Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 495 ข่าวลือโจษจันไปทั้งเมือง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 495 ข่าวลือโจษจันไปทั้งเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 495 ข่าวลือโจษจันไปทั้งเมือง
โดย

“ฮ่าๆ คราวนี้ข้าจะดูว่าเจ้าหลินสวินนั่นยังจะโอหังได้สักแค่ไหน!”

ในห้องโถงใหญ่ จั่วอวี้จิ่งหัวเราะลั่นอย่างมีความสุข รูปร่างของเขาสูงโปร่งผึ่งผาย นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น มีบรรยากาศแห่งความถือดีอย่างหนึ่ง

ใกล้ๆ พวกหลันอวี่ จินจู๋หลิว เซวียอวิ้น สืออวิ๋นเผิง ต่างก็ผุดรอยยิ้มพรายบนใบหน้า

“ครั้งนี้พวกเราระดมกำลังทั้งหมด มีอานุภาพเกรียงไกร มวลชนรู้สึกดุเดือดเลือดพล่าน ดึงดูดความสนใจจากบุคคลสำคัญในสำนักศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลินสวินคงยากจะหนีจากหายนะเป็นแน่แท้!”

จินจู๋หลิวปริปากอย่างเยียบเย็น

“นี่เรียกว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั่นย่อมตามสนอง หลินสวินก็ช่างบ้าดีเดือดได้ที่จริงๆ แม้แต่องค์หญิงหลิงหวงกับฉีอวี้ยังกล้าล่วงเกิน นี่ไม่ใช่ผู้อมตะเบื่อน้ำอมฤต คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วหรอกหรือ”

สืออวิ๋นเผิงหัวเราะเย้ยหยัน

“หลินสวินคนนั้นมีความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณไม่ธรรมดา ในด้านการฝึกยุทธ์ก็สุดแสนสะดุดตา ถ้าหากสำนักศึกษาไม่ยอมขับไล่เขาออก แล้วควรจะทำอย่างไรดี”

ทันใดนั้นหลันอวี่พลันขมวดคิ้วเอ่ยถาม

“เป็นไปไม่ได้”

จั่วอวี้จิ่งมั่นใจเต็มเปี่ยม “ครั้งนี้ข้ากับศิษย์พี่จ้าวจิ่งเหวินร่วมกันเชิญผู้อาวุโสบางส่วนจากสำนักศึกษามาออกหน้า กดดันสำนักศึกษา เชื่อว่าสำนักศึกษาคงไม่ยอมผิดใจกับพวกเราเพื่อหลินสวินเพียงคนเดียวแน่”

คนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นต่างก็อดสั่นสะท้านในใจไม่ได้ คล้ายกับนึกไม่ถึงเช่นกันว่าเพื่อขับไล่หลินสวินให้สิ้นซาก จั่วอวี้จิ่งและจ้าวจิ่งเหวินยังเชิญบุคคลสำคัญบางท่านมาด้วย!

จากนั้นพวกเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ ครั้งนี้หลินสวินต้องประสบภัยพิบัติจริงๆ แล้ว

ไม่นานนักใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาจากนอกโถงใหญ่ เขาสวมชุดหยกทั้งร่าง นัยน์ตาดั่งดวงดารา คิ้วกระบี่พาดเฉียง ยืนสองมือไพล่พลังอยู่ตรงนั้น มีกลิ่นอายแห่งวีรบุรุษอันน่าทึ่ง

เป็นลูกหลานแห่งราชวงศ์…จ้าวจิ่งเหวิน!

พร้อมกันนั้นเขายังเป็นผู้กล้าชั้นแนวหน้าในสาขายุทธ์วิถี และก่อนหน้านี้เคยครองอันดับหนึ่งในกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณเรื่อยมาอีกด้วย

เพียงแต่หลังจากที่กู้อวิ๋นถิงออกด่าน และหลินสวินหวนสู่สำนักศึกษามฤคมรกตอีกครั้ง อันดับของเขาก็ถูกทำลายลง ปัจจุบันร่วงไปอยู่อันดับที่สอง

“คารวะศิษย์พี่จิ่งเหวิน”

ทุกคนต่างไม่กล้าเพิกเฉย พากันลุกขึ้นคารวะ

“เรื่องดำเนินไปถึงไหนแล้ว”

จ้าวจิ่งเหวินกล่าวถาม

“หลินสวินต้องพ่ายแพ้แน่แล้ว ในวันที่เขาถูกขับไล่ ก็คือวันตายของเขา!”

จั่วอวี้จิ่งเอ่ยตอบอย่างเฉียบขาด

“อืม”

เห็นได้ชัดว่าจ้าวจิ่งเหวินเยือกเย็นมาก วางเฉยไม่ไหวกระเพื่อม

“ศิษย์พี่จิ่งเหวิน ทางด้านองค์หญิงหลิงหวงและศิษย์พี่ฉีอวี้จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบสักหน่อยหรือไม่”

เซวียอวิ้นถาม

“ไม่ต้องหรอก แค่หลินสวินคนเดียวเท่านั้น อีกประเดี๋ยวก็ตายแล้ว ไยต้องเปลืองกำลังพลด้วยเล่า รอเรื่องราวปิดม่านลงค่อยบอกพวกเขาก็เป็นไร”

จ้าวจิ่งเหวินกล่าวถึงตรงนี้ สายตาพลันมองไปที่จั่วอวี้จิ่งพลางว่า“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลจั่วของพวกเจ้ามีความแค้นกับตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต ในเมื่อตัดสินใจว่าจะกำจัดหลินสวินแล้ว ตระกูลของเจ้าจะลงมือต่อกรภูเขาชำระจิตด้วยใช่หรือไม่”

ใบหน้าจั่วอวี้จิ่งผุดแววจนปัญญา “ยามนี้ภูเขาชำระจิตปิดประตูปลีกวิเวก ตัดขาดจาดโลกภายนอก ในช่วงสั้นๆ นี้เกรงว่าคงยากต่อกรกับพวกเขา”

“ไม่ต้องกังวล พวกเขาไม่อาจซ่อนตัวอยู่ในนั้นได้ตลอดชีวิต ตอนที่หลินสวินตาย พวกเขาก็จะเป็นฝูงมังกรไร้หัว ไม้ล้มวานรเตลิด ล่มสลายไปเองโดยไม่ต้องโจมตี”

จ้าวจิ่งเหวินไตร่ตรองพลางกล่าว

“ผู้อาวุโสตระกูลข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”

จั่วอวี้จิ่งพลันยิ้มขึ้นมา

“ศิษย์พี่จั่ว ท่าไม่ดีแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงร้องแหลมเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น เจ้าไฝหลี่เซียวเฟยวิ่งถลาเข้ามา ท่าทางดูร้อนรนกังวลใจ

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

จั่วอวี้จิ่งมุ่นคิ้ว

“ทางสำนักศึกษาทำการตัดสินใจแล้ว บอกว่าผู้ใดก็ตามที่กล้าก่อความวุ่นวายอีก ไม่ว่าจะเป็นใครจะถูกขับไล่ออกจากสำนักศึกษาทั้งหมด!”

หลี่เซียวเฟยกล่าวด้วยใบหน้าหดหู่

อะไรนะ?

ผู้คนต่างหน้าเปลี่ยนสี คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หรือว่าเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นอีก?

แม้กระทั่งจ้าวจิ่งเหวินยังอึ้งไปเล็กน้อย “ไม่น่าเป็นไปได้นะ ข้าเชิญท่านอามาออกหน้าด้วยตัวเอง ผู้อาวุโสอย่างเขาร่วมมือกับบุคคลสำคัญในสำนักศึกษาหลายสิบคนมากดดัน หรือว่ายังทำอะไรหลินสวินแค่คนเดียวไม่ได้”

อาของจ้าวจิ่งเหวินมีนามว่าจ้าวจั้นเย่ เป็นรองหัวหน้าในสาขายุทธ์วิถี อำนาจล้นฟ้า อิทธิพลเรืองนาม

แม้แต่จ้าวจั้นเย่ออกหน้าแล้ว ยังไม่สามารถทำให้สำนักศึกษาเปลี่ยนใจขับไล่หลินสวินได้ เห็นชัดว่านี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

“ที่พูดมาเป็นเรื่องจริงหรือ”

จั่วอวี้จิ่งถามเสียงขรึม

หลี่เซียวเฟยรีบร้อนยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน

ชั่วขณะนั้นบรรยากาศในโถงใหญ่พลันเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด สีหน้าของทุกคนอึมครึมไหววูบ เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน ระดมกำลังมากมายขนาดนี้แล้ว ก่อเรื่องให้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้แล้ว แต่ก็ทำอะไรหลินสวินแค่คนเดียวไม่ได้งั้นหรือ

ไม่นานพวกเขาก็สืบรู้ถึงข่าวคราวอย่าเป็นรูปธรรม… หลินสวินกำลังจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณด้วยตัวเอง!

ข่าวนี้เหมือนกับพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้จ้าวจิ่งเหวิน จั่วอวี้จิ่งและคนอื่นๆ ล้วนตะลึงงัน จิตใจสับสนอลหม่าน

หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็เข้าใจได้ง่ายมากว่าเหตุใดสำนักศึกษาจึงไม่ยอมขับไล่หลินสวิน เพราะนี่มันตะลึงโลกเกินไป ใครก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งด้วย

ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยที่เป็นเคยชักนำปรากฏการณ์ ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ มายามนี้กำลังจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งขึ้นมาอีก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่จะขับไล่เขาเลย แค่คิดจะแตะขนอ่อนของเขาสักเส้นก็ยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“น่าชังนัก! นี่มันน่าชังจริงๆ!”

ในใจของพวกจินจู๋หลิวต่างไม่ยินยอม ท่าทางขุ่นมัวหาใดเปรียบ

อีกแค่อึดใจเดียวก็จะขับไล่หลินสวินได้สำเร็จแล้ว ทว่ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นกะทันหัน ทำให้พวกเขาต่างไม่อาจยอมรับได้

“เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นแค่ปรมาจารย์สลักวิญญาณอายุสิบหกปีคนหนึ่งเท่านั้น จะมีศักยภาพไปหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้อย่างไร นี่ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ หลินสวินนั่นจงใจพูดแบบนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาอย่างไรเล่า!”

จั่วอวี้จิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ก่อนกล่าวเสียงเย็น

ผู้คนต่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาเช่นกัน ใช่แล้ว หลินสวินเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง ต่อให้ความเชี่ยวชาญด้านสลักวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ไหนเลยจะสามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกมาได้

“ไอ้ตัวดี เพื่อไม่ถูกถอดถอนคุณสมบัติอาจารย์ ถึงขั้นใช้วิธีสกปรกพรรค์นี้ไปหลอกลวงบุคคลสำคัญของสำนักศึกษา จิตใจชั่วช้านัก!”

จินจู๋หลิวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ไม่ว่าอย่างไร บรรดาบุคคลสำคัญเหล่านั้นของสำนักศึกษาก็เชื่อไปแล้ว ยามนี้ต่อให้ท้ายที่สุดหลินสวินจะทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น แต่ใครจะกล้าไปขับไล่เขาอีกกัน”

เซวียอวิ้นถอนหายใจ

“ไปสืบข่าวออกมาแล้ว หลินสวินกำลังจะเริ่มปิดด่านในอีกไม่กี่วัน แล้วจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณที่ชั้นเก้าแห่งหอหลอมวิญญาณเพียงลำพัง เพื่อไม่ให้เขาถูกรบกวนจากโลกภายนอก สำนักศึกษาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะรักษาความปลอดภัยของหลินสวินทั้งหมด ทั้งยังแสดงออกอย่างเด่นชัดว่าหากใครกล้าเป็นปรปักษ์กับหลินสวินในยามนี้ ก็เท่ากับเป็นปรปักษ์กับสำนักศึกษาทั้งหมดด้วย!”

ยามได้ทราบข่าวนี้ พวกจ้าวจิ่งเหวิน จั่วอวี้จิ่งต่างนิ่งเงียบไปโดยสิ้นเชิง สภาพจิตใจซับซ้อน ปล่อยให้หลินสวินหนีจากหายนะไปอีกหนแล้ว!

“ชุดศึกสลักวิญญาณ… หากเขาทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นจากนี้ไปหากใครคิดจะต่อกรกับเขาคงมีแต่ยากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…”

จ้าวจิ่งเหวินพึมพำ

เขารู้ดีว่ามูลค่าของชุดศึกสลักวิญญาณนั้นตะลึงโลกเพียงใด ยิ่งรู้ด้วยว่าปรมาจารย์สลักวิญญาณที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกมาได้จะได้รับการปฏิบัติอย่างดีเลิศมากแค่ไหน

อย่างน้อยทั่วทั้งจักรวรรดิจื่อเย่า แทบจะไม่มีใครเลือกจะเป็นปรปักษ์ด้วย นอกเสียจากจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตเท่านั้น

อย่าว่าแต่ฆ่าคนแบบนี้ แม้แต่คิดจะขัดขวางผลประโยชน์ของเขา ล้วนต้องประสบกับปัญหาและการต่อต้านนับไม่ถ้วน!

“แล้วนี่ควรจะทำอย่างไรดี”

พวกจินจู๋หลิวอดเอ่ยถามไม่ได้ ถูกข่าวนี้ทำให้สมองพร่าเลือนไปโดยสมบูรณ์แล้ว

“พวกเจ้าคิดว่าหลินสวินจะทำสำเร็จหรือไม่”

ท่าทีของจ้าวจิ่งเหวินกลับสู่ความสงบนิ่ง กล่าวคล้ายใคร่ครวญ

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

คำตอบของทุกคนเป็นเอกฉันท์อย่างน่าประหลาดใจ ไม่เชื่อว่าหลินสวินจะทำสำเร็จได้เลยสักนิด ล้อเล่นน่า ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่อายุสิบหกปีจะไปหลอมชุดศึกสลักวิญญาณหรือ

มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่เชื่อว่าจะทำได้สำเร็จ!

นับแต่อดีตกาลจนป่านนี้ ก็หาตัวอย่างที่คล้ายคลึงออกมาไม่ได้เลยสักกรณีเดียว!

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดการได้สะดวกแล้ว พวกเราก็รอตอนที่เขาล้มเหลว แล้วค่อยสอนบทเรียนที่ยากจะทนรับไหวให้เขาสักรอบก็แล้วกัน!”

แววเย็นยะเยือกกลางนัยน์ตาของจ้าวจิ่งเหวินไหวกระเพื่อม เขาไม่เชื่อว่าจะฆ่าหลินสวินไม่ได้ ก็แค่กากเดนของตระกูลที่ล่มจมไปแล้วคนหนึ่งเท่านั้น กลับกล้าลบหลู่และดูหมิ่นอำนาจของราชวงศ์ หากไม่ทำให้เขาตาย คงได้กลายเป็นรอยด่างพร้อยอย่างหนึ่งของราชวงศ์แห่งจักรวรรดิเป็นแน่

……

“หลินสวินกำลังจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณเพียงลำพัง!

ยามข่าวนี้แพร่ออกไป ก็เป็นเหมือนอสนีบาตฟาดสวรรค์เก้าชั้น ทำให้ทั่วทั้งสำนักศึกษามฤคมรกตปั่นป่วน โกลาหลอลหม่านหาใดเปรียบ

ชุดศึกสลักวิญญาณเชียวนะ!

นี่เป็นถึงสมบัติล้ำค่าหายากอย่างหนึ่ง ลึกลับไม่อาจหยั่งได้ พลังอำนาจไร้สิ้นสุด ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่สามารถหลอมสมบัติระดับนี้ได้ ทอดสายตาไปทั่วจักรวรรดิก็ยังหาได้น้อยมาก

แต่ตอนนี้ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยที่อายุสิบหกปีอย่างหลินสวิน กลับประกาศว่าจะปิดด่านหลอมชุดศึกสลักวิญญาณขึ้นมาหนึ่งชิ้น นี่จะไม่ให้คนตกอกตกใจได้อย่างไรกัน

“เป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่”

ผู้คนจำนวนมากกำลังโต้เถียงไถ่ถามกันอยู่

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากเกินไป ทำให้ผู้คนล้วนไม่อาจจินตนาการได้

“หลินสวินจะต้องสัมผัสได้ถึงสถานการณ์เลวร้าย จึงจงใจปล่าวข่าวลือนี้ออกมาแน่ๆ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกขับออกจากสำนักศึกษา”

นี่คือความคิดของคนส่วนใหญ่ เพราะหลายวันมานี้ศิษย์และบุคคลสำคัญมากมายต่างตราหน้าหลินสวิน หมายจะถอดถอนคุณสมบัติอาจารย์ของเขาแล้วขับไล่ออกจากสำนักศึกษา

ในช่วงเวลาแบบนี้หลินสวินกลับประกาศว่าจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณกะทันหัน ย่อมทำให้ผู้คนคิดไปว่านี่คือวิธีการปกป้องตัวอย่างหนึ่งของเขา ไม่ใช่จะไปหลอมชุดศึกสลักวิญญาณจริงๆ

“นี่ก็ฟันธงไม่ได้ ได้ยินว่าปรมาจารย์เสิ่นทั่วก็ออกหน้าด้วยเหมือนกัน แล้วยังให้หลินสวินใช้งานชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณคนเดียวโดยเฉพาะด้วย”

มีบางคนคิดว่าหลินสวินเคยชักนำปรากฏการณ์ ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ มาแล้ว ในแง่การสลักวิญญาณมีพรสวรรค์อันเหนือจินตนาการ บางทีครั้งนี้เขาอาจมีโอกาสหลอมชุดศึกสลักวิญญาณสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ก็ได้

กล่าวโดยสรุป สำนักศึกษามฤคมรกตปั่นป่วนไปโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าอาจารย์หรือศิษย์ต่างก็ถูกข่าวลือนี้ดึงดูดความสนใจไปสิ้น แล้วเริ่มลามไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อันดุเดือด

กระทั่งต่อมาข่าลือนี้ยิ่งแพร่สะพัดไปทั่วสำนักศึกษมฤคมรกตในระดับที่เกินจริง แล้วขยายวงกว้างไปทั่วนครต้องห้าม

“หลอมชุดศึกสลักวิญญาณ? หลินสวินเป็นบ้าไปแล้วหรือ”

“ถ้าเขาทำได้สำเร็จ ให้ข้าไปกินมูลยังได้เลย! อาวุธล้ำค่าไร้เทียมทานอย่างชุดศึกสลักวิญญาณ เด็กแบเบาะอายุสิบหกปีอย่างเขาไหนเลยจะหลอมได้ นี่มันบ้าคลั่งเบาปัญญาชัดๆ!”

“เจ้าหลินสวินคนนี้อีกแล้ว เหตุใดหลายวันมานี้มีแต่ข่าวเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น เจ้าหมอนี่ก่อเรื่องเก่งเกินไปแล้วกระมัง”

ที่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ก็คือ ตอนที่รู้ข่าวว่าหลินสวินจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณนั้น เกือบทุกคนในนครต้องห้ามต่างแสดงความกังขาต่อเรื่องนี้ เห็นว่าด้วยศักยภาพในตอนนี้ของหลินสวิน คิดจะทำให้ได้ถึงขั้นนี้ก็แทบจะเป็นคนสติฟั่นเฟือนนอนละเมอ รังแต่จะพาให้คนหัวเราะเยาะ

แต่ก็มีคนจำนวนมากให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดต่อเรื่องนี้ หลินสวินเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วทั้งนครต้องห้ามคนหนึ่งตั้งนานแล้ว เกิดเรื่องราวที่แทบจะเป็นไปไม่ได้หลายอย่างนักกับตัวเขา ครั้งนี้ในเมื่อเขากล้าทำขนาดนี้ จะต้องมีความมั่นใจอย่างแน่นอน

ไม่ว่าโลกภายนอกจะฮือฮาและปั่นป่วนสักเพียงใด ในเวลานี้หลินสวินกำลังยืนอยู่ในโถงชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณ สีหน้าท่าทางจริงจัง จัดเรียงวัตถุดิบวิญญาณแต่ละชนิดอย่างพิถีพิถัน

____

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด