Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1454 ตกเหว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1454 ตกเหว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พรวดๆๆ!

ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดขนาดประมาณหินโม่มากมายระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เปลี่ยนเป็นหมอกสีเลือดกระจายออกมา

ร่างหลินสวินราวกับเหล็กหมาดเล่มหนึ่ง ก้าวบนเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวนั่น เพราะเป็นการพุ่งสังหาร ไม่ถึงกับไว แต่ไม่ช้าแน่

ถึงอย่างไรค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านั้นก็ไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ถึงขั้นเทียบกับหนิวทุนเทียนและเมิ่งเหลียนชิงได้

หลินสวินคนเดียวเผชิญกับการล้อมโจมตีและสามารถสังหารเส้นทางเลือดออกมาเส้นหนึ่งได้ ภาพนี้หากเหล่าผู้แข็งแกร่งค่ายจักรวรรดิเห็นเข้า คงตะลึงอย่างต่อเนื่องอีกแน่

สวบๆๆ…

เพียงแต่สิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ พอเขาก้าวขึ้นเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวและพุ่งไปข้างหน้า ในหมอกสีเทาเหนือทางลำเลียงนั่น ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดนับร้อยพันพุ่งออกมาอีกครั้ง

และพุ่งมาไม่ขาดสาย!

ภาพนั้นราวกับคลื่นสัตว์ปะทุ ฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงร้องแหลมอย่างที่สุด กึกก้องสะเทือนหู

สิ่งมีชีวิตพวกนี้ถนัดโจมตีด้วยเสียงอยู่แล้ว

และตอนนี้เมื่อกรีดร้องโจมตีพร้อมกัน หากเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นคงต้านทานไม่ไหวตั้งนานแล้ว

แต่หลินสวินไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

ฮูม…

รอบตัวเขาปราณกระบี่ไท่เสวียนหนาแน่นพุ่งออกมา สว่างไสวราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอด เปลี่ยนเป็นค่ายกลกระบี่สังหารพิฆาตนรกและโคจรโดยพลัน

ชั่วขณะเดียวมีค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดหลายสิบตัวถูกสังหารอย่างไร้ปรานี!

คาวเลือดเข้มข้น พรั่งพรูอย่างต่อเนื่องประหนึ่งน้ำตก สถานการณ์น่าทึ่งอย่างที่สุด

แต่สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบ ไม่เคยหยุดมือตั้งแต่ต้นจนจบ

ดาบหักที่ขาวเจิดจ้าราวกับหิมะโฉบผ่านอากาศ ถูกจิตรับรู้ควบคุม สำแดงหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ดุร้ายรุนแรงหาที่เทียบไม่ได้ ไอสังหารตะลึงฟ้า

รอบตัวเขาแสงมรรคเก้าพิสุทธิ์เปลี่ยนเป็นหุบเหวใหญ่ นอกจากเป็นวิธีป้องกันที่เรียกได้ว่าน่ากลัวแล้ว ยังเป็นไม้ตายที่กำราบคู่ต่อสู้

ส่วนปราณกระบี่ไท่เสวียนเปลี่ยนเป็นค่ายกลกระบี่เปิดทางอยู่ด้านหน้า ปราณกระบี่สุกสกาวตัดสลับไปมา บุกขึ้นหน้าอย่างง่ายดายตลอดทาง

ยามนี้พลังหลอมจิต หลอมกายและหลอมปราณของหลินสวินโคจรพร้อมกัน ระเบิดอานุภาพออกมา เพียงพอจะทำให้อริยะตะลึง

จากจุดนี้สามารถดูออกว่าการโจมตีของค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด มิฉะนั้นไม่มีทางบีบให้หลินสวินต้องต่อสู้เต็มกำลังแน่

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น

หลินสวินได้สังหารมาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว นั่นเป็นกำแพงหน้าผาของภูเขาที่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ระหว่างกำแพงหน้าผาเปิดช่องว่างช่องหนึ่ง ทำให้คนสามารถลอดไปได้

เห็นเช่นนี้หลินสวินพลันพุ่งไปอย่างไม่ลังเล

แม้เขาไม่กลัวค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านั้น แต่จำนวนของสัตว์ประหลาดพวกนี้มากเกินไป ราวกับฆ่าไม่หมด ทำให้อดหงุดหงิดไม่ได้

ตูม!

แต่ยังไม่ทันที่หลินสวินจะก้าวไปอีกฝั่งของเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว ค้อนกระดูกขาวด้ามหนึ่งพลันพุ่งออกจากช่องว่างกำแพงหน้าผา ทุบมาทางหลินสวินอย่างแรง

ไวเกินไปแล้ว!

การโจมตีนี้เหมือนเตรียมการมานาน รอเพียงหลินสวินปรากฏตัว

อีกอย่างกลิ่นอายที่แผ่ออกจากค้อนกระดูกขาวก็ยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ อานุภาพแข็งแกร่งอย่างที่สุด

ในช่วงเวลาอันตรายที่สุดนี้ แผ่นหลังของหลินสวินปรากฏปีกผลาญเทพสีดำสนิทคู่หนึ่ง เงาร่างพริบไหวหลบการโจมตีนี้ได้อย่างหวุดหวิด

ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดหลินสวินก็เห็นผู้ลงมือชัดแล้ว…

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ!

เงาร่างผอมซูบของเขาราวกับเงามืด ยืนอยู่บนทางเดินกำแพงหน้าผานั่น สีหน้าเย็นชา

“เป็นเฒ่าสารเลวอย่างเจ้าอีกแล้ว!”

หลินสวินสีหน้าทะมึน

เมื่อไม่นานมานี้ในศึกถกมรรคบนเขาพินิจมรรค เขาเคยถูกพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตามฆ่า มีหรือจะจำเจ้าเฒ่าสารเลวคนนี้ไม่ได้

“ส่งปีกที่อยู่บนหลังเจ้ามาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าเย็นเยียบ ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัววับวาบในดวงตา

หลินสวินนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะมาที่นี่ เขาเคยได้ยินเสียงร้องแหลมสูงระลอกหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าตอนที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬข้ามเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวนี่ ก็เคยถูกค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดโจมตีเช่นกัน

“เฒ่าสารเลว เจ้าบาดเจ็บสาหัสจำต้องหนีมาที่นี่แล้ว กลับยังมีเฝ้านึกถึงสมบัติของข้า ทะเยอทะยานจริงๆ”

หลินสวินยิ้มเยาะ

ตูม โครม โครม!

เพิ่งจะสิ้นเสียงค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดฝูงหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาหลินสวิน ทำให้เขาไม่อาจสนใจอย่างอื่น จำต้องเปิดการต่อสู้

เห็นเช่นนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้ “เจ้าตัวน้อย คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร เจ้าจนตรอกแล้ว ยังไม่ยอมมอบสมบัติสักชิ้นออกมาหรือ”

มีคนหนุนหลังจึงไม่เกรงกลัว

เพราะเขาเคยสำรวจที่แห่งนี้แล้ว รู้ดีว่าขอเพียงแค่ยังอยู่บนเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว หลินสวินก็จะถูกค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดโจมตีอย่างต่อเนื่อง

และทางออกเดียวที่มีตอนนี้ก็ถูกเขาควบคุมแล้ว!

ด้านหลังพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬมีชายหญิงคู่หนึ่ง หน้าตาผู้ชายหล่อเหลา ผิวขาวกระจ่าง ทั้งร่างอยู่ในเงามืดชั้นหนึ่ง

ส่วนร่างของผู้หญิงแผ่กลิ่นอายสว่างไสวออกมารอบๆ ใบหน้าหยกงดงามไร้ที่ติ สง่างามน่าเกรงขาม ราวกับเทพธิดาองค์หนึ่ง

พวกเขาก็คืออัจฉริยะพ่อมดเถื่อนที่มีสมาญนามว่า ‘คู่แฝดรุ่งรัตติกาล’

“เป็นเขาหรือที่ฆ่าพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง”

ชายคนนั้นอ้าปาก เขานามว่าอั้นหลิงเจิน ในดวงตาที่มองมาทางหลินสวินแฝงความรังเกียจ

“แน่นอนว่าเป็นเขา ยังไม่บรรลุอริยะก็สามารถบุกผ่านเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวโดยลำพัง พลังต่อสู้น่ากลัวมากจริงๆ”

ดวงตาเย็นเยียบของผู้หญิงวูบไหว นางนามว่ากวงฝู่ชิง

“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ รีบฆ่าเขาเถอะ จะให้เขามีชีวิตรอดไม่ได้!”

อั้นหลิงเจินสีหน้ามืดทะมึน จากตัวหลินสวินทำให้เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำเอาเขารู้สึกใจสั่น

“ดี!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพยักหน้า เสียงวู้มดังขึ้นคราหนึ่ง ค้อนกระดูกขาวโฉบขึ้นอีกครั้ง พุ่งไปทางหลินสวิน

ตูม!

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวทะลักออกจากค้อนกระดูกขาว เร็วจนเหลือเชื่อ ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายทำลายล้างที่เกิดขึ้น ทำให้ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดที่กระจายอยู่ข้างทางระเบิดจนแหลกละเอียดทั้งหมด

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ พลังรอบกายระเบิดออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดาบหักพาดขวางโจมตีออกไป

ปัง!

ในเสียงปะทะหลินสวินถูกสะเทือนจนเซถอยออกไปสิบกว่าจั้ง สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ทรมานจนแทบจะกระอักเลือด

แต่ในดวงตาของเขากลับวาบประกาย

นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของเขาหลังจากก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า และคู่ต่อสู้ก็คือตัวตนที่อยู่ในระดับอริยะแท้ แม้ทำให้เขาทรมานอย่างที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็รับการโจมตีไว้ได้แล้ว!

ก่อนหน้านี้นี่เป็นเรื่องที่หลินสวินไม่กล้าจินตนาการเลยด้วยซ้ำ

ต้องรู้ว่าอริยะแท้กับอริยะเทียมเป็นการดำรงอยู่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คำกล่าวที่ว่าต่ำกว่าระดับอริยะล้วนประหนึ่งมดปลวกไม่ใช่คำพูดลอยๆ

แต่ตอนนี้เขาสกัดไว้ได้แล้วจริงๆ!

“นี่…”

อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงที่อยู่ห่างออกไปต่างตกใจ แทบไม่กล้าเชื่อ รู้สึกเหลือเชื่อ

ในสายตาของอริยะ ราชันในมรรคาอมตะก็ราวกับมดปลวก แต่ตอนนี้การโจมตีนี้กลับถูกมดปลวกตัวหนึ่งสกัดเอาไว้โดยตรง!

ใครจะกล้าเชื่อ!

“หึ! หากข้าไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเพราะจ้าวซิงเย่ เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดภายใต้การโจมตีนี้หรือ”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม คล้ายรู้สึกอับอายจนอดเดือดดาลไม่ได้

ตูม!

ตอนที่พูดเขาก็ลงมืออย่างไม่ลังเลอีกครั้ง ค้อนกระดูกขาวขวางอากาศ พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน ทุบไปทางหลินสวิน

เพียงแต่ตอนนี้เองปีกผลาญเทพด้านหลังหลินสวินพริบไหว หายแวบไปกลางอากาศ

ครู่ต่อมาตัวเขาก็มาปรากฏตรงหน้าพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬแล้ว

และในฝ่ามือ ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตที่ราวกับตีหลอมจากมันแพะปรากฏขึ้น

แม้เป็นแค่ขวดขนาดไม่กี่ชุ่น แต่ในสายตาของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬกลับทำให้ในใจเขาสะท้านทันใด รู้สึกถึงการคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต

แย่แล้ว!

เขาเพิ่งคิดจะหนี ก็เห็นในขวดมหามรรคไร้ขอบเขตยิงทวนศึกสว่างไสวเล่มหนึ่งออกมา

นี่คือพลังที่จ้าวซิงเย่ทิ้งเอาไว้ให้ เป็นการโจมตีเต็มกำลังของอริยะแท้คนหนึ่ง และเมื่อผ่านการเสริมพลังของขวดมหามรรคไร้ขอบเขต อานุภาพของการโจมตีจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี!

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย จู่ๆ พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ส่งเสียงตะคอก “เด็กเมื่อวานซืน เจ้าก็ไม่รอดหรอก!”

ตูม!

เสียงปะทะน่ากลัวดังก้อง สะเทือนจักรวาล เคลื่อนพลังที่น่าสะพรึงตวัดม้วน ทำให้ฟ้าดินผืนนี้ยังโอดครวญไปด้วย

ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวหรือกำแพงหน้าผารอบๆ กลับไม่เคยได้รับความเสียหายภายใต้ผลกระทบจากพลังที่น่ากลัวนี้!

ทว่าพลันเห็นเงาร่างผอมซูบของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถูกทวนเล่มหนึ่งแทงทะลุ ทั้งร่างปลิวออกไปอย่างแรง ในปากส่งเสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดรุนแรง

ส่วนหลินสวินเงาร่างเหมือนว่าวที่สายป่านขาด ถูกซัดจนปลิวออกมา ตกไปในเหวลึกด้านล่างเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว

หมอกสีเทาในเหวเลือนรางไม่ชัดเจน ไม่นานเงาร่างของหลินสวินก็หายไป

อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงที่โชคดีปลอดภัยต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ทั้งร่างเหมือนตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง

ยิ่งไม่สามารถเชื่อได้ว่า พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถึงกับถูกแทงทะลุร่างปลิวออกไป!

“แย่แล้ว! รีบไปดูใต้เท้าพ่อมดอริยะ”

ทันใดนั้นอั้นหลิงเจินขนลุกซู่ พุ่งห่างออกไป

ในป่าต้นหม่อนที่น่ากลัวและอันตรายนี้ หากพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตาย ด้วยพลังของเขากับกวงฝู่ชิงก็ยากจะเดินหน้าต่อแล้ว

กวงฝู่ชิงเองก็แข็งทื่อไปทั้งตัว รีบตามไป

ไม่นานทั้งสองก็เจอพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ร่างกายเขาล้วนแตกหักระเบิดแหลก เหลือไว้เพียงแค่พลังจิตเสี้ยวหนึ่งส่ายไปมาอยู่ในอากาศ ดูน่าอนาถอย่างที่สุด

“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ!”

ทั้งสองโศกเศร้า จนตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลินสวินจึงสามารถทำร้ายพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬได้ นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ

“สมบัติในมือเจ้าหมอนั่นมหัศจรรย์เกินไป หากไม่ใช่เช่นนี้… ข้าไม่มีทางได้รับบาดเจ็บขนาดนี้”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬหายใจหอบ เสียงแหบพร่า เขาเหลือเพียงพลังจิต ร่างกายได้เปลี่ยนเป็นเลือดเนื้อที่ไม่เหลือสภาพอยู่บนพื้น

นี่ทำให้เขาชิงชังอย่างยิ่ง เป็นถึงอริยะแท้ ตอนนี้กลับถูกมดปลวกตัวหนึ่งทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ช่างเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง

“แต่เจ้าหมอนั่นก็ถูกฝ่ามือของข้าตบจนตกไปในเหวลึกนั่น จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ตายแล้วก็ดี ตายแล้วก็ดี…” อั้นหลิงเจินพึมพำ เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่า หากปล่อยให้หลินสวินรอด นั่นจะต้องเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวอย่างแน่นอน

ยังไม่บรรลุอริยะก็สามารถทำร้ายอริยะแท้คนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส แค่คิดก็ใจสั่นแล้ว

“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

กวงฝู่ชิงพูดอย่างกังวล

“ไม่ตายหรอก”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬกัดฟัน “แต่ข้าต้องการทำสมาธิที่นี่ช่วงหนึ่ง พวกเจ้าช่วยปกป้องข้า”

“ได้”

อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงต่างพยักหน้า

ในเวลาเดียวกันร่างของหลินสวินตกลงไปในเหวลึกหมอกหนาอย่างต่อเนื่อง ปากจมูกกบเลือด การรับรู้เลือนราง

ฝ่ามือที่ราวกับตบออกมาสุดชีวิตของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่เพราะพลังหลอมกายของเขาน่าทึ่ง ต้องไม่สามารถต้านทานการเข่นฆ่าระดับนี้ได้แน่

ตอนนี้ด้วยสัญชาตญาณ หลินสวินดิ้นรนสุดชีวิต หมายจะเหินทะยานขึ้นไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังคือ ในเหวลึกนี่มีพลังต้องห้ามไร้รูปอย่างหนึ่งกดข่มอยู่รอบตัวเขา ทำให้เขาไม่เพียงไม่สามารถดิ้นรนได้ ร่างกายยังถูกกดจนดิ่งลงไปเรื่อยๆ

และไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงปังดังลั่น โคลนที่เหม็นคาวสาดกระเซ็น ร่างหลินสวินกระแทกกลางโคลนอย่างแรง

ความเจ็บปวดอย่างหนักทำให้ภาพตรงหน้าเขามืดสลัวลง เกือบจะหมดสติไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1454 ตกเหว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1454 ตกเหว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พรวดๆๆ!

ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดขนาดประมาณหินโม่มากมายระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เปลี่ยนเป็นหมอกสีเลือดกระจายออกมา

ร่างหลินสวินราวกับเหล็กหมาดเล่มหนึ่ง ก้าวบนเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวนั่น เพราะเป็นการพุ่งสังหาร ไม่ถึงกับไว แต่ไม่ช้าแน่

ถึงอย่างไรค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านั้นก็ไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ถึงขั้นเทียบกับหนิวทุนเทียนและเมิ่งเหลียนชิงได้

หลินสวินคนเดียวเผชิญกับการล้อมโจมตีและสามารถสังหารเส้นทางเลือดออกมาเส้นหนึ่งได้ ภาพนี้หากเหล่าผู้แข็งแกร่งค่ายจักรวรรดิเห็นเข้า คงตะลึงอย่างต่อเนื่องอีกแน่

สวบๆๆ…

เพียงแต่สิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ พอเขาก้าวขึ้นเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวและพุ่งไปข้างหน้า ในหมอกสีเทาเหนือทางลำเลียงนั่น ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดนับร้อยพันพุ่งออกมาอีกครั้ง

และพุ่งมาไม่ขาดสาย!

ภาพนั้นราวกับคลื่นสัตว์ปะทุ ฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงร้องแหลมอย่างที่สุด กึกก้องสะเทือนหู

สิ่งมีชีวิตพวกนี้ถนัดโจมตีด้วยเสียงอยู่แล้ว

และตอนนี้เมื่อกรีดร้องโจมตีพร้อมกัน หากเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นคงต้านทานไม่ไหวตั้งนานแล้ว

แต่หลินสวินไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

ฮูม…

รอบตัวเขาปราณกระบี่ไท่เสวียนหนาแน่นพุ่งออกมา สว่างไสวราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอด เปลี่ยนเป็นค่ายกลกระบี่สังหารพิฆาตนรกและโคจรโดยพลัน

ชั่วขณะเดียวมีค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดหลายสิบตัวถูกสังหารอย่างไร้ปรานี!

คาวเลือดเข้มข้น พรั่งพรูอย่างต่อเนื่องประหนึ่งน้ำตก สถานการณ์น่าทึ่งอย่างที่สุด

แต่สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบ ไม่เคยหยุดมือตั้งแต่ต้นจนจบ

ดาบหักที่ขาวเจิดจ้าราวกับหิมะโฉบผ่านอากาศ ถูกจิตรับรู้ควบคุม สำแดงหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ดุร้ายรุนแรงหาที่เทียบไม่ได้ ไอสังหารตะลึงฟ้า

รอบตัวเขาแสงมรรคเก้าพิสุทธิ์เปลี่ยนเป็นหุบเหวใหญ่ นอกจากเป็นวิธีป้องกันที่เรียกได้ว่าน่ากลัวแล้ว ยังเป็นไม้ตายที่กำราบคู่ต่อสู้

ส่วนปราณกระบี่ไท่เสวียนเปลี่ยนเป็นค่ายกลกระบี่เปิดทางอยู่ด้านหน้า ปราณกระบี่สุกสกาวตัดสลับไปมา บุกขึ้นหน้าอย่างง่ายดายตลอดทาง

ยามนี้พลังหลอมจิต หลอมกายและหลอมปราณของหลินสวินโคจรพร้อมกัน ระเบิดอานุภาพออกมา เพียงพอจะทำให้อริยะตะลึง

จากจุดนี้สามารถดูออกว่าการโจมตีของค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด มิฉะนั้นไม่มีทางบีบให้หลินสวินต้องต่อสู้เต็มกำลังแน่

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น

หลินสวินได้สังหารมาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว นั่นเป็นกำแพงหน้าผาของภูเขาที่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ระหว่างกำแพงหน้าผาเปิดช่องว่างช่องหนึ่ง ทำให้คนสามารถลอดไปได้

เห็นเช่นนี้หลินสวินพลันพุ่งไปอย่างไม่ลังเล

แม้เขาไม่กลัวค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านั้น แต่จำนวนของสัตว์ประหลาดพวกนี้มากเกินไป ราวกับฆ่าไม่หมด ทำให้อดหงุดหงิดไม่ได้

ตูม!

แต่ยังไม่ทันที่หลินสวินจะก้าวไปอีกฝั่งของเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว ค้อนกระดูกขาวด้ามหนึ่งพลันพุ่งออกจากช่องว่างกำแพงหน้าผา ทุบมาทางหลินสวินอย่างแรง

ไวเกินไปแล้ว!

การโจมตีนี้เหมือนเตรียมการมานาน รอเพียงหลินสวินปรากฏตัว

อีกอย่างกลิ่นอายที่แผ่ออกจากค้อนกระดูกขาวก็ยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ อานุภาพแข็งแกร่งอย่างที่สุด

ในช่วงเวลาอันตรายที่สุดนี้ แผ่นหลังของหลินสวินปรากฏปีกผลาญเทพสีดำสนิทคู่หนึ่ง เงาร่างพริบไหวหลบการโจมตีนี้ได้อย่างหวุดหวิด

ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดหลินสวินก็เห็นผู้ลงมือชัดแล้ว…

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ!

เงาร่างผอมซูบของเขาราวกับเงามืด ยืนอยู่บนทางเดินกำแพงหน้าผานั่น สีหน้าเย็นชา

“เป็นเฒ่าสารเลวอย่างเจ้าอีกแล้ว!”

หลินสวินสีหน้าทะมึน

เมื่อไม่นานมานี้ในศึกถกมรรคบนเขาพินิจมรรค เขาเคยถูกพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตามฆ่า มีหรือจะจำเจ้าเฒ่าสารเลวคนนี้ไม่ได้

“ส่งปีกที่อยู่บนหลังเจ้ามาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าเย็นเยียบ ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัววับวาบในดวงตา

หลินสวินนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะมาที่นี่ เขาเคยได้ยินเสียงร้องแหลมสูงระลอกหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าตอนที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬข้ามเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวนี่ ก็เคยถูกค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดโจมตีเช่นกัน

“เฒ่าสารเลว เจ้าบาดเจ็บสาหัสจำต้องหนีมาที่นี่แล้ว กลับยังมีเฝ้านึกถึงสมบัติของข้า ทะเยอทะยานจริงๆ”

หลินสวินยิ้มเยาะ

ตูม โครม โครม!

เพิ่งจะสิ้นเสียงค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดฝูงหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาหลินสวิน ทำให้เขาไม่อาจสนใจอย่างอื่น จำต้องเปิดการต่อสู้

เห็นเช่นนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้ “เจ้าตัวน้อย คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร เจ้าจนตรอกแล้ว ยังไม่ยอมมอบสมบัติสักชิ้นออกมาหรือ”

มีคนหนุนหลังจึงไม่เกรงกลัว

เพราะเขาเคยสำรวจที่แห่งนี้แล้ว รู้ดีว่าขอเพียงแค่ยังอยู่บนเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว หลินสวินก็จะถูกค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดโจมตีอย่างต่อเนื่อง

และทางออกเดียวที่มีตอนนี้ก็ถูกเขาควบคุมแล้ว!

ด้านหลังพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬมีชายหญิงคู่หนึ่ง หน้าตาผู้ชายหล่อเหลา ผิวขาวกระจ่าง ทั้งร่างอยู่ในเงามืดชั้นหนึ่ง

ส่วนร่างของผู้หญิงแผ่กลิ่นอายสว่างไสวออกมารอบๆ ใบหน้าหยกงดงามไร้ที่ติ สง่างามน่าเกรงขาม ราวกับเทพธิดาองค์หนึ่ง

พวกเขาก็คืออัจฉริยะพ่อมดเถื่อนที่มีสมาญนามว่า ‘คู่แฝดรุ่งรัตติกาล’

“เป็นเขาหรือที่ฆ่าพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง”

ชายคนนั้นอ้าปาก เขานามว่าอั้นหลิงเจิน ในดวงตาที่มองมาทางหลินสวินแฝงความรังเกียจ

“แน่นอนว่าเป็นเขา ยังไม่บรรลุอริยะก็สามารถบุกผ่านเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวโดยลำพัง พลังต่อสู้น่ากลัวมากจริงๆ”

ดวงตาเย็นเยียบของผู้หญิงวูบไหว นางนามว่ากวงฝู่ชิง

“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ รีบฆ่าเขาเถอะ จะให้เขามีชีวิตรอดไม่ได้!”

อั้นหลิงเจินสีหน้ามืดทะมึน จากตัวหลินสวินทำให้เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำเอาเขารู้สึกใจสั่น

“ดี!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพยักหน้า เสียงวู้มดังขึ้นคราหนึ่ง ค้อนกระดูกขาวโฉบขึ้นอีกครั้ง พุ่งไปทางหลินสวิน

ตูม!

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวทะลักออกจากค้อนกระดูกขาว เร็วจนเหลือเชื่อ ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายทำลายล้างที่เกิดขึ้น ทำให้ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดที่กระจายอยู่ข้างทางระเบิดจนแหลกละเอียดทั้งหมด

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ พลังรอบกายระเบิดออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดาบหักพาดขวางโจมตีออกไป

ปัง!

ในเสียงปะทะหลินสวินถูกสะเทือนจนเซถอยออกไปสิบกว่าจั้ง สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ทรมานจนแทบจะกระอักเลือด

แต่ในดวงตาของเขากลับวาบประกาย

นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของเขาหลังจากก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า และคู่ต่อสู้ก็คือตัวตนที่อยู่ในระดับอริยะแท้ แม้ทำให้เขาทรมานอย่างที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็รับการโจมตีไว้ได้แล้ว!

ก่อนหน้านี้นี่เป็นเรื่องที่หลินสวินไม่กล้าจินตนาการเลยด้วยซ้ำ

ต้องรู้ว่าอริยะแท้กับอริยะเทียมเป็นการดำรงอยู่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คำกล่าวที่ว่าต่ำกว่าระดับอริยะล้วนประหนึ่งมดปลวกไม่ใช่คำพูดลอยๆ

แต่ตอนนี้เขาสกัดไว้ได้แล้วจริงๆ!

“นี่…”

อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงที่อยู่ห่างออกไปต่างตกใจ แทบไม่กล้าเชื่อ รู้สึกเหลือเชื่อ

ในสายตาของอริยะ ราชันในมรรคาอมตะก็ราวกับมดปลวก แต่ตอนนี้การโจมตีนี้กลับถูกมดปลวกตัวหนึ่งสกัดเอาไว้โดยตรง!

ใครจะกล้าเชื่อ!

“หึ! หากข้าไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเพราะจ้าวซิงเย่ เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดภายใต้การโจมตีนี้หรือ”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม คล้ายรู้สึกอับอายจนอดเดือดดาลไม่ได้

ตูม!

ตอนที่พูดเขาก็ลงมืออย่างไม่ลังเลอีกครั้ง ค้อนกระดูกขาวขวางอากาศ พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน ทุบไปทางหลินสวิน

เพียงแต่ตอนนี้เองปีกผลาญเทพด้านหลังหลินสวินพริบไหว หายแวบไปกลางอากาศ

ครู่ต่อมาตัวเขาก็มาปรากฏตรงหน้าพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬแล้ว

และในฝ่ามือ ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตที่ราวกับตีหลอมจากมันแพะปรากฏขึ้น

แม้เป็นแค่ขวดขนาดไม่กี่ชุ่น แต่ในสายตาของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬกลับทำให้ในใจเขาสะท้านทันใด รู้สึกถึงการคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต

แย่แล้ว!

เขาเพิ่งคิดจะหนี ก็เห็นในขวดมหามรรคไร้ขอบเขตยิงทวนศึกสว่างไสวเล่มหนึ่งออกมา

นี่คือพลังที่จ้าวซิงเย่ทิ้งเอาไว้ให้ เป็นการโจมตีเต็มกำลังของอริยะแท้คนหนึ่ง และเมื่อผ่านการเสริมพลังของขวดมหามรรคไร้ขอบเขต อานุภาพของการโจมตีจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี!

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย จู่ๆ พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ส่งเสียงตะคอก “เด็กเมื่อวานซืน เจ้าก็ไม่รอดหรอก!”

ตูม!

เสียงปะทะน่ากลัวดังก้อง สะเทือนจักรวาล เคลื่อนพลังที่น่าสะพรึงตวัดม้วน ทำให้ฟ้าดินผืนนี้ยังโอดครวญไปด้วย

ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวหรือกำแพงหน้าผารอบๆ กลับไม่เคยได้รับความเสียหายภายใต้ผลกระทบจากพลังที่น่ากลัวนี้!

ทว่าพลันเห็นเงาร่างผอมซูบของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถูกทวนเล่มหนึ่งแทงทะลุ ทั้งร่างปลิวออกไปอย่างแรง ในปากส่งเสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดรุนแรง

ส่วนหลินสวินเงาร่างเหมือนว่าวที่สายป่านขาด ถูกซัดจนปลิวออกมา ตกไปในเหวลึกด้านล่างเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว

หมอกสีเทาในเหวเลือนรางไม่ชัดเจน ไม่นานเงาร่างของหลินสวินก็หายไป

อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงที่โชคดีปลอดภัยต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ทั้งร่างเหมือนตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง

ยิ่งไม่สามารถเชื่อได้ว่า พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถึงกับถูกแทงทะลุร่างปลิวออกไป!

“แย่แล้ว! รีบไปดูใต้เท้าพ่อมดอริยะ”

ทันใดนั้นอั้นหลิงเจินขนลุกซู่ พุ่งห่างออกไป

ในป่าต้นหม่อนที่น่ากลัวและอันตรายนี้ หากพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตาย ด้วยพลังของเขากับกวงฝู่ชิงก็ยากจะเดินหน้าต่อแล้ว

กวงฝู่ชิงเองก็แข็งทื่อไปทั้งตัว รีบตามไป

ไม่นานทั้งสองก็เจอพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ร่างกายเขาล้วนแตกหักระเบิดแหลก เหลือไว้เพียงแค่พลังจิตเสี้ยวหนึ่งส่ายไปมาอยู่ในอากาศ ดูน่าอนาถอย่างที่สุด

“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ!”

ทั้งสองโศกเศร้า จนตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลินสวินจึงสามารถทำร้ายพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬได้ นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ

“สมบัติในมือเจ้าหมอนั่นมหัศจรรย์เกินไป หากไม่ใช่เช่นนี้… ข้าไม่มีทางได้รับบาดเจ็บขนาดนี้”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬหายใจหอบ เสียงแหบพร่า เขาเหลือเพียงพลังจิต ร่างกายได้เปลี่ยนเป็นเลือดเนื้อที่ไม่เหลือสภาพอยู่บนพื้น

นี่ทำให้เขาชิงชังอย่างยิ่ง เป็นถึงอริยะแท้ ตอนนี้กลับถูกมดปลวกตัวหนึ่งทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ช่างเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง

“แต่เจ้าหมอนั่นก็ถูกฝ่ามือของข้าตบจนตกไปในเหวลึกนั่น จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ตายแล้วก็ดี ตายแล้วก็ดี…” อั้นหลิงเจินพึมพำ เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่า หากปล่อยให้หลินสวินรอด นั่นจะต้องเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวอย่างแน่นอน

ยังไม่บรรลุอริยะก็สามารถทำร้ายอริยะแท้คนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส แค่คิดก็ใจสั่นแล้ว

“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

กวงฝู่ชิงพูดอย่างกังวล

“ไม่ตายหรอก”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬกัดฟัน “แต่ข้าต้องการทำสมาธิที่นี่ช่วงหนึ่ง พวกเจ้าช่วยปกป้องข้า”

“ได้”

อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงต่างพยักหน้า

ในเวลาเดียวกันร่างของหลินสวินตกลงไปในเหวลึกหมอกหนาอย่างต่อเนื่อง ปากจมูกกบเลือด การรับรู้เลือนราง

ฝ่ามือที่ราวกับตบออกมาสุดชีวิตของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่เพราะพลังหลอมกายของเขาน่าทึ่ง ต้องไม่สามารถต้านทานการเข่นฆ่าระดับนี้ได้แน่

ตอนนี้ด้วยสัญชาตญาณ หลินสวินดิ้นรนสุดชีวิต หมายจะเหินทะยานขึ้นไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังคือ ในเหวลึกนี่มีพลังต้องห้ามไร้รูปอย่างหนึ่งกดข่มอยู่รอบตัวเขา ทำให้เขาไม่เพียงไม่สามารถดิ้นรนได้ ร่างกายยังถูกกดจนดิ่งลงไปเรื่อยๆ

และไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงปังดังลั่น โคลนที่เหม็นคาวสาดกระเซ็น ร่างหลินสวินกระแทกกลางโคลนอย่างแรง

ความเจ็บปวดอย่างหนักทำให้ภาพตรงหน้าเขามืดสลัวลง เกือบจะหมดสติไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+