Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1410 ข้าเป็นใคร

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1410 ข้าเป็นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าเป็นใคร”

ณ เมืองนครหยก ในคฤหาสน์ตระกูลหลินอันเป็นตระกูลฝึกปราณอันดับหนึ่ง หลินสวิน นายน้อยตระกูลหลินที่อายุเพียงสิบสามปีนั่งอยู่ริมสระน้ำ นิ่งงันเหม่อลอยตามเคย

“นายน้อยนิ่งเหมือนผีเข้าอีกแล้ว…”

ไกลออกไป ข้ารับใช้บางคนคุยกันเสียงเบา ชินตากับเรื่องนี้

สิบสามปีก่อน ปรากฏการณ์ประหลาดตกลงมาจากฟ้า มีไอม่วงสายหนึ่งเทลงมาในคฤหาสน์ตระกูลหลิน และในวันนั้นเอง หลินสวิน นายน้อยตระกูลหลินได้ถือกำเนิดขึ้น

ในฐานะนายน้อยที่เกิดมาพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดคนหนึ่ง จึงกลายเป็นคนดังในเมืองนครหยกตั้งแต่ถือกำเนิด

ในตระกูลยิ่งรักใคร่ทะนุถนอมนายน้อยผู้นี้นัก ด้วยคิดว่าภายหน้าเขาจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตผู้ยืนอยู่เหนือฟ้าดินคนหนึ่งแน่

ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้นำตระกูลมีบุตรธิดาเจ็ดคน หลินสวินเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว!

พูดอีกอย่างก็คือ ภายหน้าทรัพย์สินตระกูลอันมหาศาลของตระกูลหลินจะต้องมีหลินสวินเป็นผู้สืบทอด

ความพิเศษและสูงส่งในฐานะของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ได้

แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ นิสัยของนายน้อยหลินสวินแปลกประหลาดถึงที่สุด ตั้งแต่เล็กก็ไม่ยอมให้ผู้ใดใกล้ชิด รวมถึงบิดามารดาของเขาด้วย

ที่ทำให้ทุกคนในตระกูลหลินกังวลใจนักก็คือ หลินสวินไม่สนใจเรื่องใดเลย ชอบเหม่อลอยตามลำพังอยู่เป็นนิตย์

หากเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ แต่หลายปีนี้หลินสวินจะเอ่ยถ้อยคำแปลกพิกลบางอย่างเป็นประจำ เช่น

“ข้าไม่ใช่หลินสวิน พวกเจ้าต้องจำคนผิดไปแล้วแน่ๆ”

“สักวันหนึ่งข้าจะรู้ให้ได้ว่าข้าเป็นใคร!”

“ใช่แล้ว ข้าไม่รู้ว่าข้าเป้นใคร แต่ข้ารู้ว่าข้าต้องไม่ใช่ข้าแน่”

…ถ้อยคำทำนองนี้ทำให้หลินสวินกลายเป็นเด็ก ‘ผิดปกติ’ คนหนึ่ง และทำให้บิดามารดาของเขาต่างปวดหัวหาใดเทียบ

ตอนนี้ทั้งเมืองนครหยก ขอเพียงพูดถึงนายน้อยตระกูลหลิน ก็จะนำพาเสียงหัวเราะขรมระลอกหนึ่งมาให้

“เจ้านี่มันไอ้โง่คนหนึ่ง!”

“ใช่ ไอ้โง่ที่… เกิดพร้อมปรากฏการณ์ประหลาดของฟ้าดินคนหนึ่ง ฮ่าๆๆ”

นี่ก็คือความเห็นของผู้คนมากมายในเมืองนครหยกซึ่งมีต่อหลินสวิน กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง

เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับกีดกันไม่ให้ผู้ใดมาสัมผัสตั้งแต่เด็ก หนำซ้ำยังชอบพูดจาเพ้อเจ้อ แบบนี้ไม่ใช่คนโง่แล้วจะเป็นอะไรได้

ตระกูลหลินเป็นถึงตระกูลฝึกปราณใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองนครหยก แต่บุตรชายคนเดียวของผู้นำตระกูลกลับเป็นคนโง่ คิดจะไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นคงยาก

แน่นอนว่าภายในตระกูลหลิน ต่อให้หลายคนยังสงสัยในใจว่านายน้อยเป็นคนโง่แต่กำเนิดหรือไม่ แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดออกมา

ในช่วงหลายปีนี้ตระกูลหลินใช้กลวิธีต่างๆ จนหมดสิ้นเพื่อให้นายน้อยกลับมาเป็นปกติ หรือควรพูดว่ารักษา ‘โรคโง่’ ของเขาให้หาย

เช่นหาโอสถขนานวิเศษมาให้เขา หรือเชิญพระชั้นสูงที่บรรลุมรรคบางคนมาร่ายมนต์… สิ้นเปลืองทรัพย์สินไม่รู้เท่าไรราวกับสายธาร

แต่ล้วนไม่มีประโยชน์อะไร

นายน้อยยังดูประหลาดดังเดิม อีกทั้งยิ่งเติบใหญ่นิสัยก็ยิ่งปลีกวิเวก ไม่สนใจเรื่องใดทั้งสิ้น

วันๆ ก็ชอบทำอยู่เรื่องเดียว เหม่อลอย

บิดามารดาของเขากังวลจนผมหงอกแล้ว ถึงกับเริ่มกังขาว่าบุตรชายของตนจะบกพร่อง โง่เขลา หรือไร้สติปัญญาแต่กำเนิดจริงๆ หรือไม่…

แต่ยังดีที่ถึงอย่างไรหลินสวินก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา แม้หลายปีนี้จะโง่เขลาเบาปัญญาไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างเฉยชาอะไร

กลับกัน อาจเพราะจิตคิดสงสาร คนตระกูลหลินทั้งบนล่างต่างดูแลนายน้อยคนนี้ถึงที่สุด ต่อให้เป็นคนโง่ ก็หวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นอย่างสงบสุข

แน่นอน ใครก็รู้ว่าสิทธิ์ของผู้สืบทอดตระกูลหลินย่อมไม่มีวาสนากับนายน้อยคนนี้แล้ว

……

เกิดเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งขึ้นตอนหลินสวินอายุสิบห้าปี

ตระกูลหวังแห่งเมืองนครหยกที่เดิมหมั้นหมายไว้กับตระกูลหลินตั้งแต่เด็ก มาเยือนด้วยตัวเองเพื่อขอถอนหมั้น

ตามคำพูดของผู้นำตระกูลหวังหวังเทียนสิง เขารอมาสิบห้าปีแล้ว แต่โรคโง่ของเจ้าหนูตระกูลหลินคนนี้ยังไม่หายเหมือนเดิม เขาไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว

พูดง่ายๆ ก็คือ บุตรสาวของเขาหวังเทียนสิงไม่อาจแต่งงานกับคนโง่คนหนึ่ง

แม้ผู้นำตระกูลหลินจะไม่ยินดีแต่ก็แสดงออกว่าเข้าใจ เห็นด้วยกับเรื่องถอนหมั้นอย่างใจกว้าง

มารดาของหลินสวินกลับขุ่นเคืองกับเรื่องนี้ยิ่งนัก คิดว่าแม้ลูกชายของนางอุปนิสัยใจคอแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ไม่ได้มีนิสัยไม่ดีอะไร

เห็นได้ชัดว่าการกระทำนี้ของตระกูลหวังช่างตัดรอน ไม่ให้ความสำคัญกันเกินไปแล้ว!

กับเรื่องนี้ คนในตระกูลหลินทั้งบนล่างก็ทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง ไม่อาจพูดอะไรได้

“เจ้าก็คือหลินสวินใช่ไหม ข้าชื่อหวังจื่อหลวน เดิมทีถ้าไม่มีเหตุไม่คาดฝัน ปีนี้พวกเราก็จะแต่งงานกัน แต่ขอโทษด้วย ข้าไม่อาจแต่งงานกับคนโง่คนหนึ่งได้”

ในวันที่ถอนหมั้น เด็กสาวรูปลักษณ์งดงามอายุราวสิบสามสิบสี่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในลานที่หลินสวินพำนักอยู่

เด็กสาวงามนัก ผิวพรรณขาวราวหิมะ ดวงหน้าเรียวรีเหมือนเมล็ดแตง ตาโต รูปร่างสูงโปร่งอรชร แม้อายุยังน้อยแต่ก็ดูสะโอดสะองแล้ว

ทว่านิสัยนางแข็งกร้าวและเย่อหยิ่งนัก พอแน่ใจแล้วว่าหลินสวินก็คือคนโง่ที่ลือชื่อไปทั่วเมืองนครหยก นางก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ลังเล

แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ อีกฝ่ายไม่ตอบสนองอะไรกลับมาสักนิด นั่งอยู่ริมสระ สายตาเหม่อลอยมองดูน้ำสีเขียวหยกในสระ

ประหนึ่งว่าในสายตาเขา น้ำในสระนี้สวยกว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ

“เจ้าได้ยินคำพูดข้าหรือไม่”

หวังจื่อหลวนขุ่นเคืองนัก จับจ้องหลินสวิน “อย่านึกว่าไม่พูดแล้วข้าจะไม่ทำอะไรเจ้านะ ข้าจะบอกเจ้าอย่างชัดเจนเลยว่าต่อให้ข้าหวังจื่อหลวนต้องแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับเอกบุรุษชั้นหนึ่งในยุคนี้!”

หลินสวินยังคงเหม่อลอยเช่นเคย แม้แต่การเคลื่อนไหวยังไม่เปลี่ยนแปลง เปลือกตาไม่ได้กระดิกสักนิด

นี่ทำให้หวังจื่อหลวนยิ่งขุ่นเคืองแล้ว โกรธจนหน้าแดงก่ำ กัดฟันแน่น แทบอยากจะพุ่งไปกระทืบเจ้าโง่ที่กล้าเมินตนคนนี้ให้ตาย

แต่จากนั้นนางก็ไม่โกรธแล้ว คล้ายเข้าใจแล้ว จึงเอ่ยเย้ยตัวเองว่า “เป็นคนโง่ดังคาด ข้าจะไปโกรธอะไรคนโง่คนหนึ่งได้”

พอพูดจบหวังจื่อหลวนก็จากไป

เสี่ยวเฉ่าที่เป็นหญิงรับใช้ปรนนิบัติข้างกายหลินสวินอยู่ตลอดเห็นดังนี้ก็โกรธเคืองขึ้นมาบ้างอย่างอดไม่ได้ ถอนหมั้นก็ถอนไปสิ นายน้อยยังคร้านจะถือสา

แต่หวังจื่อหลวนคนนี้น่าชังเกินไปแล้ว ยังมาหัวเราะเยาะเย้ยนายน้อยอีก นี่มันจะเกินไปแล้ว!

“นายน้อย ท่านไม่โกรธหรือ”

เสี่ยวเฉ่าถามอย่างอดไม่ได้

ที่ริมสระใต้ต้นไม้ เด็กหนุ่มสีหน้าเหม่อลอย มองดูน้ำสีหยกในสระ คล้ายไม่ได้ยินอะไรเลย

นี่ทำให้เสี่ยวเฉ่าอดผิดหวังไปครู่หนึ่งไม่ได้ ถูกคนมาถอนหมั้นถึงที่ สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้วเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าปานไหน

แต่นายน้อยกลับไม่ตอบสนองแม้แต่นิดเดียว!

‘เฮ้อ หรือนายน้อยเขา… จะโง่เขลาจริงๆ’

เสี่ยวเฉ่าถอนหายใจในใจ เสียใจกับความโชคร้ายของเขา แต่ก็โกรธที่เขาไม่สู้

“ทำไมข้าต้องโกรธด้วย นางมีค่าให้ข้าโกรธหรือ”

และก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูเสี่ยวเฉ่า นางสะท้านไปทั้งตัว เงยหน้ามองไปก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่นายน้อยลุกขึ้นแล้ว

ชุดสีขาวทั้งชุด พออยู่บนร่างผอมบางของนายน้อยแล้วดูมีบุคลิกเฉยชาอยู่เหนือโลกีย์อยู่รางๆ

“ไม่มีค่า”

เหมือนถามเองตอบเอง เด็กหนุ่มส่ายหัวแล้วเดินไปในในเรือนของตน

“ที่แท้นายน้อยล้วนได้ยินทั้งหมด…”

เสี่ยวเฉ่าประหลาดใจ มองดูแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเดินไกลออกไปช้าๆ ในใจพลันนึกขึ้นได้ว่าหลายปีมานี้นอกจากเรื่องชอบเหม่อแล้ว เหมือนนายน้อยจะไม่เคยทำเรื่อง ‘โง่เขลา’ ใดๆ เลย

……

ไม่นานนักในเมืองนครหยกก็มีข่าวกระจายออกมาว่า หวังจื่อหลวนคุณหนูใหญ่ตระกูลหวังแต่งงานกับหวงฝู่เซ่าอวี่ผู้มีฉายา ‘คุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองนครหยก’

ตระกูลหวงฝู่ก็เป็นตระกูลฝึกปราณเช่นกัน แม้อำนาจจะสู้ตระกูลหลินไม่ได้ แต่พื้นเพก็ไม่อาจดูแคลน

โดยเฉพาะหวงฝู่เซ่าอวี่ เมื่อปีก่อนถูกรับเข้าไปฝึกปราณในสำนักเมฆาเขียว สำนักใหญ่อันดับหนึ่งในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นศิษย์สายในที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงด้วย

เทียบกันแล้วหวงฝู่เซ่าอวี่ก็เหมือนผู้กล้าแห่งสวรรค์ในสายตาทุกคน!

ดังนั้นหวังจื่อหลวนกับหวงฝู่เซ่าอวี่กลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน จึงกลายเป็นเรื่องน่าชื่นชมเรื่องหนึ่งในเมืองนครหยก

ส่วนหลินสวินที่ถูกถอนหมั้น ยังกลายเป็นตัวตลกคนหนึ่งเช่นเคย หนำซ้ำเพราะเรื่องถอนหมั้นนี้ก่อให้เกิดเสียงหัวเราะเกรียวกราวไม่รู้เท่าไร

เป็นถึงบุตรสายตรงตระกูลหลิน ผู้มีชื่อเสียงที่ถือกำเนิดพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้าดิน สิบหกปีผ่านไปยังเป็นคนโง่คนหนึ่งเหมือนเคย นอกจากนี้ยังเป็นคนโง่ที่แม้แต่ผู้หญิงยังรังเกียจคนหนึ่ง ย่อมทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเย้ยได้ง่าย

……

ยามหลินสวินอายุสิบเก้าปี ตระกูลหลินประสบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง

เพราะผู้นำตระกูลหลินล่วงเกินสำนักเมฆาเขียวยามช่วงชิงเหมืองแร่แห่งหนึ่ง จึงถูกเจ้าสำนักโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส

ขณะเดียวกันกิจการที่อยู่ในครอบครองของตระกูลหลินก็ถูกสำนักเมฆาเขียวกดดันทั้งหมด อำนาจเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้

ความรุ่งโรจน์ในวันวานต่างถูกลมฝนพัดพาไป

ส่วนตระกูลหวังที่หวังจื่อหลวนอยู่กลับได้รับการสนับสนุนจากสำนักเมฆาเขียว กลายเป็นตระกูลฝึกปราณใหญ่อันดับหนึ่งอย่างก้าวกระโดด

ในงานชุมนุมคราวก่อน หวังเทียนสิงผู้นำตระกูลหวังกล่าวอย่างลำพองใจมาประโยคหนึ่งว่า ‘การตัดสินใจที่ข้าผู้แซ่หวังทำได้อย่างปราดเปรื่องที่สุดในชีวิตนี้ ก็คือช่วยบุตรสาวจื่อหลวนถอนหมั้น’

ไม่นานนักประโยคนี้ก็กระจายไปทั้งเมืองนครหยก

คนโง่หลินสวินจึงกลายเป็นเรื่องตลกในเมืองอีกครั้ง

……

ตอนหลินสวินอายุยี่สิบหกปี ตระกูลหลินสวินตกต่ำจนง่อนแง่นแล้ว

สาเหตุก็เพราะผู้นำตระกูลหลินป่วยตายไปเมื่อสองปีก่อน ตระกูลหลินที่เสียเสาหลักไปก็แตกกระสานซ่านเซ็น

หลินสวินยังคงเป็นนายน้อยตระกูลหลินดังเดิม แต่ชีวิตแปรเปลี่ยนเป็นยากจนข้นแค้นยิ่งนัก แม้แต่หญิงรับใช้ข้างกายยังมีไว้รับใช้ไม่ได้แล้ว

ตระกูลหลินอันใหญ่โตก็ตกต่ำลงโดยสมบูรณ์เช่นนี้

ผ่านไปไม่นานนัก มารดาของหลินสวินก็จากโลกนี้ไปเพราะตรอมใจ

สถานการณ์ของหลินสวินแปรเปลี่ยนเป็นเลวร้ายตั้งแต่ตอนนี้ไป

แม้บิดามารดาจากไป แต่คนตระกูลหลินมีมากนัก ทว่าไม่มีใครยินยอมไปเลี้ยงดูนายน้อยเบาปัญญาคนหนึ่ง ถึงขั้นที่หลินสวินต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตนเอง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยชอบเหม่อ

ชีวิตยากจนข้นแค้นแค่ไหน สถานการณ์จะยากลำบากเพียงใด เขายังเหมือนไม่รู้สึกอะไร เอาแต่เหม่อลอย

“ไสหัวไปเถอะ ตั้งแต่นี้ไปตระกูลหลินไม่ต้องการคนโง่อย่างเจ้าอีกแล้ว หลายปีมานี้เพราะเจ้าคนเดียว ทำให้ยามพวกเราออกไปข้างนอกต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะหยันว่าพวกเราเป็นญาติกับคนโง่ เชิดหน้าขึ้นมาไม่ได้แล้ว”

วันนี้คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลิน ล้วนเป็นเหล่าลูกพี่ลูกน้องของหลินสวิน แต่พอเห็นสายตาของหลินสวินกลับเต็มไปด้วยความชิงชัง

“จำไว้ ภายหน้าไม่อนุญาตให้เจ้าดำรงตนด้วยฐานะลูกหลานตระกูลหลินอีกแล้ว หรือพูดได้ว่าเจ้าไม่คู่ควรกับแซ่หลินอีก!”

และในวันนี้เช่นกันที่ข่าวเจ้าโง่หลินสวินถูกขับออกจากตระกูลหลินแพร่กระจายไปในเมือง ก่อให้เกิดเสียงทอดถอนใจระลอกหนึ่ง

ผ่านไปนานปีขนาดนี้แล้ว คนโง่ที่เกิดพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้าดิน จากนายน้อยที่ความรักใคร่ทะนุถนอมมากมายรวมอยู่ที่ตัวเขาคนเดียว ตกต่ำจนถูกคนในตระกูลตัวเองขับไล่ ตั้งแต่นี้ไปทำได้เพียงร่อนเร่ไปตามถนน จะไม่ทำให้คนอื่นทอดถอนใจได้อย่างไร

พอไปดูหวังจื่อหลวนที่ตอนนั้นเคยหมั้นหมายกับเขาอีกครั้ง ตอนนี้ได้กลายเป็นสตรีชั้นสูงที่คนมากมายทำได้เพียงแหงนมองผู้หนึ่งไปแล้ว

เพราะสายสัมพันธ์ของหวงฝู่เซ่าอวี่ผู้เป็นสามีของนาง ทำให้ตระกูลหวังที่อยู่เบื้องหลังนางได้ประโยชน์ไปด้วย อำนาจตระกูลยิ่งรุ่งเรือง เหมือนยึดครองตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองนครหยกอย่างมั่นคง สง่าผ่าเผยหาที่สุดมิได้

หิมะลูกใหญ่ปลิวกระจาย

หลินสวินที่ถูกมองว่าเป็น ‘คนโง่’ มาตลอดยี่สิบกว่าปีเดินอยู่คนเดียวบนถนน หน้าหนาวอันหนาวเหน็บยังสวมชุดบางๆ หิมะตกใส่ทั้งตัว

โดดเดี่ยวเดียวดาย

เมื่อเห็นภาพนี้ หญิงลึกลับที่มีฐานะเป็นคนนอก ในใจกลับยิ่งกังขาเสียแล้ว หลินสวิน… จะมองเห็นตัวเองท่ามกลางแรงโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ได้หรือไม่กันแน่

——

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1410 ข้าเป็นใคร

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1410 ข้าเป็นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าเป็นใคร”

ณ เมืองนครหยก ในคฤหาสน์ตระกูลหลินอันเป็นตระกูลฝึกปราณอันดับหนึ่ง หลินสวิน นายน้อยตระกูลหลินที่อายุเพียงสิบสามปีนั่งอยู่ริมสระน้ำ นิ่งงันเหม่อลอยตามเคย

“นายน้อยนิ่งเหมือนผีเข้าอีกแล้ว…”

ไกลออกไป ข้ารับใช้บางคนคุยกันเสียงเบา ชินตากับเรื่องนี้

สิบสามปีก่อน ปรากฏการณ์ประหลาดตกลงมาจากฟ้า มีไอม่วงสายหนึ่งเทลงมาในคฤหาสน์ตระกูลหลิน และในวันนั้นเอง หลินสวิน นายน้อยตระกูลหลินได้ถือกำเนิดขึ้น

ในฐานะนายน้อยที่เกิดมาพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดคนหนึ่ง จึงกลายเป็นคนดังในเมืองนครหยกตั้งแต่ถือกำเนิด

ในตระกูลยิ่งรักใคร่ทะนุถนอมนายน้อยผู้นี้นัก ด้วยคิดว่าภายหน้าเขาจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตผู้ยืนอยู่เหนือฟ้าดินคนหนึ่งแน่

ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้นำตระกูลมีบุตรธิดาเจ็ดคน หลินสวินเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว!

พูดอีกอย่างก็คือ ภายหน้าทรัพย์สินตระกูลอันมหาศาลของตระกูลหลินจะต้องมีหลินสวินเป็นผู้สืบทอด

ความพิเศษและสูงส่งในฐานะของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ได้

แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ นิสัยของนายน้อยหลินสวินแปลกประหลาดถึงที่สุด ตั้งแต่เล็กก็ไม่ยอมให้ผู้ใดใกล้ชิด รวมถึงบิดามารดาของเขาด้วย

ที่ทำให้ทุกคนในตระกูลหลินกังวลใจนักก็คือ หลินสวินไม่สนใจเรื่องใดเลย ชอบเหม่อลอยตามลำพังอยู่เป็นนิตย์

หากเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ แต่หลายปีนี้หลินสวินจะเอ่ยถ้อยคำแปลกพิกลบางอย่างเป็นประจำ เช่น

“ข้าไม่ใช่หลินสวิน พวกเจ้าต้องจำคนผิดไปแล้วแน่ๆ”

“สักวันหนึ่งข้าจะรู้ให้ได้ว่าข้าเป็นใคร!”

“ใช่แล้ว ข้าไม่รู้ว่าข้าเป้นใคร แต่ข้ารู้ว่าข้าต้องไม่ใช่ข้าแน่”

…ถ้อยคำทำนองนี้ทำให้หลินสวินกลายเป็นเด็ก ‘ผิดปกติ’ คนหนึ่ง และทำให้บิดามารดาของเขาต่างปวดหัวหาใดเทียบ

ตอนนี้ทั้งเมืองนครหยก ขอเพียงพูดถึงนายน้อยตระกูลหลิน ก็จะนำพาเสียงหัวเราะขรมระลอกหนึ่งมาให้

“เจ้านี่มันไอ้โง่คนหนึ่ง!”

“ใช่ ไอ้โง่ที่… เกิดพร้อมปรากฏการณ์ประหลาดของฟ้าดินคนหนึ่ง ฮ่าๆๆ”

นี่ก็คือความเห็นของผู้คนมากมายในเมืองนครหยกซึ่งมีต่อหลินสวิน กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง

เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับกีดกันไม่ให้ผู้ใดมาสัมผัสตั้งแต่เด็ก หนำซ้ำยังชอบพูดจาเพ้อเจ้อ แบบนี้ไม่ใช่คนโง่แล้วจะเป็นอะไรได้

ตระกูลหลินเป็นถึงตระกูลฝึกปราณใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองนครหยก แต่บุตรชายคนเดียวของผู้นำตระกูลกลับเป็นคนโง่ คิดจะไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นคงยาก

แน่นอนว่าภายในตระกูลหลิน ต่อให้หลายคนยังสงสัยในใจว่านายน้อยเป็นคนโง่แต่กำเนิดหรือไม่ แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดออกมา

ในช่วงหลายปีนี้ตระกูลหลินใช้กลวิธีต่างๆ จนหมดสิ้นเพื่อให้นายน้อยกลับมาเป็นปกติ หรือควรพูดว่ารักษา ‘โรคโง่’ ของเขาให้หาย

เช่นหาโอสถขนานวิเศษมาให้เขา หรือเชิญพระชั้นสูงที่บรรลุมรรคบางคนมาร่ายมนต์… สิ้นเปลืองทรัพย์สินไม่รู้เท่าไรราวกับสายธาร

แต่ล้วนไม่มีประโยชน์อะไร

นายน้อยยังดูประหลาดดังเดิม อีกทั้งยิ่งเติบใหญ่นิสัยก็ยิ่งปลีกวิเวก ไม่สนใจเรื่องใดทั้งสิ้น

วันๆ ก็ชอบทำอยู่เรื่องเดียว เหม่อลอย

บิดามารดาของเขากังวลจนผมหงอกแล้ว ถึงกับเริ่มกังขาว่าบุตรชายของตนจะบกพร่อง โง่เขลา หรือไร้สติปัญญาแต่กำเนิดจริงๆ หรือไม่…

แต่ยังดีที่ถึงอย่างไรหลินสวินก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา แม้หลายปีนี้จะโง่เขลาเบาปัญญาไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างเฉยชาอะไร

กลับกัน อาจเพราะจิตคิดสงสาร คนตระกูลหลินทั้งบนล่างต่างดูแลนายน้อยคนนี้ถึงที่สุด ต่อให้เป็นคนโง่ ก็หวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นอย่างสงบสุข

แน่นอน ใครก็รู้ว่าสิทธิ์ของผู้สืบทอดตระกูลหลินย่อมไม่มีวาสนากับนายน้อยคนนี้แล้ว

……

เกิดเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งขึ้นตอนหลินสวินอายุสิบห้าปี

ตระกูลหวังแห่งเมืองนครหยกที่เดิมหมั้นหมายไว้กับตระกูลหลินตั้งแต่เด็ก มาเยือนด้วยตัวเองเพื่อขอถอนหมั้น

ตามคำพูดของผู้นำตระกูลหวังหวังเทียนสิง เขารอมาสิบห้าปีแล้ว แต่โรคโง่ของเจ้าหนูตระกูลหลินคนนี้ยังไม่หายเหมือนเดิม เขาไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว

พูดง่ายๆ ก็คือ บุตรสาวของเขาหวังเทียนสิงไม่อาจแต่งงานกับคนโง่คนหนึ่ง

แม้ผู้นำตระกูลหลินจะไม่ยินดีแต่ก็แสดงออกว่าเข้าใจ เห็นด้วยกับเรื่องถอนหมั้นอย่างใจกว้าง

มารดาของหลินสวินกลับขุ่นเคืองกับเรื่องนี้ยิ่งนัก คิดว่าแม้ลูกชายของนางอุปนิสัยใจคอแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ไม่ได้มีนิสัยไม่ดีอะไร

เห็นได้ชัดว่าการกระทำนี้ของตระกูลหวังช่างตัดรอน ไม่ให้ความสำคัญกันเกินไปแล้ว!

กับเรื่องนี้ คนในตระกูลหลินทั้งบนล่างก็ทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง ไม่อาจพูดอะไรได้

“เจ้าก็คือหลินสวินใช่ไหม ข้าชื่อหวังจื่อหลวน เดิมทีถ้าไม่มีเหตุไม่คาดฝัน ปีนี้พวกเราก็จะแต่งงานกัน แต่ขอโทษด้วย ข้าไม่อาจแต่งงานกับคนโง่คนหนึ่งได้”

ในวันที่ถอนหมั้น เด็กสาวรูปลักษณ์งดงามอายุราวสิบสามสิบสี่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในลานที่หลินสวินพำนักอยู่

เด็กสาวงามนัก ผิวพรรณขาวราวหิมะ ดวงหน้าเรียวรีเหมือนเมล็ดแตง ตาโต รูปร่างสูงโปร่งอรชร แม้อายุยังน้อยแต่ก็ดูสะโอดสะองแล้ว

ทว่านิสัยนางแข็งกร้าวและเย่อหยิ่งนัก พอแน่ใจแล้วว่าหลินสวินก็คือคนโง่ที่ลือชื่อไปทั่วเมืองนครหยก นางก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ลังเล

แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ อีกฝ่ายไม่ตอบสนองอะไรกลับมาสักนิด นั่งอยู่ริมสระ สายตาเหม่อลอยมองดูน้ำสีเขียวหยกในสระ

ประหนึ่งว่าในสายตาเขา น้ำในสระนี้สวยกว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ

“เจ้าได้ยินคำพูดข้าหรือไม่”

หวังจื่อหลวนขุ่นเคืองนัก จับจ้องหลินสวิน “อย่านึกว่าไม่พูดแล้วข้าจะไม่ทำอะไรเจ้านะ ข้าจะบอกเจ้าอย่างชัดเจนเลยว่าต่อให้ข้าหวังจื่อหลวนต้องแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับเอกบุรุษชั้นหนึ่งในยุคนี้!”

หลินสวินยังคงเหม่อลอยเช่นเคย แม้แต่การเคลื่อนไหวยังไม่เปลี่ยนแปลง เปลือกตาไม่ได้กระดิกสักนิด

นี่ทำให้หวังจื่อหลวนยิ่งขุ่นเคืองแล้ว โกรธจนหน้าแดงก่ำ กัดฟันแน่น แทบอยากจะพุ่งไปกระทืบเจ้าโง่ที่กล้าเมินตนคนนี้ให้ตาย

แต่จากนั้นนางก็ไม่โกรธแล้ว คล้ายเข้าใจแล้ว จึงเอ่ยเย้ยตัวเองว่า “เป็นคนโง่ดังคาด ข้าจะไปโกรธอะไรคนโง่คนหนึ่งได้”

พอพูดจบหวังจื่อหลวนก็จากไป

เสี่ยวเฉ่าที่เป็นหญิงรับใช้ปรนนิบัติข้างกายหลินสวินอยู่ตลอดเห็นดังนี้ก็โกรธเคืองขึ้นมาบ้างอย่างอดไม่ได้ ถอนหมั้นก็ถอนไปสิ นายน้อยยังคร้านจะถือสา

แต่หวังจื่อหลวนคนนี้น่าชังเกินไปแล้ว ยังมาหัวเราะเยาะเย้ยนายน้อยอีก นี่มันจะเกินไปแล้ว!

“นายน้อย ท่านไม่โกรธหรือ”

เสี่ยวเฉ่าถามอย่างอดไม่ได้

ที่ริมสระใต้ต้นไม้ เด็กหนุ่มสีหน้าเหม่อลอย มองดูน้ำสีหยกในสระ คล้ายไม่ได้ยินอะไรเลย

นี่ทำให้เสี่ยวเฉ่าอดผิดหวังไปครู่หนึ่งไม่ได้ ถูกคนมาถอนหมั้นถึงที่ สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้วเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าปานไหน

แต่นายน้อยกลับไม่ตอบสนองแม้แต่นิดเดียว!

‘เฮ้อ หรือนายน้อยเขา… จะโง่เขลาจริงๆ’

เสี่ยวเฉ่าถอนหายใจในใจ เสียใจกับความโชคร้ายของเขา แต่ก็โกรธที่เขาไม่สู้

“ทำไมข้าต้องโกรธด้วย นางมีค่าให้ข้าโกรธหรือ”

และก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูเสี่ยวเฉ่า นางสะท้านไปทั้งตัว เงยหน้ามองไปก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่นายน้อยลุกขึ้นแล้ว

ชุดสีขาวทั้งชุด พออยู่บนร่างผอมบางของนายน้อยแล้วดูมีบุคลิกเฉยชาอยู่เหนือโลกีย์อยู่รางๆ

“ไม่มีค่า”

เหมือนถามเองตอบเอง เด็กหนุ่มส่ายหัวแล้วเดินไปในในเรือนของตน

“ที่แท้นายน้อยล้วนได้ยินทั้งหมด…”

เสี่ยวเฉ่าประหลาดใจ มองดูแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเดินไกลออกไปช้าๆ ในใจพลันนึกขึ้นได้ว่าหลายปีมานี้นอกจากเรื่องชอบเหม่อแล้ว เหมือนนายน้อยจะไม่เคยทำเรื่อง ‘โง่เขลา’ ใดๆ เลย

……

ไม่นานนักในเมืองนครหยกก็มีข่าวกระจายออกมาว่า หวังจื่อหลวนคุณหนูใหญ่ตระกูลหวังแต่งงานกับหวงฝู่เซ่าอวี่ผู้มีฉายา ‘คุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองนครหยก’

ตระกูลหวงฝู่ก็เป็นตระกูลฝึกปราณเช่นกัน แม้อำนาจจะสู้ตระกูลหลินไม่ได้ แต่พื้นเพก็ไม่อาจดูแคลน

โดยเฉพาะหวงฝู่เซ่าอวี่ เมื่อปีก่อนถูกรับเข้าไปฝึกปราณในสำนักเมฆาเขียว สำนักใหญ่อันดับหนึ่งในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นศิษย์สายในที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงด้วย

เทียบกันแล้วหวงฝู่เซ่าอวี่ก็เหมือนผู้กล้าแห่งสวรรค์ในสายตาทุกคน!

ดังนั้นหวังจื่อหลวนกับหวงฝู่เซ่าอวี่กลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน จึงกลายเป็นเรื่องน่าชื่นชมเรื่องหนึ่งในเมืองนครหยก

ส่วนหลินสวินที่ถูกถอนหมั้น ยังกลายเป็นตัวตลกคนหนึ่งเช่นเคย หนำซ้ำเพราะเรื่องถอนหมั้นนี้ก่อให้เกิดเสียงหัวเราะเกรียวกราวไม่รู้เท่าไร

เป็นถึงบุตรสายตรงตระกูลหลิน ผู้มีชื่อเสียงที่ถือกำเนิดพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้าดิน สิบหกปีผ่านไปยังเป็นคนโง่คนหนึ่งเหมือนเคย นอกจากนี้ยังเป็นคนโง่ที่แม้แต่ผู้หญิงยังรังเกียจคนหนึ่ง ย่อมทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเย้ยได้ง่าย

……

ยามหลินสวินอายุสิบเก้าปี ตระกูลหลินประสบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง

เพราะผู้นำตระกูลหลินล่วงเกินสำนักเมฆาเขียวยามช่วงชิงเหมืองแร่แห่งหนึ่ง จึงถูกเจ้าสำนักโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส

ขณะเดียวกันกิจการที่อยู่ในครอบครองของตระกูลหลินก็ถูกสำนักเมฆาเขียวกดดันทั้งหมด อำนาจเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้

ความรุ่งโรจน์ในวันวานต่างถูกลมฝนพัดพาไป

ส่วนตระกูลหวังที่หวังจื่อหลวนอยู่กลับได้รับการสนับสนุนจากสำนักเมฆาเขียว กลายเป็นตระกูลฝึกปราณใหญ่อันดับหนึ่งอย่างก้าวกระโดด

ในงานชุมนุมคราวก่อน หวังเทียนสิงผู้นำตระกูลหวังกล่าวอย่างลำพองใจมาประโยคหนึ่งว่า ‘การตัดสินใจที่ข้าผู้แซ่หวังทำได้อย่างปราดเปรื่องที่สุดในชีวิตนี้ ก็คือช่วยบุตรสาวจื่อหลวนถอนหมั้น’

ไม่นานนักประโยคนี้ก็กระจายไปทั้งเมืองนครหยก

คนโง่หลินสวินจึงกลายเป็นเรื่องตลกในเมืองอีกครั้ง

……

ตอนหลินสวินอายุยี่สิบหกปี ตระกูลหลินสวินตกต่ำจนง่อนแง่นแล้ว

สาเหตุก็เพราะผู้นำตระกูลหลินป่วยตายไปเมื่อสองปีก่อน ตระกูลหลินที่เสียเสาหลักไปก็แตกกระสานซ่านเซ็น

หลินสวินยังคงเป็นนายน้อยตระกูลหลินดังเดิม แต่ชีวิตแปรเปลี่ยนเป็นยากจนข้นแค้นยิ่งนัก แม้แต่หญิงรับใช้ข้างกายยังมีไว้รับใช้ไม่ได้แล้ว

ตระกูลหลินอันใหญ่โตก็ตกต่ำลงโดยสมบูรณ์เช่นนี้

ผ่านไปไม่นานนัก มารดาของหลินสวินก็จากโลกนี้ไปเพราะตรอมใจ

สถานการณ์ของหลินสวินแปรเปลี่ยนเป็นเลวร้ายตั้งแต่ตอนนี้ไป

แม้บิดามารดาจากไป แต่คนตระกูลหลินมีมากนัก ทว่าไม่มีใครยินยอมไปเลี้ยงดูนายน้อยเบาปัญญาคนหนึ่ง ถึงขั้นที่หลินสวินต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตนเอง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยชอบเหม่อ

ชีวิตยากจนข้นแค้นแค่ไหน สถานการณ์จะยากลำบากเพียงใด เขายังเหมือนไม่รู้สึกอะไร เอาแต่เหม่อลอย

“ไสหัวไปเถอะ ตั้งแต่นี้ไปตระกูลหลินไม่ต้องการคนโง่อย่างเจ้าอีกแล้ว หลายปีมานี้เพราะเจ้าคนเดียว ทำให้ยามพวกเราออกไปข้างนอกต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะหยันว่าพวกเราเป็นญาติกับคนโง่ เชิดหน้าขึ้นมาไม่ได้แล้ว”

วันนี้คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลิน ล้วนเป็นเหล่าลูกพี่ลูกน้องของหลินสวิน แต่พอเห็นสายตาของหลินสวินกลับเต็มไปด้วยความชิงชัง

“จำไว้ ภายหน้าไม่อนุญาตให้เจ้าดำรงตนด้วยฐานะลูกหลานตระกูลหลินอีกแล้ว หรือพูดได้ว่าเจ้าไม่คู่ควรกับแซ่หลินอีก!”

และในวันนี้เช่นกันที่ข่าวเจ้าโง่หลินสวินถูกขับออกจากตระกูลหลินแพร่กระจายไปในเมือง ก่อให้เกิดเสียงทอดถอนใจระลอกหนึ่ง

ผ่านไปนานปีขนาดนี้แล้ว คนโง่ที่เกิดพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้าดิน จากนายน้อยที่ความรักใคร่ทะนุถนอมมากมายรวมอยู่ที่ตัวเขาคนเดียว ตกต่ำจนถูกคนในตระกูลตัวเองขับไล่ ตั้งแต่นี้ไปทำได้เพียงร่อนเร่ไปตามถนน จะไม่ทำให้คนอื่นทอดถอนใจได้อย่างไร

พอไปดูหวังจื่อหลวนที่ตอนนั้นเคยหมั้นหมายกับเขาอีกครั้ง ตอนนี้ได้กลายเป็นสตรีชั้นสูงที่คนมากมายทำได้เพียงแหงนมองผู้หนึ่งไปแล้ว

เพราะสายสัมพันธ์ของหวงฝู่เซ่าอวี่ผู้เป็นสามีของนาง ทำให้ตระกูลหวังที่อยู่เบื้องหลังนางได้ประโยชน์ไปด้วย อำนาจตระกูลยิ่งรุ่งเรือง เหมือนยึดครองตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองนครหยกอย่างมั่นคง สง่าผ่าเผยหาที่สุดมิได้

หิมะลูกใหญ่ปลิวกระจาย

หลินสวินที่ถูกมองว่าเป็น ‘คนโง่’ มาตลอดยี่สิบกว่าปีเดินอยู่คนเดียวบนถนน หน้าหนาวอันหนาวเหน็บยังสวมชุดบางๆ หิมะตกใส่ทั้งตัว

โดดเดี่ยวเดียวดาย

เมื่อเห็นภาพนี้ หญิงลึกลับที่มีฐานะเป็นคนนอก ในใจกลับยิ่งกังขาเสียแล้ว หลินสวิน… จะมองเห็นตัวเองท่ามกลางแรงโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ได้หรือไม่กันแน่

——

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+