Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันนี้ เป็นวันที่แดนมกุฎสิบปีปิดม่าน

วันนี้ ยังเป็นวันที่เหล่าอริยะถูกสังหารด้วยเช่นกัน!

ข่าวเกี่ยวกับศึกสังหารอริยะครั้งนี้ไม่อาจปกปิดได้สักนิด เรียกคลื่นลมโหมซัดในสำนักใหญ่เก่าแก่แต่ละแห่งของดินแดนรกร้างโบราณเป็นอย่างแรก

สำนักกระบี่เทียมฟ้า

“อวี๋ซิวและขู่หยายังไม่กลับมาหรือ”

เสียงทรงอานุภาพน่าเกรงขามหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น ก้องสะท้อนในโถงใหญ่ของสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ภายในโถงใหญ่ คนระดับสูงของสำนักกระบี่เทียมฟ้าทั้งกลุ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยถาม

ว่ากันตามหลักทั่วไป เหล่าอริยะออกโรงฆ่าคนรุ่นเยาว์ที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งเท่านั้น นั่นไม่ต่างอะไรกับเหล่ามังกรสวรรค์ไปบดขยี้มดปลวกให้ตายชัดๆ

สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจอย่างแท้จริงคือ หลินสวินจะตายด้วยน้ำมืออริยะคนใดของขุมอำนาจไหนกันแน่!

ทว่าจวบจนบัดนี้กลับไร้ซึ่งข่าวสาวส่งกลับมา ย่อมพาให้ผู้คนประหลาดใจ

“รายงาน แย่แล้ว อริยะคนหนึ่งส่งข่าวมา บะ… บอกว่าผู้อาวุโสอวี๋ซิวและขู่หยาทั้งสองคน ล้วนประสบเคราะห์สิ้นชีพแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงตื่นตระหนกลนลานสายหนึ่งก็ดังขึ้นในโถงใหญ่

จากนั้นทั่วทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าล้วนได้ยินเสียงแผดคำรามเดือดดาลหาใดเปรียบดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า สะเทือนเลื่อนลั่นจนเวิ้งฟ้าชั้นเมฆต่างแหวกออ

ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้านับไม่ถ้วน ต่างได้รู้ในวันนี้ว่าอริยะแท้สองคนในสำนักถูกฆ่า และฆาตกรก็คือหลินสวิน!

……

อารามกษิติครรภ์

กลางอารามเก่าแก่เสียงปึงดังหนึ่งครา สายลูกประคำในมือภิกษุเฒ่าคนหนึ่งขาดผึง มุกประคำเอิบอิ่มใสวาวเม็ดแล้วเม็ดเล่าร่วงกระจายเกลื่อนพื้น

“ศิษย์พี่ฝ่าเจิ้ง ถึงกับต้านคนนอกรีตนั่นไม่ได้?”

จิตใจของภิกษุเฒ่าเสียการควบคุม สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง

……

เผ่าวิญญาณสมุทร

“ตายแล้ว ผู้อาวุโสซางเย่ตายแล้ว!”

เสียงโศกเศร้าโกรธแค้นนับไม่ถ้วนดังสนั่น ในนั้นยังเจือเสียงร่ำไห้คร่ำครวญอยู่ด้วย กระจายทั่วเก้าชั้นฟ้า

……

ลัทธิบูชาจันทร์

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าคนที่เหมือนมดปลวกตัวหนึ่งจะฆ่าอริยะพิทักษ์สำนักตายได้อย่างไร ตรวจสอบ! ตรวจสอบให้ข้าอย่างชัดเจน!”

ในวันนี้เจ้าลัทธิลัทธิบูชาจันทร์ราวกับบ้าคลั่ง โมโหเดือดดาล ทำเอาศิษย์ลัทธิบูชาจันทร์ทั้งกลุ่มตกใจจนจิตสั่นขวัญผวา ลนลานไม่สงบ

……

เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ

“จบกัน… อริยะหญิงลึกลับนั่นยังไม่ได้เคลื่อนไหว ผู้อาวุโสโก่วเจิ้นซานก็ประสบเคราะห์… พวกเรา… พวกเราเท่ากับล่วงเกินเจ้าเด็กหลินสวินนี่โดยสมบูรณ์แล้ว…”

คนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งหมดต่างเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง

ภาพเหตุการณ์ฉากแล้วฉากเล่าคล้ายแบบนี้ต่างอุบัติขึ้นในขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่ง

“ถึงกับมีอริยะเก้าคนร่วงหล่น…”

และพร้อมกันนั้น ยามที่ขุมอำนาจเก่าแก่อื่นๆ ของดินแดนรกร้างโบราณได้รู้ข่าวพวกนี้ ต่างก็พากันตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อ

ใต้อริยะ สรรพชีวิตดุจดั่งมดปลวก

ระดับอริยะ คือบุคคลที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือจุดสูงสุดทั่วใต้หล้ากลุ่มหนึ่ง มีพลานุภาพเทียมฟ้าน่าเหลือเชื่อ เรืองรองเทียบเท่าสุริยันจันทรา

ทว่าตอนนี้ภายใต้การต่อสู้ครั้งใหญ่ เก้าอริยะต่างดับสังขาร!

ดินแดนรกร้างโบราณ กี่ปีแล้วที่ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าเด็กหลินสวินนี่ ไปหยิบยิมพลังของผู้ใดกันแน่ เหตุใดถึงน่ากลัวปานนี้”

“ลือกันว่าอริยะที่ซ่อนตัวในเงามืดส่วนหนึ่งต่างถูกทำให้ตกใจถอยกรูด เผ่นหนีอุตลุด ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่กล้าโผล่หน้า!”

“เจ้าเด็กนี่… ช่างอำมหิตจริงๆ!”

“ขนาดอริยะยังรั้งเขาไว้ไม่ได้?”

ในวันนี้ ไม่รู้มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ตั้งเท่าไหร่เสียกิริยา ถูกฝีมืออันนองเลือดที่คนหนุ่มรุ่นเยาว์คนหนึ่งสำแดงออกมาทำให้ตกใจ

และไม่รู้ขุมอำนาจใหญ่ตั้งเท่าไหร่ที่ฮือฮาและสั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้

ข่าวสารก็ช่างปิดไม่มิดสักนิด ไม่นานไม่เพียงแต่ขุมอำนาจเก่าแก่ของดินแดนรกร้างโบราณ แม้แต่สรรพชีวิตมากมายมหาศาลที่กระจายอยู่แต่ละพื้นที่ของดินแดนรกร้างโบราณต่างก็ล่วงรู้กันถ้วนหน้า

ชั่วขณะเดียวทั่วหล้าต่างตกใจ

“ต่ำช้า อริยะที่ผ่าเผยถึงกับร่วมมือกันไปจัดการเด็กรุ่นหลังอย่างเทพมารหลิน ช่างหน้าไม่อายถึงที่สุดแล้วชัดๆ!”

มีคนเดือดดาล

“สะใจโว้ย! เทพมารหลินฆ่าได้ดีทีเดียว ที่ผ่านมาอริยะพวกนี้ทำตัวสูงส่ง เห็นสรรพชีวิตเป็นมดปลวกเศษวัชพืช ตอนนี้ก็ทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าสิ้นหวัง!”

มีคนระเบิดหัวเราะ เลือดร้อนสูบฉีด ต่างแซ่ซ้องให้กับวีรกรรมยิ่งใหญ่ของหลินสวิน

“ทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าหลินสวินล่วงเกินขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้นอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ”

มีคนหวั่นวิตก

“เหลวไหล! ขนาดอริยะยังฆ่าได้ ต่อไปขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ที่ไหนยังกล้าไม่ลืมตา ไปหาเรื่องหลินสวินอีกกัน รังเกียจว่าอริยะที่ถูกฆ่ายังไม่มากพออีกเรอะ”

มีคนหัวเราะเยาะหยัน

นี่ก็คือความเป็นไปของสรรพชีวิต พวกเขาเป็นเพียงผู้ชมอยู่ด้านข้าง มักจะออกความเห็นแตกต่างกันตามความชอบใจของตน

แต่ไม่ว่าอย่างไรในแง่ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวิน ไม่ว่าเป็นใครต่างไม่กล้าเยาะหยันและถากถางเหมือนที่ผ่านมาเช่นนั้นอีกแล้ว

เพราะว่าหลินสวินในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถเหยียบย่ำและหยามเกียรติได้!

อริยะยังถูกเขาฆ่าตาย พลังต่อสู้อันดุดันและน่าสะพรึงระดับนี้ นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่ทำได้

“นับแต่นี้เป็นต้นไป เทพมารหลินยิ่งใหญ่แล้ว และจะเป็นอันหนึ่งหนึ่งของคนรุ่นเดียวกัน ไม่อาจต้านทาน ไร้ขุมอำนาจใหญ่กล้ารังแก!”

คนมากมายทอดถอนใจ

ในวันนี้แดนมกุฎปิดม่าน เดิมก็ถูกสายตาคนทั่วหล้าจับจ้องให้ความสนใจอยู่แล้ว

ยามเมื่อรู้ว่าหลินสวินกลายเป็นอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าในแดนมกุฎสิบปี อำนาจเหนือเหล่าผู้กล้า แม้แต่พลังต่อสู้ยังถูกขนามนามให้เป็นที่หนึ่งของแดนมกุฎ เดิมก็พาให้ผู้คนสั่นสะท้าน ใต้หล้าสั่นสะเทือนอยู่แล้ว

และในวันนี้ตอนที่เขาใช้พลังระดับอมตะเคราะห์สังหารอริยะเก้าคนติดต่อกัน ทุกคน… ต่างไม่รู้ว่าควรใช้อารมณ์ความรู้สึกไหนมาบรรยาย!

นี่ ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ เสมือนปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้อย่างหนึ่ง

เรียกได้ว่าเป็นตำนานแห่งยุคปัจจุบัน!

บุคคลแห่งยุคที่ออกจากแดนมกุฎส่วนหนึ่ง อย่างพวกโอรสเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน หลังจากรู้ข่าวต่างก็จนคำพูดและอึ้งงันไปชั่วขณะ

สหายส่วนหนึ่งที่เคยคลุกคลีกับหลินสวินอย่างพวกจี้ซิงเหยา เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน เซียวชิงเหอ หมีเหิงเจิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง ต่างก็อดถอนใจว่าวิปริตคราหนึ่งไม่ได้ ความจริงแล้วในใจก็รู้สึกถึงเกียรติยศด้วยเช่นกัน!

ขนาดอริยะยังจนด้วยเกล้า นี่ช่างเฉิดฉายเกินไปแล้ว บรรดาคนรุ่นเยาว์ใครจะเทียบชั้นได้

และในวันนั้น มีข่าวแพร่งพรายออกมาว่ากึ่งจักรพรรดิไป๋อวี้จิงที่ไม่เคยปรากฏตัวมาแสนนานสั่งการออกมา ยามเมื่อสมรภูมิเก้าดินแดนเปิด หากหลินสวินไม่ไปฆ่าศัตรูไถ่บาป เขาจะเป็นคนแรกที่สังหารหลินสวินเอง!

หินก้อนเดียวก่อคลื่นพันชั้น!

ไป๋อวี้จิง เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาไม่รู้กี่กาลเวลาคนหนึ่ง อัครบุคคลที่น่าสงสัยว่าได้เหยียบย่างระดับจักรพรรดิแล้วคนหนึ่ง ถึงกับถูกทำให้ตกใจด้วยเช่นกัน?

บอกว่าจะให้หลินสวินไถ่บาป แต่ใครต่างก็รู้ดี จากสถานะของไป๋อวี้จิง ต่อให้ไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของหลินสวินที่ฆ่าเหล่าอริยะ แต่ก็ไม่ได้ทำการกำราบเองกับมือ เพียงแค่ออกคำสั่งให้เขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้อันดุเดือดของเก้าดินแดนที่ใกล้จะอุบัติขึ้นเท่านั้น!

ท่าทีของไป๋อวี้จิงก็พาให้ขุมอำนาจเก่าแก่ส่วนหนึ่งใจสะท้าน หรือว่าแม้แต่กึ่งจักรพรรดิเช่นนี้ ก็ยังยอมรับความแข็งแกร่งของหลินสวิน

โดยเฉพาะสำนักกระบี่เทียมฟ้า ยามเมื่อได้รู้ข่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนระดับสูงในสำนักหรือบรรดาศิษย์ใต้สำนัก ต่างก็ตะลึงอึ้งค้าง

มีเพียงพวกเขาที่รู้ดี ไป๋อวี้จิงเป็นศิษย์พี่ของบรรพจารย์บุกเบิกสำนักของพวกเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฆาตกรที่สังหารอริยะแท้อวี๋ซิว ขู่หยาอย่างหลินสวิน จะถึงกับไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียง!

ท่าทีเช่นนี้ของเขา ถึงขั้นสามารถถูกเข้าใจว่ายกโทษให้หลินสวินครั้งหนึ่ง!

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

ทั้งบนล่างสำนักกระบี่เทียมฟ้าร้องระงมกันทั้งแถบ

“ท่านเมี่ยวเสวียนแห่งหอฤทธิ์เทพก็เคยปรากฏตัว ทว่าเก็บมือดูอยู่ข้างๆ ไม่เคยห้ามพฤติกรรมสังหารอริยะของหลินสวิน!”

ยามเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไป ก็เรียกคลื่นลมยิ่งใหญ่โหมใส่ในดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง

หอฤทธิ์เทพ นี่เป็นถึงหนึ่งในแดนเร้นอริยะลึกลับที่ทั่วหล้าเคารพเลื่อมใส แม้แต่พวกเขา… ก็ยังยอมรับหลินสวิน?

สรุปแล้วในมหายุคปีที่สิบนี้ วันนั้นที่แดนมกุฎนี่ปิดม่าน ชื่อของหลินสวินก็ดุจดั่งอาทิตย์ดวงใหญ่ สาดส่องเหนือเวิ้งฟ้าดินแดนรกร้างโบราณ ดึงดูดสายตา เสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงฮือฮาทั่วหล้า!

ตัวคนเดียวกลับประหนึ่งตำนาน ถูกเชิดชูเป็นตำนานในยุคปัจจุบันของคนรุ่นเยาว์ สร้างบารมีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ฆ่าจนขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้นใจสะท้านขวัญผวา!

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปหนึ่งเดือนเศษเต็มๆ กว่าจะค่อยๆ สงบลง

ใครต่างก็ไม่อาจปฏิเสธ หลินสวินยิ่งใหญ่แล้ว!

……

เมืองหม่อนหิมะ ตั้งชื่อตามการเพาะปลูกต้นหม่อนหิมะเต็มเมือง

ต้นหม่อนหิมะที่คล้ายมังกรขดพันต้นแล้วต้นเล่าเปล่งประกายแวววาวสุกใสท่ามกลางลมหนาว ดอกมีขนาดเท่าปากชาม แต่หลังจากอริยะร่วงหล่น ดอกไม้สีขาวหิมะเหล่านี้ก็อาบย้อมกลายเป็นสีเลือดแดงสดบาดตา

สีเลือดนั่น งดงามสยดสยองจนพาให้ผู้คนใจสะท้าน

ดอกไม้เต็มเมือง เลือดทั่วนคร!

นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกๆ ปีที่ดอกหม่อนหิมะเบ่งบาน ต่างแดงสดประดุจเลือด กลายเป็นภาพพิศวงที่โจษจันทั่วหล้า

ลือกันว่ายามที่ดอกหม่อนหิมะบาน มีผู้ฝึกปราณมากมายได้ยินเสียงร่ำไห้โหยหวนของอริยะอยู่รำไร…

เมืองหม่อนหิมะ ก็เพราะถูกพู่กันวสันต์สารทบันทึกไว้ในหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ จึงเลื่องชื่อตราบชั่วกาล กลายเป็นเมืองดังที่มีตำนานหลากสีสันแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดภายภาคหน้า ก็ดึงดูดผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มุ่งหน้ามาซึมซับอดีตตราบเท่าปัจจุบัน

ย้อนคิดถึงการต่อสู้ที่อริยะร่วงหล่นดุจสายฝนในปีนั้น ก็ไม่รู้มีมหายุทธ์เท่าไหร่ที่ร้องอุทานตกใจให้กับเทพมารหลินสามคำนี้

……

ไม่กี่วันต่อมา

ภายในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งในหุบเขาเขียวชอุ่ม หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ รู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณทั่วร่างเต็มสมบูรณ์ ความคิดชัดเจนเต็มเปี่ยม จิตผ่องแผ้วลมปราณปลอดโปร่ง

“ใช้จิตสถูปปลิดชีพแลกชีวิตของเก้าอริยะ ก็คุ้มแล้ว…”

หลินสวินถอนหายใจ

จิตสถูปปลิดชีพ คือสิ่งที่อริยพุทธซิงเจียหลงเหลือไว้ เป็นพลังแห่งมรรคจักรพรรดิ น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการ

ที่น่าเสียดายคือ ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ยามนี้ของสิ่งนี้อันตรธานไปแล้ว

เพียงแต่ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้หลินสวินได้เข้าใจถึงบารมีและบุคลิกสง่างามของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิส่วนหนึ่ง และจิตแห่งการแสวงมรรคของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้น

‘ครั้งนี้ เหตุใดเจ้าไม่ขอให้ข้าลงมือ’

ห้องโถงมรรคาสวรรค์ในห้วงนิมิต จู่ๆ ก็มีเสียงใสเย็นคลุมเครือของหญิงลึกลับคนนั้นดังออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน!

มุมปากหลินสวินเจือรอยยิ้มสายหนึ่ง สื่อสารผ่านจิตรับรู้ว่า ‘ฆ่าเดรัจฉานเฒ่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไยต้องรบกวนผู้อาวุโส’

‘ดูท่าเจ้ากำลังลองตัดการพึ่งพาทางสภาวะจิตที่มีต่อข้าอยู่ ไม่เลว แดนมกุฎสิบปีนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่เจ้าอย่างใหญ่หลวงจริงๆ สามารถหยั่งถึงจุดนี้ได้… ไม่เลวเลยจริงๆ’

ในเสียงเย็นใสของนางผุดเผยเสี้ยวอารมณ์อย่างหาได้ยาก คล้ายชื่นชม และคล้ายทอดถอนใจ

จะว่าไปนางเป็นถึงคนที่เฝ้าดูหลินสวินพัฒนาทีละก้าวตั้งแต่ยังไม่ทันผงาด จนมีความสำเร็จในวันนี้ได้ ตอนที่แน่ใจว่าสภาวะจิตของหลินสวินไม่ได้เห็นตนเป็นที่พึ่งอีกต่อไป จะไม่ให้นางไม่รู้สึกได้อย่างไร

เหยี่ยวแรกเกิด สุดท้ายก็ต้องมีเวลาที่สยายปีกบินลำพัง

ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ก็ย่อมต้องมีจิตใจที่ยืนหยัดด้วยตนเอง!

ในเส้นทางของการเสาะแสวงมหามรรค หากเอาแต่พึ่งพาภูมิหลัง อำนาจ วัตถุภายนอก การดูแลจากผู้อื่น…

ชั่วชีวิตนี้ความสำเร็จก็มีขีดจำกัด!

“ผู้อาวุโสท่านกล่าวหนักไปแล้ว ต่อไปหากพานพบอันตรายที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ข้าก็ยังต้องร้องขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างแน่นอน”

หลินสวินยิ้มขื่นพลางรีบร้อนอธิบาย

ล้อเล่นน่า เขาจะไม่ละทิ้งโอกาสที่จะขอร้องหญิงลึกลับให้ลงมือในตอนสุดท้ายแน่

แน่นอน ในใจเขายิ่งมีแรงกระตุ้น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง ว่าบนเส้นทางฝึกปราณในภายหน้า หากมีเวลาที่ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงลึกลับอีกต่อไป

นั่นถึงจะดีที่สุด!

……………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันนี้ เป็นวันที่แดนมกุฎสิบปีปิดม่าน

วันนี้ ยังเป็นวันที่เหล่าอริยะถูกสังหารด้วยเช่นกัน!

ข่าวเกี่ยวกับศึกสังหารอริยะครั้งนี้ไม่อาจปกปิดได้สักนิด เรียกคลื่นลมโหมซัดในสำนักใหญ่เก่าแก่แต่ละแห่งของดินแดนรกร้างโบราณเป็นอย่างแรก

สำนักกระบี่เทียมฟ้า

“อวี๋ซิวและขู่หยายังไม่กลับมาหรือ”

เสียงทรงอานุภาพน่าเกรงขามหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น ก้องสะท้อนในโถงใหญ่ของสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ภายในโถงใหญ่ คนระดับสูงของสำนักกระบี่เทียมฟ้าทั้งกลุ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยถาม

ว่ากันตามหลักทั่วไป เหล่าอริยะออกโรงฆ่าคนรุ่นเยาว์ที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งเท่านั้น นั่นไม่ต่างอะไรกับเหล่ามังกรสวรรค์ไปบดขยี้มดปลวกให้ตายชัดๆ

สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจอย่างแท้จริงคือ หลินสวินจะตายด้วยน้ำมืออริยะคนใดของขุมอำนาจไหนกันแน่!

ทว่าจวบจนบัดนี้กลับไร้ซึ่งข่าวสาวส่งกลับมา ย่อมพาให้ผู้คนประหลาดใจ

“รายงาน แย่แล้ว อริยะคนหนึ่งส่งข่าวมา บะ… บอกว่าผู้อาวุโสอวี๋ซิวและขู่หยาทั้งสองคน ล้วนประสบเคราะห์สิ้นชีพแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงตื่นตระหนกลนลานสายหนึ่งก็ดังขึ้นในโถงใหญ่

จากนั้นทั่วทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าล้วนได้ยินเสียงแผดคำรามเดือดดาลหาใดเปรียบดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า สะเทือนเลื่อนลั่นจนเวิ้งฟ้าชั้นเมฆต่างแหวกออ

ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้านับไม่ถ้วน ต่างได้รู้ในวันนี้ว่าอริยะแท้สองคนในสำนักถูกฆ่า และฆาตกรก็คือหลินสวิน!

……

อารามกษิติครรภ์

กลางอารามเก่าแก่เสียงปึงดังหนึ่งครา สายลูกประคำในมือภิกษุเฒ่าคนหนึ่งขาดผึง มุกประคำเอิบอิ่มใสวาวเม็ดแล้วเม็ดเล่าร่วงกระจายเกลื่อนพื้น

“ศิษย์พี่ฝ่าเจิ้ง ถึงกับต้านคนนอกรีตนั่นไม่ได้?”

จิตใจของภิกษุเฒ่าเสียการควบคุม สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง

……

เผ่าวิญญาณสมุทร

“ตายแล้ว ผู้อาวุโสซางเย่ตายแล้ว!”

เสียงโศกเศร้าโกรธแค้นนับไม่ถ้วนดังสนั่น ในนั้นยังเจือเสียงร่ำไห้คร่ำครวญอยู่ด้วย กระจายทั่วเก้าชั้นฟ้า

……

ลัทธิบูชาจันทร์

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าคนที่เหมือนมดปลวกตัวหนึ่งจะฆ่าอริยะพิทักษ์สำนักตายได้อย่างไร ตรวจสอบ! ตรวจสอบให้ข้าอย่างชัดเจน!”

ในวันนี้เจ้าลัทธิลัทธิบูชาจันทร์ราวกับบ้าคลั่ง โมโหเดือดดาล ทำเอาศิษย์ลัทธิบูชาจันทร์ทั้งกลุ่มตกใจจนจิตสั่นขวัญผวา ลนลานไม่สงบ

……

เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ

“จบกัน… อริยะหญิงลึกลับนั่นยังไม่ได้เคลื่อนไหว ผู้อาวุโสโก่วเจิ้นซานก็ประสบเคราะห์… พวกเรา… พวกเราเท่ากับล่วงเกินเจ้าเด็กหลินสวินนี่โดยสมบูรณ์แล้ว…”

คนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งหมดต่างเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง

ภาพเหตุการณ์ฉากแล้วฉากเล่าคล้ายแบบนี้ต่างอุบัติขึ้นในขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่ง

“ถึงกับมีอริยะเก้าคนร่วงหล่น…”

และพร้อมกันนั้น ยามที่ขุมอำนาจเก่าแก่อื่นๆ ของดินแดนรกร้างโบราณได้รู้ข่าวพวกนี้ ต่างก็พากันตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อ

ใต้อริยะ สรรพชีวิตดุจดั่งมดปลวก

ระดับอริยะ คือบุคคลที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือจุดสูงสุดทั่วใต้หล้ากลุ่มหนึ่ง มีพลานุภาพเทียมฟ้าน่าเหลือเชื่อ เรืองรองเทียบเท่าสุริยันจันทรา

ทว่าตอนนี้ภายใต้การต่อสู้ครั้งใหญ่ เก้าอริยะต่างดับสังขาร!

ดินแดนรกร้างโบราณ กี่ปีแล้วที่ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าเด็กหลินสวินนี่ ไปหยิบยิมพลังของผู้ใดกันแน่ เหตุใดถึงน่ากลัวปานนี้”

“ลือกันว่าอริยะที่ซ่อนตัวในเงามืดส่วนหนึ่งต่างถูกทำให้ตกใจถอยกรูด เผ่นหนีอุตลุด ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่กล้าโผล่หน้า!”

“เจ้าเด็กนี่… ช่างอำมหิตจริงๆ!”

“ขนาดอริยะยังรั้งเขาไว้ไม่ได้?”

ในวันนี้ ไม่รู้มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ตั้งเท่าไหร่เสียกิริยา ถูกฝีมืออันนองเลือดที่คนหนุ่มรุ่นเยาว์คนหนึ่งสำแดงออกมาทำให้ตกใจ

และไม่รู้ขุมอำนาจใหญ่ตั้งเท่าไหร่ที่ฮือฮาและสั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้

ข่าวสารก็ช่างปิดไม่มิดสักนิด ไม่นานไม่เพียงแต่ขุมอำนาจเก่าแก่ของดินแดนรกร้างโบราณ แม้แต่สรรพชีวิตมากมายมหาศาลที่กระจายอยู่แต่ละพื้นที่ของดินแดนรกร้างโบราณต่างก็ล่วงรู้กันถ้วนหน้า

ชั่วขณะเดียวทั่วหล้าต่างตกใจ

“ต่ำช้า อริยะที่ผ่าเผยถึงกับร่วมมือกันไปจัดการเด็กรุ่นหลังอย่างเทพมารหลิน ช่างหน้าไม่อายถึงที่สุดแล้วชัดๆ!”

มีคนเดือดดาล

“สะใจโว้ย! เทพมารหลินฆ่าได้ดีทีเดียว ที่ผ่านมาอริยะพวกนี้ทำตัวสูงส่ง เห็นสรรพชีวิตเป็นมดปลวกเศษวัชพืช ตอนนี้ก็ทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าสิ้นหวัง!”

มีคนระเบิดหัวเราะ เลือดร้อนสูบฉีด ต่างแซ่ซ้องให้กับวีรกรรมยิ่งใหญ่ของหลินสวิน

“ทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าหลินสวินล่วงเกินขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้นอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ”

มีคนหวั่นวิตก

“เหลวไหล! ขนาดอริยะยังฆ่าได้ ต่อไปขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ที่ไหนยังกล้าไม่ลืมตา ไปหาเรื่องหลินสวินอีกกัน รังเกียจว่าอริยะที่ถูกฆ่ายังไม่มากพออีกเรอะ”

มีคนหัวเราะเยาะหยัน

นี่ก็คือความเป็นไปของสรรพชีวิต พวกเขาเป็นเพียงผู้ชมอยู่ด้านข้าง มักจะออกความเห็นแตกต่างกันตามความชอบใจของตน

แต่ไม่ว่าอย่างไรในแง่ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวิน ไม่ว่าเป็นใครต่างไม่กล้าเยาะหยันและถากถางเหมือนที่ผ่านมาเช่นนั้นอีกแล้ว

เพราะว่าหลินสวินในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถเหยียบย่ำและหยามเกียรติได้!

อริยะยังถูกเขาฆ่าตาย พลังต่อสู้อันดุดันและน่าสะพรึงระดับนี้ นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่ทำได้

“นับแต่นี้เป็นต้นไป เทพมารหลินยิ่งใหญ่แล้ว และจะเป็นอันหนึ่งหนึ่งของคนรุ่นเดียวกัน ไม่อาจต้านทาน ไร้ขุมอำนาจใหญ่กล้ารังแก!”

คนมากมายทอดถอนใจ

ในวันนี้แดนมกุฎปิดม่าน เดิมก็ถูกสายตาคนทั่วหล้าจับจ้องให้ความสนใจอยู่แล้ว

ยามเมื่อรู้ว่าหลินสวินกลายเป็นอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าในแดนมกุฎสิบปี อำนาจเหนือเหล่าผู้กล้า แม้แต่พลังต่อสู้ยังถูกขนามนามให้เป็นที่หนึ่งของแดนมกุฎ เดิมก็พาให้ผู้คนสั่นสะท้าน ใต้หล้าสั่นสะเทือนอยู่แล้ว

และในวันนี้ตอนที่เขาใช้พลังระดับอมตะเคราะห์สังหารอริยะเก้าคนติดต่อกัน ทุกคน… ต่างไม่รู้ว่าควรใช้อารมณ์ความรู้สึกไหนมาบรรยาย!

นี่ ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ เสมือนปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้อย่างหนึ่ง

เรียกได้ว่าเป็นตำนานแห่งยุคปัจจุบัน!

บุคคลแห่งยุคที่ออกจากแดนมกุฎส่วนหนึ่ง อย่างพวกโอรสเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน หลังจากรู้ข่าวต่างก็จนคำพูดและอึ้งงันไปชั่วขณะ

สหายส่วนหนึ่งที่เคยคลุกคลีกับหลินสวินอย่างพวกจี้ซิงเหยา เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน เซียวชิงเหอ หมีเหิงเจิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง ต่างก็อดถอนใจว่าวิปริตคราหนึ่งไม่ได้ ความจริงแล้วในใจก็รู้สึกถึงเกียรติยศด้วยเช่นกัน!

ขนาดอริยะยังจนด้วยเกล้า นี่ช่างเฉิดฉายเกินไปแล้ว บรรดาคนรุ่นเยาว์ใครจะเทียบชั้นได้

และในวันนั้น มีข่าวแพร่งพรายออกมาว่ากึ่งจักรพรรดิไป๋อวี้จิงที่ไม่เคยปรากฏตัวมาแสนนานสั่งการออกมา ยามเมื่อสมรภูมิเก้าดินแดนเปิด หากหลินสวินไม่ไปฆ่าศัตรูไถ่บาป เขาจะเป็นคนแรกที่สังหารหลินสวินเอง!

หินก้อนเดียวก่อคลื่นพันชั้น!

ไป๋อวี้จิง เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาไม่รู้กี่กาลเวลาคนหนึ่ง อัครบุคคลที่น่าสงสัยว่าได้เหยียบย่างระดับจักรพรรดิแล้วคนหนึ่ง ถึงกับถูกทำให้ตกใจด้วยเช่นกัน?

บอกว่าจะให้หลินสวินไถ่บาป แต่ใครต่างก็รู้ดี จากสถานะของไป๋อวี้จิง ต่อให้ไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของหลินสวินที่ฆ่าเหล่าอริยะ แต่ก็ไม่ได้ทำการกำราบเองกับมือ เพียงแค่ออกคำสั่งให้เขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้อันดุเดือดของเก้าดินแดนที่ใกล้จะอุบัติขึ้นเท่านั้น!

ท่าทีของไป๋อวี้จิงก็พาให้ขุมอำนาจเก่าแก่ส่วนหนึ่งใจสะท้าน หรือว่าแม้แต่กึ่งจักรพรรดิเช่นนี้ ก็ยังยอมรับความแข็งแกร่งของหลินสวิน

โดยเฉพาะสำนักกระบี่เทียมฟ้า ยามเมื่อได้รู้ข่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนระดับสูงในสำนักหรือบรรดาศิษย์ใต้สำนัก ต่างก็ตะลึงอึ้งค้าง

มีเพียงพวกเขาที่รู้ดี ไป๋อวี้จิงเป็นศิษย์พี่ของบรรพจารย์บุกเบิกสำนักของพวกเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฆาตกรที่สังหารอริยะแท้อวี๋ซิว ขู่หยาอย่างหลินสวิน จะถึงกับไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียง!

ท่าทีเช่นนี้ของเขา ถึงขั้นสามารถถูกเข้าใจว่ายกโทษให้หลินสวินครั้งหนึ่ง!

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

ทั้งบนล่างสำนักกระบี่เทียมฟ้าร้องระงมกันทั้งแถบ

“ท่านเมี่ยวเสวียนแห่งหอฤทธิ์เทพก็เคยปรากฏตัว ทว่าเก็บมือดูอยู่ข้างๆ ไม่เคยห้ามพฤติกรรมสังหารอริยะของหลินสวิน!”

ยามเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไป ก็เรียกคลื่นลมยิ่งใหญ่โหมใส่ในดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง

หอฤทธิ์เทพ นี่เป็นถึงหนึ่งในแดนเร้นอริยะลึกลับที่ทั่วหล้าเคารพเลื่อมใส แม้แต่พวกเขา… ก็ยังยอมรับหลินสวิน?

สรุปแล้วในมหายุคปีที่สิบนี้ วันนั้นที่แดนมกุฎนี่ปิดม่าน ชื่อของหลินสวินก็ดุจดั่งอาทิตย์ดวงใหญ่ สาดส่องเหนือเวิ้งฟ้าดินแดนรกร้างโบราณ ดึงดูดสายตา เสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงฮือฮาทั่วหล้า!

ตัวคนเดียวกลับประหนึ่งตำนาน ถูกเชิดชูเป็นตำนานในยุคปัจจุบันของคนรุ่นเยาว์ สร้างบารมีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ฆ่าจนขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้นใจสะท้านขวัญผวา!

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปหนึ่งเดือนเศษเต็มๆ กว่าจะค่อยๆ สงบลง

ใครต่างก็ไม่อาจปฏิเสธ หลินสวินยิ่งใหญ่แล้ว!

……

เมืองหม่อนหิมะ ตั้งชื่อตามการเพาะปลูกต้นหม่อนหิมะเต็มเมือง

ต้นหม่อนหิมะที่คล้ายมังกรขดพันต้นแล้วต้นเล่าเปล่งประกายแวววาวสุกใสท่ามกลางลมหนาว ดอกมีขนาดเท่าปากชาม แต่หลังจากอริยะร่วงหล่น ดอกไม้สีขาวหิมะเหล่านี้ก็อาบย้อมกลายเป็นสีเลือดแดงสดบาดตา

สีเลือดนั่น งดงามสยดสยองจนพาให้ผู้คนใจสะท้าน

ดอกไม้เต็มเมือง เลือดทั่วนคร!

นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกๆ ปีที่ดอกหม่อนหิมะเบ่งบาน ต่างแดงสดประดุจเลือด กลายเป็นภาพพิศวงที่โจษจันทั่วหล้า

ลือกันว่ายามที่ดอกหม่อนหิมะบาน มีผู้ฝึกปราณมากมายได้ยินเสียงร่ำไห้โหยหวนของอริยะอยู่รำไร…

เมืองหม่อนหิมะ ก็เพราะถูกพู่กันวสันต์สารทบันทึกไว้ในหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ จึงเลื่องชื่อตราบชั่วกาล กลายเป็นเมืองดังที่มีตำนานหลากสีสันแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดภายภาคหน้า ก็ดึงดูดผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มุ่งหน้ามาซึมซับอดีตตราบเท่าปัจจุบัน

ย้อนคิดถึงการต่อสู้ที่อริยะร่วงหล่นดุจสายฝนในปีนั้น ก็ไม่รู้มีมหายุทธ์เท่าไหร่ที่ร้องอุทานตกใจให้กับเทพมารหลินสามคำนี้

……

ไม่กี่วันต่อมา

ภายในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งในหุบเขาเขียวชอุ่ม หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ รู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณทั่วร่างเต็มสมบูรณ์ ความคิดชัดเจนเต็มเปี่ยม จิตผ่องแผ้วลมปราณปลอดโปร่ง

“ใช้จิตสถูปปลิดชีพแลกชีวิตของเก้าอริยะ ก็คุ้มแล้ว…”

หลินสวินถอนหายใจ

จิตสถูปปลิดชีพ คือสิ่งที่อริยพุทธซิงเจียหลงเหลือไว้ เป็นพลังแห่งมรรคจักรพรรดิ น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการ

ที่น่าเสียดายคือ ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ยามนี้ของสิ่งนี้อันตรธานไปแล้ว

เพียงแต่ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้หลินสวินได้เข้าใจถึงบารมีและบุคลิกสง่างามของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิส่วนหนึ่ง และจิตแห่งการแสวงมรรคของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้น

‘ครั้งนี้ เหตุใดเจ้าไม่ขอให้ข้าลงมือ’

ห้องโถงมรรคาสวรรค์ในห้วงนิมิต จู่ๆ ก็มีเสียงใสเย็นคลุมเครือของหญิงลึกลับคนนั้นดังออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน!

มุมปากหลินสวินเจือรอยยิ้มสายหนึ่ง สื่อสารผ่านจิตรับรู้ว่า ‘ฆ่าเดรัจฉานเฒ่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไยต้องรบกวนผู้อาวุโส’

‘ดูท่าเจ้ากำลังลองตัดการพึ่งพาทางสภาวะจิตที่มีต่อข้าอยู่ ไม่เลว แดนมกุฎสิบปีนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่เจ้าอย่างใหญ่หลวงจริงๆ สามารถหยั่งถึงจุดนี้ได้… ไม่เลวเลยจริงๆ’

ในเสียงเย็นใสของนางผุดเผยเสี้ยวอารมณ์อย่างหาได้ยาก คล้ายชื่นชม และคล้ายทอดถอนใจ

จะว่าไปนางเป็นถึงคนที่เฝ้าดูหลินสวินพัฒนาทีละก้าวตั้งแต่ยังไม่ทันผงาด จนมีความสำเร็จในวันนี้ได้ ตอนที่แน่ใจว่าสภาวะจิตของหลินสวินไม่ได้เห็นตนเป็นที่พึ่งอีกต่อไป จะไม่ให้นางไม่รู้สึกได้อย่างไร

เหยี่ยวแรกเกิด สุดท้ายก็ต้องมีเวลาที่สยายปีกบินลำพัง

ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ก็ย่อมต้องมีจิตใจที่ยืนหยัดด้วยตนเอง!

ในเส้นทางของการเสาะแสวงมหามรรค หากเอาแต่พึ่งพาภูมิหลัง อำนาจ วัตถุภายนอก การดูแลจากผู้อื่น…

ชั่วชีวิตนี้ความสำเร็จก็มีขีดจำกัด!

“ผู้อาวุโสท่านกล่าวหนักไปแล้ว ต่อไปหากพานพบอันตรายที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ข้าก็ยังต้องร้องขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างแน่นอน”

หลินสวินยิ้มขื่นพลางรีบร้อนอธิบาย

ล้อเล่นน่า เขาจะไม่ละทิ้งโอกาสที่จะขอร้องหญิงลึกลับให้ลงมือในตอนสุดท้ายแน่

แน่นอน ในใจเขายิ่งมีแรงกระตุ้น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง ว่าบนเส้นทางฝึกปราณในภายหน้า หากมีเวลาที่ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงลึกลับอีกต่อไป

นั่นถึงจะดีที่สุด!

……………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+