Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 406 การทดสอบมาเยือน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 406 การทดสอบมาเยือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 406 การทดสอบมาเยือน
โดย

เสียงนกร้องจิ๊บๆ อยู่บนต้นไม้โบราณเขียวขจี

เสียงอันราบเรียบแจ่มชัดของหลินสวินดังก้องอยู่ในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า

ในห้องเรียนบรรดาศิษย์นั่งตัวตรง ท่าทางตั้งใจ เผยสีหน้าขบคิด แปลกใจ ปิติยินดีและสงสัยออกมาเป็นระยะ

นอกห้องเรียน ทั้งหน้าต่าง หน้าประตูล้วนถูกศิษย์จากห้องอื่นยึดครอง ทุกคนต่างเงียบฟัง ไม่มีใครพูดคุยกัน

บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม

ทีแรกศิษย์เหล่านี้ชื่นชมชื่อเสียงของหลินสวิน ส่วนใหญ่มาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินเริ่มสอน พวกเขาก็ค่อยๆ ถูกดึงดูดความสนใจ ราวกับกำลังฟังหลักความจริง ไร้ซึ่งความคิดฟุ้งซ่านอีก

เหล่าอาจารย์ที่เดินผ่านทางมาเป็นครั้งคราวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็อดตะลึงและเดินเข้ามาได้ พลอยตั้งใจฟังอย่างละเอียดไปด้วย

ฉับพลันก็เผยสีหน้าครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่หลินสวินสอนไม่อาจเรียกได้ว่าซับซ้อน ล้วนเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของนักสลักวิญญาณชั้นต้น แต่วิธีที่เขาสอนกลับพิเศษมาก

ไม่มีเนื้อหาทฤษฎียาวๆ ที่น่าเบื่อหน่าย ไม่ได้บอกว่าต้องสลักอย่างไร หรือในนั้นมีความเร้นลับที่ควรค่าแก่การศึกษาซ่อนอยู่มากน้อยแค่ไหน

แต่นำตัวอย่างต่างๆ มาพิสูจน์ ใช้มุมมองที่แตกต่างของการหลอมบ้าง การจัดวางบ้าง มาอธิบายผลกระทบที่จะเกิดกับรอยสลักวิญญาณอย่างชัดเจน

สิ่งที่น่าแปลกที่สุดคือ ตัวอย่างรอยสลักวิญญาณทั้งหมดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ไม่เหมือนกับระบบความรู้อันเป็นที่ยอมรับจากอาจารย์ท่านอื่นๆ!

ทำให้อาจารย์เหล่านั้นฟังด้วยความเพลิดเพลิน รู้สึกอัศจรรย์ใจและเปิดหูเปิดตา

ยากจะจินตนาการว่า เหตุใดหลินสวินถึงได้มีความรู้ลึกซึ้งและไม่เหมือนใครตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ถือเป็นการเปิดระบบความรู้ใหม่เกี่ยวกับการสลักวิญญาณเลยเชียว

โดยเฉพาะตัวอย่างบางส่วนที่หลินสวินยกมา แม้แต่อาจารย์เหล่านั้นยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ดูแปลกใหม่มากจริงๆ

เช่นว่าหมึกวิญญาณของ ‘รอยสลักวิญญาณสุริยันมรกต’ ที่เดิมทีต้องใช้วัตถุดิบวิญญาณร้อยกว่าชนิดในการสกัด

แต่หลินสวินกลับเสนอว่า เพียงใช้น้ำจาก ‘หญ้าปลาเมามาย’ เป็นตัวนำ และใช้วัตถุดิบวิญญาณอีกเพียงสิบกว่าชนิดก็สามารถสกัดหมึกวิญญาณชนิดนี้ขึ้นมาได้แล้ว อีกทั้งคุณภาพยังดีกว่าหนึ่งระดับด้วย

หญ้าปลาเมามายไม่ใช่วัตถุดิบวิญญาณที่หายาก แต่อาจารย์ทุกท่านล้วนไม่เคยคิดว่า วัตถุดิบวิญญาณชนิดนี้จะสามารถนำมาใช้แบบนี้ได้ด้วย!

เหมือนเป็นการเปิดประตูสู่ทางสว่างบานใหม่ให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขาอยากรีบไปลองแทบไม่ไหวแล้ว

หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น

หนึ่งชั้นเรียนก็จบลง

แต่ทั้งในและนอกห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ต่างรู้สึกอยากเรียนต่อ ในใจพวกเขาก็ยิ่งเคารพหลินสวินมากขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้ชื่ออันทรงเกียรติย่อมมากไปด้วยความสามารถ คำคนโบราณกล่าวไว้ไม่มีผิด!

……

ตั้งแต่วันนั้น ทุกครั้งที่หลินสวินไปสอนที่ห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า นอกหน้าต่างและประตูจะมีคนมากมายไปรอกันอยู่แล้ว

ไม่เพียงแค่ศิษย์ แต่อาจารย์จำนวนมากก็ถูกดึงดูดมาด้วย

อีกทั้งคนที่เข้ามาฟังการสอนก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นี่ทำให้ศิษย์ในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้ายิ่งภาคภูมิใจเข้าไปใหญ่ ต่างรู้สึกเป็นเกียรติ เพราะอาจารย์เสี่ยวหลินเป็นของพวกเขา!

สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ แรกๆ หลินสวินก็ยังแปลกใจอยู่บ้าง แต่หลังๆ ก็ปล่อยไปตามน้ำ

นอกจากไปสอนทุกวัน เวลาที่เหลือหลินสวินใช้เวลาไปกับการฝึกตน บ้างนั่งสมาธิฝึกปราณ บ้างเคี่ยวกรำวิชายุทธ์

ชีวิตที่สงบสุขและมั่นคงเช่นนี้ ทำให้พลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลางของเขาถูกกลั่นหลอมให้ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทว่าเมื่อเทียบกับความเร็วด้านการทะลวงปราณในอดีต คราวนี้หลินสวินดูเหมือนจะติดอยู่ในคอขวดของการฝึกปราณ แม้ว่าเขาจะกลืนโอสถวิญญาณชนิดต่างๆ พลังปราณก็ยังคงติดอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลาง ไม่สามารถบรรลุสู่ขั้นปลายได้

นี่ก็คืออุปสรรคในการฝึกปราณ

อาศัยเพียงการปิดด่านกักตนยากจะบรรลุปราณได้ ต้องพึ่งวาสนาและการฝึกฝนที่แน่นอนด้วย บางทีอาจถูกกระตุ้นในจังหวะที่เหมาะสม จนสามารถทลายกำแพงนี้ บรรลุขั้นไปได้

แม้พลังปราณไม่อาจไม่บรรลุ แต่ในด้านการฝึกยุทธ์กลับมีพัฒนาการเป็นที่น่าพอใจ

สำหรับการฝึกฝน ‘เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์’ หลินสวินสามารถผสานกระบวนท่าสองท่าที่แตกต่างกันเป็นหนึ่งเดียวได้แล้ว!

อย่างเช่น ‘กระบวนท่าทลายภูผา’ กับ ‘กระบวนท่าทลายสมุทร’ สามารถผสานกันกลายเป็น ‘กระบวนท่าทลายภูผามหาสมุทร’

หรือ ‘กระบวนท่าทลายอากาศ’ กับ ‘กระบวนท่าทลายวิญญาณ’ ผสานกันกลายเป็น ‘กระบวนท่าทลายอากาศวิญญาณ’ เป็นต้น

การผสานกันเช่นนี้ ทำให้พลังของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ผนวกกับพลังปราณอันยิ่งใหญ่และทรงพลังของหลินสวิน อานุภาพจึงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!

นอกจากนี้หลินสวินก็ควบคุม ‘ก้าวย่างชือน้ำแข็ง’ ได้ในเบื้องต้นแล้ว ยามแสดงฝีมือ ร่างกายราวกับชือน้ำแข็งท่องนภา ร้องคำรามอยู่ในหมู่เมฆ ห้อเหยียดไปทั่วทุกสารทิศ ไม่เพียงแค่เร็วจนน่าทึ่ง ความสามารถในการเปลี่ยนท่วงท่าไร้ขีดจำกัดก็เรียกได้ว่าแปรเปลี่ยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ล่องลอยดั่งสายรุ้ง!

……

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

รู้ตัวอีกทีหลินสวินก็ทำงานที่สาขาสลักวิญญาณได้หนึ่งเดือนแล้ว

มาอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกต ความวุ่นวายภายนอกก็ราวกับไม่เกี่ยวข้องกับเขา กลายเป็นเรื่องที่ไกลตัวและไม่มีความสำคัญ

หลินสวินค่อยๆ ปรับตัวและชื่นชอบชีวิตที่สงบสุขเช่นนี้แล้ว ทั้งสบายใจ มั่นคง ได้อยู่กับศิษย์ที่มีชีวิตชีวาเหล่านี้แล้วรู้สึกผ่อนคลายและดื่มด่ำอย่างบอกไม่ถูก

ช่วงที่ผ่านมา ทั้งอาจารย์และศิษย์ทุกคนในสาขาสลักวิญญาณล้วนรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของหลินสวิน และห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้าของเขา ก็ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ในสาขาสลักวิญญาณไปแล้ว

พอถึงชั้นเรียนของหลินสวิน ก็จะมีศิษย์และอาจารย์มากมายมาล้อมกันอยู่นอกหน้าต่าง เงียบฟังอย่างตั้งใจ

จนกระทั่งตอนหลัง เนื่องจากมีคนจำนวนมากเกินไป ศิษย์หลายคนถึงขั้นไปห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้าก่อนเวลา เพื่อยึดตำแหน่งที่ดีในการฟังบรรยายของหลินสวิน

ฐานะของศิษย์และอาจารย์เหล่านั้นก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอยู่บ้าง ไม่เพียงแค่ศิษย์จากตึกระดับ ค. เท่านั้น แม้แต่ศิษย์และอาจารย์จากตึกระดับ ก. และ ข. ก็วิ่งมาฟังบ้างเป็นระยะ

อย่าลืมว่าศิษย์จากตึก ก. และตึก ข. ล้วนเป็นนักสลักวิญญาณชั้นสูงและชั้นกลางตามลำดับ อาจารย์ที่สอนพวกเขาล้วนเป็นระดับปรมาจารย์สลักวิญญาณ

แต่พวกเขากลับมาฟังความรู้ของนักสลักวิญญาณชั้นต้นที่หลินสวินสอน นี่ไม่ใช่เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์หรือ

แม้แต่ปรมาจารย์สลักวิญญาณระดับเสิ่นทั่วยังแวะมาบ้างเป็นครั้งคราว!

จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า เนื้อหาที่หลินสวินสอนนั้นมีเอกลักษณ์และแปลกใหม่มากเพียงใด ถึงได้ทำให้ปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้หยิ่งยโสเหล่านั้นมาฟัง ในสำนักศึกษามฤคมรกตนี้จะมีเสียกี่คนที่ทำได้ถึงเพียงนี้

แต่ก็มีอาจารย์หลายคนบ่น ยิ่งความนิยมของหลินสวินสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ระดับของอาจารย์อย่างพวกเขาดูต่ำลง

บางครั้งตอนที่เหล่าอาจารย์สอนอยู่ กลับพบว่าศิษย์จำนวนไม่น้อยแอบหนีเรียนไปฟังบรรยายของหลินสวิน ทำให้อาจารย์เหล่านั้นอดโกรธไม่ได้ รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ถึงขั้นที่อาจารย์ระดับปรมาจารย์สลักวิญญาณหลายท่านไม่พอใจหลินสวิน คิดว่าวิธีการสอนของเขาดูพยายามโดดเด่นเกินไป จนสงสัยว่าเขาจงใจเรียกความนิยม

แต่ที่จนปัญญาก็คือ หลินสวินยังคงเป็นที่นิยมอย่างมาก แม้ไม่พอใจแค่ไหน ปรมาจารย์สลักวิญญาณเหล่านี้ก็ทำอะไรไม่ได้

จนกระทั่งภายหลังถังเฉียนหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณรู้เรื่องทั้งหมด นอกจากความตะลึง ก็อดปวดหัวหน่อยๆ ไม่ได้

วิธีที่โดดเด่นไม่เหมือนใครของหลินสวิน กระทบต่อการสอนตามแบบแผนเดิมของสาขาสลักวิญญาณอยู่บ้าง

สุดท้ายหัวหน้าสาขาถังเฉียนจึงออกคำสั่ง ให้ปรับเวลาสอนของหลินสวินโดยเฉพาะ ไม่ให้ตรงกับชั้นเรียนของอาจารย์ท่านอื่นๆ ในสาขาสลักวิญญาณ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ที่ศิษย์หนีเรียนอีก

อีกทั้งทางสาขายังเตรียมห้องเรียนขนาดใหญ่ ให้เพียงพอต่อศิษย์ใหม่ๆ ของห้องระดับ ค. ห้องเก้าไว้ให้โดยเฉพาะ

แบบนี้เหล่าศิษย์และอาจารย์คนอื่นๆ จะได้นั่งฟังหลินสวินสอนในห้องเรียนร่วมกับศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้าด้วยกัน

กับเรื่องนี้เสิ่นทั่วเองก็อดตะลึงไม่ได้ สามารถทำให้หัวหน้าสาขาสลักวิญญาณออกหน้า จัดตารางสอนของหลินสวินให้เป็นกรณีพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สาขาสลักวิญญาณ

……

วันนี้ครบรอบหนึ่งเดือนในการสอนวิชาสลักวิญญาณ

ตามกฎของสาขาสลักวิญญาณ หลินสวินต้องพาลูกศิษย์ของตัวเองไปที่ ‘หอหลอมวิญญาณ’ เพื่อรับการทดสอบจริง

เนื้อหาการทดสอบนั้นง่ายมาก เป็นการหลอมอาวุธ!

ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการรับรองในฐานะนักสลักวิญญาณชั้นต้นจะได้รับวัตถุดิบวิญญาณที่ต่างกัน เพื่อหลอมอาวุธวิญญาณระดับมนุษย์ขั้นต่ำ

ผลการทดสอบจะตัดสินตามระดับสูงต่ำของอาวุธวิญญาณที่หลอมขึ้น

และผลทดสอบนี้ก็จะเกี่ยวเนื่องไปถึงว่าจะได้รับคะแนนสะสมมากน้อยเท่าไร

หลินสวินในฐานะอาจารย์ คะแนนของศิษย์จะมากหรือน้อยก็ส่งผลกระทบต่อคะแนนสะสมของเขาเช่นกัน

แน่นอนว่าคราวนี้ไม่เพียงแค่ศิษย์จากระดับ ค. ห้องเก้าที่เข้าร่วม ห้องอื่นๆ ในตึกระดับ ค. ก็เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ด้วย

“โบราณว่า ความรู้ในตำรามีเพียงทฤษฎี อยากชำนาญต้องลงมือทำ ในฐานะนักสลักวิญญาณ รู้แค่ทฤษฎีในตำรานั้นเป็นเรื่องตลก การไปทดสอบที่หอหลอมวิญญาณในครั้งนี้จะทำให้ได้เห็นระดับของพวกเจ้าทุกคน”

ในชั้นเรียน หลินสวินกวาดสายตามองทุกคนในห้องพร้อมยิ้มน้อยๆ พูด “แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น ถือว่าเป็นการฝึกครั้งหนึ่งก็พอแล้ว”

พูดจบเขาก็เดินนำออกจากห้องเรียนไป

ศิษย์รวมสามสิบคนลุกพรึ่บขึ้น รีบมุ่งหน้าไปที่หอหลอมวิญญาณตามหลินสวินไปติดๆ

“ในที่สุดก็จะเข้ารับการทดสอบแล้ว เฮ้ย คราวนี้จะได้เห็นกันว่าผลการสอบของศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้าที่อาจารย์เสี่ยวหลินสอนจะเป็นอย่างไร”

“ฮ่าๆๆ ที่ผ่านมาคะแนนการทดสอบของศิษย์ทุกคนในระดับ ค. ห้องเก้าล้วนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คราวนี้ถ้าไม่ใช่อาจารย์เสี่ยวหลินลงมือเอง ศิษย์พวกนั้นคิดจะลบล้างความอับอายที่ผ่านมาคงเป็นการยาก”

“ใช่ พวกเราก็ไปเรียนกับอาจารย์เสี่ยวหลินมาเหมือนกัน ทุกคนล้วนเรียนเนื้อหาพอๆ กัน พวกเขาอยากชนะเรา เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้”

หลินสวินนำเหล่าศิษย์ออกไปได้ไม่นาน ก็เห็นว่าศิษย์ในตึกระดับ ค. ห้องอื่นๆ ก็กำลังเดินตามอาจารย์ของตัวเองมุ่งหน้าไปทางหอหลอมอาวุธ

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังจากปากศิษย์ห้องอื่น

น้ำเสียงไม่ได้แสดงออกว่าไม่เคารพหลินสวิน แต่ศิษย์ที่เขาสอนกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกเย้ยหยัน

สีหน้าของเหล่าศิษย์อย่างหลิวฮุย ฟ่านจือชิว หยางจิ้งเหยาเผยความขึ้งโกรธขึ้นมาทันที

ในขณะที่พวกเขากำลังจะตีฝีปากกลับนั้น หลินสวินพลันโบกมือห้ามไม่ได้พวกเขาพูด “ไม่พอใจอะไร เดี๋ยวค่อยใช้การกระทำพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเอง ถ้าพวกเจ้ารู้สึกไม่มั่นใจก็ถอนตัวตอนนี้ได้เลย ข้าจะไม่โทษพวกเจ้า”

หลินสวินพูดเสียงเรียบ แต่มันกลับประหนึ่งเป็นกองไฟที่จุดความฮึกเหิมในใจศิษย์พวกนี้!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด