Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1252 กาลเวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1252 กาลเวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในการต่อสู้ จี้ซิงเหยามองไปตรงเชิงเขาวูบหนึ่งอย่างค่อนข้างกังวล

ที่นั่นมีผู้แข็งแกร่งแดนนรกมากมายรวมตัวอยู่ หลินสวินที่อยู่ในนั้นสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

และด้วยการเหลือบมองนี้ทำให้นางได้เห็นภาพนองเลือดหาใดเปรียบฉากหนึ่ง

อวี่เหลียงอินยอดหญิงงามที่มีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งผู้นี้ ตอนนี้ร่างกายนางกลับถูกผ่าเป็นสองซีกตั้งแต่กลางตัวลงมา

วิธีการตายเช่นนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง เห็นได้ว่านองเลือดผิดธรรมดาโดยไม่ต้องสงสัย!

นัยน์ตากระจ่างของจี้ซิงเหยาหดรัดวูบหนึ่ง เกือบร้องเสียงหลงออกมา

อวี่เหลียงอินไม่ใช่แค่หญิงงามทรงเสน่ห์คนหนึ่ง ยังเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ฝีมือเหี้ยมโหดยิ่งคนหนึ่งด้วย

แต่กลับถูกผ่าแหวกทั้งเป็นเช่นนี้

‘เจ้าหมอนี่นับวันยิ่งวิปริตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว’

จี้ซิงเหยาพึมพำในใจ

ณ เชิงเขา สถานการณ์ต่อสู้อนาถยิ่ง ทุกหนแห่งอบอวลกลิ่นคาวเลือด

มีคนลนลานหลบหนี แต่ไปได้ครึ่งทางไม่ถูกดาบหักสังหารก็ถูกเสี่ยวอิ๋นตามฆ่า นี่ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังโดยไม่ต้องสงสัย

นอกจากอวี่เหลียงอินและถัวเถิงแล้ว ในหมู่ผู้แข็งแกร่งแดนนรกนี้ยังมีบุคคลระดับขุนพลอีกคน

นั่นคือผู้ฝึกกระบี่ร่างผอมบาง มือถือกระบี่โลหิตคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายที่เขาแผ่ออกมานั้นถึงขั้นเหนือกว่าพวกอวี่เหลียงอินด้วยซ้ำ

แต่ที่ทำให้หลินสวินเกินคาดหมายคือ ทันทีที่การต่อสู้จวนเริ่มต้น ชายหนุ่มนามว่าจันยวนคนนี้ก็หลบหนีไปโดยไม่ลังเล

ทั้งยังใช้สมบัติลับ ความเร็วน่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ

แม้แต่หลินสวินและเสี่ยวอิ๋นยังคว้าตัวไม่ทัน

ทว่าการหนีไปของจันยวนกลับเร่งความเร็วให้กับการพ่ายแพ้ของผู้แข็งแกร่งแดนนรกพวกนี้ไปอีกขั้น

หลังอวี่เหลียงอินถูกฆ่าไม่นาน ในที่นั้นก็เต็มไปด้วยซากศพขาดวิ่นก่ายกอง นอกจากจันยวนแล้วทั้งหมดล้วนถูกสังหาร!

กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเต็มอากาศ ฉุนจมูกหาใดเปรียบ

นี่คือภาพประหนึ่งขุมนรก หลินสวินที่ไม่แปดเปื้อนโลกีย์ยืนอยู่ในนั้นแล้วดูไม่เข้ากันยิ่งนัก ทั้งทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้านอย่างหนึ่ง!

บนยอดเขาการต่อสู้สิ้นสุดลงเช่นกัน

เจิ้นอวิ๋นเฟิงตัวคนเดียวถูกโม่เทียนเหอ จี้ซิงเหยาและผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาล้อมโจมตี ไม่อาจยืนหยัดแต่แรก ไม่ทันไรก็ถูกจับคุกเข่า

เจิ้นอวิ๋นเฟิงก่อนหน้านี้ท่าทางมาดมั่น พูดจาระรื่นไม่สะทกสะท้าน ไม่เห็นใครในสายตาโดยสิ้นเชิง

แต่ตอนนี้เขากลับคุกเข่าลงกับพื้น เสื้อผ้าขาดวิ่นเปื้อนเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง บาดเจ็บสาหัสไปทั้งตัว แม้แต่หายใจยังลำบาก

เมื่อสังเกตเห็นหลินสวินย่างก้าวมา ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาที่อยู่ใกล้เคียงไม่มีใครไม่สำรวมสีหน้า เผยความเคารพนับถือเปิดทางให้

หลินสวินเมื่อสี่ปีก่อนก็เป็นบุคคลทรงอิทธิพล ถูกยกย่องเป็นเทพมารหลิน ทำเอาผู้คนหน้าเปลี่ยนสีเมื่อกล่าวถึง

และตอนนี้เขายังฟื้นคืนจากความตายราวเกิดใหม่ ยิ่งสง่างามกว่าแต่ก่อน

“หึๆ ข้าพันคาดหมื่นคาด ก็คาดไม่ถึงว่าเจ้าหลินสวินจะยังมีชีวิตอยู่ สวรรค์… แม่งตาบอดจริงๆ!”

เจิ้นอวิ๋นเฟิงเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ใบหน้าเปื้อนเลือดเหี้ยมเกรียมและบิดเบี้ยว ในน้ำเสียงเปี่ยมความไม่ยินยอมและคั่งแค้น

ใช่ เขาคิดว่าความพ่ายแพ้ในวันนี้เกิดจากหลินสวินทั้งสิ้น!

“มหามรรคดั่งสวรรค์ เจ้าระบายความแค้นเช่นนี้ไม่กลัวสวรรค์ลงโทษรึ”

หลินสวินเหลือบมองเขาวูบหนึ่ง ในใจไม่สงสารแม้แต่น้อย

“หึ ปราณของพวกข้าเดิมก็ก้าวบนหนทางพลิกฟ้าอยู่แล้ว ใครหวาดกลัวสวรรค์เล่า หลินสวิน เจ้าอย่าได้ใจไป เจ้าอาจไม่รู้ว่าตอนนี้บุตรนรกได้ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่แล้ว ทั้งยังครองมหาศุภโชคมากมาย มีวาสนาติดตัว หากเขารู้ว่าเจ้ายังรอดชีวิต ความตายของเจ้าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว!”

เจิ้นอวิ๋นเฟิงกล่าวเสียงอาฆาต

โครม!

โม่เทียนเหอโกรธจัด เท้าข้างหนึ่งถีบเจิ้นอวิ๋นเฟิงกระเด็นคว่ำติดพื้นอย่างน่าอนาถ “ความตายมาเยือนกบาลแล้วยังไม่รู้สำนึก เจิ้นอวิ๋นเฟิง เจ้าช่างทำให้คนผิดหวังมากจริงๆ!”

“เหอะๆ ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจรก็เท่านั้น คราวนี้ไม่อาจเอาพวกเจ้าเรือนกระบี่เร้นปุจฉาลงได้ คราวหน้าก็ไม่แน่หรอก”

เจิ้นอวิ๋นเฟิงยิ้มเหี้ยมเกรียม

ในตาโม่เทียนเหอปรากฏไอสังหารทันใด แต่กลับถูกหลินสวินห้ามไว้

เขาก้มมองเจิ้นอวิ๋นเฟิงแล้วกล่าว “เจ้าไร้เมตตา ข้าไม่อาจไร้คุณธรรม เจ้ายกย่องบุตรนรกมากไม่ใช่รึ ข้าก็อยากลองดูว่าหากเจ้าไม่มีพลังปราณแล้ว บุตรนรกจะปฏิบัติตัวต่อขี้ครอกผู้ซื่อสัตย์อย่างเจ้าเช่นไร”

“เจ้าจะทำอะไร” เจิ้นอวิ๋นเฟิงร้องเสียงแหลม

ตึง!

เท้าข้างหนึ่งของหลินสวินเหยียบลงบนตัวเขา บดเมล็ดพันธุ์แห่งมรรคของเขาจนละเอียด

ด้วยประการฉะนี้พลังปราณของเขาก็เท่ากับถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ต่อให้พลังจิตถอนตัวไปได้ มีโอกาสที่จะถอดจิต ก็ยากแสวงหาอมตะมรรคาอีก!

ชั่วขณะเดียวเจิ้นอวิ๋นเฟิงราวแก่ชราลงหลายปี มึนงงไปหมด ผ่านไปครู่ใหญ่จึงแผดเสียงคำรามโหยหวนหาใดเปรียบ

“หลินสวิน ต่อให้ข้าตายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่! อย่าลืมว่านอกจากบุตรนรกแล้ว บนโลกนี้ยังมีกู่ฝอจื่ออีกคนที่มองเจ้าเป็นหนามยอกอก!”

น้ำเสียงแหบพร่า เดือดดาล อาฆาต

ปึง!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง พัดเจิ้นอวิ๋นเฟิงลอยหายไปในขอบฟ้าที่ห่างออกไป

“เหตุใดไม่ฆ่าเขาเล่า”

จี้ซิงเหยาอดถามไม่ได้

“คนไร้ค่าคนหนึ่ง เจ้าคิดว่าบุตรนรกจะยังต้อนรับเขาเหมือนแต่ก่อนอยู่ไหม ใช้เวลาไม่นานเจ้าหมอนี่คงได้ลิ้มรสชาติของการตายทั้งเป็นแล้ว”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ

ประโยคเดียวทำเอาทุกคนในที่นั้นตัวสั่นงันงก

จริงดังว่า ในแดนเก้าบนนี้การสูญเสียพลังปราณทั้งหมดไป ต้องยากจะรับได้ยิ่งกว่าสังหารเขาเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแน่!

ในคฤหาสน์กว้างขวางบนยอดเขาจำศีลหัวโล้น

“ครั้งนี้ขอบคุณพี่หลินที่ช่วยเหลือ โปรดรับการคารวะจากข้าน้อย!”

โม่เทียนเหอลุกขึ้นโค้งคำนับ

คนอื่นเห็นดังนี้ก็ต่างลุกขึ้นคำนับตาม

สถานการณ์คับขันอันตรายหนึ่งถูกคลี่คลายอย่างดุดันเรียบง่ายด้วยการมาของหลินสวิน นี่จะไม่ให้เหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เชิญนั่งเถิด”

หลินสวินรีบร้อนกล่าว จนกระทั่งทุกคนนั่งที่เขาจึงพูดว่า “ข้ามาคราวนี้ด้วยอยากสืบข่าวบางอย่างกับทุกท่าน”

“เกี่ยวกับสหายยุทธ์จินตู๋อีใช่ไหม”ไอรีนโนเวล

เนตรดาราของจี้ซิงเหยาใสกระจ่าง คำพูดเดียวก็เดาถูกแล้ว

หลินสวินยิ้มพยักหน้า

“ปีนั้นเมื่อเขาทราบข่าวการตายของเจ้าก็จากไปคนเดียวโดยไม่ลังเล จากที่ข้าเดาเขาน่าจะไปหาร่องรอยของกู่ฝอจื่อแล้ว”

จี้ซิงเหยากล่าวถึงตรงนี้ก็อดละอายอยู่บ้างไม่ได้ “ต้องโทษข้าและศิษย์พี่โม่ที่ประมาท ไม่อาจไปขวางสหายยุทธ์จินได้ทันเวลา”

หลินสวินโบกมือกล่าว “ไม่โทษพวกเจ้าหรอก นิสัยใจร้อนของเจ้าคางคกข้ารู้ดี หากเขาจะไปพวกเจ้าไม่ว่าใครก็ห้ามไม่อยู่ เพียงแต่… สี่ปีมานี้พวกเจ้าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขาหรือไม่”

จี้ซิงเหยาส่ายหัว

โม่เทียนเหอพลันกล่าว “จากการวินิจฉัยของข้าสหายยุทธ์จินน่าจะปลอดภัย เพราะหลังจากที่พี่หลินหายไปเมื่อสี่ปีก่อน กู่ฝอจื่อนั่นก็ราวกับระเหยหายไปจากโลกมนุษย์ หายไปอย่างไร้ร่องรอย”

“สี่ปีมานี้มีคนไม่น้อยตามหาตัวกู่ฝอจื่อนี่ แต่ล้วนไม่ได้อะไรเลยเช่นกัน”

หลินสวินชะงัก กู่ฝอจื่อก็หายตัวไปรึ

“เช่นนั้นพวกเจ้าเคยเจอนกทมิฬตัวใหญ่ตัวนั้นไหม”

หลินสวินถามอีก

“เจ้าหมายถึงนกตัวนั้นที่แย่ง ‘กาหลอมจิตจักรพรรดินรก’ ของบุตรนรกไปน่ะรึ”

“ใช่”

“ร่องรอยของนกตัวนี้เกินคาดเดา หลายปีนี้เคยปรากฏตัวสองสามครั้ง สถานที่ปรากฏตัวแต่ละครั้งล้วนเป็นแดนแห่งศุภโชคที่อันตรายหาใดเปรียบ”

จี้ซิงเหยากล่าวรวดเร็ว “แต่เท่าที่ข้ารู้บุตรนรกได้ชิงกาหลอมจิตจักรพรรดินรกกลับมาจากนกตัวนี้แล้ว”

หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น นกทมิฬก็ไม่อาจปกป้องกาหลอมจิตจักรพรรดินรกไว้ได้รึ

ในการสนทนาต่อมาหลินสวินก็ได้เข้าใจเรื่องบางส่วนที่เกิดขึ้นในแดนเก้าบนตลอดสี่ปีนี้

อย่างเรื่องที่ดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนและมารกระบี่เยี่ยเฉินบุกล้างบางขุมอำนาจเผ่าอีกาทอง เผ่าวิญญาณสมุทรและเขาวิญญาณหมื่นอสูร

อวิ๋นชิ่งไป๋เคยปรากฏตัวที่แดนอัคคีทักษิณ…

เยวี่ยเจี้ยนหมิงหนึ่งคนหนึ่งกระบี่ข้ามผ่านแดนเก้าบน เสาะหาร่องรอยเกี่ยวกับกู่ฝอจื่อ…

ผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราเซียวชิงเหอออกปฏิบัติการตัวคนเดียว หมายแก้แค้นให้หลินสวิน…

เมื่อได้ยินเรื่องพวกนี้หลินสวินก็อดไหวหวั่นไม่ได้ ในใจรู้สึกอบอุ่น แต่ไม่ช้าก็อดเป็นห่วงพวกเขาไม่ได้

หลินสวินรู้ดีว่าพวกเขาทำเช่นนี้จะต้องแบกรับความเสี่ยงเช่นไร!

นอกจากนี้จี้ซิงเหยายังกล่าวถึงเรื่องสำคัญบางส่วนที่เกิดขึ้นในแดนเก้าบนด้วย

ตัวอย่างเช่นสามปีก่อนอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้า สถิตินี้ยังรักษาไว้ถึงปัจจุบันไม่เคยมีใครสั่นคลอน!

ถึงขั้นที่ว่ามีพวกชื่นชอบเรื่องสนุกยกย่องอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นอันดับหนึ่งของแดนมกุฎ!

แดนเก้าบนทุกวันนี้หลังผ่านการล้างไพ่หลายครั้ง ผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดมาได้ในหลายปีมานี้ต่างได้รับประโยชน์และวาสนาไม่น้อยจนพลังรุดหน้า

ช่วงไม่กี่ปีแรกผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในแดนเก้าบนต่างแข่งขันกันเพื่อกลายเป็นราชัน สามารถกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชันได้สามารถแผลงฤทธิ์ไปทั่วได้แล้ว

แต่ปัจจุบันแค่เพียงจำนวนของมกุฎราชันที่ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามก็มีไม่น้อยกว่าพันคน!

และคนในระดับบุตรนรกก็ล้วนก้าวข้ามอมตะเคราะห์ครั้งที่สี่แล้ว

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้หลินสวินก็ทอดถอนใจอยู่ภายในใจ

เวลาแค่สี่ปีแต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงมากเช่นนี้ มกุฎราชันกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าต่างรุดหน้าอย่างราบรื่นบนมรรคาของตน ไม่อาจหยุดยั้งได้

หากนี่เกิดขึ้นยังโลกภายนอกต้องเป็นเรื่องที่ยากจินตนาการแน่

แต่ในแดนเก้าบนที่วาสนามากมาย ศุภโชครายรอบนี้กลับเห็นบ่อยจนชินตา!

ตอนนี้ก็เกือบเข้าปีที่ห้าที่แดนมกุฎปรากฏตัวสู่โลกแล้ว มีเวลาอีกประมาณสี่ปีก่อนทุกอย่างจะปิดฉากลง

สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า ในเวลาต่อจากนี้การแข่งขันคงมีแต่จะเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ!

แม้ว่าปัจจุบันหลินสวินจะก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามแล้ว แต่หลังจากรู้ข่าวพวกนี้ในใจกลับไม่กล้าเกียจคร้านอีก

การฝึกปราณเหมือนพายเรือทวนน้ำ ไม่ก้าวหน้าก็ถอยร่น

หลักการนี้เขาเข้าใจนานแล้ว

“พี่หลิน เจ้าจะไปหากู่ฝอจื่อเพื่อคิดบัญชีไหม”

โม่เทียนเหอถาม

“หรือจะไปหาบุตรนรกเพื่อคิดบัญชี”

จี้ซิงเหยาก็ใคร่รู้

หลินสวินส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็นต้องไปหา เมื่อพวกเขารู้ข่าวว่าข้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องมาหาข้าเองแน่”

ทุกคนใคร่ครวญเล็กน้อยก็เข้าใจขึ้นมา

จริงดังว่า ทุกวันนี้ในแดนเก้าบนยังไม่รู้ว่าหลินสวินมีชีวิตอยู่ แต่เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานข่าวเกี่ยวกับการรอดชีวิตของหลินสวินต้องแพร่สะพัดออกไปแน่

ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งที่เคยมีความแค้นกับหลินสวิน ไม่ว่าจะเป็นบุตรนรก กู่ฝอจื่อหรือคนอื่น ไหนเลยจะสามารถนั่งติด

“สำหรับตอนนี้ข้าคิดจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว ไม่ทราบว่าทุกท่านยินดีหรือไม่”

หลินสวินกล่าวถาม

“ได้แน่นอน”

โม่เทียนเหอยิ้มแย้มกล่าว

จี้ซิงเหยากลับมองหลินสวินอย่างลุ่มลึกวูบหนึ่ง มุมปากระบายยิ้ม

นางรู้สาเหตุที่หลินสวินอยู่ต่อ เกรงว่าคงเป็นห่วงขุมอำนาจแดนนรกจะบุกมาโจมตีอีกครั้งจนทำให้พวกเขาเรือนกระบี่เร้นปุจฉาตกอยู่ในภาวะคับขันอีกครา

แต่หากมีเขาคอยดูแล ก็เท่ากับมีกำลังน่าหวั่นหวาดที่ไม่อาจมองข้ามได้ง่ายๆ!

นี่ก็คือหลินสวินที่นางรู้จัก ต่อให้ช่วยคนก็ไม่เป็นที่สังเกต เสียสละโดยไม่ป่าวประกาศ

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1252 กาลเวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1252 กาลเวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในการต่อสู้ จี้ซิงเหยามองไปตรงเชิงเขาวูบหนึ่งอย่างค่อนข้างกังวล

ที่นั่นมีผู้แข็งแกร่งแดนนรกมากมายรวมตัวอยู่ หลินสวินที่อยู่ในนั้นสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

และด้วยการเหลือบมองนี้ทำให้นางได้เห็นภาพนองเลือดหาใดเปรียบฉากหนึ่ง

อวี่เหลียงอินยอดหญิงงามที่มีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งผู้นี้ ตอนนี้ร่างกายนางกลับถูกผ่าเป็นสองซีกตั้งแต่กลางตัวลงมา

วิธีการตายเช่นนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง เห็นได้ว่านองเลือดผิดธรรมดาโดยไม่ต้องสงสัย!

นัยน์ตากระจ่างของจี้ซิงเหยาหดรัดวูบหนึ่ง เกือบร้องเสียงหลงออกมา

อวี่เหลียงอินไม่ใช่แค่หญิงงามทรงเสน่ห์คนหนึ่ง ยังเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ฝีมือเหี้ยมโหดยิ่งคนหนึ่งด้วย

แต่กลับถูกผ่าแหวกทั้งเป็นเช่นนี้

‘เจ้าหมอนี่นับวันยิ่งวิปริตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว’

จี้ซิงเหยาพึมพำในใจ

ณ เชิงเขา สถานการณ์ต่อสู้อนาถยิ่ง ทุกหนแห่งอบอวลกลิ่นคาวเลือด

มีคนลนลานหลบหนี แต่ไปได้ครึ่งทางไม่ถูกดาบหักสังหารก็ถูกเสี่ยวอิ๋นตามฆ่า นี่ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังโดยไม่ต้องสงสัย

นอกจากอวี่เหลียงอินและถัวเถิงแล้ว ในหมู่ผู้แข็งแกร่งแดนนรกนี้ยังมีบุคคลระดับขุนพลอีกคน

นั่นคือผู้ฝึกกระบี่ร่างผอมบาง มือถือกระบี่โลหิตคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายที่เขาแผ่ออกมานั้นถึงขั้นเหนือกว่าพวกอวี่เหลียงอินด้วยซ้ำ

แต่ที่ทำให้หลินสวินเกินคาดหมายคือ ทันทีที่การต่อสู้จวนเริ่มต้น ชายหนุ่มนามว่าจันยวนคนนี้ก็หลบหนีไปโดยไม่ลังเล

ทั้งยังใช้สมบัติลับ ความเร็วน่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ

แม้แต่หลินสวินและเสี่ยวอิ๋นยังคว้าตัวไม่ทัน

ทว่าการหนีไปของจันยวนกลับเร่งความเร็วให้กับการพ่ายแพ้ของผู้แข็งแกร่งแดนนรกพวกนี้ไปอีกขั้น

หลังอวี่เหลียงอินถูกฆ่าไม่นาน ในที่นั้นก็เต็มไปด้วยซากศพขาดวิ่นก่ายกอง นอกจากจันยวนแล้วทั้งหมดล้วนถูกสังหาร!

กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเต็มอากาศ ฉุนจมูกหาใดเปรียบ

นี่คือภาพประหนึ่งขุมนรก หลินสวินที่ไม่แปดเปื้อนโลกีย์ยืนอยู่ในนั้นแล้วดูไม่เข้ากันยิ่งนัก ทั้งทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้านอย่างหนึ่ง!

บนยอดเขาการต่อสู้สิ้นสุดลงเช่นกัน

เจิ้นอวิ๋นเฟิงตัวคนเดียวถูกโม่เทียนเหอ จี้ซิงเหยาและผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาล้อมโจมตี ไม่อาจยืนหยัดแต่แรก ไม่ทันไรก็ถูกจับคุกเข่า

เจิ้นอวิ๋นเฟิงก่อนหน้านี้ท่าทางมาดมั่น พูดจาระรื่นไม่สะทกสะท้าน ไม่เห็นใครในสายตาโดยสิ้นเชิง

แต่ตอนนี้เขากลับคุกเข่าลงกับพื้น เสื้อผ้าขาดวิ่นเปื้อนเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง บาดเจ็บสาหัสไปทั้งตัว แม้แต่หายใจยังลำบาก

เมื่อสังเกตเห็นหลินสวินย่างก้าวมา ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาที่อยู่ใกล้เคียงไม่มีใครไม่สำรวมสีหน้า เผยความเคารพนับถือเปิดทางให้

หลินสวินเมื่อสี่ปีก่อนก็เป็นบุคคลทรงอิทธิพล ถูกยกย่องเป็นเทพมารหลิน ทำเอาผู้คนหน้าเปลี่ยนสีเมื่อกล่าวถึง

และตอนนี้เขายังฟื้นคืนจากความตายราวเกิดใหม่ ยิ่งสง่างามกว่าแต่ก่อน

“หึๆ ข้าพันคาดหมื่นคาด ก็คาดไม่ถึงว่าเจ้าหลินสวินจะยังมีชีวิตอยู่ สวรรค์… แม่งตาบอดจริงๆ!”

เจิ้นอวิ๋นเฟิงเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ใบหน้าเปื้อนเลือดเหี้ยมเกรียมและบิดเบี้ยว ในน้ำเสียงเปี่ยมความไม่ยินยอมและคั่งแค้น

ใช่ เขาคิดว่าความพ่ายแพ้ในวันนี้เกิดจากหลินสวินทั้งสิ้น!

“มหามรรคดั่งสวรรค์ เจ้าระบายความแค้นเช่นนี้ไม่กลัวสวรรค์ลงโทษรึ”

หลินสวินเหลือบมองเขาวูบหนึ่ง ในใจไม่สงสารแม้แต่น้อย

“หึ ปราณของพวกข้าเดิมก็ก้าวบนหนทางพลิกฟ้าอยู่แล้ว ใครหวาดกลัวสวรรค์เล่า หลินสวิน เจ้าอย่าได้ใจไป เจ้าอาจไม่รู้ว่าตอนนี้บุตรนรกได้ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่แล้ว ทั้งยังครองมหาศุภโชคมากมาย มีวาสนาติดตัว หากเขารู้ว่าเจ้ายังรอดชีวิต ความตายของเจ้าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว!”

เจิ้นอวิ๋นเฟิงกล่าวเสียงอาฆาต

โครม!

โม่เทียนเหอโกรธจัด เท้าข้างหนึ่งถีบเจิ้นอวิ๋นเฟิงกระเด็นคว่ำติดพื้นอย่างน่าอนาถ “ความตายมาเยือนกบาลแล้วยังไม่รู้สำนึก เจิ้นอวิ๋นเฟิง เจ้าช่างทำให้คนผิดหวังมากจริงๆ!”

“เหอะๆ ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจรก็เท่านั้น คราวนี้ไม่อาจเอาพวกเจ้าเรือนกระบี่เร้นปุจฉาลงได้ คราวหน้าก็ไม่แน่หรอก”

เจิ้นอวิ๋นเฟิงยิ้มเหี้ยมเกรียม

ในตาโม่เทียนเหอปรากฏไอสังหารทันใด แต่กลับถูกหลินสวินห้ามไว้

เขาก้มมองเจิ้นอวิ๋นเฟิงแล้วกล่าว “เจ้าไร้เมตตา ข้าไม่อาจไร้คุณธรรม เจ้ายกย่องบุตรนรกมากไม่ใช่รึ ข้าก็อยากลองดูว่าหากเจ้าไม่มีพลังปราณแล้ว บุตรนรกจะปฏิบัติตัวต่อขี้ครอกผู้ซื่อสัตย์อย่างเจ้าเช่นไร”

“เจ้าจะทำอะไร” เจิ้นอวิ๋นเฟิงร้องเสียงแหลม

ตึง!

เท้าข้างหนึ่งของหลินสวินเหยียบลงบนตัวเขา บดเมล็ดพันธุ์แห่งมรรคของเขาจนละเอียด

ด้วยประการฉะนี้พลังปราณของเขาก็เท่ากับถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ต่อให้พลังจิตถอนตัวไปได้ มีโอกาสที่จะถอดจิต ก็ยากแสวงหาอมตะมรรคาอีก!

ชั่วขณะเดียวเจิ้นอวิ๋นเฟิงราวแก่ชราลงหลายปี มึนงงไปหมด ผ่านไปครู่ใหญ่จึงแผดเสียงคำรามโหยหวนหาใดเปรียบ

“หลินสวิน ต่อให้ข้าตายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่! อย่าลืมว่านอกจากบุตรนรกแล้ว บนโลกนี้ยังมีกู่ฝอจื่ออีกคนที่มองเจ้าเป็นหนามยอกอก!”

น้ำเสียงแหบพร่า เดือดดาล อาฆาต

ปึง!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง พัดเจิ้นอวิ๋นเฟิงลอยหายไปในขอบฟ้าที่ห่างออกไป

“เหตุใดไม่ฆ่าเขาเล่า”

จี้ซิงเหยาอดถามไม่ได้

“คนไร้ค่าคนหนึ่ง เจ้าคิดว่าบุตรนรกจะยังต้อนรับเขาเหมือนแต่ก่อนอยู่ไหม ใช้เวลาไม่นานเจ้าหมอนี่คงได้ลิ้มรสชาติของการตายทั้งเป็นแล้ว”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ

ประโยคเดียวทำเอาทุกคนในที่นั้นตัวสั่นงันงก

จริงดังว่า ในแดนเก้าบนนี้การสูญเสียพลังปราณทั้งหมดไป ต้องยากจะรับได้ยิ่งกว่าสังหารเขาเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแน่!

ในคฤหาสน์กว้างขวางบนยอดเขาจำศีลหัวโล้น

“ครั้งนี้ขอบคุณพี่หลินที่ช่วยเหลือ โปรดรับการคารวะจากข้าน้อย!”

โม่เทียนเหอลุกขึ้นโค้งคำนับ

คนอื่นเห็นดังนี้ก็ต่างลุกขึ้นคำนับตาม

สถานการณ์คับขันอันตรายหนึ่งถูกคลี่คลายอย่างดุดันเรียบง่ายด้วยการมาของหลินสวิน นี่จะไม่ให้เหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เชิญนั่งเถิด”

หลินสวินรีบร้อนกล่าว จนกระทั่งทุกคนนั่งที่เขาจึงพูดว่า “ข้ามาคราวนี้ด้วยอยากสืบข่าวบางอย่างกับทุกท่าน”

“เกี่ยวกับสหายยุทธ์จินตู๋อีใช่ไหม”ไอรีนโนเวล

เนตรดาราของจี้ซิงเหยาใสกระจ่าง คำพูดเดียวก็เดาถูกแล้ว

หลินสวินยิ้มพยักหน้า

“ปีนั้นเมื่อเขาทราบข่าวการตายของเจ้าก็จากไปคนเดียวโดยไม่ลังเล จากที่ข้าเดาเขาน่าจะไปหาร่องรอยของกู่ฝอจื่อแล้ว”

จี้ซิงเหยากล่าวถึงตรงนี้ก็อดละอายอยู่บ้างไม่ได้ “ต้องโทษข้าและศิษย์พี่โม่ที่ประมาท ไม่อาจไปขวางสหายยุทธ์จินได้ทันเวลา”

หลินสวินโบกมือกล่าว “ไม่โทษพวกเจ้าหรอก นิสัยใจร้อนของเจ้าคางคกข้ารู้ดี หากเขาจะไปพวกเจ้าไม่ว่าใครก็ห้ามไม่อยู่ เพียงแต่… สี่ปีมานี้พวกเจ้าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขาหรือไม่”

จี้ซิงเหยาส่ายหัว

โม่เทียนเหอพลันกล่าว “จากการวินิจฉัยของข้าสหายยุทธ์จินน่าจะปลอดภัย เพราะหลังจากที่พี่หลินหายไปเมื่อสี่ปีก่อน กู่ฝอจื่อนั่นก็ราวกับระเหยหายไปจากโลกมนุษย์ หายไปอย่างไร้ร่องรอย”

“สี่ปีมานี้มีคนไม่น้อยตามหาตัวกู่ฝอจื่อนี่ แต่ล้วนไม่ได้อะไรเลยเช่นกัน”

หลินสวินชะงัก กู่ฝอจื่อก็หายตัวไปรึ

“เช่นนั้นพวกเจ้าเคยเจอนกทมิฬตัวใหญ่ตัวนั้นไหม”

หลินสวินถามอีก

“เจ้าหมายถึงนกตัวนั้นที่แย่ง ‘กาหลอมจิตจักรพรรดินรก’ ของบุตรนรกไปน่ะรึ”

“ใช่”

“ร่องรอยของนกตัวนี้เกินคาดเดา หลายปีนี้เคยปรากฏตัวสองสามครั้ง สถานที่ปรากฏตัวแต่ละครั้งล้วนเป็นแดนแห่งศุภโชคที่อันตรายหาใดเปรียบ”

จี้ซิงเหยากล่าวรวดเร็ว “แต่เท่าที่ข้ารู้บุตรนรกได้ชิงกาหลอมจิตจักรพรรดินรกกลับมาจากนกตัวนี้แล้ว”

หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น นกทมิฬก็ไม่อาจปกป้องกาหลอมจิตจักรพรรดินรกไว้ได้รึ

ในการสนทนาต่อมาหลินสวินก็ได้เข้าใจเรื่องบางส่วนที่เกิดขึ้นในแดนเก้าบนตลอดสี่ปีนี้

อย่างเรื่องที่ดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนและมารกระบี่เยี่ยเฉินบุกล้างบางขุมอำนาจเผ่าอีกาทอง เผ่าวิญญาณสมุทรและเขาวิญญาณหมื่นอสูร

อวิ๋นชิ่งไป๋เคยปรากฏตัวที่แดนอัคคีทักษิณ…

เยวี่ยเจี้ยนหมิงหนึ่งคนหนึ่งกระบี่ข้ามผ่านแดนเก้าบน เสาะหาร่องรอยเกี่ยวกับกู่ฝอจื่อ…

ผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราเซียวชิงเหอออกปฏิบัติการตัวคนเดียว หมายแก้แค้นให้หลินสวิน…

เมื่อได้ยินเรื่องพวกนี้หลินสวินก็อดไหวหวั่นไม่ได้ ในใจรู้สึกอบอุ่น แต่ไม่ช้าก็อดเป็นห่วงพวกเขาไม่ได้

หลินสวินรู้ดีว่าพวกเขาทำเช่นนี้จะต้องแบกรับความเสี่ยงเช่นไร!

นอกจากนี้จี้ซิงเหยายังกล่าวถึงเรื่องสำคัญบางส่วนที่เกิดขึ้นในแดนเก้าบนด้วย

ตัวอย่างเช่นสามปีก่อนอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้า สถิตินี้ยังรักษาไว้ถึงปัจจุบันไม่เคยมีใครสั่นคลอน!

ถึงขั้นที่ว่ามีพวกชื่นชอบเรื่องสนุกยกย่องอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นอันดับหนึ่งของแดนมกุฎ!

แดนเก้าบนทุกวันนี้หลังผ่านการล้างไพ่หลายครั้ง ผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดมาได้ในหลายปีมานี้ต่างได้รับประโยชน์และวาสนาไม่น้อยจนพลังรุดหน้า

ช่วงไม่กี่ปีแรกผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในแดนเก้าบนต่างแข่งขันกันเพื่อกลายเป็นราชัน สามารถกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชันได้สามารถแผลงฤทธิ์ไปทั่วได้แล้ว

แต่ปัจจุบันแค่เพียงจำนวนของมกุฎราชันที่ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามก็มีไม่น้อยกว่าพันคน!

และคนในระดับบุตรนรกก็ล้วนก้าวข้ามอมตะเคราะห์ครั้งที่สี่แล้ว

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้หลินสวินก็ทอดถอนใจอยู่ภายในใจ

เวลาแค่สี่ปีแต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงมากเช่นนี้ มกุฎราชันกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าต่างรุดหน้าอย่างราบรื่นบนมรรคาของตน ไม่อาจหยุดยั้งได้

หากนี่เกิดขึ้นยังโลกภายนอกต้องเป็นเรื่องที่ยากจินตนาการแน่

แต่ในแดนเก้าบนที่วาสนามากมาย ศุภโชครายรอบนี้กลับเห็นบ่อยจนชินตา!

ตอนนี้ก็เกือบเข้าปีที่ห้าที่แดนมกุฎปรากฏตัวสู่โลกแล้ว มีเวลาอีกประมาณสี่ปีก่อนทุกอย่างจะปิดฉากลง

สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า ในเวลาต่อจากนี้การแข่งขันคงมีแต่จะเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ!

แม้ว่าปัจจุบันหลินสวินจะก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามแล้ว แต่หลังจากรู้ข่าวพวกนี้ในใจกลับไม่กล้าเกียจคร้านอีก

การฝึกปราณเหมือนพายเรือทวนน้ำ ไม่ก้าวหน้าก็ถอยร่น

หลักการนี้เขาเข้าใจนานแล้ว

“พี่หลิน เจ้าจะไปหากู่ฝอจื่อเพื่อคิดบัญชีไหม”

โม่เทียนเหอถาม

“หรือจะไปหาบุตรนรกเพื่อคิดบัญชี”

จี้ซิงเหยาก็ใคร่รู้

หลินสวินส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็นต้องไปหา เมื่อพวกเขารู้ข่าวว่าข้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องมาหาข้าเองแน่”

ทุกคนใคร่ครวญเล็กน้อยก็เข้าใจขึ้นมา

จริงดังว่า ทุกวันนี้ในแดนเก้าบนยังไม่รู้ว่าหลินสวินมีชีวิตอยู่ แต่เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานข่าวเกี่ยวกับการรอดชีวิตของหลินสวินต้องแพร่สะพัดออกไปแน่

ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งที่เคยมีความแค้นกับหลินสวิน ไม่ว่าจะเป็นบุตรนรก กู่ฝอจื่อหรือคนอื่น ไหนเลยจะสามารถนั่งติด

“สำหรับตอนนี้ข้าคิดจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว ไม่ทราบว่าทุกท่านยินดีหรือไม่”

หลินสวินกล่าวถาม

“ได้แน่นอน”

โม่เทียนเหอยิ้มแย้มกล่าว

จี้ซิงเหยากลับมองหลินสวินอย่างลุ่มลึกวูบหนึ่ง มุมปากระบายยิ้ม

นางรู้สาเหตุที่หลินสวินอยู่ต่อ เกรงว่าคงเป็นห่วงขุมอำนาจแดนนรกจะบุกมาโจมตีอีกครั้งจนทำให้พวกเขาเรือนกระบี่เร้นปุจฉาตกอยู่ในภาวะคับขันอีกครา

แต่หากมีเขาคอยดูแล ก็เท่ากับมีกำลังน่าหวั่นหวาดที่ไม่อาจมองข้ามได้ง่ายๆ!

นี่ก็คือหลินสวินที่นางรู้จัก ต่อให้ช่วยคนก็ไม่เป็นที่สังเกต เสียสละโดยไม่ป่าวประกาศ

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+