Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1266 แดนธรรมสถูป

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1266 แดนธรรมสถูป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จากคำอธิบายของนกทมิฬ ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจแล้วว่าตนในตอนแรกคิดผิดไป

ร่างต้นของกู่ฝอจื่อแม้จะแข็งแกร่งกว่าร่างแยก แต่ก็แข็งแกร่งกว่าไม่เท่าไหร่!

“ข้าตัดสินใจจะไปแดนธรรมสถูปสักรอบ”

สายตาของหลินสวินมองไปทางนกทมิฬ “เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่”

“ไป!”

นกทมิฬพูดอย่างไม่ลังเล

หลินสวินพูดอย่างไม่เข้าใจ “กู่ฝอจื่อนั่นเรียกเจ้าว่าอาจารย์อาเล็ก เจ้ายังจะช่วยข้าเล่นงานเขาหรือ”

นกทมิฬเงียบไป ครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “เพียงแค่นับตามอาวุโสเท่านั้น หากเป็นไปได้ ข้าอยากให้เจ้าถอนรากถอนโคนทั้งอารามกษิติครรภ์!”

พูดถึงตอนท้ายในน้ำเสียงเจือแววชิงชัง

หลินสวินไม่พูดมากความอีก

เขาเคยรู้จากปากนกทมิฬว่าที่ตนถูกกู่ฝอจื่อมองว่าเป็นพวกนอกรีต ก็เพราะเขาได้รับคัมภีร์มหาครรภ์จุติกับไม้โพธิ์ที่อริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬทิ้งไว้

ส่วนนกทมิฬ เห็นได้ชัดว่าอยู่ข้างอริยสงฆ์ตู้จี้!

จู่ๆ หลินสวินก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “จริงสิ ตอนนั้นเจ้าชิงกาหลอมจิตของบุตรนรกไป เหตุใดจึงถูกเขาชิงกลับไปอีก”

นกทมิฬถอนหายใจคราหนึ่ง “ข้าเองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ในกาหลอมจิตนั่นประทับผนึกต้องห้ามที่น่ากลัวยิ่ง ไม่สามารถถูกข้าสลายได้ น่าเสียดายจริงๆ”

“แต่แม้ไม่ได้เก็บกาหลอมจิตเอาไว้ แต่สมบัติต่างๆ ที่ปิดผนึกอยู่ในกาหลอมจิตถูกข้าปล้นมาแล้ว”

พูดถึงตรงนี้เขาพลันหัวเราะฮี่ๆ ขึ้นมา พอกระพือปีกขวดหยกมันแพะใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ร่วงลงตรงหน้าหลินสวิน

“นี่คือ ‘โอสถแกนมังกรคืนยอด’ ขวดหนึ่ง อย่ามองว่ามีเพียงแค่สามเม็ด จริงๆ แล้วกลับเป็นโอสถวิเศษชั้นหนึ่งแห่งฟ้าดิน กลืนลงไปเพียงเม็ดเดียว ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใดก็สามารถหายเป็นปกติในชั่วพริบตา”

“แน่นอนว่าสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือ โอสถนี้มีประโยชน์อย่างมากในการข้ามด่านเคราะห์! เจ้าคิดว่าเหตุใดบุตรนรกจึงสามารถบรรลุอมตะเคราะห์ด่านสี่ได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่พ้นความดีความชอบของโอสถนี้!”

หลินสวินหวั่นไหวทันที

หยิบขวดหยกขึ้นมาใช้จิตรับรู้สัมผัสเข้าไปทันที พลันได้ยินเสียงมังกรครวญดังขึ้นเป็นระลอก ยังมีละอองแสงหลากสีและกลิ่นหอมอบอวล

มองอย่างละเอียด ในขวดหยกนั่นราวกับมีมังกรตัวน้อยๆ สามตัวล่องทะยานอยู่ มีชีวิตชีวา ลึกลับอย่างหาที่สุดไม่ได้

แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นโอสถสามเม็ด!

“นอกจากโอสถนี้เจ้ายังได้ของดีอะไรอีก” หลินสวินถาม

นกทมิฬระแวงขึ้นมาทันที พลันร้องว่า “เจ้าหนูนี่คิดไม่ซื่อให้น้อยๆ หน่อย ของเล่นอื่นๆ แม้ให้เจ้าไปก็ไม่มีผลมากนัก”

เห็นได้ชัดว่าผลประโยชน์ที่นกหัวขโมยนี่ได้มาจากกาหลอมจิตของบุตรนรกใบนั้น ไม่น้อยแน่!

หลินสวินคร้านจะถือสามัน จดจ่อกับการทำสมาธิ

……

สามวันหลังจากนั้น

อาการบาดเจ็บของหลินสวินฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว

อีกอย่างหลังจากผ่านการต่อสู้นองเลือด ทำให้พลังปราณของเขาพัฒนาขึ้นไปอีก ได้บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านสามขั้นสมบูรณ์แล้ว

บนเขาจำศีลหัวโล้นถูกหลินสวินวางกระบวนผนึกไว้นานแล้ว อีกทั้งเคยแสดงแสนยานุภาพกำราบสรรพสิ่งในการต่อสู้เมื่อสามวันที่แล้ว

ก่อนไปหลินสวินมอบธงเล็กสีเหลืองส้มที่ควบคุมกระบวนผนึกนี้ให้กับจี้ซิงเหยา

เช่นนี้ แม้ไม่มีเขาคอยดูแล เรือนกระบี่เร้นปุจฉาก็ไม่ต้องกลัวถูกขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ มาโจมตีถึงถิ่น

ส่วนจี้ซิงเหยาเป็นตัวแทนของเรือนกระบี่เร้นปุจฉา มอบโอสถเทพสามต้นให้แก่หลินสวินเป็นการแสดงคำขอบคุณ

หลินสวินไม่ได้ปฏิเสธ

ในสี่ปีที่ถูกกักตัวอยู่ใต้แม่น้ำนรก โอสถราชันบนตัวเขาถูกใช้ไปจนหมด แม้แต่โอสถเทพก็เหลือเพียงไม่กี่ต้น

โอสถเทพที่จี้ซิงเหยาให้ ก็ถือว่าแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของหลินสวินได้บ้าง

“ทุกท่าน รักษาตัวด้วย!”

กลางอากาศ หลินสวินประสานหมัด

“รักษาตัวด้วย!”

ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาอย่างพวกจี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอต่างมาส่ง สีหน้าจริงจัง

วันนี้หลินสวินจากไป และจะข้ามจากแดนอัคคีทักษิณไปยังแดนคีรีอีสานพร้อมกับนกทมิฬ

……

ระหว่างทางหลินสวินนั่งยานสำเภา ความเร็วไม่ถือว่าไวมาก แต่ก็ไม่ช้า

‘ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าคางคกกับอาหลู่จึงไม่เคยปรากฏตัว…’

ในใจหลินสวินเป็นห่วงเล็กน้อย

การต่อสู้เมื่อไม่กี่วันก่อนแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแดนเก้าบนตั้งนานแล้ว ขอเพียงแค่ติดตามข่าวสารสักหน่อย ก็รู้ได้ไม่ยากว่าเขาหลินสวินอยู่บนเขาจำศีลหัวโล้น

แต่จนกระทั่งตอนนี้เจ้าคางคกกับอาหลู่ยังไม่เคยปรากฏตัว นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของทั้งสองอาจจะผิดปกติไปบ้าง

“สมบัติชั้นดี!”

สองปีกของนกทมิฬไพล่หลัง ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ตอนที่เห็นกระบี่เทพสีเลือดในมือหลินสวิน ดวงตาพลันทอประกายขึ้นมา

กระบี่นี้สีแดงสดราวกับเลือด ตัวกระบี่ใสแวววาว

สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนว่าในตัวกระบี่มีแม่น้ำนรกสีโลหิตสายหนึ่งไหลอยู่ ในแม่น้ำซากศพเทพมารผุดขึ้นผุดลง เต็มไปด้วยกระดูกขาว ปรากฏสภาพประหลาดน่าตกใจอย่างที่สุด

นี่คือกระบี่ยอดสังหารที่มีสีสันในตำนาน!

ในการต่อสู้กับบุตรนรก กระบี่นี้ถูกหลินสวินเก็บมา กลายเป็นทรัพย์หลังศึกแล้ว

“กระบี่นี้เป็นถึงอาวุธอริยะฟ้าประทานที่แท้จริง ถือกำเนิดในแม่น้ำนรก ชื่อเสียงความดุดันเลื่องลือมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ตัดหัวอริยะมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว!”

สายตาของนกทมิฬคลั่งไคล้ เข้าใกล้อย่างลับๆ ล่อๆ น้ำลายเกือบจะไหลออกมาแล้ว “ที่มหัศจรรย์ที่สุดคือ กระบี่นี้สังหารอริยะโดยไม่แปดเปื้อนกฎกรรม!”

“ให้ข้าลูบหน่อยได้หรือไม่”

ว่าพลางมันก็ยื่นกรงเล็บออกมาคว้าไปทางกระบี่ยอดสังหาร

เสียงสวบดังขึ้นคราหนึ่ง หลินสวินชิงเก็บกระบี่ไปก่อน แล้วปัดกรงเล็บของนกทมิฬออกก่อนเอ่ยว่า “ระวังจะสับกรงเล็บของเจ้า!”

นกทมิฬขัดเคือง ก่นด่าอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “กระบี่พังๆ ด้ามหนึ่งเท่านั้น บนนั้นยังปกคลุมไปด้วยผนึกหนาแน่น ไม่บรรลุอริยะเจ้าเองก็ยากจะสำแดงอานุภาพทั้งหมดของมัน!”

เรื่องนี้แน่นอนว่าหลินสวินรู้ดี

เมื่อครู่เขาก็ได้ตรวจสอบดูแล้ว ผนึกบนกระบี่ยอดสังหารมีทั้งหมดเก้าชั้น ล้วนคลุมเครือและน่ากลัวอย่างที่สุด ราวกับโซ่ตรวนมหามรรคที่กักขังอานุภาพของกระบี่นี้ไว้อย่างหนาแน่น

ด้วยพลังปราณของหลินสวินในตอนนี้ มากที่สุดก็เปิดผนึกได้เพียงสามชั้นเท่านั้น

ทว่าเขาไม่คิดจะทำเช่นนี้ ที่นี่คือแดนมกุฎ อริยะไม่คงอยู่ หากสลายผนึกของกระบี่นี้ เผยกลิ่นอายอริยะมรรคออกไป กลับเป็นภัยมากกว่าโชค

แน่นอนว่าด้วยอานุภาพของกระบี่นี้ในตอนนี้ สามารถประชันกับดาบหักได้แล้ว ก็ถือว่าเป็นอาวุธสังหารที่แข็งแกร่งอย่างมากชิ้นหนึ่ง

“เอ๊ะ โล่สำริดนี้น่าสนใจ!”

ตอนที่เห็นหลินสวินหยิบโล่สำริดที่เก่าผุผัง พื้นผิวเปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งออกมา นกทมิฬก็จ้องตาไม่กะพริบทันที

สมบัติชิ้นนี้ก็ชิงมาจากบุตรนรกเช่นกัน ตอนที่ตามฆ่าบุตรนรก ด้วยพลังของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็ยังยากจะทิ้งรอยไว้บนโล่นี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งอย่างที่สุด

“เจ้ารู้จักสมบัติชิ้นนี้หรือ” หลินสวินถามอย่างไม่แสดงอารมณ์

“คราบเลือดที่เปื้อนอยู่บนโล่นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเลือดอริยะ เจ้าดูตรงนี้ ยังประทับสัญลักษณ์ลายมรรคแน่นขนัดชั้นหนึ่ง แม้ขาดหายไม่สมบูรณ์ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับแข็งแกร่งจนพาให้ใจสั่น”

นกทมิฬสายตาเร่าร้อน ท่าทางอยากกลืนโล่นี้เข้าท้องเสียเดี๋ยวนี้ “หากข้าเดาไม่ผิด นี่คงจะเป็นโล่อริยะชิ้นหนึ่ง!”

หลินสวินขานรับว่าอืมแล้วเก็บสมบัติชิ้นนี้ไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ในใจกลับผ่อยคลายและดีใจ

คิดไม่ถึงเลยว่าทรัพย์หลังศึกสองชิ้นที่ชิงมาจากบุตรนรกล้วนเป็นอาวุธอริยะ อีกทั้งที่มาของกระบี่ยอดสังหารนั่นยังน่าตกใจอย่างที่สุด!

ผลเก็บเกี่ยวนี้ไม่ด้อยไปกว่าการได้ศุภโชคใหญ่เลย!

“ฮู่ว สมบัติบนตัวบุตรนรกนี่ไม่น้อยเลยจริงๆ ช่างสมกับที่เป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่มีโชควาสนาใหญ่ติดตัวแต่กำเนิด”

หลินสวินถอนหายใจ

นกทมิฬเองก็คิดเช่นนี้ เอ่ยทอดถอนใจ “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ข้ารู้ดีว่าในกาหลอมจิตของเจ้าหมอนั่นยังปิดผนึกสมบัติอีกจำนวนไม่น้อย รอคราวหน้าพวกเราร่วมมือกันไปปล้นเขาอีกรอบ!”

หลินสวินพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของนกทมิฬอย่างมาก

……

แดนเก้าบน ทุกแดนล้วนราวกับโลกใบใหญ่ ก้าวใหญ่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด

จวบจนกระทั่งครึ่งเดือนหลังจากนั้น พวกหลินสวินจึงข้ามแดนวารีอุดร อสนีบูรพา วาโยอาคเนย์ทั้งสามแดน มาถึงแดนคีรีอีสาน

สภาพบรรยากาศของทุกแดนล้วนไม่เหมือนกัน

เรื่องนี้ระหว่างทางที่มาหลินสวินรับรู้อย่างลึกซึ้งแล้ว

อย่างเช่นในแดนวารีอุดรเต็มไปด้วยมหาสมุทร ทะเลสาบและแม่น้ำทุกแห่งหน ราวกับโลกแห่งวารี

หรืออย่างแดนอสนีบูรพา ถูกสายฟ้าปกคลุมตลอดทั้งปี กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายเข่นฆ่าปานทำลายล้าง

ตามที่นกทมิฬบอก หากไม่กลัวตายสามารถฝึกพลังปราณในแดนอสนีบูรพา จะทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอมตะเคราะห์ง่ายขึ้น

แน่นอนว่าต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ถูกสายฟ้าซึ่งมีอยู่ทุกแห่งหนผ่าตาย

แดนคีรีอีสานที่พวกหลินสวินมาถึงตอนนี้ก็เป็นทัศนียภาพอีกอย่าง มองเห็นเทือกเขาเรียงราย ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน ซ้อนกันเป็นคลื่นราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกแห่งล้วนเป็นภูเขา บ้างยิ่งใหญ่ทรงพลัง บ้างสูงตระหง่านโดดเด่น บ้างสูงชันอันตราย บ้างแข็งแกร่งทนทาน รูปทรงต่างกันออกไปหลากหลาย ล้วนมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกัน ยิ่งใหญ่งดงาม!

“ได้ยินข่าวหรือยัง ในแดนธรรมสถูปเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีศุภโชคพลิกฟ้าถือกำเนิด ตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายมุ่งหน้าไปแล้ว”

ระหว่างทางจู่ๆ หลินสวินก็ได้ยินเสียงพูดคุย นั่นเป็นผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่ง กำลังเร่งเดินทางเหมือนกับพวกเขา

“จริงหรือ นั่นมันเขตต้องห้ามมหัตภัยเชียวนะ หลายปีมานี้ผู้แข็งแกร่งที่เข้าไปมีไม่รู้เท่าไหร่ แต่คนที่รอดกลับมาได้มีสักกี่คนเชียว”

“ใครจะรู้เล่า เอาเป็นว่าข้าได้ยินมาว่า ตอนนี้พวกร้ายกาจที่อยู่ในสามสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าในปัจจุบันต่างแตกตื่น พากันมุ่งหน้าไปอย่างต่อเนื่อง”

“มีใครบ้าง”

“ชื่อหลิงเซียว ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย…”

“สวรรค์! นี่เป็นถึงบุคคลระดับนายเหนือหัวที่ชื่อเสียงสะเทือนดินแดนฝั่งหนึ่งเชียวนะ!”

……

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นค่อยๆ เดินไกลออกไป เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ค่อยๆ ห่างไป

หลินสวินกับนกทมิฬเดินออกจากที่มืด สบตากันแวบหนึ่ง ต่างขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในแดนธรรมสถูปดันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคาดคิด

“ไม่ต้องสนใจขนาดนั้นแล้ว พวกเราไปดูกันก่อน”

นกทมิฬพูด

ทั้งสองเดินทางต่อทันที

ระหว่างทางก็เห็นผู้ฝึกปราณมากมาย ล้วนต่างกำลังถกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแดนธรรมสถูป

เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่ล้วนชี้ไปที่ข่าวลือเดียวกัน ก็คือในแดนธรรมสถูปมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะให้กำเนิด ‘คัมภีร์ศึกมหาจักรพรรดิ’ ที่เก่าแก่เล่มหนึ่ง!

คัมภีร์ศึกมหาจักรพรรดิ คำสั้นๆ เพียงไม่กี่คำก็เพียงพอจะทำให้จินตนาการไปต่างๆ นานา

สองวันหลังจากนั้น นกทมิฬได้พาหลินสวินเข้าสู่เขตแดนที่แดนธรรมสถูปตั้งอยู่

นี่คือสถานที่ที่อันตรายยิ่งแห่งหนึ่ง กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยภูเขาหัวโล้นแห้งแล้ง ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นแม้แต่ต้นเดียว ในอากาศคละคลุ้งไปด้วยไอเข่นฆ่าน่ากลัว

เดินอยู่ในนี้ เพียงแค่ลมแรงที่พัดมาก็เพียงพอจะบดขยี้ผู้ฝึกปราณที่ต่ำกว่าระดับราชัน พลังน่ากลัวหาที่เปรียบไม่ได้

อีกทั้งยิ่งเดินลึกเข้าไป ไอเข่นฆ่ากลางฟ้าดินก็ยิ่งรุนแรง กดดันจนแทบหายใจไม่ออก

“อ๊าก…”

ห่างออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงโหยหวนดังขึ้น

หลินสวินเงยหน้าขึ้นทันที ก็เห็นราชันที่มีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่งถูกพายุมารสีดำกลุ่มหนึ่งม้วนขึ้นเก้าชั้นฟ้า

จากนั้นร่างกายของเขาถูกฉีกทึ้งในพริบตา เลือดเนื้อกลายเป็นฝุ่นผงทันที หายลับไปในพายุมารสีดำนั่น!

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1266 แดนธรรมสถูป

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1266 แดนธรรมสถูป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จากคำอธิบายของนกทมิฬ ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจแล้วว่าตนในตอนแรกคิดผิดไป

ร่างต้นของกู่ฝอจื่อแม้จะแข็งแกร่งกว่าร่างแยก แต่ก็แข็งแกร่งกว่าไม่เท่าไหร่!

“ข้าตัดสินใจจะไปแดนธรรมสถูปสักรอบ”

สายตาของหลินสวินมองไปทางนกทมิฬ “เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่”

“ไป!”

นกทมิฬพูดอย่างไม่ลังเล

หลินสวินพูดอย่างไม่เข้าใจ “กู่ฝอจื่อนั่นเรียกเจ้าว่าอาจารย์อาเล็ก เจ้ายังจะช่วยข้าเล่นงานเขาหรือ”

นกทมิฬเงียบไป ครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “เพียงแค่นับตามอาวุโสเท่านั้น หากเป็นไปได้ ข้าอยากให้เจ้าถอนรากถอนโคนทั้งอารามกษิติครรภ์!”

พูดถึงตอนท้ายในน้ำเสียงเจือแววชิงชัง

หลินสวินไม่พูดมากความอีก

เขาเคยรู้จากปากนกทมิฬว่าที่ตนถูกกู่ฝอจื่อมองว่าเป็นพวกนอกรีต ก็เพราะเขาได้รับคัมภีร์มหาครรภ์จุติกับไม้โพธิ์ที่อริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬทิ้งไว้

ส่วนนกทมิฬ เห็นได้ชัดว่าอยู่ข้างอริยสงฆ์ตู้จี้!

จู่ๆ หลินสวินก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “จริงสิ ตอนนั้นเจ้าชิงกาหลอมจิตของบุตรนรกไป เหตุใดจึงถูกเขาชิงกลับไปอีก”

นกทมิฬถอนหายใจคราหนึ่ง “ข้าเองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ในกาหลอมจิตนั่นประทับผนึกต้องห้ามที่น่ากลัวยิ่ง ไม่สามารถถูกข้าสลายได้ น่าเสียดายจริงๆ”

“แต่แม้ไม่ได้เก็บกาหลอมจิตเอาไว้ แต่สมบัติต่างๆ ที่ปิดผนึกอยู่ในกาหลอมจิตถูกข้าปล้นมาแล้ว”

พูดถึงตรงนี้เขาพลันหัวเราะฮี่ๆ ขึ้นมา พอกระพือปีกขวดหยกมันแพะใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ร่วงลงตรงหน้าหลินสวิน

“นี่คือ ‘โอสถแกนมังกรคืนยอด’ ขวดหนึ่ง อย่ามองว่ามีเพียงแค่สามเม็ด จริงๆ แล้วกลับเป็นโอสถวิเศษชั้นหนึ่งแห่งฟ้าดิน กลืนลงไปเพียงเม็ดเดียว ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใดก็สามารถหายเป็นปกติในชั่วพริบตา”

“แน่นอนว่าสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือ โอสถนี้มีประโยชน์อย่างมากในการข้ามด่านเคราะห์! เจ้าคิดว่าเหตุใดบุตรนรกจึงสามารถบรรลุอมตะเคราะห์ด่านสี่ได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่พ้นความดีความชอบของโอสถนี้!”

หลินสวินหวั่นไหวทันที

หยิบขวดหยกขึ้นมาใช้จิตรับรู้สัมผัสเข้าไปทันที พลันได้ยินเสียงมังกรครวญดังขึ้นเป็นระลอก ยังมีละอองแสงหลากสีและกลิ่นหอมอบอวล

มองอย่างละเอียด ในขวดหยกนั่นราวกับมีมังกรตัวน้อยๆ สามตัวล่องทะยานอยู่ มีชีวิตชีวา ลึกลับอย่างหาที่สุดไม่ได้

แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นโอสถสามเม็ด!

“นอกจากโอสถนี้เจ้ายังได้ของดีอะไรอีก” หลินสวินถาม

นกทมิฬระแวงขึ้นมาทันที พลันร้องว่า “เจ้าหนูนี่คิดไม่ซื่อให้น้อยๆ หน่อย ของเล่นอื่นๆ แม้ให้เจ้าไปก็ไม่มีผลมากนัก”

เห็นได้ชัดว่าผลประโยชน์ที่นกหัวขโมยนี่ได้มาจากกาหลอมจิตของบุตรนรกใบนั้น ไม่น้อยแน่!

หลินสวินคร้านจะถือสามัน จดจ่อกับการทำสมาธิ

……

สามวันหลังจากนั้น

อาการบาดเจ็บของหลินสวินฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว

อีกอย่างหลังจากผ่านการต่อสู้นองเลือด ทำให้พลังปราณของเขาพัฒนาขึ้นไปอีก ได้บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านสามขั้นสมบูรณ์แล้ว

บนเขาจำศีลหัวโล้นถูกหลินสวินวางกระบวนผนึกไว้นานแล้ว อีกทั้งเคยแสดงแสนยานุภาพกำราบสรรพสิ่งในการต่อสู้เมื่อสามวันที่แล้ว

ก่อนไปหลินสวินมอบธงเล็กสีเหลืองส้มที่ควบคุมกระบวนผนึกนี้ให้กับจี้ซิงเหยา

เช่นนี้ แม้ไม่มีเขาคอยดูแล เรือนกระบี่เร้นปุจฉาก็ไม่ต้องกลัวถูกขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ มาโจมตีถึงถิ่น

ส่วนจี้ซิงเหยาเป็นตัวแทนของเรือนกระบี่เร้นปุจฉา มอบโอสถเทพสามต้นให้แก่หลินสวินเป็นการแสดงคำขอบคุณ

หลินสวินไม่ได้ปฏิเสธ

ในสี่ปีที่ถูกกักตัวอยู่ใต้แม่น้ำนรก โอสถราชันบนตัวเขาถูกใช้ไปจนหมด แม้แต่โอสถเทพก็เหลือเพียงไม่กี่ต้น

โอสถเทพที่จี้ซิงเหยาให้ ก็ถือว่าแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของหลินสวินได้บ้าง

“ทุกท่าน รักษาตัวด้วย!”

กลางอากาศ หลินสวินประสานหมัด

“รักษาตัวด้วย!”

ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาอย่างพวกจี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอต่างมาส่ง สีหน้าจริงจัง

วันนี้หลินสวินจากไป และจะข้ามจากแดนอัคคีทักษิณไปยังแดนคีรีอีสานพร้อมกับนกทมิฬ

……

ระหว่างทางหลินสวินนั่งยานสำเภา ความเร็วไม่ถือว่าไวมาก แต่ก็ไม่ช้า

‘ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าคางคกกับอาหลู่จึงไม่เคยปรากฏตัว…’

ในใจหลินสวินเป็นห่วงเล็กน้อย

การต่อสู้เมื่อไม่กี่วันก่อนแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแดนเก้าบนตั้งนานแล้ว ขอเพียงแค่ติดตามข่าวสารสักหน่อย ก็รู้ได้ไม่ยากว่าเขาหลินสวินอยู่บนเขาจำศีลหัวโล้น

แต่จนกระทั่งตอนนี้เจ้าคางคกกับอาหลู่ยังไม่เคยปรากฏตัว นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของทั้งสองอาจจะผิดปกติไปบ้าง

“สมบัติชั้นดี!”

สองปีกของนกทมิฬไพล่หลัง ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ตอนที่เห็นกระบี่เทพสีเลือดในมือหลินสวิน ดวงตาพลันทอประกายขึ้นมา

กระบี่นี้สีแดงสดราวกับเลือด ตัวกระบี่ใสแวววาว

สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนว่าในตัวกระบี่มีแม่น้ำนรกสีโลหิตสายหนึ่งไหลอยู่ ในแม่น้ำซากศพเทพมารผุดขึ้นผุดลง เต็มไปด้วยกระดูกขาว ปรากฏสภาพประหลาดน่าตกใจอย่างที่สุด

นี่คือกระบี่ยอดสังหารที่มีสีสันในตำนาน!

ในการต่อสู้กับบุตรนรก กระบี่นี้ถูกหลินสวินเก็บมา กลายเป็นทรัพย์หลังศึกแล้ว

“กระบี่นี้เป็นถึงอาวุธอริยะฟ้าประทานที่แท้จริง ถือกำเนิดในแม่น้ำนรก ชื่อเสียงความดุดันเลื่องลือมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ตัดหัวอริยะมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว!”

สายตาของนกทมิฬคลั่งไคล้ เข้าใกล้อย่างลับๆ ล่อๆ น้ำลายเกือบจะไหลออกมาแล้ว “ที่มหัศจรรย์ที่สุดคือ กระบี่นี้สังหารอริยะโดยไม่แปดเปื้อนกฎกรรม!”

“ให้ข้าลูบหน่อยได้หรือไม่”

ว่าพลางมันก็ยื่นกรงเล็บออกมาคว้าไปทางกระบี่ยอดสังหาร

เสียงสวบดังขึ้นคราหนึ่ง หลินสวินชิงเก็บกระบี่ไปก่อน แล้วปัดกรงเล็บของนกทมิฬออกก่อนเอ่ยว่า “ระวังจะสับกรงเล็บของเจ้า!”

นกทมิฬขัดเคือง ก่นด่าอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “กระบี่พังๆ ด้ามหนึ่งเท่านั้น บนนั้นยังปกคลุมไปด้วยผนึกหนาแน่น ไม่บรรลุอริยะเจ้าเองก็ยากจะสำแดงอานุภาพทั้งหมดของมัน!”

เรื่องนี้แน่นอนว่าหลินสวินรู้ดี

เมื่อครู่เขาก็ได้ตรวจสอบดูแล้ว ผนึกบนกระบี่ยอดสังหารมีทั้งหมดเก้าชั้น ล้วนคลุมเครือและน่ากลัวอย่างที่สุด ราวกับโซ่ตรวนมหามรรคที่กักขังอานุภาพของกระบี่นี้ไว้อย่างหนาแน่น

ด้วยพลังปราณของหลินสวินในตอนนี้ มากที่สุดก็เปิดผนึกได้เพียงสามชั้นเท่านั้น

ทว่าเขาไม่คิดจะทำเช่นนี้ ที่นี่คือแดนมกุฎ อริยะไม่คงอยู่ หากสลายผนึกของกระบี่นี้ เผยกลิ่นอายอริยะมรรคออกไป กลับเป็นภัยมากกว่าโชค

แน่นอนว่าด้วยอานุภาพของกระบี่นี้ในตอนนี้ สามารถประชันกับดาบหักได้แล้ว ก็ถือว่าเป็นอาวุธสังหารที่แข็งแกร่งอย่างมากชิ้นหนึ่ง

“เอ๊ะ โล่สำริดนี้น่าสนใจ!”

ตอนที่เห็นหลินสวินหยิบโล่สำริดที่เก่าผุผัง พื้นผิวเปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งออกมา นกทมิฬก็จ้องตาไม่กะพริบทันที

สมบัติชิ้นนี้ก็ชิงมาจากบุตรนรกเช่นกัน ตอนที่ตามฆ่าบุตรนรก ด้วยพลังของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็ยังยากจะทิ้งรอยไว้บนโล่นี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งอย่างที่สุด

“เจ้ารู้จักสมบัติชิ้นนี้หรือ” หลินสวินถามอย่างไม่แสดงอารมณ์

“คราบเลือดที่เปื้อนอยู่บนโล่นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเลือดอริยะ เจ้าดูตรงนี้ ยังประทับสัญลักษณ์ลายมรรคแน่นขนัดชั้นหนึ่ง แม้ขาดหายไม่สมบูรณ์ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับแข็งแกร่งจนพาให้ใจสั่น”

นกทมิฬสายตาเร่าร้อน ท่าทางอยากกลืนโล่นี้เข้าท้องเสียเดี๋ยวนี้ “หากข้าเดาไม่ผิด นี่คงจะเป็นโล่อริยะชิ้นหนึ่ง!”

หลินสวินขานรับว่าอืมแล้วเก็บสมบัติชิ้นนี้ไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ในใจกลับผ่อยคลายและดีใจ

คิดไม่ถึงเลยว่าทรัพย์หลังศึกสองชิ้นที่ชิงมาจากบุตรนรกล้วนเป็นอาวุธอริยะ อีกทั้งที่มาของกระบี่ยอดสังหารนั่นยังน่าตกใจอย่างที่สุด!

ผลเก็บเกี่ยวนี้ไม่ด้อยไปกว่าการได้ศุภโชคใหญ่เลย!

“ฮู่ว สมบัติบนตัวบุตรนรกนี่ไม่น้อยเลยจริงๆ ช่างสมกับที่เป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่มีโชควาสนาใหญ่ติดตัวแต่กำเนิด”

หลินสวินถอนหายใจ

นกทมิฬเองก็คิดเช่นนี้ เอ่ยทอดถอนใจ “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ข้ารู้ดีว่าในกาหลอมจิตของเจ้าหมอนั่นยังปิดผนึกสมบัติอีกจำนวนไม่น้อย รอคราวหน้าพวกเราร่วมมือกันไปปล้นเขาอีกรอบ!”

หลินสวินพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของนกทมิฬอย่างมาก

……

แดนเก้าบน ทุกแดนล้วนราวกับโลกใบใหญ่ ก้าวใหญ่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด

จวบจนกระทั่งครึ่งเดือนหลังจากนั้น พวกหลินสวินจึงข้ามแดนวารีอุดร อสนีบูรพา วาโยอาคเนย์ทั้งสามแดน มาถึงแดนคีรีอีสาน

สภาพบรรยากาศของทุกแดนล้วนไม่เหมือนกัน

เรื่องนี้ระหว่างทางที่มาหลินสวินรับรู้อย่างลึกซึ้งแล้ว

อย่างเช่นในแดนวารีอุดรเต็มไปด้วยมหาสมุทร ทะเลสาบและแม่น้ำทุกแห่งหน ราวกับโลกแห่งวารี

หรืออย่างแดนอสนีบูรพา ถูกสายฟ้าปกคลุมตลอดทั้งปี กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายเข่นฆ่าปานทำลายล้าง

ตามที่นกทมิฬบอก หากไม่กลัวตายสามารถฝึกพลังปราณในแดนอสนีบูรพา จะทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอมตะเคราะห์ง่ายขึ้น

แน่นอนว่าต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ถูกสายฟ้าซึ่งมีอยู่ทุกแห่งหนผ่าตาย

แดนคีรีอีสานที่พวกหลินสวินมาถึงตอนนี้ก็เป็นทัศนียภาพอีกอย่าง มองเห็นเทือกเขาเรียงราย ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน ซ้อนกันเป็นคลื่นราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกแห่งล้วนเป็นภูเขา บ้างยิ่งใหญ่ทรงพลัง บ้างสูงตระหง่านโดดเด่น บ้างสูงชันอันตราย บ้างแข็งแกร่งทนทาน รูปทรงต่างกันออกไปหลากหลาย ล้วนมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกัน ยิ่งใหญ่งดงาม!

“ได้ยินข่าวหรือยัง ในแดนธรรมสถูปเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีศุภโชคพลิกฟ้าถือกำเนิด ตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายมุ่งหน้าไปแล้ว”

ระหว่างทางจู่ๆ หลินสวินก็ได้ยินเสียงพูดคุย นั่นเป็นผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่ง กำลังเร่งเดินทางเหมือนกับพวกเขา

“จริงหรือ นั่นมันเขตต้องห้ามมหัตภัยเชียวนะ หลายปีมานี้ผู้แข็งแกร่งที่เข้าไปมีไม่รู้เท่าไหร่ แต่คนที่รอดกลับมาได้มีสักกี่คนเชียว”

“ใครจะรู้เล่า เอาเป็นว่าข้าได้ยินมาว่า ตอนนี้พวกร้ายกาจที่อยู่ในสามสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าในปัจจุบันต่างแตกตื่น พากันมุ่งหน้าไปอย่างต่อเนื่อง”

“มีใครบ้าง”

“ชื่อหลิงเซียว ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย…”

“สวรรค์! นี่เป็นถึงบุคคลระดับนายเหนือหัวที่ชื่อเสียงสะเทือนดินแดนฝั่งหนึ่งเชียวนะ!”

……

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นค่อยๆ เดินไกลออกไป เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ค่อยๆ ห่างไป

หลินสวินกับนกทมิฬเดินออกจากที่มืด สบตากันแวบหนึ่ง ต่างขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในแดนธรรมสถูปดันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคาดคิด

“ไม่ต้องสนใจขนาดนั้นแล้ว พวกเราไปดูกันก่อน”

นกทมิฬพูด

ทั้งสองเดินทางต่อทันที

ระหว่างทางก็เห็นผู้ฝึกปราณมากมาย ล้วนต่างกำลังถกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแดนธรรมสถูป

เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่ล้วนชี้ไปที่ข่าวลือเดียวกัน ก็คือในแดนธรรมสถูปมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะให้กำเนิด ‘คัมภีร์ศึกมหาจักรพรรดิ’ ที่เก่าแก่เล่มหนึ่ง!

คัมภีร์ศึกมหาจักรพรรดิ คำสั้นๆ เพียงไม่กี่คำก็เพียงพอจะทำให้จินตนาการไปต่างๆ นานา

สองวันหลังจากนั้น นกทมิฬได้พาหลินสวินเข้าสู่เขตแดนที่แดนธรรมสถูปตั้งอยู่

นี่คือสถานที่ที่อันตรายยิ่งแห่งหนึ่ง กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยภูเขาหัวโล้นแห้งแล้ง ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นแม้แต่ต้นเดียว ในอากาศคละคลุ้งไปด้วยไอเข่นฆ่าน่ากลัว

เดินอยู่ในนี้ เพียงแค่ลมแรงที่พัดมาก็เพียงพอจะบดขยี้ผู้ฝึกปราณที่ต่ำกว่าระดับราชัน พลังน่ากลัวหาที่เปรียบไม่ได้

อีกทั้งยิ่งเดินลึกเข้าไป ไอเข่นฆ่ากลางฟ้าดินก็ยิ่งรุนแรง กดดันจนแทบหายใจไม่ออก

“อ๊าก…”

ห่างออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงโหยหวนดังขึ้น

หลินสวินเงยหน้าขึ้นทันที ก็เห็นราชันที่มีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่งถูกพายุมารสีดำกลุ่มหนึ่งม้วนขึ้นเก้าชั้นฟ้า

จากนั้นร่างกายของเขาถูกฉีกทึ้งในพริบตา เลือดเนื้อกลายเป็นฝุ่นผงทันที หายลับไปในพายุมารสีดำนั่น!

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+