Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 435 ภูตไพรไม้เขียว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 435 ภูตไพรไม้เขียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 435 ภูตไพรไม้เขียว
โดย

ฮือๆๆ~

เสียงนั่นเหมือนกำลังร้องไห้พลางตัดพ้อ ราวกับทารกร่ำร้องท่ามกลางผืนป่าอันมืดมิดเงียบสงบ ดูน่ากลัวมาก

หลินสวินหัวใจสะท้าน

เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะตระหนักได้ ก็ได้ยินเสียงพรึ่บ พร้อมกับที่เงาร่างหนึ่งแฉลบเข้ามาจากจุดไกลๆ

ราวกับสายฟ้าสีเทา รวดเร็วจนเหลือเชื่อ!

“พี่ชายตัวน้อย ท่านหลงทางหรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว”

ทันใดนั้นเงาร่างสีเทานั่นก็ปรากฏ และกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอายๆ พร้อมถามขึ้นเบาๆ

สิ่งที่ทำให้หลินสวินกลัวคือ เด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนซย่าจื้อจนน่าตกใจ คิ้วตาปานภาพวาด ดวงหน้าเล็กงดงามอย่างที่สุด ความงามที่เกินมนุษย์มนาเช่นนั้นทำให้ฟ้าดินยังซีดจาง

“พี่ชายตัวน้อย ทำไมท่านไม่พูดล่ะ”

เด็กหญิงถามเบาๆ น้ำเสียงใสบริสุทธิ์ ดวงหน้าเล็กนิ่งสงบ แม้แต่ท่าทางและเสียงก็ยังเหมือนซย่าจื้ออย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“ข้า…”

หลินสวินอึ้ง

“ท่านไม่ต้องพูด ให้ข้าเดา”

มุมปากของเด็กผู้หญิงเผยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั่นงดงามจนแทบหยุดหายใจ

นางพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว “ท่านมาที่ ‘เทือกเขาราหู’ เป็นครั้งแรก ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยใช่ไหม”

หลินสวินพยักหน้า

เด็กผู้หญิงยิ้มอย่างดีใจกว่าเดิมพลันพูด “พี่ชายตัวน้อย ข้าช่วยพี่ชายได้นะ ขอเพียงแค่ท่านยอมตั้งใจฟังข้า ท่านจะได้คำตอบในทุกความสงสัย”

เสียงของนางดูเหมือนมายาที่ยากจับต้อง ดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูกเกินต้านทาน

ในขณะที่หลินสวินสีหน้าอึ้งงัน เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

เห็นเช่นนี้เด็กผู้หญิงพลันเร่งฝีเท้าจนกระทั่งมาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน จึงเงยใบหน้าเล็กขึ้นพูดเบาๆ “พี่ชายตัวน้อย ตามข้ามา ข้าพาท่านไปหาคำตอบของคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจ”

พูดจบนางก็ยกมือเล็กขึ้นจับแขนหลินสวิน

หลินสวินที่เดิมทีสีหน้าอึ้งงัน พลันเผยรอยยิ้มแทบจะในเวลาเดียวกัน

ขวับ!

เขายื่นมือออกไปบีบคอเด็กหญิงอย่างว่องไวปานสายฟ้าแทบจะในทันที

“พี่ชายตัวน้อย ท่านจะทำอะไร”

เด็กหญิงตกใจจนหน้าถอดสี บนร่างกายของนางมีแสงสีเทาสาดส่องขึ้นมา ราวกับคลื่นน้ำเข้ามาปกคลุมหลินสวิน

กลับเห็นว่ามีแสงประกายสีฟ้าอ่อนแผ่ลอยออกจากตัวหลินสวินด้วยเช่นกัน อานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงครืนโครมดังขึ้นมาคราหนึ่ง ก่อนจะปิดคลุมแสงสีเทานั่นให้สลายไป

หลินสวินยิ้มตาหยีถามแทบจะในขณะเดียวกัน “แล้วเจ้าจะทำอะไร”

ใบหน้าของเด็กผู้หญิงหม่นแสงลง ราวกับสัมผัสได้ว่าไม่เข้าทีแล้ว สีหน้าเผยความน่าสงสาร “พี่ชายตัวน้อย ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ ได้โปรดออมมือด้วย”

“ไม่ได้”

หลินสวินส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เท่าที่ข้ารู้ ภูตไพรไม้เขียวเจ้าเล่ห์ที่สุด ร้องขอชีวิตไม่เป็นหรอก”

“ท่าน…”

สีหน้าของเด็กผู้หญิงเปลี่ยนไปฉับพลัน ริมฝีปากกรีดร้องเสียงแหลมราวกับเด็กทารก คลื่นเสียงราวกับเหล็กหมาดอันแหลมคม แทงหลินสวินอย่างจัง

วิ้ง!

แม้จะระวังตัว หลินสวินก็ยังรู้สึกว่าหูทั้งสองข้างเจ็บปวดขึ้นมา จากนั้นพลังลึกลับเย็นเยียบและน่าสะพรึงกลัวก็แทงใส่จิตวิญญาณแห่งการรับรู้ราวกับสายฟ้า!

เสียงคำรามแห่งภูตไพร!

เมื่อใช้ออกมา ไม่ว่าพลังปราณจะเก่งกาจแค่ไหน ขอเพียงจิตวิญญาณไม่กล้าแข็งพอ ก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที

ใบหน้าของเด็กหญิงเผยรอยยิ้มแปลกประหลาด นางมั่นใจว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพลาดท่าแล้ว พอคิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะได้กลืนกินดวงวิญญาณที่เต็มไปพลังดวงนี้ ในดวงตาของนางก็อดเผยความได้ใจไม่ได้

แต่ทันใดนั้นนางก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความอึ้งงัน

เด็กหนุ่มตรงหน้ามองนางพร้อมรอยยิ้ม นัยน์ตาดำขลับกระจ่างใสนิ่งสงบ ประหนึ่งบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น ไม่มีท่าทางว่าได้รับการโจมตีอย่างหนักเลยสักนิด

“คิดจะทำร้ายจิตวิญญาณของข้างั้นหรือ พลังปราณของเจ้ายังไม่พอหรอกนะ ยังมีวิธีอื่นหรือไม่ หากไม่มี ข้าจะได้ส่งเจ้าสู่ประตูสวรรค์”

หลินสวินพูดพร้อมรอยยิ้ม

สีหน้าของเด็กหญิงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ส่งเสียงคำรามแสบหูอีกครั้ง

คราวนี้รูปลักษณ์ของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ผิวทั้งตัวเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดวงตาเย็นเยียบขาวซีด ว่างเปล่าโหดอำมหิต ปากมีฟันแหลมคมงอกออกมาถี่ยิบ ท่าทางดูน่ากลัวอย่างมาก

เมื่อเผชิญกับเสียงคำรามนั้น หลินสวินกลับนิ่งเฉย มีเพียงภายในห้วงนิมิตที่ ‘ดาราจักรโคจร’ กำลังโคจร สลายการโจมตีจิตวิญญาณแต่ละระลอกอย่างง่ายดาย

“เจ้า…”

ภูตไพรกรีดร้อง ตระหนักถึงอันตรายอย่างเห็นได้ชัด จึงดิ้นรนคิดจะหนี

ปัง!

หลินสวินยกมือขึ้นตบ ฝ่ามือของเขารวบรวมพลังอันน่าสะพรึงเอาไว้ จับกะโหลกศีรษะของภูตไพรไว้มั่น ก่อนจะส่งแรงกำลังดุดันบนฝ่ามือลงไป

ตู้ม!

แสงสีฟ้าอ่อนเปล่งประกายเรืองรอง ประหนึ่งเป็นกระแสน้ำที่ปิดคลุมภูตไพรจนจมหายไปในทันที ไม่ว่ามันจะร้องโหยหวนอย่างไร หลินสวินก็ไม่ปล่อยมือ

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเสียงโหยหวนก็หยุดลงฉับพลัน และในมือของหลินสวินก็มีผลึกแวววาวเม็ดหนึ่ง เป็นผลึกสีเขียวรูปลักษณ์คล้ายกะโหลกศีรษะ

ภายในผลึก สามารถมองเห็นจิตวิญญาณที่กำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งในนั้นได้รางๆ

หลินสวินเล่นไปมาพลางพินิจ สายตาเผยความชื่นชม

ภูตไพรไม้เขียว!

นี่คือร่างวิญญาณธรรมชาติที่หายาก อุปนิสัยเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมอำมหิต ชำนาญวิถีแปลงร่าง มีวิชาลับในการจับสังเกตจิตใจของมนุษย์ ชื่นชอบการกลืนกินวิญญาณเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะไปที่ใด สิ่งมีชีวิตล้วนไม่มีเหลือ ฝูงสัตว์หลบเลี่ยง

และนี่ก็เป็นการอธิบายได้อย่างดีว่า เหตุใดผืนป่าโบราณที่อยู่ตรงหน้าถึงได้เงียบเชียบปานนี้ แม้แต่แมลงสักตัวยังไม่มี

เหตุผลก็คือที่นี่มีภูตไพรไม้เขียวอยู่ตัวหนึ่ง!

ก่อนหน้านี้หลินสวินยังไม่มั่นใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายกลายร่างเป็นซย่าจื้อและพยายามล่อลวงตน เขาก็ตระหนักได้ทันที

ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นถูกสะกดวิญญาณ และจับมันได้ในคราเดียวในช่วงเวลาสำคัญ!

“นี่เป็นสมบัติชั้นดีสำหรับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ สามารถใช้เป็นวัตถุดิบวิญญาณชั้นยอดตอน ‘บรรจุวิญญาณ’ และยังเพิ่มอัตราความสำเร็จของการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้ประมาณสามส่วน!”

หลินสวินทึ่งกับความวิเศษ

ที่เขารู้จักภูตไพรไม้เขียวเพราะใน ‘ตำราสรรพวิญญาณ’ ที่ท่านลู่ให้ตอนเด็ก มีบันทึกเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณตัวนี้อยู่

กล่าวว่าร่างวิญญาณในโลกหล้าแบ่งเป็นสี่ประเภทใหญ่ คือผี ภูต พราย ปีศาจ ทุกประเภทต่างมีร่างวิญญาณที่ต่างกัน

ภูตไพรไม้เขียวจัดอยู่ในประเภท ‘ภูต’

สัตว์วิญญาณระดับนี้ เป็นวัตถุดิบวิญญาณชั้นเยี่ยมสำหรับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ มูลค่าไม่อาจประเมิน แต่กลับยากที่จะจับได้

เหตุผลก็คือ พวกมันมีสติปัญญา อีกทั้งนิสัยเจ้าเล่ห์ ยามเจอคนที่แข็งแกร่งจะล่าถอย แต่เมื่อเจอคนที่อ่อนแอจะล่อลวง ถ้าสัมผัสได้ถึงอันตรายก็จะหนีทันที

ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะหลินสวินแสร้งทำเป็นพลาดท่า คงไม่มีทางจับภูตไพรไม้เขียวตัวนี้ได้ในคราเดียว

ช่วยไม่ได้ พวกมันว่องไวมากเกินไป อีกทั้งพวกมันยังสามารถซ่อนตัวและหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ทุกเมื่อในผืนป่าแห่งนี้

ภูตไพรตัวนี้ถือว่าโชคร้าย คิดว่าหลินสวินอายุน้อย อีกทั้งพลังปราณยังอยู่เพียงระดับมหาสมุทรวิญญาณ จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะอ่านทุกอย่างออกตั้งนานแล้ว ทั้งยังอาศัยพลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งผนวกกับ ‘เคล็ดเวทบริกรรม’ จึงไม่กลัว ‘เสียงคำรามแห่งภูตไพร’ อันเป็นการโจมตีที่มันถนัดที่สุด

มิเช่นนั้นถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ แม้ระดับพลังปราณสูงกว่าหลินสวิน แต่หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เกรงว่าคงพลาดท่าให้ภูตไพรไม้เขียวกลืนกินจิตวิญญาณไป

“ลูกกลอนปีศาจเสือดาวมรกตหนึ่งเม็ด ผลึกวิญญาณภูตไพรไม้เขียวที่ปิดผนึกไว้ มาแดนวิญญาณโบราณยังไม่ถึงสองชั่วยาม ก็เก็บเกี่ยวได้ขนาดนี้แล้ว ถือว่าเหนือความคาดหมายจริงๆ…”

หลินสวินปลาบปลื้มใจ ในขณะที่กำลังจะเก็บผลึกวิญญาณในมือ ในป่าที่ห่างออกไปไกลกลับมีเสียงทะลุอากาศดั่งแว่วขึ้น

กลิ่นอายของผู้ฝึกปราณ!

พลังการรับรู้จิตวิญญาณของหลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก แทบจะพริบตาเดียวเท่านั้น ก็สัมผัสได้ว่าในที่ห่างไกลมีกลิ่นอายของผู้ฝึกปราณสายแล้วสายเล่ากำลังทะยานเข้ามา

ที่นี่ยังมีผู้ฝึกปราณคนอื่นอีกหรือ

หลินสวินหัวใจสะท้าน ดีใจอย่างที่สุด คราวนี้คงง่ายขึ้น น่าจะทำให้ตนได้เข้าใจสภาพการณ์ของ ‘แดนวิญญาณโบราณ’ จากพวกเขาได้

ในขณะที่หลินสวินกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น ในผืนป่าไกลออกไปเงาร่างสามร่างทะยานเข้ามาพร้อมเสียงกึกก้อง

ผู้นำคือชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดขนนก ศีรษะสวมเกี้ยวประดับสีเหลืองสด และถือหอกสีทองอ่อน กลิ่นอายทั่วทั้งร่างกายแผ่กระจาย เผยความน่าเกรงขามอันเป็นเอกลักษณ์ของระดับมหาสมุทรวิญญาณ

คนๆ นี้ไม่ธรรมดา!

ทันใดนั้นหลินสวินพลันสัมผัสได้ว่ามีพลังที่น่ากลัวซ่อนอยู่ในร่างกายของชายหนุ่มคนนี้ และพลานุภาพอันแข็งกล้านั่นแทบจะไม่ด้อยไปกว่าหลิงเทียนโหว

ข้างๆ ชายหนุ่มยังมีเด็กสาวสวมกระโปรงม่วงคนหนึ่ง และชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าคมสัน ดวงตาเฉียบคมดั่งเหยี่ยวอีกคน

ตอนที่เห็นหลินสวิน พวกเขาดูอึ้งอย่างเห็นได้ชัด

“ศิษย์พี่เหวยจวิ้น ท่านดูซิว่าสิ่งที่อยู่ในมือเจ้าหมอนี่ใช่ผลึกวิญญาณของภูตไพรไม้เขียวหรือไม่”

เด็กสาวกระโปรงม่วงเห็นสิ่งที่อยู่ในมือหลินสวินทันที อดพูดด้วยความตื่นเต้นไม่ได้

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเหวยจวิ้นส่งเสียงอืมรับคำ สายตากวาดมองหลินสวินดั่งสายฟ้า “สหาย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร พวกข้าเจอภูตไพรไม้เขียวตนนี้ก่อน โปรดส่งคืนมาเถิด”

ในเสียงแฝงนัยกดดัน

ความดีใจของหลินสวินหายไปทันที พูดพร้อมรอยยิ้ม “พวกเจ้าเห็นก่อนก็ต้องเป็นของพวกเจ้าหรือ หากข้าบอกว่าข้าต้องใจแม่นางที่อยู่ข้างๆ คนนี้ก่อน ก็ควรจะสั่งให้เจ้าส่งนางมาใช่หรือไม่”

“บังอาจ!”

เด็กสาวกระโปรงม่วงโมโห ด่าว่าออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร”

หลินสวินอดกลอกตาใส่ไม่ได้ “แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”

“เจ้า…”

เด็กสาวกระโปรงม่วงโกรธจนกัดฟัน

กลับเห็นเหวยจวิ้นโบกมือพูด “ศิษย์น้องเหริน ให้ข้าจัดการเองเถอะ”

พูดจบเหวยจวิ้นก็มองหลินสวินอย่างเฉยเมย “สหาย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจ เอาอย่างนี้เถอะ ข้าเองก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เจ้า ทิ้งผลึกวิญญาณภูตไพรไม้เขียวนี้เอาไว้ ปล่อยให้เรื่องนี้จบเพียงแค่นี้ ถือว่าเป็นการผูกมิตรต่อกันดีหรือไม่”

คำพูดนี้ดูเหมือนสบายๆ ไม่ได้บังคับอะไร แต่กลับแฝงการออกคำสั่ง ราวกับว่าการที่พวกเขาแสดงท่าทีแบบนี้ ถือว่าให้เกียรติหลินสวินมากแล้ว

“ขออภัย ข้าไม่ได้คิดจะผูกมิตรกับพวกเจ้า หากไม่มีเรื่องอื่นก็ขอตัวก่อน”

หลินสวินยิ้มอย่างสดใส โบกมือแล้วหมุนตัวจะเดินออกมา

“ไม่ทิ้งของเอาไว้แล้วยังคิดจะไปงั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”

เห็นว่าหลินสวินพูดดีๆ ด้วยไม่ชอบ ต้องให้บังคับกัน หญิงกระโปรงม่วงคนนั้นก็เดือดดาล โบกฝ่ามือตบแสงสีชาดสายหนึ่งออกมา พุ่งเข้าแผ่คลุมหลินสวินราวกับเมฆาเพลิง

พลังอันน่ากลัวนั่นทำให้ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ใกล้เคียงกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา อากาศดุจเผาไหม้ อานุภาพน่าสะพรึงกลัว

ลงมือสังหารคนทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!

อะไรคือคำว่าจองหอง?

ก็แบบนี้อย่างไรล่ะ

หลินสวินพลันชะงักเท้า ในส่วนลึกของดวงตาดำขลับเผยประกายอันเย็นเยียบ

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด