Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 485 แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 485 แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 485 แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
โดย

ผู้อาวุโสร่างกายผอมแห้ง สองมือไพล่หลัง ยืนอยู่บนสายธารแห่งกาลเวลา ดวงตาขุ่นมัวราวกับสามารถมองเห็นความลึกลับที่ปลายสุดสายน้ำ

“ตั้งแต่โบราณมา ขอเพียงเป็นผู้ที่สามารถพบเห็นสถานที่นี้ ล้วนเป็นผู้กล้าที่ต่างพิสูจน์ได้ว่ามียอดพรสวรรค์ในช่วงยุคสมัยหนึ่ง เหมือนกับเงาร่างประทับพวกนี้ที่เจ้าเห็นในตอนนี้ ก็เป็นคนรุ่นเยาว์หนึ่งร้อยคนที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งที่สุดตลอดระยะเวลาหลายพันปีมานี้”

ผู้อาวุโสกล่าวเนิบช้า น้ำเสียงแหบพร่า

“ชื่อของพวกเขาถูกจารึกไว้เช่นนี้ เว้นแต่จะปรากฏผู้กล้าที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่ง จึงจะสั่นคลอนอันดับของพวกเขาได้ ลบชื่อพวกเขาออกจากกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ”

หลินสวินฟังอย่างเงียบๆ สายตามองไปไกลๆ บนคลื่นแต่ละระลอกนั้นมีเงาร่างวิบไหว แสงสีทองไหลล้นราวกับแสงอาทิตย์พร่างพราว

ก่อนหน้านี้เขาได้คาดเดาสิ่งเหล่านี้ไว้หมดแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าเหตุใดตนเองจึงประสบกับเหตุความเป็นความตายเมื่อครู่นั่น

“เมื่อเจ้าสามารถมองเห็นเงาร่างซึ่งเป็นตัวแทนรายชื่อได้อย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าความสำเร็จในตอนนี้ของเจ้าโดดเด่นเหนือผู้กล้าคนนั้น ณ เวลานั้น หากมองเห็นไม่ชัดเจน นั่นหมายความว่าอันดับของเจ้าสิ้นสุดลงแค่ตรงนี้”

ฟังถึงจุดนี้หลินสวินนึกขึ้นมาได้ทันที เมื่อครู่เขามองเห็นเงาร่างและชื่อของกู้อวิ๋นถิงได้อย่างชัดเจน อีกทั้งรู้อันดับของอีกฝ่ายว่าอยู่ในอันดับที่หกสิบสี่

แต่ร่างที่อยู่ก่อนหน้ากู้อวิ๋นถิงเขากลับมองเห็นได้ไม่ชัดว่าเป็นใคร จากคำพูดของผู้อาวุโส นั่นไม่ใช่หมายความว่าเขาขึ้นไปถึงอันดับที่หกสิบสี่ของกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณอย่างนั้นหรือ

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อันดับของกู้อวิ๋นถิงก็เท่ากับว่าถูกตนเองเบียดตกไปอยู่อันดับที่หกสิบห้าใช่หรือไม่

“แต่เจ้าแตกต่างกับพวกเขา”

จู่ๆ ผู้อาวุโสก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ดวงตาขุ่นมัวจ้องมองมายังหลินสวิน ทันใดนั้นหลินสวินรู้สึกเหมือนความลับทุกอย่างภายในใจตนราวกับถูกมองออก รู้สึกกระวนกระวายไปทั้งตัว

“รบกวนผู้อาวุโสชี้แนะ”

หลินสวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“แต่เดิมด้วยพรสวรรค์และพลังแฝงของเจ้า หากถูกพลังแห่งป้ายหินวิญญาณมรรครับรู้ได้ทั้งหมด อันดับจะไม่หยุดลงเพียงเท่านี้”

ผู้อาวุโสถอนสายตากลับ “แต่ว่าร่างกายของเจ้ากีดกันพลังแห่งป้ายหินวิญญาณมรรคออกไป ไม่ยินยอมให้มันรับรู้ถึงพรสวรรค์และพลังแฝงภายในทั้งหมดของเจ้า!”

เพียงหนึ่งประโยค เสมือนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น!

หลินสวินตัวแข็งทื่อไป เข้าใจขึ้นมาโดยพลัน ที่แท้พลังลึกลับที่ไหลทะลักเข้าร่างตนเมื่อครู่มาจาก ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’ นี่เอง!

และ ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’ ที่ว่าก็เดาได้ง่ายมาก นั่นคือป้ายหินที่ประทับรายชื่อ ‘กระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ’ และ ‘กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ’ แผ่นนี้

จากคำเล่าลือ ป้ายหินนี้สืบทอดมาในสำนักเก่าแก่โบราณแห่งหนึ่งเมื่อสมัยโบราณกาล เป็นสมบัติล้ำค่าน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งชิ้นหนึ่ง ภายหลังค่อยถูกเจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกตใช้พลังขั้นสูงหลอมและย้ายมายังที่แห่งนี้

สิ่งที่หลินสวินคาดเดาไม่ออกคือ เหตุใด ‘ประตูสวรรค์’ ต้องกีดกันพลังของ ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’?

“บางทีนี่อาจเป็นความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดไว้”

ผู้อาวุโสพึมพำกับตนเอง เปล่งวาจาประหลาดยากแก่การเข้าใจออกมาประโยคหนึ่ง

หลินสวินรู้สึกแปลกใจระคนสับสน แต่กลับเม้มปากเงียบไม่กล่าวออกมา เขาไม่มีทางพูดถึงความลับของ ‘ประตูสวรรค์’ นี้ออกมาอย่างเด็ดขาด

“เห็นทีเจ้าจะไม่รู้ว่าขอเพียงขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ ประทับชื่อบนนี้ได้ ก็เท่ากับได้รับวาสนาแห่งเซียน สามารถเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณอย่างราบรื่น กลายเป็นผู้สืบทอดคนสำคัญของสำนักลึกลับสักแห่งในดินแดนลี้ลับ”

ผู้อาวุโสกล่าวถึงเรื่องราวหลังฉาก ทำเอาหลินสวินใจสั่นหะหนึ่ง นี่เป็นโอกาสและวาสนาที่หาได้ยากยิ่ง สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว เทียบได้กับการได้รับหนทางสู่มรรคที่เปี่ยมด้วยความหวังหนทางหนึ่งทีเดียว!

ตามที่ผู้อาวุโสกล่าวมา ผู้กล้าที่ขึ้นสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณตลอดหลายพันปีมานี้ บางทีอาจไปดินแดนลี้ลับเพื่อบำเพ็ญตนแล้ว

ทั้งยังได้รับการปฏิบัติอย่างศิษย์คนสำคัญอีกด้วย!

นึกถึงตรงนี้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะถาม “เรียนถามผู้อาวุโส ที่ๆ พวกเขาไปคือสำนักลี้ลับแห่งใดกัน”

“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์”

ผู้อาวุโสกล่าวนามหนึ่งออกมา สีหน้าเจือความประหลาดเล็กน้อย “ต่อให้เป็นในดินแดนรกร้างโบราณ สำนักแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเหนือธรรมดา มีกิตติศัพท์เป็นอย่างมาก เล่ากันว่า… ในสำนักแห่งนี้เคยให้กำเนิดผู้เป็นอมตะอย่างแท้จริง เจิดจรัสดังสุริยันจันทรา อายุยืนนานชั่วนิจนิรันดร์ เปล่งประกายโชติช่วง!”

ผู้เป็นอมตะ!

หลินสวินสูดลมหายใจเย็นเยียบ บำเพ็ญเพียรมาถึงตอนนี้ เขาค่อยๆ เข้าใจความยากลำบากและความคลุมเครือบนหนทางแห่งมหามรรคแล้ว สำหรับความเป็นอมตะ ยิ่งเป็นเสมือนหนึ่งความฝันที่ไม่ใช่ความจริง ไม่มีใครพบเห็นมาก่อน

แต่ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนั้น ในสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่น มีการเล่าลือถึง ‘ผู้เป็นอมตะ’ นี่ช่างทำให้ผู้คนตกตะลึงยิ่งนัก

ต่อให้เป็นเพียงข่าวลือ แต่ก็มากพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าสายสนกลในของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั้นหนาแน่นเพียงใด!

“น่าเสียดาย มหามรรคของเจ้าถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์”

ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสจะกล่าวเช่นนั้น แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเสียดายเพียงนิด

นั่นทำให้หลินสวินอดชะงักไปเล็กน้อยไม่ได้ ตระหนักรู้ด้วยไหวพริบว่าผู้อาวุโสดูราวกับ… พึงพอใจที่ได้เห็น ‘สภาวการณ์แปลกประหลาด’ ที่เกิดขึ้นของตน

ผู้อาวุโสนิ่งเงียบครู่ใหญ่ แล้วพลันถอนใจคราหนึ่ง มองหลินสวินพลางกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย ความลับของร่างกายเจ้ามากมายเหลือเกิน แม้แต่ข้าเองก็มองไม่ออก เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายยากจะคาดเดา แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า หากวันหนึ่งข้างหน้าเจ้าปรารถนาที่จะเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ จำไว้ว่าอย่าได้ข้องแวะกับคนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สำหรับเจ้าแล้วนั่นถือเป็นมหันตภัยอย่างแท้จริง”

หลินสวินใจกระตุกวูบ มหันตภัย? หรือจะเกี่ยวกับที่ ‘ประตูสวรรค์’ กีดกันพลังของ ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’?

หลินสวินรู้สึกได้รางๆ ว่าการคาดเดาของตนถูกต้องแน่นอน เพียงแต่สาเหตุภายในนั้นกลับทำให้เขาคาดเดาไม่ออก เพราะเดิมทีเขาก็ไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไรกันแน่

“เมื่อโอกาสมาถึงเจ้าจะเข้าใจเอง แต่ยามอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ เจ้ายังไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้ได้ชั่วคราว”

ผู้อาวุโสเหมือนดูความสงสัยอย่างหนักหน่วงภายในใจหลินสวินออก อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน

“ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”

หลินสวินประสานมือขึ้น

“จงจำไว้ เรื่องในวันนี้อย่าได้กล่าวกับผู้อื่น แม้ว่าในใจจะเกิดความสงสัยมากเพียงใด ก็ไม่สามารถแพร่งพรายแม้ประโยคเดียว ต้องเก็บงำไว้ในใจ”

ผู้อาวุโสกล่าวกำชับ

หลินสวินรับคำอย่างจริงจัง หลังจากนั้นพลันกล่าวถาม “เรียนถามผู้อาวุโสมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร”

ผู้อาวุโสดวงตาล้ำลึก จ้องมองมายังหลินสวิน “เจ้าเดาออกอยู่ก่อนแล้ว เหตุใดจึงต้องถามซ้ำ”

หลินสวินไหวหวั่นอย่างที่สุด ดวงตาดำขลับฉายแววตกตื่น ชะงักงันอยู่ตรงนั้น

เขาคาดเดาไว้แล้วจริงๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า วันแรกที่ตนหวนกลับสำนักศึกษามฤคมรกต ถึงกับสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้อาวุโสผู้ลึกลับท่านนี้… เจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกต!

เมื่อหลินสวินตื่นขึ้นก็รู้สึกเหมือนเป็นเพียงความฝันฉากหนึ่ง ยืนชะงักงันอยู่ตรงนั้น

เพียงไต่ขึ้นอันดับครั้งเดียวเท่านั้น กลับได้รู้ความลับมากมายโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกต

นั่นทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า การเคลื่อนไหวที่ตนทำในวันนี้นั้นค่อนข้างยิ่งใหญ่ทีเดียว อย่างน้อยเขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการรับรู้ถึง ‘ประตูสวรรค์’ ที่กีดกัน ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’ จะสามารถก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้

แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!

ท้ายที่สุดหลินสวินก็จดจำชื่อสำนักลี้ลับนี้ไว้อย่างแม่นยำ สิ่งที่เรียกว่า ‘มหันตภัย’ ที่เจ้าสำนักกล่าวถึงทำให้หลินสวินเกิดความระวังตัวโดยสัญชาตญาณ

“หืม? ปรากฏการณ์ประหลาดหายไปแล้ว?”

“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เสียงแปลกใจระคนสงสัยดังขึ้น กลับกลายเป็นว่าพวกสืออวี่ หนิงเหมิงที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงศิษย์สาขายุทธ์วิถีเหล่านั้นล้วนตื่นจากสภาวะว่างเปล่าที่จิตใจตกอยู่ในภวังค์

แต่ละคนต่างดูมึนงง

เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเขาต่างไม่สังเกตเห็น นี่ต้องเป็นฝีมือของเจ้าสำนักอย่างแน่นอน

“ฮ่าๆ มาดูเร็ว อันดับของเจ้านี่ยังคงอยู่ในอันดับสี่ของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ!”

มีคนเสียงหัวเราะดัง พบว่าบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณนั้น แสงสีทองที่แสดงถึงอันดับของหลินสวินยังคงหยุดอยู่ในตำแหน่งของอันดับที่สี่

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเราชนะพนันแล้ว!”

“หลินสวิน เจ้ายังกำเริบเสิบสานอีกหรือ บอกแต่แรกแล้วว่าเจ้าไม่ไหว ยังเพ้อพกพูดว่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ คราวนี้เจ้ายังจะพูดอะไรได้อีก”

“เจ้าแพ้แล้ว นำคะแนนสะสมออกมาเร็วเข้า!”

บรรดาศิษย์สาขายุทธ์วิถีต่างตะโกนตื่นเต้นดีใจเสียงดังลั่น สามารถเห็นหลินสวินแพ้การเดิมพัน อับอายต่อหน้าฝูงชน ทำให้ในใจพวกเขาสะใจยิ่งนัก

สีหน้าของพวกสืออวี่ หนิงเหมิงต่างไม่น่าดู พวกเขาเดาไม่ออกว่าทั้งที่เมื่อครู่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดยิ่งใหญ่เพียงนั้น แต่ทำไมอันดับของหลินสวินกลับหยุดนิ่งไม่ขยับขึ้นหน้า นี่มันแปลกประหลาดโดยสิ้นเชิง

หรือว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง?

“พวกเจ้านี่มีอะไรให้ได้ใจกันนักหรือ ไม่เห็นหรือว่าอันดับหลินสวินขึ้นเป็นที่สี่ อันดับระดับนี้ใช่สิ่งที่พวกเจ้าสบประมาทได้หรือ”

หนิงเหมิงน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก

ที่จริงแล้วสามารถขึ้นเป็นอันดับสี่บนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณได้ ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคนชั้นยอดของสาขายุทธ์วิถีแล้ว อันดับนี้ไม่ใช่ว่าใครต่างสามารถมีได้

“ฮึ น่าขัน หลินสวินไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งสักหน่อย ถือว่าแพ้แล้ว นี่คือความจริง พวกเราพูดผิดหรือไง”

มีคนพูดเสียงเย็นชา

“พูดเรื่องไร้สาระให้น้อยหน่อย เมื่อครู่ยังถือดีไม่รู้จักเกรงกลัวใต้หล้าอยู่เลย ทำไมตอนนี้แพ้ไม่ลงหรือ น่าขายหน้า!”

คนอื่นก็พากันพูดเสียงดังขึ้น

พวกหนิงเหมิง สืออวี่ต่างเดือดดาล แต่กลับไม่อาจโต้แย้งได้ เป็นจริงดังว่า ตามที่หลินสวินตกลงกับพวกเขาเมื่อครู่ นี่ถือว่าแพ้แล้วจริงๆ

แต่ในเวลานี้เองหลินสวินกลับหันไปยิ้มพลางเอ่ยถาม “อย่ารีบร้อนไป ยังไม่จบเสียหน่อย ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่ยังมีสหายไม่น้อยไม่ได้เข้าร่วมเดิมพันสินะ ตอนนี้ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าข้าแพ้แน่อย่างไม่ต้องสงสัย มิสู้เข้าร่วมด้วยเล่า วางใจเถอะ หากข้าแพ้จริง รับรองว่าจะไม่บิดพลิ้ว”

พวกหนิงเหมิง สืออวี่สายตาเป็นประกาย รู้ได้ว่าหลินสวินแค่ยั้งมือไว้! นี่ทำให้คนตั้งตารอคอยนัก

แต่ศิษย์สาขายุทธ์วิถีเหล่านั้นต่างชะงักงัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าถึงตอนนี้หลินสวินยังคงมั่นใจไม่เกรงกลัวเช่นนี้

นั่นทำให้พวกเขาอดแปลกใจระคนสงสัยไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าอันดับบนป้ายหินยังไม่เปลี่ยนไป พวกเขาจึงวางใจลง

“จงใจตบตาชัดๆ ข้าพนันกับเจ้าเอง!”

เวลานั้นเองเด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา แสยะยิ้มหยิบป้ายประจำตัวออกมา

“ข้าเอาด้วย!”

ศิษย์คนอื่นๆ ก็ทยอยเข้าร่วมเดิมพัน

ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะมั่นใจเต็มที่ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว อันดับของหลินสวินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยากที่จะพลิกกลับมาแน่

หลินสวินเห็นดังนั้นก็ยิ้มสดใสยิ่งกว่าเดิม ไม่พูดพร่ำทำเพลง วางมือขวาลงบนป้ายหินใหม่อีกครั้ง

“เจ้ายังไม่ตัดใจอีกหรือ คิดจะไต่อันดับใหม่อีกครั้งหรือ น่าขันจริงเชียว!”

ศิษย์คนหนึ่งส่งเสียงหัวเราะเกรียวกราว แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็เห็นแสงสีทองที่แสดงถึงอันดับของหลินสวินจรัสแสงขึ้นเบาบาง หลังจากนั้น…

ขึ้นเป็นอันดับสูงสุดเพียงครั้งเดียว!

ความเร็วนั้นรวดเร็วมาก เหมือนกับปลายแสงสีทองปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน จ้าวจิ่งเหวินที่เดิมอยู่อันดับหนึ่งก็ตกเป็นอันดับสอง

จั่วอวี้จิงที่เดิมอยู่อันดับสองก็ตกเป็นอันดับสาม…

“นี่มัน…”

บรรดาศิษย์สาขายุทธ์วิถีนิ่งงันไปชั่วขณะ เดิมทีพวกเขาต่างถูไม้ถูมือ ใคร่ครวญว่าอีกเดี๋ยวจะแบ่งสรรปันส่วนคะแนนสะสมของหลินสวินที่ชนะมาอย่างไร ใครจะคิดว่าเพียงชั่วพริบตาอันดับจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดิน!

ศิษย์บางคนยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง อดไม่ได้ที่จะขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก แต่ผลลัพธ์ช่างโหดร้าย ตำแหน่งอันดับหนึ่งนั้นถูกยึดครองโดยหลินสวินจริงๆ

หนักแน่นดั่งเขาไท่ซาน พลังกดดันผู้กล้าทั้งมวล!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด