Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 370

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 370 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 ทุกอย่างล้วนมีสองด้าน
โดย

ในคืนเดียวกัน

หลังจากกลับถึงตระกูล หลินเสวี่ยเฟิงก็ตรงไปที่เรือนพักของหลินไหวหย่วนผู้เป็นบิดาทันที

“ท่านพ่อ ลูกมีเรื่องจะรายงาน” หลินเสวี่ยเฟิงสีหน้าจริงจัง

“ว่ามา” หลินไหวหย่วนยิ้มพูด

“ลูกตัดสินใจแล้วว่า ต่อไปจะสนับสนุนน้องหลินสวินในการครองอำนาจในภูเขาชำระจิตอย่างเต็มที่!”

หลินเสวี่ยเฟิงพูดอย่างมาดมั่น

รอยยิ้มบนมุมปากของหลินไหวหย่วนชะงักค้าง ครู่ใหญ่จึงพูดว่า “บอกเหตุผลข้ามา”

จากนั้นหลินเสวี่ยเฟิงก็เล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ รวมทั้งเรื่องที่ตัวเองเกือบตายคามือฮวาอู๋เหินอย่างไม่คิดปิดบัง

เมื่อทราบเรื่องทั้งหมด สีหน้าของหลินไหวหย่วนพลันเผยความสับสน ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจ “ข้าเข้าใจแล้ว”

จากนั้นก็อดถามไม่ได้ “แต่เจ้า…แน่ใจแล้วหรือว่าจะทำแบบนี้ อย่าลืมว่าถ้าหลินสวินแพ้การประลองกับฮวาอู๋โยว เจ้าก็จะยิ่งมีโอกาสกลับไปชิงอำนาจการครอบครองภูเขาชำระจิต…”

พูดยังไม่ทันจบหลินเสวี่ยเฟิงพลันแทรกขึ้นมาอย่างขึ้งโกรธ “ท่านพ่อ หลินสวินออกไปประลองแทนลูก ท่าน…ท่านพูดแบบนี้ได้อย่างไร”

หลินไหวหย่วนกลับยิ้มอย่างปล่อยวาง “ข้ามั่นใจแล้วว่าเจ้าละวางสิ่งที่ยึดมั่น และหันไปช่วยหลินสวินอย่างจริงใจ”

หลินเสวี่ยเฟิงอึ้งงันไป เพิ่งเข้าใจว่าที่บิดาพูดเมื่อครู่นี้เพราะต้องการจะลองใจเขา จึงอดรู้สึกผิดไม่ได้ “ท่านพ่อ ลูกทำให้ท่านพ่อผิดหวังแล้ว”

หลินไหวหย่วนยกมือขึ้นโบก “เจ้าอย่าได้คิดแบบนี้ เพราะถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะตัดสินใจแบบเดียวกัน เจ้าทำดีมากแล้ว ข้าภูมิใจมาก เรื่องนี้ข้าจะสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน”

หลินเสวี่ยเฟิงสะท้าน พลันพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านพ่อที่เข้าใจ!”

“แต่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจะยอมจำนนต่อหลินสวินในทันที เขามีสัญญากับท่านปู่ของเจ้า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามความต้องการของท่านปู่ของเจ้า”

หลินไหวหย่วนพูดอย่างจริงจัง

“ลูกเข้าใจ” หลินเสวี่ยเฟิงพยักหน้า

“ไปเถอะ”

หลินไหวหย่วนยกมือขึ้นโบก มองลูกชายจนลับสายตาไปแล้วจึงถอนหายใจคราหนึ่ง

ยังมีอีกเรื่องที่หลินไหวหย่วนไม่ได้พูดออกมา เมื่อหลินเสวี่ยเฟิงตัดสินใจจะสนับสนุนหลินสวินอย่างเต็มกำลัง ก็เท่ากับว่าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของพวกเขาได้ยอมจำนนต่อหลินสวินแล้ว ส่วนเรื่องที่จะยอมเชื่อฟังอย่างสุดใจเมื่อไร นั่นขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

“หลินสวินผู้นี้…ถือว่าเป็นเด็กอัจฉริยะที่หายาก ถ้าเขาชนะการประลองกับฮวาอู๋โยวจริงๆ ย่อมสร้างความตื่นตะลึงอย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงเป็นการกล่าวเตือนตระกูลสาขาทั้งสามอย่างแน่นอน”

หลินไหวหย่วนนั่งครุ่นคิดเพียงลำพัง

จากการสนทนากับหลินเสวี่ยเฟิง ทำให้เขาตระหนักได้ว่า การที่สามารถอยู่ร่วมกับหนุ่มสาวยุคใหม่มากความสามารถอย่างสืออวี่ หนิงเหมิง ไป๋หลิงซี จ้าวหยินได้ ความสามารถของหลินสวินย่อมไม่อาจมองข้ามได้เด็ดขาด!

……

ณ ตระกูลหลินแห่งธารประจิม

แสงไฟสว่างไสวไปทั่วทั้งห้องประชุมในยามดึก

หลินเทียนหลงหัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมเก็บข่าวที่เพิ่งได้รับมาก่อนหัวเราะเสียงดังไม่หยุด “ดีๆๆ ในที่สุดมันก็เจอของจริง! ไม่เพียงแค่มีเรื่องกับฮวาอู๋เหิน แต่ถึงขั้นทำร้ายสองพี่น้องตระกูลซ่งจนสาหัสที่หอสรวลทรัพย์ แบบนี้ก็เท่ากับเขามีเรื่องกับตระกูลทรงอิทธิพลถึงสองตระกูลในคราเดียว!”

“ที่เด็ดที่สุดคือ เขาดันไม่รู้จักประมาทตน ไปรับคำท้าของฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋โยวนั่นเป็นนางยักษ์เผด็จการที่ทำอะไรตามอำเภอใจและมีชื่อเสียงมากในสำนักศึกษามฤคมรกต คิดไปประลองกับนางถือว่ารนหาที่ตายชัดๆ”

อีกด้านหลินเนี่ยนซานหัวหน้าตระกูลหลินแห่งคานเมฆาเองก็ขำเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่

“แบบนี้เรียกว่ากรรมตามสนอง หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นหรอก ด้วยความเหี้ยมโหดของนางยักษ์ ถ้าหลินสวินแพ้ ไม่ตายก็คงพิการ บางทีเราอาจจะฉวยโอกาสตอนนั้นลงมือช่วงชิงภูเขาชำระจิตกลับมา!”

หลินผิงตู้หัวหน้าตระกูลหลินแห่งยอดวายุพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

ช่วงที่ผ่านมาพวกเขาต่างอัดอั้นกันมาก ทีแรกวางแผนกันเอาไว้ว่าจะฉวยโอกาสควบคุมหลินสวินให้มาเป็นหุ่นเชิดของพวกเขา

ใครจะคิดว่าหลินสวินจะเก็บตัวอยู่แต่ในภูเขาชำระจิตไม่ยอมออกมา พอออกมาแต่ละที ก็พายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะอย่างหลินจงและจูเหล่าซานออกมาด้วยทุกครั้ง ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงมือ

จวบจนกระทั่งตอนนี้ ในขณะที่พวกเขากำลังรู้สึกผิดหวังกลับมีข่าวดีเช่นนี้ จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร

“แต่เส้นสายของเจ้านี่ก็ดูถูกไม่ได้เชียว ในข่าวบอกว่า ในงานเลี้ยงที่หอสรวลทรัพย์ที่เขาเข้าร่วมครั้งนี้ แม้กระทั่งหนุ่มสาวมากความสามารถอย่างสืออวี่ หนิงเหมิง ไป๋หลิงซี จ้าวหยินยังออกหน้าแทนเขา จนซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อต้องหนีกระเจิงออกมา ถือว่าไม่ธรรมดาเลยเชียว”

หลินเทียนหลงเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม

ได้ยินแบบนี้ ความตื่นเต้นของหลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้พลันหดหายไปไม่น้อย สีหน้ากลับมาสงบนิ่ง

“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าเขาสนิทกับคนหนุ่มสาวเหล่านั้นมากเพียงใด แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่ว่าอำนาจเบื้องหลังของหนุ่มสาวเหล่านี้จะยิ่งใหญ่เพียงใด อำนาจเหล่านั้นก็ไม่มีทางหันมาสนับสนุนหลินสวินเพียงเพราะความคิดของคนเหล่านี้แน่”

หลินเนี่ยนซานแจงเสียงเย็น “ก็เหมือนสืออวี่ แม้เขาจะเป็นบุตรชายคนที่สามของเทพเศรษฐีสือ แต่ถ้าจะให้อัครการค้าสนับสนุนหลินสวินอย่างเต็มกำลังก็คงเป็นไปไม่ได้”

“ไม่เพียงเท่านี้ แค่เรื่องที่หลินสวินล่วงเกินลูกหลานของตระกูลซ่งและตระกูลฮวา ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาพินาศได้!”

หลินผิงตู้พูดอย่างเย็นชา “เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็คือ รอดูความพ่ายแพ้ของมันแล้วฉวยโอกาสเข้าควบคุมมันซะ!”

“สามวันหลังจากนี้ เราไปดูการประลองที่สังเวียนสวรรค์ยุทธ์กันดีหรือไม่” หลินเทียนหลงเสนอ

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้ตอบรับอย่างยินดี

……

คืนนี้ไม่เพียงแค่ตระกูลรองทั้งสี่ของตระกูลหลิน แต่ตระกูลทรงอำนาจทรงอิทธิพลมากมายในนครต้องห้ามต่างได้รับข่าวพวกนี้

ถึงอย่างไรเรื่องที่ลูกหลานตระกูลฮวาโดนซัดจนร่วงกลางถนน และลูกหลานตระกูลซ่งถูกทำร้ายจนสาหัสนั้นช่างชวนตะลึงยิ่ง ประเด็นหลักคือ คนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้ยังเป็นคนเดียวกัน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากขุมอำนาจททั้งหมดแล้ว

“หลินสวินคือใคร?”

“ได้ยินว่าเป็นทายาทสายตรงของท่านเต้าเฉิน ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ภูเขาชำระจิต”

“เหอะๆ น่าสนใจ! หลังจากเหตุการณ์นองเลือดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็ไม่ค่อยยินข่าวเกี่ยวกับตระกูลหลินอีกเลย”

……

“เด็กคนนี้ถือว่าเอาเรื่อง มีเรื่องกับลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลถึงสองตระกูลในคืนเดียว ก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจจากไหนมา”

“ใช่ อีกสามวันเขาจะไปประลองกับนางยักษ์ฮวาอู๋โยวที่สังเวียนสวรรค์ยุทธ์ ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งนัก”

“ก็ไม่รู้ว่าตระกูลฮวาและตระกูลซ่งจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”

“ถึงเวลานั้นพวกเราไปดูกันดีไหม”

“ก็ดีเหมือนกัน สมัยก่อนท่านเต้าเฉินเป็นบุคคลระดับตำนานที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว แม้แต่จักรพรรดิคนปัจจุบันยังเคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก ข้านึกสงสัยนักว่าทายาทสายตรงของท่านเต้าเฉินคนนี้จะมีความโดดเด่นอะไรบ้างหรือไม่”

……

“ใคร? เจ้าตระกูลทรงอิทธิพลที่อ่อนแอที่สุดในนครหลวงนั่นน่ะหรือ”

“ใช่ เขานั่นแหละ!”

“เด็กนี่กล้าดีเดือดนัก กล้าหาเรื่องแม้กระทั่งนางยักษ์อย่างฮวาอู๋โยว รนหาที่ชัดๆ”

“เหอะๆ ข้ามีลางว่า หลังจากพรุ่งนี้นครต้องห้ามจะต้องสั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้!”

“แน่นอนอยู่แล้ว คนที่กล้าหาเรื่องลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลสองตระกูลพร้อมกันแบบนี้ไม่ได้มีมานานแล้ว”

……

ยามราตรี คำวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนี้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งนครต้องห้ามด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ ชักนำให้เกิดเสียงฮือฮามากมาย

และในเช้าวันถัดมา

ฟ้าเพิ่งจะสร่าง จอภาพวิญญาณขนาดใหญ่ใจกลางนครต้องห้ามก็เริ่มฉายข่าวนี้

หญิงสาวบุคลิกสง่างาม ใบหน้าสวยผ่องยองใย กำลังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่หอสรวลทรัพย์เมื่อคืนที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบอย่างฉะฉาน

ความโกลาหลบังเกิดทันควัน เสียงฮือฮาดังขึ้นไม่ขาดสาย

“หลินสวินคนนี้เก่งกาจขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่เข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักร”

“ไร้สาระ ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาแล้วไม่ใช่หรือว่าเขามีเรื่องรัดตัว ไม่สามารถเข้าร่วมได้ ไม่อย่างนั้นในการทดสอบระดับอาณาจักรครั้งนี้ต้องมีที่ยืนสำหรับเขาอยู่แล้ว!”

“หึ เก่งแค่ไหนก็เท่านั้นแหละ บังอาจหาเรื่องตระกูลฮวาและตระกูลซ่งก็มีแต่ตายกับตาย สงสารเจ้าหนุ่มคนนี้จริงๆ เพิ่งได้ครองอำนาจภูเขาชำระจิตแท้ๆ คราวนี้ไม่เพียงเขาที่พินาศ คิดว่าภูเขาชำระจิต…ก็คงต้องเปลี่ยนเจ้าของซะแล้วกระมัง”

“เฮ้ย แค่พูดก็พูดได้สิ ต่อให้หลินสวินจะแย่แค่ไหน แต่เขาก็กล้าซัดลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลจนร่วง เจ้ากล้าหรือเปล่า ไม่กล้าก็เงียบไป”

“เหอะๆ ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหน แต่จะสู้นางยักษ์อย่างฮวาอู๋โยวได้หรือ คอยดูเถอะ หลินสวินในอีกสามวันให้หลังต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ชื่อเสียงป่นปี้แน่!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา เกิดขึ้นไม่ขาดสาย ข้อวิจารณ์เกี่ยวกับตัวหลินสวินยิ่งกลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตา

นี่ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับหลินสวินอ้อมๆ เกรงว่าอีกไม่นานคงแพร่ไปทั่วนครต้องห้าม และกลายเป็นที่รู้จักของผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วน

ส่วนการประลองของหลิงสวินและฮวาอู๋โยวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า ยิ่งเป็นที่รอคอยและตื่นเต้นของผู้คน

ทุกคนต่างวิ่งแจ้นไปสังเวียนสวรรค์ยุทธ์ด้วยความเร็วดั่งห้อม้าทันทีที่รู้ข่าวนี้ แต่กลับพบอย่างตะลึงว่า ตั๋วเข้าสนามประลองในอีกสองวันขายหมดไปแล้ว!

เท่านี้ก็รู้แล้วว่าการประลองในครั้งนี้ได้รับความสนใจมากเพียงใด

แม้แต่ในสำนักศึกษามฤคมรกตก็มีศิษย์จำนวนไม่น้อยให้ความสนใจกับการประลองครั้งนี้ เพราะฮวาอู๋โยวเป็นศิษย์สายในคนหนึ่งของ ‘เรือนยุทธ์วิถี’ ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง

ด้วยฐานะระดับนาง อยากจะท้าประลองกับใคร จะให้เงียบเชียบไม่เป็นที่สนใจคงทำได้ยาก

ไม่นานศิษย์มากมายก็เริ่มสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับหลินสวิน จนรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี ทั้งยังไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักร จึงอึ้งไปตามๆ กัน

คนแบบนี้คู่ควรให้ประลองกับฮวาอู๋โยวงั้นหรือ

แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็น ศิษย์จำนวนหนึ่งตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินสวินคนนั้นจะแน่แค่ไหนกันเชียว และหวังว่าจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง

หลินสวินไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย

ตั้งแต่กลับสู่ภูเขาชำระจิตเมื่อคืนเขาก็เข้าสู่การฝึกเหมือนที่ผ่านมา นั่งขัดสมาธิ ฝึกดาบ ชื่นชมธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างราบเรียบอิสระ ราวกับการประลองกับฮวาอู๋โยวไม่ส่งผลอะไรต่อเขาเลยสักนิด

จวบจนกระทั่งวันประลอง หลินสวินกินอาหารเช้าอันหลากหลายฝีมือเสี่ยวเคอท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นแล้วบิดขี้เกียจอย่างพอใจ ก่อนจะบอกลาเสี่ยวเคอและพญาแร้งพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “รอเมื่อข้ากลับมาค่อยไปโรงหลอมอาวุธของหยางหลิงด้วยกัน จู่ๆ ข้าก็คิดวิธีทำเงินดีๆ ออก”

พูดจบเขาจึงออกจากภูเขาชำระจิตไปพร้อมกับหลินจงและจูเหล่าซาน

“เจ้าเด็กนี่ดูผิดปกติหน่อยๆ หรือไม่ จะประลองวันนี้อยู่แล้ว เขายังมีกะจิตกะใจห่วงเรื่องหาเงินอีกหรือ” หว่างคิ้วสวยของเสี่ยวเคอเผยความตะลึง

“ฮ่าๆ ทุกอย่างล้วนมีสองด้าน ยิ่งเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเขามั่นใจกับการประลองในครั้งนี้”

พญาแร้งอมยิ้ม กลางนัยน์ตากระจ่างเต็มไปด้วยแววเฉียบคม

“อ้อ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

เสี่ยวเคอคล้ายครุ่นคิด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด