Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 477 ตบหน้าหญิงงาม

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 477 ตบหน้าหญิงงาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 477 ตบหน้าหญิงงาม
โดย

ได้ยินน้ำคำประหนึ่งชี้แนะเรื่องสำคัญของหลินสวินเข้า สืออวิ๋นเผิงก็โกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ เขาถึงกับพ่ายแพ้เชียวนะ ถูกเจ้าคนไร้ยางอายผู้นี้ทำให้ปราชัยต่อหน้าฝูงชน นี่ทำให้เขาอดสู นำความอับอายขายหน้ามาให้

“ถ้ากล้าก็สู้อีกรอบ!”

สืออวิ๋นเผิงตะโกนอย่างเดือดดาล เขาไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ในการดวลกับหลินสวินก่อนหน้านี้เขาต่อสู้อย่างดุเดือด ประมือกันห้าร้อยกระบวนท่าเต็มๆ เดิมคิดว่ามองเห็นความหวังแห่งชัยชนะแล้วเชียว

ทว่าท้ายที่สุดกลับถูกฝ่ามือหนึ่งซัดปลิวออกจากลานแสดงยุทธ์อย่างลึกลับ จนป่านนี้เขายังงุนงงไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่เลย

ในเวลานี้หลินสวินฉวยเอาป้ายประจำตัวที่สืออวิ๋นเผิงโยนไว้ขึ้นมาแล้วกวาดตามองปราดหนึ่ง พบว่าในนั้นมีคะแนนสะสมแค่สามร้อยกว่าแต้มเท่านั้น

“คะแนนสะสมนี้ของเจ้ามันไม่พอ คิดจะประลองกับข้าอีก อย่างน้อยๆ ต้องบวกเพิ่มอีกห้าร้อยคะแนน ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีแก่ใจจะชี้แนะเจ้าหรอก”

หลินสวินกล่าวอย่างไม่อภิรมย์

สืออวิ๋นเผิงโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งกาย กัดฟันจนจวนจะหัก เจ้าหลินสวินคนนี้ช่างยั่วโทสะเหลือเกิน

คนจำนวนมากในลานเริ่มร้องโห่ ส่งเสียงดังไม่หยุด ต่างคิดว่ากว่าหลินสวินจะกำชัยได้ก็ยากเหลือแสน ทว่าตอนนี้กลับจองหองเพียงนี้ ทำให้ผู้คนเหม็นหน้าสิ้นดี

“พวกเจ้าไม่ยอมแพ้? ได้เลย ถือคะแนนสะสมเรียงแถวมาอย่างว่าง่ายให้หมด ข้าผู้แซ่หลินรับรองว่าจะอยู่ด้วยจนถึงที่สุด”

หลินสวินคลี่ยิ้มสดใส

“หลินสวิน เจ้าหยุดวางโตเสียที!” ศิษย์เหล่านั้นโกรธยกใหญ่ ร้องด่าหลินสวิน

“ลูกผู้ชายตัวจริงไม่พูดไร้สาระ ถ้ากล้าก็ลุยเข้ามา คนที่ได้แต่ปากมากหลบไปคลายร้อนอยู่ด้านข้างให้หมด”

หลินสวินมีสีหน้าสบายอารมณ์ ท่าทางนี้ทำเอาคนจำนวนไม่น้อยโกรธจนจมูกแทบเบี้ยวหมดแล้ว

“ข้าดวลกับเจ้าเอง!”

หลันอวี่ตะโกนลั่น น้ำเสียงดั่งสายฟ้าฟาด เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ผมขาว เจ้าต่อแถวเสียดีๆ ยังไม่ทันถึงตาเจ้าเสียหน่อย”

หลินสวินเหลือบมองเขาปราดหนึ่งจากหางตา

เรียกผมขาวอีกแล้ว!

ดวงตาหลันอวี่แดงก่ำด้วยความโมโห เขาเป็นถึงผู้กล้าผู้โดดเด่นห้าอันดับแรกแห่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณเชียวนะ บรรพบุรุษมีความสัมพันธ์ทางการแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ สถานะทรงสง่า เดินไปที่ไหนต่างได้รับความเคารพยำเกรงจากผู้คน ไหนเลยจะเคยถูกคนเรียกว่าผมขาวให้อัปยศคำแล้วคำเล่ากัน

“คอยดูเถอะข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่น่าพิสมัยแน่!”

ทุกคำของหลันอวี่เผยให้เห็นไอเข่นฆ่า

หลินสวินร้องอ้อหนึ่งทีแล้วกลอกตา คร้านจะมองเขาอีกต่อไป ท่าทางจองหองนี้ทำให้เหล่าศิษย์สาขายุทธ์วิถีใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว

นี่เป็นถึงสาขายุทธ์วิถีเชียวนะ!

อยู่ที่นี่ผู้ใดกล้าอวดดีเพียงนี้กันเล่า

ทว่าจนแล้วจนรอด วันนี้ก็มีหลินสวินผู้หยิ่งผยองอย่างไม่น่าให้อภัยโผล่มาหนึ่งคน เย่อหยิ่งบ้าดีเดือด ไม่เห็นใครในสายตา ช่างน่าชิงชังอย่างถึงที่สุด

หลินสวินไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลย เพิ่งออกจากการปิดด่านวันแรกเท่านั้น หน้าประตูใหญ่ของภูเขาชำระจิตก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งปิดกั้น ภูตผีปีศาจอะไรล้วนวิ่งออกมาสำแดงความชั่วร้าย

เมื่อจัดการภูตผีปีศาจเหล่านี้แล้วมาสำนักศึกษามฤคมรกต เดิมคิดว่าจะสามารถจดจ่อดำเนินแผนหลอมชุดศึกสลักวิญญาณของตนได้ ใครเลยจะเคยคิดว่าดันถูกศิษย์สาขายุทธ์วิถีพวกนี้ราวีปลุกปลั่นอีก

อีกอย่างหลินสวินสามารถสรุปได้เลาๆ ว่า เบื้องหลังทุกอย่างนี้จะต้องมีคนคอยยุยงและสนับสนุนอยู่ ต่อให้ก้มหน้าอดกลั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงลมพายุหนนี้

นี่ทำให้หลินสวินโกรธขึ้นมาจริงๆ เช่นกัน หากไม่อาละวาดให้หนักสักรอบ ต่อไปคงจะมีแต่ตัวตลกมากกว่าเดิมโผล่ออกมาเท่านั้นแหละ

“ข้าจะสู้กับเจ้าสักตั้ง!”

เซวียอวิ้นก้าวมาเบื้องหน้า ท่าทีราบเรียบเย็นชา ประหนึ่งภูเขาหิมะถือดีและสันโดษ

ผู้คนต่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าบุคคลอย่างเซวียอวิ้นจะไม่สามารถทนความจองหองของหลินสวินได้เช่นกัน ฉับพลันนั้นพวกเขาต่างฮึกเหิม

เซวียอวิ้น!

นี่เป็นถึงผู้กล้าหญิงผู้เลื่องชื่อลือชาในสาขายุทธ์วิถี ติดอันดับที่สิบเก้าแห่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณเชียว อีกทั้งนางยังมีพื้นเพมาจากตระกูลทรงอิทธิพล รูปโฉมงดงามแบบบาง ได้รับความนิยมระดับสูงในสำนักศึกษา และเป็นที่รักใคร่ชื่นชมของคนวัยหนุ่มมากมาย

เห็นว่านางเลือกประสองเป็นคนที่สอง ทั่วลานต่างเดือดพล่าน

“ศิษย์พี่เซวียอวิ้น จะต้องสั่งสอนเจ้าเด็กนี่อย่างเหรี้ยมเกรียมเชียว! ทำให้เขารู้ถึงความร้ายกาจของสาขายุทธ์วิถีของพวกเรา!”

ศิษย์ชายกลุ่มหนึ่งร้องตะโกน ให้กำลังใจแก่เซวียอวิ้น

มีเพียงกลุ่มคนเล็กๆ ที่รู้จักหลินสวินอย่างฉือฉางเหมย ฮวาอู๋โยวเท่านั้นที่ท่าทีเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด กระโดดเข้าไปในหลุมอีกคนแล้ว ซ้ำยังเป็นผู้กล้าหญิงผู้เลื่องชื่อคนหนึ่งเสียด้วย

“ท่านหญิงเซียนเซียน เคยได้ยินคำว่าหงส์ขนหลุดไม่สู้ระกาบ้างหรือไม่”

จู่ๆ ฮวาอู๋โยวถามพลันเอ่ยถาม

“หืม? เจ้าพูดอะไร”

สาวน้อยอรชรด้านข้างนิ่งงัน

“ไม่มีอะไร”

ฮวาอู๋โยวไม่อยากอธิบายให้มากความ ในใจของนาง เซวียอวิ้นกำลังจะกลายเป็นหงส์ขนหลุดแล้ว…

“รอประเดี๋ยว คะแนนสะสมเจ้าเอามาหรือยัง ข้าไม่อาจรอมชอมข้อเรียกร้องของผู้ท้าชิงเพียงเพราะผู้หญิงมาท้าดวลหรอก”

กลางลานแสดงยุทธ์ หลินสวินหัวเราะน้อยๆ พลางมองเซวียอวิ้น

คนบางส่วนอึ้งงัน เจ้านี่ถึงขั้นกล้าไม่เคารพศิษย์พี่เซวียอวิ้นถึงเพียงนี้เชียว! เขาไม่รู้เลยหรือว่าอะไรที่เรียกว่าบุรุษทะนุถนอมสตรี

“คนที่ตาจ้องอยู่แต่คะแนนสะสมแบบนี้ เหล่าพี่สาวน้องสาวเอ๋ย ต่อไปหาผู้ชายสักคนอย่าได้หาแบบนี้เชียว!”

ศิษย์หญิงคนหนึ่งร้องตะโกนอย่างเดือดดาล เรียกเสียงสมทบมาได้ไม่น้อย

“ปล่อยเจ้าจองหองไปเถิด!”

ดวงตาดุจดาราของเซวียอวิ้นเย็นเยียบ มือนวลสะบัดออก ขว้างป้ายประจำตัวออกมา

จากนั้นเงาร่างของนางไหววูบ แขนเสื้อพลิ้วไสว มายังกลางลานแสดงยุทธ์พลางกล่าวเรียบเฉย “หลินสวิน หากเจ้าแพ้ จงชดใช้ความผิดที่เจ้ากระทำลงไป และขอโทษยอมรับผิดต่อราชวงศ์ ณ ที่แห่งนี้ด้วย”

หลินสวินกล่าวพลางหัวเราะน้อยๆ “เอาชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”

ตูม!

เซวียอวิ้นไม่พูดมากความอีก เพียงชั่ววูบเท่านั้นแสงสนธยาสีม่วงที่เปล่งประกายพุ่งออกมาจากเรือนกายของนางนับพัน ก่อนกลายเป็นดาบคมรุ้งวิเศษ พุ่งไปห้อมล้อมหลินสวินเอาไว้

“น่าสนใจ” หลินสวินรุดหน้าไปต้อนรับ

การต่อสู้เดือดปะทุและมีสีสันยิ่งกว่าศึกของสืออวิ๋นเผิงเมื่อครู่เสียอีก

ในลานมีเสียงโห่ร้องดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า เสียงอึกทึกพุ่งสู่นภา แน่นอนว่าต่างเป็นเสียงที่ให้กำลังใจแก่เซวียอวิ้นทั้งนั้น

อาภรณ์ขาวของนางโบกพลิ้ว เรือนผมงามไหวผะแผ่ว นัยน์เนตรคู่นั้นดั่งสายชล คล้ายมีหมอกน้ำแข็งอำพรางอยู่ ผิวพรรณผุดผ่องดั่งพวงหยก ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความยะเยือกเย็นดุจหิมะ งดงามน่าพิสมัยยิ่งยวด

ในระหว่างการต่อสู้ แสงสนธยาม่วงและสายรุ้งวิเศษเริงระบำ ทำให้นางเป็นดั่งภาพฝันลวงตาโดยสิ้นเชิง กำราบหลินสวินให้ต้องหลบเลี่ยงหนแล้วหนเล่า ยิ่งดูเหนือธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด

ศิษย์ชายบางส่วนในลานต่างผุดแววหลงใหลออกมา สภาพจิตใจกวัดแกว่ง แม้แต่ศิษย์หญิงบางคนก็ต่างต้องยอมรับ เซวียอวิ้นเป็นผู้กล้าหญิงที่หาตัวจับยาก พร่างพราวหาใดเปรียบจริงๆ

“ศิษย์พี่เซวียอวิ้นเทียบได้กับเทพนารีศักดิ์สิทธิ์แห่งเก้าชั้นฟ้าผู้นั้นเลยเชียว นุ่มนวลเหนือธรรมดา ส่วนเจ้าหลินสวินนั่นก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง คงกระโดดโลดเต้นได้ไม่นานนักหรอก”

ชายหนุ่มคนหนึ่งปริปากเอ่ยอย่างเนิบนาบ เปี่ยมด้วยความสรรเสริญและชื่นชม

“ใช่แล้ว การควบคุม ‘แสงม่วงสมประสงค์’ ของศิษย์พี่เซวียอวิ้นยิ่งลึกล้ำซับซ้อนขึ้นแล้ว เกรงวว่าไม่ต้องใช้เวลานานก็สามารถก้าวถึงระดับหยั่งสัจจะ เข้าไปฝึกในเรือนยอดยุทธศาสตร์ได้แล้ว”

ผู้คนจำนวนมากต่างร้องสมทบ

ในสายตาของพวกเขา หลินสวินในเวลานี้ถูกเซวียอวิ้นกำราบโดยสมบูรณ์ เมื่อเทียบกันแล้วแตกต่างอย่างลิบลับ ซวนเซเหมือนตัวตลก น่าขันหาใดเปรียบ

ไม่นานการประลองก็ดำเนินมาถึงห้าร้อยกระบวนท่า

เพียะ!

ทันใดนั้น เสียงฝ่ามือก้องสายหนึ่งพลันดังขึ้น

ขณะที่กำลังประทับใจต่อท่าทางของเซวียอวิ้น ผู้คนที่ชื่นชมให้กำลังใจรู้สึกเพียงว่าตาลาย พลันเห็นว่ากลางลานแสดงยุทธ์เงาร่างเซวียอวิ้นไหววูบ โซซัดโซเซถอยร่นออกมาสิบกว่าก้าว

และบนดวงหน้านวลเนียนงดงามของนางนั้นกลับมีรอยฝ่ามือแดงเรื่อเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรอย ทั้งยังบวมเป่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกด้วย

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เซวียอวิ้นไม่สามารถควบคุมร่างได้ในที่สุด โงนเงนหนหนึ่งก่อนร่วงตุบไปนอกลานแสดงยุทธ์ ตกลงไปด้วยท่าทางสะบักสะบอม

เสียงร้องให้กำลังใจทั่วลานหยุดลงทันใด ทุกคนต่างเบิกตากว้าง นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น เซวียอวิ้นถูกเจ้าหนูนั่นตบหนึ่งฉาดกระเด็นออกนอกลานแสดงยุทธ์!?

นี่ นี่…นี่มันเป็นไปได้อย่างไร

คนจำนวนมากล้วนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ท่าทางคล้ายกับเห็นผีตัวเป็นๆ เมื่อครู่ยังสู้อย่างดุเดือด กำราบหลินสวินคนนั้นจนแทบทนรับไม่ไหวอยู่เลย เหตุใดเพียงพริบตาเดียวถึงได้กลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว?

ในลานไร้สุ้มเสียงในบัดดล

“เอ่อ โทษทีนะ เมื่อครู่ออกแรงมากเกินไป ไม่ทันยั้งเอาไว้ก็ซัดใส่หน้าเสียแล้ว ขออภัยๆ”

แม้หลินสวินจะเอ่ยขอโทษ แต่ท่าทางกลับหยาบคายมาก ทำเอาผู้คนในลานเห็นแล้วต่างโทสะลุกโชน กัดฟันดังกรอด

น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!

เซวียอวิ้นเป็นถึงเทพธิดากลางดวงใจของพวกเขา พร่างพราวเพียงไหน ทว่ายามนี้กลับถูกเจ้าคนน่ารังเกียจนี่ตบหน้าเข้าให้อย่างจังภายใต้สายตาที่จับจ้องของคนมากมาย นี่พาให้ผู้คนเดือดดาล สมควรโดนทัณฑ์สวรรค์นัก!

ส่วนเซวียอวิ้นนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ราวกับถูกฝ่ามือนั้นตบจนมึน เนิ่นนานกว่าจะกู้สติกลับมา จากนั้นจึงมองไปทางหลินสวินด้วยสายตาชิงชัง ไม่อาจควบคุมความเดือดดาลในอกได้อีกต่อไป แผดเสียงร้อง “ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ฐานะของนางสูงส่งบอบบางเพียงใด ประหนึ่งนางสวรรค์ เดินไปที่ไหนต่างถูกผู้คนรุมล้อมดั่งดาวล้อมเดือนก็ไม่ปาน ไหนเลยจะคาดคิดว่าวันหนึ่งจะถูกคนซัดฝ่ามือใส่หน้า

นางโทสะเดือดพล่านโดยสมบูรณ์ หมายจะสังหารหลินสวินโดยไม่สนสิ่งใด

“ทำไมกัน แพ้ไม่ได้หรือ นี่มันทำให้ข้าผิดหวังกับสาขายุทธ์วิถีมากๆ เลยเชียว แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการสั่งสอนอย่างหนึ่ง วันหน้าจะได้ไม่ยกตนข่มท่านอีก ไม่ดีหรือ”

หลินสวินกล่าวติงอย่างไม่สบอารมณ์

“เซวียอวิ้น เจ้าอดกลั้นไว้ก่อนชั่วครู่แล้วกัน ให้ข้าจัดการเจ้าเด็กนี่เอง!”

จินจู๋หลิวก้าวมาข้างหน้า เตือนเซวียอวิ้นที่ใกล้จะปะทุเต็มทนเอาไว้แล้วพานางเดินออกไป หากอยู่ต่ออีก รังแต่จะทำให้เซวียอวิ้นยิ่งอับอาย

และในเวลานี้ผู้คนในลานต่างคืนสติกลับมา เซวียอวิ้นถึงขั้นถูกฝ่ามือเดียวตีจนปราชัย ทันใดนั้นผู้คนอารมณ์เดือดพล่าน ทุกคนต่างส่งเสียงกล่าวหาหลินสวิน

“หลินสวิน เจ้ายังเป็นบุรุษหรือไม่ เจ้าทำกับสตรีเช่นนี้เลยหรือ ช่างไม่เอาไหนจริงๆ!”

“หึ! ลงมือกับผู้หญิงยังโหดเหี้ยมเพียงนี้ ขายขี้หน้า!”

“ทุกคนอย่าขวางข้าเชียว ข้าจะแก้แค้นแทนศิษย์พี่เซวียอวิ้นเอง สังหารเจ้าคนนอกรีตไร้ขื่อไร้แปคนนี้เสีย!”

ส่วนหลินสวินยืนอยู่ท่ามกลางลานแสดงยุทธ์เพียงลำพัง หอบหายใจหนัก สีหน้าซีดขาว ทั่วสรรพางค์กายชุ่มด้วยเหงื่อเย็น มีท่าทีจวนเจียนจะยืนหยัดไม่ไหว

ทว่าเขายังคงมีท่วงท่าของยอดฝีมือเดียวดาย ทอดถอนใจกล่าว “สรรพสิ่งบนโลกดั่งหมากกระดาน กลับยากพานพบคู่ประมือ ข้านี่มันอยู่ปลายยอดเพียงหนึ่งเดียวสินะ”

คนทั้งกลุ่มต่างจนคำพูด เหนื่อยระยำจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ยังบอกว่ายากพานพบคู่ประมืออีก กล้าทำหน้าซื่อและไร้ยางอายขนาดนี้เลยหรือ

ฉือฉางเหมยกลับลอบหดหู่กับตัวเอง เจ้าหมอนี่ยังคงเป็นมือดีที่ดึงความเกลียดชังได้คนหนึ่งเสียจริง ประโยคเดียวก็ชักนำความโกรธเคืองจากผู้คน และถูกประณามจากธารกำนัลได้

“นี่ก็คือหงส์ขนหลุดไม่สู้ระกาที่เจ้าพูดหรือ” ท่านหญิงเซียนเซียนคล้ายเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง

“ข้าเปล่าพูดถึงเซวียอวิ้นเสียหน่อย” ฮวาอู๋โยวตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ท่านหญิงเซียนเซียนดูคล้ายเป็นกังวล นางรับรู้ได้เลาๆ ว่าบนร่างหลินสวินมีปัญหา!

“คะแนนสะสมเพิ่งจะสองร้อยกว่าๆ ยังคิดว่าจะแน่แค่ไหนเชียว”

บนลานแสดงยุทธ์ หลินสวินเก็บป้ายประจำตัวของเซวียอวิ้นขึ้นมาแล้วพึมพำอย่างอดไม่อยู่ แต่ดันถูกพวกคนหูดีบางคนได้ยินเข้า พลันโกรธจนร้องลั่นหนึ่งระลอก

เพียงแต่ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจทันที คะแนนสะสมของสำนักศึกษาหากคิดจะเริ่มสั่งสมนั้นแสนยากยิ่ง เนื่องจากการฝึกฝนส่วนใหญ่ของศิษย์ในสำนักล้วนเกี่ยวเนื่องอย่างมากกับคะแนนสะสม ทั้งการแลกเปลี่ยนยาวิญญาณ อ่านบันทึกโบราณในหอเก็บตำรา ออกไปเคี่ยวกรำด้านนอก… ต่างจำเป็นต้องจ่ายคะแนนสะสมที่สอดคล้องกันนั่นเอง

“หลินสวิน ข้ามาดวลกับเจ้า!”

ในเวลานี้จินจู๋หลิวลงสนามแล้ว นัยน์ตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า เคลือบแฝงไอสังหาร

ส่วนลึกภายในนัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินผุดความเยียบเย็นเสี้ยวหนึ่ง ในที่สุดเจ้าหนุ่มนี่ก็กระโดดออกมาแล้ว

ก่อนหน้านี้จินจู๋หลิวเคยพูดเองกับปาก เขาโจมตีหลินเสวี่ยเฟิงจนเจ็บหนัก ทำเอาหลินเสวี่ยเฟิงยังพักรักษาตัวอยู่จนป่านนี้!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด