Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1192 บัวเทพสองลักษณ์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1192 บัวเทพสองลักษณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดเขาฝนดาวตก

ตำหนักเรียงรายเป็นระเบียบล้วนแต่สร้างขึ้นใหม่ ตำหนักแต่ละหลังถูกขุมอำนาจหนึ่งยึดครอง แบ่งแยกกันชัดเจน

ภูเขาฝนดาวตกคือหนึ่งใน ‘แดนมงคลใหญ่’ ที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของแดนอัคคีทักษิณ ตั้งแต่แดนเก้าบนเปิดออก ที่นี่ก็ถูกเผ่าอีกาทองยึดครองมาตลอด

จนถึงทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ไร้ผู้สั่นคลอน กลับเป็นว่ามีขุมอำนาจมากมายเลือกสวามิภักดิ์ต่อเผ่าอีกาทอง ยอมกลายเป็นบริวาร

ด้วยประการฉะนี้อำนาจโดยรวมของเขาฝนดาวตกจึงได้ก้าวสู่ระดับนายเหนือหัวแห่งแดนอัคคีทักษิณ ขุมอำนาจที่ทัดเทียมกันได้มีจำนวนไม่เกินห้าแห่ง

“น่าเสียดาย องค์ชายเก้าจากไปครานี้ห่วงว่าจะมีขุมอำนาจอื่นฉวยโอกาสจึงให้พวกเราอยู่คุ้มกันภูเขา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้ไปทวงบัญชีเทพมารหลินนั่นแล้ว”

ชายชุดคลุมเพลิงคนหนึ่งทอดถอนใจ

“ช่วยไม่ได้ ขุมอำนาจในแดนอัคคีทักษิณมีมากมาย หากพวกเราจากเขาฝนดาวตกไปกันหมด ขุมอำนาจอื่นต้องไม่ยอมนั่งนิ่งๆ แน่”

ด้านข้างหญิงผมขาวคนหนึ่งกล่าวเนิบช้า

“ทุกท่าน พวกเราอยู่บนภูเขาตามคำสั่งองค์ชายเก้า ต้องดูแลโอสถเทพบนเขาพวกนั้นให้ดี”

ชายเครางอนคนหนึ่งกล่าวเสียงขรึม

เมื่อพูดถึงโอสถเทพ ทุกคนในที่นั้นก็เหลือบสายตาไปทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

นั่นคือน้ำตกสายหนึ่งที่ทิ้งตัวลงมาจากผนังหิน สิ่งที่น้ำตกหลั่งรินออกมาคือวารีวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุด!

ด้านล่างน้ำตกมีสระน้ำแห่งหนึ่ง มีบัวเทพสามต้นเติบโตอยู่ภายใน

บัวเทพแต่ละต้นกิ่งก้านดำสนิทราวหมึกเขียน กลีบดอกกลับเป็นสีขาวหิมะราวหยก

หนึ่งดำหนึ่งขาวเสมือนหยินหยางร่วมเคียง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ ละอองแสงมหามรรคอันศักดิ์สิทธิ์งามตระการไหลวนออกมา

ม่านน้ำตกที่รวมตัวจากวารีวิญญาณโดยสมบูรณ์ทิ้งตัวลงดั่งมังกรขาว ยังไม่ทันตกสู่สระน้ำก็ถูกบัวเทพสามต้นนั้นดูดกลืนอย่างต่อเนื่องไม่ขาด

บัวเทพสองลักษณ์!

โอสถเทพชิ้นเอกอย่างหนึ่งที่สาบสูญไปแล้วในโลกภายนอก!

ถึงขั้นในโอสถเทพมากมายบนโลก บัวเทพสองลักษณ์ยังเรียกได้ว่าเป็นของชั้นสูงที่หาได้ยากยิ่ง

หากได้กินมัน ไม่เพียงมีประโยชน์เกินคาดเดาต่อปราณของผู้แข็งแกร่งระดับราชัน ยังสามารถหยั่งถึงพลังมหามรรคหนึ่งหยินหนึ่งหยางสองอย่างนี้ได้โดยปริยาย!

หยินหยางสองมหามรรค ถูกมองเป็นมรรคแห่งสองลักษณ์ที่แสดงถึงความมืดสว่างแห่งฟ้าดิน แบ่งแยกระเบียบลำดับ มหัศจรรย์และทรงพลังถึงที่สุด

หยินอยู่โดดเดี่ยวไม่ก่อเกิด หยางอยู่เดียวดายไม่เติบโต

หากสามารถครอบครองมหามรรคทั้งสองนี้ได้ ก็จะสามารถหลอมรวมมหามรรคเทียมฟ้าที่แท้จริงอย่างหนึ่งออกมา… ยอดเอกอุ!

และมหามรรคยอดเอกอุก็คือมรรคาที่มุ่งสู่แก่นแท้แห่งฟ้าดินโดยตรง มีนัยเร้นลับที่ถือกำเนิดสืบเนื่องไร้สิ้นสุด ไร้ขีดจำกัดเหลือคณา

เท่านี้ก็รู้แล้วว่า มูลค่าของบัวเทพสองลักษณ์สามต้นในสระน้ำใต้น้ำตกนั่นมากมายเพียงใด!

ก่อนที่อูหลิงเฟิงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองจะจากไปคราวนี้ ได้ทิ้งกำลังพลชั้นยอดไว้คุ้มกันเขาฝนดาวตกโดยเฉพาะ กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็เพื่อให้มั่นใจว่าบัวเทพสามต้นนี้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น

พวกชายหนุ่มชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาว ชายเครางอนหกเจ็ดคนในที่นั้นต่างเป็นบุคคลที่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน และมาจากขุมอำนาจต่างกันไป

มีกำลังพลเช่นนี้ควบคุมดูแล ไม่ว่าขุมอำนาจไหนมาโจมตีเขาฝนดาวตกคงได้ล้มหัวกระแทกเลือดอาบ

“องค์ชายเก้าเคยบอกว่าเมื่อเขากลับมาจะเด็ดบัวเทพสามต้นนี้ นำสองต้นมาเป็นรางวัลให้พวกเราได้ช่วงชิง”

ชายชุดคลุมเพลิงแววตาเร่าร้อน สูดหายใจลึกกล่าว “ยังไม่ต้องพูดว่าจะชิงกันอย่างไร พวกเราแค่อย่าทำให้ความเชื่อใจขององค์ชายเก้าสูญเปล่าก็พอ”

หญิงผมขาวยิ้มเยาะ แค่นเสียงหัวเราะกล่าว “มีพวกเรานั่งบัญชาที่นี่ ขุมอำนาจใดจะกล้าบังอาจมารุกราน ที่ต้องหวาดกลัวก็มีเพียงขุมอำนาจบางตาไม่กี่แห่ง อย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉาสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิม ลัทธิไร้สวรรค์แดนเร้นเทพ และสำนักเอกอุเท่านั้น”

“พวกเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ต่างฝ่ายต่างยึดครองแดนมงคลใหญ่แห่งหนึ่ง หากไม่แน่ใจว่าจะชนะคงไม่มีทางเป็นศัตรูกับพวกเราแน่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล”

ชายเครางอนกล่าวราบเรียบ

แดนอัคคีทักษิณในปัจจุบัน ขุมอำนาจที่เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวมีเพียงขุมอำนาจห้าหกแห่ง อย่างเผ่าอีกาทอง เรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ สำนักเอกอุเป็นต้น

และเหมือนกับที่ชายเครางอนกล่าว หากไม่แน่ใจว่าจะชนะ ระหว่างขุมอำนาจระดับนายเหนือหัวไม่มีทางก่อเรื่องขัดแย้งกันแน่

นี่ก็เหมือนนกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ เป็นไปได้สูงว่าตอนจบจะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ถูกขุมอำนาจอื่นตีชิงตามไฟตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว

“แย่แล้ว! มีคนบุกโจมตี… !”

เสียงร้องแหลมดังขึ้น ชายชุดดำคนหนึ่งผลุนผลันวิ่งเข้ามา

พวกชายชุดคลุมเพลิงต่างชะงัก มีคนไม่กลัวตายกล้าเลือกมารุกรานเวลานี้จริงรึ

“เป็นขุมอำนาจไหนกัน”

หญิงผมขาวหยัดร่างขึ้น ไอสังหารแผ่ซ่าน เสียงเยียบเย็นดังก้องเหนือเขาฝนดาวตก

“ไม่ใช่พวกขุมอำนาจขอรับ เป็น… เป็นคนผู้หนึ่ง!”

ชายชุดดำกล่าวเสียงสั่น

ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งแทบคิดว่าหูฝาด คนคนเดียวกล้าวิ่งมาภูเขาฝนดาวตก เป็นบ้าไปแล้วรึ หรือไม่ก็เบื่อชีวิตจนอยากหาที่ตาย?

“ไป ไปดูกัน”

ชายชุดคลุมเพลิงชิงเคลื่อนไหวก่อน

“น่าสนุก ข้าอยากดูนักว่าเป็นอริยเทพแห่งใดกันแน่ ถึงกล้ามาท้าทายคนเดียว!”

คนอื่นเองก็ทยอยลุกขึ้น สีหน้าเย็นชา เผยไอสังหารในดวงตาอยู่รางๆ

ตูม!

หลินสวินขึ้นเขาก้าวเนิบช้า ระหว่างทางถูกผู้แข็งแกร่งมากมายพบเจอและพากันขัดขวาง แต่แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดุดันไม่เปลืองแรงสักนิด ลงมือราวอสนีบาต เปิดฉากเข่นฆ่าเคลื่อนกวาดมุ่งหน้า ทิ้งซากศพและแอ่งโลหิตนองพื้นตลอดทาง

แต่เขากลับสะอาดหมดจดไม่แปดเปื้อนโลกีย์ เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

เสียงโหยหวน หวีดร้อง ตะโกนลั่นดังขึ้นไม่หยุด ทำให้เขาฝนดาวตกที่เดิมเงียบสงบประหนึ่งแดนพิสุทธิ์ในอุดมคติเปลี่ยนเป็นวุ่นวายอลหม่าน

ครืน!

ชือน้ำแข็งทะยานสู่ฟากฟ้าเหมือนพญามังกรขาวหิมะโผร่อน แต่ละคราที่ท่องเหินเป็นต้องกดอัดศัตรูที่พุ่งเข้ามาระหว่างทาง ทำให้ร่างฝ่ายหลังระเบิดกระจาย ฝนโลหิตสาดพรม

“รนหาที่ตาย! รีบใช้ค่ายกลสังหารมันซะ!” มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว สีหน้าคล้ำเขียวเดือดดาลหาใดเปรียบ ไม่อาจทนเห็นหลินสวินแผลงฤทธิ์อีก

วู้ม…

กระบวนผนึกมรรคราชันที่ครอบคลุมทั้งเขาส่องประกาย คลื่นทำลายล้างเร้นลับชวนประหวั่นไหลวน ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวมีภาพอีกาทองขวางนภาผลาญทำลายฟ้าดินปรากฏขึ้น

นี่คือกระบวนผนึกมรรคราชันที่น่ากลัวยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย ทันทีที่โคจรก็มีแสงอัคคีอสนีบาตไร้สิ้นสุดพวยพุ่ง กลายเป็นอีกาทองสยายปีก ซัดเพลิงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราวไปทางหลินสวิน

เปลี่ยนเป็นระดับมกุฎราชันคนอื่น หากถูกขังอยู่ภายในคงยากจะรับมือ ต้องประสบเคราะห์แน่

แต่สิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าไม่มีผลกับหลินสวิน

ในฐานะที่เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณ ก่อนขึ้นภูเขาเขาก็มองปริศนาของค่ายกลนี้ออกแล้ว จะถูกกักขังได้อย่างไร

ตูม!

ชั่วพริบตาเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ประทับปี้อั้นทะยานนภาอุบัติขึ้นทันใด กระแทกไปยังจุดสำคัญหนึ่งของค่ายกลใหญ่

พร้อมกันนี้เงาร่างเขาส่องประกาย ใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง ป่นทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งสังหารเข้ามาให้กลายเป็นจุณ

อีกาทองมากมายที่ออกมาจากกระบวนสลักนั้นยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกหลินสวินพุ่งเข้าใส่ หนึ่งหมัดหนึ่งตัว สังหารตายคาที่ ฝนโลหิตระเบิดกระจาย

ตูม!

ประทับปี้อั้นกดลงมา กระเทือนรากฐานค่ายกลอย่างหนักหน่วง ทำเอาทั้งค่ายกลใหญ่คร่ำครวญสั่นคลอนอย่างรุนแรง

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันที่ควบคุมค่ายกลนี้ต่างตกตะลึง นี่เป็นพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งระดับใดกัน ขนาดถูกขังไว้ภายในยังสามารถทำลายค่ายกลได้?

“เป็นเขา เทพมารหลิน!” ในที่สุดก็มีคนจำฐานะหลินสวินได้ ร้องเสียงหลงออกมา

“เป็นไปได้อย่างไร พวกองค์ชายเก้าไปฆ่ามันแล้วไม่ใช่รึ เหตุใดถึงปรากฏตัวที่นี่ได้” คนอื่นหน้าเปลี่ยนสียากจะเชื่อ

ตูม!

พร้อมๆ กับเสียงระเบิด หลินสวินโฉบออกมาจากรอยแยกหนึ่งของค่ายกลใหญ่ดั่งเทพมาร แสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว พลานุภาพชวนประหวั่น

“แย่แล้ว!”

เหล่าราชันล้วนถูกทำให้ตระหนกแล้ว กระบวนผนึกมรรคราชันนี้วิวัฒน์มาจากกระบวนสลักสมบัติลับของเผ่าอีกาทอง ทรงอานุภาพหาใดเปรียบ

แต่ใครจะคิดว่าแค่ไม่กี่อึดใจก็ถูกเทพมารหลินทลายออกในชั่วพลิกฝ่ามือ!

ยามนี้หลินสวินพุ่งออกมาและลงมืออย่างรวดเร็ว พลังหมัดอันยิ่งใหญ่แผ่พลังกฎเกณฑ์ที่แท้จริงราวมหาสมุทรซัดโถม

เหล่าราชันตกตะลึงหลีกหลบ แต่จะหลบพ้นได้อย่างไร ไม่ช้าบนพื้นก็มีร่างไร้วิญญาณศพแล้วศพเล่ากระจายเกลื่อน จิตสิ้นวิญญาณสลาย

แม้พวกเขาเป็นราชัน แต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้ช่างไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงมากก็สังหารพวกเขาได้

ทั้งภูเขาฝนดาวตกสั่นสะเทือน อบอวลบรรยากาศน่าสังเวช

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่หนักใจแม้แต่น้อย

ตั้งแต่ขึ้นเขามา เขาก็รู้ว่าอูหลิงเฟิงพาระดับมกุฎราชันมากมายไปยังเขาดารารายในวันนี้เพื่อกำจัดตน

นี่ทำให้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะยินดีอยู่บ้าง ใช่ว่าหวั่นกลัว แต่ยินดีที่ได้ส่งผู้สืบทอดของสำนักเพลิงมืดและเขาวิญญาณหมื่นอสูรจากเขาดารารายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน

มิฉะนั้นครานี้ต้องประสบเคราะห์ใหญ่แน่

ไม่ต้องคิดหลินสวินก็รู้ว่าต่อให้ตนกลับเขาดารารายตอนนี้ ที่นั่นก็คงเปลี่ยนไปหมดแล้ว

แน่นอนว่าที่น่าเศร้าที่สุดคือขุมอำนาจทั้งห้าที่เหลืออยู่บนเขาดารารายนั่น เมื่อหาตนไม่พบ อูหลิงเฟิงจะต้องระบายไฟโทสะไปที่คนพวกนี้แน่

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ขุมอำนาจทั้งห้านี้คดในข้องอในกระดูก ต่อให้ไม่ประสบเคราะห์ หลังจากนี้ก็ต้องถูกตนล้างบาง

‘พวกเจ้าไปโจมตีถึงอาณาเขตของข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำลายที่อยู่พวกเจ้าทีละแห่ง!’

นี่ก็คือความคิดหลินสวินในตอนนี้

“ฆ่า!”

มีคนตวาด กระสวยบินแดงก่ำสายหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว แสงประกายเจิดจรัสบาดตาหาใดเปรียบ เผยพลังแห่งราชันที่เหนือธรรมดาอย่างชัดเจน

เห็นชัดว่ามีมกุฎราชันลงมือแล้ว!

หลินสวินไม่หลบหลีก ปล่อยหมัดออกมาซัดกระสวยบินดังสนั่น ส่งเสียงครวญเสียดหู

พร้อมกันนี้ระดับมกุฎราชันอย่างพวกชายชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาวก็ปรากฏตัว

“เทพมารหลิน เป็นเจ้าจริงรึ”

พวกเขาประหลาดใจยากจะเชื่อ ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเป้าหมายที่องค์ชายเก้าอูหลิงเฟิงอยากสังหารเต็มกำลัง ทำไมถึงไม่อยู่ที่เขาดาราราย กลับมาปีนขึ้นอาณาเขตของพวกเขาด้วยตนเอง

นี่ช่างทำให้ผู้คนเกินคาดหมาย!

“ทำไมจะเป็นข้าไม่ได้”

หลินสวินถามกลับ

ขณะกล่าวเขาสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา เงาร่างสันโดษเอ่อท้นแสงมรรคนับหมื่นพัน เหมือนพญามังกรจำศีลออกจากหุบเหว มองมกุฎราชันทั้งหมดราวสิ่งไร้ค่า!

“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็อย่าหวังได้รอดจากไป!”

หญิงผมขาวสูดหายใจลึกกล่าวเย็นชา มือกระจ่างพลันซัดกระบี่เทพขาวเงินดุจหิมะเล่มหนึ่งออกไป สะเทือนแหวกอากาศฟาดฟันไปทางหลินสวินที่พุ่งเข้ามา

คนอื่นต่างรู้ว่าสถานการณ์ผิดแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดมากความ พากันออกโจมตี

เรื่องเร่งด่วนคือต้องกำจัดเทพมารหลินที่โผล่มากะทันหันนี่ มิฉะนั้นเขาฝนดาวตกไม่ปลอดภัยแน่!

……………………

ยอดเขาฝนดาวตก

ตำหนักเรียงรายเป็นระเบียบล้วนแต่สร้างขึ้นใหม่ ตำหนักแต่ละหลังถูกขุมอำนาจหนึ่งยึดครอง แบ่งแยกกันชัดเจน

ภูเขาฝนดาวตกคือหนึ่งใน ‘แดนมงคลใหญ่’ ที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของแดนอัคคีทักษิณ ตั้งแต่แดนเก้าบนเปิดออก ที่นี่ก็ถูกเผ่าอีกาทองยึดครองมาตลอด

จนถึงทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ไร้ผู้สั่นคลอน กลับเป็นว่ามีขุมอำนาจมากมายเลือกสวามิภักดิ์ต่อเผ่าอีกาทอง ยอมกลายเป็นบริวาร

ด้วยประการฉะนี้อำนาจโดยรวมของเขาฝนดาวตกจึงได้ก้าวสู่ระดับนายเหนือหัวแห่งแดนอัคคีทักษิณ ขุมอำนาจที่ทัดเทียมกันได้มีจำนวนไม่เกินห้าแห่ง

“น่าเสียดาย องค์ชายเก้าจากไปครานี้ห่วงว่าจะมีขุมอำนาจอื่นฉวยโอกาสจึงให้พวกเราอยู่คุ้มกันภูเขา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้ไปทวงบัญชีเทพมารหลินนั่นแล้ว”

ชายชุดคลุมเพลิงคนหนึ่งทอดถอนใจ

“ช่วยไม่ได้ ขุมอำนาจในแดนอัคคีทักษิณมีมากมาย หากพวกเราจากเขาฝนดาวตกไปกันหมด ขุมอำนาจอื่นต้องไม่ยอมนั่งนิ่งๆ แน่”

ด้านข้างหญิงผมขาวคนหนึ่งกล่าวเนิบช้า

“ทุกท่าน พวกเราอยู่บนภูเขาตามคำสั่งองค์ชายเก้า ต้องดูแลโอสถเทพบนเขาพวกนั้นให้ดี”

ชายเครางอนคนหนึ่งกล่าวเสียงขรึม

เมื่อพูดถึงโอสถเทพ ทุกคนในที่นั้นก็เหลือบสายตาไปทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

นั่นคือน้ำตกสายหนึ่งที่ทิ้งตัวลงมาจากผนังหิน สิ่งที่น้ำตกหลั่งรินออกมาคือวารีวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุด!

ด้านล่างน้ำตกมีสระน้ำแห่งหนึ่ง มีบัวเทพสามต้นเติบโตอยู่ภายใน

บัวเทพแต่ละต้นกิ่งก้านดำสนิทราวหมึกเขียน กลีบดอกกลับเป็นสีขาวหิมะราวหยก

หนึ่งดำหนึ่งขาวเสมือนหยินหยางร่วมเคียง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ ละอองแสงมหามรรคอันศักดิ์สิทธิ์งามตระการไหลวนออกมา

ม่านน้ำตกที่รวมตัวจากวารีวิญญาณโดยสมบูรณ์ทิ้งตัวลงดั่งมังกรขาว ยังไม่ทันตกสู่สระน้ำก็ถูกบัวเทพสามต้นนั้นดูดกลืนอย่างต่อเนื่องไม่ขาด

บัวเทพสองลักษณ์!

โอสถเทพชิ้นเอกอย่างหนึ่งที่สาบสูญไปแล้วในโลกภายนอก!

ถึงขั้นในโอสถเทพมากมายบนโลก บัวเทพสองลักษณ์ยังเรียกได้ว่าเป็นของชั้นสูงที่หาได้ยากยิ่ง

หากได้กินมัน ไม่เพียงมีประโยชน์เกินคาดเดาต่อปราณของผู้แข็งแกร่งระดับราชัน ยังสามารถหยั่งถึงพลังมหามรรคหนึ่งหยินหนึ่งหยางสองอย่างนี้ได้โดยปริยาย!

หยินหยางสองมหามรรค ถูกมองเป็นมรรคแห่งสองลักษณ์ที่แสดงถึงความมืดสว่างแห่งฟ้าดิน แบ่งแยกระเบียบลำดับ มหัศจรรย์และทรงพลังถึงที่สุด

หยินอยู่โดดเดี่ยวไม่ก่อเกิด หยางอยู่เดียวดายไม่เติบโต

หากสามารถครอบครองมหามรรคทั้งสองนี้ได้ ก็จะสามารถหลอมรวมมหามรรคเทียมฟ้าที่แท้จริงอย่างหนึ่งออกมา… ยอดเอกอุ!

และมหามรรคยอดเอกอุก็คือมรรคาที่มุ่งสู่แก่นแท้แห่งฟ้าดินโดยตรง มีนัยเร้นลับที่ถือกำเนิดสืบเนื่องไร้สิ้นสุด ไร้ขีดจำกัดเหลือคณา

เท่านี้ก็รู้แล้วว่า มูลค่าของบัวเทพสองลักษณ์สามต้นในสระน้ำใต้น้ำตกนั่นมากมายเพียงใด!

ก่อนที่อูหลิงเฟิงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองจะจากไปคราวนี้ ได้ทิ้งกำลังพลชั้นยอดไว้คุ้มกันเขาฝนดาวตกโดยเฉพาะ กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็เพื่อให้มั่นใจว่าบัวเทพสามต้นนี้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น

พวกชายหนุ่มชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาว ชายเครางอนหกเจ็ดคนในที่นั้นต่างเป็นบุคคลที่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน และมาจากขุมอำนาจต่างกันไป

มีกำลังพลเช่นนี้ควบคุมดูแล ไม่ว่าขุมอำนาจไหนมาโจมตีเขาฝนดาวตกคงได้ล้มหัวกระแทกเลือดอาบ

“องค์ชายเก้าเคยบอกว่าเมื่อเขากลับมาจะเด็ดบัวเทพสามต้นนี้ นำสองต้นมาเป็นรางวัลให้พวกเราได้ช่วงชิง”

ชายชุดคลุมเพลิงแววตาเร่าร้อน สูดหายใจลึกกล่าว “ยังไม่ต้องพูดว่าจะชิงกันอย่างไร พวกเราแค่อย่าทำให้ความเชื่อใจขององค์ชายเก้าสูญเปล่าก็พอ”

หญิงผมขาวยิ้มเยาะ แค่นเสียงหัวเราะกล่าว “มีพวกเรานั่งบัญชาที่นี่ ขุมอำนาจใดจะกล้าบังอาจมารุกราน ที่ต้องหวาดกลัวก็มีเพียงขุมอำนาจบางตาไม่กี่แห่ง อย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉาสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิม ลัทธิไร้สวรรค์แดนเร้นเทพ และสำนักเอกอุเท่านั้น”

“พวกเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ต่างฝ่ายต่างยึดครองแดนมงคลใหญ่แห่งหนึ่ง หากไม่แน่ใจว่าจะชนะคงไม่มีทางเป็นศัตรูกับพวกเราแน่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล”

ชายเครางอนกล่าวราบเรียบ

แดนอัคคีทักษิณในปัจจุบัน ขุมอำนาจที่เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวมีเพียงขุมอำนาจห้าหกแห่ง อย่างเผ่าอีกาทอง เรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ สำนักเอกอุเป็นต้น

และเหมือนกับที่ชายเครางอนกล่าว หากไม่แน่ใจว่าจะชนะ ระหว่างขุมอำนาจระดับนายเหนือหัวไม่มีทางก่อเรื่องขัดแย้งกันแน่

นี่ก็เหมือนนกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ เป็นไปได้สูงว่าตอนจบจะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ถูกขุมอำนาจอื่นตีชิงตามไฟตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว

“แย่แล้ว! มีคนบุกโจมตี… !”

เสียงร้องแหลมดังขึ้น ชายชุดดำคนหนึ่งผลุนผลันวิ่งเข้ามา

พวกชายชุดคลุมเพลิงต่างชะงัก มีคนไม่กลัวตายกล้าเลือกมารุกรานเวลานี้จริงรึ

“เป็นขุมอำนาจไหนกัน”

หญิงผมขาวหยัดร่างขึ้น ไอสังหารแผ่ซ่าน เสียงเยียบเย็นดังก้องเหนือเขาฝนดาวตก

“ไม่ใช่พวกขุมอำนาจขอรับ เป็น… เป็นคนผู้หนึ่ง!”

ชายชุดดำกล่าวเสียงสั่น

ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งแทบคิดว่าหูฝาด คนคนเดียวกล้าวิ่งมาภูเขาฝนดาวตก เป็นบ้าไปแล้วรึ หรือไม่ก็เบื่อชีวิตจนอยากหาที่ตาย?

“ไป ไปดูกัน”

ชายชุดคลุมเพลิงชิงเคลื่อนไหวก่อน

“น่าสนุก ข้าอยากดูนักว่าเป็นอริยเทพแห่งใดกันแน่ ถึงกล้ามาท้าทายคนเดียว!”

คนอื่นเองก็ทยอยลุกขึ้น สีหน้าเย็นชา เผยไอสังหารในดวงตาอยู่รางๆ

ตูม!

หลินสวินขึ้นเขาก้าวเนิบช้า ระหว่างทางถูกผู้แข็งแกร่งมากมายพบเจอและพากันขัดขวาง แต่แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดุดันไม่เปลืองแรงสักนิด ลงมือราวอสนีบาต เปิดฉากเข่นฆ่าเคลื่อนกวาดมุ่งหน้า ทิ้งซากศพและแอ่งโลหิตนองพื้นตลอดทาง

แต่เขากลับสะอาดหมดจดไม่แปดเปื้อนโลกีย์ เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

เสียงโหยหวน หวีดร้อง ตะโกนลั่นดังขึ้นไม่หยุด ทำให้เขาฝนดาวตกที่เดิมเงียบสงบประหนึ่งแดนพิสุทธิ์ในอุดมคติเปลี่ยนเป็นวุ่นวายอลหม่าน

ครืน!

ชือน้ำแข็งทะยานสู่ฟากฟ้าเหมือนพญามังกรขาวหิมะโผร่อน แต่ละคราที่ท่องเหินเป็นต้องกดอัดศัตรูที่พุ่งเข้ามาระหว่างทาง ทำให้ร่างฝ่ายหลังระเบิดกระจาย ฝนโลหิตสาดพรม

“รนหาที่ตาย! รีบใช้ค่ายกลสังหารมันซะ!” มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว สีหน้าคล้ำเขียวเดือดดาลหาใดเปรียบ ไม่อาจทนเห็นหลินสวินแผลงฤทธิ์อีก

วู้ม…

กระบวนผนึกมรรคราชันที่ครอบคลุมทั้งเขาส่องประกาย คลื่นทำลายล้างเร้นลับชวนประหวั่นไหลวน ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวมีภาพอีกาทองขวางนภาผลาญทำลายฟ้าดินปรากฏขึ้น

นี่คือกระบวนผนึกมรรคราชันที่น่ากลัวยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย ทันทีที่โคจรก็มีแสงอัคคีอสนีบาตไร้สิ้นสุดพวยพุ่ง กลายเป็นอีกาทองสยายปีก ซัดเพลิงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราวไปทางหลินสวิน

เปลี่ยนเป็นระดับมกุฎราชันคนอื่น หากถูกขังอยู่ภายในคงยากจะรับมือ ต้องประสบเคราะห์แน่

แต่สิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าไม่มีผลกับหลินสวิน

ในฐานะที่เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณ ก่อนขึ้นภูเขาเขาก็มองปริศนาของค่ายกลนี้ออกแล้ว จะถูกกักขังได้อย่างไร

ตูม!

ชั่วพริบตาเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ประทับปี้อั้นทะยานนภาอุบัติขึ้นทันใด กระแทกไปยังจุดสำคัญหนึ่งของค่ายกลใหญ่

พร้อมกันนี้เงาร่างเขาส่องประกาย ใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง ป่นทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งสังหารเข้ามาให้กลายเป็นจุณ

อีกาทองมากมายที่ออกมาจากกระบวนสลักนั้นยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกหลินสวินพุ่งเข้าใส่ หนึ่งหมัดหนึ่งตัว สังหารตายคาที่ ฝนโลหิตระเบิดกระจาย

ตูม!

ประทับปี้อั้นกดลงมา กระเทือนรากฐานค่ายกลอย่างหนักหน่วง ทำเอาทั้งค่ายกลใหญ่คร่ำครวญสั่นคลอนอย่างรุนแรง

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันที่ควบคุมค่ายกลนี้ต่างตกตะลึง นี่เป็นพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งระดับใดกัน ขนาดถูกขังไว้ภายในยังสามารถทำลายค่ายกลได้?

“เป็นเขา เทพมารหลิน!” ในที่สุดก็มีคนจำฐานะหลินสวินได้ ร้องเสียงหลงออกมา

“เป็นไปได้อย่างไร พวกองค์ชายเก้าไปฆ่ามันแล้วไม่ใช่รึ เหตุใดถึงปรากฏตัวที่นี่ได้” คนอื่นหน้าเปลี่ยนสียากจะเชื่อ

ตูม!

พร้อมๆ กับเสียงระเบิด หลินสวินโฉบออกมาจากรอยแยกหนึ่งของค่ายกลใหญ่ดั่งเทพมาร แสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว พลานุภาพชวนประหวั่น

“แย่แล้ว!”

เหล่าราชันล้วนถูกทำให้ตระหนกแล้ว กระบวนผนึกมรรคราชันนี้วิวัฒน์มาจากกระบวนสลักสมบัติลับของเผ่าอีกาทอง ทรงอานุภาพหาใดเปรียบ

แต่ใครจะคิดว่าแค่ไม่กี่อึดใจก็ถูกเทพมารหลินทลายออกในชั่วพลิกฝ่ามือ!

ยามนี้หลินสวินพุ่งออกมาและลงมืออย่างรวดเร็ว พลังหมัดอันยิ่งใหญ่แผ่พลังกฎเกณฑ์ที่แท้จริงราวมหาสมุทรซัดโถม

เหล่าราชันตกตะลึงหลีกหลบ แต่จะหลบพ้นได้อย่างไร ไม่ช้าบนพื้นก็มีร่างไร้วิญญาณศพแล้วศพเล่ากระจายเกลื่อน จิตสิ้นวิญญาณสลาย

แม้พวกเขาเป็นราชัน แต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้ช่างไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงมากก็สังหารพวกเขาได้

ทั้งภูเขาฝนดาวตกสั่นสะเทือน อบอวลบรรยากาศน่าสังเวช

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่หนักใจแม้แต่น้อย

ตั้งแต่ขึ้นเขามา เขาก็รู้ว่าอูหลิงเฟิงพาระดับมกุฎราชันมากมายไปยังเขาดารารายในวันนี้เพื่อกำจัดตน

นี่ทำให้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะยินดีอยู่บ้าง ใช่ว่าหวั่นกลัว แต่ยินดีที่ได้ส่งผู้สืบทอดของสำนักเพลิงมืดและเขาวิญญาณหมื่นอสูรจากเขาดารารายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน

มิฉะนั้นครานี้ต้องประสบเคราะห์ใหญ่แน่

ไม่ต้องคิดหลินสวินก็รู้ว่าต่อให้ตนกลับเขาดารารายตอนนี้ ที่นั่นก็คงเปลี่ยนไปหมดแล้ว

แน่นอนว่าที่น่าเศร้าที่สุดคือขุมอำนาจทั้งห้าที่เหลืออยู่บนเขาดารารายนั่น เมื่อหาตนไม่พบ อูหลิงเฟิงจะต้องระบายไฟโทสะไปที่คนพวกนี้แน่

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ขุมอำนาจทั้งห้านี้คดในข้องอในกระดูก ต่อให้ไม่ประสบเคราะห์ หลังจากนี้ก็ต้องถูกตนล้างบาง

‘พวกเจ้าไปโจมตีถึงอาณาเขตของข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำลายที่อยู่พวกเจ้าทีละแห่ง!’

นี่ก็คือความคิดหลินสวินในตอนนี้

“ฆ่า!”

มีคนตวาด กระสวยบินแดงก่ำสายหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว แสงประกายเจิดจรัสบาดตาหาใดเปรียบ เผยพลังแห่งราชันที่เหนือธรรมดาอย่างชัดเจน

เห็นชัดว่ามีมกุฎราชันลงมือแล้ว!

หลินสวินไม่หลบหลีก ปล่อยหมัดออกมาซัดกระสวยบินดังสนั่น ส่งเสียงครวญเสียดหู

พร้อมกันนี้ระดับมกุฎราชันอย่างพวกชายชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาวก็ปรากฏตัว

“เทพมารหลิน เป็นเจ้าจริงรึ”

พวกเขาประหลาดใจยากจะเชื่อ ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเป้าหมายที่องค์ชายเก้าอูหลิงเฟิงอยากสังหารเต็มกำลัง ทำไมถึงไม่อยู่ที่เขาดาราราย กลับมาปีนขึ้นอาณาเขตของพวกเขาด้วยตนเอง

นี่ช่างทำให้ผู้คนเกินคาดหมาย!

“ทำไมจะเป็นข้าไม่ได้”

หลินสวินถามกลับ

ขณะกล่าวเขาสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา เงาร่างสันโดษเอ่อท้นแสงมรรคนับหมื่นพัน เหมือนพญามังกรจำศีลออกจากหุบเหว มองมกุฎราชันทั้งหมดราวสิ่งไร้ค่า!

“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็อย่าหวังได้รอดจากไป!”

หญิงผมขาวสูดหายใจลึกกล่าวเย็นชา มือกระจ่างพลันซัดกระบี่เทพขาวเงินดุจหิมะเล่มหนึ่งออกไป สะเทือนแหวกอากาศฟาดฟันไปทางหลินสวินที่พุ่งเข้ามา

คนอื่นต่างรู้ว่าสถานการณ์ผิดแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดมากความ พากันออกโจมตี

เรื่องเร่งด่วนคือต้องกำจัดเทพมารหลินที่โผล่มากะทันหันนี่ มิฉะนั้นเขาฝนดาวตกไม่ปลอดภัยแน่!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1192 บัวเทพสองลักษณ์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1192 บัวเทพสองลักษณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดเขาฝนดาวตก

ตำหนักเรียงรายเป็นระเบียบล้วนแต่สร้างขึ้นใหม่ ตำหนักแต่ละหลังถูกขุมอำนาจหนึ่งยึดครอง แบ่งแยกกันชัดเจน

ภูเขาฝนดาวตกคือหนึ่งใน ‘แดนมงคลใหญ่’ ที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของแดนอัคคีทักษิณ ตั้งแต่แดนเก้าบนเปิดออก ที่นี่ก็ถูกเผ่าอีกาทองยึดครองมาตลอด

จนถึงทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ไร้ผู้สั่นคลอน กลับเป็นว่ามีขุมอำนาจมากมายเลือกสวามิภักดิ์ต่อเผ่าอีกาทอง ยอมกลายเป็นบริวาร

ด้วยประการฉะนี้อำนาจโดยรวมของเขาฝนดาวตกจึงได้ก้าวสู่ระดับนายเหนือหัวแห่งแดนอัคคีทักษิณ ขุมอำนาจที่ทัดเทียมกันได้มีจำนวนไม่เกินห้าแห่ง

“น่าเสียดาย องค์ชายเก้าจากไปครานี้ห่วงว่าจะมีขุมอำนาจอื่นฉวยโอกาสจึงให้พวกเราอยู่คุ้มกันภูเขา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้ไปทวงบัญชีเทพมารหลินนั่นแล้ว”

ชายชุดคลุมเพลิงคนหนึ่งทอดถอนใจ

“ช่วยไม่ได้ ขุมอำนาจในแดนอัคคีทักษิณมีมากมาย หากพวกเราจากเขาฝนดาวตกไปกันหมด ขุมอำนาจอื่นต้องไม่ยอมนั่งนิ่งๆ แน่”

ด้านข้างหญิงผมขาวคนหนึ่งกล่าวเนิบช้า

“ทุกท่าน พวกเราอยู่บนภูเขาตามคำสั่งองค์ชายเก้า ต้องดูแลโอสถเทพบนเขาพวกนั้นให้ดี”

ชายเครางอนคนหนึ่งกล่าวเสียงขรึม

เมื่อพูดถึงโอสถเทพ ทุกคนในที่นั้นก็เหลือบสายตาไปทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

นั่นคือน้ำตกสายหนึ่งที่ทิ้งตัวลงมาจากผนังหิน สิ่งที่น้ำตกหลั่งรินออกมาคือวารีวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุด!

ด้านล่างน้ำตกมีสระน้ำแห่งหนึ่ง มีบัวเทพสามต้นเติบโตอยู่ภายใน

บัวเทพแต่ละต้นกิ่งก้านดำสนิทราวหมึกเขียน กลีบดอกกลับเป็นสีขาวหิมะราวหยก

หนึ่งดำหนึ่งขาวเสมือนหยินหยางร่วมเคียง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ ละอองแสงมหามรรคอันศักดิ์สิทธิ์งามตระการไหลวนออกมา

ม่านน้ำตกที่รวมตัวจากวารีวิญญาณโดยสมบูรณ์ทิ้งตัวลงดั่งมังกรขาว ยังไม่ทันตกสู่สระน้ำก็ถูกบัวเทพสามต้นนั้นดูดกลืนอย่างต่อเนื่องไม่ขาด

บัวเทพสองลักษณ์!

โอสถเทพชิ้นเอกอย่างหนึ่งที่สาบสูญไปแล้วในโลกภายนอก!

ถึงขั้นในโอสถเทพมากมายบนโลก บัวเทพสองลักษณ์ยังเรียกได้ว่าเป็นของชั้นสูงที่หาได้ยากยิ่ง

หากได้กินมัน ไม่เพียงมีประโยชน์เกินคาดเดาต่อปราณของผู้แข็งแกร่งระดับราชัน ยังสามารถหยั่งถึงพลังมหามรรคหนึ่งหยินหนึ่งหยางสองอย่างนี้ได้โดยปริยาย!

หยินหยางสองมหามรรค ถูกมองเป็นมรรคแห่งสองลักษณ์ที่แสดงถึงความมืดสว่างแห่งฟ้าดิน แบ่งแยกระเบียบลำดับ มหัศจรรย์และทรงพลังถึงที่สุด

หยินอยู่โดดเดี่ยวไม่ก่อเกิด หยางอยู่เดียวดายไม่เติบโต

หากสามารถครอบครองมหามรรคทั้งสองนี้ได้ ก็จะสามารถหลอมรวมมหามรรคเทียมฟ้าที่แท้จริงอย่างหนึ่งออกมา… ยอดเอกอุ!

และมหามรรคยอดเอกอุก็คือมรรคาที่มุ่งสู่แก่นแท้แห่งฟ้าดินโดยตรง มีนัยเร้นลับที่ถือกำเนิดสืบเนื่องไร้สิ้นสุด ไร้ขีดจำกัดเหลือคณา

เท่านี้ก็รู้แล้วว่า มูลค่าของบัวเทพสองลักษณ์สามต้นในสระน้ำใต้น้ำตกนั่นมากมายเพียงใด!

ก่อนที่อูหลิงเฟิงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองจะจากไปคราวนี้ ได้ทิ้งกำลังพลชั้นยอดไว้คุ้มกันเขาฝนดาวตกโดยเฉพาะ กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็เพื่อให้มั่นใจว่าบัวเทพสามต้นนี้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น

พวกชายหนุ่มชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาว ชายเครางอนหกเจ็ดคนในที่นั้นต่างเป็นบุคคลที่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน และมาจากขุมอำนาจต่างกันไป

มีกำลังพลเช่นนี้ควบคุมดูแล ไม่ว่าขุมอำนาจไหนมาโจมตีเขาฝนดาวตกคงได้ล้มหัวกระแทกเลือดอาบ

“องค์ชายเก้าเคยบอกว่าเมื่อเขากลับมาจะเด็ดบัวเทพสามต้นนี้ นำสองต้นมาเป็นรางวัลให้พวกเราได้ช่วงชิง”

ชายชุดคลุมเพลิงแววตาเร่าร้อน สูดหายใจลึกกล่าว “ยังไม่ต้องพูดว่าจะชิงกันอย่างไร พวกเราแค่อย่าทำให้ความเชื่อใจขององค์ชายเก้าสูญเปล่าก็พอ”

หญิงผมขาวยิ้มเยาะ แค่นเสียงหัวเราะกล่าว “มีพวกเรานั่งบัญชาที่นี่ ขุมอำนาจใดจะกล้าบังอาจมารุกราน ที่ต้องหวาดกลัวก็มีเพียงขุมอำนาจบางตาไม่กี่แห่ง อย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉาสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิม ลัทธิไร้สวรรค์แดนเร้นเทพ และสำนักเอกอุเท่านั้น”

“พวกเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ต่างฝ่ายต่างยึดครองแดนมงคลใหญ่แห่งหนึ่ง หากไม่แน่ใจว่าจะชนะคงไม่มีทางเป็นศัตรูกับพวกเราแน่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล”

ชายเครางอนกล่าวราบเรียบ

แดนอัคคีทักษิณในปัจจุบัน ขุมอำนาจที่เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวมีเพียงขุมอำนาจห้าหกแห่ง อย่างเผ่าอีกาทอง เรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ สำนักเอกอุเป็นต้น

และเหมือนกับที่ชายเครางอนกล่าว หากไม่แน่ใจว่าจะชนะ ระหว่างขุมอำนาจระดับนายเหนือหัวไม่มีทางก่อเรื่องขัดแย้งกันแน่

นี่ก็เหมือนนกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ เป็นไปได้สูงว่าตอนจบจะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ถูกขุมอำนาจอื่นตีชิงตามไฟตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว

“แย่แล้ว! มีคนบุกโจมตี… !”

เสียงร้องแหลมดังขึ้น ชายชุดดำคนหนึ่งผลุนผลันวิ่งเข้ามา

พวกชายชุดคลุมเพลิงต่างชะงัก มีคนไม่กลัวตายกล้าเลือกมารุกรานเวลานี้จริงรึ

“เป็นขุมอำนาจไหนกัน”

หญิงผมขาวหยัดร่างขึ้น ไอสังหารแผ่ซ่าน เสียงเยียบเย็นดังก้องเหนือเขาฝนดาวตก

“ไม่ใช่พวกขุมอำนาจขอรับ เป็น… เป็นคนผู้หนึ่ง!”

ชายชุดดำกล่าวเสียงสั่น

ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งแทบคิดว่าหูฝาด คนคนเดียวกล้าวิ่งมาภูเขาฝนดาวตก เป็นบ้าไปแล้วรึ หรือไม่ก็เบื่อชีวิตจนอยากหาที่ตาย?

“ไป ไปดูกัน”

ชายชุดคลุมเพลิงชิงเคลื่อนไหวก่อน

“น่าสนุก ข้าอยากดูนักว่าเป็นอริยเทพแห่งใดกันแน่ ถึงกล้ามาท้าทายคนเดียว!”

คนอื่นเองก็ทยอยลุกขึ้น สีหน้าเย็นชา เผยไอสังหารในดวงตาอยู่รางๆ

ตูม!

หลินสวินขึ้นเขาก้าวเนิบช้า ระหว่างทางถูกผู้แข็งแกร่งมากมายพบเจอและพากันขัดขวาง แต่แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดุดันไม่เปลืองแรงสักนิด ลงมือราวอสนีบาต เปิดฉากเข่นฆ่าเคลื่อนกวาดมุ่งหน้า ทิ้งซากศพและแอ่งโลหิตนองพื้นตลอดทาง

แต่เขากลับสะอาดหมดจดไม่แปดเปื้อนโลกีย์ เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

เสียงโหยหวน หวีดร้อง ตะโกนลั่นดังขึ้นไม่หยุด ทำให้เขาฝนดาวตกที่เดิมเงียบสงบประหนึ่งแดนพิสุทธิ์ในอุดมคติเปลี่ยนเป็นวุ่นวายอลหม่าน

ครืน!

ชือน้ำแข็งทะยานสู่ฟากฟ้าเหมือนพญามังกรขาวหิมะโผร่อน แต่ละคราที่ท่องเหินเป็นต้องกดอัดศัตรูที่พุ่งเข้ามาระหว่างทาง ทำให้ร่างฝ่ายหลังระเบิดกระจาย ฝนโลหิตสาดพรม

“รนหาที่ตาย! รีบใช้ค่ายกลสังหารมันซะ!” มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว สีหน้าคล้ำเขียวเดือดดาลหาใดเปรียบ ไม่อาจทนเห็นหลินสวินแผลงฤทธิ์อีก

วู้ม…

กระบวนผนึกมรรคราชันที่ครอบคลุมทั้งเขาส่องประกาย คลื่นทำลายล้างเร้นลับชวนประหวั่นไหลวน ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวมีภาพอีกาทองขวางนภาผลาญทำลายฟ้าดินปรากฏขึ้น

นี่คือกระบวนผนึกมรรคราชันที่น่ากลัวยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย ทันทีที่โคจรก็มีแสงอัคคีอสนีบาตไร้สิ้นสุดพวยพุ่ง กลายเป็นอีกาทองสยายปีก ซัดเพลิงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราวไปทางหลินสวิน

เปลี่ยนเป็นระดับมกุฎราชันคนอื่น หากถูกขังอยู่ภายในคงยากจะรับมือ ต้องประสบเคราะห์แน่

แต่สิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าไม่มีผลกับหลินสวิน

ในฐานะที่เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณ ก่อนขึ้นภูเขาเขาก็มองปริศนาของค่ายกลนี้ออกแล้ว จะถูกกักขังได้อย่างไร

ตูม!

ชั่วพริบตาเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ประทับปี้อั้นทะยานนภาอุบัติขึ้นทันใด กระแทกไปยังจุดสำคัญหนึ่งของค่ายกลใหญ่

พร้อมกันนี้เงาร่างเขาส่องประกาย ใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง ป่นทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งสังหารเข้ามาให้กลายเป็นจุณ

อีกาทองมากมายที่ออกมาจากกระบวนสลักนั้นยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกหลินสวินพุ่งเข้าใส่ หนึ่งหมัดหนึ่งตัว สังหารตายคาที่ ฝนโลหิตระเบิดกระจาย

ตูม!

ประทับปี้อั้นกดลงมา กระเทือนรากฐานค่ายกลอย่างหนักหน่วง ทำเอาทั้งค่ายกลใหญ่คร่ำครวญสั่นคลอนอย่างรุนแรง

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันที่ควบคุมค่ายกลนี้ต่างตกตะลึง นี่เป็นพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งระดับใดกัน ขนาดถูกขังไว้ภายในยังสามารถทำลายค่ายกลได้?

“เป็นเขา เทพมารหลิน!” ในที่สุดก็มีคนจำฐานะหลินสวินได้ ร้องเสียงหลงออกมา

“เป็นไปได้อย่างไร พวกองค์ชายเก้าไปฆ่ามันแล้วไม่ใช่รึ เหตุใดถึงปรากฏตัวที่นี่ได้” คนอื่นหน้าเปลี่ยนสียากจะเชื่อ

ตูม!

พร้อมๆ กับเสียงระเบิด หลินสวินโฉบออกมาจากรอยแยกหนึ่งของค่ายกลใหญ่ดั่งเทพมาร แสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว พลานุภาพชวนประหวั่น

“แย่แล้ว!”

เหล่าราชันล้วนถูกทำให้ตระหนกแล้ว กระบวนผนึกมรรคราชันนี้วิวัฒน์มาจากกระบวนสลักสมบัติลับของเผ่าอีกาทอง ทรงอานุภาพหาใดเปรียบ

แต่ใครจะคิดว่าแค่ไม่กี่อึดใจก็ถูกเทพมารหลินทลายออกในชั่วพลิกฝ่ามือ!

ยามนี้หลินสวินพุ่งออกมาและลงมืออย่างรวดเร็ว พลังหมัดอันยิ่งใหญ่แผ่พลังกฎเกณฑ์ที่แท้จริงราวมหาสมุทรซัดโถม

เหล่าราชันตกตะลึงหลีกหลบ แต่จะหลบพ้นได้อย่างไร ไม่ช้าบนพื้นก็มีร่างไร้วิญญาณศพแล้วศพเล่ากระจายเกลื่อน จิตสิ้นวิญญาณสลาย

แม้พวกเขาเป็นราชัน แต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้ช่างไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงมากก็สังหารพวกเขาได้

ทั้งภูเขาฝนดาวตกสั่นสะเทือน อบอวลบรรยากาศน่าสังเวช

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่หนักใจแม้แต่น้อย

ตั้งแต่ขึ้นเขามา เขาก็รู้ว่าอูหลิงเฟิงพาระดับมกุฎราชันมากมายไปยังเขาดารารายในวันนี้เพื่อกำจัดตน

นี่ทำให้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะยินดีอยู่บ้าง ใช่ว่าหวั่นกลัว แต่ยินดีที่ได้ส่งผู้สืบทอดของสำนักเพลิงมืดและเขาวิญญาณหมื่นอสูรจากเขาดารารายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน

มิฉะนั้นครานี้ต้องประสบเคราะห์ใหญ่แน่

ไม่ต้องคิดหลินสวินก็รู้ว่าต่อให้ตนกลับเขาดารารายตอนนี้ ที่นั่นก็คงเปลี่ยนไปหมดแล้ว

แน่นอนว่าที่น่าเศร้าที่สุดคือขุมอำนาจทั้งห้าที่เหลืออยู่บนเขาดารารายนั่น เมื่อหาตนไม่พบ อูหลิงเฟิงจะต้องระบายไฟโทสะไปที่คนพวกนี้แน่

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ขุมอำนาจทั้งห้านี้คดในข้องอในกระดูก ต่อให้ไม่ประสบเคราะห์ หลังจากนี้ก็ต้องถูกตนล้างบาง

‘พวกเจ้าไปโจมตีถึงอาณาเขตของข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำลายที่อยู่พวกเจ้าทีละแห่ง!’

นี่ก็คือความคิดหลินสวินในตอนนี้

“ฆ่า!”

มีคนตวาด กระสวยบินแดงก่ำสายหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว แสงประกายเจิดจรัสบาดตาหาใดเปรียบ เผยพลังแห่งราชันที่เหนือธรรมดาอย่างชัดเจน

เห็นชัดว่ามีมกุฎราชันลงมือแล้ว!

หลินสวินไม่หลบหลีก ปล่อยหมัดออกมาซัดกระสวยบินดังสนั่น ส่งเสียงครวญเสียดหู

พร้อมกันนี้ระดับมกุฎราชันอย่างพวกชายชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาวก็ปรากฏตัว

“เทพมารหลิน เป็นเจ้าจริงรึ”

พวกเขาประหลาดใจยากจะเชื่อ ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเป้าหมายที่องค์ชายเก้าอูหลิงเฟิงอยากสังหารเต็มกำลัง ทำไมถึงไม่อยู่ที่เขาดาราราย กลับมาปีนขึ้นอาณาเขตของพวกเขาด้วยตนเอง

นี่ช่างทำให้ผู้คนเกินคาดหมาย!

“ทำไมจะเป็นข้าไม่ได้”

หลินสวินถามกลับ

ขณะกล่าวเขาสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา เงาร่างสันโดษเอ่อท้นแสงมรรคนับหมื่นพัน เหมือนพญามังกรจำศีลออกจากหุบเหว มองมกุฎราชันทั้งหมดราวสิ่งไร้ค่า!

“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็อย่าหวังได้รอดจากไป!”

หญิงผมขาวสูดหายใจลึกกล่าวเย็นชา มือกระจ่างพลันซัดกระบี่เทพขาวเงินดุจหิมะเล่มหนึ่งออกไป สะเทือนแหวกอากาศฟาดฟันไปทางหลินสวินที่พุ่งเข้ามา

คนอื่นต่างรู้ว่าสถานการณ์ผิดแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดมากความ พากันออกโจมตี

เรื่องเร่งด่วนคือต้องกำจัดเทพมารหลินที่โผล่มากะทันหันนี่ มิฉะนั้นเขาฝนดาวตกไม่ปลอดภัยแน่!

……………………

ยอดเขาฝนดาวตก

ตำหนักเรียงรายเป็นระเบียบล้วนแต่สร้างขึ้นใหม่ ตำหนักแต่ละหลังถูกขุมอำนาจหนึ่งยึดครอง แบ่งแยกกันชัดเจน

ภูเขาฝนดาวตกคือหนึ่งใน ‘แดนมงคลใหญ่’ ที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของแดนอัคคีทักษิณ ตั้งแต่แดนเก้าบนเปิดออก ที่นี่ก็ถูกเผ่าอีกาทองยึดครองมาตลอด

จนถึงทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ไร้ผู้สั่นคลอน กลับเป็นว่ามีขุมอำนาจมากมายเลือกสวามิภักดิ์ต่อเผ่าอีกาทอง ยอมกลายเป็นบริวาร

ด้วยประการฉะนี้อำนาจโดยรวมของเขาฝนดาวตกจึงได้ก้าวสู่ระดับนายเหนือหัวแห่งแดนอัคคีทักษิณ ขุมอำนาจที่ทัดเทียมกันได้มีจำนวนไม่เกินห้าแห่ง

“น่าเสียดาย องค์ชายเก้าจากไปครานี้ห่วงว่าจะมีขุมอำนาจอื่นฉวยโอกาสจึงให้พวกเราอยู่คุ้มกันภูเขา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้ไปทวงบัญชีเทพมารหลินนั่นแล้ว”

ชายชุดคลุมเพลิงคนหนึ่งทอดถอนใจ

“ช่วยไม่ได้ ขุมอำนาจในแดนอัคคีทักษิณมีมากมาย หากพวกเราจากเขาฝนดาวตกไปกันหมด ขุมอำนาจอื่นต้องไม่ยอมนั่งนิ่งๆ แน่”

ด้านข้างหญิงผมขาวคนหนึ่งกล่าวเนิบช้า

“ทุกท่าน พวกเราอยู่บนภูเขาตามคำสั่งองค์ชายเก้า ต้องดูแลโอสถเทพบนเขาพวกนั้นให้ดี”

ชายเครางอนคนหนึ่งกล่าวเสียงขรึม

เมื่อพูดถึงโอสถเทพ ทุกคนในที่นั้นก็เหลือบสายตาไปทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

นั่นคือน้ำตกสายหนึ่งที่ทิ้งตัวลงมาจากผนังหิน สิ่งที่น้ำตกหลั่งรินออกมาคือวารีวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุด!

ด้านล่างน้ำตกมีสระน้ำแห่งหนึ่ง มีบัวเทพสามต้นเติบโตอยู่ภายใน

บัวเทพแต่ละต้นกิ่งก้านดำสนิทราวหมึกเขียน กลีบดอกกลับเป็นสีขาวหิมะราวหยก

หนึ่งดำหนึ่งขาวเสมือนหยินหยางร่วมเคียง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ ละอองแสงมหามรรคอันศักดิ์สิทธิ์งามตระการไหลวนออกมา

ม่านน้ำตกที่รวมตัวจากวารีวิญญาณโดยสมบูรณ์ทิ้งตัวลงดั่งมังกรขาว ยังไม่ทันตกสู่สระน้ำก็ถูกบัวเทพสามต้นนั้นดูดกลืนอย่างต่อเนื่องไม่ขาด

บัวเทพสองลักษณ์!

โอสถเทพชิ้นเอกอย่างหนึ่งที่สาบสูญไปแล้วในโลกภายนอก!

ถึงขั้นในโอสถเทพมากมายบนโลก บัวเทพสองลักษณ์ยังเรียกได้ว่าเป็นของชั้นสูงที่หาได้ยากยิ่ง

หากได้กินมัน ไม่เพียงมีประโยชน์เกินคาดเดาต่อปราณของผู้แข็งแกร่งระดับราชัน ยังสามารถหยั่งถึงพลังมหามรรคหนึ่งหยินหนึ่งหยางสองอย่างนี้ได้โดยปริยาย!

หยินหยางสองมหามรรค ถูกมองเป็นมรรคแห่งสองลักษณ์ที่แสดงถึงความมืดสว่างแห่งฟ้าดิน แบ่งแยกระเบียบลำดับ มหัศจรรย์และทรงพลังถึงที่สุด

หยินอยู่โดดเดี่ยวไม่ก่อเกิด หยางอยู่เดียวดายไม่เติบโต

หากสามารถครอบครองมหามรรคทั้งสองนี้ได้ ก็จะสามารถหลอมรวมมหามรรคเทียมฟ้าที่แท้จริงอย่างหนึ่งออกมา… ยอดเอกอุ!

และมหามรรคยอดเอกอุก็คือมรรคาที่มุ่งสู่แก่นแท้แห่งฟ้าดินโดยตรง มีนัยเร้นลับที่ถือกำเนิดสืบเนื่องไร้สิ้นสุด ไร้ขีดจำกัดเหลือคณา

เท่านี้ก็รู้แล้วว่า มูลค่าของบัวเทพสองลักษณ์สามต้นในสระน้ำใต้น้ำตกนั่นมากมายเพียงใด!

ก่อนที่อูหลิงเฟิงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองจะจากไปคราวนี้ ได้ทิ้งกำลังพลชั้นยอดไว้คุ้มกันเขาฝนดาวตกโดยเฉพาะ กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็เพื่อให้มั่นใจว่าบัวเทพสามต้นนี้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น

พวกชายหนุ่มชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาว ชายเครางอนหกเจ็ดคนในที่นั้นต่างเป็นบุคคลที่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน และมาจากขุมอำนาจต่างกันไป

มีกำลังพลเช่นนี้ควบคุมดูแล ไม่ว่าขุมอำนาจไหนมาโจมตีเขาฝนดาวตกคงได้ล้มหัวกระแทกเลือดอาบ

“องค์ชายเก้าเคยบอกว่าเมื่อเขากลับมาจะเด็ดบัวเทพสามต้นนี้ นำสองต้นมาเป็นรางวัลให้พวกเราได้ช่วงชิง”

ชายชุดคลุมเพลิงแววตาเร่าร้อน สูดหายใจลึกกล่าว “ยังไม่ต้องพูดว่าจะชิงกันอย่างไร พวกเราแค่อย่าทำให้ความเชื่อใจขององค์ชายเก้าสูญเปล่าก็พอ”

หญิงผมขาวยิ้มเยาะ แค่นเสียงหัวเราะกล่าว “มีพวกเรานั่งบัญชาที่นี่ ขุมอำนาจใดจะกล้าบังอาจมารุกราน ที่ต้องหวาดกลัวก็มีเพียงขุมอำนาจบางตาไม่กี่แห่ง อย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉาสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิม ลัทธิไร้สวรรค์แดนเร้นเทพ และสำนักเอกอุเท่านั้น”

“พวกเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ต่างฝ่ายต่างยึดครองแดนมงคลใหญ่แห่งหนึ่ง หากไม่แน่ใจว่าจะชนะคงไม่มีทางเป็นศัตรูกับพวกเราแน่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล”

ชายเครางอนกล่าวราบเรียบ

แดนอัคคีทักษิณในปัจจุบัน ขุมอำนาจที่เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวมีเพียงขุมอำนาจห้าหกแห่ง อย่างเผ่าอีกาทอง เรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ สำนักเอกอุเป็นต้น

และเหมือนกับที่ชายเครางอนกล่าว หากไม่แน่ใจว่าจะชนะ ระหว่างขุมอำนาจระดับนายเหนือหัวไม่มีทางก่อเรื่องขัดแย้งกันแน่

นี่ก็เหมือนนกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ เป็นไปได้สูงว่าตอนจบจะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ถูกขุมอำนาจอื่นตีชิงตามไฟตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว

“แย่แล้ว! มีคนบุกโจมตี… !”

เสียงร้องแหลมดังขึ้น ชายชุดดำคนหนึ่งผลุนผลันวิ่งเข้ามา

พวกชายชุดคลุมเพลิงต่างชะงัก มีคนไม่กลัวตายกล้าเลือกมารุกรานเวลานี้จริงรึ

“เป็นขุมอำนาจไหนกัน”

หญิงผมขาวหยัดร่างขึ้น ไอสังหารแผ่ซ่าน เสียงเยียบเย็นดังก้องเหนือเขาฝนดาวตก

“ไม่ใช่พวกขุมอำนาจขอรับ เป็น… เป็นคนผู้หนึ่ง!”

ชายชุดดำกล่าวเสียงสั่น

ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งแทบคิดว่าหูฝาด คนคนเดียวกล้าวิ่งมาภูเขาฝนดาวตก เป็นบ้าไปแล้วรึ หรือไม่ก็เบื่อชีวิตจนอยากหาที่ตาย?

“ไป ไปดูกัน”

ชายชุดคลุมเพลิงชิงเคลื่อนไหวก่อน

“น่าสนุก ข้าอยากดูนักว่าเป็นอริยเทพแห่งใดกันแน่ ถึงกล้ามาท้าทายคนเดียว!”

คนอื่นเองก็ทยอยลุกขึ้น สีหน้าเย็นชา เผยไอสังหารในดวงตาอยู่รางๆ

ตูม!

หลินสวินขึ้นเขาก้าวเนิบช้า ระหว่างทางถูกผู้แข็งแกร่งมากมายพบเจอและพากันขัดขวาง แต่แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดุดันไม่เปลืองแรงสักนิด ลงมือราวอสนีบาต เปิดฉากเข่นฆ่าเคลื่อนกวาดมุ่งหน้า ทิ้งซากศพและแอ่งโลหิตนองพื้นตลอดทาง

แต่เขากลับสะอาดหมดจดไม่แปดเปื้อนโลกีย์ เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

เสียงโหยหวน หวีดร้อง ตะโกนลั่นดังขึ้นไม่หยุด ทำให้เขาฝนดาวตกที่เดิมเงียบสงบประหนึ่งแดนพิสุทธิ์ในอุดมคติเปลี่ยนเป็นวุ่นวายอลหม่าน

ครืน!

ชือน้ำแข็งทะยานสู่ฟากฟ้าเหมือนพญามังกรขาวหิมะโผร่อน แต่ละคราที่ท่องเหินเป็นต้องกดอัดศัตรูที่พุ่งเข้ามาระหว่างทาง ทำให้ร่างฝ่ายหลังระเบิดกระจาย ฝนโลหิตสาดพรม

“รนหาที่ตาย! รีบใช้ค่ายกลสังหารมันซะ!” มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว สีหน้าคล้ำเขียวเดือดดาลหาใดเปรียบ ไม่อาจทนเห็นหลินสวินแผลงฤทธิ์อีก

วู้ม…

กระบวนผนึกมรรคราชันที่ครอบคลุมทั้งเขาส่องประกาย คลื่นทำลายล้างเร้นลับชวนประหวั่นไหลวน ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวมีภาพอีกาทองขวางนภาผลาญทำลายฟ้าดินปรากฏขึ้น

นี่คือกระบวนผนึกมรรคราชันที่น่ากลัวยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย ทันทีที่โคจรก็มีแสงอัคคีอสนีบาตไร้สิ้นสุดพวยพุ่ง กลายเป็นอีกาทองสยายปีก ซัดเพลิงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราวไปทางหลินสวิน

เปลี่ยนเป็นระดับมกุฎราชันคนอื่น หากถูกขังอยู่ภายในคงยากจะรับมือ ต้องประสบเคราะห์แน่

แต่สิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าไม่มีผลกับหลินสวิน

ในฐานะที่เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณ ก่อนขึ้นภูเขาเขาก็มองปริศนาของค่ายกลนี้ออกแล้ว จะถูกกักขังได้อย่างไร

ตูม!

ชั่วพริบตาเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ประทับปี้อั้นทะยานนภาอุบัติขึ้นทันใด กระแทกไปยังจุดสำคัญหนึ่งของค่ายกลใหญ่

พร้อมกันนี้เงาร่างเขาส่องประกาย ใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง ป่นทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งสังหารเข้ามาให้กลายเป็นจุณ

อีกาทองมากมายที่ออกมาจากกระบวนสลักนั้นยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกหลินสวินพุ่งเข้าใส่ หนึ่งหมัดหนึ่งตัว สังหารตายคาที่ ฝนโลหิตระเบิดกระจาย

ตูม!

ประทับปี้อั้นกดลงมา กระเทือนรากฐานค่ายกลอย่างหนักหน่วง ทำเอาทั้งค่ายกลใหญ่คร่ำครวญสั่นคลอนอย่างรุนแรง

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันที่ควบคุมค่ายกลนี้ต่างตกตะลึง นี่เป็นพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งระดับใดกัน ขนาดถูกขังไว้ภายในยังสามารถทำลายค่ายกลได้?

“เป็นเขา เทพมารหลิน!” ในที่สุดก็มีคนจำฐานะหลินสวินได้ ร้องเสียงหลงออกมา

“เป็นไปได้อย่างไร พวกองค์ชายเก้าไปฆ่ามันแล้วไม่ใช่รึ เหตุใดถึงปรากฏตัวที่นี่ได้” คนอื่นหน้าเปลี่ยนสียากจะเชื่อ

ตูม!

พร้อมๆ กับเสียงระเบิด หลินสวินโฉบออกมาจากรอยแยกหนึ่งของค่ายกลใหญ่ดั่งเทพมาร แสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว พลานุภาพชวนประหวั่น

“แย่แล้ว!”

เหล่าราชันล้วนถูกทำให้ตระหนกแล้ว กระบวนผนึกมรรคราชันนี้วิวัฒน์มาจากกระบวนสลักสมบัติลับของเผ่าอีกาทอง ทรงอานุภาพหาใดเปรียบ

แต่ใครจะคิดว่าแค่ไม่กี่อึดใจก็ถูกเทพมารหลินทลายออกในชั่วพลิกฝ่ามือ!

ยามนี้หลินสวินพุ่งออกมาและลงมืออย่างรวดเร็ว พลังหมัดอันยิ่งใหญ่แผ่พลังกฎเกณฑ์ที่แท้จริงราวมหาสมุทรซัดโถม

เหล่าราชันตกตะลึงหลีกหลบ แต่จะหลบพ้นได้อย่างไร ไม่ช้าบนพื้นก็มีร่างไร้วิญญาณศพแล้วศพเล่ากระจายเกลื่อน จิตสิ้นวิญญาณสลาย

แม้พวกเขาเป็นราชัน แต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้ช่างไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงมากก็สังหารพวกเขาได้

ทั้งภูเขาฝนดาวตกสั่นสะเทือน อบอวลบรรยากาศน่าสังเวช

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่หนักใจแม้แต่น้อย

ตั้งแต่ขึ้นเขามา เขาก็รู้ว่าอูหลิงเฟิงพาระดับมกุฎราชันมากมายไปยังเขาดารารายในวันนี้เพื่อกำจัดตน

นี่ทำให้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะยินดีอยู่บ้าง ใช่ว่าหวั่นกลัว แต่ยินดีที่ได้ส่งผู้สืบทอดของสำนักเพลิงมืดและเขาวิญญาณหมื่นอสูรจากเขาดารารายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน

มิฉะนั้นครานี้ต้องประสบเคราะห์ใหญ่แน่

ไม่ต้องคิดหลินสวินก็รู้ว่าต่อให้ตนกลับเขาดารารายตอนนี้ ที่นั่นก็คงเปลี่ยนไปหมดแล้ว

แน่นอนว่าที่น่าเศร้าที่สุดคือขุมอำนาจทั้งห้าที่เหลืออยู่บนเขาดารารายนั่น เมื่อหาตนไม่พบ อูหลิงเฟิงจะต้องระบายไฟโทสะไปที่คนพวกนี้แน่

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ขุมอำนาจทั้งห้านี้คดในข้องอในกระดูก ต่อให้ไม่ประสบเคราะห์ หลังจากนี้ก็ต้องถูกตนล้างบาง

‘พวกเจ้าไปโจมตีถึงอาณาเขตของข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำลายที่อยู่พวกเจ้าทีละแห่ง!’

นี่ก็คือความคิดหลินสวินในตอนนี้

“ฆ่า!”

มีคนตวาด กระสวยบินแดงก่ำสายหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว แสงประกายเจิดจรัสบาดตาหาใดเปรียบ เผยพลังแห่งราชันที่เหนือธรรมดาอย่างชัดเจน

เห็นชัดว่ามีมกุฎราชันลงมือแล้ว!

หลินสวินไม่หลบหลีก ปล่อยหมัดออกมาซัดกระสวยบินดังสนั่น ส่งเสียงครวญเสียดหู

พร้อมกันนี้ระดับมกุฎราชันอย่างพวกชายชุดคลุมเพลิง หญิงผมขาวก็ปรากฏตัว

“เทพมารหลิน เป็นเจ้าจริงรึ”

พวกเขาประหลาดใจยากจะเชื่อ ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเป้าหมายที่องค์ชายเก้าอูหลิงเฟิงอยากสังหารเต็มกำลัง ทำไมถึงไม่อยู่ที่เขาดาราราย กลับมาปีนขึ้นอาณาเขตของพวกเขาด้วยตนเอง

นี่ช่างทำให้ผู้คนเกินคาดหมาย!

“ทำไมจะเป็นข้าไม่ได้”

หลินสวินถามกลับ

ขณะกล่าวเขาสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา เงาร่างสันโดษเอ่อท้นแสงมรรคนับหมื่นพัน เหมือนพญามังกรจำศีลออกจากหุบเหว มองมกุฎราชันทั้งหมดราวสิ่งไร้ค่า!

“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็อย่าหวังได้รอดจากไป!”

หญิงผมขาวสูดหายใจลึกกล่าวเย็นชา มือกระจ่างพลันซัดกระบี่เทพขาวเงินดุจหิมะเล่มหนึ่งออกไป สะเทือนแหวกอากาศฟาดฟันไปทางหลินสวินที่พุ่งเข้ามา

คนอื่นต่างรู้ว่าสถานการณ์ผิดแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดมากความ พากันออกโจมตี

เรื่องเร่งด่วนคือต้องกำจัดเทพมารหลินที่โผล่มากะทันหันนี่ มิฉะนั้นเขาฝนดาวตกไม่ปลอดภัยแน่!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+