Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 500 วิชาลับสวรรค์ต้องห้าม

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 500 วิชาลับสวรรค์ต้องห้าม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 500 วิชาลับสวรรค์ต้องห้าม
โดย

ทุกคนเบิกตากว้างอย่างยากจะเชื่อ

เดิมคิดว่าด่านเคราะห์อสนีที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝันนี้ ต้องเป็นเพราะหลินสวินกำลังทะลวงระดับปราณอย่างแน่นอน ทำให้ผู้คนมากมายต่างพูดไม่ออก นี่มันเวลาไหนแล้ว หลินสวินกลับทำเรื่องเกินความคาดหมายพวกนี้

แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาล้วนคาดเดาผิด ด่านเคราะห์อสนีที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมาจากทวนยาวประกายเงินเพริศแพร้ว ใสบริสุทธิ์ดุจหิมะเล่มนั้น!

ศาสตราวุธข้ามด่านเคราะห์รึ

ผู้ใดเล่าจะเคยเห็นเรื่องสะเทือนใต้หล้าเช่นนี้

ทุกคนต่างงุนงง

แม้แต่นักสลักวิญญาณเหล่านั้น เวลานี้ต่างตกตะลึงตาค้างพูดอะไรไม่ออก สั่นสะท้านไปทั้งร่าง หนึ่งเพราะถูกพลังอำนาจอันน่าหวาดกลัวของด่านเคราะห์อสนีทำให้หวาดหวั่น สองเพราะพวกเขานึกถึงเรื่องบางอย่างในตำนานขึ้นมาได้

เล่าลือกันว่าเมื่อสมบัติล้ำค่าราวกายสิทธิ์พวกนี้ก่อเกิดขึ้น จะต้องรับความน่าพรั่นพรึงจากสรวงสวรรค์ ดึงดูดด่านเคราะห์อสนีพิฆาต ด้วยไม่อนุญาตให้ปรากฏบนโลกมนุษย์

เพียงแต่ว่าเรื่องเล่าประเภทนี้ล้วนเกิดมายาวนานอย่างยิ่ง จนถึงปัจจุบันน้อยคนนักที่จะได้เห็นเรื่องหายากเช่นนี้บนโลกด้วยตาตนเอง

ด้วยเหตุนี้จิตใต้สำนึกของนักสลักวิญญาณมากมายต่างเชื่อมานานแล้วว่า ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็เป็นเพียงตำนานเล่าขานหรือเป็นเรื่องเพ้อฝันเรื่องหนึ่ง ไม่อาจเกิดขึ้นได้แต่แรก

แต่ตอนนี้ภาพที่ปรากฏต่อหน้ากลับเหมือนไม้ที่ฟาดให้ได้สติ ทำให้นักสลักวิญญาณเหล่านั้นสันสะท้านถึงที่สุด คาดเดาได้ว่าตำนานเล่าขานที่กล่าวมานั้น… เป็นไปได้สูงว่าคือเรื่องจริง!

“มิน่าหลินสวินถึงมั่นใจเพียงนี้ ที่แท้เขาก็รอช่วงเวลานี้มาตลอด ทวนยาวเล่มนั้นก็คือชุดศึกสลักวิญญาณที่เขาหลอมในครั้งนี้!”

เสิ่นทั่วสายตาเปล่งประกายระยิบระยับ สีหน้าฮึกเหิม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยากปกปิด ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินหลินสวินพูดว่า ชุดศึกสลักวิญญาณที่เขาหลอมในครั้งนี้คือทวนเล่มหนึ่ง หลอมขึ้นเพื่อข้าบ่าวรับใช้เก่าแก่คนหนึ่งของตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตเป็นการเฉพาะ

เวลานี้ทวนยาวสีเงินลอยคว้างบนฟากฟ้า ประจันหน้าด่านเคราะห์อสนีสีม่วงอย่างบ้าคลั่ง ส่องสะท้อนกระบวนสลักลึกลับนานัปการ แจ่มจรัสลานตา หรือว่านี่คือสมบัติที่หลินสวินต้องการหลอมขึ้นมา?

“เด็กคนนี้ จิตใจช่างสงบนิ่งยิ่งนัก!”

หนิงปู้กุยส่งเสียงฮึเย็นชา เพียงแต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความชื่นชม เขาเองก็ถูกเหตุการณ์นี้ทำให้ตกตะลึงเช่นกัน ย่อมมองออกเป็นธรรมดาว่าศาสตราวุธที่ก่อให้เกิดเหตุด่านเคราะห์อสนีทั่วฟ้าดินนี้ ต้องเป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่ทรงอานุภาพที่สุดชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน!

พวกเทพเศรษฐีสือ เย่ฉิงเทียน กงปู้พั่วเองก็เข้าใจอย่างสุดซึ้ง เหตุการณ์นี้ช่างอัศจรรย์สะเทือนใต้หล้าและยากจะได้พบเห็น ทำให้พวกเขาต่างจิตใจสั่นไหว ไม่อาจสำรวมนิ่งสงบอยู่ได้

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

บนเวิ้งฟ้า สายฟ้าสีม่วงปั่นป่วนแสบตาแปลบปลาบ เสียงสะท้านทั่วทิศ กลิ่นอายภัยพิบัติราวกับจะทำลายล้างนั่น ทำให้สำนักศึกษามฤคมรกตล้วนถูกปกคลุมอยู่ในบรรยากาศกดดันหาใดเปรียบ

และใจกลางด่านเคราะห์อสนีอันน่าหวาดกลัว ทวนยาวน่าเกรงขามดั่งมังกรเล่มนั้นอบอวลไปด้วยประกายเงิน กระบวนสลักบนพื้นผิวราวกระแสน้ำซัดโหม สะท้อนระยับส่งเสียงกัมปนาท เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอย่างคาดไม่ถึงต่างๆ นานา

ทุกคนต่างถูกทำให้ตระหนกตกใจ ไม่เพียงแต่ในลานแห่งนั้น สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งสำนักศึกษามฤคมรกตในรัศมีพันลี้ล้วนถูกทำให้หวาดหวั่น

นี่คือด่านเคราะห์อสนี!

เป็นด่านพิบัติเคราะห์หนึ่งซึ่งเกิดจากชุดศึกสลักวิญญาณ เหลือบแลใต้หล้า ทั่วทั้งจักรวรรดิในช่วงเวลาที่ผ่านมา ใครเล่าจะเคยพบเห็นปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้

เป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งจริงๆ!

“นี่มัน… เป็นไปได้ยังไง”

ฉู่ซานเหอมุมปากสั่นเทิ้ม ดวงตาทั้งคู่เหม่อลอย ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ท่าทางราวกับเห็นผี ก่อนหน้านี้เขายังพูดจาหนักแน่นว่าต้องลงโทษและกำราบหลินสวิน ดูไม่เกรงกลัวสิ่งใดราวกับมีคนหนุนหลัง

แต่มาตอนนี้ในใจเขากลับสับสนวุ่นวาย เหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้าล้วนอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขา ประหนึ่งเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้มาปรากฏต่อหน้า

“เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเรื่องนี้ไม่มีข้อผิดพลาด”

ข้างหูยินเสียงเย็นเยือกอึมครึมของจ้าวจั้นเย่ ทำเอาฉู่ซานเหอสั่นสะท้าน เขาหันกลับไปก็เห็นสีหน้าทะมึนของจ้าวจั้นเย่ หว่างคิ้วแสดงความโกรธถึงที่สุด

“นี่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน!”

ฉู่ซานเหอตะโกนเสียงดัง เขาใกล้จะบ้าอยู่แล้ว ทั้งหมดล้วนหลุดออกจากการคาดคะเนและการควบคุมของเขา ทำให้เขาหน้าเขียวจนดูไม่ได้

“ฮึ!”

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่ซานเหอตระหนักได้ว่าบัดนี้พวกจั่วฝูกวง ฉินเป่าจี้ต่างส่งสายตาเย็นชามาให้ตน นั่นทำให้ฉู่ซานเหอใจกระตุกวูบ ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม

ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ตอนที่หลินสวินหลอมอาวุธ ขั้นตอนการหลอมโครงอาวุธล้มเหลวอย่างชัดแจ้ง แล้วเขาไปหลอมทวนเล่มนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เพิ่งผ่านไปสิบกว่าวันเองนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาต่อให้เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณลงมือเอง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชุดหนึ่งได้ แต่ทำไมหลินสวินจึงทำสำเร็จด้วยเวลาอันสั้นเพียงแค่นี้

อีกทั้งทวนเล่มนี้ยังชักนำด่านเคราะห์อสนีสะเทือนใต้หล้าอีกด้วย!

ครืน!

บนเวิ้งฟ้า ด่านเคราะห์อสนีปั่นป่วนน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม

ฉู่ซานเหอตกใจจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว ใบหน้าคล้ำเขียวดูไม่ได้อย่างบอกไม่ถูก

“เจ้าทำให้พวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำมากนะ”

จ้าวจั้นเย่สีหน้าเย็นเยียบ

เพียงประโยคเดียวทำเอาฉู่ซานเหออัดอั้นจนแทบกระอักเลือด ที่น่าสิ้นหวังที่สุดคือ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลินสวินจึงทำได้ถึงขั้นนี้!

อันที่จริงไม่เพียงแต่ฉู่ซานเหอเท่านั้น แม้แต่เหล่าปรมาจารย์สลักวิญญาณ ณ ที่นั้น ต่างรู้สึกประหลาดใจและงุนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เวลาเพียงสิบกว่าวันเท่านั้นก็สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณที่เรียกด่านเคราะห์อสนีออกมาได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาในจักรวรรดิแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ครั้งนี้ในที่สุดก็มาได้ถูกต้องแล้ว”

เจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวซึ่งอยู่ในลานทอดถอนใจ ดวงตาเขาราวสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์คู่หนึ่ง แหวกผ่านอากาศ จ้องมองด่านเคราะห์อสนีอย่างลึกซึ้ง จนสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทวนยาวสีเงินเล่มนั้นไม่ธรรมดาและมีอานุภาพเพียงไร

เขาเองก็เพิ่งเคยเห็นปรากฏประหลาดเช่นนี้เป็นครั้งแรก ด้วยเหตุนี้ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า หลังจากสมบัติชิ้นนี้สามารถข้ามพิบัติเคราะห์ครานี้ได้อย่างราบรื่น จะเปลี่ยนเป็นอาวุธที่วิเศษมหัศจรรย์เพียงใด

ด่านเคราะห์อสนีฟ้าประทาน ก่อให้เกิดความตกตะลึงทั่วบริเวณ ยิ่งดึงดูดความสนใจจากสายตาในที่ลับมากมาย ล้วนต่างรอคอย รอดูว่าทวนเล่มนี้ท้ายที่สุดแล้วจะสามารถข้ามพิบัติเคราะห์และอยู่บนโลกนี้ได้หรือไม่

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แค่อาศัยจุดนี้ก็เพียงพอให้หลินสวินชื่อเสียงระบือลั่น โด่งดังในโลกของนักสลักวิญญาณอย่างถึงที่สุด กลายเป็นที่รู้จักของผู้ฝึกปราณทั่วหล้า

“ข้ารู้อยู่แล้ว เจ้าหลินสวินนี่จะไม่เสียเปรียบแน่นอน!”

หนิงเหมิงหัวเราะเสียงดังอย่างยินดีปรีดา

“ดูท่าพวกเราจะกลุ้มใจไปเปล่าๆ”

สืออวี่เปิดปากพูดเงียบๆ

เย่เสี่ยวชีและกงหมิงมองตากัน ต่างก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

เวลานี้บนยอดหอหลอมวิญญาณ หลินสวินยังคงไพล่มือทั้งสองไว้ด้านหลัง แหงนหน้ามองฟ้ากว้าง ร่างสูงสง่าถูกสายฟ้าสีม่วงนั้นย้อมเป็นระลอกคลื่น ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา เร้นลับแต่พิเศษโดดเด่น

ไม่มีใครเห็นว่าหว่างคิ้วเขาปรากฏแววประหนึ่งได้ปลดภาระอันหนักอึ้งลงแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้ในใจเขาแบกรับความกดดันยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ตลอดสิบกว่าวันที่ผ่าน เขาแทบไม่กินไม่ดื่มไม่นอน ใช้กำลังและจิตใจทั้งหมดเดิมพันไปกับการหลอมทวนยาวเล่มนี้

ระหว่างทางมีหลายครั้งที่เกือบจะล้มเหลว อันตรายหาใดเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเตาหลอมสามขาเขียวคล้ำนั่นขาดกระบวนสลักที่สำคัญแห่งหนึ่งไป ทำให้ยามเขาหลอมวัตถุดิบวิญญาณ ตัวโครงอาวุธเกือบจะล้มเหลวไม่เป็นท่า

ยังดีที่ในตอนท้ายเขาใช้วิชาลับซึ่งเรียนรู้ด้วยตนเองอย่าง ‘รอยสลักเวทเรืองแสง’ ขจัดอันตรายในครั้งนี้

รอยสลักเวทเรืองแสงเป็นบททดสอบอันหนักหน่วงด่านแรกของห้องโถงมรรคาสวรรค์บนทางเดินเมฆาหยก ทำให้หลินสวินไม่เพียงได้รับสืบทอดเคล็ดเวทบริกรรม ยังหยั่งรู้ความลับแห่งรอยสลักวิญญาณอีกอย่างหนึ่งจากรอยสลักเวทเรืองแสง ทำให้ในช่วงเวลาสำคัญ หลินสวินสามารถซ่อมเสริมข้อบกพร่องของเตาหลอมสามขาเขียวคล้ำให้สมบูรณ์ได้อย่างหวุดหวิด!

มิฉะนั้นการหลอมอาวุธครั้งนี้ของเขาต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน

และจากเหตุคาดไม่ถึงครั้งนี้ ทำให้หลินสวินเกิดความระแวงขึ้นมา ตระหนักได้ว่าเตาหลอมสามขาเขียวคล้ำต้องถูกคนอื่นทำให้เกิดความเสียหายเป็นแน่ เห็นได้ชัดว่าจงใจเล็งเป้ามาที่ตน!

มายามนี้เขาไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ได้ว่า นี่ต้องเป็นเล่ห์เหลี่ยมชั่วร้ายของฉู่ซานเหออย่างแน่นอน มีเพียงรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณอย่างเขาเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้ามายังชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณได้โดยไม่มีใครรู้ตัว!

‘ในที่สุดก็จะสำเร็จแล้ว ท่านลู่ หากท่านยังมีชีวิตอยู่ เมื่อทราบข่าวนี้คงต้องดีใจแทนข้าสินะ…’

หลินสวินเงยหน้ามองผืนฟ้ากว้าง ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏความรู้สึกเศร้าอาดูรที่ยากจะได้เห็น นี่เป็นการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณครั้งแรกในชีวิตของเขา ใช้วิชาลับที่ท่านลู่เคยใช้มาก่อน… ‘วิชาลับสวรรค์ต้องห้าม’

นี่คือวิชาลับสำหรับหลอมชุดศึกสลักวิญญาณอย่างหนึ่ง สิ่งต้องห้ามที่แย่งชิงมาจากสวรรค์ ซ่อนเร้นน่าเกรงกลัวเหลือประมาณ บันทึกอยู่ในม้วนตำราหนังสัตว์ แม้ว่าม้วนตำราหนังสัตว์จะไม่อยู่นานแล้ว แต่สิ่งที่ถ่ายทอดและความรู้ล้วนประทับอยู่ในสมองของหลินสวินเนิ่นนานแล้ว ไม่เคยลืมแม้เพียงนิด

จนกระทั่งถึงตอนนี้หลินสวินจึงได้เข้าใจ แม้ทุกวันนี้ตนจะประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์มากมายในวิถีสลักวิญญาณ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนมีท่านลู่อยู่เบื้องหลัง

เขาเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า แท้จริงแล้วท่านลู่ได้มอบอะไรให้มากมาย และส่งผลกระทบต่อตัวเขาอย่างมหาศาลโดยไม่รู้ตัว

น่าเสียดาย นับตั้งแต่ที่จากกัน ตอนนี้ท่านลู่เป็นตายอย่างไรไม่อาจทราบได้

เคร้ง!

ทันใดนั้นเสียงทวนดั่งมังกรคำรามแผดดังทั่วฟ้า ก้องกังวานเร้าระทึก

พลันเห็นทวนยาวสีเงินเล่มนั้นเปล่งแสงโชติช่วง ส่องภูผาธาราสว่างไสว สั่นไหวเพียงแผ่วเบาก็แผ่ขยายแสงลานตาออกมาสายหนึ่ง ฉีกกระชากเมฆาพิบัติกลุ่มนั้นอย่างแข็งกร้าวจนสลายหายไป!

ถึงตอนนี้ด่านเคราะห์อสนีปิดฉากลง เหลือเพียงทวนยาวเล่มนั้นลอยหมุนคว้างอยู่ตรงนั้น ตัวทวนยาวหนึ่งจั้งสองฉื่อ แวววาวสว่างกระจ่างราวหิมะน้ำแข็ง ปรากฏกระบวนรอยสลักลึกลับเปล่งแสง สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้า ประหนึ่งสิ่งอัศจรรย์มากฤทธิ์ได้ประจักษ์ต่อสายตา

เป็นภาพที่งดงามดึงดูดอย่างผิดธรรมดา ทวนเล่มหนึ่งกลับส่องประกายอานุภาพยากบรรยาย ทำให้เทพเซียนภูตผีหวั่นหวาด มีกลิ่นอายแหลมคมดุจแทงทะลุผืนฟ้าได้

ทุกคนล้วนเผยความหลงใหล จิตใจสั่นไหว นี่เป็นมหาสมบัติไร้เทียมทานระดับใดกัน กลิ่นอายที่ไหลบ่าออกมาถึงได้ทำให้จิตใจผู้คนสั่นสะท้านได้

ซ่าๆๆ

ทวนยาวสีเงินกำลังเปลี่ยนแปลง พื้นผิวหลั่งประกายแสงออกมาราวกระแสน้ำ แสงเหลือบเลื่อมพรายสีเงินค่อยๆ ซึบซาบเข้าไปกลายเป็นสีเทาเข้มไพศาล มีกลิ่นอายโบราณโดยธรรมชาติ พลังอำนาจกลับทำให้ผู้คนตะลึงงันยิ่งกว่าเดิม

สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอากาศที่อยู่รอบๆ ถึงกับทรุดตัวลงทีละน้อย ส่งเสียงครวญไม่หยุด ราวกับแบกรับพลังกดดันมหาศาลยากอธิบายนั่นไว้ไม่อยู่!

ทวนเล่มหนึ่งก้าวผ่านด่านเคราะห์อสนีและเกิดการเปลี่ยนแปลง ปรากฏขึ้นบนโลกหล้า!

ผู้คนทั้งหมดต่างเงียบสนิท ตกอยู่ในความตะลึง

แต่เวลานี้หลินสวินพลันหมุนตัวมา มองผู้คนมากมายเบื้องล่างจากยอดหอหลอมวิญญาณ ท้ายที่สุดสายตามาหยุดอยู่ที่ฉู่ซานเหอ

“ไอ้แก่ ขอถามสักประโยค ข้าหลอมอาวุธล้มเหลวหรือไม่”

น้ำเสียงนิ่งสงบไร้อารมณ์ ในบรรยากาศเงียบสงัดราวกับป่าช้าเช่นนี้เกิดเป็นเสียงสะท้อนชัดเจน ทำให้ทุกคนต่างสะดุ้งไปทั้งตัว ดึงสติกลับมาได้

แต่สีหน้าฉู่ซานเหอเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำดูไม่ได้ถึงที่สุด อัดอั้น ไม่พอใจและงุนงง เขารู้ว่าวันนี้หากยังคิดจะกำราบหลินสวินอีก ก็ไม่อาจทำได้แล้ว…

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด