลับถูกเทพมารหลินกำราบโดยสมบูรณ์ในเวลาเพียงชั่วพลิกฝ่ามือ!

สวบ!

หลินสวินไม่ให้โอกาสเวินเอ้าไห่ได้หายใจก็พุ่งไปแล้ว พลังหมัดราวสายฟ้า ตวัดแขนกระแทกออกไปดังปึง ตัวเวินเอ้าไห่ก็ถูกกระแทกลงไปจากกลางอากาศเข้าอย่างจัง

ตัวเขากระแทกพื้นจนเกิดหลุมใหญ่หลุมหนึ่งเหมือนอุกกาตก้อนหนึ่ง ผืนดินสั่นสะเทือนไปชั่วครู่ ฝุ่นควันตลบอบอวล

“อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ” หลินสวินยืนตระหง่านมองเหยียดหยันลงมาจากฟ้าสูง น้ำเสียงเรียบเฉย

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1186 อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1186 อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การฝึกตนมาหลายวันทำให้หลินสวินเหมือนถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก รากฐานมรรคราชันในตัวก็เสถียรขึ้นอีกขั้น

เขาในตอนนี้เงาร่างสูงโปร่ง ยืนอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายหลุดพ้นเหนือธรรมดา ประหนึ่งเมฆคล้อยบนขอบฟ้า

นี่ก็คือคุณประโยชน์ของศิลาต้นกำเนิด

ไอวิญญาณในแดนอัคคีทักษิณเดิมก็เข้มข้นหาใดเทียบอยู่แล้ว ยังมีศิลาต้นกำเนิดช่วยเสริมการฝึกปราณ เพียงไม่กี่วันก็เทียบเท่ากับการฝึกปราณหลายเดือนในสมัยก่อน!

“เทพมารหลิน ความตายมาเยือนแล้วเจ้ายังกล้าคุยโวไม่ละอาย นี่สะกดคำว่าตายไม่เป็นจริงๆ ใช่ไหม”

พวกเมิ่งอิงหวาต่างเดือดดาลยากทนได้

ตอนนี้เวินเอ้าไห่กลับมาแล้ว ทำให้พวกเขาหาคนพึ่งพิงได้ ความอัปยศและความแค้นที่สั่งสมอยู่ในใจมาหลายวันจึงปะทุออกมาในตอนนี้

“พวกเจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว ในเมื่อเลือกยอมสยบ ก็ต้องตระหนักว่าเป็นข้าเป็นทาส แต่ตอนนี้กลับกลับไปกลับมา หรือเป็นเพราะข้าเมตตาเกินไป”

หลินสวินทอดถอนใจเบาๆ

เมตตา?

พวกเมิ่งอิงหวาแค้นจนกัดฟันกรอด หลายวันมานี้พวกเขาถูกบีบให้ขุดแร่ ได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างที่สุด นี่ยังเรียกเมตตาหรือ

“เทพมารหลิน แน่จริงก็มาสู้กันสักตั้ง!”

เสียงสวบดังขึ้น เวินเอ้าไห่ทะยานขึ้นไปบนฟ้า ยืนทระนงบนยอดเมฆ ไอสังหารคับฟ้าถาโถมไปทั่วกาย ผมยาวปลิวไสว

สภาพอากาศแปรเปลี่ยน ห้วงอากาศปั่นป่วนในทันใด

พลานุภาพของระดับมกุฎราชันสำแดงออกมาจนหมดสิ้นในขณะนี้

“ทำไมจะไม่กล้า”

หลินสวินเหยียบชือน้ำแข็งที่ขดตัว ค้ำให้ตัวเขาทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว เงาร่างสูงโปร่งยืนตระหง่านกลางทะเลเมฆ ราวภูผาสูงเด่นอันไม่อาจสั่นคลอน

“ศิษย์พี่เวิน ต้องฆ่าไอ้สวะนี่ให้ได้!”

บนภูเขาทุกคนร้องเสียงดังตื่นเต้น สายตาที่มองหลินสวินเจือไปด้วยความเคียดแค้น

“วางใจได้ ข้าจะทำให้มันตายอย่างไม่น่าดู”

เวินเอ้าไห่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าเย็นชา พูดชัดถ้อยชัดคำ สำแดงไอสังหารปอดฟ้าคลุมดินออกมา

สวบ!

ชั่วพริบตาเงาร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม

เร็วเหมือนลมพายุ ไปมาไร้เงา!

ดวงตาดำของหลินสวินหดรัดทันใด เงาร่างหลบหนีตามจิตใต้สำนึก

ฉับ!

คมดาบวายุดุดันหาใดเทียบสายหนึ่งไหววูบผ่านไป ตัดเส้นผมตรงริมหูปอยหนึ่งของหลินสวิน ห้วงอากาศด้านหนึ่งถูกตัดออกเป็นรอยแยกตรงแน่วเส้นหนึ่งเหมือนผืนผ้า

ว่องไวนัก!

หลินสวินประหลาดใจ จิตต่อสู้ในใจปะทุออกมา

นี่นับได้ว่าเป็นการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันครั้งแรกตั้งแต่เขาบรรลุระดับมกุฎราชันมา

หลินสวินตั้งตาคอยนักว่า ในระดับนี้คู่ต่อสู้จะต้านทานได้หรือไม่

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ชั่วพริบตากลางห้วงอากาศเต็มไปด้วยคมดาบวายุดุดันไร้รูปนับพันนับหมื่น รวดเร็วอัศจรรย์เหมือนสายฟ้า ไปมาไร้ร่องรอย ดุจพายุคลั่งเต็มท้องฟ้าม้วนตลบทะเลเมฆ

เหนือห้วงอากาศรอยแยกที่น่าตื่นตระหนกสายแล้วสายเล่าตัดกันไปทั่ว ชั้นเมฆทั่วสารทิศล้วนเหมือนเศษกระดาษที่ถูกฉีกแหลกปลิวว่อน

และตั้งแต่เริ่มจนจบ เพียงเห็นได้รางเลือนว่าเงาร่างของเวินเอ้าไห่นั้นไหววูบแล้วหายไป ไม่อาจจับกุมไว้ได้เหมือนผีสาง

ไม่เพียงว่องไว ยังดุดันถึงที่สุดด้วย!

มีคมดาบวายุโฉบออกมาเป็นครั้งคราว ไถผืนดินให้เป็นคูน้ำมหึมาที่ลึกจนไม่อาจหยั่งถึงสายแล้วสายเล่า หินผาแหลกสลาย

ตัวหลินสวินอยู่ท่ามกลางบริเวณนั้น ฉับพลันทันใดเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุฝนบ้าคลั่งกว้างไกล มีแต่คมดาบวายุที่ดุดันจนสามารถทำให้อกสั่นขวัญแขวน

ในระหว่างนี้ เขาหลบหนีอยู่ตลอด ลองเล็งเป้าเงาร่างของเวินเอ้าไห่

ทว่าความเร็วของเวินเอ้าไห่ช่างน่าตื่นตะลึง เงาร่างเคลื่อนไหวว่องไว เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่

ชั่วไม่กี่อึดใจคล้ายทั่วทิศเต็มไปด้วยเงาร่างของเขา แต่เมื่อเข้าไปจับกลับพบว่านั่นเป็นเพียงรอยเงาเท่านั้น!

มหามรรคสลาตันบูรพาใต้!

ลม มีอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ใดเข้าไปไม่ได้

ยามอ่อนโยน พัดผ่านหน้าก็ไม่รู้สึก

ยามดุดัน สามารถพลิกภูเขาคว่ำสมุทร ก่อให้เกิดพายุล้างโลกได้!

ไม่ต้องสงสัยว่านี่เป็นมกุฎมรรคาของเวินเอ้าไห่ ที่เสาะหาก็คือร่างกายดั่งพายุสลาตัน ลอยสูงไร้ร่องรอย

ฟึ่บฟั่บๆ!

แม้หลินสวินจะหลบหนีเต็มที่ อาภรณ์บนร่างก็ยังคงถูกปัดโดนและฉีกออก

ส่วนในสายตาของพวกเมิ่งอิงหวา เพียงรู้สึกว่าดวงตาไม่พอดู เห็นได้เพียงว่าในท้องฟ้ามีแต่คมดาบวายุกับเงาร่างของเวินเอ้าไห่ไปทุกหนแห่ง

ด้านหลินสวินก็เหมือนอยู่กลางทะเลคมวายุ แม้เคลื่อนย้ายไปมา แต่กลับถูกกักขังไว้อย่างแน่นหนาไม่อาจสลัดพ้น

นี่ทำให้พวกเขาฮึกเหิม ส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจเวินเอ้าไห่ขึ้นมา

“สะใจนัก! สะใจจริงๆ มหามรรคสลาตันบูรพาใต้ของศิษย์พี่เวินช่างมีอานุภาพพิศวงสุดหยั่งจริงๆ สามารถทำให้ฟ้าดินอับสีได้!”

“ตอนนี้ข้าเพียงกังวลว่าเทพมารหลินนั่นจะถูกฆ่าตายได้ง่ายเกินไปหรือไม่เท่านั้นแล้ว!”

และเหนือเวิ้งฟ้าเวินเอ้าไห่ก็หัวเราะเสียงดัง “หลินสวิน เป็นมกุฎราชันเหมือนกัน แต่ทำไมเจ้ากลับอ่อนแอปานนี้ คงไม่ใช่ว่าไม่ได้บรรลุระดับมกุฎราชันจริงๆ กระมัง”

เดิมทีเขายังระแวดระวัง ถึงอย่างไรตอนอยู่ระดับกระบวนแปรจุติหลินสวินก็มีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าที่สามารถกวาดล้างคนรุ่นเดียวกันได้ แข็งแกร่งหาใดเทียบจริงๆ คิดดูแล้วหลังจากเลื่อนเป็นระดับมกุฎราชัน พลังต่อสู้ต้องไม่แย่นัก

ไหนเลยจะคิดว่ากลับอ่อนแอเช่นนี้ แม้แต่เงาร่างของตนยังเล็งไว้ไม่ได้!

ฉึบ!

คมดาบวายุสายหนึ่งปัดโดนคอของหลินสวินอย่างเฉียดฉิว อีกนิดเดียวก็จะอันตรายถึงชีวิต

แต่หลินสวินกลับสีหน้าเรียบเฉยไม่ตระหนก ดวงตาดำลุ่มลึกและเฉยชา

ตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้โจมตีกลับไปจริง ยามหลบหนีก็ถูกข่วนให้เป็นแผลเป็นครั้งคราว

ถึงกับต้องยอมรับว่าอย่างน้อยในด้านความเร็ว เวินเอ้าไห่ก็มีข้อได้เปรียบที่ภูมิใจได้ ขนาดเขายังด้อยกว่าบ้าง

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะถูกกำราบแล้ว!

ตอนนี้สาเหตุที่เขาเอาแต่หลบหนี ก็เพียงเพราะอยากดูสักหน่อยว่าพลังต่อสู้ของเวินเอ้าไห่ผู้นี้มีจุดที่ไม่ธรรมดาหรือไม่กันแน่เท่านั้น

นี่เป็นท่าทีสอดส่องและเสาะหาอย่างหนึ่ง มองเวินเอ้าไห่เป็นเป้าหมายศึกษา ใช้สิ่งนี้มาพิสูจน์มกุฎมรรคาของตัวเอง

“อ่อนแอไปหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดจนตอนนี้เจ้าถึงเอาชนะข้าไม่ได้สักทีล่ะ” หลินสวินยิ้มเย้ยหยันเอ่ยปาก ถากถางอย่างไม่ปิดบัง

ทันใดนั้นพวกเมิ่งอิงหวาก็อึ้งไป ก็จริง กระทั่งตอนนี้แม้หลินสวินจะถูกกักไว้ ดูเหมือนสะบักสะบอม แต่กลับไม่ได้บาดเจ็บอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใดเลย

นี่ก็ดูออกจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

ขณะเดียวกันเวินเอ้าไห่สีหน้าอึ้งค้างเล็กน้อย ก่อนยิ้มเหี้ยมแล้วพูดทันทีว่า “งั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาว่าอย่างไรเรียกว่าสิ้นหวัง!”

ตูม!

เสียงยังไม่ทันเงียบลง คมดาบวายุเต็มฟ้าพลันส่งเสียงอึกทึกครึกโครม ชั่วขณะเดียวเท่านั้นคมดาบวายุทุกสายก็แปรสภาพเป็นพายุ

พายุนับหมื่นนับพันลูกผุดขึ้น ฉีกห้วงอากาศสิบทิศให้แหลกละเอียด ภาพเช่นนั้นคล้ายจะบดขยี้โลกนี้ให้ว่างเปล่า!

นี่เป็นการโจมตีที่น่ากลัวถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นท่าไม้ตายของเวินเอ้าไห่ แม้เพียงมองดูอยู่ไกลๆ ก็ทำให้พวกเมิ่งอิงหวารู้สึกได้ถึงความกริ่งเกรงอันใหญ่หลวงยากบรรยาย

ประหนึ่งจิตวิญญาณกำลังจะถูกฉีกแหลกไปด้วย เกิดความรู้สึกเจ็บปวดในดวงตา

นี่ทำให้พวกเขาร้องด้วยความตื่นตะลึง ในใจยิ่งฮึกเหิม ด้วยการโจมตีนี้เทพมารหลินจะต้านทานอย่างไรไหว ดูท่าจะต้องถูกฉีกทึ้งให้เป็นผุยผงแล้วกระมัง

ดวงตาดำของหลินสวินเปล่งประกายขึ้นมา เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่ลังเลอีกต่อไป ทันทีที่เงาร่างของเขาปรากฏขึ้นก็พลันชกหมัดหนึ่งออกไป

เมื่อหมัดนี้ปรากฏออกมา ฟ้าดินดุจผืนผ้าใบวาดภาพ ยุบตัวลงทันใด กระแสยุ่งเหยิงนับหมื่นพันถูกกลืนกิน หลอมรวมเข้าไปในพลังหมัด

ท่ามกลางความคลุมเครือ ภาพฟ้าดินถล่มทลาย หยินหยางพลิกกลับก็ปรากฏขึ้น

ปึง!

พายุลูกแล้วลูกเล่าถูกพลังหมัดกระแทกให้แตกออกอย่างจัง ละอองแสงปั่นป่วนที่ปลิวว่อนถูกทำลายลงจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ

“นี่…”

พวกเมิ่งอิงหวาที่กำลังตื่นเต้นอยู่แข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้เทพมารหลินนั่นยังถูกกักไว้เหมือนลูกไก่ในกำมืออยู่เลย ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนไม่มีกำลังโจมตีกลับ

แต่ตอนนี้ ทันทีที่ออกโจมตีกลับน่ากลัวปานนี้!

“แย่แล้ว!”

ใจเวินเอ้าไห่เกร็งกระตุกขึ้นทันที เงาร่างเคลื่อนไหวฉวัดเฉวียนไม่ว่างเว้น ปะทุออกมาโดยสมบูรณ์ ประหนึ่งแปลงกายเป็นพายุปั่นป่วนเชี่ยวกรากที่ม้วนตลบนิรันดร์กาล แข็งกร้าวถึงที่สุด

ตูม!

หมัดที่หลินสวินระเบิดออกมายังถูกสลายไปอยู่ดี

แต่นี่ไม่ได้ทำให้เวินเอ้าไห่ดีใจแต่อย่างใด กลับกันเขาทำหน้าฉงน สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล

ราวกับว่าหลินสวินในตอนนี้เพิ่งเริ่มต่อสู้กับตนอย่างจริงจัง ส่วนก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้สนใจการจู่โจมของตนมาโดยตลอด!

“ฆ่า!”

เวินเอ้าไห่ร้องเสียงยาว แสงมรรคทั้งร่างคำรามดัง ดุจดั่งพายุที่เคลื่อนที่กระจายไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่อาจมองเห็นเงาร่างของเขาได้อย่างชัดเจน

ส่วนหลินสวินก็ไม่ออมมืออีก เริ่มโจมตีกลับในตอนนี้!

โฮก!

ชือน้ำแข็งทะยานไปในอากาศ ชูคอส่งเสียงคำราม เกี่ยวกระหวัดรอบกายหลินสวิน ขับเน้นให้เขาเหมือนเทพบงการมังกร แสงมรรคทั้งร่างไหวเคลื่อน แจ่มจรัสราวดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเจิดจ้าเพียงดวงเดียว

พลังหมัดสะท้านฟ้าสะเทือนดินปะทุขึ้น ทุกหมัดล้วนแข็งแกร่งเกินต้านทาน กลืนกินสรรพสิ่ง ทำลายล้างพลังในห้วงอากาศโดยรอบไปสิ้น

พายุลูกใหญ่เหล่านั้นกลับถูกพลังหมัดน่าหวาดหวั่นนั่นกลบจนสิ้นเหมือนเศษกระดาษ

ปึง!

ร่างของเวินเอ้าไห่ถูกพลังหมัดสายหนึ่งกวาดโดนโดยไม่ทันตั้งตัว

ชั่วพริบตานั้นเขายังสงสัยว่าถูกมือของเทพมารตบเจ้าอย่างจัง ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าวยากทนได้ กระอักเลือดออกปากและจมูก

“เจ้า…” เขาเกรี้ยวกราด สีหน้าคล้ำเขียว

แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรออกมาก็ต้องหลบหนีเต็มกำลัง โคจรพลังในกายตนถึงจุดสูงสุด

ต่อให้เป็นเช่นนี้เวินเอ้าไห่ก็ยังรู้สึกใช้พลังไม่ได้ดั่งใจ ถูกกดข่มโดยสิ้นเชิงเหมือนเดิม ทุกที่มีแต่พลังหมัดที่สามารถทำลายจักรวาลได้ ดุดัน อหังการ ทำลายได้ทุกอย่าง

ปึงๆๆ!

เพียงครู่เดียวเท่านั้นบนร่างของเขาก็ไม่รู้ว่าถูกพลังหมัดกี่ลูกซัดโดน หนังเปิดเนื้อเหวอะ กล้ามเนื้อกระดูกต่างรับไม่ไหว มีร่องรอยฉีกขาดปรากฏขึ้นหลายแห่ง เจ็บปวดจนเขากระอักเลือดไม่หยุดหย่อน

“เป็นไปไม่ได้!”

พวกเมิ่งอิงหวาหน้าเปลี่ยนสีโดยสมบูรณ์แล้ว ตกตะลึงเกินธรรมดา

ตอนนี้ในสายตาของพวกเขา เวินเอ้าไห่ก็เหมือนฟางที่ตกลงไปในเหวลึกแห่งหนึ่ง พลังหมัดทั่วสารทิศซัดมาเหมือนภูเขาถล่มทะเลคำรน แทบจะถูกกลบจนมิดแล้ว!

ทุกอย่างดูน่าเหลือเชื่อ

ก่อนหน้านี้หลินสวินต่างหากที่ถูกกักขัง ไร้กำลังโต้กลับ ทำไมชั่วพริบตาทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปแล้ว

สมองพวกเมิ่งอิงหวาสับสนงงงวย มือเท้าเย็นเฉียบ นี่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อกี้หลินสวินไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงเลยหรือ

“เป็นไปไม่ได้! ขอบเขตมกุฎเหมือนกัน เหตุใดพลังต่อสู้ของเจ้าถึงแข็งแกร่งปานนี้” เหนือเวิ้งฟ้าเวินเอ้าไห่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าบวมเป่งจมูกเขียวคล้ำ รอยหมัดประทับไปทั้งตัว อนาถยิ่งนัก

เพียงแต่เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ที่เขาหวาดผวายิ่งกว่าก็คือเป็นขอบเขตมกุฎเหมือนกัน แต่ต่อหน้าหลินสวิน เขากลับมีความรู้สึกไร้กำลังอย่างบอกไม่ถูก

เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นภูเขาลูกใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ส่วนตนเป็นมดที่กำลังเขย่าภูเขาตัวหนึ่ง ดูเล็กจ้อยและอ่อนแรงนัก!

นี่ทำให้เวินเอ้าไห่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง

เดิมนึกว่าเมื่อบรรลุระดับมกุฎราชัน ยังไม่ต้องพูดถึงการผงาดผยองเหนือคนรุ่นเดียวกัน อย่างน้อยก็ต้องมีรากฐานพลังที่ไม่หวั่นกลัวคู่ต่อสู้ใดๆ

จะคิดได้อย่างไรว่าตอนนี้กลับถูกเทพมารหลินกำราบโดยสมบูรณ์ในเวลาเพียงชั่วพลิกฝ่ามือ!

สวบ!

หลินสวินไม่ให้โอกาสเวินเอ้าไห่ได้หายใจก็พุ่งไปแล้ว พลังหมัดราวสายฟ้า ตวัดแขนกระแทกออกไปดังปึง ตัวเวินเอ้าไห่ก็ถูกกระแทกลงไปจากกลางอากาศเข้าอย่างจัง

ตัวเขากระแทกพื้นจนเกิดหลุมใหญ่หลุมหนึ่งเหมือนอุกกาตก้อนหนึ่ง ผืนดินสั่นสะเทือนไปชั่วครู่ ฝุ่นควันตลบอบอวล

“อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ” หลินสวินยืนตระหง่านมองเหยียดหยันลงมาจากฟ้าสูง น้ำเสียงเรียบเฉย

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+