Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1306 เทพมาร เป็นเช่นนี้

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1306 เทพมาร เป็นเช่นนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตูม!

เหนือเวิ้งนภาฟ้าแลบฟ้าร้อง แสงมรรคสะเทือนเลื่อนลั่น

เหล่าผู้กล้าที่อยู่ไกลออกไปใจสั่นระรัว ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังติดตามการต่อสู้ของพวกเจ้าคางคกกับอาหลู่ แต่ตอนนี้กลับถูกการประลองหายากตรงหน้านี้ดึงดูดใจไปแล้ว

ไป๋เฉียนถือทวนวงเดือนทองคำขาว ประหนึ่งเทพสังหารมาเยือนโลกา

อวี๋ซีควบคุมประทับมรรคสีเขียว กดข่มสิบทิศ

เงาร่างเหยาหลีไหววูบลอยท่องหนี ผลุบโผล่เหมือนผีสาง

นี่ยังมีเพียงสามคนลงมือเท่านั้น หวั่นอินกับสองพี่น้องเหยียนซาน เหยียนไห่ยังคงสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ!

“ทำลาย!”

พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างสงบนิ่งเสียงหนึ่ง ก็เห็นว่าดาบหักส่งเสียงใสกังวาน ดังไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ส่วนสามคนที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวินต่างถูกซัดจนถอยหลังซวนเซ

แต่ละคนสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

เทพมารหลินคนนี้ เมื่อเทียบกับตอนพบกันที่สุสานจักรพรรดิคราวก่อน ไม่เพียงแค่พลังปราณบรรลุไปหนึ่งระดับ แม้แต่พลังต่อสู้ยังเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“เหยียนซาน เหยียนไห่ พวกเจ้าก็ไปด้วย”

เสียงเลื่อนลอยยากจับต้องราวเสียงสวรรค์นั้นของหวั่นอินดังขึ้น

เปรี้ยง!

ก็เห็นเหยียนซานชิงเคลื่อนตัวออกไปก่อน ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งกดลงไป

ฝ่ามือนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแสงมรรคหลั่งไหลขนาดเท่าหินโม่ ดั่งหล่อขึ้นจากทองเทพ ประหนึ่งมือของทวยเทพกำราบโลกา

เปรี๊ยะๆ!

พลังฝ่ามือยังไม่ทันร่วงลงมา ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงต่างส่งเสียงระเบิดเพราะไม่อาจแบกรับได้ ต่อให้เป็นบริเวณใกล้กับหลินสวิน ห้วงอากาศก็ยังบิดเบี้ยวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงคล้ายจะรับไม่ไหว

นี่ก็คือผู้หลอมกาย!

กายเนื้อดุจที่เก็บวิญญาณ พลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เหยียนซานผู้นี้บรรลุอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดแล้ว มรรควิถีหลอมกายในตัวอัดแน่นหาใดเทียบ เดิมตัวเขาก็เป็นลูกหลานเผ่ามารพิฆาต กายเนื้อเปรียบได้กับโลหะพิสุทธิ์หยกเทพแต่กำเนิด ที่สืบทอดยังเป็นวิชาลับมรรคมารฟ้าประทานบรรพกาล ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของเขาจึงไม่อาจเทียบกับทั่วไปได้

“ไสหัวไป!”

ในที่นั้นดวงตาหลินสวินปะทุสายฟ้าเย็นเยียบ ปล่อยหมัดออกมาเช่นกัน

พลังหมัดดิบหยาบธรรมดาสายหนึ่งปรากฏขึ้นรางเลือนกลางอากาศ สำแดงแสงสีเขียวอ่อนๆ ห้วงอากาศใกล้กันนั้นพลันยุบตัวลงทันใด

หมัดนี้รวมพลังของมรรคดับดารากลืนกินไว้ โคจรพลังมหามรรคนานาชนิดในตัวหลินสวินรวมกัน ประหนึ่งเทพไท้แล้ว ยามยกมือวาดเท้าก็สามารถปลดปล่อยพลานุภาพที่สามารถทลายฟ้าดิน

ดูเหมือนธรรมดาสามัญ แต่ความจริงแล้วหมื่นลักษณ์ไร้รูป!

ปึง!

มือใหญ่เท่าหินโม่นั้นมาถึงครึ่งทางก็ระเบิดสะเทือน

ส่วนไกลออกไปเหยียนซานที่เพิ่งกระโจนเข้ามาในสนามรบสั่นโคลงไปทั้งร่างทันใด เพียงเห็นว่าหมัดเทียมเทพของหลินสวินนั้นได้กดทับลงมาบนร่างของเขาแล้ว

เปรี๊ยะๆ!

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงที่จับจ้อง เสื้อผ้าทั้งตัวของเหยียนซานระเบิดปลิวว่อนเหมือนประทัด ส่วนตัวเขาก็ถูกซัดให้กระเด็นถอยหลังไป

มาอย่างว่องไว แต่ถอยไวยิ่งกว่า!

หากไม่ใช่เหยียนไห่รีบเข้ามาทำให้เงาร่างของเขามั่นคงได้ทันเวลา เพียงแค่หมัดนี้คงทำให้เขากระเด็นออกไปอย่างรุนแรง

“แข็งแกร่งจริง!”

นัยน์ตาของเหยียนซานกับเหยียนไห่ล้วนหดเกร็ง ในใจสั่นสะท้าน

ควรรู้ว่าผู้หลอมกายอย่างพวกเขามีพลังแกร่งกล้าหาใดเทียบ ดุจดั่งคชสารมังกรดึกดำบรรพ์ ที่ไม่กลัวที่สุดก็คือการประมือซึ่งหน้า ในรุ่นเดียวกันสามารถกำราบผู้หลอมปราณอย่างสบายโดยสิ้นเชิง

แต่พลังของหลินสวินกลับแข็งแกร่งกว่าเหยียนซานมากเกินไป น่ากลัวจนเหนือความคาดหมาย

“เทพมารหลินกำลังประลองกับสามคนนั้นอยู่ แต่กลับซัดเหยียนซานผู้นั้นให้ถอยไปด้วยหมัดเดียว นี่… จะร้ายกาจไปแล้วกระมัง”

ไกลออกไปมีคนร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก

“ฆ่า!”

เหยียนซานกับเหยียนไห่สีหน้าถมึงทึง เข้าร่วมต่อสู้ด้วย

การจู่โจมของพวกเขาดุดันบ้าระห่ำ หนักแน่นมั่นคงและอหังการ ประหนึ่งมหาคีรีสองลูกกำลังเคลื่อนทับห้วงอากาศ หมายจะบดขยี้ศัตรูทั้งมวล

พลังเลือดลมไพศาลคับฟ้านั่น ทำให้ทั้งที่นั้นต่างประหวั่นพรั่นพรึง

หลินสวินประสบกับการล้อมโจมตีของคนร้ายการชั้นยอดห้าคนในคราวเดียว!

แต่ที่เหนือความคาดหมายของทุกคน ในเวลาเช่นนี้หลินสวินพลันหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “พวกเจ้า ก็ได้เท่านี้ล่ะ!”

โครม!

เสียงเพิ่งเงียบลงกลิ่นอายของหลินสวินยิ่งน่ากลัวขึ้น ตัวเขาดุจดั่งหุบเหวลึกที่ปรากฏขึ้นกลางฟ้าดินหลุมหนึ่ง ห้วงอากาศรอบกายมีภาพดาราดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายอุบัติขึ้น

ทั่วสิบทิศทุกสิ่งล้วนถูกกลืนกินไปสิ้น กำลังทรุดตัวครวญคราง!

อย่างไรเรียกว่าความสง่างามของเทพมาร

หลินสวินก่อนหน้านี้เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ทำให้คนไม่อาจรู้สึกได้ แต่ตอนนี้ยามเขาเผยคมประกายของตัวเองออกมา ทุกคนต่างมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง

เทพมาร ก็เป็นเช่นนี้!

“เฉือน!”

ดาบหักดุจรุ้งพาดผ่าน พุ่งโจมตีดุจวัวกระทิง พอเสียงปึงดังขึ้นก็เฉือนประทับมรรคสีเขียวนั่นให้สั่นระรัวปั่นป่วน รอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้นผิว

ตูม!

ในขณะเดียวกันพลังหมัดของหลินสวินไร้ที่สิ้นสุด แปรเปลี่ยนเป็นมัจฉายอดเอกอุหยินหยาง ทำลายการโจมตีของทั้งเหยียนซานเหยียนไห่ไปสิ้น

ส่วนร่างของหลินสวินกลับกระโจนไปข้างหลังในชั่วพริบตา แผ่นหลังเหมือนมีมังกรใหญ่ออกมาจากหุบเหว กระแทกใส่ทันที

เหยาหลีที่ผลุบโผล่เหมือนผีสางมาถึงเบื้องหลังหลินสวินได้อย่างกะทันหัน แต่ยังไม่ทันได้ลงมือตัวเขาก็ถูกกระแทกกระเด็นออกไป

“อ๊าก!”

เขาร้องโหยหวน ชั่วพริบตานี้เขาถึงขั้นสงสัยว่าถูกคชสารมังกรดึกดำบรรพ์กระแทกเข้าให้ ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงแทบจะระเบิดออก

สวบ!

ทว่าในขณะเดียวกันกลับมีทวนวงเดือนของไป๋เฉียนฝ่ามา มองเห็นว่ากำลังจะฟันโดนหลินสวิน แต่ก็ถูกโล่เก่าแก่เปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งรับเอาไว้กลางทาง

กึง!

เสียงดังกึกก้องสั่นสะเทือนจนหูแทบดับปะทุขึ้น โล่มีประกายไฟกระเซ็นกระสาย ถูกกระแทกกระเด็นออกไป

แต่อาศัยจังหวะนี้หลินสวินถลาตัวออกไป ปล่อยหมัดราวสายฟ้า ชั่วพริบตาก็ซัดพลังหมัดออกมานับร้อย ปกคลุมตัวไป๋เฉียนไว้

ปึงๆๆ!

ไป๋เฉียนรู้สึกเพียงสี่ด้านแปดทิศล้วนมีแต่พลังหมัดน่าหวาดหวั่นราวภูเขาถล่มทะเลหวีดร้อง เล่นงานเขาจนแขนชา ร่างกายสั่นไหว เลือดลมปั่นป่วน

ต่อให้ใช้พลังทั้งหมดต้านทานก็ถูกซัดจนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลออกปากจมูก

และตอนที่พวกอวี๋ซี เหยียนซาน เหยียนไห่เข้ามาช่วยนี้เอง ถึงทำให้เขาหลุดออกจากการโจมตีเช่นนี้

ทว่าเขาเลือดไหลไปทั้งตัวแล้ว ผิวหนังก็เกิดรอยแผลแตกระแหงเป็นริ้วๆ ดูยับเยินหาใดเทียบ

ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจสั้นๆ อานุภาพของการล้อมโจมตีก็แทบถูกหลินสวินทำลายสิ้น คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย ส่วนเขากลับเหี้ยมหาญไม่อาจสู้ได้!

ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปเหม่อลอยโดยสิ้นเชิงอยู่เช่นนั้น พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งนัก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ไปแล้ว!

“เจ้า… ระยำ!”

ไป๋เฉียนดวงตาเต็มไปด้วยเลือด ส่งเสียงคำราม เบื้องหลังเงาร่างของเขาดุจมีเสือขาวผุดขึ้นมา เท้าเหยียบลงบนฟ้าดารา ปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนโลก

ไอสังหารไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกจากร่างของเขาราวกระแสธาร ม้วนตลบมืดฟ้ามัวดิน

พวกอวี๋ซี เหยาหลี เหยียนซานและเหยียนไห่ก็ต่างหน้าคล้ำเขียว ขุ่นเคืองโดยสมบูรณ์

พวกเขาแต่ละคนต่างมีรากฐานพลังและพลังต่อสู้ที่หาไม่ได้ในหมื่นคน แม้ในอดีตไร้ชื่อเสียง แต่ไม่เคยเห็นคนธรรมดาในกระดานทองคำผู้กล้าอยู่ในสายตา

ทว่าตอนนี้พวกเขาร่วมมือกัน กลับกำราบแม้แต่เทพมารหลินคนเดียวไม่ได้ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกใบหน้าหมองสี อัปยศหาใดเทียบ

“ฆ่า!”

พวกเขาไม่ลังเลแต่อย่างใด สำแดงอานุภาพทั้งหมดของตัวเอง

อวี๋ซีเรียกวงแหวนหนามนองเลือดวงหนึ่งออกมา

เหยาหลีมีนัยน์ตาซึ่งมีรูม่านตาซ้อนกันอันแปลกประหลาดดวงหนึ่งปริแยกออกมากลางหว่างคิ้ว ฉายแสงสีมรกตอันพิสดาร

ส่วนเหยียนซานกับเหยียนไห่ขยับตัวครั้งหนึ่งก็แปลงร่างให้สูงร้อยจั้ง ดุจดั่งเทพมารบรรพกาล เลือดลมทั้งกายถาโถมไพศาล

ในชั่วพริบตานั้น ผู้แข็งแกร่งที่สามารถใช้อานุภาพกำราบแดนดินแถบหนึ่งห้าคนก็ออกโจมตีอย่างไม่ออมมือแล้ว พลานุภาพอันรุ่งโรจน์ที่ปลดปล่อยออกมาเหมือนดั่งเมฆทมิฬมืดฟ้ามัวดินกำลังปลุกปั่น

ทั้งคล้ายจักรวาลธารดาราถูกทำลาย หลักการฟ้าดินปั่นป่วนยุ่งเหยิง สุริยันจันทราอับแสง ภายในบริเวณนั้นมีแต่ทิวทัศน์ภัยพิบัติโลกาวินาศทั้งสิ้น

ทวนวงเดือน วงแหวนหนามสีเลือด ดวงตาม่านตาซ้อน สายอสนี เลือดลม…

พลังทั้งห้าชนิดราวกับเคราะห์สังหารไร้เทียมทานห้าสาย เจืออานุภาพไม่อาจเทียบเทียมได้ และทั้งหมดเข้าปกคลุมหลินสวินเพียงผู้เดียว

ขณะนี้หลายคนที่อยู่ไกลออกไปต่างจิตใจหวั่นไหว หลับตาลงอย่างอดไม่ได้

ระดับห่างกันมากนัก ฝืนดูการต่อสู้ก็รู้สึกหวาดผวา

ส่วนหลินสวินที่อยู่ภายในนั้นเวลานี้ดวงตาดำเหมือนคบเพลิงคู่หนึ่งกำลังลุกโชน นั่นคือจิตต่อสู้ที่เดือดพล่านกำลังฉายแสงกล้า

ต่อสู้มาถึงตอนนี้ถึงทำให้เขาถูกกระตุ้นจิตต่อสู้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่ได้น่าสนใจเลย!

ครืน!

พลังราวภูเขาถล่มทะเลหวีดร้องโลดแล่นในร่างของเขา อวัยวะตันห้ากลวงหกส่งเสียงโครมครามเหมือนฟ้าร้อง ชั่วพริบตานั้นตัวเขาปลดปล่อยอานุภาพดั่งเทพเผาสวรรค์ ราวกับเตาทองแดงกลียุคเตาหนึ่ง

“เปิด!”

ประกายเย็นเยียบเพิ่มขึ้นฉับพลันในตาหลินสวิน ดาบหักส่งเสียงดังชิ้งทะยานตัดห้วงอากาศ

กระบวนเฉือนนี้มีนามว่าเกิดดับ

เปิดเส้นทางแห่งการเกิดตายท่ามกลางการถือกำเนิดและดับสูญ เป็นครั้งแรกที่สำแดงขึ้นโดยใช้พลังมหามรรคทั้งมวล หลังจากหลินสวินหลอมมรรค

ฟ้าดินเหมือนรับไม่ไหว ห้วงอากาศฉีกขาดพันลี้เหมือนผืนแพร มีเพียงดาบหักเปล่งประกายบดบังแสงเงาทั้งหมด กลายเป็นประกายคมเพียงหนึ่งเดียว

ตูมโครม!

ชั่วพริบตานี้ทุกคนในที่นั้นเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าเป็นสีขาวโพลนไปหมด การรับรู้ภาพและเสียงมลายไปสิ้น จิตวิญญาณตกอยู่ในความหวาดผวา

ทำได้เพียงอาศัยสัญชาตญาณรับรู้ สังเกตเห็นความไหวคลอนของฟ้าดิน สรรพสิ่งระเบิดกระจุย รวมถึงพลังม้วนตลบกวาดราบยุ่งเหยิง

ผ่านไปครู่ใหญ่ยามทุกคนได้สติกลับมาต่างมีท่าทางเหม่อลอยเหมือนตื่นตระหนกเกินไป ในการโจมตีนี้ตกลงใครชนะกันแน่

จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าเงาร่างสูงตระหง่านของหลินสวินยืนเด่นอยู่เหนือเวิ้งฟ้า

ในขณะเดียวกันพวกอวี๋ซี ไป๋เฉียน เหยาหลีกลับสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่างเว้น ท่าท่างยับเยินไม่มากก็น้อย

การโจมตีนี้กลับไม่ได้ชี้ชัดถึงผลแพ้ชนะ!

หลินสวินไม่ได้ถูกกำราบ!

“หลินสวิน พลังต่อสู้ของเจ้าเรียกได้ว่าเลิศล้ำจริงๆ ในรุ่นเดียวกันแทบไม่มีใครสู้ได้ แต่ว่าการจู่โจมทำนองนี้เจ้าจะรับไว้ได้อีกกี่ครั้งกัน”

ทันใดนั้นหวั่นอินที่อยู่ไกลออกไปก็เอ่ยปาก เสียงพร่าเลือนยากสัมผัสได้

“พี่หลิน หยุดลงมือเถอะ แม่นางหวั่นอินไว้หน้ามาตลอด ไม่เคยลงมือกับเจ้า หากเจ้ายังดื้อดึงหลงผิด จะไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกแล้วนะ”

อวี๋ซีเอ่ยปาก

พวกอวี๋ซี ไป๋เฉียน เหยาหลี เหยียนซานและเหยียนไห่สีหน้าเหี้ยมเกรียมเย็นชา

ทุกคนต่างตกตะลึง หวั่นอินผู้นั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย หากนางเข้าร่วมในการต่อสู้ด้วย เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องคาดเดาได้ยากแน่

“เพื่อหนอนกินเทพตัวหนึ่ง ควรค่าขนาดไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ”

หวั่นอินถอนใจเบาๆ

“น่าขัน! เพื่อหนอนกินเทพแล้วพวกเจ้าก็ไม่เสียใจที่จะเป็นศัตรูกับข้าหลินสวินไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่กลัวว่าจะทิ้งชีวิตไปเล่า”

หลินสวินแค่นหัวเราะ ประกายคมในดวงตาปรากฏอยู่รางๆ กลิ่นอายโอหังไร้รูปกำลังพุ่งสูงขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เพิ่มเจ้าเข้ามาด้วยแล้วจะเป็นอย่างไร”

“โง่งมไม่รู้เรื่องราว”

ไป๋เฉียนแค่นหัวเราะหยัน

“เหอะๆ”

ใบหน้าหลินสวินเจือแววเสียดสี ทั้งร่างเขาพลันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายน่ากริ่งเกรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งผลให้พลานุภาพของเขาก็ยิ่งน่าครั่นคร้าม

หือ?

พวกหวั่นอินพลันหน้าเปลี่ยนสี เจ้าหมอนี่ กลิ่นอายถึงกับเปลี่ยนไปอีกแล้ว!

นี่เป็นไปได้อย่างไร

หรือก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี

หากเป็นเช่นนี้จริงก็น่าหวาดผวาเกินไปแล้ว!

ชั่วขณะนั้นแม้แต่หวั่นอินยังสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมตึงเครียด

“ข้าเคยพูดแล้วว่า คราวนี้จะทำให้พวกเจ้าเข้าใจว่าอย่างไรเรียกว่ารนหาที่ตาย!”

ท่ามกลางเสียงอันเฉยชาราบเรียบ หลินสวินเก็บความรู้สึกบนใบหน้า เฉยชานิ่งเรียบ ดวงตาไร้ซึ่งระลอกคลื่นใดๆ อีกแม้แต่น้อย

ที่มี ก็เพียงความเย็นเยียบถึงที่สุด

พูดจบเขาก็เหยียบย่างไปในห้วงอากาศ และพลันหายไปจากที่เดิม

ขณะนี้ในที่สุดหลินสวินก็ไม่ออมมือ ลงมือเต็มกำลังแล้ว

——

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1306 เทพมาร เป็นเช่นนี้

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1306 เทพมาร เป็นเช่นนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตูม!

เหนือเวิ้งนภาฟ้าแลบฟ้าร้อง แสงมรรคสะเทือนเลื่อนลั่น

เหล่าผู้กล้าที่อยู่ไกลออกไปใจสั่นระรัว ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังติดตามการต่อสู้ของพวกเจ้าคางคกกับอาหลู่ แต่ตอนนี้กลับถูกการประลองหายากตรงหน้านี้ดึงดูดใจไปแล้ว

ไป๋เฉียนถือทวนวงเดือนทองคำขาว ประหนึ่งเทพสังหารมาเยือนโลกา

อวี๋ซีควบคุมประทับมรรคสีเขียว กดข่มสิบทิศ

เงาร่างเหยาหลีไหววูบลอยท่องหนี ผลุบโผล่เหมือนผีสาง

นี่ยังมีเพียงสามคนลงมือเท่านั้น หวั่นอินกับสองพี่น้องเหยียนซาน เหยียนไห่ยังคงสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ!

“ทำลาย!”

พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างสงบนิ่งเสียงหนึ่ง ก็เห็นว่าดาบหักส่งเสียงใสกังวาน ดังไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ส่วนสามคนที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวินต่างถูกซัดจนถอยหลังซวนเซ

แต่ละคนสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

เทพมารหลินคนนี้ เมื่อเทียบกับตอนพบกันที่สุสานจักรพรรดิคราวก่อน ไม่เพียงแค่พลังปราณบรรลุไปหนึ่งระดับ แม้แต่พลังต่อสู้ยังเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“เหยียนซาน เหยียนไห่ พวกเจ้าก็ไปด้วย”

เสียงเลื่อนลอยยากจับต้องราวเสียงสวรรค์นั้นของหวั่นอินดังขึ้น

เปรี้ยง!

ก็เห็นเหยียนซานชิงเคลื่อนตัวออกไปก่อน ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งกดลงไป

ฝ่ามือนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแสงมรรคหลั่งไหลขนาดเท่าหินโม่ ดั่งหล่อขึ้นจากทองเทพ ประหนึ่งมือของทวยเทพกำราบโลกา

เปรี๊ยะๆ!

พลังฝ่ามือยังไม่ทันร่วงลงมา ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงต่างส่งเสียงระเบิดเพราะไม่อาจแบกรับได้ ต่อให้เป็นบริเวณใกล้กับหลินสวิน ห้วงอากาศก็ยังบิดเบี้ยวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงคล้ายจะรับไม่ไหว

นี่ก็คือผู้หลอมกาย!

กายเนื้อดุจที่เก็บวิญญาณ พลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เหยียนซานผู้นี้บรรลุอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดแล้ว มรรควิถีหลอมกายในตัวอัดแน่นหาใดเทียบ เดิมตัวเขาก็เป็นลูกหลานเผ่ามารพิฆาต กายเนื้อเปรียบได้กับโลหะพิสุทธิ์หยกเทพแต่กำเนิด ที่สืบทอดยังเป็นวิชาลับมรรคมารฟ้าประทานบรรพกาล ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของเขาจึงไม่อาจเทียบกับทั่วไปได้

“ไสหัวไป!”

ในที่นั้นดวงตาหลินสวินปะทุสายฟ้าเย็นเยียบ ปล่อยหมัดออกมาเช่นกัน

พลังหมัดดิบหยาบธรรมดาสายหนึ่งปรากฏขึ้นรางเลือนกลางอากาศ สำแดงแสงสีเขียวอ่อนๆ ห้วงอากาศใกล้กันนั้นพลันยุบตัวลงทันใด

หมัดนี้รวมพลังของมรรคดับดารากลืนกินไว้ โคจรพลังมหามรรคนานาชนิดในตัวหลินสวินรวมกัน ประหนึ่งเทพไท้แล้ว ยามยกมือวาดเท้าก็สามารถปลดปล่อยพลานุภาพที่สามารถทลายฟ้าดิน

ดูเหมือนธรรมดาสามัญ แต่ความจริงแล้วหมื่นลักษณ์ไร้รูป!

ปึง!

มือใหญ่เท่าหินโม่นั้นมาถึงครึ่งทางก็ระเบิดสะเทือน

ส่วนไกลออกไปเหยียนซานที่เพิ่งกระโจนเข้ามาในสนามรบสั่นโคลงไปทั้งร่างทันใด เพียงเห็นว่าหมัดเทียมเทพของหลินสวินนั้นได้กดทับลงมาบนร่างของเขาแล้ว

เปรี๊ยะๆ!

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงที่จับจ้อง เสื้อผ้าทั้งตัวของเหยียนซานระเบิดปลิวว่อนเหมือนประทัด ส่วนตัวเขาก็ถูกซัดให้กระเด็นถอยหลังไป

มาอย่างว่องไว แต่ถอยไวยิ่งกว่า!

หากไม่ใช่เหยียนไห่รีบเข้ามาทำให้เงาร่างของเขามั่นคงได้ทันเวลา เพียงแค่หมัดนี้คงทำให้เขากระเด็นออกไปอย่างรุนแรง

“แข็งแกร่งจริง!”

นัยน์ตาของเหยียนซานกับเหยียนไห่ล้วนหดเกร็ง ในใจสั่นสะท้าน

ควรรู้ว่าผู้หลอมกายอย่างพวกเขามีพลังแกร่งกล้าหาใดเทียบ ดุจดั่งคชสารมังกรดึกดำบรรพ์ ที่ไม่กลัวที่สุดก็คือการประมือซึ่งหน้า ในรุ่นเดียวกันสามารถกำราบผู้หลอมปราณอย่างสบายโดยสิ้นเชิง

แต่พลังของหลินสวินกลับแข็งแกร่งกว่าเหยียนซานมากเกินไป น่ากลัวจนเหนือความคาดหมาย

“เทพมารหลินกำลังประลองกับสามคนนั้นอยู่ แต่กลับซัดเหยียนซานผู้นั้นให้ถอยไปด้วยหมัดเดียว นี่… จะร้ายกาจไปแล้วกระมัง”

ไกลออกไปมีคนร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก

“ฆ่า!”

เหยียนซานกับเหยียนไห่สีหน้าถมึงทึง เข้าร่วมต่อสู้ด้วย

การจู่โจมของพวกเขาดุดันบ้าระห่ำ หนักแน่นมั่นคงและอหังการ ประหนึ่งมหาคีรีสองลูกกำลังเคลื่อนทับห้วงอากาศ หมายจะบดขยี้ศัตรูทั้งมวล

พลังเลือดลมไพศาลคับฟ้านั่น ทำให้ทั้งที่นั้นต่างประหวั่นพรั่นพรึง

หลินสวินประสบกับการล้อมโจมตีของคนร้ายการชั้นยอดห้าคนในคราวเดียว!

แต่ที่เหนือความคาดหมายของทุกคน ในเวลาเช่นนี้หลินสวินพลันหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “พวกเจ้า ก็ได้เท่านี้ล่ะ!”

โครม!

เสียงเพิ่งเงียบลงกลิ่นอายของหลินสวินยิ่งน่ากลัวขึ้น ตัวเขาดุจดั่งหุบเหวลึกที่ปรากฏขึ้นกลางฟ้าดินหลุมหนึ่ง ห้วงอากาศรอบกายมีภาพดาราดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายอุบัติขึ้น

ทั่วสิบทิศทุกสิ่งล้วนถูกกลืนกินไปสิ้น กำลังทรุดตัวครวญคราง!

อย่างไรเรียกว่าความสง่างามของเทพมาร

หลินสวินก่อนหน้านี้เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ทำให้คนไม่อาจรู้สึกได้ แต่ตอนนี้ยามเขาเผยคมประกายของตัวเองออกมา ทุกคนต่างมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง

เทพมาร ก็เป็นเช่นนี้!

“เฉือน!”

ดาบหักดุจรุ้งพาดผ่าน พุ่งโจมตีดุจวัวกระทิง พอเสียงปึงดังขึ้นก็เฉือนประทับมรรคสีเขียวนั่นให้สั่นระรัวปั่นป่วน รอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้นผิว

ตูม!

ในขณะเดียวกันพลังหมัดของหลินสวินไร้ที่สิ้นสุด แปรเปลี่ยนเป็นมัจฉายอดเอกอุหยินหยาง ทำลายการโจมตีของทั้งเหยียนซานเหยียนไห่ไปสิ้น

ส่วนร่างของหลินสวินกลับกระโจนไปข้างหลังในชั่วพริบตา แผ่นหลังเหมือนมีมังกรใหญ่ออกมาจากหุบเหว กระแทกใส่ทันที

เหยาหลีที่ผลุบโผล่เหมือนผีสางมาถึงเบื้องหลังหลินสวินได้อย่างกะทันหัน แต่ยังไม่ทันได้ลงมือตัวเขาก็ถูกกระแทกกระเด็นออกไป

“อ๊าก!”

เขาร้องโหยหวน ชั่วพริบตานี้เขาถึงขั้นสงสัยว่าถูกคชสารมังกรดึกดำบรรพ์กระแทกเข้าให้ ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงแทบจะระเบิดออก

สวบ!

ทว่าในขณะเดียวกันกลับมีทวนวงเดือนของไป๋เฉียนฝ่ามา มองเห็นว่ากำลังจะฟันโดนหลินสวิน แต่ก็ถูกโล่เก่าแก่เปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งรับเอาไว้กลางทาง

กึง!

เสียงดังกึกก้องสั่นสะเทือนจนหูแทบดับปะทุขึ้น โล่มีประกายไฟกระเซ็นกระสาย ถูกกระแทกกระเด็นออกไป

แต่อาศัยจังหวะนี้หลินสวินถลาตัวออกไป ปล่อยหมัดราวสายฟ้า ชั่วพริบตาก็ซัดพลังหมัดออกมานับร้อย ปกคลุมตัวไป๋เฉียนไว้

ปึงๆๆ!

ไป๋เฉียนรู้สึกเพียงสี่ด้านแปดทิศล้วนมีแต่พลังหมัดน่าหวาดหวั่นราวภูเขาถล่มทะเลหวีดร้อง เล่นงานเขาจนแขนชา ร่างกายสั่นไหว เลือดลมปั่นป่วน

ต่อให้ใช้พลังทั้งหมดต้านทานก็ถูกซัดจนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลออกปากจมูก

และตอนที่พวกอวี๋ซี เหยียนซาน เหยียนไห่เข้ามาช่วยนี้เอง ถึงทำให้เขาหลุดออกจากการโจมตีเช่นนี้

ทว่าเขาเลือดไหลไปทั้งตัวแล้ว ผิวหนังก็เกิดรอยแผลแตกระแหงเป็นริ้วๆ ดูยับเยินหาใดเทียบ

ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจสั้นๆ อานุภาพของการล้อมโจมตีก็แทบถูกหลินสวินทำลายสิ้น คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย ส่วนเขากลับเหี้ยมหาญไม่อาจสู้ได้!

ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปเหม่อลอยโดยสิ้นเชิงอยู่เช่นนั้น พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งนัก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ไปแล้ว!

“เจ้า… ระยำ!”

ไป๋เฉียนดวงตาเต็มไปด้วยเลือด ส่งเสียงคำราม เบื้องหลังเงาร่างของเขาดุจมีเสือขาวผุดขึ้นมา เท้าเหยียบลงบนฟ้าดารา ปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนโลก

ไอสังหารไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกจากร่างของเขาราวกระแสธาร ม้วนตลบมืดฟ้ามัวดิน

พวกอวี๋ซี เหยาหลี เหยียนซานและเหยียนไห่ก็ต่างหน้าคล้ำเขียว ขุ่นเคืองโดยสมบูรณ์

พวกเขาแต่ละคนต่างมีรากฐานพลังและพลังต่อสู้ที่หาไม่ได้ในหมื่นคน แม้ในอดีตไร้ชื่อเสียง แต่ไม่เคยเห็นคนธรรมดาในกระดานทองคำผู้กล้าอยู่ในสายตา

ทว่าตอนนี้พวกเขาร่วมมือกัน กลับกำราบแม้แต่เทพมารหลินคนเดียวไม่ได้ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกใบหน้าหมองสี อัปยศหาใดเทียบ

“ฆ่า!”

พวกเขาไม่ลังเลแต่อย่างใด สำแดงอานุภาพทั้งหมดของตัวเอง

อวี๋ซีเรียกวงแหวนหนามนองเลือดวงหนึ่งออกมา

เหยาหลีมีนัยน์ตาซึ่งมีรูม่านตาซ้อนกันอันแปลกประหลาดดวงหนึ่งปริแยกออกมากลางหว่างคิ้ว ฉายแสงสีมรกตอันพิสดาร

ส่วนเหยียนซานกับเหยียนไห่ขยับตัวครั้งหนึ่งก็แปลงร่างให้สูงร้อยจั้ง ดุจดั่งเทพมารบรรพกาล เลือดลมทั้งกายถาโถมไพศาล

ในชั่วพริบตานั้น ผู้แข็งแกร่งที่สามารถใช้อานุภาพกำราบแดนดินแถบหนึ่งห้าคนก็ออกโจมตีอย่างไม่ออมมือแล้ว พลานุภาพอันรุ่งโรจน์ที่ปลดปล่อยออกมาเหมือนดั่งเมฆทมิฬมืดฟ้ามัวดินกำลังปลุกปั่น

ทั้งคล้ายจักรวาลธารดาราถูกทำลาย หลักการฟ้าดินปั่นป่วนยุ่งเหยิง สุริยันจันทราอับแสง ภายในบริเวณนั้นมีแต่ทิวทัศน์ภัยพิบัติโลกาวินาศทั้งสิ้น

ทวนวงเดือน วงแหวนหนามสีเลือด ดวงตาม่านตาซ้อน สายอสนี เลือดลม…

พลังทั้งห้าชนิดราวกับเคราะห์สังหารไร้เทียมทานห้าสาย เจืออานุภาพไม่อาจเทียบเทียมได้ และทั้งหมดเข้าปกคลุมหลินสวินเพียงผู้เดียว

ขณะนี้หลายคนที่อยู่ไกลออกไปต่างจิตใจหวั่นไหว หลับตาลงอย่างอดไม่ได้

ระดับห่างกันมากนัก ฝืนดูการต่อสู้ก็รู้สึกหวาดผวา

ส่วนหลินสวินที่อยู่ภายในนั้นเวลานี้ดวงตาดำเหมือนคบเพลิงคู่หนึ่งกำลังลุกโชน นั่นคือจิตต่อสู้ที่เดือดพล่านกำลังฉายแสงกล้า

ต่อสู้มาถึงตอนนี้ถึงทำให้เขาถูกกระตุ้นจิตต่อสู้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่ได้น่าสนใจเลย!

ครืน!

พลังราวภูเขาถล่มทะเลหวีดร้องโลดแล่นในร่างของเขา อวัยวะตันห้ากลวงหกส่งเสียงโครมครามเหมือนฟ้าร้อง ชั่วพริบตานั้นตัวเขาปลดปล่อยอานุภาพดั่งเทพเผาสวรรค์ ราวกับเตาทองแดงกลียุคเตาหนึ่ง

“เปิด!”

ประกายเย็นเยียบเพิ่มขึ้นฉับพลันในตาหลินสวิน ดาบหักส่งเสียงดังชิ้งทะยานตัดห้วงอากาศ

กระบวนเฉือนนี้มีนามว่าเกิดดับ

เปิดเส้นทางแห่งการเกิดตายท่ามกลางการถือกำเนิดและดับสูญ เป็นครั้งแรกที่สำแดงขึ้นโดยใช้พลังมหามรรคทั้งมวล หลังจากหลินสวินหลอมมรรค

ฟ้าดินเหมือนรับไม่ไหว ห้วงอากาศฉีกขาดพันลี้เหมือนผืนแพร มีเพียงดาบหักเปล่งประกายบดบังแสงเงาทั้งหมด กลายเป็นประกายคมเพียงหนึ่งเดียว

ตูมโครม!

ชั่วพริบตานี้ทุกคนในที่นั้นเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าเป็นสีขาวโพลนไปหมด การรับรู้ภาพและเสียงมลายไปสิ้น จิตวิญญาณตกอยู่ในความหวาดผวา

ทำได้เพียงอาศัยสัญชาตญาณรับรู้ สังเกตเห็นความไหวคลอนของฟ้าดิน สรรพสิ่งระเบิดกระจุย รวมถึงพลังม้วนตลบกวาดราบยุ่งเหยิง

ผ่านไปครู่ใหญ่ยามทุกคนได้สติกลับมาต่างมีท่าทางเหม่อลอยเหมือนตื่นตระหนกเกินไป ในการโจมตีนี้ตกลงใครชนะกันแน่

จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าเงาร่างสูงตระหง่านของหลินสวินยืนเด่นอยู่เหนือเวิ้งฟ้า

ในขณะเดียวกันพวกอวี๋ซี ไป๋เฉียน เหยาหลีกลับสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่างเว้น ท่าท่างยับเยินไม่มากก็น้อย

การโจมตีนี้กลับไม่ได้ชี้ชัดถึงผลแพ้ชนะ!

หลินสวินไม่ได้ถูกกำราบ!

“หลินสวิน พลังต่อสู้ของเจ้าเรียกได้ว่าเลิศล้ำจริงๆ ในรุ่นเดียวกันแทบไม่มีใครสู้ได้ แต่ว่าการจู่โจมทำนองนี้เจ้าจะรับไว้ได้อีกกี่ครั้งกัน”

ทันใดนั้นหวั่นอินที่อยู่ไกลออกไปก็เอ่ยปาก เสียงพร่าเลือนยากสัมผัสได้

“พี่หลิน หยุดลงมือเถอะ แม่นางหวั่นอินไว้หน้ามาตลอด ไม่เคยลงมือกับเจ้า หากเจ้ายังดื้อดึงหลงผิด จะไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกแล้วนะ”

อวี๋ซีเอ่ยปาก

พวกอวี๋ซี ไป๋เฉียน เหยาหลี เหยียนซานและเหยียนไห่สีหน้าเหี้ยมเกรียมเย็นชา

ทุกคนต่างตกตะลึง หวั่นอินผู้นั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย หากนางเข้าร่วมในการต่อสู้ด้วย เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องคาดเดาได้ยากแน่

“เพื่อหนอนกินเทพตัวหนึ่ง ควรค่าขนาดไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ”

หวั่นอินถอนใจเบาๆ

“น่าขัน! เพื่อหนอนกินเทพแล้วพวกเจ้าก็ไม่เสียใจที่จะเป็นศัตรูกับข้าหลินสวินไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่กลัวว่าจะทิ้งชีวิตไปเล่า”

หลินสวินแค่นหัวเราะ ประกายคมในดวงตาปรากฏอยู่รางๆ กลิ่นอายโอหังไร้รูปกำลังพุ่งสูงขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เพิ่มเจ้าเข้ามาด้วยแล้วจะเป็นอย่างไร”

“โง่งมไม่รู้เรื่องราว”

ไป๋เฉียนแค่นหัวเราะหยัน

“เหอะๆ”

ใบหน้าหลินสวินเจือแววเสียดสี ทั้งร่างเขาพลันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายน่ากริ่งเกรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งผลให้พลานุภาพของเขาก็ยิ่งน่าครั่นคร้าม

หือ?

พวกหวั่นอินพลันหน้าเปลี่ยนสี เจ้าหมอนี่ กลิ่นอายถึงกับเปลี่ยนไปอีกแล้ว!

นี่เป็นไปได้อย่างไร

หรือก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี

หากเป็นเช่นนี้จริงก็น่าหวาดผวาเกินไปแล้ว!

ชั่วขณะนั้นแม้แต่หวั่นอินยังสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมตึงเครียด

“ข้าเคยพูดแล้วว่า คราวนี้จะทำให้พวกเจ้าเข้าใจว่าอย่างไรเรียกว่ารนหาที่ตาย!”

ท่ามกลางเสียงอันเฉยชาราบเรียบ หลินสวินเก็บความรู้สึกบนใบหน้า เฉยชานิ่งเรียบ ดวงตาไร้ซึ่งระลอกคลื่นใดๆ อีกแม้แต่น้อย

ที่มี ก็เพียงความเย็นเยียบถึงที่สุด

พูดจบเขาก็เหยียบย่างไปในห้วงอากาศ และพลันหายไปจากที่เดิม

ขณะนี้ในที่สุดหลินสวินก็ไม่ออมมือ ลงมือเต็มกำลังแล้ว

——

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+