Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1294 เหล่าผู้กล้าผนึกกำลัง ห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่ง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1294 เหล่าผู้กล้าผนึกกำลัง ห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไป๋หลงถิงลงมือแล้ว!

เหล่าผู้กล้าภายในลานจิตใจฮึกเหิม สองปีมานี้ไป๋หลงถิงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในนายเหนือหัวที่ถูกจับตามองมากที่สุดในแดนเก้าบน

ถึงขั้นว่ารุ่งเรืองคมประกาย ชื่อเสียงก้องเกียรติ เมื่อเทียบกับหลินสวินเมื่อสองปีก่อนถือว่าห่างกันไม่มากนัก

พรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อและพลังต่อสู้อันเลิศล้ำของเขา ตามคำร่ำลือมีความเป็นไปได้มากว่าเขาใช้เวลาอีกไม่นานก็จะบรรลุอมตะเคราะห์ครั้งที่เจ็ด!

การจู่โจมของนายเหนือหัวเช่นนี้ ย่อมน่าตื่นตาตื่นใจเป็นธรรมดา

“ต้องตายหรือ เจ้านับเป็นตัวอะไรถึงกล้ากล่าวคำโอหังกับข้าเช่นนี้”

หลินสวินสีหน้าเย็นชา ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปจนทำให้ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างตายทันใด ภายใต้หยาดเลือดที่สาดกระเซ็น เขาทะยานสู่ห้วงนภาพุ่งเข้าสังหารไป๋หลงถิง

“เจ้าจะระห่ำเกินไปแล้ว”

ไป๋หลงถิงสีหน้าเรียบเฉย พัดขนนกในมือโบกสะพัดเพียงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ปรากฏรุ้งเทพห้าสีแปลงเป็นจักระปัญจธาตุประวงหนึ่ง ประหนึ่งเครื่องโม่ขนาดมหึมา บดขยี้ครันครืนห้วงอากาศ

‘จักระเทพปัญจธาตุ!’

สิ่งนี้เป็นวิชามรรคอมตะที่น่าหวาดเกรงจำพวกหนึ่ง โอบล้อมด้วยพลังกฎเกณฑ์ปัญจธาตุ ห้าธาตุมารวมบรรจบ สาสามารถหลอมกลั่นจักรวาล บดขยี้ทุกสรรพสิ่ง

หนำซ้ำเมื่อจักระเทพปัญจธาตุหมุนวน พลังมหามรรคห้าชนิดโคจร ราวกับถือกำเนิดไม่มีที่สิ้นสุด นัยเร้นลับไร้จำกัด

ครืน!

เมื่อทันทีที่ไป๋หลงถิงลงมือห้วงอากาศก็พังครืนลงมา อานุภาพที่หยิ่งผยองทำให้ทั่วทั้งลานต้องสั่นสะเทือนและตื่นตระหนก

หลินสวินสีหน้าขรึมนิ่ง ไม่ถอยทั้งยังบุกเข้าไป รอบกายเขามรรคดับดารากลืนกินโคจรและปลดปล่อยออกมา เพียงชั่วพริบตาเงาร่างของเขาราวกับกลายเป็นหุบเหวลึก

มหึมาประหนึ่งห้วงอากาศ ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต!

“ถึงกับพุ่งไปเช่นนี้แล้ว”

คนไม่น้อยผงะ

“รนหาที่ตาย!”

ภายในใจของไป๋หลงถิงกลับอดยิ้มเยาะไม่ได้ พลังจักระเทพปัญจธาตุที่ถือกำเนิดไม่สิ้นสุดของเขาเป็นกระบวนสังหารชั้นยอด แม้แต้บุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเดียวกันยังต้องใช้กำลังทั้งหมดสกัดกั้น แต่หลินสวินกลับพุ่งเข้ามาเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

แต่ยามเมื่อปะทะกัน

ไป๋หลงถิงรู้สึกเพียงแค่จักระเทพปัญจธาตุคล้ายจมสู่หลุมโคลน พลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวเป็นชั้นๆ หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พาให้จักระเทพปัญจธาตุของเขาหยุดชะงักอยู่อย่างนั้นในทันที ไม่ว่าจะจู่โจมเช่นไรก็ไร้หนทางหลุดพ้นจากการกลืนกินของพลังมหามรรคอันน่าเกรงขามนี้

นี่…

ไป๋หลงถิงสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

พร้อมกันนี้เงาร่างของหลินสวินพลันแผ่ขยาย เสียงครืนดังขึ้นคราหนึ่ง เหวลึกแผ่ขยายตัวในทันที บดขยี้จักระเทพปัญจธาตุทีละชุ่นๆ ละอองแสงและพลังที่พังทลายของมันล้วนถูกดับทำลายหายไป

มองจากไกลๆ ดูเหมือนถูกกลืนกินจนหายวับในชั่วพริบตา!

ทันใดนั้นผู้คนทั้งลานล้วนตกตะลึงตาค้าง เพียงแค่พลังการโจมตีของเงาร่างก็สามารถทลายการจู่โจมน่าหวาดกลัวของไป๋หลงถิงลงได้เชียวเหรอ

ในเวลาเดียวกันนี้ไป๋หลงถิงส่งเสียงอึดอัดจากลำคอ เลือดลมพลิกตลบ กระบวนท่าสังหารเมื่อครู่ถูกทำลายลงเช่นนี้ ทำเอาเขาอดตัวสั่นไม่ได้ ถูกพลังย้อนกลับ

แต่ไม่รอให้เขามีปฏิกิริยาตอบกลับ หลินสวินก็พุ่งเข้าโจมตีแล้ว ปล่อยหมัดออกไป

ตูม!

ห้วงอากาศเสมือนน้ำที่เดือดพล่าน เจือเสียงอึกทึกครึกโครม ก็เห็นพลังหมัดที่เรียบง่ายแวววาวสายหนึ่งปรากฏขึ้นมากลางอากาศ

หมัดนี้แฝงแสงมรรค อานุภาพแผ่ฟ้าคลุมดิน กดข่มจนฟ้าดินแถบนี้พังทลายระเบิดครวญอย่างไม่อาจควบคุมได้

ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยต่างลมหายใจสะดุด ไม่กล้าจินตนาการถึงความน่ากลัวของการโจมตีนี้

ด้วยเพราะหมัดนี้ ไปถึงระดับกระจ่างจิต!

“ประทับห้าธาตุ จงทลาย!”

สีหน้าของไป๋หลงถิงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นอย่างหาได้ยากโดยพลัน ทั่วร่างราวกับกำลังลุกโชน พลังมหามรรคทองไม้น้ำไฟดินทั้งห้าชนิดรวมเป็นหนึ่ง แปลงเป็นประทับใหญ่ ประหนึ่งภูเขาเทพลอยเหนือห้วงอากาศก็ไม่ปาน!

ตูม!

ยามทั้งสองเข้าปะทะเสียงกึกก้องสะเทือนโลก แสงมรรคน่าหวาดหวั่นม้วนตลบโหมซัด เคลื่อนกวาดทั่วทั้งฟ้าดิน ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยหลบไม่ทันพลอยถูกกระแทกโซซัดโซเซ กระอักเลือดไม่หยุด

จากจุดนี้ก็เห็นแล้วว่าการปะทะกันครั้งนี้น่าประหวั่นเพียงใด

จากนั้นในเวิ้งฟ้าก็เห็นเงาร่างของไป๋หลงถิงโซเซถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ทุกย่างก้าวความห้วงอากาศทรุดตัวลงเป็นหลุม

เมื่อเขาสามารถยืนมั่นได้อีกครั้ง สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นซีดขาว อดกระอักเลือดออกมาไม่ได้

ยามมองไปยังหลินสวินอีกครั้ง เงาร่างกลับตั้งตรง ไม่แปดเปื้อนโลกีย์ อานุภาพประดุจเทพมาร

สิ่งนี้ทำให้ทั้งลานตกตะลึง!

ก่อนหน้านั้นยามไป๋หลงถิงเพิ่งออกโรง ทุกคนล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง คิดว่าเขาสามารถประลองตัดสินกับหลินสวินได้

แต่ใครเล่าจะคาดคิด ว่าแค่เพิ่งเริ่มปะทะกัน หลินสวินก็สำแดงอานุภาพราวหักทำลายได้ทุกสิ่ง ใช้ความแข็งแกร่งสยบไป๋หลงถิงในครั้งเดียว!

อีกทั้งทำให้เขากระอักเลือดออกมา!

เทียบกันเช่นนี้ พลังต่อสู้ของเทพมารหลินยามนี้จะแข็งแกร่งจนถึงเพียงใดกัน

ภายในใจของคนมากมายต่างสั่นสะท้าน

“หาว่าข้าระห่ำ แต่เป็นเจ้าเองที่ไม่รู้ชัดว่าอะไรเรียกว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริง!”

โจมตีได้โดยสะดวกในครั้งเดียว หลินสวินไม่หยุดแม้แต่น้อย ก้าวย่างบนห้วงอากาศ โจมตีใส่ไป๋หลงถิง

ตูม!

แต่ก็เป็นเวลาเดียวกันนี้ กลางห้วงอากาศทวนศึกสีครามเข้มด้ามหนึ่งโฉบพุ่งออกไปโดยพลัน ประดุจแสงทะลวงฟ้า พุ่งเข้าหาหลินสวินด้วยความเร็วที่ไม่อาจคาดคิด

เจ้าของทวนศึกครามเข้มนี้ ก็คือบุตรนรก!

ทั่วร่างของเขาห่อหุ้มด้วยเกราะศึก แผ่ไอสังหารพลิกฟ้า ไม่ออกมือยังไม่เท่าไร แต่เมื่อลงมือก็ประหนึ่งอสนีบาต

เร็ว!

เร็วเกินไปแล้ว!

ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าบุตรนรกซึ่งเลื่องชื่อลือนามผู้นี้กลับเลือกลอบโจมตี ทำเอาผู้อื่นตั้งรับไม่ทัน

เคร้ง!

เสียงกระแทกดังกังวานพร้อมประกายไฟสาดกระเซ็น เบื้องหลังของหลินสวินปรากฏโล่เก่าแก่เปื้อนเลือดชิ้นหนึ่ง สกัดกั้นการโจมตีนี้ไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

“สมควรตาย! โล่หกวัฏจักรของข้า!”

บุตรนรกมีสีหน้าไม่น่าดู โทสะพวยพุ่ง

ครั้งก่อนเขาถูกหลินสวินสังหารจนเหลือแต่เสี้ยววิญญาณหลบหนีไป ซ้ำยังเสียสมบัติไปถึงสองชิ้น หนึ่งคือ ‘กระบี่ยอดสังหาร’ อาวุธอริยะฟ้าประทานที่ถูกผนึกไว้

สองก็คือโล่เปื้อนเลือดที่เก่าแก่นี้ นามว่า ‘โล่หกวัฏจักร’ เป็นสมบัติโบราณที่ล้ำเลิศชิ้นหนึ่งเช่นกัน

เพียงแต่บุตรนรกกลับคาดไม่ถึงว่า ในเวลาที่ลอบโจมตีหลินสวิน เขากลับถูกสมบัติของตัวเองมาขวางไว้…

สิ่งนี้ทำให้เขาเดือดดาลจนแทบกระอักเลือด

ตั้งแต่ต้นจวบจนยามนี้ หลินสวินไม่เคยหันกลับมาเลยสักครั้ง และไม่เคยแยแสบุตรนรกด้วย จิตรับรู้ของเขาจับจ้องไปยังไป๋หลงถิง พุ่งสังหารออกไปนานแล้ว

ตูมโครม!

ถึงแม้ไป๋หลงถิงจะต้านไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ยังถูกโจมตีจนต้องหลบหนีอเนจอนาถ บาดเจ็บจนแทบกระอักเลือด ร่างกายล้วนสั่นสะท้าน รู้สึกประหนึ่งกำลังต้านทานภูเขาตระหง่านขนาดมหึมา พลังทั่วตัวล้วนถูกกดข่มไว้ทั้งหมด

สิ่งนี้ทำให้เขาหน้าถอดสี เป็นครั้งแรกที่ตระหนักได้ว่าเขาประเมินความน่ากลัวของคู่ต่อสู้คนนี้ต่ำเกินไป!

เหมือนดังคำร่ำลือ มีเพียงประลองกับหลินสวินด้วยตนเอง ถึงจะรู้ว่าตนนั้นเล็กจ้อยและไม่เอาไหนมากเพียงใด

เมื่อก่อนไป๋หลงถิงไม่เชื่อ

ทว่ายามนี้ เขาไม่เชื่อไม่ได้แล้ว!

ฟุ่บ!

หลังจากปล่อยไปอีกหมัด ไป๋หลงถิงถึงกับลอยกระเด็น จมูกปากกบเลือด สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนทั้งลาน

“ฆ่า!”

บุตรนรกบุกสังหารอีกครั้ง ทวนครามเข้มในมือขยับสั่น เรียกพายุนับพันหมื่นม้วนพุ่งออกไปจนเกิดเสียงโครมคราม ฉีกทึ้งห้วงอากาศ

และในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็มีพวกที่มีฝีมือร้ายกาจระดับเดียวกันจำนวนหนึ่งลงมือจากทิศทางอื่น

เพราะทุกคนล้วนมองออกว่า ลำพังแค่ไป๋หลงถิงคงไม่อาจกำราบความกร้าวแกร่งของเทพมารหลินได้ จำเป็นต้องลงมือพร้อมกัน

ฉัวะ!

เจตกระบี่สายหนึ่งพุ่งขึ้นไป บาดตาหาใดเปรียบ กู่เทียนอีในชุดเขียวลงมือแล้ว ไอสังหารทะยานฟ้า ปรากฏทิวทัศน์ภูเขาศพทะเลเลือดอยู่เบื้องหลัง

สวบ!

แส้ยาวคดโค้งราวกับมังกรชาดเส้นหนึ่งตวัดขึ้นมา พร่างพรมกลีบดอกไม้ละอองแสง งดงามบริสุทธิ์ ถูกกระชับไว้ในมือผู้หญิงร่างเพรียวบางที่ทั้งร่างส่องประกายทอง

วิ้ง!

ดาบศึกเจิดจ้าราวกับหิมะเล่มหนึ่งเคลื่อนขวางท้องฟ้า แผ่ปราณดาบสีเลือดขุ่นคลั่กเป็นระลอก ราวกับไฟสัญญาณสงคราม เผด็จการและคาวเลือด โหมสังหารทั่วฟ้าดิน

นี่เป็นชายชุดดำมีหนวดผมราวกับทวนคนหนึ่ง เจตดาบประหนึ่งบ้าคลั่ง

…ชั่วครู่เดียวสถานการณ์ในที่นั้นเกิดความโกลาหล ทั้งวิชามรรค แสงมรรค และสมบัติต่างๆ นานาตัดสลับกันไปมา โปรยแสงงามวิจิตรตระการตา เจิดจ้าทั่วทั้งฟ้าดินภูผาธารา

การโจมตีทั้งหมดนี้ล้วนแต่จู่โจมไปยังหลินสวินเพียงผู้เดียว!

ภาพเหตุการณ์ระดับนี้สะท้านโลกยิ่ง สามารถทำให้ใครๆ ต่างรู้สึกสิ้นหวังและไร้ทางช่วย

แม้แต่อานุภาพสังหารห้าวหาญแต่เดิมของหลินสวินก็พลอยถูกจำกัด โดนปิดล้อมอยู่กลางฟ้าดิน ต้องต่อกรกับศัตรูจากทั่วทิศ สถานการณ์พลิกผันเป็นผู้ถูกกระทำแล้ว

‘ไป๋หลงถิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ทว่าเมื่อเพิ่มบุคคลร้ายกาจเช่นเดียวกับไป๋หลงถิงเข้ามาและลงมือพร้อมกัน เจ้า… ยังจะต้านรับไหวหรือ’

ไกลออกไปประกายแสงในดวงตาของชื่อเหยาไหวกะพริบ มองไปยังหลินสวินที่ถูกปิดล้อม ภายในใจนางกลับรู้สึกสะท้านไหว

หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว นางมั่นใจว่าในที่นี้น่ากลัวว่าจะไม่มีสักคนที่สามารถรับมือหลินสวินได้!

ทว่าสิ่งสำคัญก็คือ ในเวลานี้ไม่มีใครขลาดเขลาพอจะต่อสู้กับหลินสวินโดยลำพัง!

‘ตัวคนเดียวคิดจะต้านกระแสคลื่นอันเชี่ยวกราก ลำบากเกินไปแล้ว!’

ก้นบึ้งจิตใจของชื่อเหยาเกิดความขัดแย้งอยู่บ้าง นางกำลังไตร่ตรองว่าควรลงมือหรือไม่

เทียบกับศุภโชคที่อยู่บนตัวอาหลู่ นางหมายตาไม้โพธิ์ที่อยู่ในมือของหลินสวินมากกว่า!

หากสามารถฉวยโอกาสครอบครองของชิ้นนั้นไว้ได้ สำหรับชื่อเหยาแล้วย่อมมีค่ายิ่งกว่าการครอบครองศุภโชคใหญ่เสียอีก

“หลินสวิน สองกำหมัดยากจะต่อกรกับสี่มือ พลังต่อสู้ของเจ้าต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้แล้วจะอย่างไร ครั้งนี้ก็ยังต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ”

ท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือด ไป๋หลงถิงกลับมาสงบดังเดิม นัยน์ตาเย็นเยียบเสียดกระดูก ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสังหารหลินสวินให้จงได้

ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้ไป๋หลงถิงสัมผัสถึงการคุกคามรุนแรงอย่างบอกไม่ถูก หากปล่อยให้หลินสวินมีชีวิตรอดไปได้ ภายหน้าย่อมไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน

“ฆ่า!”

บุตรนรกสีหน้ามืดทะมึน ไอสังหารดั่งบ้าคลั่ง ทั่วร่างแลดูฮึกเหิมไร้เทียมทาน

เห็นอยู่ว่าหลินสวินถูกปิดล้อมอย่างโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์ อย่างน้อยมีบุคคลร้ายกาจระดับนายเหนือหัวราวแปดเก้าคนลงมือพร้อมกัน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ต้องคาดเดาให้มากความอีก หลินสวินจะต้องถูกสังหารสถานเดียว!

“สหายยุทธ์หลิน หากเจ้าตายไปแล้วก็อย่าได้โทษว่าพวกข้าไร้น้ำใจ นี่ก็คือการต่อสู้แห่งมหามรรค ย่อมไร้ความเมตตาปรานี”

“เจ้าเข้ามาขวางทางช่วงชิงศุภโชคของพวกเรา มีแต่ต้องตายเท่านั้น!”

“หึๆ สามารถตายด้วยน้ำมือของพวกเราก็นับว่าเป็นการรักษาศักดิ์ศรีขณะยังมีชีวิตของเจ้าไว้ได้แล้ว”

ท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือด คนอื่นๆ ต่างทยอยกล่าวออกมา ทุกคนล้วนมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าไม่ยอมอ่อนข้อเมื่อลงมือ ไม่มีใครยอมปล่อยให้หลินสวินมีโอกาสรอดชีวิตไปได้แม้แต่นิดเดียว!

ความแข็งแกร่งของหลินสวินไม่เพียงทำให้ไป๋หลงถิงรู้สึกถึงแรงคุกคามอันกล้าแข็ง ยังทำให้พวกเขาหวาดหวั่นกลัวเกรงไปด้วย พาให้เกิดไอสังหารแรงกล้า

และตั้งแต่ต้นจนยามนี้ หลินสวินยังมีสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม นัยน์ตาดำลึกล้ำและเยียบเย็น สีหน้าท่าทางไม่ปรากฏอารมณ์ความรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อย

ถึงแม้ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม ซ้ำเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วยังด้อยกว่า ท่าทางทุกลักทุเลอยู่บ้าง บนร่างเปื้อนเลือดและมีรอยแผลจำนวนมากอย่างไม่อาจเลี่ยง แต่ก็ยังไม่ปรากฏอาการบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด!

มาบัดนี้ได้ยินคำพูดที่ไม่แยแสและเย็นชาเช่นนั้น เสมือนกับตัดสินว่าตนต้องโทษประหารอย่างไรอย่างนั้น นี่ทำให้หลินสวินอดแสยะยิ้มอยู่ในใจไม่ได้

เขาไม่กล่าวอะไรให้มากความ และไม่อยากกล่าวมากไปกว่านี้ด้วย!

เขากำลังรอ

รอคอยให้พวกเจ้าเล่ห์ที่ยังซ่อนตัวในเงามืดกระโจนออกมา

เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน ก็รอดูกันว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่!

…………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1294 เหล่าผู้กล้าผนึกกำลัง ห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่ง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1294 เหล่าผู้กล้าผนึกกำลัง ห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไป๋หลงถิงลงมือแล้ว!

เหล่าผู้กล้าภายในลานจิตใจฮึกเหิม สองปีมานี้ไป๋หลงถิงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในนายเหนือหัวที่ถูกจับตามองมากที่สุดในแดนเก้าบน

ถึงขั้นว่ารุ่งเรืองคมประกาย ชื่อเสียงก้องเกียรติ เมื่อเทียบกับหลินสวินเมื่อสองปีก่อนถือว่าห่างกันไม่มากนัก

พรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อและพลังต่อสู้อันเลิศล้ำของเขา ตามคำร่ำลือมีความเป็นไปได้มากว่าเขาใช้เวลาอีกไม่นานก็จะบรรลุอมตะเคราะห์ครั้งที่เจ็ด!

การจู่โจมของนายเหนือหัวเช่นนี้ ย่อมน่าตื่นตาตื่นใจเป็นธรรมดา

“ต้องตายหรือ เจ้านับเป็นตัวอะไรถึงกล้ากล่าวคำโอหังกับข้าเช่นนี้”

หลินสวินสีหน้าเย็นชา ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปจนทำให้ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างตายทันใด ภายใต้หยาดเลือดที่สาดกระเซ็น เขาทะยานสู่ห้วงนภาพุ่งเข้าสังหารไป๋หลงถิง

“เจ้าจะระห่ำเกินไปแล้ว”

ไป๋หลงถิงสีหน้าเรียบเฉย พัดขนนกในมือโบกสะพัดเพียงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ปรากฏรุ้งเทพห้าสีแปลงเป็นจักระปัญจธาตุประวงหนึ่ง ประหนึ่งเครื่องโม่ขนาดมหึมา บดขยี้ครันครืนห้วงอากาศ

‘จักระเทพปัญจธาตุ!’

สิ่งนี้เป็นวิชามรรคอมตะที่น่าหวาดเกรงจำพวกหนึ่ง โอบล้อมด้วยพลังกฎเกณฑ์ปัญจธาตุ ห้าธาตุมารวมบรรจบ สาสามารถหลอมกลั่นจักรวาล บดขยี้ทุกสรรพสิ่ง

หนำซ้ำเมื่อจักระเทพปัญจธาตุหมุนวน พลังมหามรรคห้าชนิดโคจร ราวกับถือกำเนิดไม่มีที่สิ้นสุด นัยเร้นลับไร้จำกัด

ครืน!

เมื่อทันทีที่ไป๋หลงถิงลงมือห้วงอากาศก็พังครืนลงมา อานุภาพที่หยิ่งผยองทำให้ทั่วทั้งลานต้องสั่นสะเทือนและตื่นตระหนก

หลินสวินสีหน้าขรึมนิ่ง ไม่ถอยทั้งยังบุกเข้าไป รอบกายเขามรรคดับดารากลืนกินโคจรและปลดปล่อยออกมา เพียงชั่วพริบตาเงาร่างของเขาราวกับกลายเป็นหุบเหวลึก

มหึมาประหนึ่งห้วงอากาศ ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต!

“ถึงกับพุ่งไปเช่นนี้แล้ว”

คนไม่น้อยผงะ

“รนหาที่ตาย!”

ภายในใจของไป๋หลงถิงกลับอดยิ้มเยาะไม่ได้ พลังจักระเทพปัญจธาตุที่ถือกำเนิดไม่สิ้นสุดของเขาเป็นกระบวนสังหารชั้นยอด แม้แต้บุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเดียวกันยังต้องใช้กำลังทั้งหมดสกัดกั้น แต่หลินสวินกลับพุ่งเข้ามาเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

แต่ยามเมื่อปะทะกัน

ไป๋หลงถิงรู้สึกเพียงแค่จักระเทพปัญจธาตุคล้ายจมสู่หลุมโคลน พลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวเป็นชั้นๆ หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พาให้จักระเทพปัญจธาตุของเขาหยุดชะงักอยู่อย่างนั้นในทันที ไม่ว่าจะจู่โจมเช่นไรก็ไร้หนทางหลุดพ้นจากการกลืนกินของพลังมหามรรคอันน่าเกรงขามนี้

นี่…

ไป๋หลงถิงสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

พร้อมกันนี้เงาร่างของหลินสวินพลันแผ่ขยาย เสียงครืนดังขึ้นคราหนึ่ง เหวลึกแผ่ขยายตัวในทันที บดขยี้จักระเทพปัญจธาตุทีละชุ่นๆ ละอองแสงและพลังที่พังทลายของมันล้วนถูกดับทำลายหายไป

มองจากไกลๆ ดูเหมือนถูกกลืนกินจนหายวับในชั่วพริบตา!

ทันใดนั้นผู้คนทั้งลานล้วนตกตะลึงตาค้าง เพียงแค่พลังการโจมตีของเงาร่างก็สามารถทลายการจู่โจมน่าหวาดกลัวของไป๋หลงถิงลงได้เชียวเหรอ

ในเวลาเดียวกันนี้ไป๋หลงถิงส่งเสียงอึดอัดจากลำคอ เลือดลมพลิกตลบ กระบวนท่าสังหารเมื่อครู่ถูกทำลายลงเช่นนี้ ทำเอาเขาอดตัวสั่นไม่ได้ ถูกพลังย้อนกลับ

แต่ไม่รอให้เขามีปฏิกิริยาตอบกลับ หลินสวินก็พุ่งเข้าโจมตีแล้ว ปล่อยหมัดออกไป

ตูม!

ห้วงอากาศเสมือนน้ำที่เดือดพล่าน เจือเสียงอึกทึกครึกโครม ก็เห็นพลังหมัดที่เรียบง่ายแวววาวสายหนึ่งปรากฏขึ้นมากลางอากาศ

หมัดนี้แฝงแสงมรรค อานุภาพแผ่ฟ้าคลุมดิน กดข่มจนฟ้าดินแถบนี้พังทลายระเบิดครวญอย่างไม่อาจควบคุมได้

ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยต่างลมหายใจสะดุด ไม่กล้าจินตนาการถึงความน่ากลัวของการโจมตีนี้

ด้วยเพราะหมัดนี้ ไปถึงระดับกระจ่างจิต!

“ประทับห้าธาตุ จงทลาย!”

สีหน้าของไป๋หลงถิงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นอย่างหาได้ยากโดยพลัน ทั่วร่างราวกับกำลังลุกโชน พลังมหามรรคทองไม้น้ำไฟดินทั้งห้าชนิดรวมเป็นหนึ่ง แปลงเป็นประทับใหญ่ ประหนึ่งภูเขาเทพลอยเหนือห้วงอากาศก็ไม่ปาน!

ตูม!

ยามทั้งสองเข้าปะทะเสียงกึกก้องสะเทือนโลก แสงมรรคน่าหวาดหวั่นม้วนตลบโหมซัด เคลื่อนกวาดทั่วทั้งฟ้าดิน ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยหลบไม่ทันพลอยถูกกระแทกโซซัดโซเซ กระอักเลือดไม่หยุด

จากจุดนี้ก็เห็นแล้วว่าการปะทะกันครั้งนี้น่าประหวั่นเพียงใด

จากนั้นในเวิ้งฟ้าก็เห็นเงาร่างของไป๋หลงถิงโซเซถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ทุกย่างก้าวความห้วงอากาศทรุดตัวลงเป็นหลุม

เมื่อเขาสามารถยืนมั่นได้อีกครั้ง สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นซีดขาว อดกระอักเลือดออกมาไม่ได้

ยามมองไปยังหลินสวินอีกครั้ง เงาร่างกลับตั้งตรง ไม่แปดเปื้อนโลกีย์ อานุภาพประดุจเทพมาร

สิ่งนี้ทำให้ทั้งลานตกตะลึง!

ก่อนหน้านั้นยามไป๋หลงถิงเพิ่งออกโรง ทุกคนล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง คิดว่าเขาสามารถประลองตัดสินกับหลินสวินได้

แต่ใครเล่าจะคาดคิด ว่าแค่เพิ่งเริ่มปะทะกัน หลินสวินก็สำแดงอานุภาพราวหักทำลายได้ทุกสิ่ง ใช้ความแข็งแกร่งสยบไป๋หลงถิงในครั้งเดียว!

อีกทั้งทำให้เขากระอักเลือดออกมา!

เทียบกันเช่นนี้ พลังต่อสู้ของเทพมารหลินยามนี้จะแข็งแกร่งจนถึงเพียงใดกัน

ภายในใจของคนมากมายต่างสั่นสะท้าน

“หาว่าข้าระห่ำ แต่เป็นเจ้าเองที่ไม่รู้ชัดว่าอะไรเรียกว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริง!”

โจมตีได้โดยสะดวกในครั้งเดียว หลินสวินไม่หยุดแม้แต่น้อย ก้าวย่างบนห้วงอากาศ โจมตีใส่ไป๋หลงถิง

ตูม!

แต่ก็เป็นเวลาเดียวกันนี้ กลางห้วงอากาศทวนศึกสีครามเข้มด้ามหนึ่งโฉบพุ่งออกไปโดยพลัน ประดุจแสงทะลวงฟ้า พุ่งเข้าหาหลินสวินด้วยความเร็วที่ไม่อาจคาดคิด

เจ้าของทวนศึกครามเข้มนี้ ก็คือบุตรนรก!

ทั่วร่างของเขาห่อหุ้มด้วยเกราะศึก แผ่ไอสังหารพลิกฟ้า ไม่ออกมือยังไม่เท่าไร แต่เมื่อลงมือก็ประหนึ่งอสนีบาต

เร็ว!

เร็วเกินไปแล้ว!

ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าบุตรนรกซึ่งเลื่องชื่อลือนามผู้นี้กลับเลือกลอบโจมตี ทำเอาผู้อื่นตั้งรับไม่ทัน

เคร้ง!

เสียงกระแทกดังกังวานพร้อมประกายไฟสาดกระเซ็น เบื้องหลังของหลินสวินปรากฏโล่เก่าแก่เปื้อนเลือดชิ้นหนึ่ง สกัดกั้นการโจมตีนี้ไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

“สมควรตาย! โล่หกวัฏจักรของข้า!”

บุตรนรกมีสีหน้าไม่น่าดู โทสะพวยพุ่ง

ครั้งก่อนเขาถูกหลินสวินสังหารจนเหลือแต่เสี้ยววิญญาณหลบหนีไป ซ้ำยังเสียสมบัติไปถึงสองชิ้น หนึ่งคือ ‘กระบี่ยอดสังหาร’ อาวุธอริยะฟ้าประทานที่ถูกผนึกไว้

สองก็คือโล่เปื้อนเลือดที่เก่าแก่นี้ นามว่า ‘โล่หกวัฏจักร’ เป็นสมบัติโบราณที่ล้ำเลิศชิ้นหนึ่งเช่นกัน

เพียงแต่บุตรนรกกลับคาดไม่ถึงว่า ในเวลาที่ลอบโจมตีหลินสวิน เขากลับถูกสมบัติของตัวเองมาขวางไว้…

สิ่งนี้ทำให้เขาเดือดดาลจนแทบกระอักเลือด

ตั้งแต่ต้นจวบจนยามนี้ หลินสวินไม่เคยหันกลับมาเลยสักครั้ง และไม่เคยแยแสบุตรนรกด้วย จิตรับรู้ของเขาจับจ้องไปยังไป๋หลงถิง พุ่งสังหารออกไปนานแล้ว

ตูมโครม!

ถึงแม้ไป๋หลงถิงจะต้านไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ยังถูกโจมตีจนต้องหลบหนีอเนจอนาถ บาดเจ็บจนแทบกระอักเลือด ร่างกายล้วนสั่นสะท้าน รู้สึกประหนึ่งกำลังต้านทานภูเขาตระหง่านขนาดมหึมา พลังทั่วตัวล้วนถูกกดข่มไว้ทั้งหมด

สิ่งนี้ทำให้เขาหน้าถอดสี เป็นครั้งแรกที่ตระหนักได้ว่าเขาประเมินความน่ากลัวของคู่ต่อสู้คนนี้ต่ำเกินไป!

เหมือนดังคำร่ำลือ มีเพียงประลองกับหลินสวินด้วยตนเอง ถึงจะรู้ว่าตนนั้นเล็กจ้อยและไม่เอาไหนมากเพียงใด

เมื่อก่อนไป๋หลงถิงไม่เชื่อ

ทว่ายามนี้ เขาไม่เชื่อไม่ได้แล้ว!

ฟุ่บ!

หลังจากปล่อยไปอีกหมัด ไป๋หลงถิงถึงกับลอยกระเด็น จมูกปากกบเลือด สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนทั้งลาน

“ฆ่า!”

บุตรนรกบุกสังหารอีกครั้ง ทวนครามเข้มในมือขยับสั่น เรียกพายุนับพันหมื่นม้วนพุ่งออกไปจนเกิดเสียงโครมคราม ฉีกทึ้งห้วงอากาศ

และในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็มีพวกที่มีฝีมือร้ายกาจระดับเดียวกันจำนวนหนึ่งลงมือจากทิศทางอื่น

เพราะทุกคนล้วนมองออกว่า ลำพังแค่ไป๋หลงถิงคงไม่อาจกำราบความกร้าวแกร่งของเทพมารหลินได้ จำเป็นต้องลงมือพร้อมกัน

ฉัวะ!

เจตกระบี่สายหนึ่งพุ่งขึ้นไป บาดตาหาใดเปรียบ กู่เทียนอีในชุดเขียวลงมือแล้ว ไอสังหารทะยานฟ้า ปรากฏทิวทัศน์ภูเขาศพทะเลเลือดอยู่เบื้องหลัง

สวบ!

แส้ยาวคดโค้งราวกับมังกรชาดเส้นหนึ่งตวัดขึ้นมา พร่างพรมกลีบดอกไม้ละอองแสง งดงามบริสุทธิ์ ถูกกระชับไว้ในมือผู้หญิงร่างเพรียวบางที่ทั้งร่างส่องประกายทอง

วิ้ง!

ดาบศึกเจิดจ้าราวกับหิมะเล่มหนึ่งเคลื่อนขวางท้องฟ้า แผ่ปราณดาบสีเลือดขุ่นคลั่กเป็นระลอก ราวกับไฟสัญญาณสงคราม เผด็จการและคาวเลือด โหมสังหารทั่วฟ้าดิน

นี่เป็นชายชุดดำมีหนวดผมราวกับทวนคนหนึ่ง เจตดาบประหนึ่งบ้าคลั่ง

…ชั่วครู่เดียวสถานการณ์ในที่นั้นเกิดความโกลาหล ทั้งวิชามรรค แสงมรรค และสมบัติต่างๆ นานาตัดสลับกันไปมา โปรยแสงงามวิจิตรตระการตา เจิดจ้าทั่วทั้งฟ้าดินภูผาธารา

การโจมตีทั้งหมดนี้ล้วนแต่จู่โจมไปยังหลินสวินเพียงผู้เดียว!

ภาพเหตุการณ์ระดับนี้สะท้านโลกยิ่ง สามารถทำให้ใครๆ ต่างรู้สึกสิ้นหวังและไร้ทางช่วย

แม้แต่อานุภาพสังหารห้าวหาญแต่เดิมของหลินสวินก็พลอยถูกจำกัด โดนปิดล้อมอยู่กลางฟ้าดิน ต้องต่อกรกับศัตรูจากทั่วทิศ สถานการณ์พลิกผันเป็นผู้ถูกกระทำแล้ว

‘ไป๋หลงถิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ทว่าเมื่อเพิ่มบุคคลร้ายกาจเช่นเดียวกับไป๋หลงถิงเข้ามาและลงมือพร้อมกัน เจ้า… ยังจะต้านรับไหวหรือ’

ไกลออกไปประกายแสงในดวงตาของชื่อเหยาไหวกะพริบ มองไปยังหลินสวินที่ถูกปิดล้อม ภายในใจนางกลับรู้สึกสะท้านไหว

หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว นางมั่นใจว่าในที่นี้น่ากลัวว่าจะไม่มีสักคนที่สามารถรับมือหลินสวินได้!

ทว่าสิ่งสำคัญก็คือ ในเวลานี้ไม่มีใครขลาดเขลาพอจะต่อสู้กับหลินสวินโดยลำพัง!

‘ตัวคนเดียวคิดจะต้านกระแสคลื่นอันเชี่ยวกราก ลำบากเกินไปแล้ว!’

ก้นบึ้งจิตใจของชื่อเหยาเกิดความขัดแย้งอยู่บ้าง นางกำลังไตร่ตรองว่าควรลงมือหรือไม่

เทียบกับศุภโชคที่อยู่บนตัวอาหลู่ นางหมายตาไม้โพธิ์ที่อยู่ในมือของหลินสวินมากกว่า!

หากสามารถฉวยโอกาสครอบครองของชิ้นนั้นไว้ได้ สำหรับชื่อเหยาแล้วย่อมมีค่ายิ่งกว่าการครอบครองศุภโชคใหญ่เสียอีก

“หลินสวิน สองกำหมัดยากจะต่อกรกับสี่มือ พลังต่อสู้ของเจ้าต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้แล้วจะอย่างไร ครั้งนี้ก็ยังต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ”

ท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือด ไป๋หลงถิงกลับมาสงบดังเดิม นัยน์ตาเย็นเยียบเสียดกระดูก ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสังหารหลินสวินให้จงได้

ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้ไป๋หลงถิงสัมผัสถึงการคุกคามรุนแรงอย่างบอกไม่ถูก หากปล่อยให้หลินสวินมีชีวิตรอดไปได้ ภายหน้าย่อมไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน

“ฆ่า!”

บุตรนรกสีหน้ามืดทะมึน ไอสังหารดั่งบ้าคลั่ง ทั่วร่างแลดูฮึกเหิมไร้เทียมทาน

เห็นอยู่ว่าหลินสวินถูกปิดล้อมอย่างโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์ อย่างน้อยมีบุคคลร้ายกาจระดับนายเหนือหัวราวแปดเก้าคนลงมือพร้อมกัน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ต้องคาดเดาให้มากความอีก หลินสวินจะต้องถูกสังหารสถานเดียว!

“สหายยุทธ์หลิน หากเจ้าตายไปแล้วก็อย่าได้โทษว่าพวกข้าไร้น้ำใจ นี่ก็คือการต่อสู้แห่งมหามรรค ย่อมไร้ความเมตตาปรานี”

“เจ้าเข้ามาขวางทางช่วงชิงศุภโชคของพวกเรา มีแต่ต้องตายเท่านั้น!”

“หึๆ สามารถตายด้วยน้ำมือของพวกเราก็นับว่าเป็นการรักษาศักดิ์ศรีขณะยังมีชีวิตของเจ้าไว้ได้แล้ว”

ท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือด คนอื่นๆ ต่างทยอยกล่าวออกมา ทุกคนล้วนมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าไม่ยอมอ่อนข้อเมื่อลงมือ ไม่มีใครยอมปล่อยให้หลินสวินมีโอกาสรอดชีวิตไปได้แม้แต่นิดเดียว!

ความแข็งแกร่งของหลินสวินไม่เพียงทำให้ไป๋หลงถิงรู้สึกถึงแรงคุกคามอันกล้าแข็ง ยังทำให้พวกเขาหวาดหวั่นกลัวเกรงไปด้วย พาให้เกิดไอสังหารแรงกล้า

และตั้งแต่ต้นจนยามนี้ หลินสวินยังมีสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม นัยน์ตาดำลึกล้ำและเยียบเย็น สีหน้าท่าทางไม่ปรากฏอารมณ์ความรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อย

ถึงแม้ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม ซ้ำเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วยังด้อยกว่า ท่าทางทุกลักทุเลอยู่บ้าง บนร่างเปื้อนเลือดและมีรอยแผลจำนวนมากอย่างไม่อาจเลี่ยง แต่ก็ยังไม่ปรากฏอาการบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด!

มาบัดนี้ได้ยินคำพูดที่ไม่แยแสและเย็นชาเช่นนั้น เสมือนกับตัดสินว่าตนต้องโทษประหารอย่างไรอย่างนั้น นี่ทำให้หลินสวินอดแสยะยิ้มอยู่ในใจไม่ได้

เขาไม่กล่าวอะไรให้มากความ และไม่อยากกล่าวมากไปกว่านี้ด้วย!

เขากำลังรอ

รอคอยให้พวกเจ้าเล่ห์ที่ยังซ่อนตัวในเงามืดกระโจนออกมา

เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน ก็รอดูกันว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่!

…………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+