Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 476 หมาป่าห่มหนังแกะ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 476 หมาป่าห่มหนังแกะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 476 หมาป่าห่มหนังแกะ
โดย

“อะไรกัน เจ้าพูดจาก้าวร้าวขนาดนี้ ข้านึกว่าจะมีคะแนนสะสมไม่น้อยเสียอีก ที่แท้ก็แค่คนอนาถา”

สายตาของหลินสวินเผยแววดูถูก

หลันอวี่โกรธจนอยากตบเขาให้ตายในทีเดียว กัดฟันพูด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าคะแนนสะสมหนึ่งพันแต้มหมายถึงอะไร ถึงกล้าขอขนาดนี้”

หลินสวินพลันเอ่ย “แปดร้อยคะแนนคงจะมีกระมัง?”

เส้นเลือดบนหน้าผากหลันอวี่ปูดนูนออกมา หมอนี่เห็นคะแนนสะสมของสำนักศึกษาเป็นอะไร ผักกาดขาวหรือ

“ห้าร้อยแต้มล่ะ”

สายตาของหลินสวินยิ่งดูถูกกว่าเดิม “ถ้าคะแนนสะสมเท่านี้ยังไม่มี เจ้าก็ไปพยายามทำคะแนนสะสมก่อนเถอะ จะมาผสมโรงทำไม”

แววตาหลันอวี่กระหายเลือดยิ่ง อยากลงมือสั่งสอนหลินสวินเสียเดี๋ยวนี้ แต่สุดท้ายเขาก็อดทน สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยหน้าเขียว “ได้ ห้าร้อยแต้ม ข้ารับคำเจ้า!”

หลินสวินพลันยิ้ม ตบไหล่เขาพูดว่า “ไม่เลวๆ เจ้าสามารถไปเข้าแถวรอประลองกับข้าได้แล้ว”

เห็นท่าทางกำชัยของหลินสวิน หลัวอวี่โกรธจนหน้าเขียว จะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วจริงๆ

“อ้อ จริงสิ ถ้าพวกเจ้าอยากประลองกับข้า ก็อย่าลืมเตรียมคะแนนสะสมเอาไว้ด้วย ข้าก็จะไม่สร้างความลำบากให้พวกเจ้าหรอก ตอนแพ้ เพียงยกคะแนนสะสมให้ข้าทั้งหมดก็พอแล้ว”

หลินสวินกวาดสายตาไปมองพวกเซวียอวิ้น จินจู๋หลิว สืออวิ๋นเผิงแวบหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของคนเหล่านั้นต่างอึมครึมขึ้นมา

กำเริบ!

กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!

ลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เบิกตาโพลง หลินสวินกําเริบเสิบสานเช่นนี้ ไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ

“พวกเจ้าก็สามารถไปบอกคนอื่นๆ ได้ว่า ถ้าอยากศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กับข้า ก็เอาคะแนนสะสมมาเข้าแถวเสีย เวลามีจำกัด”

ทันทีที่หลินสวินพูดเช่นนี้ ทำให้ลูกศิษย์สาขายุทธ์วิถีทุกคนต่างมีโทสะ เจ้าหมอนี่เห็นพวกเขาเป็นอะไร ลูกแกะใสซื่อหรือ?

“หลินสวิน เจ้าอวดดีให้มันน้อยๆ หน่อย เดี๋ยวได้ทนทุกข์ทรมานแน่!”

“น่าโมโหจริงๆ เจ้านี่น่าชิงชังมาก ศิษย์พี่ทุกท่านอย่าได้เกรงใจเด็ดขาด!”

“หลินสวิน เจ้ายะโสเพียงนี้ เห็นสาขายุทธ์วิถีของข้ามีไว้เปล่าๆ หรือ”

เสียงเซ็งแซ่อื้ออึงไปทั่วบริเวณ ทั้งด่าว่าและคาดโทษหลินสวิน บรรยากาศคึกคักยิ่ง

ที่นี่คือสาขายุทธ์วิถี การเคลื่อนไหวที่นี่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ลูกศิษย์หลายคนรีบไปรายงาน เชิญทุกคนในสาขามา

“ข้ารายงานศิษย์พี่อวี่หรูหั่วไปแล้ว ถ้าเขารู้ว่าหลินสวินอวดดีเพียงนี้จะต้องลงมืออย่างอดไม่ได้แน่”

“เหอะๆ ข้าได้บอกเหล่าลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลในสำนักศึกษาที่มีความแค้นกับหลินสวิน อย่างตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง ตระกูลฉือแล้ว”

……

คนมาชมดูความคึกคักไม่รังเกียจเรื่องใหญ่ การมาเยือนของหลินสวินในครั้งนี้จะต้องสร้างความฮือฮาอย่างแน่นอน!

สำหรับคำพูดเหล่านี้ หลินสวินเหมือนไม่ได้ยิน เอ่ยถามหลี่เซียวเฟย “เจ้าอัปลักษณ์ ลานแสดงยุทธ์อยู่ไหน”

หลี่เซียวเฟยตะโกนอย่างเดือดดาล “เจ้าด่าใครว่าอัปลักษณ์!”

หลินสวินส่งเสียงอ้อแล้วเอ่ย “เจ้าไฝ ลานแสดงยุทธ์อยู่ไหน”

หลี่เซียวเฟยโกรธจนตาลุกเป็นไฟ อยากจะฉีกปากหลินสวินซะ

“อยู่ข้างหน้า”

ในตอนนี้เซวียอวิ้นพูดขึ้นอย่างราบเรียบเย็นชา

หลินสวินเงยหน้าขึ้น เห็นว่าบริเวณที่ไม่ไกลนักมีลานขนาดใหญ่ ภายในลานมีแท่นหินโบราณสีดำสนิทแท่นหนึ่ง ด้านบนเปื้อนเลือดและมีกลิ่นอายรอยสลักวิญญาณอันคลุมเครือไหลเวียนอยู่รางๆ

นี่ก็คือลานแสดงยุทธ์ เป็นสถานที่สำหรับดวลการต่อสู้ของลูกศิษย์สาขายุทธ์วิถี หลายพันปีมานี้เคยมีผู้กล้าที่มีอิทธิพลแห่งยุคจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้อยู่ด้านบน สำแดงการประลองอันเป็นประวัติกาลครั้งแล้วครั้งเล่า

ในเวลานี้มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่รอบๆ ลานแสดงยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าล้วนได้ยินว่าหลินสวินมาแล้วและกำลังจะดวลศึกที่นี่

นอกจากนี้ยังมีศิษย์จำนวนมากจากที่อื่นๆ กำลังทยอยกันมา

“มาสิหลินสวิน วันนี้ให้ข้าสั่งสอนเจ้า ล้างความอับอายให้ราชวงศ์ ให้เจ้าได้รู้ว่าฟ้าสูงแค่ไหน แผ่นดินต่ำเพียงใด!”

หลันอวี่ตะคอก

เดิมเขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรกที่กระโดดออกมา แต่ระหว่างทางหลินสวินทำเขาโกรธมากจนสุดจะทนแล้วจริงๆ

“ผมขาว บอกว่าให้เจ้าต่อแถวไม่ใช่หรือ ล้างคอให้สะอาดเตรียมรอไว้เถอะ”

หลินสวินโบกมือด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

เมื่อทุกคนรอบข้างได้ยินคำพูดเช่นนี้ต่างรู้สึกขำ แต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา สีหน้าจึงดูแปลกประหลาด ‘ผมขาว’ หลินสวินก็ช่างกล้าเรียกหลันอวี่เช่นนี้!

“หลินสวิน คอยดูเถอะ!”

สีหน้าของหลันอวี่ดูแย่อย่างที่สุด

หลินสวินกลับคร้านจะสนใจเขาแล้ว เดินเข้าไปในลานแสดงยุทธ์และขึ้นไปยืนบนแท่นหิน จากนั้นสายตามองไปที่พวกเซวียอวิ้น จินจู๋หลิว สืออวิ๋นเผิง กล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นฝ่ายเรียกข้ามาที่นี่ ตอนนี้ใครจะลงมือก่อน”

“ข้าไปก่อน!”

สืออวิ๋นเผิงก้าวออกไปพร้อมไอสังหารอันรุนแรง

“ช้าก่อน” หลินสวินมุ่นคิ้ว “เจ้าเข้าใจกติกาหรือไม่”

สืออวิ๋นเผิงตะลึง ตะคอกว่า “ขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะเล่นลวดลายอะไร”

หลินสวินกล่าวอย่างไม่พอใจ “ส่งป้ายประจำตัวมาก่อน ข้ากลัวว่าเจ้าจะผิดสัญญา ไม่ยอมให้คะแนนสะสม”

สืออวิ๋นเผิงโกรธจนไฟควันออกหู หยิบป้ายประจำตัวศิษย์ของตนออกมาด้วยใบหน้าขมึงทึง แล้วโยนออกไปข้างลานแสดงยุทธ์

เห็นดังนี้หลินสวินจึงพยักหน้า “เข้ามาเถอะ”

สืออวิ๋นเผิงกระโดดขึ้นบนแท่นหินอย่างไม่ลังเล ตะเบ็งเสียง “หลินสวิน ไปตายซะ!”

เสียงครืนโครมดังสนั่น กลิ่นอายทั่วร่างเขาเปลี่ยนไปกะทันหัน ลมและสายฟ้าสะเทือน เมฆหมอกคละคลุ้ง ฝ่ามือสะบัดไปข้างหน้าอย่างรุนแรง แสงสีแดงซัดสาด สายฟ้าบูบไหวร้องคำราม

เขาใช้พละกำลังทั้งหมด มาถึงก็ใช้วิชาระดับสูง ฝ่ามือราวกับเคลื่อนไหวมาพร้อมกับลมพายุ น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

วิชาสายฟ้าสลาตัน!

หลายคนตาเป็นประกาย นี่มันวิชาลับโบราณของตระกูลสือเชียวนะ!

และฐานะของสืออวิ๋นเผิงเองก็ไม่ธรรมดา เป็นบุคคลชั้นยอดในสาขายุทธ์วิถี มีพลังปราณในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์ ติดอันดับหนึ่งในห้าสิบอันดับแรกของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ

ยามนี้เห็นเขาโจมตีอย่างรุนแรงตั้งแต่เริ่มเช่นนี้ ทำให้หลายคนอดตื่นเต้นไม่ได้

ฮูม!

หลินสวินปล่อยหมัดหนึ่งออกไปสลายการโจมตีนั้นพร้อมกล่าว “ความสามารถแค่นี้ ออกจะไม่พออยู่บ้างนะ”

หลายคนพูดไม่ออก ฝีปากเจ้าหมอนี่ร้ายกาจจริงๆ

“มอบชีวิตเจ้ามาซะ!”

สืออวิ๋นเผิงคำราม เข้าสู้กับหลินสวิน โคจรวิชาสายฟ้าสลาตันถึงขีดสุด พลันเห็นแสงสายันณ์แดงไหลเคลื่อน สายฟ้าคำราม เผด็จการและรุนแรงอย่างที่สุด

“ร้องเสียงดังเพียงนี้ ข้ายังนึกว่าจะร้ายกาจขนาดไหน ที่แท้ก็เพียงเท่านี้ เจ้าหนุ่ม คนเราจะโอ้อวดขนาดนั้นไม่ได้นะ”

หลินสวินต่อสู้ไปพลาง ปากก็ยังพูดไม่หยุด

“ฆ่า!”

สืออวิ๋นเผิงตาแดงก่ำแล้ว แสงวิญญาณรอบตัวพลุ่งพล่านทะยานขึ้นฟ้า สายฟ้าอันน่าสะพรึงยิงออกไปทั่วทุกทิศ

การประลองครั้งนี้น่าตื่นเต้นยิ่ง ทั้งสองต่อสู้กันบนแท่นหิน แต่ละคนต่างสำแดงอานุภาพ เข่นฆ่ากันจนลมพายุโหดซัด แสงอาทิตย์สั่นสะเทือน เจิดจ้าสะดุดตาอย่างมาก

นอกลาน หลายคนอดพยักหน้าไม่ได้ ต่างส่งเสียงให้กำลังใจสืออวิ๋นเผิงอย่างต่อเนื่อง

และมีบางคนดูถูกหลินสวินอย่างมาก คิดว่าข่าวลือค่อนข้างเกินจริง ความสามารถของหลินสวินก็งั้นๆ ถึงขั้นที่เริ่มสงสัยว่าคนร้ายกาจที่สุดอย่างหลิงเทียนโหวจะพ่ายแพ้ให้กับหลินสวินได้อย่างไร ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน

“ไม่ว่าอย่างไรหลินสวินก็ถือว่าไม่เลว แข็งแกร่งกว่าศิษย์ใหม่ในสาขามังกรเร้นไม่น้อย แต่พอเทียบกับสาขายุทธ์วิถีของเราแล้ว ก็เห็นชัดว่าเทียบไม่ได้”

จินจู๋หลิวเอ่ยช้าๆ

“ไม่เหมือนที่ร่ำลือเลย”

เซวียอวิ้นพูดอย่างเรียบเฉย

คนอื่นๆ ก็เห็นด้วย เดิมพวกเขาเตรียมพร้อมไว้แล้ว ไม่ได้ดูถูกหลินสวินแต่อย่างไร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเขายังสู้สืออวิ๋นเผิงไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย คิดว่าข่าวลือภายนอกเกินจริง หลินสวินไม่ได้เย้ยฟ้าขนาดนั้น

ในลานยังมีคนกลุ่มเล็กๆ ที่สีหน้าดูแปลกประหลาด ในใจสับสนอย่างยิ่ง พวกเขาพบความผิดปกติตั้งแต่แรก คนแกร่งที่ดุดันไม่มีใครเทียบอย่างหลินสวิน จำเป็นต้องสู้เอาเป็นเอาตายเช่นนี้ด้วยหรือ

คนกลุ่มเล็กๆ ที่ว่านี้ล้วนเป็นลูกชนชั้นสูงที่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี และได้เห็นว่าหลินสวินใช้พลังที่ยิ่งใหญ่เพียงใดสยบฉือฉางเฟิง และเอาชนะหลิงเทียนโหว!

ฉือฉางเหมยเองก็อยู่ในลานด้วย นางรู้จักหลินสวินลึกซึ้งกว่า และรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหลินสวินอย่างดี

นางถึงขั้นมองแวบเดียวก็ดูออกว่าหลินสวินจงใจออมมือ เห็นได้ชัดว่ากลัวว่าถ้าแสดงฝีมือโดดเด่นเกินไปจนทำให้คนอื่นๆ กลัว ก็จะสูญเสีย ‘ของเดิมพัน’ บางส่วนไป

‘เจ้าหมอนี่ร้ายกาจจริงๆ เจ้าเล่ห์เพทุบาย หวังจะเอาเปรียบผู้อื่น’

ฉือฉางเหมยลอบถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง แต่นางไม่ได้เผยความคิดออกไป ยามนั้นน้องชายของนางฉือฉางเฟิงพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือหลินสวิน จนปัจจุบันยังถูกหลายคนหัวเราะเยาะและดูถูก

ในสถานการณ์เช่นนี้ นางอยากให้ผู้คนมากมายตก ‘หลุมพราง’ ของหลินสวินยิ่งกว่า จะได้ลิ้มรสการถูกหลินสวินสยบบ้าง

อีกด้านฮวาอู๋โยวยืนอยู่ในลานด้วยสีหน้าเย็นเยียบ นางย่อมเกลียดหลินสวินเข้ากระดูก เพราะตอนนั้นหากไม่ได้ผู้อาวุโสในตระกูลมาช่วยไว้ทันเวลา นางคงถูกหลินสวินฆ่าไปแล้ว

ตอนนี้เห็นหลินสวินถูกบังคับให้มาประลอง แน่นอนว่านางต้องอยากให้มีคนสั่งสอนหลินสวินอย่างรุนแรง และถ้าฆ่าเขาได้จะดีที่สุด

เพียงแต่นางเองก็ดูออกว่าฝีมือของหลินสวินในตอนนี้แปลกเกินไป หากเขาอ่อนแอเพียงนี้ จะสามารถเอาชนะนางได้อย่างไร

เจ้านี่จงใจแน่นอน!

“อู๋โยว เป็นเขาหรือที่เอาชนะเจ้าตอนนั้น ข้าว่าก็ไม่เท่าไร”

สาวงามคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ พูดพร้อมหัวเราะฮิๆ

โทสะพลันพรวดพราดขึ้นในใจฮวาอู๋โยว แต่ปากกลับพูดอย่างเรียบเฉย “ท่านหญิงเซียนเซียน ท่านกับหลิงเทียนโหวต่างก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ขึ้นเวทีไปกำราบหลินสวินด้วยตัวเองเล่า แก้แค้นแทนหลิงเทียนโหว”

สาวงามที่ถูกเรียกว่าท่านหญิงเซียนเซียนอึ้งงัน มุมปากคลี่ยิ้มเย่อหยิ่งกล่าว “เขาอ่อนแอเกินไป ไม่คุ้มกับการลงมือของข้า ”

ฮวาอู๋โยวไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ในใจกลับหัวเราะเยาะ แม้แต่หลิงเทียนโหวยังถูกเขาบังคับให้คุกเข่า ยังจะเรียกว่าอ่อนแออีกหรือ ช่างไม่รู้ความ

ภายในลานแสดงยุทธ์ สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดมากผิดปกติ เมื่อหลินสวินและสืออวิ๋นเผิงต่อสู้ศึกกันได้ห้าร้อยกระบวนท่า ในที่สุดสืออวิ๋นเผิงก็ต้านไม่ไหว ถูกหลินสวินตบอย่างรุนแรงจนปลิวออกไป กระอักเลือดคำใหญ่ ล้มลงบนพื้นนอกแท่นหิน

เสียงฮือฮาดังขึ้นในลาน สู้กันจนถึงตอนนี้ ดุเดือดถึงเพียงนี้ แต่ในช่วงสุดท้ายพวกเขามองเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าสืออวิ๋นเผิงพ่ายแพ้ได้อย่างไร!

“เจ้าหนุ่ม กลับไปฝึกให้ดีๆ อีกสักสองสามปีเถอะ เจ้ากับข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน หากไม่ออมมือคงสยบเจ้าไปนานแล้ว”

หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้น เหงื่อซึมหน้าผาก ลมหายใจหอบถี่ น้ำเสียงกลับสูงผิดปกติ มีท่าทีเหมือนไม่ใยดีสืออวิ๋นเผิง

“ฮูว…!”

เสียงโห่ดังขึ้นในลานอย่างกะทันหัน สู้กันหนักหน่วงห้าร้อยกระบวนท่าแล้ว ดุเดือดถึงเพียงนั้นกว่าจะชนะสืออวิ๋นเผิงมาได้ แบบนี้ยังเรียกว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันงั้นหรือ

หลินสวินคนนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว กล่าวคำโกหกได้หน้าตาเฉย ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือไร

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด