Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1351 สังหารอริยะ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1351 สังหารอริยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อวี๋ซิวทั้งโกรธทั้งตะลึง!

บรรลุอริยะถึงตอนนี้ เขาผ่านศึกนองเลือดมานับไม่ถ้วน เหตุการณ์ที่อันตรายกว่านี้ก็เจอมาแล้ว

แต่ยังไม่เคยทำให้เขาโกรธขนาดนี้

คนรุ่นเยาว์ระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่ง เพราะยืมพลังประหลาดลึกลับอย่างหนึ่งก็ราวกับไร้เทียมทานแล้ว เพียงยกมือก็ทำให้เขาบาดเจ็บ!

ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนถูกมดบนพื้นกัดเข้าที่หัวใจอย่างแรง สิ่งที่ทำให้อวี๋ซิวทนไม่ได้ยิ่งกว่าอาการบาดเจ็บ คือความอับอาย!

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เพียงกระบี่เดียวเขาก็สามารถเฉือนสังหารคู่ต่อสู้ทุกคนที่ต่ำกว่าระดับอริยะได้แล้ว

แต่วันนี้กลับแตกต่าง

ชิ้ง!

อวี๋ซิวไม่อาจคิดมากความคู่ต่อสู้ก็สังหารมาแล้ว เขาเรียกอาวุธอริยะของตนออกมาอย่างไม่ลังเล

เป็นกระบี่มรรคสีแดงชาดส่องประกายโลหะเย็นเยียบเล่มหนึ่ง

เสียงกระบี่ครวญราวกับกระแสน้ำ แฝงร่องรอยกรำศึกอันยาวนาน เคยเข่นฆ่าทั่วสิบทิศกับอวี๋ซิว และเคยสังหารศัตรูมานับไม่ถ้วน!

“ฟัน!”

เขาตะโกนร้อง เงาร่างสูงยาวราวกับสูงใหญ่ไร้สิ้นสุด แขนเสื้อสั่นสะเทือน หนวดผมปลิวสะบัด ควบคุมกระบี่กลางอากาศ ฟันสังหารออกมา

ฉัวะ

กระบี่มรรคจรัสแสง ไอสังหารพลุ่งพล่าน รอบๆ หลั่งเลือดเป็นสายน้ำ กระดูกขาวกองเป็นภูเขา ไอสยดสยองทะลวงฟ้าดิน

น่ากลัวเกินไป!

ในเมืองใหญ่ที่ห่างจากที่นี่ไกลโพ้น ก็มีผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังตะลึงในขณะนี้ หวาดกลัวจนสีหน้าเปลี่ยนไป

บนถนนที่ตอนแรกครึกครื้น พลันถูกบรรยากาศกดดันอันน่ากลัวปกคลุม ฟ้าดินล้วนหม่นแสง

เสียงร้องตกใจ แตกตื่น หวาดหวั่นดังขึ้นเป็นระลอก

ส่วนพวกที่คิดว่าตนพลังปราณสูงส่ง ทะยานห้วงอากาศขึ้นมาและมองไปยังบริเวณไกลโพ้น แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็เหงื่อแตกพลั่ก จิตใจสูญเสียการควบคุม สีหน้าขาวซีด

อริยะออกโจมตี!

ที่ตรงนั้นเกิดการต่อสู้แห่งระดับอริยะที่น่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้!

สุดท้ายพวกเขาก็ร่วงตกจากห้วงอากาศอย่างสะบักสะบอมราวกับเกี๊ยวตกลงหม้อ

และในตอนนี้เองฝ่ามือของหลินสวินกดประทับ อานุภาพราวกับมหาจักรพรรดิโบราณเคลื่อนทัพ กระแทกออกมา

โครม!

เสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดินก้องสะท้อน เหนือฟ้าสูงนั่นท้องฟ้าดุจดั่งระเบิดออก แสงอริยะพร่างพราวไร้สิ้นสุดพรั่งหรูม้วนตัว ราวกับปรากฏการณ์ประหลาดวันสิ้นโลกมาเยือนในขณะนี้

จากนั้นเสียงเคร้งดังลั่น ในละอองแสงที่สาดกระเซ็นอวี๋ซิวกระอักเลือดถอยหลัง เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น เลือดย้อมทั่วตัวประหนึ่งมนุษย์เลือด!

ตูม!

แต่ไม่รอให้เขาทรงตัวได้ เงาร่างของหลินสวินก็พุ่งออกมาแล้ว เสมือนประกายแหลมคมที่ดุเดือดถึงที่สุด มีอานุภาพไร้เทียมทาน

“วัฏจักรว่างเปล่านำพา!”

ขู่หยาโจมตีมาจากอีกด้าน กระบี่มรรคสีเขียวเล่มหนึ่งโฉบพุ่งออกมา ราวกับม่านฟ้าสีเขียวแขวนตัว ชักนำพลังแห่งวัฏจักรว่างเปล่า

“ยังจะรออะไร ลงมือ สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่ซะ!”

บนรถศึกสำริดซย่าโหวเสวี่ยตะโกนก้อง หมอกดำพลุ่งพล่านทั้งตัว ทวนวงเดือนหลั่งเลือดในมือเปล่งแสงเลือดท่วมฟ้า

ใครก็ดูออกว่าพลังของหลินสวินแปลกประหลาดและน่ากลัวอย่างมาก เริ่มจากระหว่างสะบัดแขนเสื้อ ก็ซัดซย่าโหวเสวี่ยกับขู่หยาให้สะเทือนถอย

จากนั้นตามฆ่าอวี๋ซิวตลอดทาง โจมตีจนอีกฝ่ายถึงขั้นบาดเจ็บหนักกระอักเลือดไม่หยุด!

นี่เป็นมดปลวกระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่งซะที่ไหน เป็นบุคคลน่ากลัวที่สามารถสังหารอริยะได้ชัดๆ

ดังนั้นเหล่าอริยะในที่นั้นต่างออกเคลื่อนไหว!

“ปัก!”

ซางเย่แห่งเผ่าวิญญาณสมุทรชุดชาววังสีม่วงพลิ้วไหว บนศีรษะปรากฏไข่มุกกลมมนสุกใส โอบล้อมด้วยกฎเกณฑ์อริยมรรคเป็นสายๆ

ทันทีที่ปรากฏ ห้วงอากาศ สรรพสิ่ง ท้องฟ้า ฝุ่นควัน รวมถึงเส้นแสงเหมือนถูกปักไว้

แม้แต่หลินสวินที่กำลังเข่นฆ่าเต็มกำลัง เงาร่างก็ชะงักไปเช่นกัน

“มุกอริยะปักสมุทร พวกเฒ่าสารเลวถึงกับเริ่มลงมือพร้อมกันโดยไม่ห่วงหน้าแล้ว!”

เซี่ยวปู้กุยที่อยู่ห่างออกไปนัยน์ตาหดรัดลง หมายจะออกมือช่วยเหลือ แต่กลับถูกเยี่ยจิ่วเซียวที่อยู่ข้างๆ ขวางไว้

“เจ้าหนูให้เราชมการต่อสู้ เช่นนั้นพวกเราก็จะชมการต่อสู้ ดูซิว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหนกันแน่ ถึงกล้าพูดออกมาว่าจะสังหารอริยะ”

เยี่ยจิ่วเซียวสีหน้าแปลกประหลาด “หากเขาเจออันตรายจริงๆ พวกเราค่อยลงมือก็ได้”

“ไม่ผิด พวกเราเพียงต้องระวังพวกที่ซ่อนอยู่ในที่มืดก็พอแล้ว”

สายตาของเหวยฉางอวิ๋นราวกับกระบี่ กวาดมองความว่างเปล่าไกลออกไป

ตูม!

จังหวะที่คุยกันก็เห็นเงาร่างของหลินสวินขยายออกกะทันหัน จิตแห่งการเข่นฆ่าพวยพุ่งออกมาทั่วร่างกาย

แข็งแกร่งราวกับหินกล้า

กว้างใหญ่ไพศาลราวกับจักรวาลฟ้าดารา!

ไอสังหารนั่นถึงขั้นให้ความรู้สึกถึงความสมบูรณ์ เจิดจ้า และไร้ขอบเขตอย่างหนึ่งรางๆ

ภายใต้การพุ่งโจมตีของไอสังหารระดับนี้ พลังของมุกอริยะปักสมุทรระเบิดโดยพลัน ถูกกระแทกแตกสลายอย่างรุนแรง

“ลงมือพร้อมกันก็ดี จะได้ไม่ยุ่งยาก”

หลินสวินสีหน้าราบเรียบ เสียงเรียบเฉย มีความรู้สึกที่สงบถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง บนร่างเขาไอสังหารโหมซัด แต่ไม่ได้ดูเหี้ยมโหด กลับให้ความรู้สึกเคร่งขรึมแก่ผู้คน

“ฆ่า!”

บนเวิ้งฟ้ากระบี่มรรคสีเขียวพริบไหว ก็ประหนึ่งม่านฟ้าม้วนตัว บดบังสิบทิศ ปราณกระบี่เรืองรองแผ่กว้างราวกับภาพวาด

กระบี่ดุจม่านฟ้า ม่านฟ้าดั่งภาพวาด!

นี่คือมรรคกระบี่ของขู่หยา

ตูม!

แทบจะในเวลาเดียวกัน กระแสน้ำสีเลือดไหลเชี่ยวกราก แสงประกายส่องระยับ ซย่าโหวเสวี่ยแห่งลัทธิบูชาจันทร์โจมตีเข้ามา กระชับทวนวงเดือนแหวกอากาศปิดล้อมหลินสวิน

จากนั้นเหล่าอริยะทั้งซางเย่แห่งเผ่าวิญญาณสมุทร โม่คงแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูร ฝ่าเจิ้งจากอารามกษิติครรภ์ก็ล้วนเคลื่อนไหว

ชั่วขณะนี้ไอสังหารพวยพุ่ง สะเทือนอดีตจวบจนปัจจุบัน!

เหล่าอริยะออกโจมตีก็เหมือนเคราะห์สังหารจากฟ้า ตะวันจันทราสะเทือน ฟ้าดินสั่นไหว กฎเกณฑ์วัฏจักรว่างเปล่าและสรรพสิ่งในจักรวาลต่างแหลกสลายอย่างรุนแรงราวกับเศษกระดาษ

นี่โชคดีที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าเวิ้งว้างนอกเมือง หากเกิดขึ้นในเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน จะต้องเกิดภัยพิบัติน่ากลัวที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรระดับราชันคนหนึ่งก็มีพลังทำลายล้างเมืองหนึ่งแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอริยะ

เพียงพริบตาเท่านั้นฟ้าดินแถบนี้ก็ปั่นป่วน อาทิตย์เหนือฟ้าคล้ายสั่นไหว แม้แต่ดวงดาวยังเหมือนจะถูกตีตกลงมา

ห่างออกไปมีอริยะลงมือ แขนเสื้อสะบัดโบก วางกระบวนผนึกสลายคลื่นกระทบที่เกิดจากการต่อสู้ มิฉะนั้นไม่เพียงแค่ที่แห่งนี้ บริเวณที่ไกลกว่านี้ก็ยังจะประสบหายนะไปด้วย

หลินสวินตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าอริยะทำให้การจู่โจมชะลอลง ถูกสกัดไว้ ไม่อาจหาญเหมือนก่อนหน้า

นี่ก็ทำให้อวี๋ซิวหนีเคราะห์นี้ได้อย่างหวุดหวิด

“เดรัจฉานน้อย ไม่ใช่พลังของเจ้าอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ยอมตายโดยดีเถอะ!”

อูซิวทงแห่งเผ่าอีกาทองส่งเสียงหัวเราะหยัน

“พลังบนร่างเด็กคนนี้แปลกประหลาดมาก สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับสำนักพุทธของเข้า เดี๋ยวพอจับเขาได้จะต้องศึกษาอย่างละเอียดสักหน่อย”

ฝ่าเจิ้งเอ่ยสบายๆ สายตาที่จ้องหลินสวิน เหมือนจ้องมองเหยื่อที่ยั่วยวนอย่างที่สุดตัวหนึ่ง

“พวกเราเองก็ประหลาดใจ เป็นพลังที่ใครทิ้งเอาไว้กันแน่ถึงได้ทำให้มดปลวกตัวหนึ่งบังเกิดพลังต่อสู้พลิกฟ้าเช่นนี้”

“ฆ่าเขาให้ตายก่อน จากนั้นแบ่งสมบัติทั้งหมดในตัวเด็กนี่ ได้ยินว่าเขาได้รับศุภโชคน่าทึ่งไม่น้อยจากแดนมกุฎ”

“ดี!”

เหล่าอริยะสีหน้าเรียบเฉย เข้าโจมตีหลินสวินอย่างไม่เกรงใจสักนิดพลางสนทนากัน ในคำพูดได้มองหลินสวินเป็นเหยื่อที่จะต้องตายแน่แล้ว

“ทุกท่าน ข้ามาช่วยพวกท่านอีกแรง!”

ทันใดนั้นจันทร์เทพสีดำดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ยิ่งใหญ่ มืดมิด มีอานุภาพที่ช่วงชิงวิญญาณอย่างหนึ่ง แผ่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ สีดำออกมา

ในจันทร์เทพสีดำปรากฏชายชราที่นัยน์ตาแดงก่ำหนวดผมเทาขาว ไอสังหารดุจเกลียวคลื่น เข้าสู่สนามรบ

เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็หวั่นไหว อยากจะได้ส่วนแบ่งตอนที่จับตัวหลินสวินได้

“โก่วเจิ้นซานแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ คิดไม่ถึงว่าสุนัขเฒ่าตัวนี้จะยังไม่ตาย!”

เซี่ยวปู้กุยขมวดคิ้วแน่น “ทั้งสองท่าน สถานการณ์ของเจ้าหนูนี่ไม่ดีนัก พวกเจ้าจะดูอยู่เช่นนี้จริงๆ หรือ”

“ฮ่าๆๆ เรื่องน่ายินดีระดับนี้จะขาดข้าได้อย่างไร”

“ทุกท่าน นับข้าไปด้วยเป็นอย่างไร”

ทันใดนั้นเสียงหลากหลายดังขึ้นต่อเนื่อง ในความว่างเปล่าไกลๆ มีเงาร่างสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา ล้วนกลิ่นอายน่ากลัวท่วมฟ้า พุ่งเข้าสู่สนามรบ

ชั่วขณะนี้สีหน้าของเหวยฉางอวิ๋นและเยี่ยจิ่วเซียวเองก็เคร่งขรึมขึ้นมา

รอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะในสนามรบตอนนี้หรือพวกเจ้าเฒ่าในความมืด เห็นได้ชัดว่าทนไม่ไหวแล้ว หมายจะโจมตีหลินสวินให้ถึงแก่ชีวิต!

เพียงแต่ตอนที่พวกเขาเตรียมจะลงมือ เสียงเยียบเย็นแต่ราบเรียบของหลินสวินก็ดังขึ้น

“ไม่เลว มีเจ้าแก่ที่ไม่รู้ดีชั่วโผล่มาอีกแล้ว!”

ตูม!

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็เห็นว่าในบริเวณนั้นถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง หลินสวินที่สถานการณ์ล่อแหลมกลับระเบิดพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อนในยามนี้

รุ้งศักดิ์สิทธิ์อริยเทพสีทองหลากสายโฉบออกจากร่างกายของเขา พุ่งทะลวงขึ้นไปบดบังฟ้าปิดคลุมตะวัน เจิดจ้าและพร่างพรายอย่างที่สุด

ฟ้าดินล้วนถูกสีทองย้อมประหนึ่งอริยเทพ

มีเสียงสวดลึกลับดังมาจากร่างของหลินสวินอยู่รางๆ ทำให้เงาร่างของเขาสว่างจ้าและศักดิ์สิทธิ์หาที่เปรียบมิได้เช่นกัน

ทอดสายตามองจากไกลๆ ราวกับเจ้าเหนือหัวที่สูงส่งอย่างที่สุดองค์หนึ่ง!

“นี่คือ?”

เหล่าอริยะหนังตากระตุก สังหรณ์ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จิตใจหวั่นสะท้านขึ้นมาระลอกหนึ่ง สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงที่กดข่มแบบหนึ่งอย่างหาได้ยาก

“รีบขวางเขาไว้!”

อูซิวทงแห่งเผ่าอีกาทองร้องคำราม ร่างกายเหยียดขยาย ด้านหลังปรากฏปีกสีทองคู่หนึ่ง ฟันไปทางหลินสวินอย่างรุนแรงราวกับดาบตัดสวรรค์

“อีกาเฒ่า เริ่มฆ่าจากเจ้าก่อน!”

กลับเห็นหลินสวินพลันยื่นมือออกมา สองแขนเหยียดยื่นคว้าปีกสีทองที่ใหญ่โตถึงที่สุดนั่นไว้แน่น จากนั้นพลันออกแรงฉีกทึ้งมันจนขาดทั้งอย่างนั้น เลือดสดๆ สาดกระเซ็น

อูซิวทงส่งเสียงโหยหวนออกมา!

นี่คืออริยะแท้คนหนึ่งของเผ่าอีกาทอง พลังต่อสู้น่ากลัวอย่างที่สุด แต่จู่ๆ กลับถูกฉีกทึ้งปีกทั้งคู่ ทำเอาทุกคนต่างตื่นตะลึงไปหมด

ภาพนองเลือดนี้ทำให้อริยะล้วนใจสั่น

ในระหว่างนี้การจู่โจมของอริยะคนอื่นๆ ก็ซัดใส่ร่างของหลินสวิน ทว่าเพียงทำให้เขาส่ายไหวระลอกหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถสลายแสงทองพร่างพรายที่ปกคลุมบนร่างกายของเขาได้

“นี่… หรือจะเป็นพลังของมหาอริยะ”

สีหน้าของอริยะเหล่านั้นต่างเปลี่ยนไป แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาปิดล้อมหลินสวินไว้ มั่นใจเต็มเปี่ยม กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดการพลิกผันเช่นนี้ขึ้น!

เห็นได้ชัดว่าหลินสวินเก็บงำพลังไว้

และที่เขาทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าจงใจแสดงออกว่าอ่อนแอ ทั้งยังล่ออริยะหลายคนรวมทั้งโก่วเจิ้นซานออกมาได้สำเร็จ!

“เจ้าหนูนี่ถึงขั้นกล้าล่อเหยื่อภายใต้การปิดล้อมของเหล่าอริยะ ใจกล้าเกินไปแล้ว…”

ห่างออกไปพวกเซี่ยวปู้กุยที่หมายจะลงมือก็อึ้งไปเล็กน้อยเช่นกัน จิตใจสั่นสะท้าน ชั่วขณะนี้พวกเขากลับไม่รีบร้อนลงมือแล้ว

อยากเห็นสักหน่อยว่าคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ห่างไปคนนั้น ต่อไปจะสร้างความประหลาดใจอันใดให้พวกเขาอีก หรือควรจะพูดว่าเป็น… เรื่องน่ายินดีที่เหลือเชื่อ?

คล้ายได้ยินเสียงในใจพวกเขา เรื่องน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นแล้ว

หลังจากฉีกกระชากปีกสีทองคู่หนึ่งของอูซิวทง หลินสวินไม่สนใจการโจมตีของเหล่าอริยะรอบๆ ด้วยซ้ำ พลันฟันฝ่ามือหนึ่งออกไป

แย่แล้ว!

อูซิวทงสีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่ สำแดงการเคลื่อนย้ายผ่านอากาศท่องหนี แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนาวเยือกในใจก็คือ ห้วงอากาศว่างเปล่าแถบนี้ถึงกับถูกพลังอันน่ากลัวสายหนึ่งปิดกั้นไว้

ปัง!

ครู่ต่อมาศีรษะของเขาก็ระเบิดแหลก ถูกฝ่ามือหนึ่งผ่าออก!

——

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1351 สังหารอริยะ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1351 สังหารอริยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อวี๋ซิวทั้งโกรธทั้งตะลึง!

บรรลุอริยะถึงตอนนี้ เขาผ่านศึกนองเลือดมานับไม่ถ้วน เหตุการณ์ที่อันตรายกว่านี้ก็เจอมาแล้ว

แต่ยังไม่เคยทำให้เขาโกรธขนาดนี้

คนรุ่นเยาว์ระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่ง เพราะยืมพลังประหลาดลึกลับอย่างหนึ่งก็ราวกับไร้เทียมทานแล้ว เพียงยกมือก็ทำให้เขาบาดเจ็บ!

ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนถูกมดบนพื้นกัดเข้าที่หัวใจอย่างแรง สิ่งที่ทำให้อวี๋ซิวทนไม่ได้ยิ่งกว่าอาการบาดเจ็บ คือความอับอาย!

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เพียงกระบี่เดียวเขาก็สามารถเฉือนสังหารคู่ต่อสู้ทุกคนที่ต่ำกว่าระดับอริยะได้แล้ว

แต่วันนี้กลับแตกต่าง

ชิ้ง!

อวี๋ซิวไม่อาจคิดมากความคู่ต่อสู้ก็สังหารมาแล้ว เขาเรียกอาวุธอริยะของตนออกมาอย่างไม่ลังเล

เป็นกระบี่มรรคสีแดงชาดส่องประกายโลหะเย็นเยียบเล่มหนึ่ง

เสียงกระบี่ครวญราวกับกระแสน้ำ แฝงร่องรอยกรำศึกอันยาวนาน เคยเข่นฆ่าทั่วสิบทิศกับอวี๋ซิว และเคยสังหารศัตรูมานับไม่ถ้วน!

“ฟัน!”

เขาตะโกนร้อง เงาร่างสูงยาวราวกับสูงใหญ่ไร้สิ้นสุด แขนเสื้อสั่นสะเทือน หนวดผมปลิวสะบัด ควบคุมกระบี่กลางอากาศ ฟันสังหารออกมา

ฉัวะ

กระบี่มรรคจรัสแสง ไอสังหารพลุ่งพล่าน รอบๆ หลั่งเลือดเป็นสายน้ำ กระดูกขาวกองเป็นภูเขา ไอสยดสยองทะลวงฟ้าดิน

น่ากลัวเกินไป!

ในเมืองใหญ่ที่ห่างจากที่นี่ไกลโพ้น ก็มีผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังตะลึงในขณะนี้ หวาดกลัวจนสีหน้าเปลี่ยนไป

บนถนนที่ตอนแรกครึกครื้น พลันถูกบรรยากาศกดดันอันน่ากลัวปกคลุม ฟ้าดินล้วนหม่นแสง

เสียงร้องตกใจ แตกตื่น หวาดหวั่นดังขึ้นเป็นระลอก

ส่วนพวกที่คิดว่าตนพลังปราณสูงส่ง ทะยานห้วงอากาศขึ้นมาและมองไปยังบริเวณไกลโพ้น แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็เหงื่อแตกพลั่ก จิตใจสูญเสียการควบคุม สีหน้าขาวซีด

อริยะออกโจมตี!

ที่ตรงนั้นเกิดการต่อสู้แห่งระดับอริยะที่น่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้!

สุดท้ายพวกเขาก็ร่วงตกจากห้วงอากาศอย่างสะบักสะบอมราวกับเกี๊ยวตกลงหม้อ

และในตอนนี้เองฝ่ามือของหลินสวินกดประทับ อานุภาพราวกับมหาจักรพรรดิโบราณเคลื่อนทัพ กระแทกออกมา

โครม!

เสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดินก้องสะท้อน เหนือฟ้าสูงนั่นท้องฟ้าดุจดั่งระเบิดออก แสงอริยะพร่างพราวไร้สิ้นสุดพรั่งหรูม้วนตัว ราวกับปรากฏการณ์ประหลาดวันสิ้นโลกมาเยือนในขณะนี้

จากนั้นเสียงเคร้งดังลั่น ในละอองแสงที่สาดกระเซ็นอวี๋ซิวกระอักเลือดถอยหลัง เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น เลือดย้อมทั่วตัวประหนึ่งมนุษย์เลือด!

ตูม!

แต่ไม่รอให้เขาทรงตัวได้ เงาร่างของหลินสวินก็พุ่งออกมาแล้ว เสมือนประกายแหลมคมที่ดุเดือดถึงที่สุด มีอานุภาพไร้เทียมทาน

“วัฏจักรว่างเปล่านำพา!”

ขู่หยาโจมตีมาจากอีกด้าน กระบี่มรรคสีเขียวเล่มหนึ่งโฉบพุ่งออกมา ราวกับม่านฟ้าสีเขียวแขวนตัว ชักนำพลังแห่งวัฏจักรว่างเปล่า

“ยังจะรออะไร ลงมือ สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่ซะ!”

บนรถศึกสำริดซย่าโหวเสวี่ยตะโกนก้อง หมอกดำพลุ่งพล่านทั้งตัว ทวนวงเดือนหลั่งเลือดในมือเปล่งแสงเลือดท่วมฟ้า

ใครก็ดูออกว่าพลังของหลินสวินแปลกประหลาดและน่ากลัวอย่างมาก เริ่มจากระหว่างสะบัดแขนเสื้อ ก็ซัดซย่าโหวเสวี่ยกับขู่หยาให้สะเทือนถอย

จากนั้นตามฆ่าอวี๋ซิวตลอดทาง โจมตีจนอีกฝ่ายถึงขั้นบาดเจ็บหนักกระอักเลือดไม่หยุด!

นี่เป็นมดปลวกระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่งซะที่ไหน เป็นบุคคลน่ากลัวที่สามารถสังหารอริยะได้ชัดๆ

ดังนั้นเหล่าอริยะในที่นั้นต่างออกเคลื่อนไหว!

“ปัก!”

ซางเย่แห่งเผ่าวิญญาณสมุทรชุดชาววังสีม่วงพลิ้วไหว บนศีรษะปรากฏไข่มุกกลมมนสุกใส โอบล้อมด้วยกฎเกณฑ์อริยมรรคเป็นสายๆ

ทันทีที่ปรากฏ ห้วงอากาศ สรรพสิ่ง ท้องฟ้า ฝุ่นควัน รวมถึงเส้นแสงเหมือนถูกปักไว้

แม้แต่หลินสวินที่กำลังเข่นฆ่าเต็มกำลัง เงาร่างก็ชะงักไปเช่นกัน

“มุกอริยะปักสมุทร พวกเฒ่าสารเลวถึงกับเริ่มลงมือพร้อมกันโดยไม่ห่วงหน้าแล้ว!”

เซี่ยวปู้กุยที่อยู่ห่างออกไปนัยน์ตาหดรัดลง หมายจะออกมือช่วยเหลือ แต่กลับถูกเยี่ยจิ่วเซียวที่อยู่ข้างๆ ขวางไว้

“เจ้าหนูให้เราชมการต่อสู้ เช่นนั้นพวกเราก็จะชมการต่อสู้ ดูซิว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหนกันแน่ ถึงกล้าพูดออกมาว่าจะสังหารอริยะ”

เยี่ยจิ่วเซียวสีหน้าแปลกประหลาด “หากเขาเจออันตรายจริงๆ พวกเราค่อยลงมือก็ได้”

“ไม่ผิด พวกเราเพียงต้องระวังพวกที่ซ่อนอยู่ในที่มืดก็พอแล้ว”

สายตาของเหวยฉางอวิ๋นราวกับกระบี่ กวาดมองความว่างเปล่าไกลออกไป

ตูม!

จังหวะที่คุยกันก็เห็นเงาร่างของหลินสวินขยายออกกะทันหัน จิตแห่งการเข่นฆ่าพวยพุ่งออกมาทั่วร่างกาย

แข็งแกร่งราวกับหินกล้า

กว้างใหญ่ไพศาลราวกับจักรวาลฟ้าดารา!

ไอสังหารนั่นถึงขั้นให้ความรู้สึกถึงความสมบูรณ์ เจิดจ้า และไร้ขอบเขตอย่างหนึ่งรางๆ

ภายใต้การพุ่งโจมตีของไอสังหารระดับนี้ พลังของมุกอริยะปักสมุทรระเบิดโดยพลัน ถูกกระแทกแตกสลายอย่างรุนแรง

“ลงมือพร้อมกันก็ดี จะได้ไม่ยุ่งยาก”

หลินสวินสีหน้าราบเรียบ เสียงเรียบเฉย มีความรู้สึกที่สงบถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง บนร่างเขาไอสังหารโหมซัด แต่ไม่ได้ดูเหี้ยมโหด กลับให้ความรู้สึกเคร่งขรึมแก่ผู้คน

“ฆ่า!”

บนเวิ้งฟ้ากระบี่มรรคสีเขียวพริบไหว ก็ประหนึ่งม่านฟ้าม้วนตัว บดบังสิบทิศ ปราณกระบี่เรืองรองแผ่กว้างราวกับภาพวาด

กระบี่ดุจม่านฟ้า ม่านฟ้าดั่งภาพวาด!

นี่คือมรรคกระบี่ของขู่หยา

ตูม!

แทบจะในเวลาเดียวกัน กระแสน้ำสีเลือดไหลเชี่ยวกราก แสงประกายส่องระยับ ซย่าโหวเสวี่ยแห่งลัทธิบูชาจันทร์โจมตีเข้ามา กระชับทวนวงเดือนแหวกอากาศปิดล้อมหลินสวิน

จากนั้นเหล่าอริยะทั้งซางเย่แห่งเผ่าวิญญาณสมุทร โม่คงแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูร ฝ่าเจิ้งจากอารามกษิติครรภ์ก็ล้วนเคลื่อนไหว

ชั่วขณะนี้ไอสังหารพวยพุ่ง สะเทือนอดีตจวบจนปัจจุบัน!

เหล่าอริยะออกโจมตีก็เหมือนเคราะห์สังหารจากฟ้า ตะวันจันทราสะเทือน ฟ้าดินสั่นไหว กฎเกณฑ์วัฏจักรว่างเปล่าและสรรพสิ่งในจักรวาลต่างแหลกสลายอย่างรุนแรงราวกับเศษกระดาษ

นี่โชคดีที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าเวิ้งว้างนอกเมือง หากเกิดขึ้นในเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน จะต้องเกิดภัยพิบัติน่ากลัวที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรระดับราชันคนหนึ่งก็มีพลังทำลายล้างเมืองหนึ่งแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอริยะ

เพียงพริบตาเท่านั้นฟ้าดินแถบนี้ก็ปั่นป่วน อาทิตย์เหนือฟ้าคล้ายสั่นไหว แม้แต่ดวงดาวยังเหมือนจะถูกตีตกลงมา

ห่างออกไปมีอริยะลงมือ แขนเสื้อสะบัดโบก วางกระบวนผนึกสลายคลื่นกระทบที่เกิดจากการต่อสู้ มิฉะนั้นไม่เพียงแค่ที่แห่งนี้ บริเวณที่ไกลกว่านี้ก็ยังจะประสบหายนะไปด้วย

หลินสวินตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าอริยะทำให้การจู่โจมชะลอลง ถูกสกัดไว้ ไม่อาจหาญเหมือนก่อนหน้า

นี่ก็ทำให้อวี๋ซิวหนีเคราะห์นี้ได้อย่างหวุดหวิด

“เดรัจฉานน้อย ไม่ใช่พลังของเจ้าอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ยอมตายโดยดีเถอะ!”

อูซิวทงแห่งเผ่าอีกาทองส่งเสียงหัวเราะหยัน

“พลังบนร่างเด็กคนนี้แปลกประหลาดมาก สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับสำนักพุทธของเข้า เดี๋ยวพอจับเขาได้จะต้องศึกษาอย่างละเอียดสักหน่อย”

ฝ่าเจิ้งเอ่ยสบายๆ สายตาที่จ้องหลินสวิน เหมือนจ้องมองเหยื่อที่ยั่วยวนอย่างที่สุดตัวหนึ่ง

“พวกเราเองก็ประหลาดใจ เป็นพลังที่ใครทิ้งเอาไว้กันแน่ถึงได้ทำให้มดปลวกตัวหนึ่งบังเกิดพลังต่อสู้พลิกฟ้าเช่นนี้”

“ฆ่าเขาให้ตายก่อน จากนั้นแบ่งสมบัติทั้งหมดในตัวเด็กนี่ ได้ยินว่าเขาได้รับศุภโชคน่าทึ่งไม่น้อยจากแดนมกุฎ”

“ดี!”

เหล่าอริยะสีหน้าเรียบเฉย เข้าโจมตีหลินสวินอย่างไม่เกรงใจสักนิดพลางสนทนากัน ในคำพูดได้มองหลินสวินเป็นเหยื่อที่จะต้องตายแน่แล้ว

“ทุกท่าน ข้ามาช่วยพวกท่านอีกแรง!”

ทันใดนั้นจันทร์เทพสีดำดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ยิ่งใหญ่ มืดมิด มีอานุภาพที่ช่วงชิงวิญญาณอย่างหนึ่ง แผ่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ สีดำออกมา

ในจันทร์เทพสีดำปรากฏชายชราที่นัยน์ตาแดงก่ำหนวดผมเทาขาว ไอสังหารดุจเกลียวคลื่น เข้าสู่สนามรบ

เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็หวั่นไหว อยากจะได้ส่วนแบ่งตอนที่จับตัวหลินสวินได้

“โก่วเจิ้นซานแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ คิดไม่ถึงว่าสุนัขเฒ่าตัวนี้จะยังไม่ตาย!”

เซี่ยวปู้กุยขมวดคิ้วแน่น “ทั้งสองท่าน สถานการณ์ของเจ้าหนูนี่ไม่ดีนัก พวกเจ้าจะดูอยู่เช่นนี้จริงๆ หรือ”

“ฮ่าๆๆ เรื่องน่ายินดีระดับนี้จะขาดข้าได้อย่างไร”

“ทุกท่าน นับข้าไปด้วยเป็นอย่างไร”

ทันใดนั้นเสียงหลากหลายดังขึ้นต่อเนื่อง ในความว่างเปล่าไกลๆ มีเงาร่างสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา ล้วนกลิ่นอายน่ากลัวท่วมฟ้า พุ่งเข้าสู่สนามรบ

ชั่วขณะนี้สีหน้าของเหวยฉางอวิ๋นและเยี่ยจิ่วเซียวเองก็เคร่งขรึมขึ้นมา

รอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะในสนามรบตอนนี้หรือพวกเจ้าเฒ่าในความมืด เห็นได้ชัดว่าทนไม่ไหวแล้ว หมายจะโจมตีหลินสวินให้ถึงแก่ชีวิต!

เพียงแต่ตอนที่พวกเขาเตรียมจะลงมือ เสียงเยียบเย็นแต่ราบเรียบของหลินสวินก็ดังขึ้น

“ไม่เลว มีเจ้าแก่ที่ไม่รู้ดีชั่วโผล่มาอีกแล้ว!”

ตูม!

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็เห็นว่าในบริเวณนั้นถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง หลินสวินที่สถานการณ์ล่อแหลมกลับระเบิดพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อนในยามนี้

รุ้งศักดิ์สิทธิ์อริยเทพสีทองหลากสายโฉบออกจากร่างกายของเขา พุ่งทะลวงขึ้นไปบดบังฟ้าปิดคลุมตะวัน เจิดจ้าและพร่างพรายอย่างที่สุด

ฟ้าดินล้วนถูกสีทองย้อมประหนึ่งอริยเทพ

มีเสียงสวดลึกลับดังมาจากร่างของหลินสวินอยู่รางๆ ทำให้เงาร่างของเขาสว่างจ้าและศักดิ์สิทธิ์หาที่เปรียบมิได้เช่นกัน

ทอดสายตามองจากไกลๆ ราวกับเจ้าเหนือหัวที่สูงส่งอย่างที่สุดองค์หนึ่ง!

“นี่คือ?”

เหล่าอริยะหนังตากระตุก สังหรณ์ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จิตใจหวั่นสะท้านขึ้นมาระลอกหนึ่ง สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงที่กดข่มแบบหนึ่งอย่างหาได้ยาก

“รีบขวางเขาไว้!”

อูซิวทงแห่งเผ่าอีกาทองร้องคำราม ร่างกายเหยียดขยาย ด้านหลังปรากฏปีกสีทองคู่หนึ่ง ฟันไปทางหลินสวินอย่างรุนแรงราวกับดาบตัดสวรรค์

“อีกาเฒ่า เริ่มฆ่าจากเจ้าก่อน!”

กลับเห็นหลินสวินพลันยื่นมือออกมา สองแขนเหยียดยื่นคว้าปีกสีทองที่ใหญ่โตถึงที่สุดนั่นไว้แน่น จากนั้นพลันออกแรงฉีกทึ้งมันจนขาดทั้งอย่างนั้น เลือดสดๆ สาดกระเซ็น

อูซิวทงส่งเสียงโหยหวนออกมา!

นี่คืออริยะแท้คนหนึ่งของเผ่าอีกาทอง พลังต่อสู้น่ากลัวอย่างที่สุด แต่จู่ๆ กลับถูกฉีกทึ้งปีกทั้งคู่ ทำเอาทุกคนต่างตื่นตะลึงไปหมด

ภาพนองเลือดนี้ทำให้อริยะล้วนใจสั่น

ในระหว่างนี้การจู่โจมของอริยะคนอื่นๆ ก็ซัดใส่ร่างของหลินสวิน ทว่าเพียงทำให้เขาส่ายไหวระลอกหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถสลายแสงทองพร่างพรายที่ปกคลุมบนร่างกายของเขาได้

“นี่… หรือจะเป็นพลังของมหาอริยะ”

สีหน้าของอริยะเหล่านั้นต่างเปลี่ยนไป แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาปิดล้อมหลินสวินไว้ มั่นใจเต็มเปี่ยม กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดการพลิกผันเช่นนี้ขึ้น!

เห็นได้ชัดว่าหลินสวินเก็บงำพลังไว้

และที่เขาทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าจงใจแสดงออกว่าอ่อนแอ ทั้งยังล่ออริยะหลายคนรวมทั้งโก่วเจิ้นซานออกมาได้สำเร็จ!

“เจ้าหนูนี่ถึงขั้นกล้าล่อเหยื่อภายใต้การปิดล้อมของเหล่าอริยะ ใจกล้าเกินไปแล้ว…”

ห่างออกไปพวกเซี่ยวปู้กุยที่หมายจะลงมือก็อึ้งไปเล็กน้อยเช่นกัน จิตใจสั่นสะท้าน ชั่วขณะนี้พวกเขากลับไม่รีบร้อนลงมือแล้ว

อยากเห็นสักหน่อยว่าคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ห่างไปคนนั้น ต่อไปจะสร้างความประหลาดใจอันใดให้พวกเขาอีก หรือควรจะพูดว่าเป็น… เรื่องน่ายินดีที่เหลือเชื่อ?

คล้ายได้ยินเสียงในใจพวกเขา เรื่องน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นแล้ว

หลังจากฉีกกระชากปีกสีทองคู่หนึ่งของอูซิวทง หลินสวินไม่สนใจการโจมตีของเหล่าอริยะรอบๆ ด้วยซ้ำ พลันฟันฝ่ามือหนึ่งออกไป

แย่แล้ว!

อูซิวทงสีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่ สำแดงการเคลื่อนย้ายผ่านอากาศท่องหนี แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนาวเยือกในใจก็คือ ห้วงอากาศว่างเปล่าแถบนี้ถึงกับถูกพลังอันน่ากลัวสายหนึ่งปิดกั้นไว้

ปัง!

ครู่ต่อมาศีรษะของเขาก็ระเบิดแหลก ถูกฝ่ามือหนึ่งผ่าออก!

——

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+