Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1474 สังหารอริยะชั่วพริบตา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1474 สังหารอริยะชั่วพริบตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปึง! ในสนามรบหนิวเจิ้นอวี่แกว่งหมัด ซัดกระแทกลงมาเหมือนมหาคีรีแผ่ขยายไปทั้งห้วงอากาศ ทำให้หลินสวินสะเทือนถอยไปอีกครั้ง ตัวเขาลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง แทบจะในขณะเดียวกัน ค้อนกระดูกขาวของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเคลื่อนออกมา หมายจะฉวยโอกาสนี้สังหารหลินสวิน แต่กลับถูกหลินสวินใช้ปีกผลาญเทพหลบหนีอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า “สมควรตาย!” พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม ด้วยฐานะอริยะของทั้งสอง ร่วมกันสังหารชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งก็น่าอับอายมากแล้ว จะทำขายหน้าคนในโลก แต่ตอนนี้ที่ทำให้พวกเขาอึดอัดใจที่สุดก็คือ มดปลวกอย่างหลินสวินดูเหมือนไม่มีแรงตั้งกระบวนท่าสักนิด แต่คิดจะฆ่าเขาให้ตาย ผ่านมาพักหนึ่งแล้วกลับทำไม่ได้สักที! เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อไรกันที่มดปลวกซึ่งยังไม่บรรลุอริยะมีคุณสมบัติมาต่อกรกับอริยะแท้ จริงอยู่ว่าพวกเขาทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นอริยะอยู่ดี! ในอดีตชี้นิ้วไปส่งๆ ยังบดขยี้บุคคลเช่นหลินสวินให้ตายได้! แต่วันนี้ทั้งหมดนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬดูออกว่าสาเหตุที่หลินสวินดิ้นรนมาถึงตอนนี้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะมีสมบัติอริยะปีกผลาญเทพอันมหัศจรรย์ชิ้นนั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเบื้องลึกเบื้องหลังของหลินสวินกล้าแข็งเกินไป! พลังปราณสามสาย หลอมปราณ หลอมวิญญาณ และหลอมกาย สุ่มเลือกมาสักชนิดล้วนอยู่เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกัน มีพลานุภาพไร้ศัตรูใดเทียบเทียมทั้งนั้น! นี่ทำเอาอริยะแท้อย่างพวกเขาสองคนแทบไม่กล้าเชื่อ ว่าเหตุใดบนโลกนี้ยังมีตัวประหลาดเย้ยฟ้าพรรค์นี้ได้ ตูม โครม! การต่อสู้ปะทุขึ้นโดยตลอด มองดูจากไกลๆ ฟ้าดินตรงนั้นเหมือนจมลง แสงเทพไหลลู่ราวน้ำตก แสงมรรคเทลงมาดุจกระแสน้ำเชี่ยว เป็นภาพที่น่าตกใจถึงที่สุด ตัวหลินสวินเหมือนลุกโหม พลังปราณและพลังทั้งปวงถูกสำแดงออกมาจนหมดสิ้น แสงมรรคทั้งร่างกู่ก้องโครมคราม ประกายแสงไหลวน แม้เขาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์อันตราย แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก อีกทั้งพอเวลาผ่านไป เขายิ่งสู้ยิ่งแกร่งกล้า! ในอดีตเขาเคยสังหารอริยะแท้จำนวนมากจริงๆ แต่อย่างไรนั่นก็อาศัยพลังจากจิตสถูปปลิดชีพอยู่ดี ทว่าตอนนี้เขากลับพึ่งมรรควิถีกับศักยภาพของตัวเอง เข้าต่อกรซึ่งหน้ากับอริยะแท้สองคนโดยสมบูรณ์! ต่อให้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสมาอยู่แล้ว แต่นี่ก็ยังเป็นปัญหาที่ดูน่าตกตะลึงอยู่ดี ถึงอย่างไรในอดีตก็ไม่เคยมีใครใช้พลังระดับอมตะเคราะห์ ข้ามระดับมาต่อต้านบุคคลระดับอริยะเหมือนอย่างหลินสวิน! แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ทำได้ถึงขั้นนี้ก็ทำให้เขาตื่นเต้นเช่นกัน หลังกลับไปที่โลกชั้นล่าง หลินสวินไม่เคยหย่อนยานกับการฝึกปราณ แต่คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบมาตลอดทางต่างใช้คำว่า ‘อ่อนแอเกินไป’ มาบรรยายได้เท่านั้น ต่อให้เป็นพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินสวิน ทว่าหลังจากเข้าสู่ป่าต้นหม่อน คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบแข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไปมาก แต่ละคนต่างเป็นบุคคลน่ากลัวที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินไม่มีโอกาสได้หยั่งเชิงพลังปราณของตนในตอนนี้เลยว่าแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่ และตอนนี้ในระหว่างที่ประมือกับอริยะแท้สองคนอย่างหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ทำให้หลินสวินรู้ได้ในที่สุดว่าพลังต่อสู้ของตนในตอนนี้อยู่ระดับไหนแล้ว พูดได้ว่าสาเหตุที่บุ่มบ่ามปรากฏตัว ไม่ลังเลที่จะประจันหน้ากับอริยะสองคนนี้ ย่อมเป็นเพราะหลินสวินมองพวกเขาเป็นหินลับมีดหยั่งพลังต่อสู้ก็เท่านั้น “ไอ้เศษสวะ ตายเสียเถอะ!” หนิวเจิ้นอวี่คำรามลั่น เสียงดังราวอสนีบาต เพียงแค่เสียงนี้ก็สามารถคำรามให้ราชันระดับอมตะเคราะห์บางคนแหลกสลายได้แล้ว แต่หลินสวินจิตใจหนักแน่น จิตวิญญาณราวศิลายักษ์ ไม่อาจถูกสั่นคลอนได้ ตูม! ก็พบว่าหนิวเจิ้นอวี่เหมือนถูกยั่วให้เดือดดาลโดยสมบูรณ์ สำแดงกระบวนท่าไม้ตาย แปลงกายเป็นวัวเทพสีดำที่มีผิวหนังสีดำสนิท สูงราวพันจั้ง ดุจดั่งภูเขาลูกใหญ่สีดำลูกหนึ่ง กีบเท้าทั้งสี่ประหนึ่งเสาค้ำสวรรค์ ประกายแสงกฎเกณฑ์อริยมรรคอันน่ากลัวฉายวาบ “ผู้อาวุโสจะสู้สุดชีวิตหรือ” หนิวทุนเทียนตกตะลึง เดิมเขากำลังตื่นเต้นฮึกเหิม นึกว่าหลินสวินที่ถูกกดข่มโดยสมบูรณ์กำลังหลบหนีพิบัติเคราะห์ จะคิดได้อย่างไรว่าจะเห็นภาพเช่นนี้เข้า นี่ทำให้เขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลในทันที หนาวสะท้านไปทั้งร่าง อั้นหลิงเจินก็ยิ้มค้าง รับรู้ได้ถึงความผิดปกติเช่นเดียวกับหนิวทุนเทียน “ตาย!” ท่ามกลางเสียงตะคอกดัง ภูผาธาราพันลี้ถูกร่างมหึมาไร้ที่สิ้นสุดของหนิวเจิ้นอวี่กดข่มจนพังทลายระเบิดแหลกเหมือนเศษกระดาษ ในใจหลินสวินก็หดเกร็งขึ้นมาครู่หนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด กระตุ้นปีกผลาญเทพอย่างต่อเนื่อง เงาร่างแล่นปราดกลางกระแสยุ่งเหยิงน่าหวาดหวั่นเหมือนลำแสง ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ทำให้เขาได้รับแรงกดดันที่มีอยู่ทุกหนแห่ง พลังอริยมรรคน่าครั่นคร้ามพวกนั้นถาโถมเกินไป ทำให้เขาเหมือนเรือเดียวดายกลางทะเลกว้างใหญ่ไพศาล สุ่มเสี่ยงจะพังทลายเมื่อไรก็ได้ “ไอ้แก่ ยังไม่ลงมืออีกหรือ” หนิวเจิ้นอวี่คำราม โกรธจนผมตั้ง เดิมเขาก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ออกโจมตีคราวนี้ได้เอาพลังที่เหลือทั้งหมดเข้าสู้ หากยังฆ่าหลินสวินไม่ตายอีก เช่นนั้นผลลัพธ์แม้แต่เขายังไม่กล้าคิด ฉึบ! เสียงพูดของเขายังไม่ทันเงียบลง พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ออกโจมตีแล้ว ค้อนกระดูกขาวอันหนึ่งพลันยาวขึ้นเป็นพันจั้ง ปรากฏเงามายารูปร่างคล้ายเทพเถื่อนร่างแล้วร่างเล่า ปล่อยแสงดำเป็นวงกว้าง ทำให้ฟ้าดินมืดมัว ประหนึ่งหวนสู่คืนวันโกลาหลอันรกร้างกว้างใหญ่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชั่วพริบตาใบหน้าซูบผอมของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ซีดเซียวหม่นหมองลงไปมาก ไม่ต้องสงสัยว่าการโจมตีนี้ก็ทุ่มพลังทั้งหมดของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเช่นกัน! ‘ถ้าไม่ฆ่าเจ้าคนพรรค์นี้ให้ตาย ภายหน้าก็จะกลายเป็นหนามตำใจที่ไม่อาจจินตนาการได้คนหนึ่ง ยังดีที่เขาต้องตายแน่!’ กวงฝู่ชิงกำหมัดแน่น ในใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก่อนหน้านี้พอได้เห็นความสามารถของหลินสวิน ก็ทำให้นางรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนจะพังทลาย ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหากคนอย่างหลินสวินบรรลุอริยะจะน่ากลัวเช่นไร แต่ตอนนี้ กวงฝู่ชิงแน่ใจว่าหากเผชิญหน้ากับการโจมตีอันกราดเกรี้ยวของอริยะแท้ทั้งสอง หลินสวินต้องสิ้นชีพแน่! หนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินก็แสดงสีหน้าตั้งตาคอยอย่างกระวนกระวาย สิ่งที่คิดในใจไม่ต่างกับกวงฝู่ชิงมากนัก …… ชั่วพริบตานี้ ช่วงเวลาตัดสินแพ้ชนะมาถึงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนัก แต่การโจมตีโดยเอาชีวิตเข้าแลกของพวกเขา อย่าว่าแต่หลินสวินเลย เกรงว่าต่อให้เป็นอริยะแท้ระดับเดียวกันยังต้องหลบคมดาบ! ชั่วพริบตานี้ฟ้าดินจักรวาลไพศาล ภูผาธาราทั่วทิศ ต่างเหมือนมีกลิ่นอายทำลายล้างน่าหวาดหวั่นบดบัง แสดงกลิ่นอายพังทลายพังพินาศออกมา ชั่วพริบตานี้หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินตั้งตาคอยเต็มอก จับตามองอย่างตื่นเต้น ชั่วพริบตานี้… ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าภายในร่างของหลินสวินมีพลังเร้นลับอัศจรรย์และคลุมเครือปะทุขึ้นฉับพลัน ฟุ่บ! แสงมายางดงามราวปีกบินสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้าดิน จากนั้นก็หยุดนิ่งลงในชั่วพริบตานี้! หยุดนิ่งอย่างแท้จริง พลัง กลิ่นอาย เส้นแสง สรรพสิ่งในฟ้าดินแห่งนี้… ล้วนหยุดลงอย่างประหลาดระหว่างที่โคจร ชั่วพริบตา สำหรับเหล่าสิ่งมีชีวิตในใต้หล้าแล้วดูไม่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเพียงชั่วดีดนิ้วเท่านั้น แต่ในสายตาของผู้ฝึกปราณ ในชั่วพริบตากลับชี้เป็นชี้ตายได้! นี่ก็คือกฎระเบียบกาลเวลา การโคจรของฟ้าดิน การเกิดดับของสรรพสิ่ง สิ่งที่สรรพสัตว์นึก คิดและทำล้วนต้องอยู่ในกาลเวลาจึงโคจรได้ แม้แต่ผู้มีระดับจักรพรรดิ สิ่งที่ไล่ตามอย่างอุตสาหะก็คือการทำลายพันธนาการของกฎระเบียบกาลเวลา ไปยังดินแดนอันอิสระเสรียิ่งยวด จึงทำเป้าหมายที่จะเป็นอมตะให้เป็นจริง จากจุดนี้เพียงคิดก็รู้ได้ถึงความน่ากลัวของระเบียบกาลเวลา… แต่ตอนนี้ เวลาในชั่วพริบตานี้… ถูกตรึง! จากนั้นในชั่วพริบตานี้ หลินสวินหลบหนีจากการสังหารของหนิวเจิ้นอวี่อย่างปลอดภัย หลบหนีค้อนกระดูกขาวที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬทุบลงมา และก็ในชั่วพริบตานี้เอง คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกดึงจนตึง ศรนภาครามยิงพุ่งออกไป ….. สำหรับระดับจักรพรรดิแล้ว กาลเวลาเรียกได้ว่าเป็นพลังสูงส่งราวโซ่ตรวน สำหรับอริยะแท้ ก็ย่อมหนีไม่พ้นพันธนาการของพลังแห่งกาลเวลา ชั่วพริบตานี้หนิวเจิ้นอวี่ไม่รู้สึกเลยว่าหลังจากเวลาถูกตรึงไว้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เขากำลังถลาออกไปจะสังหารหลินสวินให้ราบคาบในการโจมตีนี้ แต่จู่ๆ ลูกศรแหลมคมหาใดเทียบดอกหนึ่งก็เข้ามาจ่อหน้าแล้ว! ความน่ากลัวของกลิ่นอายที่ลูกศรนั้นแผ่ออกมาทำให้เขาตื่นตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าเปลี่ยนสีในทันใด แต่คิดจะหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว ปึง! ที่หว่างคิ้วใหญ่ยักษ์เท่าบ้านของเขาถูกลูกศรดอกหนึ่งยิงทะลุ นำพาดอกไม้โลหิตแดงฉานราวน้ำพุสายหนึ่งออกมา และในตอนนี้เช่นกันที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬชำเลืองเห็นภาพนี้เข้า พลันตื่นตระหนกจนศีรษะชาหนึบ ร้องตระหนกเสียงหลงว่า “เป็นไปได้อย่างไร” กลางเสียงคำราม เจือไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงหาใดเทียม ชั่วพริบตานั้นเวลาถูกหยุดไว้ ทุกสิ่งคล้ายถูกควบคุม ดูอัศจรรย์หาใดเทียบ และน่าขนลุกเหลือจะเปรียบ ทั้งยังทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬรับรู้ถึงความสิ้นหวังหวาดหวั่นราวเล็กจ้อยเหมือนมด ความตายมีอยู่ทุกที่เป็นครั้งแรก นี่ก็คือพลังแห่งกาลเวลา ต่อให้ถูกหยุดไว้แค่พริบตาเดียว สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ระดับอริยะเหล่านี้ ก็ยังคงดูน่าสยดสยองเกินไป ตูม! ท่ามกลางเสียงระเบิด ร่างใหญ่โตหาใดเทียบของหนิวเจิ้นอวี่ระเบิดออกฉับพลัน ศีรษะ คอ ทรวงอก แขนขาทั้งสี่… ล้วนถูกไอศรดุดันคับฟ้าฉีกทึ้งบดขยี้เป็นผุยผง! มองดูไกลๆ เลือดเนื้อแดงฉานถั่งโถมราวแม่น้ำโลหิตเข้มข้นเทลงมาจากห้วงอากาศ ในขณะเดียวกัน เหนือเวิ้งฟ้ามีเสียงมรรคดั่งร่วมคร่ำครวญเศร้าสร้อย สะท้านไปทั้งสี่ทิศ ตามคำเล่าลือ ทุกครั้งที่อริยะร่วงหล่น ฟ้าดินจะร่วมโศกาไปด้วย! พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพลันได้สติ ใบหน้าซูบตอบปกคลุมด้วยสีหน้าตื่นตะลึงสิ้นหวัง ตายแล้วหรือ ชั่วพริบตาเดียว อริยะแท้ที่แข็งแกร่งยิ่งอย่างหนิวเจิ้นอวี่ ก็ร่วงหล่นไปจากโลกแล้วหรือ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬลิ้มรสความหวาดกลัวยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง! และไกลออกไป หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินต่างอึ้งไปแล้ว สมองกับจิตใจว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ ชั่วพริบตาที่ถูกตรึงไว้นั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ เลย เพราะเวลาสั้นเกินไป แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แต่ก็เป็นชั่วพริบตานี้ ที่กลับเกิดภาพนองเลือดน่าสะพรึงกลัวนี้ขึ้น ส่งผลให้จิตใจและความรู้สึกของพวกเขาครั่นคร้ามทันที ตะลึงงันโดยสมบูรณ์ ซ่า! เลือดอริยะโปรยปรายลงมา แดงฉานงดงามน่าหดหู่ นี่ก็คือพลังอภินิหารพรสวรรค์ ‘หยุดเวลา’! และเป็นครั้งแรกที่หลินสวินใช้พลังอภินิหารที่มีมาแต่กำเนิด ประทับอยู่ในสายเลือดพลังนี้ พลานุภาพเช่นนั้นประหนึ่งพลังต้องห้ามในตำนาน น่าสะพรึงกลัวจนทำให้แววสั่นสะท้านและเหม่อลอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลินสวินอย่างห้ามไม่อยู่ เวลา! นี่คือพลังที่ทำให้ระดับจักรพรรดิหวาดกลัวหาใดเทียบ เมื่อก่อนหลินสวินเพียงรู้เรื่องเหล่านี้ แต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงความหมายอันลึกซึ้งภายในนั้น ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว พลังแห่งกาลเวลาน่ากลัวเกินไปจริงๆ! ——

ปึง!

ในสนามรบหนิวเจิ้นอวี่แกว่งหมัด ซัดกระแทกลงมาเหมือนมหาคีรีแผ่ขยายไปทั้งห้วงอากาศ ทำให้หลินสวินสะเทือนถอยไปอีกครั้ง ตัวเขาลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง

แทบจะในขณะเดียวกัน ค้อนกระดูกขาวของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเคลื่อนออกมา หมายจะฉวยโอกาสนี้สังหารหลินสวิน แต่กลับถูกหลินสวินใช้ปีกผลาญเทพหลบหนีอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า

“สมควรตาย!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม

ด้วยฐานะอริยะของทั้งสอง ร่วมกันสังหารชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งก็น่าอับอายมากแล้ว จะทำขายหน้าคนในโลก

แต่ตอนนี้ที่ทำให้พวกเขาอึดอัดใจที่สุดก็คือ มดปลวกอย่างหลินสวินดูเหมือนไม่มีแรงตั้งกระบวนท่าสักนิด แต่คิดจะฆ่าเขาให้ตาย ผ่านมาพักหนึ่งแล้วกลับทำไม่ได้สักที!

เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อไรกันที่มดปลวกซึ่งยังไม่บรรลุอริยะมีคุณสมบัติมาต่อกรกับอริยะแท้

จริงอยู่ว่าพวกเขาทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นอริยะอยู่ดี! ในอดีตชี้นิ้วไปส่งๆ ยังบดขยี้บุคคลเช่นหลินสวินให้ตายได้!

แต่วันนี้ทั้งหมดนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว

หนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬดูออกว่าสาเหตุที่หลินสวินดิ้นรนมาถึงตอนนี้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะมีสมบัติอริยะปีกผลาญเทพอันมหัศจรรย์ชิ้นนั้น

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเบื้องลึกเบื้องหลังของหลินสวินกล้าแข็งเกินไป!

พลังปราณสามสาย หลอมปราณ หลอมวิญญาณ และหลอมกาย สุ่มเลือกมาสักชนิดล้วนอยู่เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกัน มีพลานุภาพไร้ศัตรูใดเทียบเทียมทั้งนั้น!

นี่ทำเอาอริยะแท้อย่างพวกเขาสองคนแทบไม่กล้าเชื่อ ว่าเหตุใดบนโลกนี้ยังมีตัวประหลาดเย้ยฟ้าพรรค์นี้ได้

ตูม โครม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นโดยตลอด มองดูจากไกลๆ ฟ้าดินตรงนั้นเหมือนจมลง แสงเทพไหลลู่ราวน้ำตก แสงมรรคเทลงมาดุจกระแสน้ำเชี่ยว เป็นภาพที่น่าตกใจถึงที่สุด

ตัวหลินสวินเหมือนลุกโหม พลังปราณและพลังทั้งปวงถูกสำแดงออกมาจนหมดสิ้น แสงมรรคทั้งร่างกู่ก้องโครมคราม ประกายแสงไหลวน

แม้เขาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์อันตราย แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

อีกทั้งพอเวลาผ่านไป เขายิ่งสู้ยิ่งแกร่งกล้า!

ในอดีตเขาเคยสังหารอริยะแท้จำนวนมากจริงๆ แต่อย่างไรนั่นก็อาศัยพลังจากจิตสถูปปลิดชีพอยู่ดี

ทว่าตอนนี้เขากลับพึ่งมรรควิถีกับศักยภาพของตัวเอง เข้าต่อกรซึ่งหน้ากับอริยะแท้สองคนโดยสมบูรณ์!

ต่อให้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสมาอยู่แล้ว แต่นี่ก็ยังเป็นปัญหาที่ดูน่าตกตะลึงอยู่ดี

ถึงอย่างไรในอดีตก็ไม่เคยมีใครใช้พลังระดับอมตะเคราะห์ ข้ามระดับมาต่อต้านบุคคลระดับอริยะเหมือนอย่างหลินสวิน!

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ทำได้ถึงขั้นนี้ก็ทำให้เขาตื่นเต้นเช่นกัน

หลังกลับไปที่โลกชั้นล่าง หลินสวินไม่เคยหย่อนยานกับการฝึกปราณ แต่คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบมาตลอดทางต่างใช้คำว่า ‘อ่อนแอเกินไป’ มาบรรยายได้เท่านั้น

ต่อให้เป็นพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินสวิน

ทว่าหลังจากเข้าสู่ป่าต้นหม่อน คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบแข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไปมาก แต่ละคนต่างเป็นบุคคลน่ากลัวที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ

ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินไม่มีโอกาสได้หยั่งเชิงพลังปราณของตนในตอนนี้เลยว่าแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่

และตอนนี้ในระหว่างที่ประมือกับอริยะแท้สองคนอย่างหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ทำให้หลินสวินรู้ได้ในที่สุดว่าพลังต่อสู้ของตนในตอนนี้อยู่ระดับไหนแล้ว

พูดได้ว่าสาเหตุที่บุ่มบ่ามปรากฏตัว ไม่ลังเลที่จะประจันหน้ากับอริยะสองคนนี้ ย่อมเป็นเพราะหลินสวินมองพวกเขาเป็นหินลับมีดหยั่งพลังต่อสู้ก็เท่านั้น

“ไอ้เศษสวะ ตายเสียเถอะ!”

หนิวเจิ้นอวี่คำรามลั่น เสียงดังราวอสนีบาต เพียงแค่เสียงนี้ก็สามารถคำรามให้ราชันระดับอมตะเคราะห์บางคนแหลกสลายได้แล้ว

แต่หลินสวินจิตใจหนักแน่น จิตวิญญาณราวศิลายักษ์ ไม่อาจถูกสั่นคลอนได้

ตูม!

ก็พบว่าหนิวเจิ้นอวี่เหมือนถูกยั่วให้เดือดดาลโดยสมบูรณ์ สำแดงกระบวนท่าไม้ตาย แปลงกายเป็นวัวเทพสีดำที่มีผิวหนังสีดำสนิท สูงราวพันจั้ง ดุจดั่งภูเขาลูกใหญ่สีดำลูกหนึ่ง กีบเท้าทั้งสี่ประหนึ่งเสาค้ำสวรรค์ ประกายแสงกฎเกณฑ์อริยมรรคอันน่ากลัวฉายวาบ

“ผู้อาวุโสจะสู้สุดชีวิตหรือ”

หนิวทุนเทียนตกตะลึง เดิมเขากำลังตื่นเต้นฮึกเหิม นึกว่าหลินสวินที่ถูกกดข่มโดยสมบูรณ์กำลังหลบหนีพิบัติเคราะห์ จะคิดได้อย่างไรว่าจะเห็นภาพเช่นนี้เข้า

นี่ทำให้เขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลในทันที หนาวสะท้านไปทั้งร่าง

อั้นหลิงเจินก็ยิ้มค้าง รับรู้ได้ถึงความผิดปกติเช่นเดียวกับหนิวทุนเทียน

“ตาย!”

ท่ามกลางเสียงตะคอกดัง ภูผาธาราพันลี้ถูกร่างมหึมาไร้ที่สิ้นสุดของหนิวเจิ้นอวี่กดข่มจนพังทลายระเบิดแหลกเหมือนเศษกระดาษ

ในใจหลินสวินก็หดเกร็งขึ้นมาครู่หนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด กระตุ้นปีกผลาญเทพอย่างต่อเนื่อง เงาร่างแล่นปราดกลางกระแสยุ่งเหยิงน่าหวาดหวั่นเหมือนลำแสง

ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ทำให้เขาได้รับแรงกดดันที่มีอยู่ทุกหนแห่ง พลังอริยมรรคน่าครั่นคร้ามพวกนั้นถาโถมเกินไป ทำให้เขาเหมือนเรือเดียวดายกลางทะเลกว้างใหญ่ไพศาล สุ่มเสี่ยงจะพังทลายเมื่อไรก็ได้

“ไอ้แก่ ยังไม่ลงมืออีกหรือ”

หนิวเจิ้นอวี่คำราม โกรธจนผมตั้ง

เดิมเขาก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ออกโจมตีคราวนี้ได้เอาพลังที่เหลือทั้งหมดเข้าสู้ หากยังฆ่าหลินสวินไม่ตายอีก เช่นนั้นผลลัพธ์แม้แต่เขายังไม่กล้าคิด

ฉึบ!

เสียงพูดของเขายังไม่ทันเงียบลง พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ออกโจมตีแล้ว ค้อนกระดูกขาวอันหนึ่งพลันยาวขึ้นเป็นพันจั้ง ปรากฏเงามายารูปร่างคล้ายเทพเถื่อนร่างแล้วร่างเล่า ปล่อยแสงดำเป็นวงกว้าง ทำให้ฟ้าดินมืดมัว ประหนึ่งหวนสู่คืนวันโกลาหลอันรกร้างกว้างใหญ่

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชั่วพริบตาใบหน้าซูบผอมของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ซีดเซียวหม่นหมองลงไปมาก

ไม่ต้องสงสัยว่าการโจมตีนี้ก็ทุ่มพลังทั้งหมดของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเช่นกัน!

‘ถ้าไม่ฆ่าเจ้าคนพรรค์นี้ให้ตาย ภายหน้าก็จะกลายเป็นหนามตำใจที่ไม่อาจจินตนาการได้คนหนึ่ง ยังดีที่เขาต้องตายแน่!’

กวงฝู่ชิงกำหมัดแน่น ในใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ก่อนหน้านี้พอได้เห็นความสามารถของหลินสวิน ก็ทำให้นางรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนจะพังทลาย ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหากคนอย่างหลินสวินบรรลุอริยะจะน่ากลัวเช่นไร

แต่ตอนนี้ กวงฝู่ชิงแน่ใจว่าหากเผชิญหน้ากับการโจมตีอันกราดเกรี้ยวของอริยะแท้ทั้งสอง หลินสวินต้องสิ้นชีพแน่!

หนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินก็แสดงสีหน้าตั้งตาคอยอย่างกระวนกระวาย สิ่งที่คิดในใจไม่ต่างกับกวงฝู่ชิงมากนัก

……

ชั่วพริบตานี้ ช่วงเวลาตัดสินแพ้ชนะมาถึงอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนัก แต่การโจมตีโดยเอาชีวิตเข้าแลกของพวกเขา อย่าว่าแต่หลินสวินเลย เกรงว่าต่อให้เป็นอริยะแท้ระดับเดียวกันยังต้องหลบคมดาบ!

ชั่วพริบตานี้ฟ้าดินจักรวาลไพศาล ภูผาธาราทั่วทิศ ต่างเหมือนมีกลิ่นอายทำลายล้างน่าหวาดหวั่นบดบัง แสดงกลิ่นอายพังทลายพังพินาศออกมา

ชั่วพริบตานี้หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินตั้งตาคอยเต็มอก จับตามองอย่างตื่นเต้น

ชั่วพริบตานี้…

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าภายในร่างของหลินสวินมีพลังเร้นลับอัศจรรย์และคลุมเครือปะทุขึ้นฉับพลัน

ฟุ่บ!

แสงมายางดงามราวปีกบินสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้าดิน

จากนั้นก็หยุดนิ่งลงในชั่วพริบตานี้!

หยุดนิ่งอย่างแท้จริง พลัง กลิ่นอาย เส้นแสง สรรพสิ่งในฟ้าดินแห่งนี้… ล้วนหยุดลงอย่างประหลาดระหว่างที่โคจร

ชั่วพริบตา สำหรับเหล่าสิ่งมีชีวิตในใต้หล้าแล้วดูไม่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเพียงชั่วดีดนิ้วเท่านั้น

แต่ในสายตาของผู้ฝึกปราณ ในชั่วพริบตากลับชี้เป็นชี้ตายได้!

นี่ก็คือกฎระเบียบกาลเวลา การโคจรของฟ้าดิน การเกิดดับของสรรพสิ่ง สิ่งที่สรรพสัตว์นึก คิดและทำล้วนต้องอยู่ในกาลเวลาจึงโคจรได้

แม้แต่ผู้มีระดับจักรพรรดิ สิ่งที่ไล่ตามอย่างอุตสาหะก็คือการทำลายพันธนาการของกฎระเบียบกาลเวลา ไปยังดินแดนอันอิสระเสรียิ่งยวด จึงทำเป้าหมายที่จะเป็นอมตะให้เป็นจริง

จากจุดนี้เพียงคิดก็รู้ได้ถึงความน่ากลัวของระเบียบกาลเวลา…

แต่ตอนนี้ เวลาในชั่วพริบตานี้…

ถูกตรึง!

จากนั้นในชั่วพริบตานี้ หลินสวินหลบหนีจากการสังหารของหนิวเจิ้นอวี่อย่างปลอดภัย หลบหนีค้อนกระดูกขาวที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬทุบลงมา

และก็ในชั่วพริบตานี้เอง คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกดึงจนตึง ศรนภาครามยิงพุ่งออกไป

…..

สำหรับระดับจักรพรรดิแล้ว กาลเวลาเรียกได้ว่าเป็นพลังสูงส่งราวโซ่ตรวน

สำหรับอริยะแท้ ก็ย่อมหนีไม่พ้นพันธนาการของพลังแห่งกาลเวลา

ชั่วพริบตานี้หนิวเจิ้นอวี่ไม่รู้สึกเลยว่าหลังจากเวลาถูกตรึงไว้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เขากำลังถลาออกไปจะสังหารหลินสวินให้ราบคาบในการโจมตีนี้

แต่จู่ๆ ลูกศรแหลมคมหาใดเทียบดอกหนึ่งก็เข้ามาจ่อหน้าแล้ว!

ความน่ากลัวของกลิ่นอายที่ลูกศรนั้นแผ่ออกมาทำให้เขาตื่นตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าเปลี่ยนสีในทันใด แต่คิดจะหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว

ปึง!

ที่หว่างคิ้วใหญ่ยักษ์เท่าบ้านของเขาถูกลูกศรดอกหนึ่งยิงทะลุ นำพาดอกไม้โลหิตแดงฉานราวน้ำพุสายหนึ่งออกมา

และในตอนนี้เช่นกันที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬชำเลืองเห็นภาพนี้เข้า พลันตื่นตระหนกจนศีรษะชาหนึบ ร้องตระหนกเสียงหลงว่า “เป็นไปได้อย่างไร”

กลางเสียงคำราม เจือไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงหาใดเทียม

ชั่วพริบตานั้นเวลาถูกหยุดไว้ ทุกสิ่งคล้ายถูกควบคุม ดูอัศจรรย์หาใดเทียบ และน่าขนลุกเหลือจะเปรียบ

ทั้งยังทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬรับรู้ถึงความสิ้นหวังหวาดหวั่นราวเล็กจ้อยเหมือนมด ความตายมีอยู่ทุกที่เป็นครั้งแรก

นี่ก็คือพลังแห่งกาลเวลา

ต่อให้ถูกหยุดไว้แค่พริบตาเดียว สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ระดับอริยะเหล่านี้ ก็ยังคงดูน่าสยดสยองเกินไป

ตูม!

ท่ามกลางเสียงระเบิด ร่างใหญ่โตหาใดเทียบของหนิวเจิ้นอวี่ระเบิดออกฉับพลัน ศีรษะ คอ ทรวงอก แขนขาทั้งสี่… ล้วนถูกไอศรดุดันคับฟ้าฉีกทึ้งบดขยี้เป็นผุยผง!

มองดูไกลๆ เลือดเนื้อแดงฉานถั่งโถมราวแม่น้ำโลหิตเข้มข้นเทลงมาจากห้วงอากาศ

ในขณะเดียวกัน เหนือเวิ้งฟ้ามีเสียงมรรคดั่งร่วมคร่ำครวญเศร้าสร้อย สะท้านไปทั้งสี่ทิศ

ตามคำเล่าลือ ทุกครั้งที่อริยะร่วงหล่น ฟ้าดินจะร่วมโศกาไปด้วย!

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพลันได้สติ ใบหน้าซูบตอบปกคลุมด้วยสีหน้าตื่นตะลึงสิ้นหวัง ตายแล้วหรือ

ชั่วพริบตาเดียว อริยะแท้ที่แข็งแกร่งยิ่งอย่างหนิวเจิ้นอวี่ ก็ร่วงหล่นไปจากโลกแล้วหรือ

เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬลิ้มรสความหวาดกลัวยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!

และไกลออกไป หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินต่างอึ้งไปแล้ว สมองกับจิตใจว่างเปล่าโดยสมบูรณ์

ชั่วพริบตาที่ถูกตรึงไว้นั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ เลย เพราะเวลาสั้นเกินไป แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

แต่ก็เป็นชั่วพริบตานี้ ที่กลับเกิดภาพนองเลือดน่าสะพรึงกลัวนี้ขึ้น ส่งผลให้จิตใจและความรู้สึกของพวกเขาครั่นคร้ามทันที ตะลึงงันโดยสมบูรณ์

ซ่า!

เลือดอริยะโปรยปรายลงมา แดงฉานงดงามน่าหดหู่

นี่ก็คือพลังอภินิหารพรสวรรค์ ‘หยุดเวลา’!

และเป็นครั้งแรกที่หลินสวินใช้พลังอภินิหารที่มีมาแต่กำเนิด ประทับอยู่ในสายเลือดพลังนี้

พลานุภาพเช่นนั้นประหนึ่งพลังต้องห้ามในตำนาน น่าสะพรึงกลัวจนทำให้แววสั่นสะท้านและเหม่อลอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลินสวินอย่างห้ามไม่อยู่

เวลา!

นี่คือพลังที่ทำให้ระดับจักรพรรดิหวาดกลัวหาใดเทียบ เมื่อก่อนหลินสวินเพียงรู้เรื่องเหล่านี้ แต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงความหมายอันลึกซึ้งภายในนั้น

ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

พลังแห่งกาลเวลาน่ากลัวเกินไปจริงๆ!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1474 สังหารอริยะชั่วพริบตา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1474 สังหารอริยะชั่วพริบตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปึง! ในสนามรบหนิวเจิ้นอวี่แกว่งหมัด ซัดกระแทกลงมาเหมือนมหาคีรีแผ่ขยายไปทั้งห้วงอากาศ ทำให้หลินสวินสะเทือนถอยไปอีกครั้ง ตัวเขาลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง แทบจะในขณะเดียวกัน ค้อนกระดูกขาวของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเคลื่อนออกมา หมายจะฉวยโอกาสนี้สังหารหลินสวิน แต่กลับถูกหลินสวินใช้ปีกผลาญเทพหลบหนีอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า “สมควรตาย!” พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม ด้วยฐานะอริยะของทั้งสอง ร่วมกันสังหารชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งก็น่าอับอายมากแล้ว จะทำขายหน้าคนในโลก แต่ตอนนี้ที่ทำให้พวกเขาอึดอัดใจที่สุดก็คือ มดปลวกอย่างหลินสวินดูเหมือนไม่มีแรงตั้งกระบวนท่าสักนิด แต่คิดจะฆ่าเขาให้ตาย ผ่านมาพักหนึ่งแล้วกลับทำไม่ได้สักที! เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อไรกันที่มดปลวกซึ่งยังไม่บรรลุอริยะมีคุณสมบัติมาต่อกรกับอริยะแท้ จริงอยู่ว่าพวกเขาทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นอริยะอยู่ดี! ในอดีตชี้นิ้วไปส่งๆ ยังบดขยี้บุคคลเช่นหลินสวินให้ตายได้! แต่วันนี้ทั้งหมดนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬดูออกว่าสาเหตุที่หลินสวินดิ้นรนมาถึงตอนนี้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะมีสมบัติอริยะปีกผลาญเทพอันมหัศจรรย์ชิ้นนั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเบื้องลึกเบื้องหลังของหลินสวินกล้าแข็งเกินไป! พลังปราณสามสาย หลอมปราณ หลอมวิญญาณ และหลอมกาย สุ่มเลือกมาสักชนิดล้วนอยู่เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกัน มีพลานุภาพไร้ศัตรูใดเทียบเทียมทั้งนั้น! นี่ทำเอาอริยะแท้อย่างพวกเขาสองคนแทบไม่กล้าเชื่อ ว่าเหตุใดบนโลกนี้ยังมีตัวประหลาดเย้ยฟ้าพรรค์นี้ได้ ตูม โครม! การต่อสู้ปะทุขึ้นโดยตลอด มองดูจากไกลๆ ฟ้าดินตรงนั้นเหมือนจมลง แสงเทพไหลลู่ราวน้ำตก แสงมรรคเทลงมาดุจกระแสน้ำเชี่ยว เป็นภาพที่น่าตกใจถึงที่สุด ตัวหลินสวินเหมือนลุกโหม พลังปราณและพลังทั้งปวงถูกสำแดงออกมาจนหมดสิ้น แสงมรรคทั้งร่างกู่ก้องโครมคราม ประกายแสงไหลวน แม้เขาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์อันตราย แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก อีกทั้งพอเวลาผ่านไป เขายิ่งสู้ยิ่งแกร่งกล้า! ในอดีตเขาเคยสังหารอริยะแท้จำนวนมากจริงๆ แต่อย่างไรนั่นก็อาศัยพลังจากจิตสถูปปลิดชีพอยู่ดี ทว่าตอนนี้เขากลับพึ่งมรรควิถีกับศักยภาพของตัวเอง เข้าต่อกรซึ่งหน้ากับอริยะแท้สองคนโดยสมบูรณ์! ต่อให้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสมาอยู่แล้ว แต่นี่ก็ยังเป็นปัญหาที่ดูน่าตกตะลึงอยู่ดี ถึงอย่างไรในอดีตก็ไม่เคยมีใครใช้พลังระดับอมตะเคราะห์ ข้ามระดับมาต่อต้านบุคคลระดับอริยะเหมือนอย่างหลินสวิน! แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ทำได้ถึงขั้นนี้ก็ทำให้เขาตื่นเต้นเช่นกัน หลังกลับไปที่โลกชั้นล่าง หลินสวินไม่เคยหย่อนยานกับการฝึกปราณ แต่คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบมาตลอดทางต่างใช้คำว่า ‘อ่อนแอเกินไป’ มาบรรยายได้เท่านั้น ต่อให้เป็นพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินสวิน ทว่าหลังจากเข้าสู่ป่าต้นหม่อน คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบแข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไปมาก แต่ละคนต่างเป็นบุคคลน่ากลัวที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินไม่มีโอกาสได้หยั่งเชิงพลังปราณของตนในตอนนี้เลยว่าแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่ และตอนนี้ในระหว่างที่ประมือกับอริยะแท้สองคนอย่างหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ทำให้หลินสวินรู้ได้ในที่สุดว่าพลังต่อสู้ของตนในตอนนี้อยู่ระดับไหนแล้ว พูดได้ว่าสาเหตุที่บุ่มบ่ามปรากฏตัว ไม่ลังเลที่จะประจันหน้ากับอริยะสองคนนี้ ย่อมเป็นเพราะหลินสวินมองพวกเขาเป็นหินลับมีดหยั่งพลังต่อสู้ก็เท่านั้น “ไอ้เศษสวะ ตายเสียเถอะ!” หนิวเจิ้นอวี่คำรามลั่น เสียงดังราวอสนีบาต เพียงแค่เสียงนี้ก็สามารถคำรามให้ราชันระดับอมตะเคราะห์บางคนแหลกสลายได้แล้ว แต่หลินสวินจิตใจหนักแน่น จิตวิญญาณราวศิลายักษ์ ไม่อาจถูกสั่นคลอนได้ ตูม! ก็พบว่าหนิวเจิ้นอวี่เหมือนถูกยั่วให้เดือดดาลโดยสมบูรณ์ สำแดงกระบวนท่าไม้ตาย แปลงกายเป็นวัวเทพสีดำที่มีผิวหนังสีดำสนิท สูงราวพันจั้ง ดุจดั่งภูเขาลูกใหญ่สีดำลูกหนึ่ง กีบเท้าทั้งสี่ประหนึ่งเสาค้ำสวรรค์ ประกายแสงกฎเกณฑ์อริยมรรคอันน่ากลัวฉายวาบ “ผู้อาวุโสจะสู้สุดชีวิตหรือ” หนิวทุนเทียนตกตะลึง เดิมเขากำลังตื่นเต้นฮึกเหิม นึกว่าหลินสวินที่ถูกกดข่มโดยสมบูรณ์กำลังหลบหนีพิบัติเคราะห์ จะคิดได้อย่างไรว่าจะเห็นภาพเช่นนี้เข้า นี่ทำให้เขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลในทันที หนาวสะท้านไปทั้งร่าง อั้นหลิงเจินก็ยิ้มค้าง รับรู้ได้ถึงความผิดปกติเช่นเดียวกับหนิวทุนเทียน “ตาย!” ท่ามกลางเสียงตะคอกดัง ภูผาธาราพันลี้ถูกร่างมหึมาไร้ที่สิ้นสุดของหนิวเจิ้นอวี่กดข่มจนพังทลายระเบิดแหลกเหมือนเศษกระดาษ ในใจหลินสวินก็หดเกร็งขึ้นมาครู่หนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด กระตุ้นปีกผลาญเทพอย่างต่อเนื่อง เงาร่างแล่นปราดกลางกระแสยุ่งเหยิงน่าหวาดหวั่นเหมือนลำแสง ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ทำให้เขาได้รับแรงกดดันที่มีอยู่ทุกหนแห่ง พลังอริยมรรคน่าครั่นคร้ามพวกนั้นถาโถมเกินไป ทำให้เขาเหมือนเรือเดียวดายกลางทะเลกว้างใหญ่ไพศาล สุ่มเสี่ยงจะพังทลายเมื่อไรก็ได้ “ไอ้แก่ ยังไม่ลงมืออีกหรือ” หนิวเจิ้นอวี่คำราม โกรธจนผมตั้ง เดิมเขาก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ออกโจมตีคราวนี้ได้เอาพลังที่เหลือทั้งหมดเข้าสู้ หากยังฆ่าหลินสวินไม่ตายอีก เช่นนั้นผลลัพธ์แม้แต่เขายังไม่กล้าคิด ฉึบ! เสียงพูดของเขายังไม่ทันเงียบลง พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ออกโจมตีแล้ว ค้อนกระดูกขาวอันหนึ่งพลันยาวขึ้นเป็นพันจั้ง ปรากฏเงามายารูปร่างคล้ายเทพเถื่อนร่างแล้วร่างเล่า ปล่อยแสงดำเป็นวงกว้าง ทำให้ฟ้าดินมืดมัว ประหนึ่งหวนสู่คืนวันโกลาหลอันรกร้างกว้างใหญ่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชั่วพริบตาใบหน้าซูบผอมของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ซีดเซียวหม่นหมองลงไปมาก ไม่ต้องสงสัยว่าการโจมตีนี้ก็ทุ่มพลังทั้งหมดของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเช่นกัน! ‘ถ้าไม่ฆ่าเจ้าคนพรรค์นี้ให้ตาย ภายหน้าก็จะกลายเป็นหนามตำใจที่ไม่อาจจินตนาการได้คนหนึ่ง ยังดีที่เขาต้องตายแน่!’ กวงฝู่ชิงกำหมัดแน่น ในใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก่อนหน้านี้พอได้เห็นความสามารถของหลินสวิน ก็ทำให้นางรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนจะพังทลาย ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหากคนอย่างหลินสวินบรรลุอริยะจะน่ากลัวเช่นไร แต่ตอนนี้ กวงฝู่ชิงแน่ใจว่าหากเผชิญหน้ากับการโจมตีอันกราดเกรี้ยวของอริยะแท้ทั้งสอง หลินสวินต้องสิ้นชีพแน่! หนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินก็แสดงสีหน้าตั้งตาคอยอย่างกระวนกระวาย สิ่งที่คิดในใจไม่ต่างกับกวงฝู่ชิงมากนัก …… ชั่วพริบตานี้ ช่วงเวลาตัดสินแพ้ชนะมาถึงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนัก แต่การโจมตีโดยเอาชีวิตเข้าแลกของพวกเขา อย่าว่าแต่หลินสวินเลย เกรงว่าต่อให้เป็นอริยะแท้ระดับเดียวกันยังต้องหลบคมดาบ! ชั่วพริบตานี้ฟ้าดินจักรวาลไพศาล ภูผาธาราทั่วทิศ ต่างเหมือนมีกลิ่นอายทำลายล้างน่าหวาดหวั่นบดบัง แสดงกลิ่นอายพังทลายพังพินาศออกมา ชั่วพริบตานี้หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินตั้งตาคอยเต็มอก จับตามองอย่างตื่นเต้น ชั่วพริบตานี้… ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าภายในร่างของหลินสวินมีพลังเร้นลับอัศจรรย์และคลุมเครือปะทุขึ้นฉับพลัน ฟุ่บ! แสงมายางดงามราวปีกบินสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้าดิน จากนั้นก็หยุดนิ่งลงในชั่วพริบตานี้! หยุดนิ่งอย่างแท้จริง พลัง กลิ่นอาย เส้นแสง สรรพสิ่งในฟ้าดินแห่งนี้… ล้วนหยุดลงอย่างประหลาดระหว่างที่โคจร ชั่วพริบตา สำหรับเหล่าสิ่งมีชีวิตในใต้หล้าแล้วดูไม่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเพียงชั่วดีดนิ้วเท่านั้น แต่ในสายตาของผู้ฝึกปราณ ในชั่วพริบตากลับชี้เป็นชี้ตายได้! นี่ก็คือกฎระเบียบกาลเวลา การโคจรของฟ้าดิน การเกิดดับของสรรพสิ่ง สิ่งที่สรรพสัตว์นึก คิดและทำล้วนต้องอยู่ในกาลเวลาจึงโคจรได้ แม้แต่ผู้มีระดับจักรพรรดิ สิ่งที่ไล่ตามอย่างอุตสาหะก็คือการทำลายพันธนาการของกฎระเบียบกาลเวลา ไปยังดินแดนอันอิสระเสรียิ่งยวด จึงทำเป้าหมายที่จะเป็นอมตะให้เป็นจริง จากจุดนี้เพียงคิดก็รู้ได้ถึงความน่ากลัวของระเบียบกาลเวลา… แต่ตอนนี้ เวลาในชั่วพริบตานี้… ถูกตรึง! จากนั้นในชั่วพริบตานี้ หลินสวินหลบหนีจากการสังหารของหนิวเจิ้นอวี่อย่างปลอดภัย หลบหนีค้อนกระดูกขาวที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬทุบลงมา และก็ในชั่วพริบตานี้เอง คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกดึงจนตึง ศรนภาครามยิงพุ่งออกไป ….. สำหรับระดับจักรพรรดิแล้ว กาลเวลาเรียกได้ว่าเป็นพลังสูงส่งราวโซ่ตรวน สำหรับอริยะแท้ ก็ย่อมหนีไม่พ้นพันธนาการของพลังแห่งกาลเวลา ชั่วพริบตานี้หนิวเจิ้นอวี่ไม่รู้สึกเลยว่าหลังจากเวลาถูกตรึงไว้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เขากำลังถลาออกไปจะสังหารหลินสวินให้ราบคาบในการโจมตีนี้ แต่จู่ๆ ลูกศรแหลมคมหาใดเทียบดอกหนึ่งก็เข้ามาจ่อหน้าแล้ว! ความน่ากลัวของกลิ่นอายที่ลูกศรนั้นแผ่ออกมาทำให้เขาตื่นตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าเปลี่ยนสีในทันใด แต่คิดจะหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว ปึง! ที่หว่างคิ้วใหญ่ยักษ์เท่าบ้านของเขาถูกลูกศรดอกหนึ่งยิงทะลุ นำพาดอกไม้โลหิตแดงฉานราวน้ำพุสายหนึ่งออกมา และในตอนนี้เช่นกันที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬชำเลืองเห็นภาพนี้เข้า พลันตื่นตระหนกจนศีรษะชาหนึบ ร้องตระหนกเสียงหลงว่า “เป็นไปได้อย่างไร” กลางเสียงคำราม เจือไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงหาใดเทียม ชั่วพริบตานั้นเวลาถูกหยุดไว้ ทุกสิ่งคล้ายถูกควบคุม ดูอัศจรรย์หาใดเทียบ และน่าขนลุกเหลือจะเปรียบ ทั้งยังทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬรับรู้ถึงความสิ้นหวังหวาดหวั่นราวเล็กจ้อยเหมือนมด ความตายมีอยู่ทุกที่เป็นครั้งแรก นี่ก็คือพลังแห่งกาลเวลา ต่อให้ถูกหยุดไว้แค่พริบตาเดียว สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ระดับอริยะเหล่านี้ ก็ยังคงดูน่าสยดสยองเกินไป ตูม! ท่ามกลางเสียงระเบิด ร่างใหญ่โตหาใดเทียบของหนิวเจิ้นอวี่ระเบิดออกฉับพลัน ศีรษะ คอ ทรวงอก แขนขาทั้งสี่… ล้วนถูกไอศรดุดันคับฟ้าฉีกทึ้งบดขยี้เป็นผุยผง! มองดูไกลๆ เลือดเนื้อแดงฉานถั่งโถมราวแม่น้ำโลหิตเข้มข้นเทลงมาจากห้วงอากาศ ในขณะเดียวกัน เหนือเวิ้งฟ้ามีเสียงมรรคดั่งร่วมคร่ำครวญเศร้าสร้อย สะท้านไปทั้งสี่ทิศ ตามคำเล่าลือ ทุกครั้งที่อริยะร่วงหล่น ฟ้าดินจะร่วมโศกาไปด้วย! พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพลันได้สติ ใบหน้าซูบตอบปกคลุมด้วยสีหน้าตื่นตะลึงสิ้นหวัง ตายแล้วหรือ ชั่วพริบตาเดียว อริยะแท้ที่แข็งแกร่งยิ่งอย่างหนิวเจิ้นอวี่ ก็ร่วงหล่นไปจากโลกแล้วหรือ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬลิ้มรสความหวาดกลัวยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง! และไกลออกไป หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินต่างอึ้งไปแล้ว สมองกับจิตใจว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ ชั่วพริบตาที่ถูกตรึงไว้นั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ เลย เพราะเวลาสั้นเกินไป แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แต่ก็เป็นชั่วพริบตานี้ ที่กลับเกิดภาพนองเลือดน่าสะพรึงกลัวนี้ขึ้น ส่งผลให้จิตใจและความรู้สึกของพวกเขาครั่นคร้ามทันที ตะลึงงันโดยสมบูรณ์ ซ่า! เลือดอริยะโปรยปรายลงมา แดงฉานงดงามน่าหดหู่ นี่ก็คือพลังอภินิหารพรสวรรค์ ‘หยุดเวลา’! และเป็นครั้งแรกที่หลินสวินใช้พลังอภินิหารที่มีมาแต่กำเนิด ประทับอยู่ในสายเลือดพลังนี้ พลานุภาพเช่นนั้นประหนึ่งพลังต้องห้ามในตำนาน น่าสะพรึงกลัวจนทำให้แววสั่นสะท้านและเหม่อลอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลินสวินอย่างห้ามไม่อยู่ เวลา! นี่คือพลังที่ทำให้ระดับจักรพรรดิหวาดกลัวหาใดเทียบ เมื่อก่อนหลินสวินเพียงรู้เรื่องเหล่านี้ แต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงความหมายอันลึกซึ้งภายในนั้น ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว พลังแห่งกาลเวลาน่ากลัวเกินไปจริงๆ! ——

ปึง!

ในสนามรบหนิวเจิ้นอวี่แกว่งหมัด ซัดกระแทกลงมาเหมือนมหาคีรีแผ่ขยายไปทั้งห้วงอากาศ ทำให้หลินสวินสะเทือนถอยไปอีกครั้ง ตัวเขาลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง

แทบจะในขณะเดียวกัน ค้อนกระดูกขาวของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเคลื่อนออกมา หมายจะฉวยโอกาสนี้สังหารหลินสวิน แต่กลับถูกหลินสวินใช้ปีกผลาญเทพหลบหนีอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า

“สมควรตาย!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม

ด้วยฐานะอริยะของทั้งสอง ร่วมกันสังหารชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งก็น่าอับอายมากแล้ว จะทำขายหน้าคนในโลก

แต่ตอนนี้ที่ทำให้พวกเขาอึดอัดใจที่สุดก็คือ มดปลวกอย่างหลินสวินดูเหมือนไม่มีแรงตั้งกระบวนท่าสักนิด แต่คิดจะฆ่าเขาให้ตาย ผ่านมาพักหนึ่งแล้วกลับทำไม่ได้สักที!

เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อไรกันที่มดปลวกซึ่งยังไม่บรรลุอริยะมีคุณสมบัติมาต่อกรกับอริยะแท้

จริงอยู่ว่าพวกเขาทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นอริยะอยู่ดี! ในอดีตชี้นิ้วไปส่งๆ ยังบดขยี้บุคคลเช่นหลินสวินให้ตายได้!

แต่วันนี้ทั้งหมดนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว

หนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬดูออกว่าสาเหตุที่หลินสวินดิ้นรนมาถึงตอนนี้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะมีสมบัติอริยะปีกผลาญเทพอันมหัศจรรย์ชิ้นนั้น

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเบื้องลึกเบื้องหลังของหลินสวินกล้าแข็งเกินไป!

พลังปราณสามสาย หลอมปราณ หลอมวิญญาณ และหลอมกาย สุ่มเลือกมาสักชนิดล้วนอยู่เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกัน มีพลานุภาพไร้ศัตรูใดเทียบเทียมทั้งนั้น!

นี่ทำเอาอริยะแท้อย่างพวกเขาสองคนแทบไม่กล้าเชื่อ ว่าเหตุใดบนโลกนี้ยังมีตัวประหลาดเย้ยฟ้าพรรค์นี้ได้

ตูม โครม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นโดยตลอด มองดูจากไกลๆ ฟ้าดินตรงนั้นเหมือนจมลง แสงเทพไหลลู่ราวน้ำตก แสงมรรคเทลงมาดุจกระแสน้ำเชี่ยว เป็นภาพที่น่าตกใจถึงที่สุด

ตัวหลินสวินเหมือนลุกโหม พลังปราณและพลังทั้งปวงถูกสำแดงออกมาจนหมดสิ้น แสงมรรคทั้งร่างกู่ก้องโครมคราม ประกายแสงไหลวน

แม้เขาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์อันตราย แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

อีกทั้งพอเวลาผ่านไป เขายิ่งสู้ยิ่งแกร่งกล้า!

ในอดีตเขาเคยสังหารอริยะแท้จำนวนมากจริงๆ แต่อย่างไรนั่นก็อาศัยพลังจากจิตสถูปปลิดชีพอยู่ดี

ทว่าตอนนี้เขากลับพึ่งมรรควิถีกับศักยภาพของตัวเอง เข้าต่อกรซึ่งหน้ากับอริยะแท้สองคนโดยสมบูรณ์!

ต่อให้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสมาอยู่แล้ว แต่นี่ก็ยังเป็นปัญหาที่ดูน่าตกตะลึงอยู่ดี

ถึงอย่างไรในอดีตก็ไม่เคยมีใครใช้พลังระดับอมตะเคราะห์ ข้ามระดับมาต่อต้านบุคคลระดับอริยะเหมือนอย่างหลินสวิน!

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ทำได้ถึงขั้นนี้ก็ทำให้เขาตื่นเต้นเช่นกัน

หลังกลับไปที่โลกชั้นล่าง หลินสวินไม่เคยหย่อนยานกับการฝึกปราณ แต่คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบมาตลอดทางต่างใช้คำว่า ‘อ่อนแอเกินไป’ มาบรรยายได้เท่านั้น

ต่อให้เป็นพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินสวิน

ทว่าหลังจากเข้าสู่ป่าต้นหม่อน คู่ต่อสู้ที่เขาได้พบแข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไปมาก แต่ละคนต่างเป็นบุคคลน่ากลัวที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ

ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินไม่มีโอกาสได้หยั่งเชิงพลังปราณของตนในตอนนี้เลยว่าแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่

และตอนนี้ในระหว่างที่ประมือกับอริยะแท้สองคนอย่างหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ทำให้หลินสวินรู้ได้ในที่สุดว่าพลังต่อสู้ของตนในตอนนี้อยู่ระดับไหนแล้ว

พูดได้ว่าสาเหตุที่บุ่มบ่ามปรากฏตัว ไม่ลังเลที่จะประจันหน้ากับอริยะสองคนนี้ ย่อมเป็นเพราะหลินสวินมองพวกเขาเป็นหินลับมีดหยั่งพลังต่อสู้ก็เท่านั้น

“ไอ้เศษสวะ ตายเสียเถอะ!”

หนิวเจิ้นอวี่คำรามลั่น เสียงดังราวอสนีบาต เพียงแค่เสียงนี้ก็สามารถคำรามให้ราชันระดับอมตะเคราะห์บางคนแหลกสลายได้แล้ว

แต่หลินสวินจิตใจหนักแน่น จิตวิญญาณราวศิลายักษ์ ไม่อาจถูกสั่นคลอนได้

ตูม!

ก็พบว่าหนิวเจิ้นอวี่เหมือนถูกยั่วให้เดือดดาลโดยสมบูรณ์ สำแดงกระบวนท่าไม้ตาย แปลงกายเป็นวัวเทพสีดำที่มีผิวหนังสีดำสนิท สูงราวพันจั้ง ดุจดั่งภูเขาลูกใหญ่สีดำลูกหนึ่ง กีบเท้าทั้งสี่ประหนึ่งเสาค้ำสวรรค์ ประกายแสงกฎเกณฑ์อริยมรรคอันน่ากลัวฉายวาบ

“ผู้อาวุโสจะสู้สุดชีวิตหรือ”

หนิวทุนเทียนตกตะลึง เดิมเขากำลังตื่นเต้นฮึกเหิม นึกว่าหลินสวินที่ถูกกดข่มโดยสมบูรณ์กำลังหลบหนีพิบัติเคราะห์ จะคิดได้อย่างไรว่าจะเห็นภาพเช่นนี้เข้า

นี่ทำให้เขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลในทันที หนาวสะท้านไปทั้งร่าง

อั้นหลิงเจินก็ยิ้มค้าง รับรู้ได้ถึงความผิดปกติเช่นเดียวกับหนิวทุนเทียน

“ตาย!”

ท่ามกลางเสียงตะคอกดัง ภูผาธาราพันลี้ถูกร่างมหึมาไร้ที่สิ้นสุดของหนิวเจิ้นอวี่กดข่มจนพังทลายระเบิดแหลกเหมือนเศษกระดาษ

ในใจหลินสวินก็หดเกร็งขึ้นมาครู่หนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด กระตุ้นปีกผลาญเทพอย่างต่อเนื่อง เงาร่างแล่นปราดกลางกระแสยุ่งเหยิงน่าหวาดหวั่นเหมือนลำแสง

ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ทำให้เขาได้รับแรงกดดันที่มีอยู่ทุกหนแห่ง พลังอริยมรรคน่าครั่นคร้ามพวกนั้นถาโถมเกินไป ทำให้เขาเหมือนเรือเดียวดายกลางทะเลกว้างใหญ่ไพศาล สุ่มเสี่ยงจะพังทลายเมื่อไรก็ได้

“ไอ้แก่ ยังไม่ลงมืออีกหรือ”

หนิวเจิ้นอวี่คำราม โกรธจนผมตั้ง

เดิมเขาก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ออกโจมตีคราวนี้ได้เอาพลังที่เหลือทั้งหมดเข้าสู้ หากยังฆ่าหลินสวินไม่ตายอีก เช่นนั้นผลลัพธ์แม้แต่เขายังไม่กล้าคิด

ฉึบ!

เสียงพูดของเขายังไม่ทันเงียบลง พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ออกโจมตีแล้ว ค้อนกระดูกขาวอันหนึ่งพลันยาวขึ้นเป็นพันจั้ง ปรากฏเงามายารูปร่างคล้ายเทพเถื่อนร่างแล้วร่างเล่า ปล่อยแสงดำเป็นวงกว้าง ทำให้ฟ้าดินมืดมัว ประหนึ่งหวนสู่คืนวันโกลาหลอันรกร้างกว้างใหญ่

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชั่วพริบตาใบหน้าซูบผอมของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ซีดเซียวหม่นหมองลงไปมาก

ไม่ต้องสงสัยว่าการโจมตีนี้ก็ทุ่มพลังทั้งหมดของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเช่นกัน!

‘ถ้าไม่ฆ่าเจ้าคนพรรค์นี้ให้ตาย ภายหน้าก็จะกลายเป็นหนามตำใจที่ไม่อาจจินตนาการได้คนหนึ่ง ยังดีที่เขาต้องตายแน่!’

กวงฝู่ชิงกำหมัดแน่น ในใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ก่อนหน้านี้พอได้เห็นความสามารถของหลินสวิน ก็ทำให้นางรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนจะพังทลาย ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหากคนอย่างหลินสวินบรรลุอริยะจะน่ากลัวเช่นไร

แต่ตอนนี้ กวงฝู่ชิงแน่ใจว่าหากเผชิญหน้ากับการโจมตีอันกราดเกรี้ยวของอริยะแท้ทั้งสอง หลินสวินต้องสิ้นชีพแน่!

หนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินก็แสดงสีหน้าตั้งตาคอยอย่างกระวนกระวาย สิ่งที่คิดในใจไม่ต่างกับกวงฝู่ชิงมากนัก

……

ชั่วพริบตานี้ ช่วงเวลาตัดสินแพ้ชนะมาถึงอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้อริยะแท้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนัก แต่การโจมตีโดยเอาชีวิตเข้าแลกของพวกเขา อย่าว่าแต่หลินสวินเลย เกรงว่าต่อให้เป็นอริยะแท้ระดับเดียวกันยังต้องหลบคมดาบ!

ชั่วพริบตานี้ฟ้าดินจักรวาลไพศาล ภูผาธาราทั่วทิศ ต่างเหมือนมีกลิ่นอายทำลายล้างน่าหวาดหวั่นบดบัง แสดงกลิ่นอายพังทลายพังพินาศออกมา

ชั่วพริบตานี้หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินตั้งตาคอยเต็มอก จับตามองอย่างตื่นเต้น

ชั่วพริบตานี้…

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าภายในร่างของหลินสวินมีพลังเร้นลับอัศจรรย์และคลุมเครือปะทุขึ้นฉับพลัน

ฟุ่บ!

แสงมายางดงามราวปีกบินสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้าดิน

จากนั้นก็หยุดนิ่งลงในชั่วพริบตานี้!

หยุดนิ่งอย่างแท้จริง พลัง กลิ่นอาย เส้นแสง สรรพสิ่งในฟ้าดินแห่งนี้… ล้วนหยุดลงอย่างประหลาดระหว่างที่โคจร

ชั่วพริบตา สำหรับเหล่าสิ่งมีชีวิตในใต้หล้าแล้วดูไม่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเพียงชั่วดีดนิ้วเท่านั้น

แต่ในสายตาของผู้ฝึกปราณ ในชั่วพริบตากลับชี้เป็นชี้ตายได้!

นี่ก็คือกฎระเบียบกาลเวลา การโคจรของฟ้าดิน การเกิดดับของสรรพสิ่ง สิ่งที่สรรพสัตว์นึก คิดและทำล้วนต้องอยู่ในกาลเวลาจึงโคจรได้

แม้แต่ผู้มีระดับจักรพรรดิ สิ่งที่ไล่ตามอย่างอุตสาหะก็คือการทำลายพันธนาการของกฎระเบียบกาลเวลา ไปยังดินแดนอันอิสระเสรียิ่งยวด จึงทำเป้าหมายที่จะเป็นอมตะให้เป็นจริง

จากจุดนี้เพียงคิดก็รู้ได้ถึงความน่ากลัวของระเบียบกาลเวลา…

แต่ตอนนี้ เวลาในชั่วพริบตานี้…

ถูกตรึง!

จากนั้นในชั่วพริบตานี้ หลินสวินหลบหนีจากการสังหารของหนิวเจิ้นอวี่อย่างปลอดภัย หลบหนีค้อนกระดูกขาวที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬทุบลงมา

และก็ในชั่วพริบตานี้เอง คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกดึงจนตึง ศรนภาครามยิงพุ่งออกไป

…..

สำหรับระดับจักรพรรดิแล้ว กาลเวลาเรียกได้ว่าเป็นพลังสูงส่งราวโซ่ตรวน

สำหรับอริยะแท้ ก็ย่อมหนีไม่พ้นพันธนาการของพลังแห่งกาลเวลา

ชั่วพริบตานี้หนิวเจิ้นอวี่ไม่รู้สึกเลยว่าหลังจากเวลาถูกตรึงไว้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เขากำลังถลาออกไปจะสังหารหลินสวินให้ราบคาบในการโจมตีนี้

แต่จู่ๆ ลูกศรแหลมคมหาใดเทียบดอกหนึ่งก็เข้ามาจ่อหน้าแล้ว!

ความน่ากลัวของกลิ่นอายที่ลูกศรนั้นแผ่ออกมาทำให้เขาตื่นตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าเปลี่ยนสีในทันใด แต่คิดจะหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว

ปึง!

ที่หว่างคิ้วใหญ่ยักษ์เท่าบ้านของเขาถูกลูกศรดอกหนึ่งยิงทะลุ นำพาดอกไม้โลหิตแดงฉานราวน้ำพุสายหนึ่งออกมา

และในตอนนี้เช่นกันที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬชำเลืองเห็นภาพนี้เข้า พลันตื่นตระหนกจนศีรษะชาหนึบ ร้องตระหนกเสียงหลงว่า “เป็นไปได้อย่างไร”

กลางเสียงคำราม เจือไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงหาใดเทียม

ชั่วพริบตานั้นเวลาถูกหยุดไว้ ทุกสิ่งคล้ายถูกควบคุม ดูอัศจรรย์หาใดเทียบ และน่าขนลุกเหลือจะเปรียบ

ทั้งยังทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬรับรู้ถึงความสิ้นหวังหวาดหวั่นราวเล็กจ้อยเหมือนมด ความตายมีอยู่ทุกที่เป็นครั้งแรก

นี่ก็คือพลังแห่งกาลเวลา

ต่อให้ถูกหยุดไว้แค่พริบตาเดียว สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ระดับอริยะเหล่านี้ ก็ยังคงดูน่าสยดสยองเกินไป

ตูม!

ท่ามกลางเสียงระเบิด ร่างใหญ่โตหาใดเทียบของหนิวเจิ้นอวี่ระเบิดออกฉับพลัน ศีรษะ คอ ทรวงอก แขนขาทั้งสี่… ล้วนถูกไอศรดุดันคับฟ้าฉีกทึ้งบดขยี้เป็นผุยผง!

มองดูไกลๆ เลือดเนื้อแดงฉานถั่งโถมราวแม่น้ำโลหิตเข้มข้นเทลงมาจากห้วงอากาศ

ในขณะเดียวกัน เหนือเวิ้งฟ้ามีเสียงมรรคดั่งร่วมคร่ำครวญเศร้าสร้อย สะท้านไปทั้งสี่ทิศ

ตามคำเล่าลือ ทุกครั้งที่อริยะร่วงหล่น ฟ้าดินจะร่วมโศกาไปด้วย!

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพลันได้สติ ใบหน้าซูบตอบปกคลุมด้วยสีหน้าตื่นตะลึงสิ้นหวัง ตายแล้วหรือ

ชั่วพริบตาเดียว อริยะแท้ที่แข็งแกร่งยิ่งอย่างหนิวเจิ้นอวี่ ก็ร่วงหล่นไปจากโลกแล้วหรือ

เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬลิ้มรสความหวาดกลัวยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!

และไกลออกไป หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินต่างอึ้งไปแล้ว สมองกับจิตใจว่างเปล่าโดยสมบูรณ์

ชั่วพริบตาที่ถูกตรึงไว้นั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ เลย เพราะเวลาสั้นเกินไป แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

แต่ก็เป็นชั่วพริบตานี้ ที่กลับเกิดภาพนองเลือดน่าสะพรึงกลัวนี้ขึ้น ส่งผลให้จิตใจและความรู้สึกของพวกเขาครั่นคร้ามทันที ตะลึงงันโดยสมบูรณ์

ซ่า!

เลือดอริยะโปรยปรายลงมา แดงฉานงดงามน่าหดหู่

นี่ก็คือพลังอภินิหารพรสวรรค์ ‘หยุดเวลา’!

และเป็นครั้งแรกที่หลินสวินใช้พลังอภินิหารที่มีมาแต่กำเนิด ประทับอยู่ในสายเลือดพลังนี้

พลานุภาพเช่นนั้นประหนึ่งพลังต้องห้ามในตำนาน น่าสะพรึงกลัวจนทำให้แววสั่นสะท้านและเหม่อลอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลินสวินอย่างห้ามไม่อยู่

เวลา!

นี่คือพลังที่ทำให้ระดับจักรพรรดิหวาดกลัวหาใดเทียบ เมื่อก่อนหลินสวินเพียงรู้เรื่องเหล่านี้ แต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงความหมายอันลึกซึ้งภายในนั้น

ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

พลังแห่งกาลเวลาน่ากลัวเกินไปจริงๆ!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+