Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1324 มุ่งหมายอริยะนำพา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1324 มุ่งหมายอริยะนำพา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่เขาจะไร้คู่ต่อกรอยู่เหนือคนรุ่นเดียวกันหรือ”

ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง

“หลายปีก่อนอวิ๋นชิ่งไป๋เคยครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้ามาหลายปี เป็นผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่ปลายยอดอย่างแท้จริงในแดนเก้าบน ยามนี้เมื่อปรากฏตัว แม้จะไม่เคยทำการทดสอบอีกครั้ง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าด้วยพลังต่อสู้ของเขา การก้าวขึ้นไปอยู่ในสามอันดับแรกต้องมากเกินพอแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังคงแพ้ให้เทพมารหลิน”

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนคร่ำครวญ

ข่าวแพร่ออกไป ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่เดิมทีก็มองหลินสวินเป็นศัตรูล้วนออกอาการโศกเศร้า จนปัญญา หน้าหม่นแสง

หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ตั้งแต่เข้าสู่แดนเก้าบนก็ท่องเหนือล่องใต้ ไม่เคยพ่ายมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นบุคคลชั้นนำมากมายอย่างอูหลิงเต้า บุตรนรก กู่ฝอจื่อ ไป๋หลงถิง จนถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ในวันนี้ แต่ละครั้งยามทุกคนคิดว่าพวกเขาสามารถกำราบหลินสวินได้ ฝ่ายหลังก็จะทวนกระแสน้ำขึ้นไปพลิกสถานการณ์กลับมา

นี่ทำให้ผู้คนใจสั่นระรัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

‘เทพมารหลินทุกวันนี้ แข็งแกร่งมากเท่าไรกันแน่’

เมื่อความตกตะลึง ฮือฮาและอัศจรรย์ใจทั้งหมดมาถึงตอนท้ายสุด ข้อสงสัยหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของผู้แข็งแกร่งทุกคน

“สิ่งที่ยืนยันได้คือเทพมารหลินหลอมปราณและหลอมกายพร้อมกัน พลังปราณของเขาอยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ส่วนวิถียุทธ์ของเขาก็กระจ่างจิตแล้ว!”

“อีกทั้งการควบคุมพลังมหามรรคของเทพมารหลินก็น่ากลัวยิ่ง น่าจะครอบครองมหามรรคเทียมฟ้าไม่ใช่แค่อย่างเดียว มีนัยเร้นลับเจินหลง นัยเร้นลับไร้มรณะ นัยเร้นลับยอดเอกอุเป็นต้น”

“ที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือพลังมหามรรคที่ยากจะได้พบเห็นอย่างหนึ่ง ราวกับหุบเหวกลืนกินในตำนาน เหมือนกับพลังที่อวิ๋นชิ่งไป๋ครอบครองไม่มีผิด!”

“ส่วนเทพมารหลินน่ากลัวมากเท่าไรนั้น สิ่งที่สรุปได้ชัดคือในหมู่คนรุ่นเดียวกัน นอกจากคนส่วนน้อยแล้วเกรงว่าคงไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก!”

ราชันแห่งยุคคนหนึ่งคาดเดาและวิเคราะห์ออกมาเช่นนี้

“หากจะต่อกรกับคนผู้นี้ ต่อให้เคลื่อนพลบุคคลชั้นนำแห่งยุครุ่นเดียวกันเจ็ดแปดคนก็เกรงว่าคงทำได้ยากกระมัง”

“บางทีพวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่น่าจะแข่งสูงต่ำกับเทพมารหลินได้”

มีคนมากมายเริ่มหาข้อสรุป ว่าควรกำราบหลินสวินที่อานุภาพเกือบไร้คู่ต่อกรนั่นอย่างไร

“เฮ้อ หากเทพมารหลินเข้าร่วมในการช่วงชิงของแดนยอดมรดก ใคร… จะต้านทานเขาได้”

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่ก้าวขึ้นไปอยู่บนกระดานทองคำผู้กล้าต่างรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างอดไม่อยู่ แรงกดดันที่หลินสวินนำมาให้พวกเขามากเกินไปแล้วจริงๆ

“หึๆ อยากรู้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งเท่าไรนั้นง่ายมาก เมื่อแดนยอดมรดกปรากฏ หากเขาต้องการช่วงชิงอริยะนำพา จะต้องเกิดการปะทะกับบุคคลแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่าและเทพธิดารั่วอู่ ถึงตอนนั้นใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอก็ย่อมได้รู้แน่”

และมีคนมากมายเฝ้ารอ แดนเก้าบนในยามนี้พวกที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้มีเพียงบางตาไม่กี่คนแล้ว

ภายในนั้นก็มีแค่บุคคลหนึ่งหยิบมืออย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่และเย่หมัวเฮอ

เมื่อแดนมกุฎปิดฉาก ทั้งพวกเขาและหลินสวินใครจะกลายเป็น ‘มกุฎอันดับหนึ่ง’ กันแน่

ยามแดนยอดมรดกปรากฏอาจจะได้เห็นผลแจ่มแจ้ง!

“ได้ยินว่าเทพมารหลินบาดเจ็บสาหัส ส่วนเวลาก่อนแดนมกุฎจะปิดฉากก็เหลือแค่ไม่ถึงสองเดือน สามารถคาดการณ์ได้ว่าในช่วงใกล้ๆ นี้แดนยอดมรดกจะต้องปรากฏแน่”

“แต่ในเวลาสั้นๆ นี้ เทพมารหลินจะฟื้นคืนสภาพจากการบาดเจ็บสาหัสได้หรือ”

และมีคนยิ้มหยัน คิดว่าหลินสวินที่สภาพบาดเจ็บสาหัส ไม่มีโอกาสไปประชันกับบุคคลขอบเขตมกุฎคนอื่นยามแดนยอดมรดกปรากฏโดยสิ้นเชิง

“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าช่วงนี้เทพมารหลินจะรับการทดสอบของกระดานทองคำผู้กล้าหรือไม่แล้ว หากชื่อของเขาปรากฏอยู่บนกระดานทองคำผู้กล้า ก็แน่นอนว่าเขาต้องอยากเข้าร่วมในการชิงชัยแดนยอดมรดก”

มีคนคาดเดา

เพราะใครต่างก็รู้ดีว่าตั้งแต่ก้าวสู่แดนเก้าบนจนถึงตอนนี้ หลินสวินยังไม่เคยทำการทดสอบกระดานทองคำผู้กล้ามาก่อน จนถึงทุกวันนี้ชื่อของเขาก็ไม่เคยปรากฏอยู่บนกระดาน

ก็เหมือนปริศนาที่พาให้ผู้คนจินตนาการ!

อาศัยพลังต่อสู้ของหลินสวินจะก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ของกระดานทองคำผู้กล้ากันแน่

และตอนนี้ก็สามารถใช้กระดานนี้มาตัดสินได้ว่า หลินสวินจะเข้าร่วมการแข่งขันของแดนยอดมรดกหรือไม่

ทุกคนต่างกำลังให้ความสนใจ

ขณะที่ทั่วแดนเก้าบนอึกทึกครึกโครมเพราะการต่อสู้บนสังเวียนพิฆาตมาร

หลินสวินได้กลับมาถึงเขาฝนดาวตกภายใต้การห้อมล้อมของเพื่อนสนิทมากมายแล้ว

เขาฝนดาวตกในวันนี้ก็คึกคักเป็นพิเศษ

เจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่ต่างไม่อาจไม่ออกหน้าไปรับรองสหายร่วมวิถียุทธ์บางส่วนที่ทยอยกันมา อย่างจี้ซิงเหยา เซียวชิงเหอ เยวี่ยเจี้ยนหมิง ชื่อหลิงเซียว เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน เยวี่ยไฉ่เวย ไป๋หลิงซี…

หรือผู้แข็งแกร่งที่ชื่อเสียงสะเทือนฟากหนึ่งอย่างพวกหมีเหิงเจิน ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน เย่หมัวเฮอก็ยังมาด้วย

งานเลี้ยงครั้งใหญ่ก็เปิดฉากในวันนั้นเช่นกัน

“ผู้คนต่างกล่าวว่ายามอยู่ที่ดินแดนรกร้างโบราณ หลินสวินเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก ตัวคนเดียวล่วงเกินสำนักโบราณมากมาย ไม่มีใครกล้าเป็นเพื่อนด้วย แต่ดูเหมือนวันนี้จะเป็นคำพูดไร้สาระ”

ในงานเลี้ยงเซี่ยวชางเทียนหัวเราะร่า

ยามนี้ที่นี่เต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ บรรยากาศสังสรรค์ครึกครื้น หากสุ่มเลือกสักคนที่นั่งอยู่ออกมาตามสะดวก ต่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือเหล่ามกุฎแห่งยุคทั้งสิ้น

และวันนี้คนพวกนี้ต่างมาร่วมยินดีให้กับหลินสวิน!

หากแพร่งพรายไปในดินแดนรกร้างโบราณ ต้องพอที่จะชักนำมาซึ่งความปั่นป่วนโกลาหล

ด้วยพวกที่อยู่ในงานเทียบกับก่อนเข้ามาในแดนมกุฎ แต่ละคนล้วนไม่ใช่ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติแล้ว หากแต่เป็นยักษ์ใหญ่ระดับราชันทั้งสิ้น เป็นบุคคลชั้นนำที่อยู่บนมรรคาอมตะ

หากอยู่ที่โลกภายนอก นี่เป็นถึงกลุ่มคนที่แข็งแกร่งและเจิดจรัสที่สุดซึ่งอยู่ใต้ระดับอริยะ ใครจะกล้ามองข้ามพวกเขาเล่า

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทั่วไปพวกนั้นแล้ว พวกเขายังเยาว์วัยกว่า พลังแฝงก็มากกว่า มีหนทางข้างหน้าที่สว่างไสวหาใดเปรียบ!

ถึงขั้นต่อให้ไม่พูดถึงความสามารถส่วนตัวของพวกเขา ลองดูขุมอำนาจเบื้องหลังที่พวกเขาเป็นตัวแทนต่างเป็นสำนักโบราณทั้งสิ้น เป็นสิ่งใหญ่โตมหึมาในดินแดนรกร้างโบราณ

อย่างเช่นสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิมเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวย ตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราเป็นต้น

หลายปีมานี้หลินสวินอาจจะมีศัตรูมากมาย บางทีก็ถูกขุมอำนาจใหญ่จำนวนมากมองเป็นศัตรู แต่ข้างกายเขาก็ห้อมล้อมด้วยสหายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน!

“ฮึ ข้าไม่ใช่สหายเขาสักหน่อย”

หยวนฝ่าเทียนแค่นเสียงเย็นชา

“เอ๋ น้องหยวน คำพูดนี้ของเจ้าดูห่างเหินเกินไปแล้ว หรือเพราะครั้งก่อนพี่ชายอย่างข้าต้อนรับได้ไม่ดี”

อาหลู่ถือขวดสุราก้าวเข้ามา แขนที่ใหญ่โตรั้งบ่าของหยวนฝ่าเทียนไว้แล้วเริ่มรินสุรา

ฝ่ายหลังพลันอึดอัดทันที ท่าทางเหมือนอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก คราวก่อนเขาก็ถูกอาหลู่และเจ้าคางคกดึงตัวร่ำสุราด้วยกัน ถึงตอนท้ายก็ได้แต่คายวิธีฝึกของเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ออกมา

ไม่ทันไรเจ้าคางคกและนกทมิฬก็เข้ามาพร้อมกัน ทักทายหยวนฝ่าเทียนด้วยตัวเอง ทำเอาฝ่ายหลังสีหน้าปานพังทลาย ได้แต่พลีชีพดื่มเป็นเพื่อน

ทุกคนต่างอดยิ้มไม่ได้

เมื่อคิดดูอย่างละเอียด เย่หมัวเฮอ ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียนก็ไม่ถึงขั้นสนิทกับหลินสวินเท่าไร แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูแน่

สำหรับการมาของพวกเขา หลินสวินเองก็ผิดคาดอยู่บ้าง แต่ก็ดีใจพอควร

“พี่หลิน ครั้งนี้เจ้าจะไปเข้าร่วมการแข่งขันแดนยอดมรดกหรือไม่”

หลังจากดื่มกินจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เยวี่ยไฉ่เวยก็ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยถาม

บรรยากาศในที่นั้นเงียบสงัดทันที สายตามากมายพากันมองไปยังหลินสวิน

“ดูโอกาสแล้วกัน”

หลินสวินกล่าวเสียงขรึม “ทุกท่านต่างก็รู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้กับอวิ๋นชิ่งไป๋ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เรื่องเร่งด่วนย่อมเป็นการรักษาบาดแผล แน่นอนว่าหากทันเวลาต้องไม่ยอมพลาดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้แน่”

ทุกคนได้ยินดังนั้นล้วนพยักหน้าน้อยๆ

“บอกเจ้าเลยว่าพลังปราณของข้าทะลวงระดับอีกครั้งแล้ว หากถึงตอนนั้นเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันจริง ข้าไม่มีทางเกรงใจแน่”

หยวนฝ่าเทียนกล่าวเย็นชา

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลงเขาก็ถูกอาหลู่และเจ้าคางคกขนาบแล้วรินเหล้าต่อ ดื่มจนเขาเมาตาปรือ รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว

งานเลี้ยงนี้ผ่านไปหลายชั่วยามจึงสิ้นสุด แขกเหรื่อทุกคนทยอยแยกย้ายกันไป

“อริยะนำพาเกี่ยวข้องกับปริศนาแห่งการบรรลุมกุฎอริยะ เป็นศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนเก้าบนอย่างไม่ต้องสงสัย”

หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุด พวกหลินสวิน เจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่รวมตัวกัน กำลังหารือเกี่ยวกับแดนยอดมรดก

เจ้าคางคกกล่าว “ยามนี้พวกที่เหมือนพวกเราต่างก้าวเข้าสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดเกือบหมดแล้ว ห่างจากระดับอริยะก็ไม่ไกลแล้ว เรื่องของการบรรลุอริยะต้องพิจารณาอย่างจริงจัง”

“ไม่ผิด”

ทุกคนต่างพยักหน้า

หลังจากอมตะเคราะห์เก้าด่านก็คือการบรรลุอริยะ!

ระดับอริยะคือระดับที่ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามถวิลหา มุ่งหวังปรารถนาแม้ยามฝัน

นับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดผู้ฝึกปราณมีดาษดื่น ระดับราชันก็พบเห็นได้ทั่วไป มีเพียงระดับอริยะที่ไร้หนึ่งในล้าน!

เมื่อมาถึงระดับนี้ก็สามารถมีอายุดุจนิรันดร์ โดดเด่นแข่งตะวันจันทรา คำพูดดุจกฎเกณฑ์ ระหว่างขยับตัวก็มีอานุภาพพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน เป็นผู้ที่ยืนตระหง่านเหนือทุกคน

ก่อนหน้านี้นานแล้ว หลินสวินก็รู้ชัดว่าหากหมายกลายเป็นอริยะนั้นยากยิ่ง!

ระดับนี้ต้องช่วงชิงโชคชะตา พวกที่ไม่มีปณิธานแน่วแน่หรือความอาจหาญมากพอ แทบไม่มีหวังจะก้าวเข้าสู่ระดับนี้

และการบรรลุมกุฎอริยะก็ยิ่งยาก

“ระดับอริยะแบ่งออกเป็นแท้เทียม ในดินแดนรกร้างโบราณ อริยะส่วนใหญ่ล้วนแต่ถือว่าเป็นอริยะเทียม ก้าวตามหนทางของคนรุ่นก่อน ทั้งประสบความสำเร็จได้จำกัด แตกต่างจากอริยะแท้จริงราวฟ้ากับดิน”

นกทมิฬกล่าวเสียงขรึม “แม้แต่สมัยบรรพกาลก็เป็นเช่นนี้ หนทางแห่งอริยะแท้จริงก็เหมือนคูสวรรค์ ผู้ที่สามารถก้าวผ่านไปได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นหากได้ ‘อริยะนำพา’ นั่นมา สำหรับพวกเราอาจเพิ่มความเป็นไปได้ยามบรรลุอริยะขึ้นมาได้บ้าง”

“พวกเราต้องการบรรลุมกุฎอริยะ ในอดีตอาจไม่มีหนทาง แต่ตอนนี้กลับต่างออกไป มหายุคมาเยือน นับแต่โบราณมาไม่เคยมีมาก่อน ที่นกทมิฬพูดนั้นไม่ผิด โอกาสนี้จำเป็นต้องแย่งมาให้ได้”

เจ้าคางคกกล่าวจริงจัง

“พี่ใหญ่ เจ้าเห็นว่าอย่างไร”

อาหลู่เหลือบสายตาไปยังหลินสวิน

“ทุ่มเทให้สุด แค่ทำเต็มที่ก็พอ”

หลินสวินมีความคิดที่ต่างออกไปต่อมรรคาของตัวเอง

เขายังจำได้ ปีนั้นยามออกจากจักรวรรดิจื่อเย่า จักรพรรดิเคยบอกเขาว่าหากปรารถนาหาจุดเปลี่ยนของการบรรลุอริยะ สามารถกลับมาเสาะหาในโลกชั้นล่าง!

โลกชั้นล่าง แม้จะถูกดินแดนรกร้างโบราณมองเป็นพื้นที่แห่งความแร้นแค้นล้าหลัง แต่มีเพียงหลินสวินที่รู้ว่าโลกชั้นล่างซ่อนความลับยิ่งใหญ่ไว้มากมาย

อย่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ก็อยู่ที่โลกชั้นล่าง

หรืออย่างส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณก็มี ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ แห่งหนึ่ง ภายในซ่อนปริศนาอันน่าหวาดกลัว

หรืออย่างสมรภูมิกระหายเลือด ป่าต้นหม่อนอีก…

“ก็ดี”

พวกเจ้าคางคกเห็นดังนี้ต่างก็รู้ว่า เรื่องเร่งด่วนของหลินสวินคือการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ไม่ใช่การพิจารณาว่าจะไปเข้าร่วมช่วงชิงในแดนยอดมรดกหรือไม่

แต่พวกเขาก็รู้ชัดว่าหากมีโอกาสแม้เพียงเสี้ยว หลินสวินต้องไม่ยอมพลาดแน่!

………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1324 มุ่งหมายอริยะนำพา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1324 มุ่งหมายอริยะนำพา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่เขาจะไร้คู่ต่อกรอยู่เหนือคนรุ่นเดียวกันหรือ”

ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง

“หลายปีก่อนอวิ๋นชิ่งไป๋เคยครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้ามาหลายปี เป็นผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่ปลายยอดอย่างแท้จริงในแดนเก้าบน ยามนี้เมื่อปรากฏตัว แม้จะไม่เคยทำการทดสอบอีกครั้ง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าด้วยพลังต่อสู้ของเขา การก้าวขึ้นไปอยู่ในสามอันดับแรกต้องมากเกินพอแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังคงแพ้ให้เทพมารหลิน”

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนคร่ำครวญ

ข่าวแพร่ออกไป ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่เดิมทีก็มองหลินสวินเป็นศัตรูล้วนออกอาการโศกเศร้า จนปัญญา หน้าหม่นแสง

หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ตั้งแต่เข้าสู่แดนเก้าบนก็ท่องเหนือล่องใต้ ไม่เคยพ่ายมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นบุคคลชั้นนำมากมายอย่างอูหลิงเต้า บุตรนรก กู่ฝอจื่อ ไป๋หลงถิง จนถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ในวันนี้ แต่ละครั้งยามทุกคนคิดว่าพวกเขาสามารถกำราบหลินสวินได้ ฝ่ายหลังก็จะทวนกระแสน้ำขึ้นไปพลิกสถานการณ์กลับมา

นี่ทำให้ผู้คนใจสั่นระรัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

‘เทพมารหลินทุกวันนี้ แข็งแกร่งมากเท่าไรกันแน่’

เมื่อความตกตะลึง ฮือฮาและอัศจรรย์ใจทั้งหมดมาถึงตอนท้ายสุด ข้อสงสัยหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของผู้แข็งแกร่งทุกคน

“สิ่งที่ยืนยันได้คือเทพมารหลินหลอมปราณและหลอมกายพร้อมกัน พลังปราณของเขาอยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ส่วนวิถียุทธ์ของเขาก็กระจ่างจิตแล้ว!”

“อีกทั้งการควบคุมพลังมหามรรคของเทพมารหลินก็น่ากลัวยิ่ง น่าจะครอบครองมหามรรคเทียมฟ้าไม่ใช่แค่อย่างเดียว มีนัยเร้นลับเจินหลง นัยเร้นลับไร้มรณะ นัยเร้นลับยอดเอกอุเป็นต้น”

“ที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือพลังมหามรรคที่ยากจะได้พบเห็นอย่างหนึ่ง ราวกับหุบเหวกลืนกินในตำนาน เหมือนกับพลังที่อวิ๋นชิ่งไป๋ครอบครองไม่มีผิด!”

“ส่วนเทพมารหลินน่ากลัวมากเท่าไรนั้น สิ่งที่สรุปได้ชัดคือในหมู่คนรุ่นเดียวกัน นอกจากคนส่วนน้อยแล้วเกรงว่าคงไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก!”

ราชันแห่งยุคคนหนึ่งคาดเดาและวิเคราะห์ออกมาเช่นนี้

“หากจะต่อกรกับคนผู้นี้ ต่อให้เคลื่อนพลบุคคลชั้นนำแห่งยุครุ่นเดียวกันเจ็ดแปดคนก็เกรงว่าคงทำได้ยากกระมัง”

“บางทีพวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่น่าจะแข่งสูงต่ำกับเทพมารหลินได้”

มีคนมากมายเริ่มหาข้อสรุป ว่าควรกำราบหลินสวินที่อานุภาพเกือบไร้คู่ต่อกรนั่นอย่างไร

“เฮ้อ หากเทพมารหลินเข้าร่วมในการช่วงชิงของแดนยอดมรดก ใคร… จะต้านทานเขาได้”

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่ก้าวขึ้นไปอยู่บนกระดานทองคำผู้กล้าต่างรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างอดไม่อยู่ แรงกดดันที่หลินสวินนำมาให้พวกเขามากเกินไปแล้วจริงๆ

“หึๆ อยากรู้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งเท่าไรนั้นง่ายมาก เมื่อแดนยอดมรดกปรากฏ หากเขาต้องการช่วงชิงอริยะนำพา จะต้องเกิดการปะทะกับบุคคลแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่าและเทพธิดารั่วอู่ ถึงตอนนั้นใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอก็ย่อมได้รู้แน่”

และมีคนมากมายเฝ้ารอ แดนเก้าบนในยามนี้พวกที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้มีเพียงบางตาไม่กี่คนแล้ว

ภายในนั้นก็มีแค่บุคคลหนึ่งหยิบมืออย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่และเย่หมัวเฮอ

เมื่อแดนมกุฎปิดฉาก ทั้งพวกเขาและหลินสวินใครจะกลายเป็น ‘มกุฎอันดับหนึ่ง’ กันแน่

ยามแดนยอดมรดกปรากฏอาจจะได้เห็นผลแจ่มแจ้ง!

“ได้ยินว่าเทพมารหลินบาดเจ็บสาหัส ส่วนเวลาก่อนแดนมกุฎจะปิดฉากก็เหลือแค่ไม่ถึงสองเดือน สามารถคาดการณ์ได้ว่าในช่วงใกล้ๆ นี้แดนยอดมรดกจะต้องปรากฏแน่”

“แต่ในเวลาสั้นๆ นี้ เทพมารหลินจะฟื้นคืนสภาพจากการบาดเจ็บสาหัสได้หรือ”

และมีคนยิ้มหยัน คิดว่าหลินสวินที่สภาพบาดเจ็บสาหัส ไม่มีโอกาสไปประชันกับบุคคลขอบเขตมกุฎคนอื่นยามแดนยอดมรดกปรากฏโดยสิ้นเชิง

“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าช่วงนี้เทพมารหลินจะรับการทดสอบของกระดานทองคำผู้กล้าหรือไม่แล้ว หากชื่อของเขาปรากฏอยู่บนกระดานทองคำผู้กล้า ก็แน่นอนว่าเขาต้องอยากเข้าร่วมในการชิงชัยแดนยอดมรดก”

มีคนคาดเดา

เพราะใครต่างก็รู้ดีว่าตั้งแต่ก้าวสู่แดนเก้าบนจนถึงตอนนี้ หลินสวินยังไม่เคยทำการทดสอบกระดานทองคำผู้กล้ามาก่อน จนถึงทุกวันนี้ชื่อของเขาก็ไม่เคยปรากฏอยู่บนกระดาน

ก็เหมือนปริศนาที่พาให้ผู้คนจินตนาการ!

อาศัยพลังต่อสู้ของหลินสวินจะก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ของกระดานทองคำผู้กล้ากันแน่

และตอนนี้ก็สามารถใช้กระดานนี้มาตัดสินได้ว่า หลินสวินจะเข้าร่วมการแข่งขันของแดนยอดมรดกหรือไม่

ทุกคนต่างกำลังให้ความสนใจ

ขณะที่ทั่วแดนเก้าบนอึกทึกครึกโครมเพราะการต่อสู้บนสังเวียนพิฆาตมาร

หลินสวินได้กลับมาถึงเขาฝนดาวตกภายใต้การห้อมล้อมของเพื่อนสนิทมากมายแล้ว

เขาฝนดาวตกในวันนี้ก็คึกคักเป็นพิเศษ

เจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่ต่างไม่อาจไม่ออกหน้าไปรับรองสหายร่วมวิถียุทธ์บางส่วนที่ทยอยกันมา อย่างจี้ซิงเหยา เซียวชิงเหอ เยวี่ยเจี้ยนหมิง ชื่อหลิงเซียว เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน เยวี่ยไฉ่เวย ไป๋หลิงซี…

หรือผู้แข็งแกร่งที่ชื่อเสียงสะเทือนฟากหนึ่งอย่างพวกหมีเหิงเจิน ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน เย่หมัวเฮอก็ยังมาด้วย

งานเลี้ยงครั้งใหญ่ก็เปิดฉากในวันนั้นเช่นกัน

“ผู้คนต่างกล่าวว่ายามอยู่ที่ดินแดนรกร้างโบราณ หลินสวินเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก ตัวคนเดียวล่วงเกินสำนักโบราณมากมาย ไม่มีใครกล้าเป็นเพื่อนด้วย แต่ดูเหมือนวันนี้จะเป็นคำพูดไร้สาระ”

ในงานเลี้ยงเซี่ยวชางเทียนหัวเราะร่า

ยามนี้ที่นี่เต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ บรรยากาศสังสรรค์ครึกครื้น หากสุ่มเลือกสักคนที่นั่งอยู่ออกมาตามสะดวก ต่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือเหล่ามกุฎแห่งยุคทั้งสิ้น

และวันนี้คนพวกนี้ต่างมาร่วมยินดีให้กับหลินสวิน!

หากแพร่งพรายไปในดินแดนรกร้างโบราณ ต้องพอที่จะชักนำมาซึ่งความปั่นป่วนโกลาหล

ด้วยพวกที่อยู่ในงานเทียบกับก่อนเข้ามาในแดนมกุฎ แต่ละคนล้วนไม่ใช่ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติแล้ว หากแต่เป็นยักษ์ใหญ่ระดับราชันทั้งสิ้น เป็นบุคคลชั้นนำที่อยู่บนมรรคาอมตะ

หากอยู่ที่โลกภายนอก นี่เป็นถึงกลุ่มคนที่แข็งแกร่งและเจิดจรัสที่สุดซึ่งอยู่ใต้ระดับอริยะ ใครจะกล้ามองข้ามพวกเขาเล่า

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทั่วไปพวกนั้นแล้ว พวกเขายังเยาว์วัยกว่า พลังแฝงก็มากกว่า มีหนทางข้างหน้าที่สว่างไสวหาใดเปรียบ!

ถึงขั้นต่อให้ไม่พูดถึงความสามารถส่วนตัวของพวกเขา ลองดูขุมอำนาจเบื้องหลังที่พวกเขาเป็นตัวแทนต่างเป็นสำนักโบราณทั้งสิ้น เป็นสิ่งใหญ่โตมหึมาในดินแดนรกร้างโบราณ

อย่างเช่นสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิมเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวย ตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราเป็นต้น

หลายปีมานี้หลินสวินอาจจะมีศัตรูมากมาย บางทีก็ถูกขุมอำนาจใหญ่จำนวนมากมองเป็นศัตรู แต่ข้างกายเขาก็ห้อมล้อมด้วยสหายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน!

“ฮึ ข้าไม่ใช่สหายเขาสักหน่อย”

หยวนฝ่าเทียนแค่นเสียงเย็นชา

“เอ๋ น้องหยวน คำพูดนี้ของเจ้าดูห่างเหินเกินไปแล้ว หรือเพราะครั้งก่อนพี่ชายอย่างข้าต้อนรับได้ไม่ดี”

อาหลู่ถือขวดสุราก้าวเข้ามา แขนที่ใหญ่โตรั้งบ่าของหยวนฝ่าเทียนไว้แล้วเริ่มรินสุรา

ฝ่ายหลังพลันอึดอัดทันที ท่าทางเหมือนอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก คราวก่อนเขาก็ถูกอาหลู่และเจ้าคางคกดึงตัวร่ำสุราด้วยกัน ถึงตอนท้ายก็ได้แต่คายวิธีฝึกของเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ออกมา

ไม่ทันไรเจ้าคางคกและนกทมิฬก็เข้ามาพร้อมกัน ทักทายหยวนฝ่าเทียนด้วยตัวเอง ทำเอาฝ่ายหลังสีหน้าปานพังทลาย ได้แต่พลีชีพดื่มเป็นเพื่อน

ทุกคนต่างอดยิ้มไม่ได้

เมื่อคิดดูอย่างละเอียด เย่หมัวเฮอ ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียนก็ไม่ถึงขั้นสนิทกับหลินสวินเท่าไร แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูแน่

สำหรับการมาของพวกเขา หลินสวินเองก็ผิดคาดอยู่บ้าง แต่ก็ดีใจพอควร

“พี่หลิน ครั้งนี้เจ้าจะไปเข้าร่วมการแข่งขันแดนยอดมรดกหรือไม่”

หลังจากดื่มกินจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เยวี่ยไฉ่เวยก็ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยถาม

บรรยากาศในที่นั้นเงียบสงัดทันที สายตามากมายพากันมองไปยังหลินสวิน

“ดูโอกาสแล้วกัน”

หลินสวินกล่าวเสียงขรึม “ทุกท่านต่างก็รู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้กับอวิ๋นชิ่งไป๋ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เรื่องเร่งด่วนย่อมเป็นการรักษาบาดแผล แน่นอนว่าหากทันเวลาต้องไม่ยอมพลาดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้แน่”

ทุกคนได้ยินดังนั้นล้วนพยักหน้าน้อยๆ

“บอกเจ้าเลยว่าพลังปราณของข้าทะลวงระดับอีกครั้งแล้ว หากถึงตอนนั้นเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันจริง ข้าไม่มีทางเกรงใจแน่”

หยวนฝ่าเทียนกล่าวเย็นชา

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลงเขาก็ถูกอาหลู่และเจ้าคางคกขนาบแล้วรินเหล้าต่อ ดื่มจนเขาเมาตาปรือ รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว

งานเลี้ยงนี้ผ่านไปหลายชั่วยามจึงสิ้นสุด แขกเหรื่อทุกคนทยอยแยกย้ายกันไป

“อริยะนำพาเกี่ยวข้องกับปริศนาแห่งการบรรลุมกุฎอริยะ เป็นศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนเก้าบนอย่างไม่ต้องสงสัย”

หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุด พวกหลินสวิน เจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่รวมตัวกัน กำลังหารือเกี่ยวกับแดนยอดมรดก

เจ้าคางคกกล่าว “ยามนี้พวกที่เหมือนพวกเราต่างก้าวเข้าสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดเกือบหมดแล้ว ห่างจากระดับอริยะก็ไม่ไกลแล้ว เรื่องของการบรรลุอริยะต้องพิจารณาอย่างจริงจัง”

“ไม่ผิด”

ทุกคนต่างพยักหน้า

หลังจากอมตะเคราะห์เก้าด่านก็คือการบรรลุอริยะ!

ระดับอริยะคือระดับที่ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามถวิลหา มุ่งหวังปรารถนาแม้ยามฝัน

นับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดผู้ฝึกปราณมีดาษดื่น ระดับราชันก็พบเห็นได้ทั่วไป มีเพียงระดับอริยะที่ไร้หนึ่งในล้าน!

เมื่อมาถึงระดับนี้ก็สามารถมีอายุดุจนิรันดร์ โดดเด่นแข่งตะวันจันทรา คำพูดดุจกฎเกณฑ์ ระหว่างขยับตัวก็มีอานุภาพพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน เป็นผู้ที่ยืนตระหง่านเหนือทุกคน

ก่อนหน้านี้นานแล้ว หลินสวินก็รู้ชัดว่าหากหมายกลายเป็นอริยะนั้นยากยิ่ง!

ระดับนี้ต้องช่วงชิงโชคชะตา พวกที่ไม่มีปณิธานแน่วแน่หรือความอาจหาญมากพอ แทบไม่มีหวังจะก้าวเข้าสู่ระดับนี้

และการบรรลุมกุฎอริยะก็ยิ่งยาก

“ระดับอริยะแบ่งออกเป็นแท้เทียม ในดินแดนรกร้างโบราณ อริยะส่วนใหญ่ล้วนแต่ถือว่าเป็นอริยะเทียม ก้าวตามหนทางของคนรุ่นก่อน ทั้งประสบความสำเร็จได้จำกัด แตกต่างจากอริยะแท้จริงราวฟ้ากับดิน”

นกทมิฬกล่าวเสียงขรึม “แม้แต่สมัยบรรพกาลก็เป็นเช่นนี้ หนทางแห่งอริยะแท้จริงก็เหมือนคูสวรรค์ ผู้ที่สามารถก้าวผ่านไปได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นหากได้ ‘อริยะนำพา’ นั่นมา สำหรับพวกเราอาจเพิ่มความเป็นไปได้ยามบรรลุอริยะขึ้นมาได้บ้าง”

“พวกเราต้องการบรรลุมกุฎอริยะ ในอดีตอาจไม่มีหนทาง แต่ตอนนี้กลับต่างออกไป มหายุคมาเยือน นับแต่โบราณมาไม่เคยมีมาก่อน ที่นกทมิฬพูดนั้นไม่ผิด โอกาสนี้จำเป็นต้องแย่งมาให้ได้”

เจ้าคางคกกล่าวจริงจัง

“พี่ใหญ่ เจ้าเห็นว่าอย่างไร”

อาหลู่เหลือบสายตาไปยังหลินสวิน

“ทุ่มเทให้สุด แค่ทำเต็มที่ก็พอ”

หลินสวินมีความคิดที่ต่างออกไปต่อมรรคาของตัวเอง

เขายังจำได้ ปีนั้นยามออกจากจักรวรรดิจื่อเย่า จักรพรรดิเคยบอกเขาว่าหากปรารถนาหาจุดเปลี่ยนของการบรรลุอริยะ สามารถกลับมาเสาะหาในโลกชั้นล่าง!

โลกชั้นล่าง แม้จะถูกดินแดนรกร้างโบราณมองเป็นพื้นที่แห่งความแร้นแค้นล้าหลัง แต่มีเพียงหลินสวินที่รู้ว่าโลกชั้นล่างซ่อนความลับยิ่งใหญ่ไว้มากมาย

อย่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ก็อยู่ที่โลกชั้นล่าง

หรืออย่างส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณก็มี ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ แห่งหนึ่ง ภายในซ่อนปริศนาอันน่าหวาดกลัว

หรืออย่างสมรภูมิกระหายเลือด ป่าต้นหม่อนอีก…

“ก็ดี”

พวกเจ้าคางคกเห็นดังนี้ต่างก็รู้ว่า เรื่องเร่งด่วนของหลินสวินคือการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ไม่ใช่การพิจารณาว่าจะไปเข้าร่วมช่วงชิงในแดนยอดมรดกหรือไม่

แต่พวกเขาก็รู้ชัดว่าหากมีโอกาสแม้เพียงเสี้ยว หลินสวินต้องไม่ยอมพลาดแน่!

………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+