Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 318

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 318 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
พลังของมหาสมุทรวิญญาณ
โดย

ครึ่งเดือนต่อมา เมืองเพลงยุทธ์

เมืองเพลงยุทธ์มีชื่อเสียงเนื่องด้วยเป็นหนึ่งในเมืองที่ใกล้นครต้องห้ามที่สุด ที่นี่และอีกสิบเอ็ดเมืองรายล้อมนครต้องห้ามไม่เพียงเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังเต็มไปด้วยกลุ่มอำนาจมากมาย

ยามเที่ยงตรงดวงตะวันสาดแสงแรงกล้า อากาศร้อนอบอ้าว

ถนนนอกเมืองห่างไปจากเมืองเพลงยุทธ์สิบกว่าลี้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเหนื่อยล้าเข้ามา เขาอยู่ในชุดเรียบง่ายสะอาดตา ผมดำสะบัดพริ้วอยู่ข้างหลัง หน้าตาเกลี้ยงเกลา ดวงตาสีดำล้ำลึก ริมฝีบางยิ้มบางๆ คนผู้นี้ย่อมคือหลินสวิน

เมื่อเห็นกำแพงเมืองตั้งสง่าอยู่จากที่ไกลๆ หลินสวินก็รีบเร่งฝีเท้า หากคำนวณแล้ว หลังจากออกเดินทางมากจากเมืองหมอกอำพรางจนถึงวันนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ตอนนี้มาถึงเมืองที่อยู่ใกล้นครต้องห้ามที่สุด ทำให้หลินสวินแอบโล่งใจ

เขารู้ว่าหากเหยียบเข้าไปในเมืองเพลงยุทธ์ก็ไม่ต้องกลัวการสังหารของตระกูลฉืออีก เพราะในฐานะที่เมืองนี้เป็นหนึ่งในสิบสองเมืองพิทักษ์เมืองหลวง ที่นี่จึงมีกำลังทหารและผู้ฝึกปราณอยู่มากมาย ตระกูลต่างๆ มีรากฐานแข็งแกร่ง แม้จะเป็นตระกูลฉือก็ไม่กล้าจัดการตัวเขาอย่างเปิดเผยไม่เกรงกลัว

“เข้าไปในเมืองเพลงยุทธ์แล้ว ค่อยใช้รถม้าเร่งเดินทางไปในนครต้องห้ามก่อนท้องฟ้าจะมืด…” หลินสวินเดินพลางคิดไปด้วย

ในตอนนั้นเอง บนฟ้ามีแสงปรากฏ เด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่บกระบี่บิน เขาคิ้วเข้มดุจดาบ ตาประกายดังดวงดาว ริมฝีปากแดง หัวสวมเครื่องหัวสูงประดับขนนกทองคำ ยามบินแสงดาบดุจคลื่นสะท้อน เสื้อผ้าพัดไสว เป็นภาพที่สง่างามนัก

ระดับมหาสมุทรวิญญาณ!

หลินสวินแปลกใจเล็กน้อย ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง คาดว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นอายุเพียงสิบสองสิบสามปีเท่านั้น ยังดูอ่อนวัย แต่กลับขี่กระบี่เหินฟ้า รอบกายมีไอสีม่วงลอยล้อม

เขาเพิ่งเคยเจอผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณที่อายุน้อยขนาดนี้เป็นครั้งแรก เมื่อก่อนเขามักถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด แต่ว่ากับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วเทียบไม่ได้เลย

ก่อนจะเขาแปลกใจที่เด็กหนุ่มคนนั้นขี่กระบี่มาทางตนเองด้วยท่าทางเอาเรื่อง

“เจ้าคือหลินสวินใช่หรือไม่” เด็กหนุ่มหยุดกระบี่บนฟ้า ปรายสายตามองหลินสวิน

“เจ้ารู้จักข้าหรือ” หลินสวินประหลาดใจ

“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย ข้ารอเจ้าที่นี่นานแล้ว ถึงเวลาที่จะฆ่าเจ้าเสียที” เด็กหนุ่มท่าทางเย็นชา แสงสีม่วงรอบกายเข้มข้นขึ้น ทั่วทั้งร่างปล่อยไอสังหารออกมา เขาสะบัดมือให้กระบี่ในเท้าลอยขึ้นบนอากาศ โดยไม่รอให้หลินสวินตั้งตั้ว

ฟิ้ว

แสงกระบี่ส่องประกาย พลางลอยขึ้นบนฟ้าสูงกว่าสิบจั้ง แหวกผ่านอากาศขึ้นไปคล้ายสายฟ้าฝ่าพสุธา

ฟ้าดินเปลี่ยนแปลง มวลอากาศคล้ายกับจะเกิดฟ้าร้องคำราม

หลินสวินนึกได้รีบหลบกายหนี กระบี่มีพลังจากดินฟ้า ทำให้เขารับรู้ถึงความอันตราย

เปรี้ยง!

ฟ้าผ่าแตกเป็นรอยกว่าสิบจั้ง เกิดควันลอยโขมง

หลินสวินรู้สึกเจ็บไหล่ขวา เพราะโดนกระบี่เล่มนั้นปาดเฉือนเนื้อจนเลือดอาบในขณะที่หลบ นัยน์ตาสีดำของเด็กหนุ่มพลันเย็นเยือก ใจปลาบแวบความคิดอยากสังหาร

อยู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายโจมตีจนเกือบสังเวยชีวิต จะให้หลินสวินไม่โกรธได้อย่างไร

ปัง!

หลินสวินเรียกหน้าไม้ฝนดาวตกที่เหลือด้ามสุดท้ายมาใช้ เกล็ดแสงเปล่งประกายคล้ายลูกดอกวิญญาณพุ่งทะยานออกไป

ก่อนหน้านั้นหลินสวินอาศัยหน้าไม้ฝนดาวตกทำให้ศัตรูบาดเจ็บหนักได้ แต่ครั้งนี้ผลลัพธ์กลับไม่เหมือนเคย ลูกดอกวิญญาณคล้ายห่าฝนนั้นพุ่งเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มได้เพียงหนึ่งฉื่อ ก็พลันหยุดนิ่งคล้ายมีมือที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้

ฉึก ฉึก ฉึก

แสงสีม่วงรอบกายของเด็กหนุ่มเข้มข้นเดือดดาล กลายเป็นตาข่ายส่องแสงวาบตา พริบตาเดียวลูกดอกวิญญาณปล่งประกายเหล่านั้นก็ถูกแสงสีม่วงละลายหายไปดุจหิมะละลายเป็นน้ำ

อาศัยพลังฟ้าดินสร้างพลังสายฟ้า ไม่เมินเฉยการโจมตีของคู่ต่อสู้ พลังเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลังระดับเทพในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ต้องครอบครองวิชาลับเก่าแก่เท่านั้นถึงจะเรียกใช้มันออกมาได้

“ยืมพลังภายนอกปกป้องร่างกาย เด็กหนุ่มผู้นี้อายุยังน้อย กลับใช้วิชาทรงพลังในเส้นทางฝึกตนได้ถึงเพียงนี้ เขาจะต้องมีชื่อเสียงแน่” หลินสวินประหลาดใจ

ระดับมหาสมุทรวิญญาณ เป็นระดับที่ผู้ฝึกปราณเริ่มควบคุมและรับรู้พลังมหัศจรรย์ของฟ้าดินได้ สามารถเรียกเรียกสายฟ้า บินเหินบนอากาศ ฆ่าคนผ่านอากาศ และหยิบใช้พลังจากดินฟ้าได้

เมื่อบรรลุถึงระดับนี้ ก็เท่ากับย่างเข้าสู่เส้นทางเหยียบฟ้าแล้ว การปลุกเมฆขี่หมอก หรือเรียกฟ้าฝนล้วนไม่ใช่เรื่องยาก

บนโลกนี้แม้จะมีผู้ฝึกปราณมากมาย แต่ผู้ที่สามารถฝึกจนฝนถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย และหากจะเหมือนเด็กหนุ่มตรงหน้า ที่เหยียบย่างระดับมหาสมุทรวิญญาณได้ในอายุเพียงสิบกว่าปี และได้ครอบครองวิชาลับชั้นสูงยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าสุดยอดอย่างแท้จริง

หลินสวินแม้จะสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าในขณะอยู่ขั้นผสานดินได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว เขาก็ยังรู้สึกกดดันอยู่มาก

“เป็นเพียงผู้ฝึกปราณขั้นผสานดิน แต่สามารถต้านทานพลังของข้าได้ ก็นับว่าเจ้าเป็นคนใช้ได้ทีเดียว แต่ว่าสำหรับข้าแล้วยังไม่พอหรอก” คำพูดช้าสลับเร็วเอ่ยออกมาหลังจากสลายลูกดอกหน้าไม้ฝนดาวตก เด็กหนุ่มกระดิกนิ้วในอากาศ

เสียงฟึบหนึ่งเกิดเป็นไอสีม่วงรูปกระบี่สามเล่มยาวสิบกว่าจั้ง ก่อนจะแหวกตัดอากาศ!

กลิ่นอายดาบน่ากลัวนั่นแหวกตัดอากาศพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว

ฉึก ฉึก ฉึก

หลินสวินไม่มีพลังจะต่อกร ทำได้เพียงหลบหลีก แม้จะหลบดาบทั้งสามออกมาได้ แต่ขาขวา แผ่นหลัง และไหล่ก็ได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลจนเห็นกระดูกขาวรางๆ

น่ากลัวเกินไปแล้ว

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ หลินสวินจึงเข้าใจถ่องแท้ถึงความน่ากลัวของระดับนี้ พวกเขาสามารถบีบบี้ผู้มีปราณระดับจิตผสานวิญญาณได้โดยง่ายเลยทีเดียว

แม้เรือรบวีรชนม่วงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีสติปัญญา ไม่เหมือนผู้ฝึกปราณที่ครอบครองวิชาลับและมีสติปัญญา เมื่อได้ลงมือขึ้นมาแล้ว ก็ย่อมแสดงพลังที่แตกต่างออกมาโดยสิ้นเชิง

“เอ๋”

เด็กหนุ่มคนนั้นประหลาดใจเมื่อหลินสวินหลบหลีกจากโจมตีครั้งที่สองได้ เขามีสีหน้ามึดครึ้ม ก่อจะว่าเสียงเย็น “ข้าก็อยากรู้ว่าคนอ่อนแออย่างเจ้าจะฝืนไปได้สักเท่าไร”

เขายกมือขึ้นฟ้า

เปรี้ยง!

กระบี่วิญญาณปรากฏออกมา หมุนล้อมรอบกายเขาจนเกิดพลังน่ากลัว

อากาศถูกห่อหุ้มด้วยไอพลังจากกระบี่ ยามที่กระบี่ปรากฏออกมาย่อมสะท้านสะเทือนฟ้าดินอย่างไม่ต้องสงสัย

บริเวณนี้ถูกจำกัดอาณาเขตไว้ ไม่มีทางให้หลบหลีกไปได้

หลินสวินกัดฟัน นัยน์ตาสีดำฉายแววเหลื่อยล้าวาบผ่านไป พลังในกายพลุกพล่าน มือขวามีดาบเวทเรืองแสง ในมือซ้ายกำไข่มุกสีดำทอประกายขนาดเท่าไข่นกเอาไว้

ขณะที่การต่อสู้กำลังจะเริ่ม พลันเสียงอบอุ่นใจดีก็ดังขึ้น

“หากกล้าลงมือ ข้าจะสังหารเจ้าเสีย”

เด็กหนุ่มคนนั้นหน้าถอดสี หว่างคิ้วปรากฎความไม่พอใจ กระบี่วิญญาณที่เตรียมพร้อมมานานลอยขึ้นทันที

โครม!

ห้วงอากาศแห่งนั้นถูกทำลายลง ก่อนที่มือเหี่ยวย่นจะจับกระบี่วิญญาณเล่มนั้นเอาไว้ได้ ไม่ว่ามันจะต่อต้านอย่างไร ก็ออกไปจากเงื้อมมือนั้นไม่ได้

กายผอมสูงใหญ่ของชายชรานั้นคล้ายภูเขายืนบดบังอยู่ตรงหน้าหลินสวิน

“เจ้ากล้าขัดขวางข้าหรือ” เด็กหนุ่มโมโห ตะเบ็งเสียงใส่

ชายชราเพียงสะบัดปลายนิ้ว กระบี่วิญญาณก็ปริแตก

เด็กหนุ่มคล้ายถูกเอาคืน ใบหน้าพลันซีดขาว พร้อมทั้งสะบัดเสียงใส่

“หลังจากสามลมหายใจ หากยังไม่หนีไปก็ทิ้งชีวิตไว้ตรงนี้เถิด” เสียงอารีอบอุ่นของชายชราไร้ความรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย

เด็กหนุ่มหน้าถมึงทึง กัดฟันด้วยความโกรธเคือง “ข้าจำเรื่องวันนี้ไว้แล้ว สักวันข้าจะเอาคืนเป็นสิบเท่า” ว่าแล้วเขาก็สะบัดชายผ้าบินออกไป

กระทั่งไร้เงาของเด็กหนุ่ม ชายชราจึงหันกลับหลังมามองหลินสวิน เอ่ยเสียงเจือแววขอโทษ “ข้าไม่คิดว่าเด็กตระกูลฉือคนนี้จะมาหาเจ้าโดยไม่สนใจคำทัดทาน”

หลินสวินส่ายหัว “ไม่เป็นไรขอรับ ข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสมากที่มาช่วยได้ทันเวลา”

เขาปิดบาดแผลบนร่างกายขณะพูด ท่าทางนิ่งสงบจนเรียกได้ว่าสงบเกินไป หลังจากจัดการบาดแผลเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโส คนผู้นั้นคือใครหรือขอรับ”

“ฉือฉางเฟิง หนึ่งในผู้มีความสามารถเป็นเลิศของตระกูลฉือในรุ่นนี้ ผู้มีสายเลือดดอกบัวม่วงกลางทะเลทองโดยกำเนิด พรสวรรค์โดดเด่น” ชายชราบอก เขาไม่ได้เอ่ยชมแต่พูดตามความเป็นจริง ฉือฉางเฟิงคนนี้เป็นตัวประหลาดที่โดดเด่นสะดุดตา ผู้มีอำนาจในนครต้องห้ามต่างยอมรับในตัวเขา

“เหตุใดเขาถึงจะเอาชีวิตข้า” หลินสวินถามต่อ

“เพราะซย่าจื้อ” หลินสวินผงะเมื่อชายชราบอกคำตอบที่นอกเหนือความคาดหมาย

ครู่หนึ่งเขาถึงมุ่นคิ้วถาม “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

ชายชราหวนนึก “พูดแล้วเรื่องยาว เจ้าตามข้ามาเถอะ เมื่อเข้าไปในนครต้องห้ามแล้ว ข้าจะบอกเรื่องราวทุกเรื่องที่เจ้าอยากรู้ให้เจ้าฟัง”

 หลินสวินพยักหน้า

ชายชราสะบัดชายผ้า พลังนุ่มนวลสายหนึ่งหลั่งไหลออกมา ครอบคลุมตัวเขาและหลินสวินให้โผบินขึ้นฟ้า ลอยออกไปยังที่แสนไกล

หลินสวินเก็บไข่มุกสีดำในมือซ้ายไว้ ไข่มุกเม็ดนี้คือไข่มุกสะเทือนสวรรค์ เป็นไข่มุกที่ตะพาบเขียวสร้างขึ้นฆ่าเวลาเมื่อตอนอยู่ติดอยู่ในอนุสรณ์สถานโบราณเกือบพันปี พลังของมันแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำร้ายยอดฝีมือในระดับหยั่งสัจจะได้

การสร้างไข่มุกนี้มีขั้นตอนยุ่งยาก ภายในหนึ่งพันปีตะพาบเขียวสร้างขึ้นมาได้เพียงเก้าลูก ในตอนแยกจากได้แบ่งให้หลินสวินปกป้องตัวเองสามลูก

หากชายชราไม่ปรากฏกาย หลินสวินคงไม่ลังเลที่จะให้ฉือฉางเฟิงทดลองพลังของไข่มุกสะเทือนสวรรค์ลูกนี้

น่าเสียดายที่พลาดโอกาสไปแล้ว คงต้องรอใช้มันในโอกาสหน้าแล้วสินะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด