Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1429 ข้ารับใช้มายาร้าย

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1429 ข้ารับใช้มายาร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้านั้นดังจนทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบจิตใจสั่นระรัว รู้สึกเจ็บไปด้วย

ก็พบว่าจ้าวจิ่งเฟิงที่ท่าทางดุดันถูกฝ่ามือหนึ่งตบให้กระเด็นออกไปอีกครั้ง

คราวนี้ตัวเขากระแทกลงไปบนเสาหินของตำหนัก หน้าบวมเป่งเป็นหัวหมู เลือดสดๆ ไหลรินออกมาจากปากและจมูก หน้าตาต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง อนาถเสียจนทนดูไม่ได้

เฮือก!

หลายคนสูดหายใจเย็น ในใจตกตะลึง

ด้านพวกฉินเฟยอวี่กลับมุมปากกระตุกอย่างแรง รู้สึกหวาดผวาหาใดเทียบเช่นกัน

องค์ชายเจ็ดจ้าวจิ่งเฟิงเป็นถึงคนร้ายกาจที่ดุร้ายถึงที่สุดคนหนึ่ง มีพลังต่อสู้น่าเกรงขามของระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ในทัพจักรวรรดิก็อยู่ในห้าอันดับแรก!

แต่ตอนนี้กลับถูกคนอื่นตบให้กระเด็นออกไปสองครั้งติด เสียงตบดังเพี๊ยะๆ นั้นทำให้ทุกคนต่างรู้สึกครั่นคร้าม

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือคู่ต่อสู้ของเขาตั้งแต่เริ่มจนจบท่าทางสุขุมเยือกเย็น ผ่อนคลายสบายใจมาตลอด เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงสักนิด

สิ่งนี้พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งนัก และไม่ได้แข็งแกร่งอย่างธรรมดาสามัญด้วย

ต่อให้เป็นหนิงเหมิงหรือเย่เสี่ยวชียังสับสนไปครู่หนึ่ง พวกเขาต่างรู้ดีว่าพลังต่อสู้ขององค์ชายเจ็ดจ้าวจิ่งเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน

แต่ภายใต้น้ำมือของหลินสวิน ก็ดูไม่มีราคาเลย

“รีบไป ข้าห่วงว่าหลี่ตู๋สิงจะถูกลอบทำร้ายแล้ว!”

ทันใดนั้นหนิงเหมิงก็ร้องเสียงดัง

หลินสวินหรี่ตาลง ไม่ได้คิดอะไรอีกก็เดินเข้าไปในตำหนักนั้น ก่อนที่เข้าจะมาถึงที่นี่จิตรับรู้ของเขาก็ปกคลุมที่นี่ไว้ก่อนแล้ว ได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกเรื่อง

เพียงเห็นท่าทางร้อนรนเช่นนั้นของหนิงเหมิงก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล

“ไสหัวไป!”

หลินสวินชำเลืองมองพวกฉินเฟยอวี่ที่ยังขวางหน้าตำหนักปราดหนึ่ง ปากก็โพล่งออกมาไม่กี่คำ

เพียงไม่กี่คำ แต่พอไปถึงหูของพวกฉินเฟยอวี่ก็เหมือนก้นบึ้งของจิตใจมีสายฟ้าฟาดระเบิดออกที่ก้นบึ้งจิตใจ สะเทือนจนพวกเขาจิตวิญญาณสั่นไหว ภาพตรงหน้าพร่าเลือน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือดออกมา

พวกเขาโซเซหลีกทางให้โดยแทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ

เมื่อพวกฉินเฟยอวี่ได้สติเต็มที่อีกครั้ง หลินสวินก็พาหนิงเหมิงกับเย่เสี่ยวชีเข้าไปในตำหนักนานแล้ว

นี่ทำให้พวกเขาทั้งโมโหทั้งโกรธเคือง ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว สีหน้าก็เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด ย่ำแย่กันหมดแล้ว

เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่

ด้านคนอื่นๆ พอเห็นเช่นนี้ต่างก็จิตใจสั่นสะท้านยกใหญ่อย่างห้ามไม่อยู่ ล้วนคิดไม่ถึงว่าพลานุภาพของหลินสวินจะแกร่งกล้าได้ปานนี้

ตุ้บ!

จ้าวจิ่งเฟิงที่ถูกกระแทกเข้ากับเสาหิน ตอนนี้ร่างถึงอ่อนยวบตกลงมากับพื้น

เห็นได้ชัดว่าเขาถูกอัดจนมึนงง แต่ยังคงกัดฟันเอ่ยเสี่ยงขุ่นเคืองว่า “ไม่ว่ามันเป็นใคร ข้าจะต้องฆ่ามัน ต้องฆ่ามันให้ได้!”

ในที่นั้นเงียบสงัด

มีคนอดไม่ไหวเอ่ยเตือนว่า “องค์ชายเจ็ด เป็นไปได้สูงยิ่งที่คนผู้นั้นจะเป็นหลินสวิน”

หลินสวินหรือ

พวกฉินเฟยอวี่อึ้งไป

“ข้าพูดแล้ว ไม่ว่ามันเป็นใคร ข้าก็ต้อง…”

จ้าวจิ่งเฟิงคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย เพียงแต่พูดได้ครึ่งเดียวเขาก็คล้ายรับรู้อะไรบางอย่าง พลันเอ่ยว่า “เจ้าบอกว่าเขาคือหลินสวินหรือ ผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตที่ถูกขนานนามว่าอำนาจทั่วนครหลวงคนนั้นหรือ”

หลายคนต่างพยักหน้า

พวกฉินเฟยอวี่ต่างก็ได้สติกลับมาแล้ว แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้ไปดินแดนรกร้างโบราณเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้วหรือ”

นั่นสิ ทำไมหลินสวินคนนี้ถึงปรากฏตัวได้

คนอื่นต่างก็สงสัยอยู่ในใจ ควรรู้ว่าสิบกว่าปีมานี้ช่องทางสู่สมรภูมิกระหายเลือดถูกปิดลงแล้ว ไม่มีใครเข้ามาได้อีก

แล้วหลินสวินเข้ามาได้อย่างไร

“ที่แท้ก็เป็นเขา… สารเลว!!”

จ้าวจิ่งเฟิงเสียงต่ำลึกเหมือนบีบเค้นออกมาจากทรวงอก เผยให้เห็นความเคียดแค้นหาใดเทียบ

ถูกหลินสวินตบใส่สองฝ่ามือจนท่าทางน่าอนาถเช่นนี้ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย นี่ย่อมเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ยิ่งครั้งหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี

“แย่แล้ว!”

ทันใดนั้นจ้าวจิ่งเฟิงพลันหน้าเปลี่ยนสี นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คำรามดาลเดือดว่า “เร็วเข้า รีบไปขวางพวกมัน จะให้พวกมันทำลายแผนของพี่รองไม่ได้!”

พวกฉินเฟยอวี่อึ้งไป ในหัวงุนงงไปหมด องค์ชายรองจ้าวจิ่งหลินไม่ได้ช่วยหลี่ตู๋สิงรักษาแผลอยู่หรือ

แม้ในใจสงสัยแต่พวกเขากลับไม่กล้าปฏิเสธ รีบร้อนถลาเข้าไปในตำหนัก

คนอื่นที่อยู่ในที่นั้นต่างมองหน้ากัน พอจะรู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องนี้เหมือนมีกลิ่นไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง

……

ห้องที่ปิดสนิทห้องหนึ่งในส่วนลึกของตำหนัก หลี่ตู๋สิงหมดสตินอนอยู่บนเตียงไม่ไหวติง สีหน้าที่เดิมซีดเซียวกลับร้อนแดงเป็นไฟ

วู้ม!

ที่หน้าเตียง กระพรวนสีเขียวมรกตพิสดารสิบสามลูกลอยหมุนติ้วอยู่กลางอากาศ กระพรวนแต่ละลูกต่างฉายวงแสงสีเขียวหยกน่าหวั่นใจออกมา

จ้าวจิ่งหลินสวมชุดคลุมมังกรสี่เล็บสีเหลืองอร่ามทั้งตัว ใบหน้าขาวสะอาดหล่อเหลามีสีเขียวประหลาดภายใต้แสงสีเขียวหยกที่สาดส่อง

เขาสีหน้าสงบนิ่ง มองดูหลี่ตู๋สิงที่อยู่บนเตียงแล้วเอ่ยว่า “เจ้าวางใจได้ ข้าจะช่วยรักษาแผลเจ้าให้หายแน่ อีกทั้งจะไม่ทำร้ายมรรควิถีของเจ้า รับรองว่าจะทำให้เจ้าไปร่วมศึกถกมรรคเขาพินิจมรรคในอีกสองปีข้างหน้าได้”

ยามเอ่ยวาจามือเขาก็ทำมุทรา

กรุ๊งกริ๊ง…

กระพรวนสีเขียวมรกตสิบสามลูกนั้นเขย่าไปมา มีแสงเทพสีเขียวลอยละล่องออกมาราวกระแสคลื่น เข้าปกคลุมหลี่ตู๋สิ่งที่อยู่บนเตียงเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว

ตูม!

แต่ก็ในตอนนี้เอง ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทนั้นระเบิดเป็นจุณในทันใด เงาร่างหลินสวินฉายออกมา พอเห็นภาพนี้เข้าก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่อยู่เล็กน้อย

“ใครให้พวกเจ้าเข้ามา ไสหัวออกไป!”

จ้าวจิ่งหลินตะคอกลั่น สีหน้าอึมครึมลงทันที ยามเอ่ยว่าจาเขาไม่ได้หยุดสิ่งที่ทำอยู่

หลินสวินหัวเราะหยัน สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง แสงมรรคราวพายุคลั่งสายหนึ่งเคลื่อนออกมา กระพรวนสีเขียวมรกตสิบสามลูกที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันส่งเสียงระเบิด สั่นโคลงกำลังจะร่วงลงมา

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

จ้าวจิ่งหลินสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมหาใดเทียบฉับพลัน มือข้างหนึ่งเข้าไปตบหลินสวิน

“เจ้าคุกเข่าให้ข้าก่อนเถอะ!”

หลินสวินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ไม่หลบไม่หนี กดฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาเช่นกัน

ไม่เกิดการกระทบกระแทกขึ้นสักนิด พลังฝ่ามือของจ้าวจิ่งหลินดับสนิทในชั่วพริบตาเหมือนเปลวเทียนริบหรี่กลางพายุ ส่วนตัวเขากลับถูกหลินสวินใช้ฝ่ามือตบให้คุกเข่าลงไปกับพื้น

ปึง!

จ้าวจิ่งหลินคุกเข่าทั้งสองลงไปกับพื้น ทำให้ทั้งห้องสะเทือนรุนแรงไปครู่หนึ่ง ชั่วพริบตาเขาก็ดวงตาวาวโรจน์ ตาแทบหลุดออกจากเบ้า “เจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าบุกเข้ามาที่นี่ ไม่กลัวตายหรือ”

หลินสวินเมินเขาไปตรงๆ เขาชูมือขึ้นคว้ากระพรวนสีเขียวมรกตเหล่านั้นมา พอประเมินเล็กน้อยกลิ่นอายอึมครึมน่ากลัวก็กระทบหน้า ทำให้ตาดำของหลินสวินหดเกร็ง นี่มันสมบัติอะไรกัน ทำไมพลังถึงพิสดารปานนี้

ครืน!

ขณะที่ครุ่นคิด รอบตัวส่องแสง พอชูมือขึ้นก็ผนึกกระพรวนสีเขียวมรกตเหล่านี้เอาไว้ จากนั้นจึงทอดสายตามองไปยังจ้าวจิ่งหลินที่อยู่กับพื้น “พูดมาเถอะ เจ้าทำอะไรอยู่”

“ไอ้โง่ เจ้าตาบอดแล้ว ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังรักษาแผลให้หลี่ตู๋สิง”

จ้าวจิ่งหลินคำรามดาลเดือด ท่าทางขุ่นเคืองที่ถูกใส่ร้าย

หลินสวินยิ้มเหี้ยม ดวงตาลุ่มลึก เอ่ยพูดว่า “ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้าดันไม่คว้าไว้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าโทษข้าแล้วกัน”

จ้าวจิ่งหลินหน้าเปลี่ยนสี คล้ายเห็นท่าไม่ดี ทันใดนั้นก็ดิ้นรนลุกขึ้นร้องคำรามดังว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญของทัพจักรวรรดิเชียวนะ ข้าคือองค์ชายรองจ้าวจิ่งหลิน…”

พูดมาถึงครึ่งทาง เสียงก็ถูกพลังฝ่ามือน่ากลัวที่หลินสวินกดลงมาตัดบท

“บังอาจ!”

จ้าวจิ่งหลินคล้ายบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์ ที่กลางหน้าผากเขาพลันมีนัยน์ตาสีแดงฉานราวกับดวงตาของเทพอสูรมารดึกดำบรรพ์ดวงหนึ่งโฉบออกมา ประกายเทพแดงฉานพิสดารผุดขึ้น ท่ามกลางความคลุมเครือเหมือนกับมีปรากฏการณ์ประหลาดที่เทพผีคร่ำครวญ สุริยันจ่อมจมจันทรามลายฉายขึ้นในดวงตาสีแดงฉานนั้น

ชั่วพริบตา ด้วยพลังจิตวิญญาณของหลินสวินในตอนนี้ยังหวาดหวั่นไปครู่หนึ่ง รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายคุกคามอันเย็นชาน่ากลัว

“นายท่าน นี่คือเนตรโลหิตมายาร้าย ชั่วร้ายถึงที่สุด ให้ข้าต่อกรมันขอรับ!”

แทบจะในขณะเดียวกัน เสี่ยวอิ๋นกระโจนออกมาทันควัน

สวบ!

คมกระบี่ที่แทบไร้รูปร่างเคลื่อนออกมาจากฝ่ามือเสี่ยวอิ๋นแล้วไหววูบกลางอากาศ

เสียงฟุบดังขึ้น นัยน์ตาสีแดงฉานแปลกประหลาดดวงนั้นถูกปราณกระบี่แทงทะลุท่ามกลางประกายสีเงินที่ระเบิดออกมา น้ำเลือดสีดำคาวคลุ้งไหลออกมาเป็นสาย

ด้านจ้าวจิ่งหลินกลับเหมือนถูกพลังสะท้อนกลับ ส่งเสียงร้องคำรามเจ็บปวดออกมาทันที ก็เห็นว่าร่างกายเขาแตกระแหงไปทุกกระเบียด ผิวหนังและกระดูกลอกออก เลือดเนื้อหล่นลงมาเผาะๆ

ชั่วพริบตาเท่านั้นคนเป็นๆ คนหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่งกลับแปรสภาพเป็นกองเลือดเต็มพื้น!

หลินสวินดวงตานิ่งขึง ในใจสะท้านรุนแรง ตกตะลึงกับภาพพิสดารนี้

“จะหนีไปไหน!”

และในตอนนี้เสี่ยวอิ๋นตะบึงออกไป ใบหน้าหล่อเหลาหาใดเทียบเย็นชาถึงที่สุด ถือกระบี่สังหาร

“หึ!”

นัยน์ตาสีแดงฉานที่ถูกแทงทะลุนั้นกลับส่งเสียงหัวเราะหยันออกมาครั้งหนึ่งคล้ายโกรธเกรี้ยวหาใดเทียบ หันกายจะหนี

แต่ต่อให้มันไวแค่ไหนมีหรือจะเร็วเท่ากระบี่ของเสี่ยวอิ๋น ชั่วพริบตานัยน์ตาสีแดงฉานก็ถูกฟันออกเป็นสองท่อน ระเบิดดังลั่นในห้วงอากาศ

เพียงแต่ที่ประหลาดก็คือ แม้นัยน์ตาสีแดงฉานนี้จะถูกทำลายไปแล้ว กลับมีเสียงเย็นยะเยือกไม่ชัดเจนเสียงหนึ่งดังขึ้น

“สายตาบางคู่ไม่อาจสลายไปเท่านี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่ไหนทำอะไร ข้ามองเห็นทั้งนั้น พวกเจ้าต้องตายไม่ช้าก็เร็ว!”

เสียงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าแล้วหายไปโดยสิ้นเชิง

“นายท่าน นี่เป็นฝีมือของเผ่าวิญญาณมายาร้ายขอรับ ที่เผ่านี้เชี่ยวชาญที่สุดก็คือวิชาจิตวิญญาณ บุกรุกควบคุมจิตวิญญาณของผู้อื่น คนที่ถูกพวกเขาควบคุมจะถูกขนานนามว่า ‘ข้ารับใช้มายาร้าย’ แท้จริงชีวิตถูกยึดไปนานแล้วขอรับ”

เสี่ยวอิ๋นสีหน้าเคร่งเครียด นิ่วหน้าเอ่ยว่า “เห็นได้ชัดว่าจ้าวจิ่งหลินผู้นี้ถูกยอดฝีมือของเผ่าวิญญาณมายาร้ายยึดครองจิตวิญญาณและกายหยาบมานานแล้ว ตกเป็นข้ารับใช้มายาร้ายผู้หนึ่ง กรณีอย่างเขา ต่อให้เป็นอริยะ หากไม่ตั้งใจสำรวจยังพบได้ยากขอรับ”

หลินสวินมองดูแอ่งน้ำเลือดบนพื้นนั้น สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เอ่ยว่า “แล้วกระพรวนพวกนี้มีประโยชน์อะไร”

เสี่ยวอิ๋นชำเลืองมองแล้วตอบทันควันว่า “ดูดวิญญาณ! นี่คือ ‘กระพรวนบ่มมายา’ สามารถยึดครองจิตวิญญาณของคนอื่นเงียบๆ ควบคุมเขา แล้วแปรสถาพเป็นข้ารับใช้มายาร้าย”

หลินสวินเสียวสันหลังวาบไปครู่หนึ่ง ลอบดีใจ หากตนมาช้ากว่านี้ไปก้าวเดียว เกรงว่าหลี่ตู๋สิงที่หมดสติอยู่บนเตียงจะถูกลอบทำร้ายไปแล้ว!

“แม่งเอ๊ย พูดแบบนี้องค์ชายรองก็ไม่ใช่องค์ชายรองมานานแล้วหรือ ข้าก็ว่าอยู่ว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล ที่แท้ก็ไม่ชอบมาพากลจริงๆ ด้วยโว้ย!”

หนิงเหมิงที่เห็นทุกอย่างโกรธจนเข่นเขี้ยว

“เจ้ารู้จักเผ่าวิญญาณมายาร้ายหรือ” หลินสวินถาม

หนิงเหมิงส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ข้ารู้สึกว่าต้องเป็นคนของพันธมิตรหมื่นเผ่า ฝั่งพวกเขามีผู้แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ ไม่น้อย ของบ้าอะไรก็มีหมด”

หลินสวินหรี่ตาลงเล็กน้อย ในใจลอบเอ่ยว่าศึกถกมรรคเขาพินิจมรรคในอีกสองปีข้างหน้าที่จะเปิดฉากขึ้น เป็นการต่อสู้ระหว่างทัพจักรวรรดิกับพันธมิตรหมื่นเผ่า

ตอนนี้ไม่เพียงองค์ชายรองจ้าวจิ่งหลินถูกทำร้าย กระทั่งหลี่ตู๋สิงยังถูกทำร้ายด้วย ไม่ต้องสงสัยว่าหากเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นจริงๆ พันธมิตรหมื่นเผ่าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุด!

ในตอนนี้เองพวกเฉินเฟยอวี่กระโจนเข้ามา เมื่อเห็นภาพในห้องก็เหม่อไปอย่างอดไม่ได้

โดยเฉพาะยามเห็นแอ่งเลือดบนพื้นนั้น พวกเฉินเฟยอวี่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ทันที ร้องเสียงหลงกราดเกรี้ยวว่า “พวกเจ้าฆ่าองค์ชายรองหรือ!”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1429 ข้ารับใช้มายาร้าย

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1429 ข้ารับใช้มายาร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้านั้นดังจนทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบจิตใจสั่นระรัว รู้สึกเจ็บไปด้วย

ก็พบว่าจ้าวจิ่งเฟิงที่ท่าทางดุดันถูกฝ่ามือหนึ่งตบให้กระเด็นออกไปอีกครั้ง

คราวนี้ตัวเขากระแทกลงไปบนเสาหินของตำหนัก หน้าบวมเป่งเป็นหัวหมู เลือดสดๆ ไหลรินออกมาจากปากและจมูก หน้าตาต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง อนาถเสียจนทนดูไม่ได้

เฮือก!

หลายคนสูดหายใจเย็น ในใจตกตะลึง

ด้านพวกฉินเฟยอวี่กลับมุมปากกระตุกอย่างแรง รู้สึกหวาดผวาหาใดเทียบเช่นกัน

องค์ชายเจ็ดจ้าวจิ่งเฟิงเป็นถึงคนร้ายกาจที่ดุร้ายถึงที่สุดคนหนึ่ง มีพลังต่อสู้น่าเกรงขามของระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ในทัพจักรวรรดิก็อยู่ในห้าอันดับแรก!

แต่ตอนนี้กลับถูกคนอื่นตบให้กระเด็นออกไปสองครั้งติด เสียงตบดังเพี๊ยะๆ นั้นทำให้ทุกคนต่างรู้สึกครั่นคร้าม

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือคู่ต่อสู้ของเขาตั้งแต่เริ่มจนจบท่าทางสุขุมเยือกเย็น ผ่อนคลายสบายใจมาตลอด เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงสักนิด

สิ่งนี้พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งนัก และไม่ได้แข็งแกร่งอย่างธรรมดาสามัญด้วย

ต่อให้เป็นหนิงเหมิงหรือเย่เสี่ยวชียังสับสนไปครู่หนึ่ง พวกเขาต่างรู้ดีว่าพลังต่อสู้ขององค์ชายเจ็ดจ้าวจิ่งเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน

แต่ภายใต้น้ำมือของหลินสวิน ก็ดูไม่มีราคาเลย

“รีบไป ข้าห่วงว่าหลี่ตู๋สิงจะถูกลอบทำร้ายแล้ว!”

ทันใดนั้นหนิงเหมิงก็ร้องเสียงดัง

หลินสวินหรี่ตาลง ไม่ได้คิดอะไรอีกก็เดินเข้าไปในตำหนักนั้น ก่อนที่เข้าจะมาถึงที่นี่จิตรับรู้ของเขาก็ปกคลุมที่นี่ไว้ก่อนแล้ว ได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกเรื่อง

เพียงเห็นท่าทางร้อนรนเช่นนั้นของหนิงเหมิงก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล

“ไสหัวไป!”

หลินสวินชำเลืองมองพวกฉินเฟยอวี่ที่ยังขวางหน้าตำหนักปราดหนึ่ง ปากก็โพล่งออกมาไม่กี่คำ

เพียงไม่กี่คำ แต่พอไปถึงหูของพวกฉินเฟยอวี่ก็เหมือนก้นบึ้งของจิตใจมีสายฟ้าฟาดระเบิดออกที่ก้นบึ้งจิตใจ สะเทือนจนพวกเขาจิตวิญญาณสั่นไหว ภาพตรงหน้าพร่าเลือน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือดออกมา

พวกเขาโซเซหลีกทางให้โดยแทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ

เมื่อพวกฉินเฟยอวี่ได้สติเต็มที่อีกครั้ง หลินสวินก็พาหนิงเหมิงกับเย่เสี่ยวชีเข้าไปในตำหนักนานแล้ว

นี่ทำให้พวกเขาทั้งโมโหทั้งโกรธเคือง ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว สีหน้าก็เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด ย่ำแย่กันหมดแล้ว

เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่

ด้านคนอื่นๆ พอเห็นเช่นนี้ต่างก็จิตใจสั่นสะท้านยกใหญ่อย่างห้ามไม่อยู่ ล้วนคิดไม่ถึงว่าพลานุภาพของหลินสวินจะแกร่งกล้าได้ปานนี้

ตุ้บ!

จ้าวจิ่งเฟิงที่ถูกกระแทกเข้ากับเสาหิน ตอนนี้ร่างถึงอ่อนยวบตกลงมากับพื้น

เห็นได้ชัดว่าเขาถูกอัดจนมึนงง แต่ยังคงกัดฟันเอ่ยเสี่ยงขุ่นเคืองว่า “ไม่ว่ามันเป็นใคร ข้าจะต้องฆ่ามัน ต้องฆ่ามันให้ได้!”

ในที่นั้นเงียบสงัด

มีคนอดไม่ไหวเอ่ยเตือนว่า “องค์ชายเจ็ด เป็นไปได้สูงยิ่งที่คนผู้นั้นจะเป็นหลินสวิน”

หลินสวินหรือ

พวกฉินเฟยอวี่อึ้งไป

“ข้าพูดแล้ว ไม่ว่ามันเป็นใคร ข้าก็ต้อง…”

จ้าวจิ่งเฟิงคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย เพียงแต่พูดได้ครึ่งเดียวเขาก็คล้ายรับรู้อะไรบางอย่าง พลันเอ่ยว่า “เจ้าบอกว่าเขาคือหลินสวินหรือ ผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตที่ถูกขนานนามว่าอำนาจทั่วนครหลวงคนนั้นหรือ”

หลายคนต่างพยักหน้า

พวกฉินเฟยอวี่ต่างก็ได้สติกลับมาแล้ว แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้ไปดินแดนรกร้างโบราณเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้วหรือ”

นั่นสิ ทำไมหลินสวินคนนี้ถึงปรากฏตัวได้

คนอื่นต่างก็สงสัยอยู่ในใจ ควรรู้ว่าสิบกว่าปีมานี้ช่องทางสู่สมรภูมิกระหายเลือดถูกปิดลงแล้ว ไม่มีใครเข้ามาได้อีก

แล้วหลินสวินเข้ามาได้อย่างไร

“ที่แท้ก็เป็นเขา… สารเลว!!”

จ้าวจิ่งเฟิงเสียงต่ำลึกเหมือนบีบเค้นออกมาจากทรวงอก เผยให้เห็นความเคียดแค้นหาใดเทียบ

ถูกหลินสวินตบใส่สองฝ่ามือจนท่าทางน่าอนาถเช่นนี้ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย นี่ย่อมเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ยิ่งครั้งหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี

“แย่แล้ว!”

ทันใดนั้นจ้าวจิ่งเฟิงพลันหน้าเปลี่ยนสี นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คำรามดาลเดือดว่า “เร็วเข้า รีบไปขวางพวกมัน จะให้พวกมันทำลายแผนของพี่รองไม่ได้!”

พวกฉินเฟยอวี่อึ้งไป ในหัวงุนงงไปหมด องค์ชายรองจ้าวจิ่งหลินไม่ได้ช่วยหลี่ตู๋สิงรักษาแผลอยู่หรือ

แม้ในใจสงสัยแต่พวกเขากลับไม่กล้าปฏิเสธ รีบร้อนถลาเข้าไปในตำหนัก

คนอื่นที่อยู่ในที่นั้นต่างมองหน้ากัน พอจะรู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องนี้เหมือนมีกลิ่นไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง

……

ห้องที่ปิดสนิทห้องหนึ่งในส่วนลึกของตำหนัก หลี่ตู๋สิงหมดสตินอนอยู่บนเตียงไม่ไหวติง สีหน้าที่เดิมซีดเซียวกลับร้อนแดงเป็นไฟ

วู้ม!

ที่หน้าเตียง กระพรวนสีเขียวมรกตพิสดารสิบสามลูกลอยหมุนติ้วอยู่กลางอากาศ กระพรวนแต่ละลูกต่างฉายวงแสงสีเขียวหยกน่าหวั่นใจออกมา

จ้าวจิ่งหลินสวมชุดคลุมมังกรสี่เล็บสีเหลืองอร่ามทั้งตัว ใบหน้าขาวสะอาดหล่อเหลามีสีเขียวประหลาดภายใต้แสงสีเขียวหยกที่สาดส่อง

เขาสีหน้าสงบนิ่ง มองดูหลี่ตู๋สิงที่อยู่บนเตียงแล้วเอ่ยว่า “เจ้าวางใจได้ ข้าจะช่วยรักษาแผลเจ้าให้หายแน่ อีกทั้งจะไม่ทำร้ายมรรควิถีของเจ้า รับรองว่าจะทำให้เจ้าไปร่วมศึกถกมรรคเขาพินิจมรรคในอีกสองปีข้างหน้าได้”

ยามเอ่ยวาจามือเขาก็ทำมุทรา

กรุ๊งกริ๊ง…

กระพรวนสีเขียวมรกตสิบสามลูกนั้นเขย่าไปมา มีแสงเทพสีเขียวลอยละล่องออกมาราวกระแสคลื่น เข้าปกคลุมหลี่ตู๋สิ่งที่อยู่บนเตียงเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว

ตูม!

แต่ก็ในตอนนี้เอง ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทนั้นระเบิดเป็นจุณในทันใด เงาร่างหลินสวินฉายออกมา พอเห็นภาพนี้เข้าก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่อยู่เล็กน้อย

“ใครให้พวกเจ้าเข้ามา ไสหัวออกไป!”

จ้าวจิ่งหลินตะคอกลั่น สีหน้าอึมครึมลงทันที ยามเอ่ยว่าจาเขาไม่ได้หยุดสิ่งที่ทำอยู่

หลินสวินหัวเราะหยัน สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง แสงมรรคราวพายุคลั่งสายหนึ่งเคลื่อนออกมา กระพรวนสีเขียวมรกตสิบสามลูกที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันส่งเสียงระเบิด สั่นโคลงกำลังจะร่วงลงมา

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

จ้าวจิ่งหลินสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมหาใดเทียบฉับพลัน มือข้างหนึ่งเข้าไปตบหลินสวิน

“เจ้าคุกเข่าให้ข้าก่อนเถอะ!”

หลินสวินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ไม่หลบไม่หนี กดฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาเช่นกัน

ไม่เกิดการกระทบกระแทกขึ้นสักนิด พลังฝ่ามือของจ้าวจิ่งหลินดับสนิทในชั่วพริบตาเหมือนเปลวเทียนริบหรี่กลางพายุ ส่วนตัวเขากลับถูกหลินสวินใช้ฝ่ามือตบให้คุกเข่าลงไปกับพื้น

ปึง!

จ้าวจิ่งหลินคุกเข่าทั้งสองลงไปกับพื้น ทำให้ทั้งห้องสะเทือนรุนแรงไปครู่หนึ่ง ชั่วพริบตาเขาก็ดวงตาวาวโรจน์ ตาแทบหลุดออกจากเบ้า “เจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าบุกเข้ามาที่นี่ ไม่กลัวตายหรือ”

หลินสวินเมินเขาไปตรงๆ เขาชูมือขึ้นคว้ากระพรวนสีเขียวมรกตเหล่านั้นมา พอประเมินเล็กน้อยกลิ่นอายอึมครึมน่ากลัวก็กระทบหน้า ทำให้ตาดำของหลินสวินหดเกร็ง นี่มันสมบัติอะไรกัน ทำไมพลังถึงพิสดารปานนี้

ครืน!

ขณะที่ครุ่นคิด รอบตัวส่องแสง พอชูมือขึ้นก็ผนึกกระพรวนสีเขียวมรกตเหล่านี้เอาไว้ จากนั้นจึงทอดสายตามองไปยังจ้าวจิ่งหลินที่อยู่กับพื้น “พูดมาเถอะ เจ้าทำอะไรอยู่”

“ไอ้โง่ เจ้าตาบอดแล้ว ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังรักษาแผลให้หลี่ตู๋สิง”

จ้าวจิ่งหลินคำรามดาลเดือด ท่าทางขุ่นเคืองที่ถูกใส่ร้าย

หลินสวินยิ้มเหี้ยม ดวงตาลุ่มลึก เอ่ยพูดว่า “ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้าดันไม่คว้าไว้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าโทษข้าแล้วกัน”

จ้าวจิ่งหลินหน้าเปลี่ยนสี คล้ายเห็นท่าไม่ดี ทันใดนั้นก็ดิ้นรนลุกขึ้นร้องคำรามดังว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญของทัพจักรวรรดิเชียวนะ ข้าคือองค์ชายรองจ้าวจิ่งหลิน…”

พูดมาถึงครึ่งทาง เสียงก็ถูกพลังฝ่ามือน่ากลัวที่หลินสวินกดลงมาตัดบท

“บังอาจ!”

จ้าวจิ่งหลินคล้ายบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์ ที่กลางหน้าผากเขาพลันมีนัยน์ตาสีแดงฉานราวกับดวงตาของเทพอสูรมารดึกดำบรรพ์ดวงหนึ่งโฉบออกมา ประกายเทพแดงฉานพิสดารผุดขึ้น ท่ามกลางความคลุมเครือเหมือนกับมีปรากฏการณ์ประหลาดที่เทพผีคร่ำครวญ สุริยันจ่อมจมจันทรามลายฉายขึ้นในดวงตาสีแดงฉานนั้น

ชั่วพริบตา ด้วยพลังจิตวิญญาณของหลินสวินในตอนนี้ยังหวาดหวั่นไปครู่หนึ่ง รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายคุกคามอันเย็นชาน่ากลัว

“นายท่าน นี่คือเนตรโลหิตมายาร้าย ชั่วร้ายถึงที่สุด ให้ข้าต่อกรมันขอรับ!”

แทบจะในขณะเดียวกัน เสี่ยวอิ๋นกระโจนออกมาทันควัน

สวบ!

คมกระบี่ที่แทบไร้รูปร่างเคลื่อนออกมาจากฝ่ามือเสี่ยวอิ๋นแล้วไหววูบกลางอากาศ

เสียงฟุบดังขึ้น นัยน์ตาสีแดงฉานแปลกประหลาดดวงนั้นถูกปราณกระบี่แทงทะลุท่ามกลางประกายสีเงินที่ระเบิดออกมา น้ำเลือดสีดำคาวคลุ้งไหลออกมาเป็นสาย

ด้านจ้าวจิ่งหลินกลับเหมือนถูกพลังสะท้อนกลับ ส่งเสียงร้องคำรามเจ็บปวดออกมาทันที ก็เห็นว่าร่างกายเขาแตกระแหงไปทุกกระเบียด ผิวหนังและกระดูกลอกออก เลือดเนื้อหล่นลงมาเผาะๆ

ชั่วพริบตาเท่านั้นคนเป็นๆ คนหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่งกลับแปรสภาพเป็นกองเลือดเต็มพื้น!

หลินสวินดวงตานิ่งขึง ในใจสะท้านรุนแรง ตกตะลึงกับภาพพิสดารนี้

“จะหนีไปไหน!”

และในตอนนี้เสี่ยวอิ๋นตะบึงออกไป ใบหน้าหล่อเหลาหาใดเทียบเย็นชาถึงที่สุด ถือกระบี่สังหาร

“หึ!”

นัยน์ตาสีแดงฉานที่ถูกแทงทะลุนั้นกลับส่งเสียงหัวเราะหยันออกมาครั้งหนึ่งคล้ายโกรธเกรี้ยวหาใดเทียบ หันกายจะหนี

แต่ต่อให้มันไวแค่ไหนมีหรือจะเร็วเท่ากระบี่ของเสี่ยวอิ๋น ชั่วพริบตานัยน์ตาสีแดงฉานก็ถูกฟันออกเป็นสองท่อน ระเบิดดังลั่นในห้วงอากาศ

เพียงแต่ที่ประหลาดก็คือ แม้นัยน์ตาสีแดงฉานนี้จะถูกทำลายไปแล้ว กลับมีเสียงเย็นยะเยือกไม่ชัดเจนเสียงหนึ่งดังขึ้น

“สายตาบางคู่ไม่อาจสลายไปเท่านี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่ไหนทำอะไร ข้ามองเห็นทั้งนั้น พวกเจ้าต้องตายไม่ช้าก็เร็ว!”

เสียงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าแล้วหายไปโดยสิ้นเชิง

“นายท่าน นี่เป็นฝีมือของเผ่าวิญญาณมายาร้ายขอรับ ที่เผ่านี้เชี่ยวชาญที่สุดก็คือวิชาจิตวิญญาณ บุกรุกควบคุมจิตวิญญาณของผู้อื่น คนที่ถูกพวกเขาควบคุมจะถูกขนานนามว่า ‘ข้ารับใช้มายาร้าย’ แท้จริงชีวิตถูกยึดไปนานแล้วขอรับ”

เสี่ยวอิ๋นสีหน้าเคร่งเครียด นิ่วหน้าเอ่ยว่า “เห็นได้ชัดว่าจ้าวจิ่งหลินผู้นี้ถูกยอดฝีมือของเผ่าวิญญาณมายาร้ายยึดครองจิตวิญญาณและกายหยาบมานานแล้ว ตกเป็นข้ารับใช้มายาร้ายผู้หนึ่ง กรณีอย่างเขา ต่อให้เป็นอริยะ หากไม่ตั้งใจสำรวจยังพบได้ยากขอรับ”

หลินสวินมองดูแอ่งน้ำเลือดบนพื้นนั้น สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เอ่ยว่า “แล้วกระพรวนพวกนี้มีประโยชน์อะไร”

เสี่ยวอิ๋นชำเลืองมองแล้วตอบทันควันว่า “ดูดวิญญาณ! นี่คือ ‘กระพรวนบ่มมายา’ สามารถยึดครองจิตวิญญาณของคนอื่นเงียบๆ ควบคุมเขา แล้วแปรสถาพเป็นข้ารับใช้มายาร้าย”

หลินสวินเสียวสันหลังวาบไปครู่หนึ่ง ลอบดีใจ หากตนมาช้ากว่านี้ไปก้าวเดียว เกรงว่าหลี่ตู๋สิงที่หมดสติอยู่บนเตียงจะถูกลอบทำร้ายไปแล้ว!

“แม่งเอ๊ย พูดแบบนี้องค์ชายรองก็ไม่ใช่องค์ชายรองมานานแล้วหรือ ข้าก็ว่าอยู่ว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล ที่แท้ก็ไม่ชอบมาพากลจริงๆ ด้วยโว้ย!”

หนิงเหมิงที่เห็นทุกอย่างโกรธจนเข่นเขี้ยว

“เจ้ารู้จักเผ่าวิญญาณมายาร้ายหรือ” หลินสวินถาม

หนิงเหมิงส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ข้ารู้สึกว่าต้องเป็นคนของพันธมิตรหมื่นเผ่า ฝั่งพวกเขามีผู้แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ ไม่น้อย ของบ้าอะไรก็มีหมด”

หลินสวินหรี่ตาลงเล็กน้อย ในใจลอบเอ่ยว่าศึกถกมรรคเขาพินิจมรรคในอีกสองปีข้างหน้าที่จะเปิดฉากขึ้น เป็นการต่อสู้ระหว่างทัพจักรวรรดิกับพันธมิตรหมื่นเผ่า

ตอนนี้ไม่เพียงองค์ชายรองจ้าวจิ่งหลินถูกทำร้าย กระทั่งหลี่ตู๋สิงยังถูกทำร้ายด้วย ไม่ต้องสงสัยว่าหากเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นจริงๆ พันธมิตรหมื่นเผ่าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุด!

ในตอนนี้เองพวกเฉินเฟยอวี่กระโจนเข้ามา เมื่อเห็นภาพในห้องก็เหม่อไปอย่างอดไม่ได้

โดยเฉพาะยามเห็นแอ่งเลือดบนพื้นนั้น พวกเฉินเฟยอวี่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ทันที ร้องเสียงหลงกราดเกรี้ยวว่า “พวกเจ้าฆ่าองค์ชายรองหรือ!”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+