Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 456 ปรากฏการณ์ประหลาดในแดนต้องห้าม <ประกาศผลผู้โชคดี>

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 456 ปรากฏการณ์ประหลาดในแดนต้องห้าม <ประกาศผลผู้โชคดี> at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 456 ปรากฏการณ์ประหลาดในแดนต้องห้าม <ประกาศผลผู้โชคดี>
โดย

พรึ่บ!

หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหลบทันอย่างหวุดหวิด

ด้านหลังเขา ก้อนหินก้อนหนึ่งถูกฟันออกอย่างไร้สุ้มเสียง รอยแผลส่องประกาย

ฉึกๆๆ

ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง ท่ามกลางคลื่นหมอกสีเลือดก็มีแสงดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง ราวกับเป็นสายฟ้าสีดำ ทั้งแปลกประหลาด มืดมน และน่าสะพรึงกลัว

พวกมันพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงดุจสายฝน

“หนอนกินเทพ! หนีเร็ว!”

เหลียนเตี๋ยอีส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ ดวงหน้าขาวซีด หว่างคิ้วเผยความหวาดกลัว เงาร่างเคลื่อนอย่างว่องไวไปอีกด้าน

หนอนกินเทพ!

ฟังจากชื่อก็รู้ว่าสัตว์ชนิดนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด

หลินสวินเองก็ไม่กล้าชักช้า ทะยานตัวตามเหลียนเตี๋ยอีไป ความสามารถของผู้หญิงคนนี้ไม่อ่อนด้อยเลย แต่กลับตกใจกลัวจนหันหนี ทำให้หลินสวินตระหนักได้ถึงความร้ายแรง

ทันใดนั้นเงาดำสายหนึ่งก็โฉบเข้ามา เพราะหลบไม่ทันจริงๆ หลินสวินจึงสะบัดฝ่ามือออกไป

เสียงปังดังสนั่น แสงสีฟ้าอ่อนสาดส่อง แต่กลับเห็นว่าแสงดำนั่นไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด ทะลุผ่านพลังฝ่ามือพุ่งเข้ากลางหว่างคิ้วของหลินสวินโดยตรง

ไม่กลัวการโจมตีงั้นหรือ

หลินสวินหัวใจสั่นสะท้าน นี่เป็นฝ่ามือแรกที่เขาซัดออกไปหลังพลังเกิดการเปลี่ยนแปลงและบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์ อานุภาพนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมาไม่รู้เท่าไหร่ แต่กลับทำอะไรแสงสีดำนี้ไม่ได้!

โครม!

ทันใดนั้นแสงดำนั่นพลันมุดเข้าไปตรงหว่างคิ้วของหลินสวิน พาให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด

ในชั่วพริบตานั้นหลินสวินก็ได้เห็นร่างเดิมของแสงดำนั่นชัดเจน มันเป็นหนอนที่รูปร่างเหมือนเข็มแสง ดำสนิทไปทั้งตัว ขนาดประมาณเม็ดข้าว เงาร่างราวกับภาพมายา เหมือนไม่ใช่ของจริง

มันพุ่งเข้าไปในห้วงนิมิตทันที มุดเข้าจิตวิญญาณของหลินสวิน!

น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว นี่เป็นการโจมตีจิตวิญญาณหาใช่ร่างกายไม่ เหี้ยมโหดเกินจะคาดเดา ลงมือยามคนเผลอไผลไม่ใส่ใจ ทำให้ไม่ทันระวัง

เหลียนเตี๋ยอีที่หนีห่างไปถอนหายใจ ไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าหลินสวินต้องพลาดท่าแล้วแน่ๆ

หนอนกินเทพนั่นเป็นสัตว์ที่ดุร้าย เคลื่อนไหวกันเป็นฝูง พวกมันเกิดจากจิตวิญญาณที่มาจากการรวมตัวของปราณร้ายทั่วฟ้าดิน ไม่มีรูปร่าง ไม่กลัวการโจมตี

ในสถานการณ์แบบนี้ แม้จะมีพลังเทียมฟ้าก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหนอนนั่นกลืนกินเฉพาะจิตวิญญาณ ในอดีตพวกมันถึงขั้นจู่โจมเข้าไปกลืนกินจิตวิญญาณของเหล่าเทพอย่างฉับพลันขณะที่อีกฝ่ายเผลอเรอ!

‘หนุ่มน้อยสุดหล่อ ขอโทษจริงๆ พี่สาวคงต้องไปก่อน ถ้าผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ พี่สาวจะตั้งสุสานวางป้ายหินให้เจ้า ประกอบพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเจ้า’

เหลียนเตี๋ยอีลอบถอนหายใจ การเคลื่อนไหวกลับไม่ชักช้า หนีหายไปอย่างรวดเร็ว นางไม่อยากถูกหนอนกินเทพพวกนั้นล้อมโจมตีหรอกนะ

“เห็นคนจะตายก็ไม่ช่วย หนีเอาตัวรอดคนเดียว ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย”

เสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นข้างหูเหลียนเตี๋ยอี ทำให้นางตกใจจนตัวแข็งค้าง พลันมองเห็นหลินสวินที่นางนึกว่าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยตามมาทันแล้ว!

“เจ้า…ไม่เป็นอะไรหรือ”

เหลียนเตี๋ยอีแปลกใจ

“เจ้าหวังให้ข้าเป็นอะไรงั้นหรือ”

หลินสวินย้อนถาม

กลับเห็นว่าเหลียนเตี๋ยอียิ้มอย่างสดใส ท่าทางดูดีใจ “ไม่เป็นอะไรจริงๆ ด้วย ดีจังเลย แต่เจ้าอย่ามาโทษข้านะ หนอนกินเทพนั่นน่ากลัวเกินไป หากข้าอยู่ต่อจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

หลินสวินขานรับว่าอ้อ ก่อนจะพูดว่า “ไปเถอะ เร่งเดินทางได้แล้ว หลังจากผ่านความยากลำบากที่นี่ ข้าไม่อยากร่วมมือกับเจ้าอีกแล้ว”

สีหน้าของเหลียนเตี๋ยอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย รับรู้ได้ว่าหลินสวินไม่พอใจการกระทำเมื่อครู่นี้ของนาง

“ให้อภัยข้าสักครั้งได้ไหม ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีสัตว์น่ากลัวอย่างหนอนกินเทพโผล่ออกมา ถ้ารู้แต่แรกข้าไม่มีทางที่จะไม่ช่วย”

เหลียนเตี๋ยอีพูดอย่างน่าสงสาร

คนงามไร้ใดเปรียบอย่างนางยามนี้กำลังขอร้องเสียงอ่อนเสียงหวาน ถ้าเป็นคนอื่นคงหัวใจอ่อนระทวยไปตั้งนานแล้ว

“ข้า…”

เหลียนเตี๋ยอีเพิ่งจะอ้าปาก กลับเห็นว่าหลินสวินทำท่าให้เงียบ สายตามองไกลออกไป

ส่วนลึกของหมอกหนาสีเลือดนั่น มีเงาร่างปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง เพราะหมอกหนาดุจภาพลวงตาเกินไป ทำให้มองเห็นไม่ชัด ดูลี้ลับอย่างมาก

ไม่นานหลินสวินก็สังเกตเห็นว่านั่นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดขนสัตว์ขาดวิ่น ดวงตากลวงโบ๋ ทั่วตัวมีเลือดสีดำหลั่งออกมาเป็นสาย

นางยืนนิ่งไม่ขยับ ตรงบริเวณหัวใจมีหลุมที่ใหญ่ประมาณถ้วยข้าว ราวกับถูกกรงเล็บอันแหลมควักหัวใจไปทั้งอย่างนั้น

มองเพียงแวบเดียวหลินสวินก็รู้สึกหนาวยะเยือก ขนลุกไปทั้งตัว

“ศพเทพโบราณแม่น้ำเลือด! นาง… นางถึงกับทำลายคำสาป… ขึ้นฝั่งมาแล้ว…”

เหลียนเตี๋ยอีที่อยู่ข้างๆ เองก็ใบหน้าขาวซีด หวาดกลัวอย่างที่สุด

หนี!

ทั้งสองเปลี่ยนทิศทาง หนีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ได้นัดหมาย

กลิ่นอายของศพโบราณนั่นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ทั้งที่ตายแล้วชัดๆ แต่กลับแผ่พลังที่พาให้คนสิ้นหวัง อกสั่นขวัญแขวน

“ศพโบราณอีกศพแล้ว!”

ไม่นาน ทางเบื้องหน้าที่ทั้งสองหนีไปก็เห็นศพวิญญาณปรากฏขึ้นอีก เป็นโครงกระดูกที่ใส่เสื้อเกราะพังๆ เบ้าตาหลั่งเลือดดำ กำลังกวาดมองอย่างเลื่อนลอยไปทั่วทิศภายในหมอกเลือด

ตอนที่ขอบตากลวงๆ ของอีกฝ่ายกวาดมา หลินสวินพลันตัวแข็งทื่อราวกับถูกสะกด แทบจะหยุดหายใจ

โชคดีที่ศพโบราณนั่นคล้ายไม่เห็นเขา ไม่นานก็หายเข้าไปในหมอกสีเลือด

“หากข้าเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็น…พื้นที่ต้องห้ามของแดนโบราณโลหิตร้าง แม้แต่ราชันระดับสังสารวัฏยังไม่กล้าบุกรุกเข้ามา!”

ดวงหน้าของเหลียนเตี๋ยอีขาวซีดไร้สีเลือด เสียงสั่นน้อยๆ “เราต้องหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”

พูดจบนางก็หมุนตัวแล้วหนีทันที

วินาทีนั้นเหลียนเตี๋ยอีราวกับตัดสินใจแล้ว แม้ว่าต้องย้อนกลับทางเดิม พบเจอผู้มีฝีมือที่ตามฆ่านางก็ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว

เห็นได้ชัดว่านางสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพื้นที่ต้องห้าม ทำให้ไม่กล้าอยู่ต่อ

“พื้นที่ต้องห้ามคืออะไร”

หลินสวินถามขึ้นมา

“ในอดีต ที่แห่งนี้เคยเป็นสนามรบของเหล่าเทพ ล้วนมาเพื่อตามฆ่าราชาอสูรมารราหู แต่สุดท้ายไม่ว่าใคร แม้กระทั่งราชาอสูรมารราหูก็ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้ ต้องจบสิ้นอยู่ที่นี่ กล่าวกันว่าเพราะในพื้นที่ต้องห้ามนี้เต็มไปด้วยคำสาปลึกลับ สามารถทำให้มหามรรคไร้ตัวตน วิญญาณนับหมื่นจมสิ้น!”

เหลียนเตี๋ยอีเหินทะยานไปพลางเล่าให้ฟังไปด้วย สีหน้าหนักอึ้ง น้ำเสียงสั่นพร่า “ถ้าข้ารู้แต่แรกว่าแถบนี้คือพื้นที่ต้องห้าม ข้ายอมสู้กับพวกนั้นให้ตายกันไปข้าง แต่จะไม่ยอมมาที่นี่เด็ดขาด”

ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าภายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ จะยังมีสถานที่น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ น่าตระหนกเกินไปแล้ว

โครมครืน~~

ทันใดนั้นในส่วนลึกของหมอกสีเลือด มีเสียงราวกับฟ้าร้องสั่นสะท้านดังทะลวงออกมา ราวกับสายฟ้าที่ผ่าทำลายความเงียบบนพื้นที่แถบนี้

ชิ้ง

แสงกระบี่สีเลือดพุ่งขึ้นฟ้า กลายเป็นอาทิตย์เลือดดวงหนึ่งหลั่งเลือดสีดำ!

ตึง! ตึง! ตึง!

ทันใดนั้นเสียงกลองรบลั่นดัง ทั้งกว้างใหญ่ไพศาล หนาแน่นสะเทือนฟ้าดิน พลันเห็นกลองใหญ่สำริดที่ชำรุดพัง หน้ากลองเปื้อนเลือดดำ

ฟ้าดินโหมคลั่ง ประกายกระบี่สีเลือดอาบเลือด ทำให้รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในร่างกายจะแหลกเหลว ไม่กล้ามองจ้อง ราวกับมองเพียงแวบเดียววิญญาณก็จะถูกช่วงชิง

กลองศึกนั่นยิ่งน่ากลัว มาพร้อมกับความลึกลับมากมาย สะท้านสะเทือนวิญญาณ พาให้จิตวิญญาณเหมือนจะหลุดออกจากร่าง

“รีบหนีเร็ว!”

เหลียนเตี๋ยอีกรีดร้อง

ปรากฏการณ์ประหลาดนี้น่ากลัวมาก ราวกับวิญญาณน่าหวาดหวั่นที่ร่วงหล่นอยู่ ณ ที่แห่งนี้มาตั้งแต่โบราณ ยามนี้ต่างฟื้นจากความตาย

ไม่ต้องให้เตือนหลินสวินก็ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งอย่างเต็มกำลัง เหินทะยานออกไปไกล สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดจริงจัง จิตวิญญาณสั่นสะท้าน

ในขณะที่พวกเขาหนีอยู่นั้น ในส่วนลึกของหมอกสีเลือดมีธงรบสีเลือดที่เต็มไปด้วยริ้วรอยปรากฏ พัดโบกส่งเสียง แผ่แสงประกายเลือดสีดำ

นอกจากนี้ยังมีเสียงฆ่าฟัน เสียงตะโกนร้อง ราวกับกำลังเกิดสงครามสะเทือนฟ้า ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี

ถ้าสังเกตดูให้ดีจะเห็นว่าท่ามกลางหมอกสีเลือดนั่น ศพโบราณที่ทรุดโทรมแต่ละศพหลั่งเลือดสีดำไปทั้งตัว กำลังต่อสู้ราวกับเทพเจ้าในยุคโบราณ เพียงแต่ทั่วตัวของพวกเขามีเลือดสีดำไหลหลั่ง จึงทำให้ดูเร้นลับน่าสยดสยอง

ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าหลินสวินและเหลียนเตี๋ยอีมองไม่เห็น แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกหวาดหวั่นยากจะอธิบายแล้ว

สถานที่เช่นนี้ไม่ใช่ที่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างพวกเขาจะเข้ามาได้!

“ไม่ได้การแล้ว!”

ในพื้นที่อันตรายอีกที่ หลิงจื่อนั่วเพ่งสายตาแล้วหมุนตัวถอยทัพอย่างไม่ลังเล นางเองก็สัมผัสได้ถึงปรากฏการณ์ประหลาดสะท้านโลกเช่นเดียวกัน น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว

“สมควรตาย หรือว่าอสูรมารสาวคนนั้นบุกรุกเข้าไปในแดนต้องห้าม ทำให้พลังคำสาปฟื้นคืน?”

สีหน้าของหยวนเคอเปลี่ยนไปฉับพลัน หันหลังหนีโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น

“มารดามันเถอะ!”

หยวนจั้นตะโกนและหนีตามไปเช่นกัน

ยามนี้ ผู้กล้าที่เข้ามาในพื้นที่แถบนี้ต่างหนีกระเจิง พวกเขาตระหนักได้ถึงอันตราย จึงตัดสินใจทันทีโดยไม่ลังเล

เพราะพวกเขาเคยได้ยินว่าพื้นที่ต้องห้ามภายในแดนโบราณโลหิตร้างเคยเป็นที่ฝังศพของเหล่าเทพ เต็มไปด้วยพลังแห่งคำสาปอันยากจะคาดเดา หากปะทุขึ้นมาก็ประหนึ่งวันสิ้นโลก!

โครม~~

ตอนที่หลินสวินและเหลียนเตี๋ยอีหนีออกมา พลันเห็นว่าในแดนโบราณโลหิตร้างหมอกสีเลือดพุ่งขึ้นฟ้า ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีเลือด ไอกระบี่ กลองศึก ธงรบ ประกายดาบ… ปรากฏการณ์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวต่างๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

ทั้งยังมีเสียงฆ่าฟันดังสนั่นราวกับสงครามเหล่าเทพ ฟ้าดินสั่นสะเทือน อาทิตย์จันทร์ดับแสง

“นี่อะไร?”

“น่ากลัวนัก!”

“รีบหนีเร็ว!”

ยามนี้ผู้ฝึกปราณทุกคนที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ภายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นต่างตื่นตะลึง มองไปยังทิศทางนั้นโดยพร้อมเพรียงกัน พลันเห็นปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนฟ้าดิน

“ปรากฏการณ์สงครามเหล่าเทพเกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว เฮ้อ ครั้งนี้มีเวลาไม่ถึงสองเดือน ก็ไม่รู้ว่าคราวหน้าต้องรออีกนานเท่าไหร่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นจึงจะเปิดขึ้นอีกครั้ง”

ในซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง ชายชราระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งถอนหายใจยาว

เขามากประสบการณ์ ตอนหนุ่มๆ เคยเข้าไปในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แล้วรู้ว่าทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดแบบนี้ขึ้นก็หมายความว่าทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นจะเข้าสู่ความเงียบและหายไปจากโลกนี้อีกครั้ง

เล่ากันว่าสมบัติโบราณที่กระจายอยู่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น มาจากปรากฏการณ์ประหลาดของสงครามเหล่าเทพ

ซึ่งก็หมายความว่าทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้น จะมีสมบัติโบราณร่วงหล่นลงมา กระจายไปทั่วทั้งแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น

สิ่งที่น่าเสียดายคือตอนที่ปรากฏการณ์ประหลาดแบบนี้จบลง ทางเดินแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก็จะปิดลง ถ้าต้องการไขว่คว้าหาวาสนาสมบัติโบราณอีก ก็ต้องรอทางเดินแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเปิดในครั้งต่อไป

“ไป!”

“รีบไปกันเถอะ ถ้ายังไม่ไปอีกต้องฝังร่างไว้ที่นี่แน่!”

ภายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเต็มไปด้วยเงาร่างของผู้ฝึกปราณที่หนีเอาตัวรอดอย่างบ้าคลั่ง หนาแน่นราวกับคลื่นน้ำ พุ่งไปยังทางออก

หลินสวินกับเหลียนเตี๋ยอีก็อยู่ในนั้นด้วย ทั้งสองต่างพ้นจากอันตราย จิตใจที่ตื่นตระหนกสงบลง หันกลับไปมองแดนโบราณโลหิตร้างที่อยู่ไกลสุดสายตาแล้วต่างรู้สึกโชคดีเหมือนได้เกิดใหม่

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้น่ากลัวมากจริงๆ

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด