Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 308

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 308 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
โอกาสรอด
โดย

มีชีวิตอยู่ต่อไป!

ความกระหายอยู่รอดทำให้หลินสวินระเบิดพลังขึ้นมา พลังผสานดินในกายปะทุ กลิ่นไอรอบตัวเดือดพล่าน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ

ฮึม

ด้านหลังของหลินสวินมีเรือรบวีรชนม่วงไล่ตามมาเป็นเห็บหมัด พลังไฟของปืนใหญ่สลักวิญญาณพุ่งออกมาเป็นแสงแสบตาน่ากลัว พื้นดินแตกระแหง ฝุ่นคลุ้งตลบ ตลอดเส้นทางที่หลินสวินวิ่งผ่านล้วนย่อยยับกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ

เรือรบวีรชนม่วงที่มีพลังถึงขั้นสังหารผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณจะธรรมดาได้อย่างไร บางทีข้อเสียเพียงอย่างเดียวของมันก็คือไม่ใช่ผู้ฝึกปราณที่แท้จริง วิธีการต่อสู้มีเพียงอย่างเดียว ซึ่งต้องใช้ผู้ฝึกตนควบคุมจึงจะสามารถปล่อยพลังไฟออกมาได้

นี่เป็นโอกาสเพียงน้อยนิดที่หลินสวินมี ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปอีกนานเท่าใด หากเมื่อใดหมดซึ่งเรี่ยวแรงแล้ว นั่นก็หมายความเวลาตายของเขามาถึงแล้ว ตลอดทางมานี้เขาทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าเท่านั้นไม่เห็นโอกาสที่จะมีชีวิตรอดเลย

“ฮ่าๆๆ เด็กคนนี้เก่งนักไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้วิ่งหนีเป็นสุนัขเลยเล่า”

ด้านหลังของเรือรบวีรชนม่วง ชายสวมงอบกับเสี่ยวมู่นำทัพผู้ฝึกปราณทั้งหลายไล่ตามมา เมื่อเห็นว่าหลินสวินวิ่งหางจุกก้นเป็นสุนัข พวกเขาก็พลันหัวเราะขึ้น เพราะทั้งคู่มองว่าหลินสวินที่กำลังหนีเรือรบวีรชนม่วงจนหน้าซีดขาวเช่นนี้ คล้ายกับมดน้อยดิ้นรนอยู่บนกองไฟ รอเพียงความตายเท่านั้น

“สะใจนัก!”

“เด็กคนนี้สังหารคนของเราไปมากมาย สมควรได้รับโทษ” ผู้ฝึกปราณทั้งหลายพากันตื่นเต้น ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกหลินสวินเข่นฆ่าจนหมดกำลังใจต่อสู้ แต่ยามนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเข่นฆ่าจนต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร

“น่าขำนักหรือ คนของพวกเราถูกสังหารไปทั้งหมดสี่ร้อยสิบเก้าคนในการต่อสู้เมื่อครู่ หากไม่นำเรือรบวีรชนม่วงออกมาคงจะสูญเสียมากยิ่งกว่านี้ พวกเจ้าคิดว่ามันตลกมากหรือ”

เสี่ยวมู่เอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาสีแดงปราดมองทุกคนจนพวกเขารอยยิ้มแข็งค้าง ความทะนงตนหดหาย ใช่แล้ว เยาะเย้ยศัตรูในตอนนี้แตกต่างจากการเยาะเย้ยว่าตัวเองไร้ความสามารถก็ไม่ปาน

“พวกเจ้าแหกตาดู เด็กคนนี้มีปราณเพียงขั้นผสานดินก็ทำให้เรือรบวีรชนม่วงไล่ตามมาจนถึงตอนนี้ ถามตัวเองในใจดู ว่าพวกเจ้ามีใครทำได้แบบนี้บ้าง”

เสี่ยวมู่ตะเบ็งเสียงดังคล้ายกำลังโมโห “ทั่วทั้งจักรวรรดิมีผู้ฝึกปราณขั้นผสานดินคนไหนทำได้เช่นนี้บ้าง หืม?”

เสียงกัมปนาทนั้นทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งหลายสลดลง ความทะนงและตื่นเต้นในใจหายไปจนสิ้น

“แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าหากเด็กคนนี้มีชีวิตรอดในวันนี้ และกลับมาแก้แค้นพวกเราในภายหลัง พวกเจ้ามีใครยังยิ้มได้อีก”

ผู้ฝึกปราณล้วนทำหน้าปุเลี่ยน นึกถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินแล้ว ในใจพวกเขาต่างระส่ำระส่าย คนประเภทนี้หากยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขในภายภาคหน้าแน่นอน

“เอาล่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล เด็กคนนี้แทบจะไม่เหลือโอกาสมีชีวิตรอดภายใต้การโจมตีจากเรือรบวีรชนม่วง แต่ก็อย่าประมาทไป หากไม่เห็นกับตาว่าเด็กคนนี้ถูกสังหาร ก็อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด” ชายสวมงอบเอ่ยขึ้น ทำให้ทุกคนเริ่มระวังตัวขึ้นมาอีกครั้ง

เวลาผ่านเลยไป เสียงระเบิดยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับหลินสวินแล้ว ช่วงเวลานี้ช่างยาวนานเหลือเกิน หนึ่งวันคล้ายหนึ่งปี นับแต่เริ่มฝึกตนจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยหมดท่าเท่านี้มาก่อน แต่ดวงตาของเด็กหนุ่มยังมีความมุ่งมาดอยู่เต็มเปี่ยมไม่เคยแปรเปลี่ยน เป็นหรือตายอาจพลิกผันได้ในช่วงพริบตา แต่เขายอมสู้จนวินาทีสุดท้าย

ซ่า~

ทันใดนั้น ในภาพนิมิตปรากฏเสียงน้ำหลาก ทำให้หลินสวินดวงตาเป็นประกายวาววาบ ไม่นานแม่น้ำไหลเชี่ยวกราดกว้างกว่าสิบจั้งก็ผุดขึ้นในสายตา เขากัดฟันเพิ่มความเร็วขึ้นสามส่วน มุ่งตรงไปทางแม่น้ำทันที

ชายร่างบึกบึนผู้ควบคุมเรือรบวีรชนม่วงบนฟ้ากำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะใช้ปืนใหญ่สลักวิญญาณโจมตีเป้าหมาย ครั้นเห็นแม่น้ำอยู่ไกลออกไปเขาก็ผงะ ก่อนจะยกมุมปากยิ้มเหี้ยมเกรียม

ข้างหน้ามีแม่น้ำขวางเอาไว้ เด็กคนนี้หนีไปไหนไม่รอดแน่

จัดการมัน!

ขณะที่ควบคุมเรือรบวีรชนม่วง ชายร่างบึกบึนจุดพลังไฟทั้งหมดให้ลูกปืนใหญ่สลักวิญญาณทะยานออกไป เรือรบวีรชนม่วงอีกสี่ลำเมื่อเห็นเช่นนั้นต่างก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ว่าโอกาสสังหารเป้าหมายมาถึงแล้ว

บึ้ม!

พวกเขาโจมตีด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ฉับพลันนั้นกลางอากาศมีแสงวาววับปานฝนดาวตกแหวกทะลุม่านอากาศร่วงหล่นลงบนพื้นดิน

แย่แล้ว!

เมื่อเห็นแม่น้ำจากที่ไกลโพ้นชายสวมงอบเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี เขาชักสีหน้า และมีความคิดเห็นแตกต่างจากผู้ฝึกปราณที่ควบคุมเรือรบวีรชนม่วงทั้งหลาย

เขาจำได้แม่นยำว่าในการล้อมจู่โจมเมื่อหลายวันก่อนนั้น พวกเขาวางกับดักรอบแอ่งน้ำอย่างหนาแน่น ใครจะคิดว่าเป้าหมายกลับดำลงไปในน้ำ หลบหนีจากการล้อมโจมตีอย่างไร้ร่องรอย หากเป็นเช่นนี้ แม่น้ำข้างหน้าไม่มีทางเป็นสิ่งกีดขวางเป้าหมายได้ กลับกันเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นโอกาสให้เด็กหนุ่มรอดไปได้ด้วยซ้ำ

เสียดายที่ชายสวมงอบรู้ตัวช้าเกินไป เพราะหลินสวินดีดตัวขึ้นกระโดดลงไปในแม่น้ำอย่างว่องไวแล้ว

บึ้ม!

ลูกปืนไฟมากมายพวยพุ่งลงมา ร่วงหล่นบนผืนน้ำในเวลาเดียวกัน พลันเกิดเป็นคลื่นน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง หลินสวินที่เพิ่งกระโดดลงมาใต้น้ำรู้สึกถึงพลังอันน่ากลัวพุ่งเข้ามา เสียดทานผ่านแรงดันน้ำกระแทกแผ่นหลังเข้าอย่างจัง

ตู้ม!

ในหัวได้ยินเสียงกระแทกอั่กสร้างความปวดร้าวไปทั่วร่าง กระดูกในร่างแทบป่น กายของเขาถูกแรงกระแทกดันลงไปใต้น้ำไปแล้ว

อั่ก

หลินสวินหน้าซีดขาวกระอักเลือดออกมา เขานั่งลงบนพื้นดินที่ใต้น้ำ ครางขรมด้วยความทรมาน ลูกปืนเมื่อครู่นั้นน่ากลัวปานภูเขาทับลงมา หากไม่ใช่เพราะแรงดันน้ำมหาศาลเกรงว่าเขาคงไม่รอดแล้ว

เด็กหนุ่มหอบหายใจ แม้จะอยู่ใต้น้ำเชี่ยวกราก แต่เขากลับคล้ายอยู่บนพื้นดินธรรมดา หายใจได้อย่างสะดวก กระทั่งไม่ได้รับมวลพลังจากน้ำแต่อย่างใด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแสงสีฟ้าที่โอบอยู่รอบตัวเขา มันคือพลังจากมุกนักบุญอมตะในนิมิตของเขานั่นเอง

ของสิ่งนี้เป็นของวิเศษของสำนักคนเถื่อนวารี แม้จะหลับใหลไปแล้ว แต่พลังจากธรรมชาติก็เพียงพอให้หลินสวินปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างใจนึก ไม่แตกต่างไปจากไข่มุกเลี่ยงวารีในตำนานเลย

ไม่นานหลินสวินก็กัดฟันลุกยืน ลากสารร่างที่บาดเจ็บหนักเดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมีฝูงปลาแหวกว่ายไปมา พืชใต้น้ำโบกไสว ปะการังสีต่างๆ ส่องแสงประกายเป็นภาพสวยงามน่าชมดู

กระนั้นเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมนัก ไม่นานเด็กหนุ่มก็พบถ้ำหิน ก่อนจะเข้าไปหย่อนก้นนั่งลง

เขาควักเครื่องจับพลังออกมาปักนอกถ้ำหิน พรูลมหายใจยาวแล้วหยิบยาผสานแผลขึ้นมาหนึ่งขวด ยกกรอกมันลงไปทั้งหมดโดยไม่ลังเล จากนั้นจึงหลับตาลงทำสมาธิ

แม้เรือรบวีรชนม่วงจะมีพลังมาก แต่ลูกปืนใหญ่ของมันไม่มีทางทะลุลงมาในพื้นน้ำลึกกว่าร้อยจั้งได้

นอกเสียจากว่าศัตรูจะดำล้ำลงมาจัดการเขา แต่หากไม่มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ ก็ไม่มีทางที่จะทนอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานได้ ผนวกกับสายน้ำที่เชี่ยวกรากและแรงดันน้ำมหาศาล ยิ่งลึกลงเท่าไหร่ มวลกดดันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หากผู้ฝึกปราณที่ไม่ใช่ระดับมหาสมุทรวิญญาณดำลงมา หลินสวินที่มีมุกนักบุญอมตะก็สามารถสังหารพวกเขาได้โดยง่าย!

เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยหลินสวินก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยแล้ว สามารถตั้งใจรักษาบาดแผลได้

“ในที่สุดก็มีความหวังที่จะพลิกสถานการณ์เสียที” นี่เป็นห้วงความคิดสุดท้ายก่อนที่หลินสวินจะเข้าฌานไป

เรือรบวีรชนม่วงที่ลอยวนอยู่เหนือแม่น้ำไม่ได้โจมตีอีก ด้วยรู้ชัดว่าแม้ปืนใหญ่สลักวิญญาณจะทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถตัดสายน้ำให้ขาดได้

ที่ริมแม่น้ำมีผู้ฝึกปราณกว่าร้อยพันยืนรวมกันอยู่ ชายสวมงอบยืนนำอยู่ข้างหน้า สายตาจ้องนิ่งบนผืนน้ำที่เชี่ยวกรากท่าทางเคร่งขรึม

เป้าหมายหายไปแล้ว ไม่รู้เป็นหรือตาย ไม่รู้ว่าถูกกระแสน้ำพัดไปแล้วหรือยัง

“การโจมตีเมื่อครู่น่าหวั่นกลัวนัก เด็กคนนั้นไม่มีทางรับไหวหรอก ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะร่างแหลกไปแล้วก็ได้” มีคนกล่าวขึ้นมา

นี่คือความคิดของหลายคน ภาพเรือรบวีรชนม่วงห้าลำยิงปืนใหญ่เต็มกำลังเมื่อครู่ดูน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก แม้แต่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณยังรอดไปได้ยาก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเป้าหมายเลย

“ส่งคนลงไปดู” ชายสวมงอบสูดลมหายใจลึก เอ่ยคำที่ทำให้หลายคนประหลาดใจ

“หัวหน้าขอรับ ไม่จำเป็นกระมัง” ใครบางคนสงสัย

“พวกเจ้าจะเข้าใจอะไร! ตอนนั้นข้างบึงมีกับดับวางอยู่มากมาย แต่เป้าหมายก็ยังหนีรอดไปได้ พวกเจ้าคิดว่าถ้าเป้าหมายยังมีชีวิตอยู่แล้ว เขาจะลอยขึ้นมาบนน้ำให้จับหรืออย่างไร!”

ชายสวมงอบเก็บอาการร้อนรนไม่อยู่ จึงตวาดออกมาในที่สุด ทำเอาผู้คนแถวนั้นหน้าถอดสีไปหลายคน ก่อนจะมีผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนรวบรวมความกล้าอาสากระโดดลงไปในแม่น้ำ

“แต่ถ้าเป้าหมายยังมีชีวิตอยู่ ถึงเราจะส่งคนพวกนี้ลงไปก็ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” เสี่ยวมู่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น

“ไม่ เป้าหมายถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว ข้าเดาว่าตอนที่กระโดดลงแม่น้ำไปนั้น เขามีบาดแผลอยู่แล้วไม่น้อย หากเขายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ก็คือเวลาที่ดีที่สุดในการสังหารเขา”

ว่ามาถึงตรงนี้ชายสวมงอบก็ปราดตามองผู้ฝึกปราณโดยรอบ “ไป พวกเจ้าไปเฝ้าตามริมแม่น้ำทั้งสองฝั่ง ให้เรือรบวีรชนม่วงทั้งห้าลำ และเหยี่ยวสอดแนมทั้งหมดจับตาสังเกตบริเวณที่แม่น้ำสายนี้ไหลผ่าน หากพบเห็นเป้าหมายแล้ว ให้ฆ่าได้ทันที!”

เห็นได้ชัดว่าชายสวมงอบกลัวว่าเป้าหมายจะหนีออกไปทางใต้น้ำเหมือนครั้งก่อน จึงจงใจซ้อนแผนที่รัดกุมไว้เสียก่อน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด