Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1497

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1497 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่ชายฝั่งทะเล เงาร่างของจ้าวจิ่งเซวียนยืนอยู่ลำพัง แต่งกายด้วยชุดกระโปรงเรียบง่ายสง่างาม เส้นผมราวน้ำตก ดุจดั่งนางเซียนเยือนโลกา

นางมีรูปโฉมดั่งภาพวาด เครื่องหน้าทั้งห้างดงามเกลี้ยงเกลาเหนือธรรมดา

ราวกับสังเกตเห็นสายตาของหลินสวิน เรียวปากเปล่งปลั่งของนางระบายยิ้ม โบกมือให้แล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้เจอนานเลยนะ ท่านเทพมารหลิน”

เสียงกังวานเสนาะหูประหนึ่งกระดิ่งลมปลิวไหวอยู่บนผิวน้ำที่มีหมอกทึบ

จากนั้นก็เห็นว่าหลินสวินเดินเหยียบผิวน้ำมา เสื้อผ้าทั้งตัวโบกพลิ้ว สง่างามเกินคนทั่วไป ทรงเสน่ห์น่าจับตามอง

เนตรกระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกายราวดวงดารา เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ความอ่อนโยนผุดขึ้นในใจ หนึ่งปีมานี้นางคิดถึงเจ้าหมอนี่อยู่หลายครั้ง

ที่เหนือความคาดหมายของจ้าวจิ่งเซวียน ทันทีที่หลินสวินมาถึงกลับโอบกอดนางยกใหญ่ ตัวนางแข็งทื่อเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงอ่อนยวบลงในอ้อมกอดอันหนักแน่นนั้น

“ยินดีต้อนรับกลับมา”

ที่ข้างหูเสียงเจือรอยยิ้มของหลินสวินดังขึ้น ไออุ่นแยงมาที่ใบหูให้จักจี้ ใบหน้าจ้าวจิ่งเซวียนพลันย้อมด้วยสีแดงดั่งแสงอาทิตย์อุทัย เขินอายอย่างชัดเจน

และในตอนนี้ จ้าวจิ่งเซวียนพลันพบว่าหลินสวินเหมือนต่างไปจากแต่ก่อน อย่างน้อยเมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยออกตัวเช่นนี้

นางไม่รู้ว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่สลักรูปปั้นหินอยู่ข้างกายท่านเซิ่นนั้น ทำให้หลินสวินได้พบกับความรู้สึกต่างๆ ภายในใจตนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมา และได้เข้าใจว่าควรจะเผชิญหน้าและยอมรับความรู้สึกเช่นไร

แต่ไม่ว่าอย่างไรจ้าวจิ่งเซวียนก็ชื่นชอบการเปลี่ยนแปลงนี้ของหลินสวินอยู่ดี เหมือนจู่ๆ ได้เห็นคนหัวดื้อคนหนึ่งเปิดใจ…

บนเกาะหลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนนั่งพิงไหล่กัน พูดคุยเรื่องราวฟ้าดิน น้ำทะเลที่อยู่ไกลออกไปซัดสาดถาโถม มวลหมอกลอยสูง เงียบสงบยิ่งนัก

“ที่แท้เซ่าเฮ่ากับเทพธิดารั่วอู่ก็บรรลุเป็นมกุฎอริยะหมดแล้ว…”

พอได้รู้ข่าวนี้เข้า หลินสวินก็ทอดถอนใจประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้

“เจ้าผิดหวังใช่ไหม”

ดวงตาของจ้าวจิ่งเซวียนส่องสว่างราวดวงดารา จดจ้องใบหน้าด้านข้างของหลินสวิน

หลินสวินยิ้มกว้างแล้วเอ่ยว่า “เอาอะไรมาผิดหวัง ข้าไม่เคยมีความคิดไปประชันสูงต่ำกับพวกเขา ถึงอย่างไรมหามรรคที่ทุกคนเสาะหาก็ไม่เหมือนกัน จุดเปลี่ยนในการแจ้งมรรคก็ต่างกันไป”

“แต่พวกเขาเดินนำหน้าเจ้าไปแล้วก้าวหนึ่งนะ”

จ้าวจิ่งเซวียนคล้ายอยากดูเสียหน่อยว่าหลินสวินจะแสดงความรู้สึกท้อใจหรือรุ่มร้อนออกมาบ้างหรือไม่

แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินผ่อนคลายสบายอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ นี่ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนชื่นชม สภาวะจิตของเจ้าหมอนี่ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

“จริงด้วย ตอนข้ามาได้ยินว่าช่วงใกล้ๆ นี้สมรภูมิเก้าดินแดนก็จะเปิดแล้ว”

ทันใดนั้นจ้าวจิ่งเซวียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจะมาก่อนเวลาหรือ”

หลินสวินใจสะท้าน

จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ย “ใช่แล้ว อีกไม่นานทะเลหมากดาราแห่งนี้ก็จะคึกคักขึ้นมา เพราะบนเขาเทพไร้มรณะที่อยู่สุดทะเลนี้ก็มีเส้นทางที่ไปสมรภูมิเก้าดินแดน”

ต่อมาจ้าวจิ่งเซวียนก็เล่าข่าวคราวเกี่ยวกับสมรภูมิเก้าดินแดนที่ตนได้รู้มาให้หลินสวินฟังทีละเรื่อง

บางข่าวแม้แต่หลินสวินยังได้ยินเป็นครั้งแรก

เช่นในสมรภูมิเก้าดินแดน นอกจากศัตรูอีกแปดดินแดนแล้ว ยังมีสิ่งแปลกประหลาดอันตรายมากมายอยู่

อีกทั้งในสมรภูมิเก้าดินแดนยังมีพิภพแดนลับมากมาย พิภพแดนลับบางแห่งเป็นสถานที่อันเลวร้ายยิ่ง ผู้ที่เข้าไปต้องตาย

และในพิภพดินแดนลับก็มีวาสนาสะเทือนโลกอันยากจินตนาการได้อยู่

นอกจากนี้กฎเกณฑ์ของสมรภูมิเก้าดินแดนพิเศษยิ่งยวด พลังที่เกินระดับอริยะล้วนถูกกดข่ม ไม่อาจถูกสำแดงออกมาได้

เช่นสมบัติกับพลังต้องห้ามที่เกินระดับอริยะ ต่อให้สามารถนำเข้าไปในสมรภูมิเก้าดินแดนได้ ก็จะถูกกฎระเบียบฟ้าดินกดข่มอย่างเด็ดขาด

และยังมี…

โดยสรุปแล้ว เรื่องพวกนี้หลินสวินต่างจดจำใส่ใจ

ตอนที่จ้าวจิ่งเซวียนมาถึงทะเลหมากดาราไม่ถึงหนึ่งเดือน อาหลู่ก็มาแล้ว แบกกระบองเหล็กไว้อันหนึ่ง ขี่อสูรเจียวยักษ์สีดำที่ไปจับมาจากไหนก็ไม่รู้อยู่

มองปราดแรกหลินสวินก็ตะลึงไป เพราะเจ้าอาหลู่คนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ร่างกายกำยำที่เดิมกล้ามเนื้อเต้นแน่น กลับแปรเปลี่ยนเป็นผอมบางขึ้น ผอมลงไปกว่าแต่ก่อนมาก

แม้กล้ามยังเป็นสีทองแดงดังเดิม แต่อาหลู่ที่ผอมลงนั้นรูปลักษณ์กลับเปลี่ยนเป็นหล่อเหลาอย่างยิ่ง เครื่องหน้าชัดเจนเหมือนถูกสลักเสลา

“พี่ใหญ่ ทำไมเจ้ามองดูข้าแบบนี้ ไม่กลัวข้าอายหรือ”

เสียงอาหลู่ยังหยาบกระด้างไม่ยี่หระดังเดิม มีท่าทางเขินอายเสียที่ไหน กลับออกจะลำพองใจอย่างยิ่ง เหมือนพึงพอใจกับความประหลาดใจในดวงตาของหลินสวิน

“ถุย!”

เจ้าคางคกเข้ามาใกล้แล้วสำรอกอย่างรุนแรง เจ้าหมอนี่ก็เพิ่งตื่นจากการปิดด่านไม่นาน “เจ้าในอดีตอหังการแข็งแกร่งขนาดไหน ตอนนี้ทำไมถึงดูเหมือนสาวขึ้นล่ะ”

อาหลู่ถลึงตาแล้วถ่มน้ำลายออกไปตรงๆ ฝอยน้ำลายพุ่งไปโดนหน้าเจ้าคางคก

ทั้งสองถ้าไม่เจอหน้ากันก็ไม่เป็นไร แต่พอเจอกันเป็นต้องตีกัน หลินสวินชินเสียแล้ว

และหลังจากอาหลู่มาถึงที่นี่ได้สองเดือน นกทมิฬที่แบกหม้อดำใบหนึ่งไว้บนหลังก็มาแล้ว ทันทีที่มาถึงก็โวยวายอย่างได้ใจยิ่งว่า “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนคราวนี้ ข้าจะต้องโดดเด่นไม่เป็นรองใคร กำราบศัตรูทั้งปวง!”

ครืด!

แรกสุดเป็นอาหลู่ใช้กระบองเหล็กกระแทกออกไปอย่างจังจนหม้อดำที่อยู่บนหลังนกทมิฬเกือบกระเด็นออกไป

จากนั้นเจ้าคางคกก็ก้าวออกมาข้างหน้า หวดนกทมิฬไปรอบหนึ่งแล้วด่าว่า “ต่อหน้าข้าเจ้าจะพูดว่าไม่เป็นรองใครได้อย่างไร”

นกทมิฬตาพร่าไปหมด คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ตนมาถึงก็จะถูกต้อนรับอย่างพิเศษเช่นนี้ ทันใดนั้นก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ส่งเสียงร้องแกว๊กๆ ดังลั่นขึ้นมา

หลินสวินที่อยู่ห่างออกไปหัวเราะร่าอย่างอดไม่ได้

ตอนนี้จ้าวจิ่งเซวียน อาหลู่ เจ้าคางคก นกทมิฬอยู่กันหมด เหมือนทำให้หลินสวินได้กลับไปตอนที่อยู่แดนมกุฎ มีความรู้สึกว่า ‘หนทางของข้าไม่เดียวดาย’

……

แล้วก็ผ่านไปอีกสามเดือน

วันนี้หลินสวินกำลังนั่งสมาธิ จู่ๆ ในใจก็รู้สึกแปลกๆ

จากนั้นเขาลุกขึ้นทันที จึงเห็นว่าในทะเลหมากดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล พลังค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราโดยรอบที่ปกคลุมอยู่ปั่นป่วนรุนแรงขึ้นมาในตอนนี้

ฉับพลันพลังต้องห้ามทั้งค่ายกลใหญ่เริ่มจางลงไปช้าๆ

ในขณะเดียวกันที่ชายฝั่งทะเลหมากดารา เหนือภูเขาเทพไร้มรณะมีเสียงเป่าเขาสัญญาณอันไร้ขอบเขตเสียงหนึ่งดังขึ้น สะเทือนกลางฟ้าดิน

เสียงเป่าเขาสัญญาณนั้นเหมือนแว่วมาจากบรรพกาล ปลุกเร้าทรงพลัง พาให้เลือดร้อนสูบฉีด

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจะเริ่มขึ้นแล้วหรือ”

พวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก และอาหลู่ก็ตื่นตระหนก

วันนี้เขตต้องห้ามบางแห่งในพื้นที่ต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณเช่นภูเขาเทพไร้มรณะ ต่างมีเสียงเป่าเขาสัญญาณที่ไร้ขอบเขตและฮึกเหิมดังขึ้นเช่นกัน

ชั่วขณะเดียวใต้หล้าลมพัดเมฆผุด

“เสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพ! นี่เป็นเสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพ!”

มีผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสร้องตื่นเต้นเสียงดัง

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ทุกครั้งที่สมรภูมิเก้าดินแดนเปิดออกก็จะมีเสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพดังขึ้น ใช้สิ่งนี้เรียกผู้เก่งกล้าในใต้หล้ามาขับเคี่ยวกันในสมรภูมิ

นี่ก็คือสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่าสมรภูมิเก้าดินแดนกำลังจะเปิด!

“ในที่สุดก็จะมาถึงแล้ว มาก่อนเวลาที่คาดไว้ตั้งหลายปี…”

มีคนพึมพำ ความรู้สึกในใจว้าวุ่น

“ที่เตรียมออกศึกกันมาก็เพื่อวันนี้ ทุกคน จะล้างความอับอายในอดีตให้ดินแดนรกร้างโบราณของเรา ตีศัตรูแปดดินแดนให้แตกพ่ายได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว!”

“ต้องชนะให้ได้ ต่อให้ความหวังจะน้อยนิดเพียงไหนก็ห้ามยอมแพ้!”

“ก่อนหน้านี้เมธีผู้มากสามารถไม่รู้เท่าไรสละเลือดเพื่ออุดมการณ์ ถึงทำให้พวกเราดินแดนรกร้างโบราณไม่ถูกแปดดินแดนอื่นเข้ายึดครอง คราวนี้หวังว่าทุกคนจะไม่ทำให้ปวงชนดินแดนรกร้างโบราณผิดหวัง”

ถ้อยคำปลุกเร้าฮึกเหิมเช่นนี้ดังขึ้นในสำนักโบราณไม่รู้เท่าไร

หลายปีก่อนพวกเขาได้เตรียมตัวอย่างพร้อมพรัก เพียงเพื่อรอวันนี้!

หวูดๆๆ

เสียงเป่าเขาสัญญาณไร้ขอบเขตดังขึ้น ค่อยๆ เริ่มดังไปทั่วท้องฟ้าเหนือดินแดนรกร้างโบราณ ผู้ฝึกปราณที่กระจายตามที่ต่างๆ ในใต้หล้าก็ล้วนตื่นตกใจขึ้นมาแล้ว

“ในที่สุดก็มาแล้ว!”

ชุดม่วงขององค์ชายเซ่าเฮ่าพัดกระพือ ทั้งกายแผ่อานุภาพอริยะมรรคคับฟ้า มีพลังดูดกลืนภูผาธารา โอหังเหนือโลกา

“ออกเดินทาง”

ธิดาเทพรั่วอู่แปลงกายเป็นวิหคชาดแดงเพลิงตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวฉับพลันไปในห้วงอากาศ

วันนี้เหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎต่างออกมาจากพื้นที่ต่างๆ มุ่งหน้าไปยังเส้นทางสู่สมรภูมิเก้าดินแดน

หยวนฝ่าเทียน ราชันเผิงปีกทองน้อย ชื่อหลิงเซียว หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอเป็นต้น

วันนี้ในสำนักโบราณนับไม่ถ้วน อริยะคนแล้วคนเล่านำทัพพากำลังพลชั้นเลิศที่เตรียมไว้พร้อมพรักมานานแล้วเดินทางไปยังสมรภูมิ!

วันนี้ ดินแดนรกร้างโบราณอันกว้างใหญ่ประหนึ่งปีศาจยักษ์ที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ปลุกจิตต่อสู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน

ในมหายุคครั้งนี้ เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในดินแดนรกร้างโบราณ

และในมหายุคครั้งนี้เช่นกัน ปรากฏบุคคลขอบเขตมกุฎขึ้นมากลุ่มใหญ่

ตอนนี้ก็ต้องดูว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนนี้ ดินแดนรกร้างโบราณจะล้างความอับอายในอดีต ตีศัตรูภายนอกจากแปดดินแดนได้หรือไม่

……

หอฤทธิ์เทพ

ท่านเซิ่นยืนอยู่บนหน้าผาแห่งหนึ่งเพียงลำพัง อาภรณ์ปลิวไสว นิ่งเงียบไม่พูดจา

‘มหายุคก็คือกลียุค หลังจากรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด ดินแดนรกร้างโบราณจะดำรงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้แล้ว…’

เขารำพึงในใจ

ตูม!

ทันใดนั้นแสงมรรคน่าหวาดหวั่นมืดฟ้ามัวดินสายหนึ่งพลันรวมตัวกันเหนือเวิ้งฟ้า แปรสภาพเป็นใบหน้าน่าเกรงขามเหี้ยมเกรียมหนึ่ง ดวงตากว้างใหญ่ราวฟ้าดารา มีปรากฏการณ์ประหลาดอย่างจักรวาลเปลี่ยนผันปรากฏอยู่ภายใน

สายตาของเขาอยู่ที่ท่านเซิ่น น้ำเสียงดุจสัทครรลองมหามรรคดังขึ้น “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเปิดฉาก ที่สนามรบแนวหน้าจะต้องมีการเข่นฆ่าเต็มรูปแบบแน่ ข้ามาถามเจ้าว่าดินแดนรกร้างโบราณเตรียมการสำหรับศึกชี้เป็นชี้ตายหรือยัง”

ถ้าหลินสวินอยู่ที่นี่ต้องจำได้แน่ คนผู้นี้คือกึ่งจักรพรรดิไป๋อวี้จิง ผู้เก่งกาจที่ประจำการอยู่ที่สนามรบแนวหน้าของดินแดนรกร้างโบราณมานานปีผู้หนึ่ง!

“แน่นอน!”

ท่านเซิ่นเสียงราบเรียบ แต่กลับเผยความแน่วแน่

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร”

ไป๋อวี้จิงเอ่ยถามอีกครั้ง

“ตามเจ้าไปที่สนามรบแนวหน้าเป็นอย่างไร”

ท่านเซิ่นเอ่ยเรื่อยเฉื่อย

“ในที่สุดเจ้าก็คิดจะลงมือแล้ว…”

หว่างคิ้วของไป๋อวี้จิงปรากฏแววตื่นเต้นอย่างพบเห็นได้ยากนัก เขารู้ว่าขอเพียงท่านเซิ่นไปยังสนามรบแนวหน้า ก็มีประโยชน์ราวเสาเทพสยบทะเล!

ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างระดับกึ่งจักรพรรดิ ไม่มีใครไม่รู้ว่าท่านเซิ่นแห่งหอฤทธิ์เทพเป็นคนน่ากลัวปานไหน

เขาไม่ได้ลงมือมานานมากแล้ว

แต่เมื่อเขาตัดสินใจลงมือ ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ ไม่มีกึ่งจักรพรรดิคนใดกังขาความสามารถของเขา!

“ไปเถอะ”

ท่านเซิ่นเหยียบย่างไปในอากาศแล้วโผทะยานขึ้นไป

ชั่วพริบตานั้นเขาเหมือนกับถอดชุดคลุมสง่างามดุจหยกที่อยู่บนตัวออกไป เผยให้เห็นประกายคมไร้เทียมทานที่ซ่อนอยู่ภายในมานานปี อานุภาพก็แตกต่างออกไปแล้ว

ทำให้ฟ้าดินส่งเสียงโครมคราม สรรพชีวิตล้วนศิโรราบ!

ในหอฤทธิ์เทพ แววเหม่อลอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าท่านเมี่ยวเสวียน ผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดอันยาวนาน ในที่สุดศิษย์พี่เขา… จะลงมือแล้วสินะ!

ฉับพลันไป๋อวี้จิงที่กำลังจะจากไปก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยถามว่า “เจ้าหนูที่ชื่อหลินสวินคนนั้นได้ตัดสินใจว่าจะไปสมรภูมิเก้าดินแดนไหม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1497

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1497 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่ชายฝั่งทะเล เงาร่างของจ้าวจิ่งเซวียนยืนอยู่ลำพัง แต่งกายด้วยชุดกระโปรงเรียบง่ายสง่างาม เส้นผมราวน้ำตก ดุจดั่งนางเซียนเยือนโลกา

นางมีรูปโฉมดั่งภาพวาด เครื่องหน้าทั้งห้างดงามเกลี้ยงเกลาเหนือธรรมดา

ราวกับสังเกตเห็นสายตาของหลินสวิน เรียวปากเปล่งปลั่งของนางระบายยิ้ม โบกมือให้แล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้เจอนานเลยนะ ท่านเทพมารหลิน”

เสียงกังวานเสนาะหูประหนึ่งกระดิ่งลมปลิวไหวอยู่บนผิวน้ำที่มีหมอกทึบ

จากนั้นก็เห็นว่าหลินสวินเดินเหยียบผิวน้ำมา เสื้อผ้าทั้งตัวโบกพลิ้ว สง่างามเกินคนทั่วไป ทรงเสน่ห์น่าจับตามอง

เนตรกระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกายราวดวงดารา เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ความอ่อนโยนผุดขึ้นในใจ หนึ่งปีมานี้นางคิดถึงเจ้าหมอนี่อยู่หลายครั้ง

ที่เหนือความคาดหมายของจ้าวจิ่งเซวียน ทันทีที่หลินสวินมาถึงกลับโอบกอดนางยกใหญ่ ตัวนางแข็งทื่อเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงอ่อนยวบลงในอ้อมกอดอันหนักแน่นนั้น

“ยินดีต้อนรับกลับมา”

ที่ข้างหูเสียงเจือรอยยิ้มของหลินสวินดังขึ้น ไออุ่นแยงมาที่ใบหูให้จักจี้ ใบหน้าจ้าวจิ่งเซวียนพลันย้อมด้วยสีแดงดั่งแสงอาทิตย์อุทัย เขินอายอย่างชัดเจน

และในตอนนี้ จ้าวจิ่งเซวียนพลันพบว่าหลินสวินเหมือนต่างไปจากแต่ก่อน อย่างน้อยเมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยออกตัวเช่นนี้

นางไม่รู้ว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่สลักรูปปั้นหินอยู่ข้างกายท่านเซิ่นนั้น ทำให้หลินสวินได้พบกับความรู้สึกต่างๆ ภายในใจตนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมา และได้เข้าใจว่าควรจะเผชิญหน้าและยอมรับความรู้สึกเช่นไร

แต่ไม่ว่าอย่างไรจ้าวจิ่งเซวียนก็ชื่นชอบการเปลี่ยนแปลงนี้ของหลินสวินอยู่ดี เหมือนจู่ๆ ได้เห็นคนหัวดื้อคนหนึ่งเปิดใจ…

บนเกาะหลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนนั่งพิงไหล่กัน พูดคุยเรื่องราวฟ้าดิน น้ำทะเลที่อยู่ไกลออกไปซัดสาดถาโถม มวลหมอกลอยสูง เงียบสงบยิ่งนัก

“ที่แท้เซ่าเฮ่ากับเทพธิดารั่วอู่ก็บรรลุเป็นมกุฎอริยะหมดแล้ว…”

พอได้รู้ข่าวนี้เข้า หลินสวินก็ทอดถอนใจประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้

“เจ้าผิดหวังใช่ไหม”

ดวงตาของจ้าวจิ่งเซวียนส่องสว่างราวดวงดารา จดจ้องใบหน้าด้านข้างของหลินสวิน

หลินสวินยิ้มกว้างแล้วเอ่ยว่า “เอาอะไรมาผิดหวัง ข้าไม่เคยมีความคิดไปประชันสูงต่ำกับพวกเขา ถึงอย่างไรมหามรรคที่ทุกคนเสาะหาก็ไม่เหมือนกัน จุดเปลี่ยนในการแจ้งมรรคก็ต่างกันไป”

“แต่พวกเขาเดินนำหน้าเจ้าไปแล้วก้าวหนึ่งนะ”

จ้าวจิ่งเซวียนคล้ายอยากดูเสียหน่อยว่าหลินสวินจะแสดงความรู้สึกท้อใจหรือรุ่มร้อนออกมาบ้างหรือไม่

แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินผ่อนคลายสบายอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ นี่ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนชื่นชม สภาวะจิตของเจ้าหมอนี่ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

“จริงด้วย ตอนข้ามาได้ยินว่าช่วงใกล้ๆ นี้สมรภูมิเก้าดินแดนก็จะเปิดแล้ว”

ทันใดนั้นจ้าวจิ่งเซวียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจะมาก่อนเวลาหรือ”

หลินสวินใจสะท้าน

จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ย “ใช่แล้ว อีกไม่นานทะเลหมากดาราแห่งนี้ก็จะคึกคักขึ้นมา เพราะบนเขาเทพไร้มรณะที่อยู่สุดทะเลนี้ก็มีเส้นทางที่ไปสมรภูมิเก้าดินแดน”

ต่อมาจ้าวจิ่งเซวียนก็เล่าข่าวคราวเกี่ยวกับสมรภูมิเก้าดินแดนที่ตนได้รู้มาให้หลินสวินฟังทีละเรื่อง

บางข่าวแม้แต่หลินสวินยังได้ยินเป็นครั้งแรก

เช่นในสมรภูมิเก้าดินแดน นอกจากศัตรูอีกแปดดินแดนแล้ว ยังมีสิ่งแปลกประหลาดอันตรายมากมายอยู่

อีกทั้งในสมรภูมิเก้าดินแดนยังมีพิภพแดนลับมากมาย พิภพแดนลับบางแห่งเป็นสถานที่อันเลวร้ายยิ่ง ผู้ที่เข้าไปต้องตาย

และในพิภพดินแดนลับก็มีวาสนาสะเทือนโลกอันยากจินตนาการได้อยู่

นอกจากนี้กฎเกณฑ์ของสมรภูมิเก้าดินแดนพิเศษยิ่งยวด พลังที่เกินระดับอริยะล้วนถูกกดข่ม ไม่อาจถูกสำแดงออกมาได้

เช่นสมบัติกับพลังต้องห้ามที่เกินระดับอริยะ ต่อให้สามารถนำเข้าไปในสมรภูมิเก้าดินแดนได้ ก็จะถูกกฎระเบียบฟ้าดินกดข่มอย่างเด็ดขาด

และยังมี…

โดยสรุปแล้ว เรื่องพวกนี้หลินสวินต่างจดจำใส่ใจ

ตอนที่จ้าวจิ่งเซวียนมาถึงทะเลหมากดาราไม่ถึงหนึ่งเดือน อาหลู่ก็มาแล้ว แบกกระบองเหล็กไว้อันหนึ่ง ขี่อสูรเจียวยักษ์สีดำที่ไปจับมาจากไหนก็ไม่รู้อยู่

มองปราดแรกหลินสวินก็ตะลึงไป เพราะเจ้าอาหลู่คนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ร่างกายกำยำที่เดิมกล้ามเนื้อเต้นแน่น กลับแปรเปลี่ยนเป็นผอมบางขึ้น ผอมลงไปกว่าแต่ก่อนมาก

แม้กล้ามยังเป็นสีทองแดงดังเดิม แต่อาหลู่ที่ผอมลงนั้นรูปลักษณ์กลับเปลี่ยนเป็นหล่อเหลาอย่างยิ่ง เครื่องหน้าชัดเจนเหมือนถูกสลักเสลา

“พี่ใหญ่ ทำไมเจ้ามองดูข้าแบบนี้ ไม่กลัวข้าอายหรือ”

เสียงอาหลู่ยังหยาบกระด้างไม่ยี่หระดังเดิม มีท่าทางเขินอายเสียที่ไหน กลับออกจะลำพองใจอย่างยิ่ง เหมือนพึงพอใจกับความประหลาดใจในดวงตาของหลินสวิน

“ถุย!”

เจ้าคางคกเข้ามาใกล้แล้วสำรอกอย่างรุนแรง เจ้าหมอนี่ก็เพิ่งตื่นจากการปิดด่านไม่นาน “เจ้าในอดีตอหังการแข็งแกร่งขนาดไหน ตอนนี้ทำไมถึงดูเหมือนสาวขึ้นล่ะ”

อาหลู่ถลึงตาแล้วถ่มน้ำลายออกไปตรงๆ ฝอยน้ำลายพุ่งไปโดนหน้าเจ้าคางคก

ทั้งสองถ้าไม่เจอหน้ากันก็ไม่เป็นไร แต่พอเจอกันเป็นต้องตีกัน หลินสวินชินเสียแล้ว

และหลังจากอาหลู่มาถึงที่นี่ได้สองเดือน นกทมิฬที่แบกหม้อดำใบหนึ่งไว้บนหลังก็มาแล้ว ทันทีที่มาถึงก็โวยวายอย่างได้ใจยิ่งว่า “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนคราวนี้ ข้าจะต้องโดดเด่นไม่เป็นรองใคร กำราบศัตรูทั้งปวง!”

ครืด!

แรกสุดเป็นอาหลู่ใช้กระบองเหล็กกระแทกออกไปอย่างจังจนหม้อดำที่อยู่บนหลังนกทมิฬเกือบกระเด็นออกไป

จากนั้นเจ้าคางคกก็ก้าวออกมาข้างหน้า หวดนกทมิฬไปรอบหนึ่งแล้วด่าว่า “ต่อหน้าข้าเจ้าจะพูดว่าไม่เป็นรองใครได้อย่างไร”

นกทมิฬตาพร่าไปหมด คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ตนมาถึงก็จะถูกต้อนรับอย่างพิเศษเช่นนี้ ทันใดนั้นก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ส่งเสียงร้องแกว๊กๆ ดังลั่นขึ้นมา

หลินสวินที่อยู่ห่างออกไปหัวเราะร่าอย่างอดไม่ได้

ตอนนี้จ้าวจิ่งเซวียน อาหลู่ เจ้าคางคก นกทมิฬอยู่กันหมด เหมือนทำให้หลินสวินได้กลับไปตอนที่อยู่แดนมกุฎ มีความรู้สึกว่า ‘หนทางของข้าไม่เดียวดาย’

……

แล้วก็ผ่านไปอีกสามเดือน

วันนี้หลินสวินกำลังนั่งสมาธิ จู่ๆ ในใจก็รู้สึกแปลกๆ

จากนั้นเขาลุกขึ้นทันที จึงเห็นว่าในทะเลหมากดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล พลังค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราโดยรอบที่ปกคลุมอยู่ปั่นป่วนรุนแรงขึ้นมาในตอนนี้

ฉับพลันพลังต้องห้ามทั้งค่ายกลใหญ่เริ่มจางลงไปช้าๆ

ในขณะเดียวกันที่ชายฝั่งทะเลหมากดารา เหนือภูเขาเทพไร้มรณะมีเสียงเป่าเขาสัญญาณอันไร้ขอบเขตเสียงหนึ่งดังขึ้น สะเทือนกลางฟ้าดิน

เสียงเป่าเขาสัญญาณนั้นเหมือนแว่วมาจากบรรพกาล ปลุกเร้าทรงพลัง พาให้เลือดร้อนสูบฉีด

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจะเริ่มขึ้นแล้วหรือ”

พวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก และอาหลู่ก็ตื่นตระหนก

วันนี้เขตต้องห้ามบางแห่งในพื้นที่ต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณเช่นภูเขาเทพไร้มรณะ ต่างมีเสียงเป่าเขาสัญญาณที่ไร้ขอบเขตและฮึกเหิมดังขึ้นเช่นกัน

ชั่วขณะเดียวใต้หล้าลมพัดเมฆผุด

“เสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพ! นี่เป็นเสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพ!”

มีผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสร้องตื่นเต้นเสียงดัง

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ทุกครั้งที่สมรภูมิเก้าดินแดนเปิดออกก็จะมีเสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพดังขึ้น ใช้สิ่งนี้เรียกผู้เก่งกล้าในใต้หล้ามาขับเคี่ยวกันในสมรภูมิ

นี่ก็คือสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่าสมรภูมิเก้าดินแดนกำลังจะเปิด!

“ในที่สุดก็จะมาถึงแล้ว มาก่อนเวลาที่คาดไว้ตั้งหลายปี…”

มีคนพึมพำ ความรู้สึกในใจว้าวุ่น

“ที่เตรียมออกศึกกันมาก็เพื่อวันนี้ ทุกคน จะล้างความอับอายในอดีตให้ดินแดนรกร้างโบราณของเรา ตีศัตรูแปดดินแดนให้แตกพ่ายได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว!”

“ต้องชนะให้ได้ ต่อให้ความหวังจะน้อยนิดเพียงไหนก็ห้ามยอมแพ้!”

“ก่อนหน้านี้เมธีผู้มากสามารถไม่รู้เท่าไรสละเลือดเพื่ออุดมการณ์ ถึงทำให้พวกเราดินแดนรกร้างโบราณไม่ถูกแปดดินแดนอื่นเข้ายึดครอง คราวนี้หวังว่าทุกคนจะไม่ทำให้ปวงชนดินแดนรกร้างโบราณผิดหวัง”

ถ้อยคำปลุกเร้าฮึกเหิมเช่นนี้ดังขึ้นในสำนักโบราณไม่รู้เท่าไร

หลายปีก่อนพวกเขาได้เตรียมตัวอย่างพร้อมพรัก เพียงเพื่อรอวันนี้!

หวูดๆๆ

เสียงเป่าเขาสัญญาณไร้ขอบเขตดังขึ้น ค่อยๆ เริ่มดังไปทั่วท้องฟ้าเหนือดินแดนรกร้างโบราณ ผู้ฝึกปราณที่กระจายตามที่ต่างๆ ในใต้หล้าก็ล้วนตื่นตกใจขึ้นมาแล้ว

“ในที่สุดก็มาแล้ว!”

ชุดม่วงขององค์ชายเซ่าเฮ่าพัดกระพือ ทั้งกายแผ่อานุภาพอริยะมรรคคับฟ้า มีพลังดูดกลืนภูผาธารา โอหังเหนือโลกา

“ออกเดินทาง”

ธิดาเทพรั่วอู่แปลงกายเป็นวิหคชาดแดงเพลิงตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวฉับพลันไปในห้วงอากาศ

วันนี้เหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎต่างออกมาจากพื้นที่ต่างๆ มุ่งหน้าไปยังเส้นทางสู่สมรภูมิเก้าดินแดน

หยวนฝ่าเทียน ราชันเผิงปีกทองน้อย ชื่อหลิงเซียว หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอเป็นต้น

วันนี้ในสำนักโบราณนับไม่ถ้วน อริยะคนแล้วคนเล่านำทัพพากำลังพลชั้นเลิศที่เตรียมไว้พร้อมพรักมานานแล้วเดินทางไปยังสมรภูมิ!

วันนี้ ดินแดนรกร้างโบราณอันกว้างใหญ่ประหนึ่งปีศาจยักษ์ที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ปลุกจิตต่อสู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน

ในมหายุคครั้งนี้ เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในดินแดนรกร้างโบราณ

และในมหายุคครั้งนี้เช่นกัน ปรากฏบุคคลขอบเขตมกุฎขึ้นมากลุ่มใหญ่

ตอนนี้ก็ต้องดูว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนนี้ ดินแดนรกร้างโบราณจะล้างความอับอายในอดีต ตีศัตรูภายนอกจากแปดดินแดนได้หรือไม่

……

หอฤทธิ์เทพ

ท่านเซิ่นยืนอยู่บนหน้าผาแห่งหนึ่งเพียงลำพัง อาภรณ์ปลิวไสว นิ่งเงียบไม่พูดจา

‘มหายุคก็คือกลียุค หลังจากรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด ดินแดนรกร้างโบราณจะดำรงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้แล้ว…’

เขารำพึงในใจ

ตูม!

ทันใดนั้นแสงมรรคน่าหวาดหวั่นมืดฟ้ามัวดินสายหนึ่งพลันรวมตัวกันเหนือเวิ้งฟ้า แปรสภาพเป็นใบหน้าน่าเกรงขามเหี้ยมเกรียมหนึ่ง ดวงตากว้างใหญ่ราวฟ้าดารา มีปรากฏการณ์ประหลาดอย่างจักรวาลเปลี่ยนผันปรากฏอยู่ภายใน

สายตาของเขาอยู่ที่ท่านเซิ่น น้ำเสียงดุจสัทครรลองมหามรรคดังขึ้น “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเปิดฉาก ที่สนามรบแนวหน้าจะต้องมีการเข่นฆ่าเต็มรูปแบบแน่ ข้ามาถามเจ้าว่าดินแดนรกร้างโบราณเตรียมการสำหรับศึกชี้เป็นชี้ตายหรือยัง”

ถ้าหลินสวินอยู่ที่นี่ต้องจำได้แน่ คนผู้นี้คือกึ่งจักรพรรดิไป๋อวี้จิง ผู้เก่งกาจที่ประจำการอยู่ที่สนามรบแนวหน้าของดินแดนรกร้างโบราณมานานปีผู้หนึ่ง!

“แน่นอน!”

ท่านเซิ่นเสียงราบเรียบ แต่กลับเผยความแน่วแน่

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร”

ไป๋อวี้จิงเอ่ยถามอีกครั้ง

“ตามเจ้าไปที่สนามรบแนวหน้าเป็นอย่างไร”

ท่านเซิ่นเอ่ยเรื่อยเฉื่อย

“ในที่สุดเจ้าก็คิดจะลงมือแล้ว…”

หว่างคิ้วของไป๋อวี้จิงปรากฏแววตื่นเต้นอย่างพบเห็นได้ยากนัก เขารู้ว่าขอเพียงท่านเซิ่นไปยังสนามรบแนวหน้า ก็มีประโยชน์ราวเสาเทพสยบทะเล!

ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างระดับกึ่งจักรพรรดิ ไม่มีใครไม่รู้ว่าท่านเซิ่นแห่งหอฤทธิ์เทพเป็นคนน่ากลัวปานไหน

เขาไม่ได้ลงมือมานานมากแล้ว

แต่เมื่อเขาตัดสินใจลงมือ ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ ไม่มีกึ่งจักรพรรดิคนใดกังขาความสามารถของเขา!

“ไปเถอะ”

ท่านเซิ่นเหยียบย่างไปในอากาศแล้วโผทะยานขึ้นไป

ชั่วพริบตานั้นเขาเหมือนกับถอดชุดคลุมสง่างามดุจหยกที่อยู่บนตัวออกไป เผยให้เห็นประกายคมไร้เทียมทานที่ซ่อนอยู่ภายในมานานปี อานุภาพก็แตกต่างออกไปแล้ว

ทำให้ฟ้าดินส่งเสียงโครมคราม สรรพชีวิตล้วนศิโรราบ!

ในหอฤทธิ์เทพ แววเหม่อลอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าท่านเมี่ยวเสวียน ผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดอันยาวนาน ในที่สุดศิษย์พี่เขา… จะลงมือแล้วสินะ!

ฉับพลันไป๋อวี้จิงที่กำลังจะจากไปก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยถามว่า “เจ้าหนูที่ชื่อหลินสวินคนนั้นได้ตัดสินใจว่าจะไปสมรภูมิเก้าดินแดนไหม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+