Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1397 ความแค้นของชีชาน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1397 ความแค้นของชีชาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชายชุดดำตัวแข็งทื่อ แม้แต่หายใจยังรู้สึกยากลำบาก หัวใจก็สั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้

ปัจจุบันเขาเป็นถึงระดับราชันอย่างแท้จริงคนหนึ่ง แต่ยามนี้เพียงแค่เผชิญหน้ากับสายตาคู่หนึ่งเท่านั้น ถึงกับเกิดความรู้สึกกดดันจนไม่กล้าสบมอง

“ชีชาน?”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู ทำให้ชายชุดดำนิ่งงัน อีกฝ่ายรู้จักตนด้วยหรือ

สวบ!

และในยามนี้เงาร่างสายนั้นก็เก็บยานสมบัติ โรยตัวลงมาจากห้วงอากาศอย่างแผ่วเบา ปรากฏตัวต่อหน้าชายชุดดำ

“เป็นเจ้า!”

ชายชุดดำนัยน์ตาหดรัด จำตัวตนของอีกฝ่ายได้ก็อดอึ้งงันไปชั่วขณะไม่ได้ ในหัวสมองนึกถึงภาพตอนที่เคี่ยวกรำในค่ายกระหายเลือดสมัยเด็กขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“จำไม่ผิดจริงๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลย”

เงาร่างสายนั้นเป็นหลินสวินนั่นเอง แม้แต่เขายังคิดไม่ถึงว่าจะได้พบอีกฝ่ายในเมืองที่เหมือนซากปรักหักพังเช่นนี้

วันแรกที่หลินสวินเข้าไปในค่ายกระหายเลือดในปีนั้น ถูกแบ่งกลุ่มเข้ารับการสอนโดยครูฝึกเสี่ยวเคอที่ค่ายหมายเลข 39

และเป็นตอนนั้นที่หลินสวินได้รู้จักกับพวกหนิงเหมิง สืออวี่ หลี่ตู๋สิง เย่เสี่ยวชี กงหมิง ไป๋หลิงซี

ตอนนั้นชีชานก็เป็นศิษย์ในค่ายหมายเลข 39 ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ความสัมพันธ์กับหลินสวินเรียกไม่ได้ว่าดีนัก ลอบแข่งขันและขัดคอกันอยู่ตลอด

เวลาหลายปีผ่านไป เรื่องกระทบกระทั่งเล็กน้อยในประสบการณ์วัยเยาว์ ยามนี้กลายเป็นความทรงจำอย่างหนึ่งไปแล้ว

“เป็นเจ้าจริงๆ…”

ชีชานเผยแววยินดี เขาก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว การได้พบกับหลินสวินในตอนนี้ทำให้เขาดีใจไม่สิ้น

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

หลินสวินเอ่ยถาม ขณะพูดสายตาของเขากวาดมองไปยังกลุ่มชายหญิงที่อยู่ด้านข้างชีชาน ตระหนักได้ในทันทีว่าชายหนุ่มหญิงสาวพวกนี้ล้วนมีกลิ่นอายเป็นเอกลักษณ์ เห็นได้ชัดว่ามาจากค่ายกระหายเลือด

“แน่นอนว่ามาฆ่าอสูรมาร”

ชีชานพูดไปพลางก็เอ่ยแนะนำแก่หลินสวิน “เจ้าดูสิ พวกนี้ล้วนเป็นศิษย์ที่เข้ามาในค่ายกระหายเลือดเมื่อสามปีก่อน เมื่อเทียบกับพวกเราในปีนั้น พลังและพรสวรรค์ของพวกเขาจะกร้าวแกร่งขึ้นไม่น้อย”

หลินสวินกล่าวอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้เจ้ารับตำแหน่งในค่ายกระหายเลือดหรือ”

ชีชานพยักหน้า ยิ้มพลางผินหน้าไปพูดกับชายหญิงเหล่านั้น “มา ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้า ท่านนี้คือหลินสวินผู้นำเขาชำระจิตที่ชื่อเสียงโด่งดัง! แต่พวกเจ้าคงจะไม่รู้ ว่าปีนั้นเขาเป็นศิษย์คนหนึ่งที่มีคะแนนทดสอบยอดเยี่ยมที่สุดในค่ายกระหายเลือด”

หลินสวิน!

ชายหญิงเหล่านั้นต่างใจสะท้าน นัยน์ตาทอประกาย แต่ละคนเผยสีหน้าคลั่งไคล้ศรัทธา

ตอนนี้หลินสวินเป็นบุคคลทรงอิทธิพลซึ่งเปล่งประกายที่สุดในจักรวรรดิ เหมือนตำนานคนหนึ่งก็ไม่ปาน มีหรือพวกเขาจะไม่รู้จัก

เพียงแต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าครูฝึกของตนกับหลินสวินจะถึงกับเป็นสหายกัน!

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกเหนือคาดยิ่งนัก

ควรรู้ว่าก่อนหน้านี้ ชีชานไม่เคยบอกมาก่อนว่าเขากับคุณชายหลินที่ชื่อเสียงเกริกก้องจักรวรรดิคนนี้เป็นคนรู้จักกัน

“คารวะผู้อาวุโส”

ชายหญิงเหล่านั้นต่างพากันโค้งคารวะ

“ของเล่นพวกนี้คิดเสียว่าเป็นของขวัญสำหรับการพบหน้ากัน รับไว้เถอะ”

หลินสวินยิ้มพลางโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เบื้องหน้าผู้ฝึกปราณทุกคนล้วนปรากฏยาลูกกลอนขวดหนึ่งและกล่องหยกที่ปิดผนึกสมบัติอีกหนึ่งกล่อง

“นี่…”

ชายหญิงเหล่านั้นต่างลังเล ทอดสายตามองไปทางชีชาน

ชีชานหัวเราะร่วน “ให้พวกเจ้ารับไว้ก็รับไว้เถอะ เกรงใจอะไรกัน โอกาสเช่นนี้พลาดแล้วพลาดเลย”

ดังนั้นชายหญิงเหล่านั้นต่างพากันรับของขวัญจากหลินสวินไว้

พอลองดูคร่าวๆ พวกเขาแต่ละคนต่างร้องอุทานออกมา ในใจล้วนเต้นโครมครามรุนแรง ใบหน้าเปี่ยมแววตื่นเต้นและเหนือความคาดหมาย

เหตุผลนั้นง่ายดายยิ่ง ของขวัญที่หลินสวินมอบให้ไม่ว่าจะเป็นยาลูกกลอนหรือสมบัติ สำหรับพวกเขาแล้วล้วนเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าราคาจมเมือง!

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก”

ชายหญิงเหล่านั้นกล่าวขอบคุณอีกครั้ง สีหน้าฉายแววซาบซึ้งและปลื้มปริ่มเปี่ยมล้น

“อย่าเรียกผู้อาวุโสเลย ข้าไม่ได้แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย”

หลินสวินยิ้มเจื่อน

ชีชานระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น “คำเรียกนี้ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เกี่ยวกับฐานะและความแข็งแกร่ง อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็เป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ผู้ฝึกปราณมากมายได้แต่เงยหน้ามองเชียว”

คนอื่นๆ เองก็ยิ้ม ในใจล้วนผุดความรู้สึกอย่างหนึ่ง ผู้อาวุโสหลินที่ประหนึ่งตำนานคนนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ลือกัน…

หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง คงไม่มีใครกล้าเชื่อว่าขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสองตระกูลอย่างจั่วและฉิน จะถูกเขาคนเดียวเหยียบราบเป็นหน้ากลอง

“ไป พวกเราไปหาที่ดื่มสุราพูดคุยกัน”

หลินสวินเสนอ

ชีชานลังเลครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ไว้คราวหน้าดีกว่า”

หลินสวินนิ่งงัน รับรู้ได้อย่างว่องไวว่ายามนี้สภาพจิตใจของชีชานดูเหมือนจะไม่ชอบกล อดเอ่ยถามไม่ได้ “เจอปัญหากวนใจอะไรหรือ”

ชีชานตกใจ คิดไม่ถึงว่าสายตาของหลินสวินจะแหลมคมเช่นนี้ รีบยิ้มกล่าวเป็นพัลวัน “แค่เรื่องเล็กน้อย”

หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “เรื่องเล็กอะไรกัน ครูฝึก ตอนนี้มีผู้อาวุโสหลินอยู่ด้วยทั้งคน ท่านก็อย่าไปแก้แค้นคนเดียวอีกเลย เช่นนั้นมันอันตรายเกินไป”

“ใช่แล้ว ผู้แข็งแกร่งใต้บัญชาราชันไก่ฟ้าโลหิตนั่นมีมากมาย ท่านไปสู้ไม่คิดชีวิตคนเดียวมันอันตรายเกินไป”

คนอื่นๆ ก็พากันเอ่ยปาก

ชายหนุ่มกำยำชุดดำคนหนึ่งถึงขั้นคุกเข่าลงต่อหน้าหลินสวินตรงๆ กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผู้อาวุโสหลิน ท่านโปรดช่วยครูฝึกด้วยเถิด!”

ชีชานสีหน้าอึมครึมทันควัน “เรื่องของข้า ต้องให้พวกเจ้ามาจุ้นจ้านด้วยหรือ ลุกขึ้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

เสียงตวาดลั่นทำให้ชายหญิงเหล่านั้นเงียบกริบปานจักจั่นหน้าหนาว แต่สีหน้าพวกเขากลับเปี่ยมด้วยแววร้อนรนยากจะปกปิด

ด้านข้างหลินสวินมองเก็บรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ ในใจเริ่มเข้าใจขึ้นมา อดขมวดคิ้วกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “ชีชาน พวกเราเป็นสหายที่จบจากค่ายกระหายเลือดด้วยกัน ตอนนี้เจ้ากลับเป็นเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าไม่เห็นข้าหลินสวินเป็นสหาย”

สีหน้าชีชานวูบไหวไม่นิ่ง สุดท้ายก็กล่าวปลงตก “ก็เพราะพวกเราเป็นสหาย ข้าถึงไม่อยากให้เจ้าเข้ามาพัวพันในปัญหานี้!”

หลินสวินเลิกคิ้ว “ปัญหาใหญ่แค่ไหน ใหญ่กว่าทะลวงฟ้าเชียวหรือ”

ชีชานยิ้มขมขื่น “ก็ไม่ขนาดนั้น”

“ผู้อาวุโสหลิน ท่านพ่อท่านแม่ สหาย และคนตระกูลของครูฝึกล้วนถูกสัตว์อสูรมารพวกนั้นทำร้ายจนตาย ครั้งนี้เขาจะมุ่งหน้าไปแก้แค้นราชันไก่ฟ้าโลหิต!”

ชายหนุ่มกำยำคนนั้นอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ท่านเองก็เห็นแล้ว เมืองนี้ถูกบุกโจมตี และครอบครัวของครูฝึกเดิมทีก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้”

หลินสวินเข้าใจขึ้นมาในทันที ตบไหล่ชีชานเบาๆ “แค้นนี้แน่นอนว่าต้องชำระ แต่จะใช้อารมณ์ตัดสินใจไม่ได้”

ชีชานสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “ราชันไก่ฟ้าโลหิตเป็นหนึ่งในจอมราชันอสูรมารใต้บัญชาราชันค้างคาวดำ หากเจ้าลงมือ จะต้องถูกราชันค้างคาวดำหมายหัวเพราะเรื่องนี้แน่”

“และจากที่ข้ารู้มา ตอนนี้ในจักวรรดิราชันอสูรมารทั้งหมดต่างจับจ้องเจ้าปานเสือรอตะครุบเหยื่อ หมายจะสังหารเจ้า ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ข้าจะให้เจ้ามาพัวพันกลางคลื่นลมนี้ได้อย่างไรกัน”

ประโยคนี้สิ้นสุด ชายหญิงเหล่านั้นก็พากันหน้าเปลี่ยนสี

พวกเขาก็ได้ยินมาเหมือนกัน ไม่กี่วันมานี้ในจักรวรรดิมีอสูรมารหลายตนประกาศกร้าว หมายจะสังหารหลินสวิน เอ็ดอึงจนสะเทือนฟ้าดิน ไม่อาจสงบได้เลย

ความกังวลของชีชานทำให้ในใจหลินสวินไหวหวั่นไม่สิ้น นี่ยิ่งทำให้เขาตัดสินใจจะช่วยชีชานอย่างแน่วแน่ยิ่งขึ้นไปอีก

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่”

หลินสวินถามยิ้มๆ นัยน์ดำลุ่มลึก

ชีชานนิ่งงัน จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา กล่าวอย่างตกใจว่า “หรือว่าเจ้าก็จะ…”

หลินสวินพยักหน้า

……

นอกเมืองเขี้ยวโลหิต มีภูเขาทอดตัวเรียงรายเป็นแนวคลื่น ในส่วนลึกมีหุบเขาสงัดเงียบที่งดงามเหนือธรรมดา ประหนึ่งแดนสุขาวดี วิมานเทพเซียน

แต่ตอนนี้กลางหุบเขานี้กลับมีไอพิษควันโขมง สัตว์อสูรมารมากมายยึดครองพื้นที่ แต่ละตนสีหน้าเหี้ยมเกรียม กลิ่นอายดุร้ายอำมหิต

“จอมราชัน พวกเราหิวจวนจะแย่แล้ว เมื่อไหร่พวกเราจะออกไปสังหารเหยื่อกันอีก”

อสูรมารบำเพ็ญที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ ทั่วร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาลเอ่ยถามด้วยเสียงเจือแววคาดหวัง

ราชันไก่ฟ้าโลหิตเอนตัวนอนบนแท่นนนอนนุ่มหรูหรา พูดอย่างเกียจคร้าน “ไม่ฆ่าแล้ว ราชันค้างคาวดำออกคำสั่งว่าพักนี้ต้องเก็บตัวหน่อย ได้ยินว่า…จะระดมพลังทั้งหมดไปจัดการคนเผ่ามนุษย์ที่ชื่อหลินสวิน”

เขาสวมชุดคลุมโอ่อ่าทั้งตัว ผิวขาวซีด ริมฝีปากกลับแดงฉานปานเลือด นัยน์ตาเป็นสีเขียวมรกตแปลกประหลาด เห็นได้ชัดว่าพิสดารหาใดเปรียบ

ข้างกายเขาเด็กสาวเผ่ามนุษย์หน้าตาสะสวยที่สวมเพียงผ้าโปร่งบางๆ สองคนคุกเข่าอยู่ กำลังบีบนวดแข้งขาให้เขา

เด็กสาวทั้งสองล้วนถูกบังคับจับตัวมา รูปร่างหน้าตาจัดว่างดงาม เพียงแต่สีหน้าแข็งทื่อ แววตาก็ดูว่างเปล่าหาใดเปรียบ

“จอมราชัน แย่แล้ว มีผู้ฝึกปราณบุกเข้ามาขอรับ!”

ทันใดนั้นนอกหุบเขาก็มีเสียงร้องตื่นตระหนกหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น

ราชันไก่ฟ้าโลหิตอึ้งงัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าวว่า “ถึงกับยังมีผู้ฝึกปราณแจ้นมาตายหรือ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ไปๆๆ เจ้าไม่ได้หิวอยู่หรือ พาสมุนส่วนหนึ่งไปฆ่าพวกไม่รู้จักรักตัวกลัวตายนั่นเสีย”

“ขอรับ!”

อสูรมารบำเพ็ญหน้าตาอัปลักษณ์ที่อยู่ด้านข้างตนนั้นรีบรับคำสั่ง เดินออกไปอย่างหน้าชื่นตาบาน

แต่ไม่ทันไรเสียงร้องหวาดกลัวก็ดังลอยมาแต่ไกลอีกครั้ง “แย่แล้ว! ตายกันหมด ตายกันหมดแล้ว…”

ตูม!

ตามหลังเสียงร้องลั่นอึกทึก ยังมีเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดินอีกสายหนึ่งดังขึ้นมาด้วย สนั่นหวั่นไหวจนหุบเขาใหญ่โตยังสะเทือนขึ้นมา

ราชันไก่ฟ้าโลหิตลุกพรวดขึ้นมาจากแท่น แค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง สีหน้าอึมครึม “ไอ้พวกไร้ประโยชน์!”

“ไร้ประโยชน์จริงๆ!”

และยามนี้เอง ห้วงอากาศเหนือหุบเขามีเสียงราบเรียบสายหนึ่งดังขึ้น

ราชันไก่ฟ้าโลหิตเงยหน้าขึ้นขวับ ก็เห็นว่าในห้วงอากาศไกลๆ มีเงาร่างกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ผู้นำเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเหนือโลกีย์คนหนึ่ง

“รนหาที่ตาย!”

สีหน้าราชันไก่ฟ้าโลหิตยิ่งมืดทะมึนมากกว่าเดิม

ปึง!

เขาถีบเท้าออกไปคราหนึ่ง เด็กสาวงดงามสองคนที่อยู่ด้านข้างถูกเตะจนร่างกระจุยทันที ร่างงามสลายหายไป

พอเห็นภาพนี้ หลินสวินที่พาพวกชีชานมุ่งหน้ามาพร้อมกันพลันมีประกายเย็นเยียบวาบผ่านในนัยน์ตา กล่าวว่า “เจ้าก็คือราชันไก่ฟ้าโลหิตกระมัง”

ราชันไก่ฟ้าโลหิตยิ้มแสยะ “ในเมื่อรู้ว่าเป็นข้า ยังกล้าแจ้นมาทิ้งชีวิต ไอ้หนุ่ม เจ้าใจกล้าไม่เบา”

“ให้ข้าฆ่ามัน!”

ทันใดนั้นชีชานก็ก้าวออกมา ดวงตาแดงก่ำ ไอสังหารพุ่งเสียดฟ้า

เมืองเขี้ยวโลหิต ก็เพราะถูกกองทัพใหญ่สัตว์อสูรมารที่นำโดยราชันไก่ฟ้าโลหิตบุกโจมตี ครอบครัวและสหายทั้งหมดของชีชานตายจึงอนาถหลังจากการบุกเมืองครั้งนั้น!

ตูม!

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุดชีชานก็พุ่งตัวออกไปเต็มแรง กำทวนยาวสีเขียวเล่มหนึ่ง พุ่งโจมตีออกไปราวกับรุ้งเทพแหลมคมสะท้านโลกสายหนึ่ง

“แค่ระดับราชันเล็กๆ คนหนึ่ง ยังไม่เคยแม้แต่ข้ามอมตะเคราะห์สักครั้ง ถึงกับวิ่งมาทิ้งชีวิต… ฮ่าๆๆ”

ราชันไก่ฟ้าโลหิตแหงนหน้าหัวเราะลั่น สีหน้าเปี่ยมแววเยียบเย็นและเหยียดหยามอย่างที่สุด

เขายื่นฝ่ามือกดออกไปคราหนึ่ง

ประทับฝ่ามือสีเลือดควบรวม ไอชั่วร้ายพวยพุ่ง ซัดห้วงอากาศกระจุย น่าสะพรึงไร้สิ้นสุด

ราชันไก่ฟ้าโลหิตมั่นใจนัก ด้วยพลังระดับอมตะเคราะห์ด่านสามของเขา แค่หนึ่งฝ่ามือลวกๆ ก็เพียงพอจะตบเผ่ามนุษย์หน้าโง่ไม่รู้จักดีชั่วคนนี้ให้ตายได้แล้ว!

…………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1397 ความแค้นของชีชาน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1397 ความแค้นของชีชาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชายชุดดำตัวแข็งทื่อ แม้แต่หายใจยังรู้สึกยากลำบาก หัวใจก็สั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้

ปัจจุบันเขาเป็นถึงระดับราชันอย่างแท้จริงคนหนึ่ง แต่ยามนี้เพียงแค่เผชิญหน้ากับสายตาคู่หนึ่งเท่านั้น ถึงกับเกิดความรู้สึกกดดันจนไม่กล้าสบมอง

“ชีชาน?”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู ทำให้ชายชุดดำนิ่งงัน อีกฝ่ายรู้จักตนด้วยหรือ

สวบ!

และในยามนี้เงาร่างสายนั้นก็เก็บยานสมบัติ โรยตัวลงมาจากห้วงอากาศอย่างแผ่วเบา ปรากฏตัวต่อหน้าชายชุดดำ

“เป็นเจ้า!”

ชายชุดดำนัยน์ตาหดรัด จำตัวตนของอีกฝ่ายได้ก็อดอึ้งงันไปชั่วขณะไม่ได้ ในหัวสมองนึกถึงภาพตอนที่เคี่ยวกรำในค่ายกระหายเลือดสมัยเด็กขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“จำไม่ผิดจริงๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลย”

เงาร่างสายนั้นเป็นหลินสวินนั่นเอง แม้แต่เขายังคิดไม่ถึงว่าจะได้พบอีกฝ่ายในเมืองที่เหมือนซากปรักหักพังเช่นนี้

วันแรกที่หลินสวินเข้าไปในค่ายกระหายเลือดในปีนั้น ถูกแบ่งกลุ่มเข้ารับการสอนโดยครูฝึกเสี่ยวเคอที่ค่ายหมายเลข 39

และเป็นตอนนั้นที่หลินสวินได้รู้จักกับพวกหนิงเหมิง สืออวี่ หลี่ตู๋สิง เย่เสี่ยวชี กงหมิง ไป๋หลิงซี

ตอนนั้นชีชานก็เป็นศิษย์ในค่ายหมายเลข 39 ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ความสัมพันธ์กับหลินสวินเรียกไม่ได้ว่าดีนัก ลอบแข่งขันและขัดคอกันอยู่ตลอด

เวลาหลายปีผ่านไป เรื่องกระทบกระทั่งเล็กน้อยในประสบการณ์วัยเยาว์ ยามนี้กลายเป็นความทรงจำอย่างหนึ่งไปแล้ว

“เป็นเจ้าจริงๆ…”

ชีชานเผยแววยินดี เขาก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว การได้พบกับหลินสวินในตอนนี้ทำให้เขาดีใจไม่สิ้น

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

หลินสวินเอ่ยถาม ขณะพูดสายตาของเขากวาดมองไปยังกลุ่มชายหญิงที่อยู่ด้านข้างชีชาน ตระหนักได้ในทันทีว่าชายหนุ่มหญิงสาวพวกนี้ล้วนมีกลิ่นอายเป็นเอกลักษณ์ เห็นได้ชัดว่ามาจากค่ายกระหายเลือด

“แน่นอนว่ามาฆ่าอสูรมาร”

ชีชานพูดไปพลางก็เอ่ยแนะนำแก่หลินสวิน “เจ้าดูสิ พวกนี้ล้วนเป็นศิษย์ที่เข้ามาในค่ายกระหายเลือดเมื่อสามปีก่อน เมื่อเทียบกับพวกเราในปีนั้น พลังและพรสวรรค์ของพวกเขาจะกร้าวแกร่งขึ้นไม่น้อย”

หลินสวินกล่าวอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้เจ้ารับตำแหน่งในค่ายกระหายเลือดหรือ”

ชีชานพยักหน้า ยิ้มพลางผินหน้าไปพูดกับชายหญิงเหล่านั้น “มา ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้า ท่านนี้คือหลินสวินผู้นำเขาชำระจิตที่ชื่อเสียงโด่งดัง! แต่พวกเจ้าคงจะไม่รู้ ว่าปีนั้นเขาเป็นศิษย์คนหนึ่งที่มีคะแนนทดสอบยอดเยี่ยมที่สุดในค่ายกระหายเลือด”

หลินสวิน!

ชายหญิงเหล่านั้นต่างใจสะท้าน นัยน์ตาทอประกาย แต่ละคนเผยสีหน้าคลั่งไคล้ศรัทธา

ตอนนี้หลินสวินเป็นบุคคลทรงอิทธิพลซึ่งเปล่งประกายที่สุดในจักรวรรดิ เหมือนตำนานคนหนึ่งก็ไม่ปาน มีหรือพวกเขาจะไม่รู้จัก

เพียงแต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าครูฝึกของตนกับหลินสวินจะถึงกับเป็นสหายกัน!

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกเหนือคาดยิ่งนัก

ควรรู้ว่าก่อนหน้านี้ ชีชานไม่เคยบอกมาก่อนว่าเขากับคุณชายหลินที่ชื่อเสียงเกริกก้องจักรวรรดิคนนี้เป็นคนรู้จักกัน

“คารวะผู้อาวุโส”

ชายหญิงเหล่านั้นต่างพากันโค้งคารวะ

“ของเล่นพวกนี้คิดเสียว่าเป็นของขวัญสำหรับการพบหน้ากัน รับไว้เถอะ”

หลินสวินยิ้มพลางโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เบื้องหน้าผู้ฝึกปราณทุกคนล้วนปรากฏยาลูกกลอนขวดหนึ่งและกล่องหยกที่ปิดผนึกสมบัติอีกหนึ่งกล่อง

“นี่…”

ชายหญิงเหล่านั้นต่างลังเล ทอดสายตามองไปทางชีชาน

ชีชานหัวเราะร่วน “ให้พวกเจ้ารับไว้ก็รับไว้เถอะ เกรงใจอะไรกัน โอกาสเช่นนี้พลาดแล้วพลาดเลย”

ดังนั้นชายหญิงเหล่านั้นต่างพากันรับของขวัญจากหลินสวินไว้

พอลองดูคร่าวๆ พวกเขาแต่ละคนต่างร้องอุทานออกมา ในใจล้วนเต้นโครมครามรุนแรง ใบหน้าเปี่ยมแววตื่นเต้นและเหนือความคาดหมาย

เหตุผลนั้นง่ายดายยิ่ง ของขวัญที่หลินสวินมอบให้ไม่ว่าจะเป็นยาลูกกลอนหรือสมบัติ สำหรับพวกเขาแล้วล้วนเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าราคาจมเมือง!

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก”

ชายหญิงเหล่านั้นกล่าวขอบคุณอีกครั้ง สีหน้าฉายแววซาบซึ้งและปลื้มปริ่มเปี่ยมล้น

“อย่าเรียกผู้อาวุโสเลย ข้าไม่ได้แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย”

หลินสวินยิ้มเจื่อน

ชีชานระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น “คำเรียกนี้ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เกี่ยวกับฐานะและความแข็งแกร่ง อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็เป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ผู้ฝึกปราณมากมายได้แต่เงยหน้ามองเชียว”

คนอื่นๆ เองก็ยิ้ม ในใจล้วนผุดความรู้สึกอย่างหนึ่ง ผู้อาวุโสหลินที่ประหนึ่งตำนานคนนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ลือกัน…

หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง คงไม่มีใครกล้าเชื่อว่าขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสองตระกูลอย่างจั่วและฉิน จะถูกเขาคนเดียวเหยียบราบเป็นหน้ากลอง

“ไป พวกเราไปหาที่ดื่มสุราพูดคุยกัน”

หลินสวินเสนอ

ชีชานลังเลครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ไว้คราวหน้าดีกว่า”

หลินสวินนิ่งงัน รับรู้ได้อย่างว่องไวว่ายามนี้สภาพจิตใจของชีชานดูเหมือนจะไม่ชอบกล อดเอ่ยถามไม่ได้ “เจอปัญหากวนใจอะไรหรือ”

ชีชานตกใจ คิดไม่ถึงว่าสายตาของหลินสวินจะแหลมคมเช่นนี้ รีบยิ้มกล่าวเป็นพัลวัน “แค่เรื่องเล็กน้อย”

หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “เรื่องเล็กอะไรกัน ครูฝึก ตอนนี้มีผู้อาวุโสหลินอยู่ด้วยทั้งคน ท่านก็อย่าไปแก้แค้นคนเดียวอีกเลย เช่นนั้นมันอันตรายเกินไป”

“ใช่แล้ว ผู้แข็งแกร่งใต้บัญชาราชันไก่ฟ้าโลหิตนั่นมีมากมาย ท่านไปสู้ไม่คิดชีวิตคนเดียวมันอันตรายเกินไป”

คนอื่นๆ ก็พากันเอ่ยปาก

ชายหนุ่มกำยำชุดดำคนหนึ่งถึงขั้นคุกเข่าลงต่อหน้าหลินสวินตรงๆ กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผู้อาวุโสหลิน ท่านโปรดช่วยครูฝึกด้วยเถิด!”

ชีชานสีหน้าอึมครึมทันควัน “เรื่องของข้า ต้องให้พวกเจ้ามาจุ้นจ้านด้วยหรือ ลุกขึ้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

เสียงตวาดลั่นทำให้ชายหญิงเหล่านั้นเงียบกริบปานจักจั่นหน้าหนาว แต่สีหน้าพวกเขากลับเปี่ยมด้วยแววร้อนรนยากจะปกปิด

ด้านข้างหลินสวินมองเก็บรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ ในใจเริ่มเข้าใจขึ้นมา อดขมวดคิ้วกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “ชีชาน พวกเราเป็นสหายที่จบจากค่ายกระหายเลือดด้วยกัน ตอนนี้เจ้ากลับเป็นเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าไม่เห็นข้าหลินสวินเป็นสหาย”

สีหน้าชีชานวูบไหวไม่นิ่ง สุดท้ายก็กล่าวปลงตก “ก็เพราะพวกเราเป็นสหาย ข้าถึงไม่อยากให้เจ้าเข้ามาพัวพันในปัญหานี้!”

หลินสวินเลิกคิ้ว “ปัญหาใหญ่แค่ไหน ใหญ่กว่าทะลวงฟ้าเชียวหรือ”

ชีชานยิ้มขมขื่น “ก็ไม่ขนาดนั้น”

“ผู้อาวุโสหลิน ท่านพ่อท่านแม่ สหาย และคนตระกูลของครูฝึกล้วนถูกสัตว์อสูรมารพวกนั้นทำร้ายจนตาย ครั้งนี้เขาจะมุ่งหน้าไปแก้แค้นราชันไก่ฟ้าโลหิต!”

ชายหนุ่มกำยำคนนั้นอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ท่านเองก็เห็นแล้ว เมืองนี้ถูกบุกโจมตี และครอบครัวของครูฝึกเดิมทีก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้”

หลินสวินเข้าใจขึ้นมาในทันที ตบไหล่ชีชานเบาๆ “แค้นนี้แน่นอนว่าต้องชำระ แต่จะใช้อารมณ์ตัดสินใจไม่ได้”

ชีชานสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “ราชันไก่ฟ้าโลหิตเป็นหนึ่งในจอมราชันอสูรมารใต้บัญชาราชันค้างคาวดำ หากเจ้าลงมือ จะต้องถูกราชันค้างคาวดำหมายหัวเพราะเรื่องนี้แน่”

“และจากที่ข้ารู้มา ตอนนี้ในจักวรรดิราชันอสูรมารทั้งหมดต่างจับจ้องเจ้าปานเสือรอตะครุบเหยื่อ หมายจะสังหารเจ้า ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ข้าจะให้เจ้ามาพัวพันกลางคลื่นลมนี้ได้อย่างไรกัน”

ประโยคนี้สิ้นสุด ชายหญิงเหล่านั้นก็พากันหน้าเปลี่ยนสี

พวกเขาก็ได้ยินมาเหมือนกัน ไม่กี่วันมานี้ในจักรวรรดิมีอสูรมารหลายตนประกาศกร้าว หมายจะสังหารหลินสวิน เอ็ดอึงจนสะเทือนฟ้าดิน ไม่อาจสงบได้เลย

ความกังวลของชีชานทำให้ในใจหลินสวินไหวหวั่นไม่สิ้น นี่ยิ่งทำให้เขาตัดสินใจจะช่วยชีชานอย่างแน่วแน่ยิ่งขึ้นไปอีก

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่”

หลินสวินถามยิ้มๆ นัยน์ดำลุ่มลึก

ชีชานนิ่งงัน จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา กล่าวอย่างตกใจว่า “หรือว่าเจ้าก็จะ…”

หลินสวินพยักหน้า

……

นอกเมืองเขี้ยวโลหิต มีภูเขาทอดตัวเรียงรายเป็นแนวคลื่น ในส่วนลึกมีหุบเขาสงัดเงียบที่งดงามเหนือธรรมดา ประหนึ่งแดนสุขาวดี วิมานเทพเซียน

แต่ตอนนี้กลางหุบเขานี้กลับมีไอพิษควันโขมง สัตว์อสูรมารมากมายยึดครองพื้นที่ แต่ละตนสีหน้าเหี้ยมเกรียม กลิ่นอายดุร้ายอำมหิต

“จอมราชัน พวกเราหิวจวนจะแย่แล้ว เมื่อไหร่พวกเราจะออกไปสังหารเหยื่อกันอีก”

อสูรมารบำเพ็ญที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ ทั่วร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาลเอ่ยถามด้วยเสียงเจือแววคาดหวัง

ราชันไก่ฟ้าโลหิตเอนตัวนอนบนแท่นนนอนนุ่มหรูหรา พูดอย่างเกียจคร้าน “ไม่ฆ่าแล้ว ราชันค้างคาวดำออกคำสั่งว่าพักนี้ต้องเก็บตัวหน่อย ได้ยินว่า…จะระดมพลังทั้งหมดไปจัดการคนเผ่ามนุษย์ที่ชื่อหลินสวิน”

เขาสวมชุดคลุมโอ่อ่าทั้งตัว ผิวขาวซีด ริมฝีปากกลับแดงฉานปานเลือด นัยน์ตาเป็นสีเขียวมรกตแปลกประหลาด เห็นได้ชัดว่าพิสดารหาใดเปรียบ

ข้างกายเขาเด็กสาวเผ่ามนุษย์หน้าตาสะสวยที่สวมเพียงผ้าโปร่งบางๆ สองคนคุกเข่าอยู่ กำลังบีบนวดแข้งขาให้เขา

เด็กสาวทั้งสองล้วนถูกบังคับจับตัวมา รูปร่างหน้าตาจัดว่างดงาม เพียงแต่สีหน้าแข็งทื่อ แววตาก็ดูว่างเปล่าหาใดเปรียบ

“จอมราชัน แย่แล้ว มีผู้ฝึกปราณบุกเข้ามาขอรับ!”

ทันใดนั้นนอกหุบเขาก็มีเสียงร้องตื่นตระหนกหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น

ราชันไก่ฟ้าโลหิตอึ้งงัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าวว่า “ถึงกับยังมีผู้ฝึกปราณแจ้นมาตายหรือ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ไปๆๆ เจ้าไม่ได้หิวอยู่หรือ พาสมุนส่วนหนึ่งไปฆ่าพวกไม่รู้จักรักตัวกลัวตายนั่นเสีย”

“ขอรับ!”

อสูรมารบำเพ็ญหน้าตาอัปลักษณ์ที่อยู่ด้านข้างตนนั้นรีบรับคำสั่ง เดินออกไปอย่างหน้าชื่นตาบาน

แต่ไม่ทันไรเสียงร้องหวาดกลัวก็ดังลอยมาแต่ไกลอีกครั้ง “แย่แล้ว! ตายกันหมด ตายกันหมดแล้ว…”

ตูม!

ตามหลังเสียงร้องลั่นอึกทึก ยังมีเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดินอีกสายหนึ่งดังขึ้นมาด้วย สนั่นหวั่นไหวจนหุบเขาใหญ่โตยังสะเทือนขึ้นมา

ราชันไก่ฟ้าโลหิตลุกพรวดขึ้นมาจากแท่น แค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง สีหน้าอึมครึม “ไอ้พวกไร้ประโยชน์!”

“ไร้ประโยชน์จริงๆ!”

และยามนี้เอง ห้วงอากาศเหนือหุบเขามีเสียงราบเรียบสายหนึ่งดังขึ้น

ราชันไก่ฟ้าโลหิตเงยหน้าขึ้นขวับ ก็เห็นว่าในห้วงอากาศไกลๆ มีเงาร่างกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ผู้นำเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเหนือโลกีย์คนหนึ่ง

“รนหาที่ตาย!”

สีหน้าราชันไก่ฟ้าโลหิตยิ่งมืดทะมึนมากกว่าเดิม

ปึง!

เขาถีบเท้าออกไปคราหนึ่ง เด็กสาวงดงามสองคนที่อยู่ด้านข้างถูกเตะจนร่างกระจุยทันที ร่างงามสลายหายไป

พอเห็นภาพนี้ หลินสวินที่พาพวกชีชานมุ่งหน้ามาพร้อมกันพลันมีประกายเย็นเยียบวาบผ่านในนัยน์ตา กล่าวว่า “เจ้าก็คือราชันไก่ฟ้าโลหิตกระมัง”

ราชันไก่ฟ้าโลหิตยิ้มแสยะ “ในเมื่อรู้ว่าเป็นข้า ยังกล้าแจ้นมาทิ้งชีวิต ไอ้หนุ่ม เจ้าใจกล้าไม่เบา”

“ให้ข้าฆ่ามัน!”

ทันใดนั้นชีชานก็ก้าวออกมา ดวงตาแดงก่ำ ไอสังหารพุ่งเสียดฟ้า

เมืองเขี้ยวโลหิต ก็เพราะถูกกองทัพใหญ่สัตว์อสูรมารที่นำโดยราชันไก่ฟ้าโลหิตบุกโจมตี ครอบครัวและสหายทั้งหมดของชีชานตายจึงอนาถหลังจากการบุกเมืองครั้งนั้น!

ตูม!

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุดชีชานก็พุ่งตัวออกไปเต็มแรง กำทวนยาวสีเขียวเล่มหนึ่ง พุ่งโจมตีออกไปราวกับรุ้งเทพแหลมคมสะท้านโลกสายหนึ่ง

“แค่ระดับราชันเล็กๆ คนหนึ่ง ยังไม่เคยแม้แต่ข้ามอมตะเคราะห์สักครั้ง ถึงกับวิ่งมาทิ้งชีวิต… ฮ่าๆๆ”

ราชันไก่ฟ้าโลหิตแหงนหน้าหัวเราะลั่น สีหน้าเปี่ยมแววเยียบเย็นและเหยียดหยามอย่างที่สุด

เขายื่นฝ่ามือกดออกไปคราหนึ่ง

ประทับฝ่ามือสีเลือดควบรวม ไอชั่วร้ายพวยพุ่ง ซัดห้วงอากาศกระจุย น่าสะพรึงไร้สิ้นสุด

ราชันไก่ฟ้าโลหิตมั่นใจนัก ด้วยพลังระดับอมตะเคราะห์ด่านสามของเขา แค่หนึ่งฝ่ามือลวกๆ ก็เพียงพอจะตบเผ่ามนุษย์หน้าโง่ไม่รู้จักดีชั่วคนนี้ให้ตายได้แล้ว!

…………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+