Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 394 ยิงธนูดอกเดียวได้นกหลายตัว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 394 ยิงธนูดอกเดียวได้นกหลายตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 394 ยิงธนูดอกเดียวได้นกหลายตัว
โดย

สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ แม้จะถูกหลินสวินปฏิเสธความหวังดี แต่อวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วกลับไม่โกรธเลยสักนิด

ทั้งสามต่างรู้ดีว่าการจะได้ตัวยอดฝีมืออย่างหลินสวินไป อาศัยเพียงลมปากเท่านี้เป็นไปไม่ได้แน่

ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการเวลากลับไปหารือกับฝ่ายของตัวเอง ว่าควรใช้อะไรเข้าแลกจึงจะได้ตัวหลินสวิน

สุดท้ายตอนที่หลินสวินกลับไป ได้เกิดเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ขึ้น

เหล่าผู้มีชื่อเสียงในศาสตร์การสลักวิญญาณของจักรวรรดิต่างไปส่งหลินสวินขึ้นเกี้ยวสมบัติ มองส่งพร้อมรอยยิ้มจนอีกฝ่ายลับสายตาไป

สิทธิพิเศษเกินเหตุแบบนี้ทำเอาเหล่านักสลักวิญญาณต่างตะลึงจนปากอ้าตาถลน สั่นสะเทือนในใจไม่หยุด

เพียงแต่ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่า หลังจากคนตระกูลฉู่เห็นภาพนี้ แต่ละคนกลับเผยความเศร้าหมองหมดอาลัยตายอยาก

โดยเฉพาะฉู่ไห่ตง พอเห็นหลินสวินได้รับผลประโยชน์ขนาดนี้ก็สะเทือนใจจนกระอักเลือดออกมาอีกคำ ก่อนจะตาเหลือกหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

หลังจากนั้นจึงถูกคนตระกูลฉู่หามออกไปจากภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ

ต้องบอกว่าฉู่ไห่ตงโชคร้ายมาก ปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นหนุ่มที่โดดเด่นอย่างเขาควรจะได้รับความสนใจและคำชื่นชม

แต่เขากลับมาเจอหลินสวิน ไม่ว่าสถิติใหม่ที่เขาสร้างจะโดดเด่นแค่ไหน แต่พอเจอกับหลินสวินกลับดูด้อยค่า

นี่เรียกว่าไปเทียบกับคนที่เหนือกว่าก็มีแต่จะทำให้น้อยเนื้อต่ำใจเท่านั้น

ฉู่ไห่ตงไม่ใช่คนใจคอคับแคบ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้ที่จะโมโหจนหมดสติไปแบบนี้

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขามีเรื่องบาดหมางกับหลินสวิน ทั้งยังประกาศกร้าวว่าจะใช้ผลการทดสอบของเก้าศิลาประตูมังกรมายืนยันว่า ระหว่างเขากับหลินสวินใครกันแน่ที่โง่เขลาไม่รู้ความ ใครกันแน่ที่เป็นไอ้โง่

ตอนนี้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว หลินสวินกลายเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้มีชื่อเสียง ส่วนเขาฉู่ไห่ตง…

ก็กลายเป็น… ไอ้โง่ที่โง่เง่าไม่รู้ประสา!

จะให้ฉู่ไห่ตงทนได้อย่างไร

ต่อไปเมื่อทุกคนในนครต้องห้ามพูดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงความแค้นระหว่างเขากับหลินสวิน และก็จะได้คำตอบว่าสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่เป็น ‘ไอ้โง่’!

ดังนั้นสุดท้ายฉู่ไห่ตงจึงโมโหจนกระอักเลือดหมดสติไป…

……

หลินสวินกลับไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีผู้ฝึกปราณมาสืบข่าวที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า

ล้วนเป็นคนที่ผู้มีอิทธิพลแต่ละฝ่ายส่งมา

เห็นแบบนี้คนใหญ่คนโตอย่างอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วพลันตระหนักได้ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้สะท้านขวัญเกินไป ย่อมต้องดึงดูดความสนใจของคนทั้งนคร!

พวกเขารั้งอยู่ต่อไม่ได้แล้วจึงต่างแยกย้าย เริ่มหารือวิธีที่จะดึงหลินสวินไปเป็นพวกอย่างเร็วที่สุด

ลิ่งหูซิวกลับยังไม่ไปไหน

สีหน้าของเขาเผยความสับสน ท่าทีเหมือนมีเรื่องหนักอึ้งในใจ ก่อนจะหมุนตัวเลี้ยวเข้าห้องสงบใจห้องหนึ่งในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ

ในห้องสงบใจมีคนรออยู่ก่อนแล้ว เป็นชายชราในชุดคลุมสีเขียว ใบหน้าเรียวยาว ผอมแห้งดุจกระบอกไผ่ นัยน์ตาเจือความเยียบเย็นเหี้ยมโหด

คนผู้นี้ก็คือมารเฒ่าฉวี่!

ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะที่เชี่ยวชาญวิชาช่วงชิงวิญญาณ

ครั้งนี้เขาถูกสามตระกูลรองแห่งตระกูลหลิน ธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุส่งตัวมา เดิมจะต้องร่วมมือกับลิ่งหูซิว ฉวยโอกาสตอนที่หลินสวินอยู่คนเดียวจับตัวเขาและช่วงชิงวิญญาณให้เขากลายเป็นหุ่นเชิด

แต่พอเห็นลิ่งหูซิวกลับมาคนเดียว มารเฒ่าฉวี่ก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว

“เมื่อครู่นี้มีเสียงร้องมังกรสนั่นขึ้น ราวกับมีเหตุการณ์ใหญ่อันใดเกิดขึ้น นี่มันอะไรกัน”

มารเฒ่าฉวี่พูดด้วยเสียงแหบพร่าราวกับงูพิษ ชวนให้รู้สึกอึดอัด

ลิ่งหูซิวถอนหายใจ ลังเลอยู่ครู่ สุดท้ายก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้

ได้ยินเรื่องทั้งหมด มารเฒ่าฉวี่ก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก ท่าทางตกตะลึง ครู่ใหญ่จึงพูดขึ้นว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าจึงเลือกล้มเลิกแผนการงั้นหรือ”

ลิ่งหูซิวหัวเราะเสียงเย็นทันที “เหลวไหล ไม่ทันพ้นคืนนี้ หลินสวินคนนี้ก็จะกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในนครต้องห้าม จะได้รับความสนใจจากเหล่าผู้มีอำนาจแต่ละฝ่าย ในสถานการณ์แบบนี้ใครกล้าฆ่าเขาก็เท่ากันเป็นศัตรูกับภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิและสำนักศึกษามฤคมรกต! ข้ายังไม่อยากตายตอนนี้ ไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้หรอกนะ!”

มารเฒ่าฉวี่เงียบงันไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าสิ่งที่ลิ่งหูซิวพูดเป็นความจริง อิทธิพลที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่หลินสวินทำในวันนี้มิอาจขวางกั้นได้ ในสถานการณ์แบบนี้ หากใครเป็นศัตรูกับเขา ก็รออวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วมาแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งได้เลย!

“ข้าตัดสินใจแล้วว่า ตั้งแต่นี้จะขีดเส้นความสัมพันธ์กับตระกูลหลินแห่งยอดวายุให้ชัดเจน”

ลิ่งหูซิวพูดอย่างมั่นหมาย สีหน้าเด็ดเดี่ยว “ไปหาเรื่องหลินสวินเพื่อพวกเขางั้นหรือ ไม่คุ้มเอาซะเลย! ข้าว่าเจ้าเองก็อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นปัญหาและความขัดแย้งภายในตระกูลหลินของพวกเขา คนนอกอย่างเจ้าเข้าไปแทรก ไม่แน่ว่าวันไหนจะสิ้นชีพเอา”

สีหน้าของมารเฒ่าฉวี่เปลี่ยนไปโดยพลัน พูดเสียงเย็น “ข้าไม่กลัว”

แต่ถัดมาเขากลับถอนหายใจ “แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งจริงๆ ข้าจะลองพิจารณาคำแนะนำของเจ้า”

พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน

“หากเจ้าจะถอนตัวก็รีบถอยออกมาให้เร็วที่สุด”

ลิ่งหูซิวเตือนอีกประโยค

มารเฒ่าฉวี่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

……

บนเกี้ยวสมบัติ หลินสวินนวดหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะสั่งว่า “ลุงจง หลังจากกลับภูเขาชำระจิตคราวนี้ ไม่ว่าใครมาหาข้าก็ปฏิเสธกลับไปทั้งหมด รอให้ข้าฟื้นตัวก่อนค่อยว่ากัน”

หลินจงพยักหน้า สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ “นายน้อย เสียงร้องมังกรสะเทือนฟ้าเมื่อครู่นี้…”

หลินสวินยิ้ม “ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านการทดสอบรับรองการเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณแล้ว จะสร้างความฮือฮาถึงเพียงนี้”

หลินจงหึกเฮิมขึ้นมาทันที สีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา

เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติตั้งแต่ตอนที่เห็นเหล่าผู้ทรงอิทธิพลอย่างอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่ว ส่งหลินสวินออกจากภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณโดยพร้อมเพรียงกันแล้ว

และตอนนี้หลังจากได้รับคำยืนยันจากหลินสวิน ในที่สุดหลินจงก็เชื่อแล้วว่า นายน้อยของเขากลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริงแล้ว!

อีกทั้งหลังผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกร ยังทำให้เกิดเสียงร้องมังกรสนั่นฟ้า สะเทือนไปทั่วทั้งนครต้องห้าม!

หลินจงยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น สีหน้าเผยความปิติยินดี

อีกสองเดือนนายน้อยของเขาก็จะเพิ่งอายุสิบหก แต่เขากลับกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณแล้ว! เก่งกาจยิ่งกว่าเฟิงชิงโยวที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วนครต้องห้ามเสียอีก ถ้านายท่านและนายหญิงยังอยู่ และได้รับรู้ความสำเร็จของนายน้อยจะดีใจเพียงใด

ถ้าสายเลือดโดยตรงของตระกูลหลินยังมีชีวิตอยู่ จะภาคภูมิใจแค่ไหน

จูเหล่าซานที่ควบคุมเกี้ยวสมบัติอยู่ภายนอก สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก

แต่ในส่วนลึกของหัวใจเขากลับพึมพำซ้ำไปซ้ำมาว่า ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร…เรื่องเล่าขายเมื่อพันปีก่อนเป็นจริงหรือนี่…’

พอกลับถึงภูเขาชำระจิต หลินสวินตรงไปที่ห้องฝึกสงบใจบนชั้นสามของตำหนักชำระจิตและเริ่มพักฟื้นพลังที่เสียไป

เขาเหนื่อยล้ามากเกินไปจริงๆ

ส่วนหลินจงได้พาจูเหล่าซานไปหาพญาแร้ง

“เสียงร้องแห่งเก้ามังกร การรับรองผลการทดสอบระดับสมบูรณ์แบบ ปรมาจารย์สลักวิญญาณอายุเพียงย่างสิบหกปี…”

หลังจากได้รับรู้ความสำเร็จที่หลินสวินทำในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ พญาแร้งเองก็อดอึ้งงันไปไม่ได้ ทั้งตะลึงและเหลือเชื่อ

“ในที่สุดข้าก็เชื่อแล้วว่า ที่เขาบอกว่าจะใช้วิธีสร้างชุดศึกสลักวิญญาณมาช่วยข้าแก้ ‘มารพบเคราะห์’ ที่แท้ก็เป็นความจริง”

เนิ่นนานพญาแร้งจึงพูดอย่างตะลึง

เขาไม่คิดเลยว่า ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนหลินสวินจะประสบความสำเร็จได้มากเช่นนี้ ไวเกินไปแล้ว!

“เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างชุดศึกสลักวิญญาณได้”

จูเหล่าซานพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันควัน “แต่ผู้ที่สามารถปลุกเสียงร้องแห่งเก้ามังกรได้ ในพันปีมานี้มีเพียงเขาคนเดียว”

นี่เป็นครั้งแรกที่จูเหล่าซานร่วมวงสนทนา ทำเอาพญาแร้งอึ้งงันไป พลันถามว่า “แล้วเจ้าคิดว่า สุดท้ายแล้วหลินสวินจะช่วยเจ้า…เข้าไปในหอคอยกระบวนแปรจุติที่อยู่ในส่วนลึกของพระราชวัง เพื่อแก้ไขปัญหาการบรรลุปราณของเจ้าได้หรือไม่”

จูเหล่าซานเงียบไปครู่ก่อนจะพูดว่า “รอดูก็รู้”

นี่เป็นคำตอบที่รักษาท่าทีที่สุดแล้ว แต่พญาแร้งกลับพอใจมาก อย่างน้อยเขาก็ดูออกว่า ท่าทีของจูเหล่าซานได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ได้ดูนิ่งเฉยไร้ความหวังเหมือนที่ผ่านมาแล้ว

“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ตอนนั้นหลินสวินเคยบอกว่า ที่เขาจะสร้างชุดศึกสลักวิญญาณเป็นการยิงธนูดอกเดียวได้นกหลายตัว ตอนนี้ดูไปแล้ว เขาได้ประสบความสำเร็จในก้าวแรกแล้ว”

พญาแร้งวิเคราะห์ “แน่นอนว่าการเกิดเสียงร้องแห่งเก้ามังกรต้องกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งนครต้องห้าม นับแต่นี้หลินสวินไม่ใช่เพียงเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตแล้ว เขายังเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่เชี่ยวชาญศาสตร์การสลักวิญญาณเหนือธรรมดา! เป็นที่หมายปองจากขุมอำนาจอย่างภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิและสำนักศึกษามฤคมรกต!”

หยุดไปครู่เขาก็พูดต่อว่า “มีฐานะเช่นนี้ ก็เพียงพอทำให้เขานั่งตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลหลินได้อย่างมั่นคงแล้ว ทั้งยังคาดการณ์ได้ว่า เมื่อตระกูลรองทั้งสามสายอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุรู้เรื่องทั้งหมดนี้ ย่อมต้องกระวนกระวาย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นการโจมตีอย่างรุนแรงแบบหนึ่งต่อพวกเขามิใช่หรือ”

พูดถึงตรงนี้พญาแร้งพลันระบายยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “หลินสวินเดิมหมากตานี้ได้ยอดเยี่ยมมาก ข้าจินตนาการออกเลยว่า พรุ่งนี้ชื่อของหลินสวินจะต้องเป็นที่กล่าวถึงทั่วทั้งนครต้องห้าม! และต่อไปขุมอำนาจอย่างภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิและสำนักศึกษามฤคมรกตก็จะต้องทอดไมตรีให้หลินสวิน ไม่ว่าหลินสวินจะเลือกเข้าร่วมฝ่ายไหน ก็ล้วนทำให้สถานการณ์ของหลินสวินเปลี่ยนแปลงไปอีกก้าว”

“จริงอย่างที่ท่านกล่าว”

หลินจงอดนับถือไม่ได้ ในเรื่องของการอ่านสถานการณ์ ไม่มีใครทำได้ดีกว่าพญาแร้งเลยจริงๆ

“ฮ่าๆ ข้าก็เพียงวิเคราะห์ไปตามน้ำ คนที่เก่งกาจจริงๆ คือหลินสวิน ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกับตา ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง”

พญาแร้งหัวเราะลั่น

หลินจงเองก็ยิ้มขึ้นมาเช่นกัน ในใจเปี่ยมล้นไปด้วยความภาคภูมิใจ

แม้แต่จูเหล่าซานยามนี้ก็ยังพยักหน้าน้อยๆ กล่าวว่า “ท่านเต้าเฉินมีสืบทอดแล้ว”

……

พญาแร้งยังประเมินความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเพราะหลินสวินต่ำไป ในคืนนั้นเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณได้แพร่สะพัดไปทั่วนครต้องห้ามประหนึ่งพายุคลั่ง!

สร้างความตกตะลึงและเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไรในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด