Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1339 เป็นใครกันแน่

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1339 เป็นใครกันแน่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ใช่แล้วคุณชาย”

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างเจือแววระวัง

หลายปีมานี้ถึงแม้ปราณของไฉไฉ่จะไม่ได้คืบหน้ามากนัก แต่ประสบการณ์กลับมีเหลือเฟือ

ถึงอย่างไรการที่สามารถมีชีวิตรอดในแดนมกุฎอันเหี้ยมโหดนองเลือดมาจนป่านนี้ ไม่ใช่แค่โชคช่วยสองคำนี้จะทำได้อย่างแน่นอน

นางมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดดำตรงหน้านี้คือราชันผู้หนึ่ง แถมปราณยังสูงถึงที่สุด อย่างน้อยก็อยู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า!

แดนเผาเซียนในตอนนี้ อมตะเคราะห์ด่านห้าก็เรียกได้ว่าเป็นจอมราชันระดับสูงสุด ไม่มีใครกล้าล่วงเกินแล้ว

“เจ้ามีเท่าไหร่”

ชายหนุ่มชุดดำมองไฉไฉ่อย่างสนอกสนใจ

“ประมาณหนึ่งร้อยจิน”

ไฉไฉ่คำนวณคร่าวๆ และตอบกลับอย่างตั้งใจ

“นี่คือโอสถราชันสิบต้น เชื่อว่าเพียงพอจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงทั้งหมดของเจ้าได้แล้ว”

ชายหนุ่มชุดดำล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ไฉไฉ่

ขณะพูดสายตาเขาจับจ้องเด็กสาวเบื้องหน้า ดวงหน้าเกลี้ยงเกลางามงอน สะอาดหมดจดเสียจริง พาให้ผู้คนยิ่งมองยิ่งชอบ

โดยเฉพาะทั่วตัวเด็กสาวมีกลิ่นอายงามบริสุทธิ์โดยเนื้อแท้ สดใหม่ไม่ซ้ำใคร งามล้ำจนอยากกลืนกิน

ชายหนุ่มชุดดำถือดีว่าหลายปีมานี้เคยเห็นหญิงงามล้ำมาไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเด็กสาวตรงหน้าแล้วต่างดูดาษดื่นพื้นๆ ไปในทันที

“ขอบคุณคุณชายมาก”

ไฉไฉ่พยักหน้า ยื่นโถดินเผาที่กอดไว้ออกมาให้อย่างน่ามอง ส่งมอบไปให้

ชายหนุ่มชุดดำรับมาถือไว้ในมือแต่กลับไม่เหลือบมองสักนิด สายตาเอาแต่จ้องเด็กสาวเบื้องหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้างกายข้ายังขาดสาวใช้คนสนิทอยู่คนหนึ่ง หากแม่นางยินยอม จากนี้สามารถติดตามอยู่ข้างกายข้าได้”

น้ำเสียงราเรียบ แต่กลับเจือกลิ่นอายจองหองและหยิ่งยโส

เหมือนดั่งการได้ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเขาเป็นเกียรติยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณความหวังดีของคุณชายอย่างยิ่ง”

คราวนี้นางถึงเข้าใจ อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิง แต่ตั้งใจจะรับตนเป็นสาวใช้ต่างหาก

ชายหนุ่มชุดดำอึ้งไป อาศัยสถานะของเขาบวกกับปราณในปัจจุบัน แค่โบกมือลวกๆ คราเดียวก็มีผู้หญิงมากมายโผเข้าสู่อ้อมกอดแล้ว

แต่ยามนี้เขาถึงกับถูกปฏิเสธ!

ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสาวที่มีปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเท่านั้น

ข้างกายชายหนุ่มชุดดำยังมีผู้ชายร่างสูงกำยำคนหนึ่งติดตามมาด้วย หลังจากได้ยินเช่นนี้สีหน้าพลันบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ มองเด็กสาวที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้อย่างเย็นชา

ชายหนุ่มชุดดำโบกมือ ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ข้างกายอย่าได้ข่มขู่เด็กสาวคนงามตรงหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน แม่นางเจ้าลองคิดดูก่อนก็ได้ ข้าไม่อยากบังคับใจเจ้า แต่เจ้ารับโอสถราชันสิบต้นของข้าไปแล้ว หากปฏิเสธข้าทั้งอย่างนี้เกรงว่า… คงไม่ดีกระมัง”

ในใจเขารู้สึกเหยียดหยันยิ่งนัก น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงหนึ่งร้อยจิน อย่างมากสุดก็มีค่าแค่โอสถราชันแปดต้นเท่านั้น เขาเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าต้องเข้าใจความหมายของตนอย่างแน่นอน

“คุณชาย คืนให้ท่าน น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงข้าไม่ขายแล้ว”

ไฉไฉ่สูดหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก ดวงหน้าน้อยงามงอนสะอาดหมดจดเปี่ยมด้วยแววจริงจัง ยื่นถุงเก็บของที่เดิมทีเป็นของชายหนุ่มชุดดำกลับคืนไป

ชายหนุ่มชุดดำตะลึง หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาน้อยๆ

ปฏิกิริยาของเด็กสาวตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกไม่อภิรมย์ ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก นางเห็นว่าตนเป็นคนสำคัญจริงๆ หรือ

“เฮอะ แม่นางน้อย เจ้าทำแบบนี้ดูไม่ค่อยมีหัวคิดเท่าไหร่ ในเมื่อรับของของคุณชายข้าไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าจะปฏิเสธได้!”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป ร้องโพล่งเสียงเย็นชา

แค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เหยียบย่างสู่ระดับราชันด้วยซ้ำ การถูกคุณชายหมายตาเป็นเรื่องโชคดีปานใด แต่นางดันไม่รู้จักดีชั่ว!

ดวงหน้างามของไฉไฉ่เริ่มซีด ขบริมฝีปากชุ่มฉ่ำเบาๆ ตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว

นางเป็นทายาทเผ่าทอเมฆา ลักษณะของเผ่าพันธุ์นี้ล้วนไม่สุงสิงทางโลก อุปนิสัยใจดีมีเมตตา และถูกมองเป็น ‘พวกขี้ขลาด’ อยู่ร่ำไป

ไฉไฉ่ขบฟันแน่นกล่าวว่า “ข้ากับคุณชายหลินเป็นสหายกัน หากให้เขารู้ว่าพวกท่านทำกับข้าเช่นนี้ต้องโกรธมากแน่ๆ”

เมื่อได้ยินประโยคนุ่มนวลเช่นนี้ ชายหนุ่มชุดดำและข้ารับใช้ข้างกายต่างเบิกบานขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เห็นชัดว่าแม้แต่ข่มขู่เด็กสาวคนนี้ยังทำไม่เป็น ช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าลองว่ามา เป็นคุณชายหลินที่โผล่มาจากที่ไหน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ในแดนเผาเซียนมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำเอ่ยถาม เจือแววล้อเลียนเย้าแหย่เสี้ยวหนึ่ง

“คุณชายหลิน หลินสวิน”

ไฉไฉ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินสวิน!

พอเอ่ยชื่อนี้ออกมา สองนายบ่าวต่างใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ

เทพมารหลิน ใครจะไม่รู้จักบ้าง

ตอนที่เข้าเมืองเผาเซียนมาปีแรก เขาก็เข่นฆ่าจนในเมืองเผาเซียนเลือนนองเป็ยสายน้ำ

อาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทอง เขาวิญญาณหมื่นอสูร สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ล้วนถูกเขาถอนรากถอนโคน ทำเอาทั่วแดนเผาเซียนยังสั่นสะเทือนแตกตื่นกันหมด

ต่อมาเทพมารหลินยิ่งใช้ปราณระดับมกุฎราชันเข้าสู่แดนเก้าบน!

พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวย่อมไม่มีทางไม่รู้จักความน่ากลัวของหลินสวิน

ถึงจะบอกว่าเก้าปีมานี้แดนเผาเซียนไม่มีข่าวคราวของหลินสวินมานานแล้ว แต่ในด้านชื่อเสียงของเขา จวบจนบัดนี้ก็ยังโจษจันอยู่ในแดนเผาเซียน

ในช่วงหลายปีมานี้คนมากมายต่างคาดเดา ว่าเทพมารหลินที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนต้องประสบเคราะห์แน่ เพราะศัตรูคู่แค้นของเขามากมายเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้สักนิดที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจโบราณพวกนั้นได้

และก็มีคนที่ไม่ได้คิดเช่นนี้เหมือนกัน

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในแดนเผาเซียนหลินสวินก็เป็น ‘คนดัง’ คนหนึ่งแน่นอน

“น่าขัน หลินสวินถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่ง แต่คนระดับนี้จะมาเป็นสหายกับสาวน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้าได้อย่างไร”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทำหน้าหยามเหยียด คิดว่าไฉไฉ่กำลังเขียนเสือให้วัวกลัว ข่มขู่พวกเขาอยู่ ช่างเป็นลูกไม้ตื้นๆ ยิ่งนัก

เวลานี้ชายหนุ่มชุดดำก็ดึงสติกลับมาแล้ว สีหน้าเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ผ่านไปเก้าปีแล้ว เขาหลินสวินเกรงว่าคงชะตาขาดไม่อาจรอดชีวิตกลับมาจากแดนเก้าบนตั้งนานแล้ว เจ้ากลับเอาเขามาข่มขู่ข้า แม่นาง เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าใช้กำลังกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”

น้ำเสียงเจือแววเยียบเย็น

ไฉไฉ่มือไม้เย็นเฉียบ สั่นเทิ้มทั้งร่าง นางไม่เคยคิดเลยว่าตอนที่ใกล้จะออกจากแดนมกุฎ ถึงกับมาเจอเรื่องเดือนร้อนโดยใช่เหตุแบบนี้เสียได้

ท่าทีของพวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวพาให้นางรู้สึกอับจนหนทางและสิ้นหวัง ด้วยพลังของนางมีหรือจะหลุดรอดอย่างปลอดภัยได้

ตูม!

และในยามนี้เอง บนเวิ้งฟ้าเหนือหอมกุฎในแดนเผาเซียน จู่ๆ ก็เกิดเสียงกระหึ่มแปลกๆ ดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน

จากนั้นอุโมงค์อากาศสายหนึ่งปรากฏขึ้นในเวิ้งฟ้า

ชั่วขณะนั้นผู้บำเพ็ญเพียรทั้งนอกในแดนเผาเซียนต่างพากันหยุดมือ ทอดสายตามองไปทางอุโมงค์อากาศนั้น

“ผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนจะกลับมาแล้ว!”

มีคนร้องลั่นอย่างตื่นเต้น

เวลาเก้าปีผ่านไป ผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นขอบเขตมกุฎระดับราชันเหล่านั้น กำลังจะกลับมาแดนเผาเซียนอีกครั้ง ในเก้าปีนี้ปราณของพวกเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันนะ

และเก้าปีมานี้ มีผู้แข็งแกร่งฝังร่างที่แดนเก้าบน กลับมาไม่ได้อีกมากน้อยแค่ไหน

ทุกคนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด

แม้แต่พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวก็ยังถูกภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ตกใจ

“แม่นาง เจ้าคงไม่คิดว่าหลินสวินยังมีหวังจะกลับมากระมัง”

ชายหนุ่มชุดดำสังเกตเห็นว่า ไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้างเวลานี้สีหน้าทอประกายความหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง นัยน์ตาสุกใสดุจอัญมณีทอแสงแพรวพราว

สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

ไฉไฉ่เม้มปาก นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ

ตูม!

เงาร่างเรืองรองสายหนึ่ง คนแรกที่เดินออกมาจากอุโมงค์อากาศเป็นชายชุดเงินคนหนึ่ง บนหัวมีเขาเดี่ยวหนึ่งเขา ทั่วร่างไหลเวียนด้วยแสงมรรค ดุงดั่งเทพปรากฏสู่โลก

ทันทีที่ปรากฏตัว พลานุภาพไร้รูปที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขากระจายกว้างทั่วสิบทิศราวกับครอบฟ้าคลุมดิน พาให้ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างหายใจติดขัด หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน.ไอลีนโนเวล.

แม้แต่ชายหนุ่มชุดดำก็อดหน้าเปลี่ยนสีกะทันหันไม่ได้

แข็งแกร่งยิ่ง!

นี่ก็คืออานุภาพของขอบเขตมกุฎระดับราชันหรือ

ชายหนุ่มชุดดำกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ถึงเขาจะมีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า แต่กลับไม่ได้เหยียบย่างในขอบเขตมกุฎ

นี่ทำให้เขาวิตกกังวล ท้อแท้ และคับแค้นขมขื่นเพราะเหตุนี้อยู่เสมอมา

“เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่าแรดเงิน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาถึงกับครอบครองอานุภาพน่าสะพรึงถึงขั้นนี้…”

มีคนเอ่ยปากเสียงสั่นพร่า

สำหรับผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในแดนเผาเซียน ระดับมกุฎราชันก็เหมือนเทพสวรรค์ เป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันสักนิด!

ที่เหนือความหมายความของผู้คนคือ หลังจากผู้แข็งแกร่งเผ่าแรดเงินคนนั้นปรากฏตัวก็ไม่ได้จากไปไหน หากแต่ยืนอยู่ข้างๆ

วู้ม!

อุโมงค์อากาศเรืองแสง มีเงาร่างเดินออกมาจากในนั้นอีก ครานี้เป็นหญิงสาวที่ทั่วร่างอาบไล้ไอหมอกสีทองจางๆ เงาร่างสูงเพรียวอ้อนแอ้น

กลิ่นอายก็น่าสะพรึงจนชวนตกใจเช่นเดียวกัน!

“สวรรค์! นั่นไม่ใช่ธิดาเทพเผ่าสมเสร็จทองหรอกหรือ ดูกลิ่นอายนางสิ น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

ในลานเสียงแตกตื่นฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก

และสีหน้าของชายหนุ่มชุดดำก็ยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ในใจขมขื่นและไม่ยินยอม ปีนั้นอีกแค่ก้าวเดียว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจเข้าสู่แดนเก้าบนได้ ด้วยเหตุนี้จึงพลาดโอกาสกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน

เรื่องนี้จะให้เขายินยอมได้อย่างไร

ในเวลาต่อมามกุฎราชันคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศ มีทั้งชายและหญิง ล้วนพลานุภาพคับฟ้า ท่วงท่าบารมีโดดเด่นกันทั้งสิ้น

ชั่วขณะหนึ่งทั้งในและนอกแดนเผาเซียนก็เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง เสียงร้องอุทานดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ เนิ่นนานไม่จางหาย ลุกลามเป็นทอดๆ

เพียงแต่ระดับมกุฎราชันพวกนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหลังจากมาถึงแดนเผาเซียนต่างก็ถอยไปอยู่ด้านข้าง คล้ายกับกำลังรอใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น

สิ่งนี้ทำให้ผู้คนยิ่งตั้งตาคอยขึ้นกว่าเก่า เป็นมกุฎราชันคนไหนกันแน่ที่มีพลานุภาพยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถึงกับทำให้มกุฎราชันตั้งมากมายเช่นนี้เฝ้ารอได้

“นานขนาดนี้แล้ว ‘คุณชายหลิน’ ที่เจ้าตั้งตาคอยกลับไม่เคยปรากฏตัว เจ้าคิดว่าเขายังมีโอกาสรอดอยู่อีกหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำชำเลืองมองไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้าง

ไฉไฉ่สีหน้าเซื่องซึม แต่ยังคงกล่าวอย่างหนักแน่น “คุณชายหลินเป็นคนดีคนหนึ่ง คนดีย่อมรอดกลับมาได้แน่”

คนดี?

ชายหนุ่มชุดดำแค่นหัวเราะ เขาหลินสวินถูกจัดให้เป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ช่างเป็นเรื่องน่าขันหลุดโลกชัดๆ!

“คุณชาย เป็นนายน้อยขอรับ!”

ทันใดนั้นข้ารับใช้ร่างกำยำที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากอย่างตื่นเต้น

ชายหนุ่มชุดดำเงยหน้าขวับ ก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศนั่น ผมเงินทั่วศีรษะ ท่วงท่าองอาจห้าวหาญ กลางหว่างคิ้วมีไฝสีแดงเม็ดหนึ่ง เป็นนายน้อยนั่นเอง!

“นายน้อยเองก็เหยียบย่างขอบเขตมกุฎแล้ว หนำซ้ำยังรอดชีวิตกลับมาด้วย!”

ชายหนุ่มชุดดำตื่นเต้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน ปลื้มปริ่มดีใจไร้ใดเปรียบ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาและข้ารับใช้ข้างกายต่างตะลึงค้างคือ นายน้อยที่สูงส่งราวกับเทพในใจพวกเขา ยามนี้ก็ยังหลบไปอยู่ข้างๆ เหมือนกับมกุฎราชันคนอื่นๆ

“นี่…”

พวกชายหนุ่มชุดดำต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก

แม้แต่นายน้อยยังต้องรอด้วยท่าทีต้อยต่ำเช่นนี้หรือ

เจ้าคนที่ยังไม่ทันได้ปรากฏตัวก็ทำให้บุคคลขอบเขตมกุฎต้องรอคอยมากมายเช่นนี้ เป็นใครกันแน่

——

“ใช่แล้วคุณชาย”

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างเจือแววระวัง

หลายปีมานี้ถึงแม้ปราณของไฉไฉ่จะไม่ได้คืบหน้ามากนัก แต่ประสบการณ์กลับมีเหลือเฟือ

ถึงอย่างไรการที่สามารถมีชีวิตรอดในแดนมกุฎอันเหี้ยมโหดนองเลือดมาจนป่านนี้ ไม่ใช่แค่โชคช่วยสองคำนี้จะทำได้อย่างแน่นอน

นางมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดดำตรงหน้านี้คือราชันผู้หนึ่ง แถมปราณยังสูงถึงที่สุด อย่างน้อยก็อยู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า!

แดนเผาเซียนในตอนนี้ อมตะเคราะห์ด่านห้าก็เรียกได้ว่าเป็นจอมราชันระดับสูงสุด ไม่มีใครกล้าล่วงเกินแล้ว

“เจ้ามีเท่าไหร่”

ชายหนุ่มชุดดำมองไฉไฉ่อย่างสนอกสนใจ

“ประมาณหนึ่งร้อยจิน”

ไฉไฉ่คำนวณคร่าวๆ และตอบกลับอย่างตั้งใจ

“นี่คือโอสถราชันสิบต้น เชื่อว่าเพียงพอจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงทั้งหมดของเจ้าได้แล้ว”

ชายหนุ่มชุดดำล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ไฉไฉ่

ขณะพูดสายตาเขาจับจ้องเด็กสาวเบื้องหน้า ดวงหน้าเกลี้ยงเกลางามงอน สะอาดหมดจดเสียจริง พาให้ผู้คนยิ่งมองยิ่งชอบ

โดยเฉพาะทั่วตัวเด็กสาวมีกลิ่นอายงามบริสุทธิ์โดยเนื้อแท้ สดใหม่ไม่ซ้ำใคร งามล้ำจนอยากกลืนกิน

ชายหนุ่มชุดดำถือดีว่าหลายปีมานี้เคยเห็นหญิงงามล้ำมาไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเด็กสาวตรงหน้าแล้วต่างดูดาษดื่นพื้นๆ ไปในทันที

“ขอบคุณคุณชายมาก”

ไฉไฉ่พยักหน้า ยื่นโถดินเผาที่กอดไว้ออกมาให้อย่างน่ามอง ส่งมอบไปให้

ชายหนุ่มชุดดำรับมาถือไว้ในมือแต่กลับไม่เหลือบมองสักนิด สายตาเอาแต่จ้องเด็กสาวเบื้องหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้างกายข้ายังขาดสาวใช้คนสนิทอยู่คนหนึ่ง หากแม่นางยินยอม จากนี้สามารถติดตามอยู่ข้างกายข้าได้”

น้ำเสียงราเรียบ แต่กลับเจือกลิ่นอายจองหองและหยิ่งยโส

เหมือนดั่งการได้ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเขาเป็นเกียรติยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณความหวังดีของคุณชายอย่างยิ่ง”

คราวนี้นางถึงเข้าใจ อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิง แต่ตั้งใจจะรับตนเป็นสาวใช้ต่างหาก

ชายหนุ่มชุดดำอึ้งไป อาศัยสถานะของเขาบวกกับปราณในปัจจุบัน แค่โบกมือลวกๆ คราเดียวก็มีผู้หญิงมากมายโผเข้าสู่อ้อมกอดแล้ว

แต่ยามนี้เขาถึงกับถูกปฏิเสธ!

ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสาวที่มีปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเท่านั้น

ข้างกายชายหนุ่มชุดดำยังมีผู้ชายร่างสูงกำยำคนหนึ่งติดตามมาด้วย หลังจากได้ยินเช่นนี้สีหน้าพลันบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ มองเด็กสาวที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้อย่างเย็นชา

ชายหนุ่มชุดดำโบกมือ ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ข้างกายอย่าได้ข่มขู่เด็กสาวคนงามตรงหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน แม่นางเจ้าลองคิดดูก่อนก็ได้ ข้าไม่อยากบังคับใจเจ้า แต่เจ้ารับโอสถราชันสิบต้นของข้าไปแล้ว หากปฏิเสธข้าทั้งอย่างนี้เกรงว่า… คงไม่ดีกระมัง”

ในใจเขารู้สึกเหยียดหยันยิ่งนัก น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงหนึ่งร้อยจิน อย่างมากสุดก็มีค่าแค่โอสถราชันแปดต้นเท่านั้น เขาเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าต้องเข้าใจความหมายของตนอย่างแน่นอน

“คุณชาย คืนให้ท่าน น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงข้าไม่ขายแล้ว”

ไฉไฉ่สูดหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก ดวงหน้าน้อยงามงอนสะอาดหมดจดเปี่ยมด้วยแววจริงจัง ยื่นถุงเก็บของที่เดิมทีเป็นของชายหนุ่มชุดดำกลับคืนไป

ชายหนุ่มชุดดำตะลึง หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาน้อยๆ

ปฏิกิริยาของเด็กสาวตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกไม่อภิรมย์ ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก นางเห็นว่าตนเป็นคนสำคัญจริงๆ หรือ

“เฮอะ แม่นางน้อย เจ้าทำแบบนี้ดูไม่ค่อยมีหัวคิดเท่าไหร่ ในเมื่อรับของของคุณชายข้าไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าจะปฏิเสธได้!”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป ร้องโพล่งเสียงเย็นชา

แค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เหยียบย่างสู่ระดับราชันด้วยซ้ำ การถูกคุณชายหมายตาเป็นเรื่องโชคดีปานใด แต่นางดันไม่รู้จักดีชั่ว!

ดวงหน้างามของไฉไฉ่เริ่มซีด ขบริมฝีปากชุ่มฉ่ำเบาๆ ตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว

นางเป็นทายาทเผ่าทอเมฆา ลักษณะของเผ่าพันธุ์นี้ล้วนไม่สุงสิงทางโลก อุปนิสัยใจดีมีเมตตา และถูกมองเป็น ‘พวกขี้ขลาด’ อยู่ร่ำไป

ไฉไฉ่ขบฟันแน่นกล่าวว่า “ข้ากับคุณชายหลินเป็นสหายกัน หากให้เขารู้ว่าพวกท่านทำกับข้าเช่นนี้ต้องโกรธมากแน่ๆ”

เมื่อได้ยินประโยคนุ่มนวลเช่นนี้ ชายหนุ่มชุดดำและข้ารับใช้ข้างกายต่างเบิกบานขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เห็นชัดว่าแม้แต่ข่มขู่เด็กสาวคนนี้ยังทำไม่เป็น ช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าลองว่ามา เป็นคุณชายหลินที่โผล่มาจากที่ไหน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ในแดนเผาเซียนมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำเอ่ยถาม เจือแววล้อเลียนเย้าแหย่เสี้ยวหนึ่ง

“คุณชายหลิน หลินสวิน”

ไฉไฉ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินสวิน!

พอเอ่ยชื่อนี้ออกมา สองนายบ่าวต่างใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ

เทพมารหลิน ใครจะไม่รู้จักบ้าง

ตอนที่เข้าเมืองเผาเซียนมาปีแรก เขาก็เข่นฆ่าจนในเมืองเผาเซียนเลือนนองเป็ยสายน้ำ

อาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทอง เขาวิญญาณหมื่นอสูร สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ล้วนถูกเขาถอนรากถอนโคน ทำเอาทั่วแดนเผาเซียนยังสั่นสะเทือนแตกตื่นกันหมด

ต่อมาเทพมารหลินยิ่งใช้ปราณระดับมกุฎราชันเข้าสู่แดนเก้าบน!

พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวย่อมไม่มีทางไม่รู้จักความน่ากลัวของหลินสวิน

ถึงจะบอกว่าเก้าปีมานี้แดนเผาเซียนไม่มีข่าวคราวของหลินสวินมานานแล้ว แต่ในด้านชื่อเสียงของเขา จวบจนบัดนี้ก็ยังโจษจันอยู่ในแดนเผาเซียน

ในช่วงหลายปีมานี้คนมากมายต่างคาดเดา ว่าเทพมารหลินที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนต้องประสบเคราะห์แน่ เพราะศัตรูคู่แค้นของเขามากมายเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้สักนิดที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจโบราณพวกนั้นได้

และก็มีคนที่ไม่ได้คิดเช่นนี้เหมือนกัน

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในแดนเผาเซียนหลินสวินก็เป็น ‘คนดัง’ คนหนึ่งแน่นอน

“น่าขัน หลินสวินถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่ง แต่คนระดับนี้จะมาเป็นสหายกับสาวน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้าได้อย่างไร”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทำหน้าหยามเหยียด คิดว่าไฉไฉ่กำลังเขียนเสือให้วัวกลัว ข่มขู่พวกเขาอยู่ ช่างเป็นลูกไม้ตื้นๆ ยิ่งนัก

เวลานี้ชายหนุ่มชุดดำก็ดึงสติกลับมาแล้ว สีหน้าเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ผ่านไปเก้าปีแล้ว เขาหลินสวินเกรงว่าคงชะตาขาดไม่อาจรอดชีวิตกลับมาจากแดนเก้าบนตั้งนานแล้ว เจ้ากลับเอาเขามาข่มขู่ข้า แม่นาง เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าใช้กำลังกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”

น้ำเสียงเจือแววเยียบเย็น

ไฉไฉ่มือไม้เย็นเฉียบ สั่นเทิ้มทั้งร่าง นางไม่เคยคิดเลยว่าตอนที่ใกล้จะออกจากแดนมกุฎ ถึงกับมาเจอเรื่องเดือนร้อนโดยใช่เหตุแบบนี้เสียได้

ท่าทีของพวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวพาให้นางรู้สึกอับจนหนทางและสิ้นหวัง ด้วยพลังของนางมีหรือจะหลุดรอดอย่างปลอดภัยได้

ตูม!

และในยามนี้เอง บนเวิ้งฟ้าเหนือหอมกุฎในแดนเผาเซียน จู่ๆ ก็เกิดเสียงกระหึ่มแปลกๆ ดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน

จากนั้นอุโมงค์อากาศสายหนึ่งปรากฏขึ้นในเวิ้งฟ้า

ชั่วขณะนั้นผู้บำเพ็ญเพียรทั้งนอกในแดนเผาเซียนต่างพากันหยุดมือ ทอดสายตามองไปทางอุโมงค์อากาศนั้น

“ผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนจะกลับมาแล้ว!”

มีคนร้องลั่นอย่างตื่นเต้น

เวลาเก้าปีผ่านไป ผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นขอบเขตมกุฎระดับราชันเหล่านั้น กำลังจะกลับมาแดนเผาเซียนอีกครั้ง ในเก้าปีนี้ปราณของพวกเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันนะ

และเก้าปีมานี้ มีผู้แข็งแกร่งฝังร่างที่แดนเก้าบน กลับมาไม่ได้อีกมากน้อยแค่ไหน

ทุกคนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด

แม้แต่พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวก็ยังถูกภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ตกใจ

“แม่นาง เจ้าคงไม่คิดว่าหลินสวินยังมีหวังจะกลับมากระมัง”

ชายหนุ่มชุดดำสังเกตเห็นว่า ไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้างเวลานี้สีหน้าทอประกายความหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง นัยน์ตาสุกใสดุจอัญมณีทอแสงแพรวพราว

สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

ไฉไฉ่เม้มปาก นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ

ตูม!

เงาร่างเรืองรองสายหนึ่ง คนแรกที่เดินออกมาจากอุโมงค์อากาศเป็นชายชุดเงินคนหนึ่ง บนหัวมีเขาเดี่ยวหนึ่งเขา ทั่วร่างไหลเวียนด้วยแสงมรรค ดุงดั่งเทพปรากฏสู่โลก

ทันทีที่ปรากฏตัว พลานุภาพไร้รูปที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขากระจายกว้างทั่วสิบทิศราวกับครอบฟ้าคลุมดิน พาให้ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างหายใจติดขัด หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน.ไอลีนโนเวล.

แม้แต่ชายหนุ่มชุดดำก็อดหน้าเปลี่ยนสีกะทันหันไม่ได้

แข็งแกร่งยิ่ง!

นี่ก็คืออานุภาพของขอบเขตมกุฎระดับราชันหรือ

ชายหนุ่มชุดดำกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ถึงเขาจะมีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า แต่กลับไม่ได้เหยียบย่างในขอบเขตมกุฎ

นี่ทำให้เขาวิตกกังวล ท้อแท้ และคับแค้นขมขื่นเพราะเหตุนี้อยู่เสมอมา

“เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่าแรดเงิน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาถึงกับครอบครองอานุภาพน่าสะพรึงถึงขั้นนี้…”

มีคนเอ่ยปากเสียงสั่นพร่า

สำหรับผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในแดนเผาเซียน ระดับมกุฎราชันก็เหมือนเทพสวรรค์ เป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันสักนิด!

ที่เหนือความหมายความของผู้คนคือ หลังจากผู้แข็งแกร่งเผ่าแรดเงินคนนั้นปรากฏตัวก็ไม่ได้จากไปไหน หากแต่ยืนอยู่ข้างๆ

วู้ม!

อุโมงค์อากาศเรืองแสง มีเงาร่างเดินออกมาจากในนั้นอีก ครานี้เป็นหญิงสาวที่ทั่วร่างอาบไล้ไอหมอกสีทองจางๆ เงาร่างสูงเพรียวอ้อนแอ้น

กลิ่นอายก็น่าสะพรึงจนชวนตกใจเช่นเดียวกัน!

“สวรรค์! นั่นไม่ใช่ธิดาเทพเผ่าสมเสร็จทองหรอกหรือ ดูกลิ่นอายนางสิ น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

ในลานเสียงแตกตื่นฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก

และสีหน้าของชายหนุ่มชุดดำก็ยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ในใจขมขื่นและไม่ยินยอม ปีนั้นอีกแค่ก้าวเดียว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจเข้าสู่แดนเก้าบนได้ ด้วยเหตุนี้จึงพลาดโอกาสกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน

เรื่องนี้จะให้เขายินยอมได้อย่างไร

ในเวลาต่อมามกุฎราชันคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศ มีทั้งชายและหญิง ล้วนพลานุภาพคับฟ้า ท่วงท่าบารมีโดดเด่นกันทั้งสิ้น

ชั่วขณะหนึ่งทั้งในและนอกแดนเผาเซียนก็เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง เสียงร้องอุทานดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ เนิ่นนานไม่จางหาย ลุกลามเป็นทอดๆ

เพียงแต่ระดับมกุฎราชันพวกนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหลังจากมาถึงแดนเผาเซียนต่างก็ถอยไปอยู่ด้านข้าง คล้ายกับกำลังรอใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น

สิ่งนี้ทำให้ผู้คนยิ่งตั้งตาคอยขึ้นกว่าเก่า เป็นมกุฎราชันคนไหนกันแน่ที่มีพลานุภาพยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถึงกับทำให้มกุฎราชันตั้งมากมายเช่นนี้เฝ้ารอได้

“นานขนาดนี้แล้ว ‘คุณชายหลิน’ ที่เจ้าตั้งตาคอยกลับไม่เคยปรากฏตัว เจ้าคิดว่าเขายังมีโอกาสรอดอยู่อีกหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำชำเลืองมองไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้าง

ไฉไฉ่สีหน้าเซื่องซึม แต่ยังคงกล่าวอย่างหนักแน่น “คุณชายหลินเป็นคนดีคนหนึ่ง คนดีย่อมรอดกลับมาได้แน่”

คนดี?

ชายหนุ่มชุดดำแค่นหัวเราะ เขาหลินสวินถูกจัดให้เป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ช่างเป็นเรื่องน่าขันหลุดโลกชัดๆ!

“คุณชาย เป็นนายน้อยขอรับ!”

ทันใดนั้นข้ารับใช้ร่างกำยำที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากอย่างตื่นเต้น

ชายหนุ่มชุดดำเงยหน้าขวับ ก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศนั่น ผมเงินทั่วศีรษะ ท่วงท่าองอาจห้าวหาญ กลางหว่างคิ้วมีไฝสีแดงเม็ดหนึ่ง เป็นนายน้อยนั่นเอง!

“นายน้อยเองก็เหยียบย่างขอบเขตมกุฎแล้ว หนำซ้ำยังรอดชีวิตกลับมาด้วย!”

ชายหนุ่มชุดดำตื่นเต้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน ปลื้มปริ่มดีใจไร้ใดเปรียบ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาและข้ารับใช้ข้างกายต่างตะลึงค้างคือ นายน้อยที่สูงส่งราวกับเทพในใจพวกเขา ยามนี้ก็ยังหลบไปอยู่ข้างๆ เหมือนกับมกุฎราชันคนอื่นๆ

“นี่…”

พวกชายหนุ่มชุดดำต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก

แม้แต่นายน้อยยังต้องรอด้วยท่าทีต้อยต่ำเช่นนี้หรือ

เจ้าคนที่ยังไม่ทันได้ปรากฏตัวก็ทำให้บุคคลขอบเขตมกุฎต้องรอคอยมากมายเช่นนี้ เป็นใครกันแน่

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1339 เป็นใครกันแน่

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1339 เป็นใครกันแน่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ใช่แล้วคุณชาย”

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างเจือแววระวัง

หลายปีมานี้ถึงแม้ปราณของไฉไฉ่จะไม่ได้คืบหน้ามากนัก แต่ประสบการณ์กลับมีเหลือเฟือ

ถึงอย่างไรการที่สามารถมีชีวิตรอดในแดนมกุฎอันเหี้ยมโหดนองเลือดมาจนป่านนี้ ไม่ใช่แค่โชคช่วยสองคำนี้จะทำได้อย่างแน่นอน

นางมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดดำตรงหน้านี้คือราชันผู้หนึ่ง แถมปราณยังสูงถึงที่สุด อย่างน้อยก็อยู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า!

แดนเผาเซียนในตอนนี้ อมตะเคราะห์ด่านห้าก็เรียกได้ว่าเป็นจอมราชันระดับสูงสุด ไม่มีใครกล้าล่วงเกินแล้ว

“เจ้ามีเท่าไหร่”

ชายหนุ่มชุดดำมองไฉไฉ่อย่างสนอกสนใจ

“ประมาณหนึ่งร้อยจิน”

ไฉไฉ่คำนวณคร่าวๆ และตอบกลับอย่างตั้งใจ

“นี่คือโอสถราชันสิบต้น เชื่อว่าเพียงพอจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงทั้งหมดของเจ้าได้แล้ว”

ชายหนุ่มชุดดำล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ไฉไฉ่

ขณะพูดสายตาเขาจับจ้องเด็กสาวเบื้องหน้า ดวงหน้าเกลี้ยงเกลางามงอน สะอาดหมดจดเสียจริง พาให้ผู้คนยิ่งมองยิ่งชอบ

โดยเฉพาะทั่วตัวเด็กสาวมีกลิ่นอายงามบริสุทธิ์โดยเนื้อแท้ สดใหม่ไม่ซ้ำใคร งามล้ำจนอยากกลืนกิน

ชายหนุ่มชุดดำถือดีว่าหลายปีมานี้เคยเห็นหญิงงามล้ำมาไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเด็กสาวตรงหน้าแล้วต่างดูดาษดื่นพื้นๆ ไปในทันที

“ขอบคุณคุณชายมาก”

ไฉไฉ่พยักหน้า ยื่นโถดินเผาที่กอดไว้ออกมาให้อย่างน่ามอง ส่งมอบไปให้

ชายหนุ่มชุดดำรับมาถือไว้ในมือแต่กลับไม่เหลือบมองสักนิด สายตาเอาแต่จ้องเด็กสาวเบื้องหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้างกายข้ายังขาดสาวใช้คนสนิทอยู่คนหนึ่ง หากแม่นางยินยอม จากนี้สามารถติดตามอยู่ข้างกายข้าได้”

น้ำเสียงราเรียบ แต่กลับเจือกลิ่นอายจองหองและหยิ่งยโส

เหมือนดั่งการได้ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเขาเป็นเกียรติยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณความหวังดีของคุณชายอย่างยิ่ง”

คราวนี้นางถึงเข้าใจ อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิง แต่ตั้งใจจะรับตนเป็นสาวใช้ต่างหาก

ชายหนุ่มชุดดำอึ้งไป อาศัยสถานะของเขาบวกกับปราณในปัจจุบัน แค่โบกมือลวกๆ คราเดียวก็มีผู้หญิงมากมายโผเข้าสู่อ้อมกอดแล้ว

แต่ยามนี้เขาถึงกับถูกปฏิเสธ!

ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสาวที่มีปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเท่านั้น

ข้างกายชายหนุ่มชุดดำยังมีผู้ชายร่างสูงกำยำคนหนึ่งติดตามมาด้วย หลังจากได้ยินเช่นนี้สีหน้าพลันบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ มองเด็กสาวที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้อย่างเย็นชา

ชายหนุ่มชุดดำโบกมือ ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ข้างกายอย่าได้ข่มขู่เด็กสาวคนงามตรงหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน แม่นางเจ้าลองคิดดูก่อนก็ได้ ข้าไม่อยากบังคับใจเจ้า แต่เจ้ารับโอสถราชันสิบต้นของข้าไปแล้ว หากปฏิเสธข้าทั้งอย่างนี้เกรงว่า… คงไม่ดีกระมัง”

ในใจเขารู้สึกเหยียดหยันยิ่งนัก น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงหนึ่งร้อยจิน อย่างมากสุดก็มีค่าแค่โอสถราชันแปดต้นเท่านั้น เขาเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าต้องเข้าใจความหมายของตนอย่างแน่นอน

“คุณชาย คืนให้ท่าน น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงข้าไม่ขายแล้ว”

ไฉไฉ่สูดหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก ดวงหน้าน้อยงามงอนสะอาดหมดจดเปี่ยมด้วยแววจริงจัง ยื่นถุงเก็บของที่เดิมทีเป็นของชายหนุ่มชุดดำกลับคืนไป

ชายหนุ่มชุดดำตะลึง หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาน้อยๆ

ปฏิกิริยาของเด็กสาวตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกไม่อภิรมย์ ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก นางเห็นว่าตนเป็นคนสำคัญจริงๆ หรือ

“เฮอะ แม่นางน้อย เจ้าทำแบบนี้ดูไม่ค่อยมีหัวคิดเท่าไหร่ ในเมื่อรับของของคุณชายข้าไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าจะปฏิเสธได้!”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป ร้องโพล่งเสียงเย็นชา

แค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เหยียบย่างสู่ระดับราชันด้วยซ้ำ การถูกคุณชายหมายตาเป็นเรื่องโชคดีปานใด แต่นางดันไม่รู้จักดีชั่ว!

ดวงหน้างามของไฉไฉ่เริ่มซีด ขบริมฝีปากชุ่มฉ่ำเบาๆ ตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว

นางเป็นทายาทเผ่าทอเมฆา ลักษณะของเผ่าพันธุ์นี้ล้วนไม่สุงสิงทางโลก อุปนิสัยใจดีมีเมตตา และถูกมองเป็น ‘พวกขี้ขลาด’ อยู่ร่ำไป

ไฉไฉ่ขบฟันแน่นกล่าวว่า “ข้ากับคุณชายหลินเป็นสหายกัน หากให้เขารู้ว่าพวกท่านทำกับข้าเช่นนี้ต้องโกรธมากแน่ๆ”

เมื่อได้ยินประโยคนุ่มนวลเช่นนี้ ชายหนุ่มชุดดำและข้ารับใช้ข้างกายต่างเบิกบานขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เห็นชัดว่าแม้แต่ข่มขู่เด็กสาวคนนี้ยังทำไม่เป็น ช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าลองว่ามา เป็นคุณชายหลินที่โผล่มาจากที่ไหน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ในแดนเผาเซียนมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำเอ่ยถาม เจือแววล้อเลียนเย้าแหย่เสี้ยวหนึ่ง

“คุณชายหลิน หลินสวิน”

ไฉไฉ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินสวิน!

พอเอ่ยชื่อนี้ออกมา สองนายบ่าวต่างใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ

เทพมารหลิน ใครจะไม่รู้จักบ้าง

ตอนที่เข้าเมืองเผาเซียนมาปีแรก เขาก็เข่นฆ่าจนในเมืองเผาเซียนเลือนนองเป็ยสายน้ำ

อาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทอง เขาวิญญาณหมื่นอสูร สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ล้วนถูกเขาถอนรากถอนโคน ทำเอาทั่วแดนเผาเซียนยังสั่นสะเทือนแตกตื่นกันหมด

ต่อมาเทพมารหลินยิ่งใช้ปราณระดับมกุฎราชันเข้าสู่แดนเก้าบน!

พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวย่อมไม่มีทางไม่รู้จักความน่ากลัวของหลินสวิน

ถึงจะบอกว่าเก้าปีมานี้แดนเผาเซียนไม่มีข่าวคราวของหลินสวินมานานแล้ว แต่ในด้านชื่อเสียงของเขา จวบจนบัดนี้ก็ยังโจษจันอยู่ในแดนเผาเซียน

ในช่วงหลายปีมานี้คนมากมายต่างคาดเดา ว่าเทพมารหลินที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนต้องประสบเคราะห์แน่ เพราะศัตรูคู่แค้นของเขามากมายเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้สักนิดที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจโบราณพวกนั้นได้

และก็มีคนที่ไม่ได้คิดเช่นนี้เหมือนกัน

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในแดนเผาเซียนหลินสวินก็เป็น ‘คนดัง’ คนหนึ่งแน่นอน

“น่าขัน หลินสวินถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่ง แต่คนระดับนี้จะมาเป็นสหายกับสาวน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้าได้อย่างไร”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทำหน้าหยามเหยียด คิดว่าไฉไฉ่กำลังเขียนเสือให้วัวกลัว ข่มขู่พวกเขาอยู่ ช่างเป็นลูกไม้ตื้นๆ ยิ่งนัก

เวลานี้ชายหนุ่มชุดดำก็ดึงสติกลับมาแล้ว สีหน้าเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ผ่านไปเก้าปีแล้ว เขาหลินสวินเกรงว่าคงชะตาขาดไม่อาจรอดชีวิตกลับมาจากแดนเก้าบนตั้งนานแล้ว เจ้ากลับเอาเขามาข่มขู่ข้า แม่นาง เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าใช้กำลังกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”

น้ำเสียงเจือแววเยียบเย็น

ไฉไฉ่มือไม้เย็นเฉียบ สั่นเทิ้มทั้งร่าง นางไม่เคยคิดเลยว่าตอนที่ใกล้จะออกจากแดนมกุฎ ถึงกับมาเจอเรื่องเดือนร้อนโดยใช่เหตุแบบนี้เสียได้

ท่าทีของพวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวพาให้นางรู้สึกอับจนหนทางและสิ้นหวัง ด้วยพลังของนางมีหรือจะหลุดรอดอย่างปลอดภัยได้

ตูม!

และในยามนี้เอง บนเวิ้งฟ้าเหนือหอมกุฎในแดนเผาเซียน จู่ๆ ก็เกิดเสียงกระหึ่มแปลกๆ ดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน

จากนั้นอุโมงค์อากาศสายหนึ่งปรากฏขึ้นในเวิ้งฟ้า

ชั่วขณะนั้นผู้บำเพ็ญเพียรทั้งนอกในแดนเผาเซียนต่างพากันหยุดมือ ทอดสายตามองไปทางอุโมงค์อากาศนั้น

“ผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนจะกลับมาแล้ว!”

มีคนร้องลั่นอย่างตื่นเต้น

เวลาเก้าปีผ่านไป ผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นขอบเขตมกุฎระดับราชันเหล่านั้น กำลังจะกลับมาแดนเผาเซียนอีกครั้ง ในเก้าปีนี้ปราณของพวกเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันนะ

และเก้าปีมานี้ มีผู้แข็งแกร่งฝังร่างที่แดนเก้าบน กลับมาไม่ได้อีกมากน้อยแค่ไหน

ทุกคนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด

แม้แต่พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวก็ยังถูกภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ตกใจ

“แม่นาง เจ้าคงไม่คิดว่าหลินสวินยังมีหวังจะกลับมากระมัง”

ชายหนุ่มชุดดำสังเกตเห็นว่า ไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้างเวลานี้สีหน้าทอประกายความหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง นัยน์ตาสุกใสดุจอัญมณีทอแสงแพรวพราว

สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

ไฉไฉ่เม้มปาก นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ

ตูม!

เงาร่างเรืองรองสายหนึ่ง คนแรกที่เดินออกมาจากอุโมงค์อากาศเป็นชายชุดเงินคนหนึ่ง บนหัวมีเขาเดี่ยวหนึ่งเขา ทั่วร่างไหลเวียนด้วยแสงมรรค ดุงดั่งเทพปรากฏสู่โลก

ทันทีที่ปรากฏตัว พลานุภาพไร้รูปที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขากระจายกว้างทั่วสิบทิศราวกับครอบฟ้าคลุมดิน พาให้ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างหายใจติดขัด หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน.ไอลีนโนเวล.

แม้แต่ชายหนุ่มชุดดำก็อดหน้าเปลี่ยนสีกะทันหันไม่ได้

แข็งแกร่งยิ่ง!

นี่ก็คืออานุภาพของขอบเขตมกุฎระดับราชันหรือ

ชายหนุ่มชุดดำกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ถึงเขาจะมีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า แต่กลับไม่ได้เหยียบย่างในขอบเขตมกุฎ

นี่ทำให้เขาวิตกกังวล ท้อแท้ และคับแค้นขมขื่นเพราะเหตุนี้อยู่เสมอมา

“เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่าแรดเงิน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาถึงกับครอบครองอานุภาพน่าสะพรึงถึงขั้นนี้…”

มีคนเอ่ยปากเสียงสั่นพร่า

สำหรับผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในแดนเผาเซียน ระดับมกุฎราชันก็เหมือนเทพสวรรค์ เป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันสักนิด!

ที่เหนือความหมายความของผู้คนคือ หลังจากผู้แข็งแกร่งเผ่าแรดเงินคนนั้นปรากฏตัวก็ไม่ได้จากไปไหน หากแต่ยืนอยู่ข้างๆ

วู้ม!

อุโมงค์อากาศเรืองแสง มีเงาร่างเดินออกมาจากในนั้นอีก ครานี้เป็นหญิงสาวที่ทั่วร่างอาบไล้ไอหมอกสีทองจางๆ เงาร่างสูงเพรียวอ้อนแอ้น

กลิ่นอายก็น่าสะพรึงจนชวนตกใจเช่นเดียวกัน!

“สวรรค์! นั่นไม่ใช่ธิดาเทพเผ่าสมเสร็จทองหรอกหรือ ดูกลิ่นอายนางสิ น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

ในลานเสียงแตกตื่นฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก

และสีหน้าของชายหนุ่มชุดดำก็ยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ในใจขมขื่นและไม่ยินยอม ปีนั้นอีกแค่ก้าวเดียว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจเข้าสู่แดนเก้าบนได้ ด้วยเหตุนี้จึงพลาดโอกาสกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน

เรื่องนี้จะให้เขายินยอมได้อย่างไร

ในเวลาต่อมามกุฎราชันคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศ มีทั้งชายและหญิง ล้วนพลานุภาพคับฟ้า ท่วงท่าบารมีโดดเด่นกันทั้งสิ้น

ชั่วขณะหนึ่งทั้งในและนอกแดนเผาเซียนก็เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง เสียงร้องอุทานดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ เนิ่นนานไม่จางหาย ลุกลามเป็นทอดๆ

เพียงแต่ระดับมกุฎราชันพวกนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหลังจากมาถึงแดนเผาเซียนต่างก็ถอยไปอยู่ด้านข้าง คล้ายกับกำลังรอใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น

สิ่งนี้ทำให้ผู้คนยิ่งตั้งตาคอยขึ้นกว่าเก่า เป็นมกุฎราชันคนไหนกันแน่ที่มีพลานุภาพยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถึงกับทำให้มกุฎราชันตั้งมากมายเช่นนี้เฝ้ารอได้

“นานขนาดนี้แล้ว ‘คุณชายหลิน’ ที่เจ้าตั้งตาคอยกลับไม่เคยปรากฏตัว เจ้าคิดว่าเขายังมีโอกาสรอดอยู่อีกหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำชำเลืองมองไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้าง

ไฉไฉ่สีหน้าเซื่องซึม แต่ยังคงกล่าวอย่างหนักแน่น “คุณชายหลินเป็นคนดีคนหนึ่ง คนดีย่อมรอดกลับมาได้แน่”

คนดี?

ชายหนุ่มชุดดำแค่นหัวเราะ เขาหลินสวินถูกจัดให้เป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ช่างเป็นเรื่องน่าขันหลุดโลกชัดๆ!

“คุณชาย เป็นนายน้อยขอรับ!”

ทันใดนั้นข้ารับใช้ร่างกำยำที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากอย่างตื่นเต้น

ชายหนุ่มชุดดำเงยหน้าขวับ ก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศนั่น ผมเงินทั่วศีรษะ ท่วงท่าองอาจห้าวหาญ กลางหว่างคิ้วมีไฝสีแดงเม็ดหนึ่ง เป็นนายน้อยนั่นเอง!

“นายน้อยเองก็เหยียบย่างขอบเขตมกุฎแล้ว หนำซ้ำยังรอดชีวิตกลับมาด้วย!”

ชายหนุ่มชุดดำตื่นเต้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน ปลื้มปริ่มดีใจไร้ใดเปรียบ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาและข้ารับใช้ข้างกายต่างตะลึงค้างคือ นายน้อยที่สูงส่งราวกับเทพในใจพวกเขา ยามนี้ก็ยังหลบไปอยู่ข้างๆ เหมือนกับมกุฎราชันคนอื่นๆ

“นี่…”

พวกชายหนุ่มชุดดำต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก

แม้แต่นายน้อยยังต้องรอด้วยท่าทีต้อยต่ำเช่นนี้หรือ

เจ้าคนที่ยังไม่ทันได้ปรากฏตัวก็ทำให้บุคคลขอบเขตมกุฎต้องรอคอยมากมายเช่นนี้ เป็นใครกันแน่

——

“ใช่แล้วคุณชาย”

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างเจือแววระวัง

หลายปีมานี้ถึงแม้ปราณของไฉไฉ่จะไม่ได้คืบหน้ามากนัก แต่ประสบการณ์กลับมีเหลือเฟือ

ถึงอย่างไรการที่สามารถมีชีวิตรอดในแดนมกุฎอันเหี้ยมโหดนองเลือดมาจนป่านนี้ ไม่ใช่แค่โชคช่วยสองคำนี้จะทำได้อย่างแน่นอน

นางมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดดำตรงหน้านี้คือราชันผู้หนึ่ง แถมปราณยังสูงถึงที่สุด อย่างน้อยก็อยู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า!

แดนเผาเซียนในตอนนี้ อมตะเคราะห์ด่านห้าก็เรียกได้ว่าเป็นจอมราชันระดับสูงสุด ไม่มีใครกล้าล่วงเกินแล้ว

“เจ้ามีเท่าไหร่”

ชายหนุ่มชุดดำมองไฉไฉ่อย่างสนอกสนใจ

“ประมาณหนึ่งร้อยจิน”

ไฉไฉ่คำนวณคร่าวๆ และตอบกลับอย่างตั้งใจ

“นี่คือโอสถราชันสิบต้น เชื่อว่าเพียงพอจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงทั้งหมดของเจ้าได้แล้ว”

ชายหนุ่มชุดดำล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ไฉไฉ่

ขณะพูดสายตาเขาจับจ้องเด็กสาวเบื้องหน้า ดวงหน้าเกลี้ยงเกลางามงอน สะอาดหมดจดเสียจริง พาให้ผู้คนยิ่งมองยิ่งชอบ

โดยเฉพาะทั่วตัวเด็กสาวมีกลิ่นอายงามบริสุทธิ์โดยเนื้อแท้ สดใหม่ไม่ซ้ำใคร งามล้ำจนอยากกลืนกิน

ชายหนุ่มชุดดำถือดีว่าหลายปีมานี้เคยเห็นหญิงงามล้ำมาไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเด็กสาวตรงหน้าแล้วต่างดูดาษดื่นพื้นๆ ไปในทันที

“ขอบคุณคุณชายมาก”

ไฉไฉ่พยักหน้า ยื่นโถดินเผาที่กอดไว้ออกมาให้อย่างน่ามอง ส่งมอบไปให้

ชายหนุ่มชุดดำรับมาถือไว้ในมือแต่กลับไม่เหลือบมองสักนิด สายตาเอาแต่จ้องเด็กสาวเบื้องหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้างกายข้ายังขาดสาวใช้คนสนิทอยู่คนหนึ่ง หากแม่นางยินยอม จากนี้สามารถติดตามอยู่ข้างกายข้าได้”

น้ำเสียงราเรียบ แต่กลับเจือกลิ่นอายจองหองและหยิ่งยโส

เหมือนดั่งการได้ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเขาเป็นเกียรติยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง

ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณความหวังดีของคุณชายอย่างยิ่ง”

คราวนี้นางถึงเข้าใจ อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิง แต่ตั้งใจจะรับตนเป็นสาวใช้ต่างหาก

ชายหนุ่มชุดดำอึ้งไป อาศัยสถานะของเขาบวกกับปราณในปัจจุบัน แค่โบกมือลวกๆ คราเดียวก็มีผู้หญิงมากมายโผเข้าสู่อ้อมกอดแล้ว

แต่ยามนี้เขาถึงกับถูกปฏิเสธ!

ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสาวที่มีปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเท่านั้น

ข้างกายชายหนุ่มชุดดำยังมีผู้ชายร่างสูงกำยำคนหนึ่งติดตามมาด้วย หลังจากได้ยินเช่นนี้สีหน้าพลันบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ มองเด็กสาวที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้อย่างเย็นชา

ชายหนุ่มชุดดำโบกมือ ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ข้างกายอย่าได้ข่มขู่เด็กสาวคนงามตรงหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน แม่นางเจ้าลองคิดดูก่อนก็ได้ ข้าไม่อยากบังคับใจเจ้า แต่เจ้ารับโอสถราชันสิบต้นของข้าไปแล้ว หากปฏิเสธข้าทั้งอย่างนี้เกรงว่า… คงไม่ดีกระมัง”

ในใจเขารู้สึกเหยียดหยันยิ่งนัก น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงหนึ่งร้อยจิน อย่างมากสุดก็มีค่าแค่โอสถราชันแปดต้นเท่านั้น เขาเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าต้องเข้าใจความหมายของตนอย่างแน่นอน

“คุณชาย คืนให้ท่าน น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงข้าไม่ขายแล้ว”

ไฉไฉ่สูดหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก ดวงหน้าน้อยงามงอนสะอาดหมดจดเปี่ยมด้วยแววจริงจัง ยื่นถุงเก็บของที่เดิมทีเป็นของชายหนุ่มชุดดำกลับคืนไป

ชายหนุ่มชุดดำตะลึง หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาน้อยๆ

ปฏิกิริยาของเด็กสาวตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกไม่อภิรมย์ ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก นางเห็นว่าตนเป็นคนสำคัญจริงๆ หรือ

“เฮอะ แม่นางน้อย เจ้าทำแบบนี้ดูไม่ค่อยมีหัวคิดเท่าไหร่ ในเมื่อรับของของคุณชายข้าไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าจะปฏิเสธได้!”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป ร้องโพล่งเสียงเย็นชา

แค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เหยียบย่างสู่ระดับราชันด้วยซ้ำ การถูกคุณชายหมายตาเป็นเรื่องโชคดีปานใด แต่นางดันไม่รู้จักดีชั่ว!

ดวงหน้างามของไฉไฉ่เริ่มซีด ขบริมฝีปากชุ่มฉ่ำเบาๆ ตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว

นางเป็นทายาทเผ่าทอเมฆา ลักษณะของเผ่าพันธุ์นี้ล้วนไม่สุงสิงทางโลก อุปนิสัยใจดีมีเมตตา และถูกมองเป็น ‘พวกขี้ขลาด’ อยู่ร่ำไป

ไฉไฉ่ขบฟันแน่นกล่าวว่า “ข้ากับคุณชายหลินเป็นสหายกัน หากให้เขารู้ว่าพวกท่านทำกับข้าเช่นนี้ต้องโกรธมากแน่ๆ”

เมื่อได้ยินประโยคนุ่มนวลเช่นนี้ ชายหนุ่มชุดดำและข้ารับใช้ข้างกายต่างเบิกบานขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เห็นชัดว่าแม้แต่ข่มขู่เด็กสาวคนนี้ยังทำไม่เป็น ช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าลองว่ามา เป็นคุณชายหลินที่โผล่มาจากที่ไหน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ในแดนเผาเซียนมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำเอ่ยถาม เจือแววล้อเลียนเย้าแหย่เสี้ยวหนึ่ง

“คุณชายหลิน หลินสวิน”

ไฉไฉ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินสวิน!

พอเอ่ยชื่อนี้ออกมา สองนายบ่าวต่างใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ

เทพมารหลิน ใครจะไม่รู้จักบ้าง

ตอนที่เข้าเมืองเผาเซียนมาปีแรก เขาก็เข่นฆ่าจนในเมืองเผาเซียนเลือนนองเป็ยสายน้ำ

อาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทอง เขาวิญญาณหมื่นอสูร สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ล้วนถูกเขาถอนรากถอนโคน ทำเอาทั่วแดนเผาเซียนยังสั่นสะเทือนแตกตื่นกันหมด

ต่อมาเทพมารหลินยิ่งใช้ปราณระดับมกุฎราชันเข้าสู่แดนเก้าบน!

พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวย่อมไม่มีทางไม่รู้จักความน่ากลัวของหลินสวิน

ถึงจะบอกว่าเก้าปีมานี้แดนเผาเซียนไม่มีข่าวคราวของหลินสวินมานานแล้ว แต่ในด้านชื่อเสียงของเขา จวบจนบัดนี้ก็ยังโจษจันอยู่ในแดนเผาเซียน

ในช่วงหลายปีมานี้คนมากมายต่างคาดเดา ว่าเทพมารหลินที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนต้องประสบเคราะห์แน่ เพราะศัตรูคู่แค้นของเขามากมายเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้สักนิดที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจโบราณพวกนั้นได้

และก็มีคนที่ไม่ได้คิดเช่นนี้เหมือนกัน

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในแดนเผาเซียนหลินสวินก็เป็น ‘คนดัง’ คนหนึ่งแน่นอน

“น่าขัน หลินสวินถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่ง แต่คนระดับนี้จะมาเป็นสหายกับสาวน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้าได้อย่างไร”

ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทำหน้าหยามเหยียด คิดว่าไฉไฉ่กำลังเขียนเสือให้วัวกลัว ข่มขู่พวกเขาอยู่ ช่างเป็นลูกไม้ตื้นๆ ยิ่งนัก

เวลานี้ชายหนุ่มชุดดำก็ดึงสติกลับมาแล้ว สีหน้าเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ผ่านไปเก้าปีแล้ว เขาหลินสวินเกรงว่าคงชะตาขาดไม่อาจรอดชีวิตกลับมาจากแดนเก้าบนตั้งนานแล้ว เจ้ากลับเอาเขามาข่มขู่ข้า แม่นาง เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าใช้กำลังกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”

น้ำเสียงเจือแววเยียบเย็น

ไฉไฉ่มือไม้เย็นเฉียบ สั่นเทิ้มทั้งร่าง นางไม่เคยคิดเลยว่าตอนที่ใกล้จะออกจากแดนมกุฎ ถึงกับมาเจอเรื่องเดือนร้อนโดยใช่เหตุแบบนี้เสียได้

ท่าทีของพวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวพาให้นางรู้สึกอับจนหนทางและสิ้นหวัง ด้วยพลังของนางมีหรือจะหลุดรอดอย่างปลอดภัยได้

ตูม!

และในยามนี้เอง บนเวิ้งฟ้าเหนือหอมกุฎในแดนเผาเซียน จู่ๆ ก็เกิดเสียงกระหึ่มแปลกๆ ดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน

จากนั้นอุโมงค์อากาศสายหนึ่งปรากฏขึ้นในเวิ้งฟ้า

ชั่วขณะนั้นผู้บำเพ็ญเพียรทั้งนอกในแดนเผาเซียนต่างพากันหยุดมือ ทอดสายตามองไปทางอุโมงค์อากาศนั้น

“ผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนจะกลับมาแล้ว!”

มีคนร้องลั่นอย่างตื่นเต้น

เวลาเก้าปีผ่านไป ผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นขอบเขตมกุฎระดับราชันเหล่านั้น กำลังจะกลับมาแดนเผาเซียนอีกครั้ง ในเก้าปีนี้ปราณของพวกเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันนะ

และเก้าปีมานี้ มีผู้แข็งแกร่งฝังร่างที่แดนเก้าบน กลับมาไม่ได้อีกมากน้อยแค่ไหน

ทุกคนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด

แม้แต่พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวก็ยังถูกภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ตกใจ

“แม่นาง เจ้าคงไม่คิดว่าหลินสวินยังมีหวังจะกลับมากระมัง”

ชายหนุ่มชุดดำสังเกตเห็นว่า ไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้างเวลานี้สีหน้าทอประกายความหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง นัยน์ตาสุกใสดุจอัญมณีทอแสงแพรวพราว

สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

ไฉไฉ่เม้มปาก นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ

ตูม!

เงาร่างเรืองรองสายหนึ่ง คนแรกที่เดินออกมาจากอุโมงค์อากาศเป็นชายชุดเงินคนหนึ่ง บนหัวมีเขาเดี่ยวหนึ่งเขา ทั่วร่างไหลเวียนด้วยแสงมรรค ดุงดั่งเทพปรากฏสู่โลก

ทันทีที่ปรากฏตัว พลานุภาพไร้รูปที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขากระจายกว้างทั่วสิบทิศราวกับครอบฟ้าคลุมดิน พาให้ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างหายใจติดขัด หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน.ไอลีนโนเวล.

แม้แต่ชายหนุ่มชุดดำก็อดหน้าเปลี่ยนสีกะทันหันไม่ได้

แข็งแกร่งยิ่ง!

นี่ก็คืออานุภาพของขอบเขตมกุฎระดับราชันหรือ

ชายหนุ่มชุดดำกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ถึงเขาจะมีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า แต่กลับไม่ได้เหยียบย่างในขอบเขตมกุฎ

นี่ทำให้เขาวิตกกังวล ท้อแท้ และคับแค้นขมขื่นเพราะเหตุนี้อยู่เสมอมา

“เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่าแรดเงิน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาถึงกับครอบครองอานุภาพน่าสะพรึงถึงขั้นนี้…”

มีคนเอ่ยปากเสียงสั่นพร่า

สำหรับผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในแดนเผาเซียน ระดับมกุฎราชันก็เหมือนเทพสวรรค์ เป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันสักนิด!

ที่เหนือความหมายความของผู้คนคือ หลังจากผู้แข็งแกร่งเผ่าแรดเงินคนนั้นปรากฏตัวก็ไม่ได้จากไปไหน หากแต่ยืนอยู่ข้างๆ

วู้ม!

อุโมงค์อากาศเรืองแสง มีเงาร่างเดินออกมาจากในนั้นอีก ครานี้เป็นหญิงสาวที่ทั่วร่างอาบไล้ไอหมอกสีทองจางๆ เงาร่างสูงเพรียวอ้อนแอ้น

กลิ่นอายก็น่าสะพรึงจนชวนตกใจเช่นเดียวกัน!

“สวรรค์! นั่นไม่ใช่ธิดาเทพเผ่าสมเสร็จทองหรอกหรือ ดูกลิ่นอายนางสิ น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

ในลานเสียงแตกตื่นฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก

และสีหน้าของชายหนุ่มชุดดำก็ยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ในใจขมขื่นและไม่ยินยอม ปีนั้นอีกแค่ก้าวเดียว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจเข้าสู่แดนเก้าบนได้ ด้วยเหตุนี้จึงพลาดโอกาสกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน

เรื่องนี้จะให้เขายินยอมได้อย่างไร

ในเวลาต่อมามกุฎราชันคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศ มีทั้งชายและหญิง ล้วนพลานุภาพคับฟ้า ท่วงท่าบารมีโดดเด่นกันทั้งสิ้น

ชั่วขณะหนึ่งทั้งในและนอกแดนเผาเซียนก็เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง เสียงร้องอุทานดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ เนิ่นนานไม่จางหาย ลุกลามเป็นทอดๆ

เพียงแต่ระดับมกุฎราชันพวกนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหลังจากมาถึงแดนเผาเซียนต่างก็ถอยไปอยู่ด้านข้าง คล้ายกับกำลังรอใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น

สิ่งนี้ทำให้ผู้คนยิ่งตั้งตาคอยขึ้นกว่าเก่า เป็นมกุฎราชันคนไหนกันแน่ที่มีพลานุภาพยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถึงกับทำให้มกุฎราชันตั้งมากมายเช่นนี้เฝ้ารอได้

“นานขนาดนี้แล้ว ‘คุณชายหลิน’ ที่เจ้าตั้งตาคอยกลับไม่เคยปรากฏตัว เจ้าคิดว่าเขายังมีโอกาสรอดอยู่อีกหรือ”

ชายหนุ่มชุดดำชำเลืองมองไฉไฉ่ที่อยู่ด้านข้าง

ไฉไฉ่สีหน้าเซื่องซึม แต่ยังคงกล่าวอย่างหนักแน่น “คุณชายหลินเป็นคนดีคนหนึ่ง คนดีย่อมรอดกลับมาได้แน่”

คนดี?

ชายหนุ่มชุดดำแค่นหัวเราะ เขาหลินสวินถูกจัดให้เป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ช่างเป็นเรื่องน่าขันหลุดโลกชัดๆ!

“คุณชาย เป็นนายน้อยขอรับ!”

ทันใดนั้นข้ารับใช้ร่างกำยำที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากอย่างตื่นเต้น

ชายหนุ่มชุดดำเงยหน้าขวับ ก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศนั่น ผมเงินทั่วศีรษะ ท่วงท่าองอาจห้าวหาญ กลางหว่างคิ้วมีไฝสีแดงเม็ดหนึ่ง เป็นนายน้อยนั่นเอง!

“นายน้อยเองก็เหยียบย่างขอบเขตมกุฎแล้ว หนำซ้ำยังรอดชีวิตกลับมาด้วย!”

ชายหนุ่มชุดดำตื่นเต้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน ปลื้มปริ่มดีใจไร้ใดเปรียบ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาและข้ารับใช้ข้างกายต่างตะลึงค้างคือ นายน้อยที่สูงส่งราวกับเทพในใจพวกเขา ยามนี้ก็ยังหลบไปอยู่ข้างๆ เหมือนกับมกุฎราชันคนอื่นๆ

“นี่…”

พวกชายหนุ่มชุดดำต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก

แม้แต่นายน้อยยังต้องรอด้วยท่าทีต้อยต่ำเช่นนี้หรือ

เจ้าคนที่ยังไม่ทันได้ปรากฏตัวก็ทำให้บุคคลขอบเขตมกุฎต้องรอคอยมากมายเช่นนี้ เป็นใครกันแน่

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+